ตอนที่ ๘ พลายแก้วถูกเกณฑ์ทัพ

๏ จะกล่าวถึงพระเจ้าเชียงอินท์ ครองบุรินทร์เชียงใหม่ไอศวรรย์
หมู่อำมาตย์ราชกระวีมีครบครัน ข้างฝ่ายในกำนัลก็นองเนือง
บริบูรณ์พูนสมบัติไม่ขัดสน ประชาชนระบือฦๅเลื่อง
เมืองน้อยนบนอบไม่ขุ่นเคือง ถวายเครื่องสุวรรณบรรณาการ
วันหนึ่งเสด็จออกขุนนางแน่น พร้อมท้าวแสนเพี้ยลาวเหล่าทหาร
หมอบราบกราบเต็มหน้าพระลาน เกษมสานต์ด้วยมุขมาตยา
พอสองลาวนำข่าวหนังสือบอก ว่าเชียงทองกลับกลอกนอกหน้า
ไปขึ้นบุรีศรีอยุธยา ไม่เกรงเดชาบารมี
นำเครื่องบรรณาการไปเวียงใต้ กรุงไทยส่งเสริมเพิ่มศักดิศรี
ดูกำเริบเอิบใจใช่พอดี จะนำไทยมาตีบุรีเรา ฯ
๏ พระเจ้าเชียงใหม่ได้ทราบเรื่อง ให้ขุ่นเคืองขัดใจดังไฟเผา
เหม่อ้ายเชียงทองจองหองเอา ลงไปเข้ากับไทยช่างไม่กลัว
แต่ก่อนนั้นมันขึ้นแก่เรานี้ ถือดีหยิ่งยกนกสองหัว
เฮ้ยเกณฑ์กระบวนรบให้ครบตัว นับทั่วถ้วนหมื่นพื้นฉกรรจ์
เครื่องสาตราอาวุธปืนไฟ ทั้งน้อยใหญ่สารพัดเร่งจัดสรร
ให้พรั่งพร้อมเบ็ดเสร็จในเจ็ดวัน จงลงมือเตรียมกันแต่วันนี้
ให้ปราบเมืองแมนเป็นแม่ทัพ ไปทำมันให้ยับอยู่กับที่
แสนกำกองปลัดทัพนับว่าดี สองนายนี้กองหน้าไพร่ห้าพัน
ฟ้าลั่นนั้นให้เป็นทัพหลวง บัญชาการทั้งปวงเคยแข็งขัน
สันบาดาลเป็นปลัดเร่งจัดกัน เกณฑ์คนห้าพันให้เข้ากอง
นายรองกองทัพสำหรับตำแหน่ง ปีกซ้ายขวาแซงสิ้นทั้งผอง
ยกกระบัตรเกียกกายอเนกนอง กองซุ่มกองแล่นให้มากมี
เสบียงเลี้ยงทัพจงจัดหา ทั้งช้างม้าสำหรับขับขี่
สั่งเสร็จพระเสด็จจรลี คืนสู่ที่เรือนทองผ่องโสภา
ฝ่ายว่าท้าวพระยาเป็นผู้ใหญ่ ก็กะเกณฑ์พลไพร่ให้เรียกหา
ไม่ได้ผัวเกาะตัวลูกเมียมา บ้างตีค่าจ้างใส่ให้ไปทัพ
บ้างจัดหาข้าวของมากองไว้ หอกดาบปืนไฟให้เสร็จสรรพ
ช้างม้าวัวควายอเนกนับ กองต่างวางลำดับกระบวนไป ฯ
๏ ครั้นถึงวันกำหนดพิชัยฤกษ์ เอิกเกริกทางบกยกทัพใหญ่
ดาบหอกดาษดื่นทั้งปืนไฟ ธงชัยธงฉานอาจารย์ลง
พลช้างๆ เดินเป็นขนัด พลม้ารีบรัดเข้าป่าระหง
พลทหารโห่ร้องกึกก้องดง เร่งรัดจัตุรงค์ตรงไป
ถึงเวลาหยุดพักให้กินข้าว เสร็จแล้วยกเหล้าหาช้าไม่
ยับยั้งคํ่าคืนกองฟืนไฟ เดินทางกลางไพรหลายวันมา ฯ
๏ ครั้นถึงแว่นแคว้นแดนเชียงทอง ชาวบ้านกว้านช่องไม่รอหน้า
ความกลัวตัวสั่นดังตีปลา ก็แตกตื่นเข้าป่าพนาลี
บ้างล้มควํ่าล้มหงายตะกายวิ่ง พวกเชียงใหม่ไล่ยิงลงกลิ้งคี่
บ้านน้อยบ้านใหญ่ไม่ต่อตี บ้างหนีบ้างซ่อนด้วยกลัวตัว
ถึงเวียงเชียงทองให้ล้อมไว้ ตั้งค่ายรายไปรอบเมืองทั่ว
ยิงปืนกระหนํ่าทำให้กลัว จะจับตัวพระยาดูหน้ามัน
ที่ประตูดูจุกไว้ทุกช่อง เกณฑ์กองรักษาหน้าที่มั่น
แม้นใครออกมาจับฆ่าฟัน อย่าให้มันหลบลี้หนีออกไป ฯ
๏ ครานั้นจึงพระยาเชียงทอง เห็นเพี้ยลาวก่ายกองนั่งร้องไห้
เขามาตั้งค่ายรายล้อมไว้ จะเข้าออกบ่ได้ตายจริงจริง
ตัวสั่นพรั่นอกตกใจ สู้เขาไม่ได้แต่สักสิ่ง
ไม่มีใครจะได้ไปพึ่งพิง จะกลิ้งให้เขาเถือทั้งเชียงทอง
จึงปรึกษาว่ากันลงเห็นชอบ จะทำเป็นนบนอบไม่ขัดข้อง
ยอมถวายดอกไม้เงินทอง โบกธงปรองดองขอเคารพ
ขอประทานโทษาอย่าฆ่าตี ขอชีวีข้อยน้อยไม่หลีกหลบ
แม้นจะตีเวียงใต้ให้บัดซบ จะอาสาสู้รบจนวายชนม์
เห็นพวกเชียงใหม่จะตายใจ ถ้าทัพไทยมาพร้อมตีให้ป่น
เราลวงมันพอให้ปลอดรอดไพร่พล เห็นชอบกลต่างขึ้นบนกำแพง
จึงร้องบอกออกไปกับนายทัพ แล้วยกธงคำนับขึ้นกวัดแกว่ง
ข้อยสู่บ่ได้นายอย่าแคลง เชิญท่านแจ้งแก่ผู้ใหญ่ให้จงดี
ขออย่าเพ่อหุนหันฟันฆ่า จะอาสาตีไทยให้ป่นปี้
ขอทำการแก้ตัวดูสักที ท่านจงมีเมตตาอย่าฆ่าฟัน
ฝ่ายพวกเพี้ยการทหารกล้า ได้ยินเชียงทองว่าเกษมสันต์
จึงพาพวกเชียงทองไปด้วยกัน บอกพระยาฟ้าลั่นตามเรื่องราว ฯ
๏ ครานั้นจึงพระยาฟ้าลั่น ปรึกษากันแล้วให้ไปว่ากล่าว
ถ้าเชียงทองอ่อนน้อมยอมขึ้นลาว จะขอโทษให้สักคราวอย่าร้อนใจ
ให้เจ้าเมืองกรมการออกมาหา ทำพิพัฒน์สัจจากันเสียใหม่
แล้วให้เปิดทวารบานเวียงชัย ให้พวกเราเข้าไปได้ทุกวัน
อาวุธยุทธภัณฑ์อันใดมี ทำบาญชีมอบไว้ให้แม่นมั่น
แล้วหาเสบียงเลี้ยงทัพให้ครบครัน จึงจะไว้ใจกันว่าภักดี
ฝ่ายพวกกรมการเมืองเชียงทอง ได้ฟังรับรองว่าต้องที่
ต่างลากลับมายังธานี แจ้งคดีให้ฟังตามสั่งมา ฯ
๏ ครานั้นพระยาเชียงทอง ไม่ขัดข้องเต็มใจออกไปหา
จึงสั่งให้เปิดบานทวารา แล้วพากรมการนั้นออกไป
ครั้นถือน้ำทำสัตย์สำเร็จแล้ว ลาวก็สิ้นสอดแคล้วไม่สงสัย
ต่างเที่ยวเตร่สู่หามาไป ทั้งนายไพร่เชื่อถือชาวเชียงทอง
บ้างเที่ยวเกี้ยวสาวชาวบ้านนอก บ้างเข้าออกไปมาหาข้าวของ
บ้างขับร้องฟ้อนรำด้วยลำพอง บางคะนองกินเหล้าเที่ยวเมามาย ฯ
๏ จะกล่าวถึงพระยาเถินกับระแหง แจ้งว่าทัพเชียงใหม่มามากหลาย
ตีเมืองเชียงทองได้ง่ายดาย ข่าวระคายว่าเจ้าเมืองไม่สู้รบ
กลับใจไปเข้ากับเชียงใหม่ รับจะรบทัพไทยไม่หลีกหลบ
จึงจัดแจงแต่งบอกทุกข้อครบ ให้ม้าใช้ไปแต่พลบทั้งสองเมือง
ม้าใช้ไปถึงเมืองกำแพง พระยารามครั้นแจ้งตลอดเรื่อง
เห็นเป็นข้อราชการรำคาญเคือง ให้เรือเร็วลำเขื่องรีบล่องไป
ครั้นว่ามาถึงอยุธยา วางบอกที่ศาลาหาช้าไม่
นายเวรต่อยกระบอกออกทันใด แล้วซักไซ้ไล่เลียงเรื่องกิจจา
พอเจ้าคุณผู้ใหญ่เข้าไปถึง นายเวรจึงกราบเรียนอยู่พร้อมหน้า
เจ้าคุณทราบเรื่องเคืองวิญญาณ์ รีบเข้ามาท้องพระโรงในทันใด
ฝ่ายขุนนางใหญ่น้อยที่คอยเฝ้า ทุกหมวดเหล่าเจ้ากระทรวงน้อยใหญ่
ต่างเข้ามาอยู่หน้าพระโรงชัย พวกข้าเฝ้าเข้าไปได้เวลา ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงฤทธิ์ เสด็จสถิตแท่นมณีที่ข้างหน้า
เสนาข้าเฝ้าก็เข้ามา วันทาหมอบราบกราบกราน
ท่านเจ้าคุณผู้ใหญ่ครั้นได้ที จึงคลี่หนังสือบอกออกทูลสาร
ว่าบัดนี้ฟ้าลั่นสันบาดาล เป็นทหารเชียงใหม่นั้นยกมา
ตั้งค่ายรายล้อมเชียงทองไว้ เจ้าเมืองไม่รบรับกลับเข้าหา
ยอมถือน้ำพิพัฒน์สัจจา เห็นว่าคิดคดขบถไป
พระยาเถินระแหงกำแพงเพชร พอทราบเสร็จบอกมาหาช้าไม่
แล้วแต่จะโปรดปรานประการใด ชีวิตอยู่ใต้พระบาทา ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงเดช ฟังเหตุขุ่นเคืองเป็นหนักหนา
จึงตรัสแก่ข้าเฝ้าท้าวพระยา จงปรึกษาพร้อมกันในวันนี้
จะยกทัพใหญ่ฤๅใครจะอาสา พรุ่งนี้มาว่ากันที่นี่
สั่งเสร็จพระเสด็จจรลี คืนเข้าตำหนักที่ศรีไสยา
ทหารพลเรือนทั้งสองฝ่าย ก็ผันผายจากเฝ้าไปพร้อมหน้า
ครั้นถึงขึ้นนั่งยังศาลา ต่างปรึกษาสงครามตามคดี
จตุสดมภ์กรมเมืองแลคลังนา วุ่นว้าคิดอ่านกันอึงมี่
ใครจะอาสาไปก็ไม่มี ไม่ตกลงเต็มทีก็ออกมา
ขุนนางต่างคนก็ไปบ้าน ท่านทหารเสียใจเป็นหนักหนา
เป็นตำแหน่งของตัวกลัวอาญา ไม่มีใครอาสาจะเสียครัน ฯ
๏ ครานั้นพระเจ้ากรุงทวารา อยุธยาพิภพเพียงสวรรค์
สถิตที่แท่นแก้วแพรวพรรณ พรั่งพร้อมพระกำนัลสนมใน
ดังองค์อมเรศร์สุราฤทธิ์ สถิตเวชยันต์ทองผ่องใส
พร้อมเทพธิดาสุราลัย ก้องไปด้วยอินทเภรี
พระดำริตริเหตุเขตขอบ จังหวัดรอบอยุธยาบุรีศรี
เชียงใหม่ให้ทหารมาราวี ยํ่ายีกระทั่งถึงเชียงทอง
เจ้าเมืองเชียงทองไม่ปองรบ กลับสมทบกับเชียงใหม่ได้คล่องคล่อง
มันกำเริบเติบใหญ่ใจคะนอง เห็นจะปองเป็นขบถพระบุรี
กำแพงระแหงเถินที่บอกมา สามิภักดิ์ในทำนองก็ต้องที่
จำจะยกพหลมนตรี ตีเอาเชียงทองนั้นคืนมา
ครั้นทรงพระดำริตริเสร็จ เสด็จออกพระที่นั่งข้างหน้า
ประทับแท่นสุวรรณอันโอฬาร์ ดาษดาด้วยมุขมนตรี
หมอบราบกราบสล้างต่างกรม จัตุสดมภ์พร้อมพรั่งทั้งสี่
ข้าทูลละอองบาทราชกวี เสนีน้อยใหญ่ถวายกร
เสียงประโคมฆ้องกลองก้องดัง เป่าสังข์กระทั่งแตรแซ่สลอน
ระเหิดระหงดังองค์อมรินทร สถิตแท่นบวรพรรณราย
บัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ เกลื่อนกลาดด้วยเทพทั้งหลาย
ใต้ปาริกชาติอันเพริศพราย ฉัตรฉายช่อชั้นอมรินทร์ ฯ
๏ พระจึงมีสิงหนาทประภาษไป เสนาน้อยใหญ่ทั้งปวงสิ้น
เกิดเคืองด้วยเรื่องเมืองเชียงอินท์ อหังการดูหมิ่นประมาทกู
เชียงทองเป็นของอยุธยา มันยกมาตั้งห้อมล้อมอยู่
เชียงทองนั้นก็พลัดเป็นศัตรู รู้เพราะสามเมืองนั้นบอกมา
จะนิ่งอยู่เช่นนี้ก็มิได้ จะอิ่มเอิบกำเริบใจเป็นหนักหนา
ถือตัวว่ากูกลัวฤทธา ตกทหารอยุธยาเราไม่มี
การเช่นนี้แต่ก่อนร่อนชะไร เคยใช้อ้ายขุนไกรที่เป็นผี
มันม้วยมอดวอดวายเสียหลายปี ครั้งนี้จะได้ผู้ใดไป
จึงตรัสถามเสนาข้าเฝ้า ว่าลูกเต้ามันยังมีฤๅหาไม่
เห็นจางวางหกเหล่าจะเข้าใจ ด้วยอ้ายขุนไกรอยู่กรมนั้น ฯ
๏ ครานั้นพระยารามจัตุรงค์ กราบลงแล้วทูลขมีขมัน
ขอเดชะพระองค์ทรงธรรม์ อันชีวันอยู่ใต้พระบาทา
ข้าพเจ้าได้ทราบเนื้อความไว้ เมื่อครั้งขุนไกรดับสังขาร์
มีบุตรชายคนหนึ่งพึ่งคลอดมา อายุได้สักห้าปีปลาย
ทองประศรีหนีจากเมืองสุพรรณ พาลูกน้อยนั้นไปสูญหาย
มิได้รู้เห็นว่าเป็นตาย แต่ระคายว่าอยู่กาญจน์บุรี ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงเดช ฟังเหตุแจ้งเรื่องทองประศรี
จึงตรัสถามขุนช้างไปทันที เอ็งนี้บ้านอยู่เมืองสุพรรณ
ยังจะรู้เรื่องราวทองประศรี ลูกมันอยู่ดีหรีออาสัญ
เอ็งรู้อย่างไรบอกไปพลัน จะได้ให้มันไปเชียงทอง ฯ
๏ ครานั้นขุนช้างมหาดเล็ก เฝ้าแหนมาแต่เด็กพิดทูลคล่อง
คิดไปสมใจที่นึกปอง หมายจะครองเจ้าพิมพิลาไลย
จะทูลส่อพลายแก้วให้ไปทัพ แล้วจะกลับไปเกี้ยวเจ้าพิมใหม่
คิดแล้วทูลพลันทันใด ชีวิตอยู่ใต้พระบาทา
อันบุตรขุนไกรที่วอดวาย ชื่อว่านายพลายแก้วแกล้วกล้า
ได้เมียอยู่สุพรรณพารา แต่มารดาเพื่อนอยู่กาญจน์บุรี
อันฤทธากล้าหาญชาญชัย เลี้ยงภูตพรายได้เป็นถ้วนถี่
อายุประมาณสิบเจ็ดปี ขอจงทราบธุลีพระบาทา ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงภพ ฟังจบถ้อยคำขุนช้างว่า
อ้ายช้างนำไปให้ได้มา ตำรวจเวรใครหวาให้ออกไป
เจ้ากรมพระตำรวจก็รับสั่ง ถอยหลังออกมาหาช้าไม่
จัดขุนหมื่นพลันในทันใด สั่งให้นายขุนช้างเป็นผู้นำ
ออกจากกรุงศรีอยุธยา ถึงสุพรรณพาราพอพลบคํ่า
ขุนช้างขึ้นเรือนไม่เอื้อนอำ ไปอาบน้ำลูบกายสบายใจ ฯ
๏ ครั้นแล้วไปบ้านศรีประจัน ร้องเรียกใครนั่นให้จุดไต้
สายทองมองเห็นตำรวจใน เอ๊ะเหตุไรขุนช้างจึงนำมา
ตกใจไปบอกศรีประจัน รับตำรวจนั้นขึ้นเคหา
เชิญนายนั่งข้างบนสนทนา กินหมากเถิดขาแต่ตามมี
ตำรวจเล่าให้ศรีประจันฟัง ตามข้อรับสั่งเป็นถ้วนถี่
พระองค์ผู้ทรงปัถพี จะให้ขึ้นไปตีเมืองเชียงทอง
ให้หาคนดีมีวิชา ขุนช้างว่าพลายแก้วนี้แคล่วแคล่ว
เห็นจะสมในพระทัยปอง จึงต้องให้หาไปในวัง ฯ
๏ ศรีประจันได้ฟังตำรวจใน ตกใจระรัวกลัวรับสั่ง
ลุกจากเคหาละล้าละลัง มายังหอลูกด้วยทันใด
ทรุดนั่งทอดตัวที่ผัวเมีย น้ำตาไหลเรี่ยถอนใจใหญ่
อกเต้นทึกทักสลักใจ แกร้องไห้โฮโฮโอ้ลูกอา
ผัวเมียไม่รู้ว่ากะไร เห็นแม่ร้องไห้เป็นหนักหนา
นี่ใครล้มตายฟายน้ำตา ญาติเราฤๅว่าใครเป็นไร
ศรีประจันรันอกเข้าผางผาง อ้ายขุนช้างมาทำเช่นนี้ได้
ไปกราบทูลพระองค์ผู้ทรงชัย ว่าเจ้าแก้วแววไววิชาดี
รับสั่งจะให้ขึ้นไปทัพ จับอ้ายลาวฆ่าให้เป็นผี
เจ้าเข้าเนื้อเข้าใจอะไรมี จะไปทัพจับตีด้วยศัตรู
อ้อนแอ้นเอวบางเหมือนอย่างวาด แต่มันเด็ดก็จะขาดกระเด็นอยู่
คิดเห็นเป็นน่าจะเอ็นดู ความรู้จะได้แต่ไหนมา ฯ
๏ นางพิมพิลาไลยเจ้าได้ฟัง ตันอกใจดังจะเป็นบ้า
น้ำตาเป็นเม็ดเม็ดเช็ดน้ำตา เดือดด่าขุนช้างอ้ายจัญไร
ส่อเสียดเบียดตะลุงทำยุ่งหยาบ ไม่กลัวบาปกลัวกรรมมันทำได้
มันจะทำให้หนำแก่นํ้าใจ ที่หมายไว้ไม่สมอารมณ์มัน
จะแกล้งให้กำจัดพลัดพราก ให้ได้ยากกลางป่าพนาสัณฑ์
ตั้งแต่นี้ต่อไปจะไกลกัน นับวันไปแล้วแก้วเมียอา ฯ
๏ เจ้าพลายเห็นเมียละเหี่ยไห้ อาลัยเมียรักเป็นหนักหนา
แข็งใจจำเป็นเจรจา จะเดือดด่าร้องไห้ไปไยมี
อันซึ่งราชการงานทัพ สำหรับมาแต่ครั้งบิดาพี่
ถ้าเรายกขึ้นไปคงได้ดี ตีได้เชียงทองสำเร็จการ
ฟังคำผัวว่าอย่าร้องไห้ ตำรวจเขาได้มาถึงบ้าน
ข้าวปลาหาทำอย่ารำคาญ เขาอดจะประจานให้เจ็บใจ
ว่าพลางทางสั่งข้าคน สายทองเป็นต้นเข้าครัวใหญ่
สั่งแล้วพลายแก้วก็ออกไป นั่งใกล้ตำรวจกับขุนช้าง
ครั้นถึงทักทายปราศรัย พาสองนายไปจากหอขวาง
เดินตามนอกชานกระดานกลาง ย่างขึ้นหอพิมพิลาไลย
หย่อนก้นบนเสื่อทั้งสามรา เรียกพานหมากมาหาช้าไม่
นางพิมหยิบพานรำคาญใจ ไม่ออกไปเสือกสอดลอดประตู
ขุนช้างเขม้นเห็นแขนพิม ชะแง้เงยแหงนยิ้มอยู่เป็นครู่
นิ้วก้อยช้อยแขนใส่แหวนงู ดูจนยุงกัดไม่ปัดยุง ฯ
๏ ฝ่ายว่าสายทองกับข้าคน ทำสำรับสับสนทอดมันกุ้ง
พริกส้มข่าตะไคร้ใส่ปรุง แกงอ่อมหอมฟุ้งทั้งต้มยำ
สุกเสร็จจัดเทียบสำรับไว้ ผู้หญิงวิ่งไขว่อยู่คลาคล่ำ
นางพิมแค้นขุนช้างช่างระยำ ทำเรียกตาผลหัวล้านมา
ส่งโต๊ะของคาวกับข้าวให้ ตาผลเป็นผู้ใหญ่ให้เดินหน้า
ขุนช้างแลเพ่งเขม็งตา เดือดด่าในใจไอ้เจ้ากรรม
พลายแก้วยิ้มเมินเชิญกินข้าว ตามมีเถิดพ่อเจ้ามันมืดคํ่า
มันมิใช่กลางวันไม่ทันทำ ขุนช้างหยิบจอกน้ำมาล้างมือ
กินอิ่มแล้วก็ยกสำรับไป พูดจาปราศรัยกันตามซื่อ
จะมัดลาวมาเมืองให้เลื่องฦๅ ขุนช้างอือเออเจ้าเห็นเอาการ
พูดกันดึกเข้าก็หาวนอน จัดแจงฟูกหมอนอลหม่าน
ให้สองนายพักนอนผ่อนสำราญ เจ้าพลายแก้วลั่นดาลเข้าเรือนนอน
ระทวยทอดกอดน้องประคองสวาดิ ใจจะขาดกระเด็นเป็นท่อนท่อน
กระซิบสั่งสนทนาด้วยอาวรณ์ ขุนช้างชูคอร่อนรำคาญใจ
ขยดนอนเข้าให้ชิดติดฝาประจัน ได้ยินเสียงกระดานลั่นเข้าไม่ได้
มือกุมหน้าแข้งขึ้นแกว่งไกว เหงื่อไหลโซมหน้านัยน์ตาชัน ฯ
๏ เจ้าพลายแก้วกอดนางไม่วางรัด เกี่ยวกระหวัดจูบประทับแล้วรับขวัญ
จะจากน้องหมองตรมอารมณ์ครัน หลายวันเว้นไปมิได้ชม
เจ้าพิมน้ำตาตกกับอกผัว เมียกลัวรบลาวจะแหลกล่ม
เจ้าพลายแก้วปลอบว่าอย่าปรารมภ์ ประคองนมถนอมจูบไม่จืดเลย
ขุนช้างได้ยินฟอดทอดตัวควํ่า ผีอำลูกแล้วพ่อคุณเอ๋ย
ผีเรือนแรงร้ายกะไรเลย ข้ามาใหม่ไม่เคยมาอำกัน ฯ
๏ ครั้นแสงสุริโยทัยใกล้สว่าง เจ้าพลายกับนางยิ่งป่วนปั่น
ล้างหน้ามาหาศรีประจัน กลืนกลั้นโศกาด้วยอาวรณ์
รับสั่งให้หาข้าพเจ้า หนักเบาจำจะเข้าไปดูก่อน
ให้ทราบเรื่องอย่างไรในนคร นางพิมหาผ้าผ่อนให้ผัวไป
เจ้าพลายแก้วกับบ่าวก็ลงเรือน ตำรวจเร่งตักเตือนไม่ช้าได้
รีบมาเวลาบ่ายลงชายไพร ถึงกรุงไกรไปยังศาลาพลัน
ครั้นถึงจึงหยุดทรุดนั่ง ท่านผู้รับสั่งอยู่ที่นั่น
เจ้าพลายแก้ววันทาพูดจากัน เห็นคมสันลาดเลาจะเอาการ
พูดจาคารมดูคมขำ ตาดำกลอกกลมสมทหาร
ถ้าไปก็จะได้ราชการ เสร็จทัพกลับมาบ้านแล้วคงดี ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงเดช นึกถึงเหตุราชการบุรีศรี
ครั้นแสงทองส่องฟ้าธาตรี จรลีออกท้องพระโรงชัย ฯ
๏ ครานั้นท่านจางวางหกเหล่า ก้มเกล้าบังคมหาช้าไม่
กราบทูลไปพลันในทันใด ได้บุตรขุนไกรผู้ตายมา
เพื่อนชื่อว่านายพลายแก้ว ได้ไล่เลียงดูแล้วจะอาสา
เห็นเป็นคนดีมีวิชา พูดจาห้าวหาญไม่พรั่นใคร ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงเดช ฟังเหตุตรัสมาไม่ช้าได้
ไปหาตัวมันมาหวาไวไว ตำรวจในเรียกคลานมาบังคม
พระองค์ทรงพิศอยู่เป็นครู่ น่าเอ็นดูรูปร่างมันงามสม
ตาเป็นมันหยับขลับกลม วิทยาอาคมจักเชี่ยวชาญ
จึงตรัสว่าฮ้าเฮ้ยอ้ายพลายแก้ว มึงเกิดแล้วในเนื้อเชื้อทหาร
อย่าให้เสียศักดิวงศ์พงศ์ปราณ ทำราชการสืบต่อพ่อมึงไป
แม้นตีเชียงทองชนะมา เงินทองเสื้อผ้ากูจะให้
ตรึกตรองถ่องแท้ให้แน่ใจ จะได้ฤๅมิได้ให้ว่ามา ฯ
๏ พลายแก้วรับสั่งบังคมทูล ขอเดชะนเรนทร์สูรโปรดเกศา
ชีวิตอยู่ใต้พระบาทา ขออาสาพระองค์ผู้ทรงชัย
ตีทัพเชียงอินท์แลเชียงทอง ให้สมพระทัยปองให้จงได้
ถ้าข้าพระพุทธเจ้ามิบรรลัย ก็มิได้ย่อท้อต่อณรงค์ ฯ
๏ พระองค์ทรงภพตบเพลาผาง เออวางให้มันแหลกลงเป็นผง
มึงเน้นให้วินาศลงดาษดง อย่าให้ลาวทะนงมาสู้ไทย
จึงสั่งเกณฑ์ไพร่มิได้นาน ทั้งทหารพลเรือนกรมน้อยใหญ่
เร่งรัดจัดกันในทันใด ให้ถ้วนครบครันกันทันการ
แล้วประทานเงินตราผ้าเสื้อ ก่อเกื้อให้กำเริบใจทหาร
เจ้าพลายแก้วได้รับพระราชทาน ก้มกราบทูลองค์พระทรงชัย
กระหม่อมฉันจะออกไปบ้านก่อน จะรีบร้อนกลับมาหาช้าไม่
จะได้ปลุกเครื่องอานการจะไป แต่ในสามวันจะกลับมา
เออเองไปบ้านอย่านานอยู่ กูจะจัดพลไพร่ไว้คอยท่า
นายพลายกราบถวายบังคมลา บ่าวห่อเงินตราตามออกไป ฯ
๏ เจ้าคุณผู้ใหญ่ได้รับสั่ง ออกมานั่งศาลาลูกขุนใหญ่
เรียกพันพุฒหวามาไวไว เกณฑ์ไพร่ทหารแลพลเรือน
บัตรหมายกะเกณฑ์ตามกระทรวง ไพร่หลวงรี้พลกล่นเกลื่อน
กะเกณฑ์บอกไปนอกในเดือน ตักเตือนตีเกาะเอาตัวมา
ที่หลบหลีกลี้หนีหาย เอามุลนายแม่พ่อมาต่อว่า
ที่เจ็บไข้จ้างใส่ให้เงินตรา ช้างม้าอัดแออยู่แจจัน
แล้วเบิกปืนผาเครื่องอาวุธ สิ่งสารพัดยุทธจัดสรร
เสบียงเรียงออกมาพร้อมกัน อีกสามวันจะให้ไปเชียงทอง ฯ
๏ เจ้าพลายแก้วกลับมาเห็นหน้าพิม ไม่มียิ้มเดินตรงเข้าในห้อง
บ่าวถือเงินผ้ามาวางกอง พิมเห็นผัวมัวหมองไม่นำพา
ผลีผลามตามผัวเข้าในห้อง เจ้าแก้วเห็นหน้าน้องลุกผวา
ระทวยทอดกอดพิมปริ่มน้ำตา พระพันวษาตรัสใช้พี่ไปทัพ
ด้วยเมืองเชียงทองเป็นขบถ คิดคดกับเชียงใหม่เอาใจกลับ
ถ้าขืนขัดรับสั่งแล้วหลังยับ พี่จึงแข็งใจรับอาสามา
เขาทูลเจาะจงว่าคงกระพัน แข็งขันอาคมนั้นแกล้วกล้า
ถึงจะไปก็ไม่คิดระอิดระอา พริบตาก็จะแหลกเป็นธุลี
การศึกก็ไม่นึกระไวระวัง แต่ห่วงหลังนี้เหลืออาลัยพี่
จะเว้นว่างห่างรักทุกราตรี เกือบปีไปแล้วจะกลับมา
คืนนี้พี่ยังกอดประคองเจ้า อีกสองวันจะเศร้ากำสรดหา
หมอนข้างจะต่างผัวทุกเวลา รำลึกถึงก็จะคว้ามาแอบอิง
ยามพูดจะพูดกับใครได้ จะคลายใจด้วยสายทองเป็นสองหญิง
ซุบซิบแต่พอสร่างกำสรดจริง ถึงยามนอนก็จะนิ่งอนาถครวญ
เที่ยงคืนตื่นตาจะตีอก วิตกด้วยน้องน้อยสักร้อยส่วน
จะผอมซูบผิดรูปสลดนวล มิควรไข้เจ้าจะเป็นไข้ใจ
ยามกินผินหน้าไม่พบผัว จะจานน้ำกลํ้ากลั้วไม่กลืนได้
เคยสบายก็จะคลายสบายไป รอยไรจะทิ้งรกทุกราตรี
เส้นผมไหนจะพบกับแหนบน้อย ร้อยวันจะไม่พบกระจกหวี
กระแจะแป้งแห้งโถทั้งตาปี ขมิ้นมีก็จะหมองไม่หมั่นทา
ฟูกหมอนอ่อนอุ่นจะหนุนหนาว อกจะร้าวด้วยข้อนชะอ้อนหา
สองแก้มแย้มยิ้มลออตา จะบกพร่องโรยราไม่เด่นดวง
สารพัดจะวิบัติวิบากจิตร ยิ่งคิดคิดทุกข์ใจนี่ใหญ่หลวง
แสนอาลัยนมงอนจะหย่อนทรวง ผัวเป็นห่วงด้วยเจ้าพิมพิลาไลย ฯ
๏ นางพิมพับกับอกเฝ้าสะอื้น ไม่ฝ่าฝืนสร่างสมประดีได้
น้ำตาตกซกซกกระเซ็นไป รํ่าไรห่วงผัวจะจากพิม
จะเดินไปได้ฤๅถึงเชียงทอง จะพังพองสองเท้าพ่อนิ่มนิ่ม
จะระบมบอบบางทั้งกลางริม อกพิมนี้จะพังด้วยผัวรัก
ใครจะช่วยบ่งหนามที่เหน็บเนื้อ เมียนี้อาลัยเหลือเพียงอกหัก
ไปด้วยจะได้ช่วยพ่อบ่งชัก อนาถนักพ่อไปนอนอยู่กลางไพร
พ่อเคยนอนอ่อนเนื้อด้วยนุ่มฟูก ไปปะถูกดินดอนที่ไหนได้
จะคายคันตัวต้องละอองไพร ใครจะช่วยจุดหลังรำพึงพา
อกเอ๋ยเมียเคยทำกับข้าว เย็นเช้าตกแต่งบำรุงหา
พ่อกินได้เหมือนใครเมื่อไรนา ผักปลากินสิ่งละน้อยน้อย
คาวหวานวันละสามเวลาเหลือ ยังไม่ใคร่มีเนื้อขึ้นสักหน่อย
จะไปกินดิบสุกทั้งบุกกลอย ไม่อร่อยรสชาตินั้นจืดจาง
จะอิ่มซาบอาบอกมาแต่ไหน คิดไปสงสารพ่อนี้สุดอย่าง
จะหิวโหยระหวยด้วยแบบบาง พ่อร่างน้อยของเมียนี้คนเดียว
ยามดึกจะระลึกถึงพิมน้อย จะเศร้าสร้อยเปล่าตรมอารมณ์เสียว
ด้วยพลัดที่เชยชมได้กลมเกลียว จะแลเหลียวไปพบแต่พวกชาย
รุ่งเช้าหนาวเสียงชะนีร้อง จะหวาดว่าเสียงน้องอยู่จนสาย
จะตรำแดดแผดลมระบมกาย เหนื่อยหน่ายก็จะนอนทั้งเหงื่อไคล
อาบน้ำเล่าก็น้ำในท้องธาร หนาวสะท้านเย็นเสียวตลอดไส้
เคยทาแป้งกระแจะจรุงใจ ใครจะให้กระแจะประจงทา
โอ้พ่อพลายสายสวาดิของน้องเอ๋ย ไม่เคยเลยจะห่างเหเสนหา
มานอนหอด้วยน้องสองเวลา พ่อเคยพาพิมพูดพิไรวอน
นั่นนี่ซี้ซิกสัพยอก ยั่วหยอกมิใคร่ให้ไปไกลหมอน
แขนซ้ายเคยให้เมียหนุนนอน เห็นเมียร้อนพ่อก็พัดกระพือลม
พูดพลอดกอดจูบมิใคร่นอน ช้อนคางเมียเชยแล้วเสยผม
จนรุ่งรางสางสายไม่วายชม แสนภิรมย์รักน้องไม่นอนไกล
ไม่พลิกกายบ่ายหน้าออกไปจาก จะออกปากว่าเหนื่อยนิดหามีไม่
แนบนางข้างเดียวด้วยเจือใจ พ่อไปใครจะกอดให้พิมนอน
จะกินข้าวนั่งเคล้าอยู่คอยท่า ให้พิมมานั่งกินด้วยกันก่อน
ครั้นเมียไม่กินพร้อมพ่อย่อมวอน ปั้นป้อนปลอบปลื้มประโลมใจ
เห็นเขาเป็นผัวเมียกันมาหนัก จะรักเหมือนพ่อรักพิมหามีไม่
พ่อมาต้องเด็ดรักหักไป ทำไมจะได้ของรักไปเชยชม
เป็นจนจิตรกลัวผิดไปไม่ได้ จนใจพ่อเอาไปแต่ผ้าห่ม
ในกลางไพรพ่อจะได้ประคองชม สุดตรมอกดิ้นอยู่เดียวดาย
เมียจะนอนคนเดียวกะไรรอด ใครจะกอดพิมนอนให้หนาวหาย
เคยแอบแนบข้างไม่ห่างกาย เมียจะตายแล้วพ่อทูลกระหม่อมเมีย ฯ
๏ พลายแก้วปลอบโฉมประโลมเล้า อย่าโศกเศร้าไปเลยรูปจะซูบเสีย
นํ้าตาตกอกสะท้อนอ่อนเพลีย แต่งัวเงียอยู่ไม่เงยรำคาญใจ
สุดคิดจิตรเจ็บด้วยจำจาก วิบากกรรมจะทำกะไรได้
ไปได้ผัวจะพาเจ้าพิมไป สำราญไพรพรั่งพร้อมผกาบาน
เลือกเด็ดดอกชมภิรมย์จิตร ที่สูงสอยมาให้ปลิดแซมประสาน
อาบนํ้าให้สนุกในท้องธาร ขึ้นม้าพาผ่านพนาลี
ถึงเหน็ดเหนื่อยเห็นหน้าเจ้านั่งใกล้ ชื่นใจกว่าจะถึงเชียงทองที่
ถ้าทัพลาวออกไล่ตะลุมตี จะแต่งตัวพิมพี่ให้เป็นชาย
ใส่เสื้อแนบเนื้อให้เนียนอก หมวกฝรั่งบังปกผมปีกหาย
ถือกระบี่มีฤทธิเพริศพราย เอาเหน็บกฤชกรายขึ้นพาชี
แล้วพี่จะเสกประสมว่าน ให้ทนทานอาวุธเป็นถ้วนถี่
ฟันลาวเล่นให้แหลกเป็นธุลี ถ้าไปได้แล้วพี่จะพาไป
นี่สุดฤทธิ์ที่จะคิดอย่างไรรอด จะนิ่งกอดน้องนอนอยู่ไม่ได้
อกเปล่าเศร้าเสียสลดใจ จนไก่ขันกระชั้นสนั่นมา
เผยอบานหน้าต่างเห็นรางรอง แสงทองส่องสว่างพระเวหา
โอ้จะรุ่งขึ้นแล้วแก้วพี่อา แนบหน้านิ่มน้องประคองตัว
ละมุนละม่อมถนอมไว้แนบทรวง ประโลมล้วงลูบอุ่นในอกผัว
จูบเฟ้นเน้นชมอารมณ์รัว แม่จูบผัวบ้างสักทีให้มีใจ
ครั้นรุ่งแจ้งแสงสว่างกระจ่างโลก ทั้งสองโศกยังหาสร่างกำสรดไม่
พลายแก้วปลอบเจ้าพิมพิลาไลย มาจะไปบอกความกับมารดา
กอดคอชะลอเคลื่อนออกจากมุ้ง เผยอพยุงย่างแอบแนบหน้า
ออกจากห้องสองแก้มล้วนนํ้าตา ถึงมารดาต่างสะอึกสะอื้นไป ฯ
๏ ครานั้นศรีประจันผู้มารดา เห็นลูกยาทั้งสองมาร้องไห้
ถามว่าแก้วตาเจ้าเป็นไร จึงครวญครํ่ารํ่าไห้นัยน์ตาแดง
ไปเฝ้ากลับมาแต่เย็นวาน ไม่เล่าขานมารดาให้รู้แจ้ง
อ้ายขุนช้างทูลเบียดเสียดแทง จะรบราฆ่าแกงกันอย่างไร
จะได้ไปฤๅไม่ไปไม่บอกมั่ง ออกจากวังตั้งแต่จะร้องไห้
คิดดูน่าเบื่อนี่เหลือใจ น้ำตาไหลเปียกเปื้อนทั้งสองคน ฯ
๏ พลายแก้วเล่าความกับศรีประจัน สารพันเงื่อนสายปลายต้น
รับสั่งให้ไปทัพจับประจญ ลาวเชียงทองบนให้บรรลัย
บัดนี้ที่ในกรุงได้เกณฑ์พล เกลื่อนกล่นถ้วนพันสรรให้
ทูลลามาบ้านรำคาญใจ กำหนดไว้สามวันจะยกทัพ
ลูกเป็นห่วงด้วยเจ้าพิมพิลาไลย เมื่อไรจะเสร็จสงครามกลับ
เนื้อแท้วาสนาลูกอาภัพ นับได้สามวันมาอยู่เรือน
พรุ่งนี้เช้าตรู่จะจู่จาก ได้ยากระทมทุกข์ไปในเถื่อน
อย่านับวันมั่นแล้วจะนับเดือน ใครจะเพื่อนเจ้าพิมพิลาไลย
คิดคิดแล้วแค้นขุนช้างนัก มันรักเจ้าพิมมาแต่ไหนไหน
มันหมายจะเชยชมให้สมใจ จึงแคะไค้ค่อนทูลพระทรงธรรม์
ด้วยหมายว่าไปแล้วก็คงตาย แยบคายลิ้นลมมันคมสัน
จะคอยชิงเอาเจ้าพิมนิ่มนวลจันทร์ แม่นมั่นลูกคิดไม่ผิดใจ
ตัวไปใจลูกยังอยู่ห้อง หามีใครปกป้องเจ้าพิมไม่
เห็นแต่หม่อมแม่มิเป็นไร สงวนไว้กว่าลูกจะกลับมา
ถ้าใครบอกใครเล่าว่าลูกตาย แม่อย่าเพ่อวุ่นวายฟังมันว่า
สืบสาวให้แน่ในพารา อย่าเพ่อเชื่อถือว่าซื่อตรง
อันตัวเจ้าพิมพิลาไลย ดังดวงใจของลูกอย่าลืมหลง
รักษาป้องกันให้มั่นคง กว่าจะได้กลับลงมาพารา
อันมนุษย์หาสุดแก่ใครไม่ มันกลับกลอกนอกในเป็นหนักหนา
ถึงจะอมทองคำมาเจรจา แม่อย่าหลงไปด้วยพลอยอวยเออ ฯ
๏ ศรีประจันครั้นเห็นลูกร้องไห้ นํ้าตาแกไหลตละนํ้าพลํ่าเผลอ
ขยี้ตาหน้าขาวหาวเรอ พูดจาว่าละเมอละมายไป
อย่าเป็นทุกข์ถึงออพิมเลยออแก้ว ไปแล้วหาให้เป็นอะไรไม่
ลูกเต้าเขารักษามาแต่ไร ด้วงแลงแมงไยมิให้พาน
อุตส่าห์ตั้งเนื้อตั้งใจไป ทุกข์ถึงเขาไยเขาอยู่บ้าน
พ่ออย่าประมาทราชการ ไม่ควรกล้าอย่าหาญให้เสียที
อันค่ายคูดูทำให้มั่นคง อย่าทะนงหลงเล่ห์จะไล่หนี
ถอยรอล่อลวงท่วงที ในราตรีอย่าเห็นแก่หลับนอน
นั่งยามตามไฟใส่ฆ้องค่อย กองร้อยมั่วสุมซุ่มซ่อน
สวัสดีมีชัยได้นคร อุตส่าห์ต้อนวัวควายมาไถนา
รุ่งพรุ่งนี้แล้วออแก้วไป เด็กเอ๋ยไวไวมานี่หวา
ชวนกันออเจ้าสีข้าวปลา ซ้อมให้ขาวอย่ามีแกลบรำ
แล้วใส่กระสอบรอบรัด ช่วยกันจัดแจงหวาแกด่าพร่ำ
พริกกะเกลือจัดหาเอามาตำ ขะต้มขนมทำไปให้ครบ
สายทองไปข้างไหนไม่เห็นตัว กะไรชั่วชาติเหลืออีเสือขบ
การร้อนเป็นไฟหาไม่พบ หลบหัวเสียทีเดียวเที่ยวแชเชือน
หมากพลูปูนยาไม่จัดแจง พลูนาบหมากแห้งยังกองเกลื่อน
ศรีประจันสั่งบ่าวเฝ้าตักเตือน พิมกับผัวเข้าเรือนพิไรครวญ ฯ
๏ อีมีอีรักควักปลาร้า เหม็นหวาสิ้นทีเป็นขี้ขมวน
ศรีประจันด่ามี่อีขี้กรวน ปลากูใส่ได้ส่วนเป็นอย่างไร
อีดำตำพริกขยิกขยี้ เสียงถี่โกกโกกกระโชกไล่
ข่าขิงพริกเกลือเจือลงไป แขยะแขยะขยิกไล่ละเอียดดี
อ้ายมีอีกวยฉวยกระบุง ตวงข้าวในยุ้งเอาออกสี
ตากตำซ้ำซ้อมพร้อมทันที กระสอบใส่ได้ที่กองเต็มไป
ปลาแห้งปลาชะโดโตโตหวา ปลาย่างหอมกระเทียมก็เตรียมใส่
น้ำอ้อยน้ำตาลงบครบครันไป บ้างก็วิ่งขวักไขว่อยู่ไปมา
กวนขนมกะละแมแซ่เซ็งไป มะพร้าวปอกไว้ต่อยแตกฉ่า
กระต่ายขูดครูดแคะแกะกะลา คั้นกะทิกะทะฉ่าเทลงไป
เอาแป้งมาขยำแล้วซ้ำกรอง น้ำตาลใส่ลงในท้องกะทะใหญ่
เหลวเหลวกวนง่ายสบายใจ เร่งไฟคนเคี่ยวเหนียวเข้าทุกที
ผลัดกันบ้างเป็นไรหัวไหล่เหนื่อย เมื่อยแขนเป็นจะตายแล้วอ้ายผี
ติดกะทะเลอะละอยู่เช่นนี้ ควักพายป้ายที่ใบตองรอง
มึงชิมกูชิมริมกะทะ หวานละดีครันเป็นมันย่อง
หมดริมควักชิมที่กลางลอง พร่องไปครึ่งกะทะชะหวานจริง ฯ
๏ ศรีประจันมารดาจึงว่าไป แม่พิมนี้เป็นกะไรเข้าเรือนนิ่ง
ผัวมีที่ไปไม่ไหวติง ช่วยกันวิ่งกันเต้นบ้างเป็นไร
หมากพลูหยูกยาไม่จัดแจง จะเฝ้าทรงพระกันแสงไปถึงไหน
เป็นแพงพวยทอดยอดอิดออดไป ผ้าผ่อนท่อนสไบไม่นำพา
อย่างนี้ฤๅขึ้นชื่อว่ารักผัว มัวแต่จะร้องไห้ไม่เงยหน้า
แม้นไม่มีกูดูเถิดนา ปลาชิ้นหนึ่งจะกินก็ไม่มี
จะลงกัดก้อนเกลืออยู่กรอดกรอด นั่งกอดหัวเข่าอยู่กับที่
แม่ยายตะกายเป็นตัวตี ยังกะว่ากูนี้เป็นเมียน้อย
ส่งแต่เสียงโล่โล่พุทโธ่เอ๋ย ไม่หยิบต้องบ้างเลยนางยอดสร้อย
ยิ่งว่าดูตาเล่นปรอยปรอย กูจะต่อยให้ร้องก้องสุพรรณ ฯ
๏ ครานั้นเจ้าพิมพิลาไลย กอดผัวร้องไห้อยู่ป่วนปั่น
หยิบอะไรเข้าไม่ได้อกใจตัน กลืนกลั้นน้ำตายิ่งไหลพรู
เสียงแม่ว่าขานรำคาญใจ ลุกจากผัวไปสะอื้นอยู่
ปอกหมากใส่ขันแล้วพันพลู แลดูผัวเพียงจะขาดใจ
ซบหน้าโศการำพันเศร้า จะคลึงเคล้าพลูจีบเข้าไม่ได้
สะอื้นอักสลักอกตะลึงไป สำลีถือกับมือไว้ก็ลืมวาง ฯ
๏ เจ้าพลายแก้วเห็นเมียละเหี่ยไห้ ลุกไปนั่งแอบลงแนบข้าง
ปลอบประโลมโฉมเช็ดนํ้าตาพลาง อย่าครวญครางนักเลยนะน้องอา
จีบพลูเถิดพี่อยู่กับพิมแล้ว ออแก้วจะได้กินที่กลางป่า
อย่าโศกศัลย์จงกลั้นกลืนน้ำตา มาผัวจะช่วยเจ้าป้ายปูน
สัพยอกหยอกเย้าเฝ้ายวนยั่ว เคียงผัวน้ำตาค่อยหายสูญ
แกล้งเย้าให้เจ้าคลายอาดูร ที่นั่นนูนน้องฟกหัวอกบวม ฯ
๏ นางพิมยิ้มทั้งน้ำตาตก อย่าว่าฟกเลยมันคงจะลงน่วม
หมากพลูดูหยิบรีบรวบรวม ใส่ล่วมเหลือยัดย่ามตะเครียว
พ่อทูนหัวผัวคืนมาสมสู่ อย่าให้พลูของพิมทันแห้งเหี่ยว
บุหรี่ยาเพชรบูรณ์ฉุนเจียว ใบตองขอให้เขียวเมื่อคืนมา
ค่อยยังชั่วด้วยผัวมาพาชื่น คลายสะอื้นคลานเข้าไปพับผ้า
ประจงจีบกลีบเล็กเล็กลออตา ไปกลางป่ากำปั่นน้อยนั้นใส่ไป
นางจัดแจงหีบผ้ากระจกหวี ตามที่เคยทำเจ้าจำได้
หยิบหมอนที่นอนน้อยละห้อยใจ โอ้จะไกลที่นอนน้องไปนอนเดียว
หมอนของน้องหน้ากรองด้วยทองชุด เป็นเครือครุฑยุดกระชากนาคเกี่ยว
คิดไปใจสยองแสยงเจียว อกเสียวระทมทับที่นอนลง ฯ
๏ ครานั้นทองประศรีผู้มารดา ลูกยาไปทัพจะตามส่ง
แต่งงานพลายแก้วพึ่งแล้วลง ยับยั้งยังคงอยู่สุพรรณ
เรียกหาข้าคนให้ขนของ สบุ้งเสบียงเรียงกองในเรือนนั่น
มึงอย่าเผอเรอเหนออีจัน พร้อมกันลงเรือกัญญาไป
บ่าวชายบ่าวหญิงวิ่งลนลาน เชิงกรานหม้อข้าวเอาส่งให้
ทองประศรีงกงันขึ้นบันได พูดจาปราศรัยกันไปมา
จะไปด้วยกันฤๅออจันเอ๋ย หาไปส่งลูกเขยไม่ฤๅหวา
แต่งสำเร็จเสร็จแล้วทั้งข้าวปลา ไปดูหน้าออพลายให้คลายใจ ฯ
๏ ศรีประจันตอบคำทองประศรี เหย้าเรือนตูหามีใครดูไม่
ข้าวของยังกองออกมุลไป พาออพิมพิลาไลยไปส่งกัน ฯ
๏ ทองประศรีได้ฟังสั่งข้าคน ขนของลงเรือขมีขมัน
พลายแก้วลุกออกมานอกพลัน ไหว้ท่านศรีประจันผู้แม่ยาย
นัดกันกับท่านทองประศรี ให้ไปคอยอยู่ที่สำคัญหมาย
บ้านแมนแม่นยำอย่าคลาศคลาย ลูกชายจะไปบกยกเข้ากรุง
ทูลลาพระองค์ผู้ทรงธรรม์ จะได้พบกันต่อวันรุ่ง
แม่ออกเรือก่อนนอนพ้นยุง พรุ่งนี้ลูกจึงจะตามไป ฯ
๏ ทองประศรีได้ฟังลูกชายว่า นัดกันสัญญานั้นจำได้
ลงเรือกัญญาพร้อมข้าไท นางพิมก็ไปกับมารดา
นั่งในกลางแคร่กับแม่ผัว ฝีพายบ่ายหัวออกจากท่า
ตุ้มติ้มทิ่มถี่ร้องมี่มา ยาวยาวช้าช้าไว้เป็นไร
ชักหัวเรืออ้ายดำทำอย่างนั้น กูไล่ไม่ทันออพ่อข้าไหว้
ถือท้ายไม่ถนัดคัดรุดไป วาดไว้บ้างเหวยเฮ้ยหัวเรือ
วาดไม่ทันรันรกคนตกน้ำ โขนตำเข้าที่ตอต่อหัวเสือ
มันต่อยระยำทั้งลำเรือ ทองประศรีเลิกเสื่อขึ้นคลุมตัว
นางพิมพิลาไลยได้กระสอบ มุดหมอบเข้าไปพอมิดหัว
อ้ายฝีพายเก้กังกำลังกลัว เรือรั่วถูกตอไหลจ้อไป
มุดนํ้ากำดินขึ้นมายา ลากเรือออกมาพ้นตอได้
ร้องด่ากันอึงคะนึงไป พอรุ่งก็ใกล้บางลางพลัน ฯ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ