๏ จะกล่าวถึงโฉมเจ้าขุนช้าง |
คะนึงนางพิมน้อยละห้อยหา |
แต่เช้าค่ำครํ่าครวญทุกเวลา |
ตั้งแต่มาจากบ้านศรีประจัน |
ไม่เป็นกินเป็นนอนแต่ร้อนรัก |
อกจะหักใจรัญจวนป่วนปั่น |
มิได้มีความสบายมาหลายวัน |
แทบจะกลั้นใจตายไม่วายคิด |
อยู่ในห้องร้องไห้พิไรรํ่า |
ทุกคํ่าเช้าเฝ้านอนแต่ถอนจิตร |
ทำไฉนจะได้แอบแนบชิด |
กับเจ้าพิมนิ่มสนิทของพี่อา |
วันเมื่อน้องอาบน้ำกับบ่าวไพร่ |
พี่ไปแอบมองที่ตีนท่า |
ช่างกะไรไม่เห็นพี่เล่นตา |
เมินหน้าเสียทีเดียวไม่เหลียวแล |
ขึ้นจากนํ้าพี่ซ้ำตามไปบ้าน |
ก็ได้การขึ้นไปว่าหาหม่อมแม่ |
พูดกับศรีประจันไม่ผันแปร |
นึกแน่อยู่ว่าเห็นจะเป็นการ |
พรุ่งนี้จะไปผลอขอทีเดียว |
ลดเลี้ยวตามปัญญาว่าขาน |
ทั้งเงินทองของข้าวเอาเจือจาน |
ถึงรูปชั่วหัวล้านคงเมตตา |
แต่ครํ่าครวญป่วนจิตรคิดจนรุ่ง |
พระสุริยาพวยพุ่งเวหา |
ส่องแสงแจ้งกระจ่างสว่างตา |
ก็ล้างหน้าจัดแจงแต่งตัว |
ยกคันฉ่องมาส่องดูกระจก |
ในจิตรคิดวิตกแต่ที่หัว |
เอาเขม่าเข้ามอมอยู่มัวซัว |
แป้งชโลมโซมตัวทั่วทั้งกาย |
ครั้นแล้วลุกออกมานอกห้อง |
นุ่งยกห่มกรองทองเฉิดฉาย |
เรียกบ่าวเล็กเล็กเด็กผู้ชาย |
มากมายตามหลังสะพรั่งมา ฯ |
๏ ครั้นถึงเรือนศรีประจันเข้าทันใด |
ดีใจก้าวขึ้นบนเคหา |
ศรีประจันครั้นเห็นขุนช้างมา |
ก็ต้อนรับเรียกหาเข้ามาพลัน |
แล้วปราศรัยไต่ถามฉันเพื่อนบ้าน |
เสือกพานหมากเชิญกินหมากนั่น |
ธุระอะไรว่าไปอย่าเกรงกัน |
แม่นั้นอยู่ดีดอกฤๅนา ฯ |
๏ ขุนช้างตอบไปเห็นได้ที |
ว่าลูกนี้จะขอมาเป็นข้า |
ให้แม่ใช้ต่างเกือกต่างกะลา |
คิดคิดจะใคร่ว่าก็เกรงกลัว |
ด้วยรักพิมนิ่มน้องนี้จริงจัง |
จงปลูกฝังเสียเถิดแม่ทูนหัว |
ถ้าได้ครองจะเอาทองมาทาบตัว |
ลูกไม่กลัวเงินทองลูกถมไป |
ยามเดินจะให้เดินแต่ในห้อง |
แต่แสงเดือนมิให้ส่องต้องตัวได้ |
จะกลัวจนกลัวยากไปทำไม |
แม่ข้าไหว้เลี้ยงลูกไว้ดูที ฯ |
๏ ครานั้นท่านยายศรีประจัน |
ฟังขุนช้างรำพันเป็นถ้วนถี่ |
นึกยิ้มกริ่มใจให้ยินดี |
ได้ลูกเขยเศรษฐีก็ดีใจ |
จึงว่าพ่อช้างทูนหัวแม่ |
ตามแต่บุญกรรมจะนำให้ |
ปีเดือนได้กันฤๅฉันใด |
แล้วเรียกลูกสาวไปในทันที |
แม่พิมเอ๋ยแม่พิมไปอยู่ไหน |
เป็นไรจึงไม่ออกมาไหว้พี่ |
มารู้จักกันไว้เป็นไรมี |
มาซีทูนหัวของมารดา ฯ |
๏ ครานั้นนางพิมนิ่มสนิท |
แค้นจิตรขัดใจเป็นหนักหนา |
แอบลับแลแลเห็นขุนช้างมา |
แฝงฝาฟังเรื่องให้เคืองใจ |
อ้ายนี่แลมันทำกูวันนั้น |
จะฟังเทศน์ฟังธรรม์หาได้ไม่ |
จึงร้องตอบแม่พลันในทันใด |
ไม่ไปละอย่าเรียกให้ยากเลย |
แล้วแกล้งเรียกข้าด่าประจาน |
แน่อ้ายผลหัวล้านไปไหนเหวย |
ยกยศยิ่งใหญ่กะไรเลย |
ดอกเตยฤๅจะปลอมพะยอมไพร |
จองหองเอาเงินมาอวดอึง |
แม่มึงกูหาปรารถนาไม่ |
ขี้เกียจการงานนี่สุดใจ |
นํ้าขอดโอ่งไหไม่นำพา |
อ้ายเจ้าชู้ลอมปอมกระหม่อมบาง |
ลอยชายลากหางเที่ยวเกี้ยวหมา |
ชิชะแป้งจันทน์น้ำมันทา |
หย่งหน้าสองแคมเหมือนหางเปีย |
หมามันจะเกิดชิงหมาเถิด |
มึงไปตายเสียเถิดอ้ายห้าเบี้ย |
หน้าตาเช่นนี้จะมีเมีย |
อ้ายมะม่วงหมาเลียไม่เจียมใจ |
เหมือนแมงปออวดอิทธิ์ว่าฤทธิ์สุด |
จะแข่งครุฑข้ามอ่าวทะเลใหญ่ |
ก้อนเส้าฤๅจะเท่าเมรุไกร |
หิ่งห้อยไพรจะแข่งแสงสุริยง |
ชาติชั่วตัวดังนกตะกรุม |
จะเอื้อมอุ้มอิงอกวิหคหงส์ |
เขาสิปองเล่นมุจลินท์ลง |
ตัวพะวงตมกลับทะนงใจ ฯ |
๏ ขุนช้างฟังนางกระทบด่า |
นึกอายบ่าวข้าไม่อยู่ได้ |
อำลาศรีประจันในทันใด |
ลงจากเรือนไปมิได้ช้า ฯ |
๏ ครานั้นท่านยายศรีประจัน |
แค้นครันขัดใจเป็นหนักหนา |
ลุกขึ้นฉวยไม้ไล่ตีมา |
มึงหยาบช้าชาติชั่วนี่เหลือใจ |
น้อยฤๅคารมอยู่เปรี้ยงเปรี้ยง |
เช่นนี้ไหนจะเลี้ยงมึงไปได้ |
หวดตียี่ยับระยำไป |
เลือดไหลโซมหลังหลั่งน้ำตา |
นางพิมต้องตีตัวเป็นแนว |
ฉันกลัวแล้วคราวนี้ฉันไม่ว่า |
เจ็บปวดยวดยิ่งทั้งกายา |
ก็หนีหน้าวิ่งเข้าในครัวไฟ |
ปิดประตูใส่กลอนด้วยความกลัว |
ทอดตัวลงแล้วสะอื้นไห้ |
ครั้งนี้เจ็บอายนี่เหลือใจ |
เลือดไหลโซมหลังตลอดลาย |
รํ่าพลางนางเรียกสายทองพี่ |
มานี่ดูดู๋ไปไหนหาย |
ไม่ช่วยน้องต้องตีแทบจะตาย |
พี่สายทองเอ็นดูด้วยเถิดรา ฯ |
๏ สายทองฟังน้องให้รำคาญ |
คิดสงสารจึงเดินเข้าไปหา |
เห็นประตูปิดมิดอยู่ตรึงตรา |
แฝงฝาว่าเรียกพี่ทำไม |
พี่สายทองเอ๋ยน้องนี้แสนเศร้า |
ด้วยแม่เราแกจะขืนไปยกให้ |
กับอ้ายขุนหัวครึ่งไม่พึงใจ |
เรามาหนีแม่ไปยังวัดพลัน |
จะไปบอกกับเณรให้คิดอ่าน |
ถ้าเนิ่นนานเห็นจะยับเป็นแม่นมั่น |
ว่าพลางนางเปิดประตูพลัน |
พรั่นพรั่นอยู่มิใคร่จะออกมา |
เห็นคนแววแล้วหลบทำลับล่อ |
แต่รีรีรอรออยู่หนักหนา |
พอคนเงียบค่อยเหยียบย่องออกมา |
กับสายทองก็พากันคลาไคล |
รีบเร่งเร็วรัดตัดทาง |
เดินพลางนางพิมก็ร้องไห้ |
อกเอ๋ยเจ็บอายนี้เหลือใจ |
ช่างกะไรแม่ข้าไม่ปรานี |
รีบรัดมาถึงวัดป่าเลไลย |
จำได้ว่าเณรอยู่ที่นี่ |
กับสายทองย่องขึ้นไปทันที |
เห็นกุฎีนั้นเปล่ายิ่งเศร้าใจ |
จึงกระซิบถามเณรที่นั่นมี |
พ่อเณรแก้วอยู่นี่ฤๅไปไหน |
ฝ่ายเณรบอกพลันด้วยทันใด |
สมภารตีหนีไปอยู่วัดแค |
จริงจริงฤๅลวงฉันหลวงพี่ |
เจ้าเณรว่าถูกตีหนีไปแน่ |
กรรมกรรมก่อกวนให้ปรวนแปร |
ทุกข์แท้เข้าปะทะระทมใจ |
ทั้งเจ็บหลังทั้งทุกข์ถึงเณรด้วย |
ทอดระทวยอกอ่อนชะอ้อนไห้ |
พิมน้อยนึกตรองยิ่งหมองใจ |
ลงบันไดติดตามถามเขามา |
ใครบอกข่าวเณรแก้วให้สักคำ |
อยู่ปลายน้ำก็คงจะไปหา |
ถึงวัดแคถามพระได้เมตตา |
คุณเจ้าขาพ่อเณรแก้วอยู่แห่งใด |
พระเณรเห็นสีกาพากันดู |
ยืนอยู่เยียดยัดหาหยุดไม่ |
บ้างทักบ้างเรียกออกเพรียกไป |
ชาววังฤๅไรไปไหนมา |
เยี่ยมหน้าต่างประตูดูออกอึง |
นางสองคนนี้เราพึ่งได้เห็นหน้า |
ที่ไม่รู้ร้องเรียกกันเพรียกมา |
โน่นแน่สีกาพากันดู ฯ |
๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าเณรแก้ว |
แต่เพลแล้วทำผงดินสออยู่ |
ปถมังตั้งเพียรเรียนต่อครู |
ได้ยินเสียงเยี่ยมดูเห็นสีกา |
เอ๊ะนี่เจ้าพิมกับสายทอง |
มาสิน้องอุตส่าห์มาเที่ยวหา |
หน้าเศร้าเจ้าเป็นไรไยจึงมา |
ดูตาน้องบวมประหลาดใจ ฯ |
๏ ครานั้นจึงโฉมนวลนางพิม |
เห็นเณรแก้วเข้ายิ้มออกมาได้ |
กับสายทองต่างขึ้นไปทันใด |
นั่งใกล้แล้วก็ว่าไปทันที |
ชะใจกะไรพ่อเณรหนอ |
มาลวงล่อแล้วก็ละอาลัยหนี |
ฉันหมายใจอยู่ว่าใจพ่อเณรดี |
พาทีไว้แต่หลังนั้นอย่างไร |
สารพันสัญญาไว้ทุกสิ่ง |
ตัวเป็นหญิงจะทำกระไรได้ |
ว่าจะขอแล้วก็รอยังไม่ไป |
จนความใหญ่ไขว่ขวางขึ้นกลางคัน |
อ้ายขุนช้างขอแม่แกยกให้ |
ขัดใจเจียนน้องจะอาสัญ |
ไม่ยินยอมพร้อมใจที่ให้ปัน |
แกตีรันจนหลังจะพังไป |
แม่เลี้ยงมาแต่เล็กคุ้มใหญ่แล้ว |
ไม้เปรียะยังหาแผ้วเป็นแนวไม่ |
ครั้งนี้แม่ไม่มีความอาลัย |
ฉันขอบใจอยู่ว่าใจพ่อเณรดี |
หมายใจว่าที่ไหนจะทิ้งสัตย์ |
สารพัดพูดไว้กับพิมนี่ |
ว่าอย่างไรก็ว่าอย่าช้าที |
เดี๋ยวนี้ก็จะว่าให้สาใจ ฯ |
๏ เณรแก้วเห็นพิมเจ้ามัวหมอง |
ปลอบประคองมือเช็ดน้ำตาให้ |
ดูอ้ายช้างชาติชั่วตัวจัญไร |
มาทำให้น้องข้าต้องด่าตี |
น้อยฤๅรอยไม้เป็นริ้วริ้ว |
เออนี่ผูกมือหิ้วเจียวฤๅนี่ |
จึงยับย่อยเป็นรอยทั่วอินทรีย์ |
ฟ้าผี่นิ้วน่อยพลอยเป็นแนว |
สงสารพิมนิ่มเนื้อนี้เหลืออก |
น้ำตาไหลตกเป็นแถวแถว |
สุดจิตรสุดคิดสุดฤทธิ์แล้ว |
น้องแก้วแม่อย่าปรารมภํใจ |
สมภารตีก็ได้หนีไปหาแม่ |
แกว่าแชอยู่หาให้สึกไม่ |
ด้วยไร้ทรัพย์อับจนเป็นพ้นใจ |
จะได้เงินที่ไหนทำทุนรอน |
จึงไม่กล้าลาสึกออกไปได้ |
แต่เศร้าใจอกสะทึกสะท้อนถอน |
หวังสวาดิมิได้ขาดที่อาวรณ์ |
จะกินนอนก็ไม่ลืมเจ้าปลื้มใจ |
เงยหน้าขึ้นเถิดเจ้าพิมเพื่อน |
แก้มเปื้อนมาจะเช็ดน้ำตาให้ |
อย่าโศกนักเลยเจ้าจะเศร้าไป |
ดวงใจพี่ไม่ลืมคำสัญญา ฯ |
๏ พิมฟังเณรว่าก็ตอบไป |
เป็นอย่างไรจึงช้าอยู่หนักหนา |
ทำไมจึงไม่ได้เงินทองมา |
แกล้งว่าเพราะไม่รักฉันจริงจริง |
โอ้ว่าเวรกรรมของพิมเอ๋ย |
กะไรเลยช่างเกิดมาเป็นหญิง |
หลงลมเห็นจะล้มลงเสียจริง |
แกล้งจะทิ้งเสียให้ทุกข์ระทมใจ |
คํ่าวันนี้ไปบ้านเถิดพ่อเณร |
จะหาเงินประเคนเจ้าคุณให้ |
คิดมาก็ไม่น่าจะกลับไป |
พรั่นใจกลัวแม่แกจะตี |
เป็นไรก็เป็นไปเถิดนะ |
ไม่ไปละฉันจะอยู่ที่วัดนี่ |
เจ็บจิตรคิดแค้นแสนทวี |
อยู่กับพี่เณรแก้วจะเป็นไร ฯ |
๏ อนิจจาแก้วตาของพี่เอ๋ย |
อย่าอยู่เลยบิณฑบาตเลี้ยงไม่ได้ |
ว่าพลางหยอกพิมให้อิ่มใจ |
ยังร้องไห้บ่นบ้าน่ารำคาญ |
คํ่าวันนี้พี่จะลาอาจารย์สึก |
เวลาดึกจะเข้าไปให้ถึงบ้าน |
กราบลาถ้าหากท่านทัดทาน |
ก็จะหนีสมภารไปหาพิม |
ว่าพลางทางขยับจับต้อง |
เนื้อน้องนุ่มนุ่มสนิทนิ่ม |
งามละม่อมดุจหลอมด้วยลายพิมพ์ |
พึ่งปริปริ่มบุษบันอันบังใบ |
เงยหน้าจูบนิดเถิดพิมพี่ |
เป็นเณรดอกหามีอาบัติไม่ |
อะไรนี่พี่ทำให้ช้ำใจ |
เดี๋ยวก็จะถูกไล่เหมือนวัดโน้น |
ยิ่งห้ามยิ่งทำอะไรนี่ |
มาจู้จี้จะต้องโดดกุฎีโผน |
กุฎีสูงเกินการขี้คร้านโจน |
ทำโลนโลนโน่นเขาดูอยู่อึงไป |
ฉันจะลาอยู่ไปไม่ได้แท้ |
ถ้าหม่อมแม่รู้ความจะลามใหญ่ |
ว่าพลางลุกมาแสนอาลัย |
กลับไปซ้ำสั่งเจ้าเณรนั้น |
สึกให้ได้นะเข้าไปคํ่าวันนี้ |
แล้วอย่าลี้เลี้ยวลดเล่นปดฉัน |
ว่าพลางทางเดินมาฉับพลัน |
กับสายทองพากันกลับเข้ามา |
รีบเร่งเร็วลัดมาถึงเรือน |
เดินเชือนเข้าไปแอบที่ริมฝา |
ลับแม่มุ่งมองย่องลีลา |
กับสายทองก็พากันขึ้นไป |
บังตัวที่ประตูอยู่นอกชาน |
แล้วแอบบานบังขึ้นเรือนใหญ่ |
กับสายทองย่องเยื้องชำเลืองไป |
เข้าในห้องพลันทันเวลา ฯ |
๏ รอนรอนอ่อนแสงพระสุริยง |
ลับเหลี่ยมพระเมรุลงจะมืดหล้า |
สัตว์คะนองร้อนในพนาวา |
เมื่อโพล้เพล้เวลาจะสายัณห์ |
ปีบเปรี้ยงเสียงสนั่นครั่นครึก |
เนื้อถึกตกใจไม่มีขวัญ |
สยดสยองพองเส้นโลมาชัน |
เจ้าเณรแก้วหวั่นหวั่นด้วยอาวรณ์ |
แสนเศร้าสุดโศกด้วยสงสาร |
อกสะท้านให้ระทมสะท้อนถอน |
เป็นห่วงพิมนิ่มน้องอนาทร |
ดังหนึ่งศรเสียบเสียดอยู่ในทรวง |
ไม่มีสุขลุกมาหาอาจารย์ |
กราบกรานบอกว่าทุกข์ลูกใหญ่หลวง |
ดังกองเพลิงเริงรุมเข้าสุมทรวง |
มันให้ง่วงเหงางมระทมใจ |
เป็นสิ้นบุญที่จะบวชด้วยบาปก่อน |
ผ้าเหลืองร้อนพาดตัวเข้าไม่ได้ |
จะขอลาฝ่าเท้าเจ้าคุณไป |
ไม่อวยให้เห็นจะม้วยด้วยไฟราง ฯ |
๏ สมภารฟังคำให้ช้ำใจ |
ตาอาลัยในหลานนี้เหลืออย่าง |
จะฝากผีมาหนีไปกลางทาง |
ไม่มียางเยื่อใยที่ในตา |
ฆราวาสนี้ชาติมันชั่วนัก |
จะสึกไปให้เขาสักเอ็งฤๅหวา |
ข้อมือดำแล้วระกำทุกเวลา |
โพล่กับบ่าแบกกันจนบรรลัย |
ถ้ามุลนายรักมั่งจะยังชั่ว |
เอ็นดูตัวหาให้ทำการหนักไม่ |
แม้นชังก็จะใช้ให้เจ็บใจ |
เลื่อยไม้ลากซุงสาละพา |
รูปร่างเอ็งก็บางดังแบบปั้น |
การอย่างนั้นทำได้ฤๅไรหวา |
ฤๅสึกไปหมายจะเป็นเจ้าพระยา |
ฟังตาเถิดอย่าเพ่อสึกออกไป ฯ |
๏ เจ้าประคุณทูนหัวของหลานแก้ว |
ตรองความตามแล้วหาเถียงไม่ |
อย่าห้ามเลยตัวข้าสิ้นอาลัย |
ช่วยดูฤกษ์ยามให้ประสิทธี ฯ |
๏ สมภารฟังหลานเห็นเหลือห้าม |
หยิบกระดานดูยามตามดิถี |
คูณหารดูตามคัมภีร์มี |
เอาวันคืนเดือนปีของเณรพลาย |
บวกกันเข้าดูก็รู้แท้ |
เห็นแน่ดังอินทเนตรหมาย |
ชะตาดีที่ทหารเจียวหลานชาย |
แกก็ทายว่าเจ้าแก้วนี้ปดกู |
คิดว่าทุกข์อย่างไรออกวายวุ่น |
มิรู้ว่าเจ้าประคุณข้าเล่นชู้ |
เองจำไว้ในคำของตาดู |
สึกไปจะได้อยู่สมดังใจ |
สู่ขอหอห้องทำทุนสิน |
อยู่กินแต่หาถึงเท่าใดไม่ |
จะพลัดพรากจำจากกำจัดไกล |
มันจะมีผัวใหม่มันทิ้งมึง |
เมื่ออายุยี่สิบห้าเบญจเพส |
จะมีเหตุด้วยเคราะห์เข้ามาถึง |
ต้องจองจำโซ่ตรวนเขาตรากตรึง |
อายุสี่สิบมึงจะได้ดี ฯ |
๏ เจ้าเณรแก้วฟังคำเจ้าคุณคง |
อกวาบกราบลงลุกจากที่ |
พรั่นพรั่นกลั้นเศร้าเข้ากุฎี |
กราบลงสามทีแล้วสึกพลัน |
ตกแต่งตัวผูกลูกสะกด |
พร้อมหมดเครื่องรางปรอทมั่น |
นุ่งยกกระหนกเป็นเครือวัลย์ |
รูปสุบรรณบินเหยียบวาสุกรี |
เพลาะดำรํ่าหอมห่มกระหวัด |
พู่ตัดติดห้อยข้างชายคลี่ |
คาดปั้นเหน่งกระสันมั่นดี |
เหน็บกฤชด้ามมีศีรษะกา |
จัดเครื่องบัตรพลีพลีเลิศ |
ข้าวสารเสกประเสริฐแกล้วกล้า |
มือถือเทียนชัยแล้วไคลคลา |
จันทราส่องแสงสว่างทาง |
ท้องฟ้าดาดาษดาวประดับ |
แสงระยับยามสองส่องสว่าง |
พระจันทร์ตรงทรงกลดดังกลดกาง |
อยู่ในกลางด้าวเด่นทุกดวงดาว |
รีบเร่งมาถึงซึ่งป่าช้า |
ปลูกศาลเพียงตาคาดผ้าขาว |
แล้วจุดเทียนสว่างกระจ่างพราว |
ทิ้งสายสิญจน์ก้าวสะกดวง |
เข้านั่งพับแพนงเชิงชุมนุมฤทธิ์ |
สะเทือนทิศทั่วหล้าป่าระหง |
คึกคึกพายุพัดระบัดพง |
ไม้ไหล้ลู่ลงหักระทม |
บันดาลอสนีคะนองเสียง |
เปรี้ยงเปรี้ยงเสียงเปรื่องกระเดื่องล่ม |
ฟังแลบแปลบปลาบวะวาบลม |
เจียนจะจมล่มโลกแหลกทำลาย |
ธรณีที่นั่งกระทั่งไหว |
ดังคนไกวเกือบแยกแตกสลาย |
ฝูงผีลุกโลดโขมดพราย |
แปลงกายต่างต่างวิ่งวางมา |
ครั้นเข้าใกล้ไม่อาจจะทำร้าย |
ด้วยกลัวมนตร์เจ้าพลายเป็นหนักหนา |
ต่างก้มกราบถามไปมิได้ช้า |
เจ้าข้าจะประสงค์อันใดนี้ |
อ้ายตัวนายมาทีหลังกำลังโกรธ |
โลดแล่นร้องมาว่าใครนี่ |
ไม่ลุกไปกูจะไล่ตะลุมตี |
ให้ป่นปี้เป็นภัศม์ธุลีลง ฯ |
๏ พลายแก้วตวาดแล้วซัดข้าวสาร |
ดังสะท้านก้องฟ้าป่าระหง |
ถูกกายผีพรายไม่ยืนตรง |
ก็ยอบลงตัวเล็กเท่าเหล็กใน |
พลายแก้วเลิศแล้วด้วยฤทธิ์เวท |
ถามเหตุเฮ้ยเอ็งฤๅเป็นใหญ่ |
ที่ในป่าช้านี้ยังมีใคร |
ฤๅว่าไม่มีแล้วที่เป็นนาย ฯ |
๏ ผีฟังดังอินทร์โองการถาม |
ครั่นคร้ามแทบจะด้นแผ่นดินหาย |
ข้าเป็นเจ้าป่าช้าว่าพวกพราย |
เป็นตัวนายผีภูตทโมนมาร |
เวสวัณเธอประทานแผ่นดินให้ |
เป็นข้าใช้เทวราชอาจหาญ |
แต่อยู่ที่นี่มาก็ช้านาน |
นี่ตัวท่านธุระอะไรมา ฯ |
๏ กูฤๅคือมีธุระใหญ่ |
เอ็งจะไปฤๅไม่ไปให้เร่งว่า |
พลางตวาดฟาดด้วยตำแยยา |
ผีกราบรับว่าจะพาไป |
แล้วจึงเสกยันต์ตรีนิสิงเห |
เรียกผีผีเซเข้ามาใกล้ |
เอายันต์ปิดศีรษะลงทันใด |
ข้าวของคล้องใส่ไหล่ผีลง |
โดดขึ้นบนบ่าผีพาลิ่ว |
ดังลมปลิวเร็วมาในป่าระหง |
ข้ามทุ่งมุ่งลัดดัดดง |
หมายตรงเข้ามาเมืองสุพรรณ |
พรายผีรี่รีบถีบทะยาน |
มาถึงบ้านท่านศรีประจันนั่น |
ข้ามรั้วสวนดอกไม้เข้าไปพลัน |
พระพายผันหอมกลิ่นเรณูนวล |
พลายแก้วลงแล้วจากบ่าผี |
เอ็งอยู่นี่คอยกูอยู่ในสวน |
กว่ากูจะกลับมาเวลาจวน |
ก็เดินด่วนไปพลันถึงบันได ฯ |
๏ จะกล่าวถึงนางพิมกับสายทอง |
ทั้งพี่น้องหาความสบายไม่ |
ครั้นพระสุริย์แสงแข้าแฝงไพร |
เจ้าพิมน้อยนึกในฤทัยครวญ |
สงสารตัวกลัวเณรจะลวงล่อ |
นํ้าตาคลอคลอละห้อยหวน |
ได้ชั่วกลัวอายเสียดายนวล |
ปั่นป่วนอัดอั้นตันอุรา |
จนมืดคํ่ายังไม่เห็นเจ้าพลายแก้ว |
เห็นจะลวงน้องแล้วไม่มาหา |
แม้นคํ่าวันนี้ยังมิมา |
ฉันจะลาพี่สายทองผูกคอตาย ฯ |
๏ สายทองสงสารน้องเป็นหนักหนา |
ค่อยพูดจาเอาใจให้โศกหาย |
น่าแค้นจริงเจียวเจ้าเณรพลาย |
ดึกแล้วยังหายไม่เห็นมา |
ฤๅเจ้ากูมาอยู่ที่นอกบ้าน |
คนพล่านจะกลัวเขาเห็นหน้า |
ว่าพลางทางเปิดประตูมา |
จะออกไปเที่ยวหาเจ้าพลายพลัน |
พอปะเออชะเจ้าคนรวย |
ไปแชเชือนอยู่ด้วยอะไรนั่น |
แม่พิมคอยน้อยฤๅจนดึกครัน |
ที่บนฉันนั้นมาจะทวงละ ฯ |
๏ พลายแก้วยิ้มแล้วตอบสายทอง |
เอ็นดูน้องขอผัดหน่อยเถิดหนะ |
พาให้พบเสียอีกคืนเถิดพี่คะ |
พรุ่งนี้เถิดฉันจะให้จริงจัง |
สายทองกางเพลาะคลุมเจ้าพลาย |
ผันผายขึ้นเรือนมาโดยหวัง |
เจ้าพลายแอบกายสายทองบัง |
ทำกระทั่งถูกนมเข้าลองดู |
เห็นเขานิ่งยิ่งขยำเอาเต็มที่ |
สายทองจักดี้คิดอดสู |
ผลักไสไฮ้ไม่น่าจะเอ็นดู |
นมจู้เจ้าพลายใช่พอดี |
พลายแก้วเห็นทีสายทองโกรธ |
ถูกนิดหนึ่งขอโทษเสียเถิดพี่ |
สำคัญจิตรคิดว่าพิมนิ่มนิ่มดี |
ขอจูบทีเถอะโอ๊ยฉันลืมไป |
อือเออเก้อละเจ้าพลายนี่ |
เชื่อดีเคยได้ใครที่ไหน |
ทำฉาวนี้ก็ชวดอวดฮึกไป |
เขานิ่งให้แล้วยังและเลียมเข้ามา |
โน่นแน่ห้องย่องเข้าไปเองเถอะ |
ไม่อยากเจอะจะนอนเสียดีกว่า |
ว่าพลางทางกระชากผ้าห่มมา |
สะบัดหน้าควักค้อนด้วยงอนใจ ฯ |
๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าพลายแก้ว |
ครั้นสายทองไปแล้วไม่นิ่งได้ |
ก็เยื้องย่องมาถึงห้องที่นอนใน |
บานประตูเปิดไว้ก็เข้ามา |
ค่อยแหวกม่านมุ้งเมียงชม้ายมอง |
สงสารนักเห็นน้องนั่งก้มหน้า |
ประทีปอัจกลับตามอร่ามตา |
ต้องพักตราผิวเนื้อเป็นนวลจันทร์ |
งามโศกตกแสกเมื่อยามเศร้า |
ปิ้มประหนึ่งจะเข้าประคองขวัญ |
งามทรงส่งศรีฉวีวรรณ |
สารพันงามจริตน่าชิดชม |
พลางคะนองหยอกน้องกระแอมเสียง |
นางพิมเมียงเดินมานัยน์ตาก้ม |
แก้มประทับกับจมูกมือถูกนม |
พิมหลบล้มร้องหวีดด้วยตกใจ |
ชำเลืองเหลียวแลเห็นเจ้าพลายแก้ว |
ชะมาแล้วดูฤๅแอบนิ่งเสียได้ |
เมื่อตะกี้คิดว่าผีประหวั่นใจ |
ไฮ้อะไรไม่พอที่ทำคะนอง |
พลายแก้วฟังแล้วหัวร่องอ |
กอดคอชะลอเลื่อนเข้าในห้อง |
ขึ้นบนเตียงเคียงข้างประคับประคอง |
เออนี่น้องคอยพี่แล้วฤๅนา |
อย่าว่าเลยคะหม่อมที่ตรงคอย |
แต่เศร้าสร้อยโศกถึงคะนึงหา |
ถ้าแม้นคํ่าวันนี้หม่อมมิมา |
ฉันจะลาพี่สายทองผูกคอตาย |
ชะกะไรใจคอแม่พิมเอ๋ย |
จะละเลยทิ้งพี่เสียง่ายง่าย |
จะให้พี่ต้องบวชไปจนตาย |
ด้วยไม่หมายมีอื่นแล้วสืบไป |
จะต้องเพียรภาวนาเวลาคํ่า |
ชักประคำแผ่ส่วนกุศลให้ |
ใช่ว่าจะไม่มานั้นเมื่อไร |
ช้าไปก็เพราะลาท่านอาจารย์ |
พี่ปดท่านสารพันท่านก็รู้ |
ขรัวครูดูแน่จริงจริงจ้าน |
ท่านห้ามปรามแข็งขัดทัดทาน |
จนดึกปานฉะนี้พี่จึงมา |
ว่าพลางโลมเล้าเอามือลูบ |
ประจงจูบแก้มซ้ายแล้วย้ายขวา |
อกแอบอิงสวาดิไม่คลาศคลา |
แนบหน้ามือประคองให้น้องนอน |
กำเริบราคเสียวกระสันประหวั่นจิต |
หวุดหวิดวุ่นวายกายกระฉ่อน |
พระพายพัดซัดคลื่นในสาคร |
กระท้อนกระทบกระทั่งฝั่งกระเทือน |
เรือไหหลำแล่นล่องเข้าคลองน้อย |
ฝนปรอยฟ้าลั่นสนั่นเลื่อน |
ไต้ก๋งหลงบ่ายศีรษะเชือน |
เบือนเข้าติดตื้นแตกกับตอ ฯ |
๏ พลายแก้วลุกแล้วชวนน้องรัก |
ร้อนนักไปอาบน้ำบ้างเถิดหนอ |
นางพิมฟังว่าไม่รารอ |
จูงข้อมือเจ้าพลายนั้นเดินมา |
ย่องเหยียบพอดังเกรียบกรอบลั่น |
ศรีประจันทักไปนั่นใครหวา |
เจ้าพลายสะกิดพิมให้เจรจา |
ฉันเองคะออกมาจะอาบน้ำ |
ครั้นถึงอ่างวางอยู่ที่นอกชาน |
สองสำราญขึ้นนั่งบนเตียงต่ำ |
จึงไขน้ำจากบัวตะกั่วทำ |
นํ้าก็พรํ่าพรายพรูดูกระเด็น |
เจ้าพลายชักชายสไบห่ม |
ฉันอายนมไฮ้หม่อมนะอย่าเล่น |
ยังไม่เคยอาบน้ำตัวเปล่าเป็น |
เขาจะเห็นแล้วอย่ากวนฉันหน่อยเลย |
อนิจจาอยู่แต่เจ้ากับตัวพี่ |
ไม่มีใครเห็นดอกเจ้าพิมเอ๋ย |
อาบทั้งผ้าไม่น่าจะเย็นเลย |
พลางก็เผยผ้าน้องออกจากทรวง |
พระจันทร์ลอยลีลาเวหาห้อง |
สอดส่องต้องเต้าดูขาวช่วง |
น้ำกระทั่งหลั่งไหลกระทบทรวง |
ดังเพชรร่วงหรุบต้องกระจายพราย |
เจ้าพลายยิ้มพลางทางพาที |
เจ้าพิมพี่ผุดผ่องต้องเดือนฉาย |
พี่จะช่วยสีขี้ไคลให้สบาย |
มิให้ระคายเนื้อน้องเท่ายองใย |
นางพิมนั่งใกล้เจ้าพลายแก้ว |
ยิ้มแล้วเหยียดแขนออกยื่นให้ |
เจ้าพลายกอดสอดรัดถนัดใน |
โลมไล้ลูบเล่นละมุนมือ |
ไฮ้อะไรไม่พอที่นี่มาทำ |
จะสีแขนมาขยำอย่างนี้ฤๅ |
กระดี้กระเดียมจ้านรำคาญครือ |
ปัดมือหม่อมนี้จู้จี้จริง |
ขอโทษเถิดหลงไปดอกนะเจ้า |
มีแต่เง้าให้พี่ง้อไปทุกสิ่ง |
วานอย่าทำแสนงอนค่อนประวิง |
หนาวจริงอาบเท่านั้นเถิดฤๅไร |
แล้วลุกมาผลัดผ้าทาแป้ง |
พิมก็แบ่งรินน้ำกระแจะให้ |
ขอจูบนิดนั่นประทิ่นกลิ่นอะไร |
นางอายใจหลบหน้าไม่พาที |
ผินหน้ามาเถิดจะทาให้ |
จะอายกันไปไยไม่พอที่ |
แก้มขวาจงทาเข้าให้ดี |
อย่าจู้จี้แก้มฉันนี้คนจน |
เจ้าพิมพี่แล้วก็มีแต่ใจน้อย |
เฝ้าแต่คอยเอาผิดทุกแห่งหน |
พลางประคองจูงน้องขึ้นเตียงบน |
สองคนสัพยอกเย้าหยอกกัน ฯ |
๏ ครานั้นพลายแก้วคะนึงตรอง |
ถึงสายทองที่ทวงสินบนนั่น |
ครั้นว่าจะหาเงินมาให้ปัน |
จะเสียชั้นเชิงชาติเจ้าชู้ไป |
คำโบราณท่านว่าไว้ตรงตรง |
หนามยอกเอาหนามบ่งคงจะได้ |
อันเงินทองมิใช่ของที่ต้องใจ |
คิดได้เบือนหน้ามาเยื้อนยิ้ม |
จึงแกล้งลวงถามเป็นความใน |
พี่พรั่นใจหนักหนาเจ้าเนื้อนิ่ม |
จะมาขอต่อแม่ของแม่พิม |
ถ้าไม่ให้แล้วพี่ปิ้มขาดใจตาย ฯ |
๏ ครานั้นนางพิมนิ่มสนิท |
ไม่รู้คิดในกลเจ้าแก้วหมาย |
เบือนหน้าสัพยอกหยอกเจ้าพลาย |
ฉันไม่ให้หม่อมอายอย่าทุกข์ใจ |
มาดแม้นปีเดือนไม่ได้กัน |
ตัวฉันคงจะหนีหาอยู่ไม่ |
ได้ชั่วผิดคงจะคิดติดตามไป |
กลัวหม่อมอิกจะไม่ขอฉันจริง |
เออเป็นไรเจ้าว่าอย่างนี้หนอ |
มีแต่พ้อล่วงหน้าไปทุกสิ่ง |
วานอย่าทำแสนงอนค่อนประวิง |
จริงแล้วแม่พิมเจ้าปีไร |
พี่จะได้บอกปีของพี่มา |
ให้ต้องชะตานับนาคตัวเดียวได้ |
จะได้ชั่วได้ดีกันฉันใด |
อย่าถือใจเอาตำรามาว่าเลย |
ที่เขาตามกันไปเป็นหนักหนา |
ดูชะตาที่ไหนเล่าเจ้าพิมเอ๋ย |
เอากุศลหนหลังที่เราเคย |
ถ้ากรรมแล้วก็อย่าเอ่ยไปเลยพิม |
ฉันฤๅปีชวดนะหม่อมพี่ |
สิบหกปีปีนี้พึ่งปริปริ่ม |
อ่อนกว่าพี่สองปีเจียวนะพิม |
เจ้าเนื้อนิ่มพี่สายทองแกปีไร |
พี่สายทองปีมะเมียคะหม่อมพี่ |
ได้ยี่สิบสองปีฉันจำได้ |
จะถามปีพี่สายทองไปทำไม |
ฤๅรักใคร่สมสู่เป็นชู้เมีย |
พิมแล้วมีแต่พูดอุตริ |
บัดสีสิขอนั้นจงนิ่งเสีย |
วานอย่าว่าไม่น่าเป็นชู้เมีย |
มีแต่ค่อนเขี่ยมาไค้แคะ |
ว่าพลางเกลียวกลมสมสนิท |
กอดชิดจูบถนอมหอมกระแจะ |
เต้าเคร่งเต่งตั้งดังจะแยะ |
เลียมและโลมลูบให้หลับพลัน ฯ |
๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าพลายแก้ว |
เห็นพิมหลับแล้วให้ป่วนปั่น |
คิดถึงสายทองปองผูกพัน |
หมายมั่นที่จะมอบซึ่งไมตรี |
ไม่แก่อ่อนค่อนสาวพอจะชม |
เนื้อนมถูกต้องเมื่อตะกี้ |
ยังไม่น่วมแน่นชิดสนิทดี |
แก่กว่าเราสี่ปีเท่านั้นเอง |
อย่าเลยจะลอบออกไปหา |
ถึงไม่รักจะว่าเราข่มเหง |
ไหนจะกล้าร้องขึ้นให้ครื้นเครง |
ด้วยตัวเองชักเรามาเข้าเรือน |
คิดพลางทางลุกไปจากห้อง |
ค่อยเหยียบย่องย่างเยื้องชำเลืองเลื่อน |
ลงจากเตียงเสียงตีนเดินสะเทือน |
พิมเบือนก็ขยับกลับหาพิม |
ประคองสอดกอดแอบไว้แนบอก |
พยุงยกให้เจ้าหลับสนิทนิ่ม |
เฝ้าพลิกกลับไม่ใคร่หลับเจียวนะพิม |
จนเหงื่อปริ่มออกมาแล้วไม่หลับเลย |
พลางคลี่พัดจันทน์ออกพัดให้ |
สบายใจหลับบ้างเถิดพิมเอ๋ย |
จนดึกดื่นปานนี้มิหลับเลย |
พลางชมเชยลูบไล้ให้หลับลง ฯ |
๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าพลายแก้ว |
พิมหลับสนิทแล้วสมประสงค์ |
ออกจากห้องย่องเยื้องมาโดยจง |
ตรงถึงห้องสายทองด้วยทันใด |
แล้วจึงเป่าคาถามหาสะเดาะ |
กลอนเผลาะหลุดเลื่อนออกไปได้ |
เยื้องย่องเข้าห้องที่นอนใน |
นั่งใกล้เกลียวกลมชมเชยนาง |
จูบแก้มแนมนมขยำยั้ง |
เต้าตั้งเต่งโตอล่างฉ่าง |
เอนเอียงเคียงสอดกอดนาง |
เป่ามนตร์พลางลูบหลังให้ลานใจ ฯ |
๏ ครานั้นสายทองผ่องศรี |
รู้สึกสมประดีหาช้าไม่ |
เหลียวเห็นพลายแก้วแววไว |
ก็มีใจสุดสวาดิถวิลรัก |
ด้วยต้องมนตร์เทพรำจวน |
ให้ปั่นป่วนขวยเขินสะเทิ้นหนัก |
มารยาหญิงทำประวิงว่าไม่รัก |
จึงแกล้งทักออกไปนี่ใครมา ฯ |
๏ พลายแก้วยิ้มแล้วตอบสายทอง |
วานอย่าร้องเลยฉันเข้ามาหา |
ด้วยสุดกลั้นกลืนรักหนักอุรา |
ขอษมาเถิดอย่าถือว่าพี่เมีย |
พี่ก็ไม่แก่วันกับฉันนัก |
ถึงร่วมรักครองกันนั้นไม่เสีย |
แก่กว่านี้ก็ยังมีเป็นชู้เมีย |
วานอย่าห้ามให้ละเหี่ยละห้อยใจ ฯ |
๏ เก้อแล้วนี่พ่อแก้วรังแกเก่ง |
เป็นเด็กมาเขย่งเกี้ยวผู้ใหญ่ |
เคยได้คล่องคล่องคะนองใจ |
มาล่วงไล่วิงวอนค่อนแคะ |
พ่อก็เป็นคนดีมีความคิด |
จะพาผิดถึงพี่กระนี้แหละ |
ฉวยแม่พิมรู้ความไม่งามแงะ |
ว่านัดแนะให้เข้ามาหาสายทอง |
ก็จะชั่วไปทั้งตัวพ่อพลายแก้ว |
กรรมแล้วมาคบข้าให้หน้าหมอง |
จะชวดเชยชิมกะทิจงตริตรอง |
ไปเสียจากห้องเถิดพ่อไป ฯ |
๏ นิจจาจิตรฉันก็คิดว่าพี่รัก |
จึงหาญหักเข้ามายังว่าได้ |
ถึงพิมรู้จู่มาอย่าพรั่นใจ |
จะเกลี่ยไกล่มิให้ผิดถึงพี่เลย |
ได้การุญจงทำคุณให้ตลอด |
อย่าบ่นออดอึงมี่เลยพี่เอ๋ย |
ได้เข้ามาเพียงนี้มิฟังเลย |
จนได้เชยชิดถึงอย่างนี้แล้ว ฯ |
๏ เออนี่จู้จี้จริงจริงจ้าน |
จะให้ฉาวขึ้นทั้งบ้านฤๅท่านแก้ว |
ว่าดีดีเซ้าซี้ไม่รู้แล้ว |
นี่ฉันข่วนให้เป็นแนวดอกเดี๋ยวนี้ |
เออหาไม่ช่วยใครมาเป็นข้า |
มาหยิกหยอกหยาบช้าน่าบัดสี |
คิดว่าไม่ซุกซนเป็นคนดี |
ไม่พอที่จะมานั่งทำรังแก |
ไปก็ไปเชิญไปเสียจากห้อง |
ถ้าขืนอยู่จะร้องให้เซ็งแซ่ |
ให้สาใจที่มาล่อทำตอแย |
จะไปบอกหม่อมแม่มาจับตัว ฯ |
๏ พลายแก้วได้ฟังสายทองว่า |
กระถดเข้าไปหาแล้วยิ้มห้ว |
ร่ายมนตร์เป่าไปให้ต้องตัว |
เย้ายั่วหยอกนวลให้ยวนใจ |
จึงวอนว่าอนิจจาสายทองพี่ |
มิปรานีที่จะอยู่อย่าสงสัย |
คงจะผูกคอฉันให้บรรลัย |
คอยดูใจน้องเถิดพี่สายทอง |
ว่าพลางทางทำเป็นหยิบผ้า |
ผูกเข้ากับเซนฝาที่ในห้อง |
เอาชายหนึ่งพันคอล้อสายทอง |
นางหวีดร้องห้ามว่าอย่าพ่อพลาย |
มานี่พี่จะว่าให้พ่อฟัง |
ควรฤๅคลั่งฆ่าตัวเสียง่ายง่าย |
ยากนักจักได้เกิดมาเป็นชาย |
ไม่เสียดายแม่พิมดอกฤๅไร |
รุ่นสาวราวกับรูปกินรี |
ทั้งเป็นที่ชอบชิดพิสมัย |
จะมาตายเสียด้วยพี่นี้ทำไม |
เป็นสาวใหญ่รูปร่างไม่งามงด |
พลายแก้วฟังแล้วก็กลับยิ้ม |
พี่ละม้ายคล้ายพิมทุกอย่างหมด |
กิริยาพาทีก็ช้อยชด |
เห็นหมดจดเนื้อนมช่างสมตัว |
อันสาวใหญ่แยบคายกัลเม็ด |
เบ็ดเตล็ดการเล่นเห็นไม่ชั่ว |
ว่าพลางทางขยดเขาใกล้ตัว |
ต้องบัวไม่บีบระบมมือ |
ประคองเคียงเอียงลงกับที่นอน |
ประจงช้อนจูบจอมถนอมถือ |
อกแอบแนบทับกับอกครือ |
วานอย่าดื้อกระเดื่องดิ้นได้เอ็นดู ฯ |
๏ ครานั้นสายทองก็ตอบคำ |
อย่ากวนปลํ้าฉันจะยอมให้หม่อมอยู่ |
กลัวแต่ว่าจะเล่นอย่างเช่นชู้ |
แม้นสมสู่ได้แล้วจะทอดทิ้ง |
ถ้าแม้นจงใจรักอย่าหักหาญ |
ขอประทานความสัตยํไว้สักสิ่ง |
ให้ประจักษ์ที่ว่ารักฉันจริงจริง |
จะนอนก็จะนิ่งให้ตามใจ |
อนิจจาสายทองต้องให้สัตย์ |
ฟ้าผ่าเถิดฉันไม่ขัดสบถได้ |
ไม่ล่อลิ้นปลิ้นปลอกนอกใจ |
ฉันไม่กลอกกลับเลยจริงจริง |
พลางเป่าปถมังกระทั่งทรวง |
สายทองง่วงงงงวยระทวยนิ่ง |
ทำตาปริ่บปรอยม่อยประวิง |
เจ้าพลายอิงเอนทับลงกับเตียง |
ค่อยขยับจับเขยื้อนแต่น้อยน้อย |
ฝนปรอยฟ้าลั่นสนั่นเปรี้ยง |
ลมพัดซัดคลื่นสำเภาเอียง |
ค่อยหลีกเลี่ยงแล่นเลียบตลิ่งมา |
พายุหนักชักใบได้ครึ่งรอก |
แต่เกลือกกลอกกลับกลิ้งอยู่หนักหนา |
ทอดสมอรอท้ายเป็นหลายครา |
เภตราหยุดแล่นเป็นคราวคราว |
สมพาสพิมดุจริมแม่น้ำตื้น |
ไม่มีคลื่นแต่ละลอกกระฉอกฉาว |
ปะสายทองดุจต้องพายุว่าว |
พอออกอ่าวก็พอจมล่มลงไป ฯ |
๏ จะกล่าวถึงเจ้าพิมนิ่มน้อย |
แต่พอม่อยตื่นผวาหาช้าไม่ |
คว้าหาเจ้าพลายก็หายไป |
ตกใจไฉนเหตุอย่างไรมี |
ลุกขึ้นดูประตูก็เปิดไว้ |
ทูนหัวหนีไปข้างไหนนี่ |
รู้จ้กใครจะไปหาก็ผิดที |
เวลานี้ก็ดึกเต็มประดา |
ฤๅแกล้งหลอกหยอกน้องคะนองเล่น |
นางแหวกม่านมองเขม้นชม้อยหา |
ไม่เห็นผัวตกใจฟายน้ำตา |
อนิจจาน้องไม่แจ้งอยู่แห่งไร |
ฤๅจะโกรธโทษน้องอย่างไรนี่ |
ความผิดฉันนี้หามีไม่ |
นึกอนาถประหลาดนักมาหนีไป |
ฤๅสั่งสายทองไว้จะถามดู |
ก็เยื้องย่องมาถึงห้องสายทองพลัน |
ได้ยินเสียงพูดกันงึมงึมอยู่ |
แอบฟังบังทวารบานประตู |
รู้ว่าอยู่ในห้องสายทองนอน ฯ |
๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าสายทอง |
ใจหมองหม่นไหม้ให้ชะอ้อน |
ระทวยใจไหวหวั่นให้อาวรณ์ |
มีแต่แรงแล้วก็ค่อนข่มเหงเอา |
ได้ชั่วแล้วพ่อแก้วเลี้ยงฉันนะ |
ถ้าเลยละสายทองต้องอายเขา |
พิมรู้จะจู่ค่อนข่มเหงเอา |
เป็นน้อยเขาจะต้องไหว้ไม่พ้นจริง |
เออเป็นไรจึงว่าอย่างนี้เล่า |
รักเท่ากันมิให้ใครใหญ่ยิ่ง |
เจ้าเงยหน้ามาจะว่าให้เห็นจริง |
ซึ่งสิ่งรักใคร่แต่ไรมา |
มาบนให้พูดพิมครั้งนี้เล่า |
เพราะรักเจ้าดอกจึงแสร้งแกล้งว่า |
จะเกี้ยวก่อนเกรงเจ้าไม่พูดจา |
พี่รักเจ้ามากกว่าห้าเอาหนึ่ง ฯ |
๏ พิมฟังบังบานอยู่ไม่ได้ |
ขัดใจเอามือผลักประตูผึง |
กลุ้มกลัดขัดใจดังไฟรึง |
ลงตีนตึงตึงถึงเตียงนอน |
เปิดมุ้งมองเขม้นพอเห็นหน้า |
กอดกันคาคิดแค้นแล้วค้อนค่อน |
สายทองลุกทะลึ่งจากที่นอน |
พ่อแก้วหล่อนรังแกฉันแม่พิม |
จะขับไล่ไสผลักไม่ยักไป |
ว่าเท่าไรมีแต่จะยิ้มกริ่ม |
ครั้นจะอึงกลัวจะผิดถึงแม่พิม |
ป้ำปิ้มเลือดตาจะกระเด็น |
หวานกินขมกินเพราะรักน้อง |
ความสัตย์สายทองใครจะเห็น |
ไม่รู้เลยว่าพ่อแก้วหล่อนจะเป็น |
เช่นนี้คิดมาน่าน้อยใจ |
ว่าพลางทางทำเป็นมารยา |
ก้มหน้าลงแล้วก็ร้องไห้ |
พิมฟังคั่งแค้นให้แน่นใจ |
มันไส้ทิ่มตำซ้ำประชด |
ฉันขอบใจแล้วใจของพี่ดี |
อารีรอบคอบไปหมดจด |
ซื่อจริงซื่อยิ่งกว่างอนรถ |
หากพวกเราดอกคดไปก่อนเอง |
จึงเหลียวหน้ามาว่ากับหม่อมแก้ว |
เห็นดีแล้วฤๅจึงล่วงมาข่มเหง |
เขาแก่เถ้าคราวพี่ไม่มีเกรง |
แล้วได้เลี้ยงฉันเองมาแต่เล็ก |
ไม่ใคร่ครวญด่วนดื้อแต่โดยได้ |
เป็นผู้ใหญ่ฤๅจะล่วงข่มเหงเด็ก |
เหลือคะนองจริงจริงเหมือนลิงเล็ก |
ดังจีนเจ๊กจู้จี้ขี่ช้างพัง |
นี่หากว่ามาทันจึงหันผลัก |
หาไม่จักแหล่นอิกกระมังมั่ง |
ดังราหูจู่จับพระจันทร์บัง |
จนเขาเคาะระฆังจึงขี้คาย ฯ |
๏ มันไม่กระนั้นดอกนะแม่ |
อย่าเซ็งแช่เลยจงดับโมโหหาย |
ไม่ควรเคืองฤๅมาขุ่นให้วุ่นวาย |
อื้ออายอึงเปล่าไม่เข้ายา |
เป็นความสัตย์พี่มาผัดแกดอกเจ้า |
สินบนที่บนเขาเป็นหนักหนา |
พี่ไม่เป็นเช่นนั้นดอกขวัญตา |
อนิจจามาโกรธพี่จริงจริง |
เจ็บใจราวกะใครนี้ไม่รู้ |
มันเต็มหูเสียแล้วสิ้นทุกสิ่ง |
ได้ยินดอกถึงไม่บอกก็เห็นจริง |
เอาทองทิ้งให้ทั้งแท่งถนัดใจ ฯ |
๏ สายทองฟังพิมพูดทิ่มตำ |
เจ็บช้ำเชิงประชดไม่อดได้ |
จึงเบือนหน้ามาว่าด้วยขัดใจ |
ชิชะราวกับใครไม่รู้ทัน |
คะกระนั้นแหละถูกทองเข้าทั้งแท่ง |
พอแรงกบหีบแล้วสินั่น |
เห็นจะมีมากกว่าสักร้อยอัน |
จะแบ่งปันมาให้ไม่รักเอา |
นี่จะเป็นความคิดของนางเมีย |
สอนให้มาแก้เบี้ยข้าฤๅเจ้า |
กลัวจะต้องเสียเงินสินบนเรา |
รู้เท่ากันอยู่บ้างเป็นไรมี |
ได้ผัวแรกมัวกำลังเปรื่อง |
ต่อฟ้าเคืองจึงจะคิดถึงคุณพี่ |
เสียแรงอุ้มเลี้ยงมาทุกราตรี |
แทนคุณให้ครานี้แล้วน้องรัก ฯ |
๏ ชิชะมิเสียทีพี่สายทอง |
แกช่างกรองสร้อยสนดังวนจักร |
ฟังเพราะน่าหัวเราะให้คักคัก |
เสียแรงที่พี่รักไว้ร่วมใจ |
อย่างนี้ฤๅนี่จะมิรักหลง |
รักจนงงถึงพิมหาเหมือนไม่ |
ต่ำช้าลงเป็นห้าเอาหนึ่งไป |
ด้วยไม่สู้ว่องไวสบทำนอง |
ฉันขอบคุณแล้วคุณพี่อุ้มมา |
อุ้มทั้งเขยทั้งข้าเข้าในห้อง |
โบราณท่านว่าเป็นพี่น้อง |
พลัดเข้าท้องเป็นตีนเป็นมือไป ฯ |
๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าสายทอง |
ฟังน้องตอบมาหาช้าไม่ |
สารพันว่าได้ไม่เกรงใจ |
เป็นไรเป็นไปเถิดตามกรรม |
ปากกล้าดีก็ว่ามาอิกซี้ |
ตีผางเดี๋ยวนี้ให้ล้มควํ่า |
มันลึกละใครจะนิ่งให้พี่ทำ |
อย่าเชื่อลํ่าถึงข้าเล็กไม่อยากกลัว |
เมื่อกระนั้นถึงจะตีก็ไม่ว่า |
เดี๋ยวนี้ข้าถือว่าเป็นเจ้าผัว |
อีเมียน้อยก้ำเกินไม่เกรงกลัว |
จะจิกหัวลงตบด้วยกะลา |
ชิชะถ้อยคำกะไรนี่ |
จะต้องตีว่ายากนางปากกล้า |
นางพิมเคืองขุ่นมุ่นขึ้นมา |
กล้าดีตีเข้านางสายทอง |
พลายแก้วตกใจลุกทะลึ่ง |
กลัวความจะอึงขึ้นในห้อง |
เข้ายืนกลางกางกั้นนางสายทอง |
แล้วห้ามน้องปลอบว่าอย่าแม่พิม |
อดใจเถิดได้เอ็นดูพี่ |
ถ้าอึงมี่เกิดความนะเนื้อนิ่ม |
สายทองก็ไม่ผ่อนเอาใจพิม |
ไฟลุกแล้วยิ่งทิ่มด้วยฝอยฟืน |
แต่เอะอะอื้ออึงทั้งสามเสียง |
ศรีประจันหลับบนเตียงตกใจตื่น |
กูหนวกหูกูจริงดังยิงปืน |
จนดึกดื่นนี่มันทำอะไรกัน |
สายทองตัวดีมีความคิด |
บอกติดว่าแม่พิมหล่อนด่าฉัน |
นอนหลับอยู่หมาจู่กินน้ำมัน |
ศรีประจันร้องว่าสาแก่ใจ |
นางพิมยิ้มพลางทางช่วยปด |
ฉันมาไล่หาไม่หมดสิ้นทั้งไห |
ว่าพลางทางค้อนด้วยขัดใจ |
กลับไปเข้าห้องเสียฉับพลัน ฯ |
๏ เจ้าพลายแก้วรู้แล้วว่าพิมเคือง |
ก็ย่างเยื้องตามมาขมีขมัน |
นั่งแนบแอบตัวพัวพัน |
รับขวัญมือประคองให้น้องนอน |
ประโลมลูบจูบปลอบให้หายโกรธ |
พี่ขอโทษเสียเถิดเจ้าเนื้ออ่อน |
นางพิมผลักไสด้วยใจงอน |
อย่ามานอนห้องเขาเลยเจ้าจอม |
มาจับต้องฉันทำไมให้เสียมือ |
อย่าถูกถือลูบไล้มันไม่หอม |
ไม่เหมือนสายทองพี่แกดีพร้อม |
จริงไหมล่ะคะหม่อมจนมัวเมา ฯ |
๏ โอ้ว่าอนิจจาเจ้าพิมพี่ |
ทุกวันนี้ไม่เชื่อกันฤๅเจ้า |
สารพันว่าได้ก็ว่าเอา |
เมื่อทุกข์เข้าทับอกไม่เห็นเลย |
ไปเมื่อหน้าพี่จะมาขอสู่น้อง |
เผื่อท่านไม่ปรองดองเล่าน้องเอ๋ย |
ทุกข์เท่านี้จึงไม่มีสบายเลย |
จึงไปเปรยปรับทุกข์กับสายทอง |
ไม่ทันเคี้ยวหมากแหลกเสียอีกเจ้า |
พอแม่พิมขวางเข้าไปในห้อง |
ไม่พอที่วุ่นวายกับสายทอง |
นิจจาเจ้าเปล่าดอกน้องอย่ารำคาญ ฯ |
๏ เหม่หม่อมย่อมกระนี้ตัวดีแท้ |
ฟ้าแผ่เถอะขี้ปดจริงจริงจ้าน |
ฉันไปแอบฟังดูอยู่ช้านาน |
วานอย่าพูดแก้ตัวไปหน่อยเลย |
นี่ฤๅจะรักกันไปวันหน้า |
ถึงที่ว่าจะมาขอก็รอเฉย |
แต่เพียงนี้สิยังปดไม่ลดเลย |
เคยปากคอยปดทุกสิ่งไป |
ฉันนี้หลงจงรักแต่ข้างเดียว |
ช่างโป้ปดลดเลี้ยวหาตรงไม่ |
ได้พลั้งผิดคิดคิดก็เสียใจ |
อกเอ๋ยแต่จะได้อัประมาณ |
ไม่ฟังคำสุภาษิตท่านสั่งสอน |
มาแสนงอนเชื่อลิ้นด้วยลมหวาน |
ท่านว่ามารยาของชายชาญ |
มีประมาณได้สามสิบสองกล |
มาเทียบดูกับเจ้าจอมหม่อมคนนี้ |
ราวสักหกสิบสี่ไม่ขัดสน |
พูดเพราะดังเคาะฆ้องวงวน |
ไม่รักเชื่อน้ำมนต์แล้วสืบไป ฯ |
๏ นิจจาพิมเจ้าไม่รู้ว่าพี่รัก |
ไม่ชังนักดอกหานึกเช่นนั้นไม่ |
รักเจ้าเท่าเทียบเปรียบดวงใจ |
กอดประคองน้องไว้ไม่วายวาง |
แว่วดุเหว่าเร้าร้องเมื่อจวนรุ่ง |
ใจสะดุ้งเอ๊ะเกือบจะสางสาง |
ขยับเลื่อนลุกเปิดหน้าต่างพลาง |
เห็นเรื่อรางสว่างหล้าดาราราย |
อับศรีสุริยาจะรีบรถ |
ยิ่งระทดจะจากไปให้ใจหาย |
โศกซ้ำน้ำตาลงพร่างพราย |
เสียดายดังใครล้วงเอาดวงใจ |
จะจากเจ้าพี่เศร้าไปเจียวน้อง |
เพราะมิตรอิจฉาปองเป็นเหตุใหญ่ |
รักษาตัวเถิดผัวจะลาไป |
ระวังภัยอย่าให้ผิดแก่คนพาล |
พี่พรั่นจิตรคิดวิตกด้วยแม่เจ้า |
จะขืนเอาไปให้ไอ้เดรฉาน |
เป็นลูกเขาสุดที่เจ้าจะทัดทาน |
ก็จะพาลตีเจ้าให้เศร้าใจ |
ค่อยอยู่เถิดพุ่มพวงดวงชีวิต |
พระอาทิตย์รีบรถจรัสไข |
พลางขยับลุกมายังอาลัย |
พิมน้องเหนี่ยวไว้มิให้มา |
ใจหายพ่อพลายมาจำจาก |
อกจะครากเสียด้วยร้างเสนหา |
ยามดึกจะรำลึกทุกเวลา |
เคยมาชวนพิมให้พาที |
ที่นอนน้องจะเย็นเมื่อยามหนาว |
อกจะร้าวใจน้องจะหมองศรี |
ดังพระกาลมาผลาญเอาชีวี |
ตั้งแต่นี้น้ำตาจะนองตา |
พ่อจะไปกะไรรอดถึงกาญจน์บุรี |
สัตว์ร้ายราวีเป็นหนักหนา |
คนเดียวเดินเปลี่ยวไปเอกา |
ทั้งบาทาจะระบมด้วยบอบบาง |
จะร้อนรนทนแดดที่ไหนได้ |
ยิ่งคิดไปสงสารพ่อสุดอย่าง |
เมียให้หวั่นพรั่นใจไปกลางทาง |
ล้วนดงยางเยือกเย็นไม่เห็นใคร |
เมื่อยามเย็นเห็นแต่ชะนีร้อง |
วิเวกก้องโหวยโหวดโดดไสว |
เสียงผีหวี่หวีดวังเวงใจ |
เหลืออาลัยแล้วพ่อทูลกระหม่อมพิม |
ร้องไห้พลางทางลุกไปไขหีบ |
ขยับหยิบเงินมานํ้าตาปริ่ม |
ห้าชั่งพลางห่อสีทับทิม |
นี่ของพิมให้พ่อจงเอาไป |
แล้วจ้างช้างขี่ไปให้จนถึง |
จะเอาสักสิบตำลึงจงเสียให้ |
เชื่อเมียนะหม่อมอย่าเดินไป |
เจ้าพลายรับเงินไว้น้ำตานอง |
เอาคางพาดบ่าพิมกระซิบสั่ง |
จงระวังตัวไว้อยู่ในห้อง |
ชั้นหน้าต่างก็อย่าย่างไปเยี่ยมมอง |
อย่าเที่ยวท่องลงแล่นไปแผ่นดิน |
จะจากไปแทบใจเจียนจะขาด |
แสนสวาดิห่วงอยู่ไม่รู้สิ้น |
แบ่งภาคได้จะแบ่งไว้เป็นเพื่อนกิน |
นี่สุดสิ้นมิใช่ฤทธิพระนารายณ์ |
จวนรุ่งเสียงพระเคาะระฆัง |
ดุเหว่าวังเวงไพรให้ใจหาย |
จะจากพิมเปี่ยมปริ่มน้ำตาพราย |
กระจายลงผอยเผาะกับบ่าพิม |
ลุกเขยื้อนเลื่อนมาที่หน้าต่าง |
คอยพี่อยู่พลางเถิดเนื้อนิ่ม |
เจ็ดวันจะมาว่าขอพิม |
ยืนริมหน้าต่างเรียกผีไป |
ย่างลงบนบ่าไม่ช้าที |
เอาเงินผูกคอผีหาช้าไม่ |
เหลียวหลังสั่งเสียแสนอาลัย |
ดวงใจอยู่เถิดพี่ขอลา |
นางพิมมัวหมองเฝ้าร้องไห้ |
ยกมือไหว้น้ำตาลงนองหน้า |
กลุ้มกลัดอัดใจไม่เจรจา |
สะอื้นออกปากว่าไปจงดี |
เจ้าพลายแก้วรับไหว้ใจจะขาด |
น้ำตาหยาดหยดลงตรงบ่าผี |
ผีก็พาผายผันไปทันที |
ต่างก็มีใจวิโยคโศกถึงกัน |
แลแลจนลับไปลิบลิบ |
หายฉิบใจพิมยิ่งโศกศัลย์ |
หับหน้าต่างนางเข้าในห้องพลัน |
สะอื้นอั้นเอนทับกับที่นอน |
โอ้พ่อพลายแก้วของน้องเอ๋ย |
เมื่อไรเลยจะได้กลับมาเรียงหมอน |
แต่โศกเศร้าโศกาให้อาวรณ์ |
สะอื้นอ้อนอ่อนระทวยอยู่งวยงง ฯ |