ตอนที่ ๖ พลายแก้วเข้าห้องนางสายทอง

๏ จะกล่าวถึงโฉมเจ้าขุนช้าง คะนึงนางพิมน้อยละห้อยหา
แต่เช้าค่ำครํ่าครวญทุกเวลา ตั้งแต่มาจากบ้านศรีประจัน
ไม่เป็นกินเป็นนอนแต่ร้อนรัก อกจะหักใจรัญจวนป่วนปั่น
มิได้มีความสบายมาหลายวัน แทบจะกลั้นใจตายไม่วายคิด
อยู่ในห้องร้องไห้พิไรรํ่า ทุกคํ่าเช้าเฝ้านอนแต่ถอนจิตร
ทำไฉนจะได้แอบแนบชิด กับเจ้าพิมนิ่มสนิทของพี่อา
วันเมื่อน้องอาบน้ำกับบ่าวไพร่ พี่ไปแอบมองที่ตีนท่า
ช่างกะไรไม่เห็นพี่เล่นตา เมินหน้าเสียทีเดียวไม่เหลียวแล
ขึ้นจากนํ้าพี่ซ้ำตามไปบ้าน ก็ได้การขึ้นไปว่าหาหม่อมแม่
พูดกับศรีประจันไม่ผันแปร นึกแน่อยู่ว่าเห็นจะเป็นการ
พรุ่งนี้จะไปผลอขอทีเดียว ลดเลี้ยวตามปัญญาว่าขาน
ทั้งเงินทองของข้าวเอาเจือจาน ถึงรูปชั่วหัวล้านคงเมตตา
แต่ครํ่าครวญป่วนจิตรคิดจนรุ่ง พระสุริยาพวยพุ่งเวหา
ส่องแสงแจ้งกระจ่างสว่างตา ก็ล้างหน้าจัดแจงแต่งตัว
ยกคันฉ่องมาส่องดูกระจก ในจิตรคิดวิตกแต่ที่หัว
เอาเขม่าเข้ามอมอยู่มัวซัว แป้งชโลมโซมตัวทั่วทั้งกาย
ครั้นแล้วลุกออกมานอกห้อง นุ่งยกห่มกรองทองเฉิดฉาย
เรียกบ่าวเล็กเล็กเด็กผู้ชาย มากมายตามหลังสะพรั่งมา ฯ
๏ ครั้นถึงเรือนศรีประจันเข้าทันใด ดีใจก้าวขึ้นบนเคหา
ศรีประจันครั้นเห็นขุนช้างมา ก็ต้อนรับเรียกหาเข้ามาพลัน
แล้วปราศรัยไต่ถามฉันเพื่อนบ้าน เสือกพานหมากเชิญกินหมากนั่น
ธุระอะไรว่าไปอย่าเกรงกัน แม่นั้นอยู่ดีดอกฤๅนา ฯ
๏ ขุนช้างตอบไปเห็นได้ที ว่าลูกนี้จะขอมาเป็นข้า
ให้แม่ใช้ต่างเกือกต่างกะลา คิดคิดจะใคร่ว่าก็เกรงกลัว
ด้วยรักพิมนิ่มน้องนี้จริงจัง จงปลูกฝังเสียเถิดแม่ทูนหัว
ถ้าได้ครองจะเอาทองมาทาบตัว ลูกไม่กลัวเงินทองลูกถมไป
ยามเดินจะให้เดินแต่ในห้อง แต่แสงเดือนมิให้ส่องต้องตัวได้
จะกลัวจนกลัวยากไปทำไม แม่ข้าไหว้เลี้ยงลูกไว้ดูที ฯ
๏ ครานั้นท่านยายศรีประจัน ฟังขุนช้างรำพันเป็นถ้วนถี่
นึกยิ้มกริ่มใจให้ยินดี ได้ลูกเขยเศรษฐีก็ดีใจ
จึงว่าพ่อช้างทูนหัวแม่ ตามแต่บุญกรรมจะนำให้
ปีเดือนได้กันฤๅฉันใด แล้วเรียกลูกสาวไปในทันที
แม่พิมเอ๋ยแม่พิมไปอยู่ไหน เป็นไรจึงไม่ออกมาไหว้พี่
มารู้จักกันไว้เป็นไรมี มาซีทูนหัวของมารดา ฯ
๏ ครานั้นนางพิมนิ่มสนิท แค้นจิตรขัดใจเป็นหนักหนา
แอบลับแลแลเห็นขุนช้างมา แฝงฝาฟังเรื่องให้เคืองใจ
อ้ายนี่แลมันทำกูวันนั้น จะฟังเทศน์ฟังธรรม์หาได้ไม่
จึงร้องตอบแม่พลันในทันใด ไม่ไปละอย่าเรียกให้ยากเลย
แล้วแกล้งเรียกข้าด่าประจาน แน่อ้ายผลหัวล้านไปไหนเหวย
ยกยศยิ่งใหญ่กะไรเลย ดอกเตยฤๅจะปลอมพะยอมไพร
จองหองเอาเงินมาอวดอึง แม่มึงกูหาปรารถนาไม่
ขี้เกียจการงานนี่สุดใจ นํ้าขอดโอ่งไหไม่นำพา
อ้ายเจ้าชู้ลอมปอมกระหม่อมบาง ลอยชายลากหางเที่ยวเกี้ยวหมา
ชิชะแป้งจันทน์น้ำมันทา หย่งหน้าสองแคมเหมือนหางเปีย
หมามันจะเกิดชิงหมาเถิด มึงไปตายเสียเถิดอ้ายห้าเบี้ย
หน้าตาเช่นนี้จะมีเมีย อ้ายมะม่วงหมาเลียไม่เจียมใจ
เหมือนแมงปออวดอิทธิ์ว่าฤทธิ์สุด จะแข่งครุฑข้ามอ่าวทะเลใหญ่
ก้อนเส้าฤๅจะเท่าเมรุไกร หิ่งห้อยไพรจะแข่งแสงสุริยง
ชาติชั่วตัวดังนกตะกรุม จะเอื้อมอุ้มอิงอกวิหคหงส์
เขาสิปองเล่นมุจลินท์ลง ตัวพะวงตมกลับทะนงใจ ฯ
๏ ขุนช้างฟังนางกระทบด่า นึกอายบ่าวข้าไม่อยู่ได้
อำลาศรีประจันในทันใด ลงจากเรือนไปมิได้ช้า ฯ
๏ ครานั้นท่านยายศรีประจัน แค้นครันขัดใจเป็นหนักหนา
ลุกขึ้นฉวยไม้ไล่ตีมา มึงหยาบช้าชาติชั่วนี่เหลือใจ
น้อยฤๅคารมอยู่เปรี้ยงเปรี้ยง เช่นนี้ไหนจะเลี้ยงมึงไปได้
หวดตียี่ยับระยำไป เลือดไหลโซมหลังหลั่งน้ำตา
นางพิมต้องตีตัวเป็นแนว ฉันกลัวแล้วคราวนี้ฉันไม่ว่า
เจ็บปวดยวดยิ่งทั้งกายา ก็หนีหน้าวิ่งเข้าในครัวไฟ
ปิดประตูใส่กลอนด้วยความกลัว ทอดตัวลงแล้วสะอื้นไห้
ครั้งนี้เจ็บอายนี่เหลือใจ เลือดไหลโซมหลังตลอดลาย
รํ่าพลางนางเรียกสายทองพี่ มานี่ดูดู๋ไปไหนหาย
ไม่ช่วยน้องต้องตีแทบจะตาย พี่สายทองเอ็นดูด้วยเถิดรา ฯ
๏ สายทองฟังน้องให้รำคาญ คิดสงสารจึงเดินเข้าไปหา
เห็นประตูปิดมิดอยู่ตรึงตรา แฝงฝาว่าเรียกพี่ทำไม
พี่สายทองเอ๋ยน้องนี้แสนเศร้า ด้วยแม่เราแกจะขืนไปยกให้
กับอ้ายขุนหัวครึ่งไม่พึงใจ เรามาหนีแม่ไปยังวัดพลัน
จะไปบอกกับเณรให้คิดอ่าน ถ้าเนิ่นนานเห็นจะยับเป็นแม่นมั่น
ว่าพลางนางเปิดประตูพลัน พรั่นพรั่นอยู่มิใคร่จะออกมา
เห็นคนแววแล้วหลบทำลับล่อ แต่รีรีรอรออยู่หนักหนา
พอคนเงียบค่อยเหยียบย่องออกมา กับสายทองก็พากันคลาไคล
รีบเร่งเร็วรัดตัดทาง เดินพลางนางพิมก็ร้องไห้
อกเอ๋ยเจ็บอายนี้เหลือใจ ช่างกะไรแม่ข้าไม่ปรานี
รีบรัดมาถึงวัดป่าเลไลย จำได้ว่าเณรอยู่ที่นี่
กับสายทองย่องขึ้นไปทันที เห็นกุฎีนั้นเปล่ายิ่งเศร้าใจ
จึงกระซิบถามเณรที่นั่นมี พ่อเณรแก้วอยู่นี่ฤๅไปไหน
ฝ่ายเณรบอกพลันด้วยทันใด สมภารตีหนีไปอยู่วัดแค
จริงจริงฤๅลวงฉันหลวงพี่ เจ้าเณรว่าถูกตีหนีไปแน่
กรรมกรรมก่อกวนให้ปรวนแปร ทุกข์แท้เข้าปะทะระทมใจ
ทั้งเจ็บหลังทั้งทุกข์ถึงเณรด้วย ทอดระทวยอกอ่อนชะอ้อนไห้
พิมน้อยนึกตรองยิ่งหมองใจ ลงบันไดติดตามถามเขามา
ใครบอกข่าวเณรแก้วให้สักคำ อยู่ปลายน้ำก็คงจะไปหา
ถึงวัดแคถามพระได้เมตตา คุณเจ้าขาพ่อเณรแก้วอยู่แห่งใด
พระเณรเห็นสีกาพากันดู ยืนอยู่เยียดยัดหาหยุดไม่
บ้างทักบ้างเรียกออกเพรียกไป ชาววังฤๅไรไปไหนมา
เยี่ยมหน้าต่างประตูดูออกอึง นางสองคนนี้เราพึ่งได้เห็นหน้า
ที่ไม่รู้ร้องเรียกกันเพรียกมา โน่นแน่สีกาพากันดู ฯ
๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าเณรแก้ว แต่เพลแล้วทำผงดินสออยู่
ปถมังตั้งเพียรเรียนต่อครู ได้ยินเสียงเยี่ยมดูเห็นสีกา
เอ๊ะนี่เจ้าพิมกับสายทอง มาสิน้องอุตส่าห์มาเที่ยวหา
หน้าเศร้าเจ้าเป็นไรไยจึงมา ดูตาน้องบวมประหลาดใจ ฯ
๏ ครานั้นจึงโฉมนวลนางพิม เห็นเณรแก้วเข้ายิ้มออกมาได้
กับสายทองต่างขึ้นไปทันใด นั่งใกล้แล้วก็ว่าไปทันที
ชะใจกะไรพ่อเณรหนอ มาลวงล่อแล้วก็ละอาลัยหนี
ฉันหมายใจอยู่ว่าใจพ่อเณรดี พาทีไว้แต่หลังนั้นอย่างไร
สารพันสัญญาไว้ทุกสิ่ง ตัวเป็นหญิงจะทำกระไรได้
ว่าจะขอแล้วก็รอยังไม่ไป จนความใหญ่ไขว่ขวางขึ้นกลางคัน
อ้ายขุนช้างขอแม่แกยกให้ ขัดใจเจียนน้องจะอาสัญ
ไม่ยินยอมพร้อมใจที่ให้ปัน แกตีรันจนหลังจะพังไป
แม่เลี้ยงมาแต่เล็กคุ้มใหญ่แล้ว ไม้เปรียะยังหาแผ้วเป็นแนวไม่
ครั้งนี้แม่ไม่มีความอาลัย ฉันขอบใจอยู่ว่าใจพ่อเณรดี
หมายใจว่าที่ไหนจะทิ้งสัตย์ สารพัดพูดไว้กับพิมนี่
ว่าอย่างไรก็ว่าอย่าช้าที เดี๋ยวนี้ก็จะว่าให้สาใจ ฯ
๏ เณรแก้วเห็นพิมเจ้ามัวหมอง ปลอบประคองมือเช็ดน้ำตาให้
ดูอ้ายช้างชาติชั่วตัวจัญไร มาทำให้น้องข้าต้องด่าตี
น้อยฤๅรอยไม้เป็นริ้วริ้ว เออนี่ผูกมือหิ้วเจียวฤๅนี่
จึงยับย่อยเป็นรอยทั่วอินทรีย์ ฟ้าผี่นิ้วน่อยพลอยเป็นแนว
สงสารพิมนิ่มเนื้อนี้เหลืออก น้ำตาไหลตกเป็นแถวแถว
สุดจิตรสุดคิดสุดฤทธิ์แล้ว น้องแก้วแม่อย่าปรารมภํใจ
สมภารตีก็ได้หนีไปหาแม่ แกว่าแชอยู่หาให้สึกไม่
ด้วยไร้ทรัพย์อับจนเป็นพ้นใจ จะได้เงินที่ไหนทำทุนรอน
จึงไม่กล้าลาสึกออกไปได้ แต่เศร้าใจอกสะทึกสะท้อนถอน
หวังสวาดิมิได้ขาดที่อาวรณ์ จะกินนอนก็ไม่ลืมเจ้าปลื้มใจ
เงยหน้าขึ้นเถิดเจ้าพิมเพื่อน แก้มเปื้อนมาจะเช็ดน้ำตาให้
อย่าโศกนักเลยเจ้าจะเศร้าไป ดวงใจพี่ไม่ลืมคำสัญญา ฯ
๏ พิมฟังเณรว่าก็ตอบไป เป็นอย่างไรจึงช้าอยู่หนักหนา
ทำไมจึงไม่ได้เงินทองมา แกล้งว่าเพราะไม่รักฉันจริงจริง
โอ้ว่าเวรกรรมของพิมเอ๋ย กะไรเลยช่างเกิดมาเป็นหญิง
หลงลมเห็นจะล้มลงเสียจริง แกล้งจะทิ้งเสียให้ทุกข์ระทมใจ
คํ่าวันนี้ไปบ้านเถิดพ่อเณร จะหาเงินประเคนเจ้าคุณให้
คิดมาก็ไม่น่าจะกลับไป พรั่นใจกลัวแม่แกจะตี
เป็นไรก็เป็นไปเถิดนะ ไม่ไปละฉันจะอยู่ที่วัดนี่
เจ็บจิตรคิดแค้นแสนทวี อยู่กับพี่เณรแก้วจะเป็นไร ฯ
๏ อนิจจาแก้วตาของพี่เอ๋ย อย่าอยู่เลยบิณฑบาตเลี้ยงไม่ได้
ว่าพลางหยอกพิมให้อิ่มใจ ยังร้องไห้บ่นบ้าน่ารำคาญ
คํ่าวันนี้พี่จะลาอาจารย์สึก เวลาดึกจะเข้าไปให้ถึงบ้าน
กราบลาถ้าหากท่านทัดทาน ก็จะหนีสมภารไปหาพิม
ว่าพลางทางขยับจับต้อง เนื้อน้องนุ่มนุ่มสนิทนิ่ม
งามละม่อมดุจหลอมด้วยลายพิมพ์ พึ่งปริปริ่มบุษบันอันบังใบ
เงยหน้าจูบนิดเถิดพิมพี่ เป็นเณรดอกหามีอาบัติไม่
อะไรนี่พี่ทำให้ช้ำใจ เดี๋ยวก็จะถูกไล่เหมือนวัดโน้น
ยิ่งห้ามยิ่งทำอะไรนี่ มาจู้จี้จะต้องโดดกุฎีโผน
กุฎีสูงเกินการขี้คร้านโจน ทำโลนโลนโน่นเขาดูอยู่อึงไป
ฉันจะลาอยู่ไปไม่ได้แท้ ถ้าหม่อมแม่รู้ความจะลามใหญ่
ว่าพลางลุกมาแสนอาลัย กลับไปซ้ำสั่งเจ้าเณรนั้น
สึกให้ได้นะเข้าไปคํ่าวันนี้ แล้วอย่าลี้เลี้ยวลดเล่นปดฉัน
ว่าพลางทางเดินมาฉับพลัน กับสายทองพากันกลับเข้ามา
รีบเร่งเร็วลัดมาถึงเรือน เดินเชือนเข้าไปแอบที่ริมฝา
ลับแม่มุ่งมองย่องลีลา กับสายทองก็พากันขึ้นไป
บังตัวที่ประตูอยู่นอกชาน แล้วแอบบานบังขึ้นเรือนใหญ่
กับสายทองย่องเยื้องชำเลืองไป เข้าในห้องพลันทันเวลา ฯ
๏ รอนรอนอ่อนแสงพระสุริยง ลับเหลี่ยมพระเมรุลงจะมืดหล้า
สัตว์คะนองร้อนในพนาวา เมื่อโพล้เพล้เวลาจะสายัณห์
ปีบเปรี้ยงเสียงสนั่นครั่นครึก เนื้อถึกตกใจไม่มีขวัญ
สยดสยองพองเส้นโลมาชัน เจ้าเณรแก้วหวั่นหวั่นด้วยอาวรณ์
แสนเศร้าสุดโศกด้วยสงสาร อกสะท้านให้ระทมสะท้อนถอน
เป็นห่วงพิมนิ่มน้องอนาทร ดังหนึ่งศรเสียบเสียดอยู่ในทรวง
ไม่มีสุขลุกมาหาอาจารย์ กราบกรานบอกว่าทุกข์ลูกใหญ่หลวง
ดังกองเพลิงเริงรุมเข้าสุมทรวง มันให้ง่วงเหงางมระทมใจ
เป็นสิ้นบุญที่จะบวชด้วยบาปก่อน ผ้าเหลืองร้อนพาดตัวเข้าไม่ได้
จะขอลาฝ่าเท้าเจ้าคุณไป ไม่อวยให้เห็นจะม้วยด้วยไฟราง ฯ
๏ สมภารฟังคำให้ช้ำใจ ตาอาลัยในหลานนี้เหลืออย่าง
จะฝากผีมาหนีไปกลางทาง ไม่มียางเยื่อใยที่ในตา
ฆราวาสนี้ชาติมันชั่วนัก จะสึกไปให้เขาสักเอ็งฤๅหวา
ข้อมือดำแล้วระกำทุกเวลา โพล่กับบ่าแบกกันจนบรรลัย
ถ้ามุลนายรักมั่งจะยังชั่ว เอ็นดูตัวหาให้ทำการหนักไม่
แม้นชังก็จะใช้ให้เจ็บใจ เลื่อยไม้ลากซุงสาละพา
รูปร่างเอ็งก็บางดังแบบปั้น การอย่างนั้นทำได้ฤๅไรหวา
ฤๅสึกไปหมายจะเป็นเจ้าพระยา ฟังตาเถิดอย่าเพ่อสึกออกไป ฯ
๏ เจ้าประคุณทูนหัวของหลานแก้ว ตรองความตามแล้วหาเถียงไม่
อย่าห้ามเลยตัวข้าสิ้นอาลัย ช่วยดูฤกษ์ยามให้ประสิทธี ฯ
๏ สมภารฟังหลานเห็นเหลือห้าม หยิบกระดานดูยามตามดิถี
คูณหารดูตามคัมภีร์มี เอาวันคืนเดือนปีของเณรพลาย
บวกกันเข้าดูก็รู้แท้ เห็นแน่ดังอินทเนตรหมาย
ชะตาดีที่ทหารเจียวหลานชาย แกก็ทายว่าเจ้าแก้วนี้ปดกู
คิดว่าทุกข์อย่างไรออกวายวุ่น มิรู้ว่าเจ้าประคุณข้าเล่นชู้
เองจำไว้ในคำของตาดู สึกไปจะได้อยู่สมดังใจ
สู่ขอหอห้องทำทุนสิน อยู่กินแต่หาถึงเท่าใดไม่
จะพลัดพรากจำจากกำจัดไกล มันจะมีผัวใหม่มันทิ้งมึง
เมื่ออายุยี่สิบห้าเบญจเพส จะมีเหตุด้วยเคราะห์เข้ามาถึง
ต้องจองจำโซ่ตรวนเขาตรากตรึง อายุสี่สิบมึงจะได้ดี ฯ
๏ เจ้าเณรแก้วฟังคำเจ้าคุณคง อกวาบกราบลงลุกจากที่
พรั่นพรั่นกลั้นเศร้าเข้ากุฎี กราบลงสามทีแล้วสึกพลัน
ตกแต่งตัวผูกลูกสะกด พร้อมหมดเครื่องรางปรอทมั่น
นุ่งยกกระหนกเป็นเครือวัลย์ รูปสุบรรณบินเหยียบวาสุกรี
เพลาะดำรํ่าหอมห่มกระหวัด พู่ตัดติดห้อยข้างชายคลี่
คาดปั้นเหน่งกระสันมั่นดี เหน็บกฤชด้ามมีศีรษะกา
จัดเครื่องบัตรพลีพลีเลิศ ข้าวสารเสกประเสริฐแกล้วกล้า
มือถือเทียนชัยแล้วไคลคลา จันทราส่องแสงสว่างทาง
ท้องฟ้าดาดาษดาวประดับ แสงระยับยามสองส่องสว่าง
พระจันทร์ตรงทรงกลดดังกลดกาง อยู่ในกลางด้าวเด่นทุกดวงดาว
รีบเร่งมาถึงซึ่งป่าช้า ปลูกศาลเพียงตาคาดผ้าขาว
แล้วจุดเทียนสว่างกระจ่างพราว ทิ้งสายสิญจน์ก้าวสะกดวง
เข้านั่งพับแพนงเชิงชุมนุมฤทธิ์ สะเทือนทิศทั่วหล้าป่าระหง
คึกคึกพายุพัดระบัดพง ไม้ไหล้ลู่ลงหักระทม
บันดาลอสนีคะนองเสียง เปรี้ยงเปรี้ยงเสียงเปรื่องกระเดื่องล่ม
ฟังแลบแปลบปลาบวะวาบลม เจียนจะจมล่มโลกแหลกทำลาย
ธรณีที่นั่งกระทั่งไหว ดังคนไกวเกือบแยกแตกสลาย
ฝูงผีลุกโลดโขมดพราย แปลงกายต่างต่างวิ่งวางมา
ครั้นเข้าใกล้ไม่อาจจะทำร้าย ด้วยกลัวมนตร์เจ้าพลายเป็นหนักหนา
ต่างก้มกราบถามไปมิได้ช้า เจ้าข้าจะประสงค์อันใดนี้
อ้ายตัวนายมาทีหลังกำลังโกรธ โลดแล่นร้องมาว่าใครนี่
ไม่ลุกไปกูจะไล่ตะลุมตี ให้ป่นปี้เป็นภัศม์ธุลีลง ฯ
๏ พลายแก้วตวาดแล้วซัดข้าวสาร ดังสะท้านก้องฟ้าป่าระหง
ถูกกายผีพรายไม่ยืนตรง ก็ยอบลงตัวเล็กเท่าเหล็กใน
พลายแก้วเลิศแล้วด้วยฤทธิ์เวท ถามเหตุเฮ้ยเอ็งฤๅเป็นใหญ่
ที่ในป่าช้านี้ยังมีใคร ฤๅว่าไม่มีแล้วที่เป็นนาย ฯ
๏ ผีฟังดังอินทร์โองการถาม ครั่นคร้ามแทบจะด้นแผ่นดินหาย
ข้าเป็นเจ้าป่าช้าว่าพวกพราย เป็นตัวนายผีภูตทโมนมาร
เวสวัณเธอประทานแผ่นดินให้ เป็นข้าใช้เทวราชอาจหาญ
แต่อยู่ที่นี่มาก็ช้านาน นี่ตัวท่านธุระอะไรมา ฯ
๏ กูฤๅคือมีธุระใหญ่ เอ็งจะไปฤๅไม่ไปให้เร่งว่า
พลางตวาดฟาดด้วยตำแยยา ผีกราบรับว่าจะพาไป
แล้วจึงเสกยันต์ตรีนิสิงเห เรียกผีผีเซเข้ามาใกล้
เอายันต์ปิดศีรษะลงทันใด ข้าวของคล้องใส่ไหล่ผีลง
โดดขึ้นบนบ่าผีพาลิ่ว ดังลมปลิวเร็วมาในป่าระหง
ข้ามทุ่งมุ่งลัดดัดดง หมายตรงเข้ามาเมืองสุพรรณ
พรายผีรี่รีบถีบทะยาน มาถึงบ้านท่านศรีประจันนั่น
ข้ามรั้วสวนดอกไม้เข้าไปพลัน พระพายผันหอมกลิ่นเรณูนวล
พลายแก้วลงแล้วจากบ่าผี เอ็งอยู่นี่คอยกูอยู่ในสวน
กว่ากูจะกลับมาเวลาจวน ก็เดินด่วนไปพลันถึงบันได ฯ
๏ จะกล่าวถึงนางพิมกับสายทอง ทั้งพี่น้องหาความสบายไม่
ครั้นพระสุริย์แสงแข้าแฝงไพร เจ้าพิมน้อยนึกในฤทัยครวญ
สงสารตัวกลัวเณรจะลวงล่อ นํ้าตาคลอคลอละห้อยหวน
ได้ชั่วกลัวอายเสียดายนวล ปั่นป่วนอัดอั้นตันอุรา
จนมืดคํ่ายังไม่เห็นเจ้าพลายแก้ว เห็นจะลวงน้องแล้วไม่มาหา
แม้นคํ่าวันนี้ยังมิมา ฉันจะลาพี่สายทองผูกคอตาย ฯ
๏ สายทองสงสารน้องเป็นหนักหนา ค่อยพูดจาเอาใจให้โศกหาย
น่าแค้นจริงเจียวเจ้าเณรพลาย ดึกแล้วยังหายไม่เห็นมา
ฤๅเจ้ากูมาอยู่ที่นอกบ้าน คนพล่านจะกลัวเขาเห็นหน้า
ว่าพลางทางเปิดประตูมา จะออกไปเที่ยวหาเจ้าพลายพลัน
พอปะเออชะเจ้าคนรวย ไปแชเชือนอยู่ด้วยอะไรนั่น
แม่พิมคอยน้อยฤๅจนดึกครัน ที่บนฉันนั้นมาจะทวงละ ฯ
๏ พลายแก้วยิ้มแล้วตอบสายทอง เอ็นดูน้องขอผัดหน่อยเถิดหนะ
พาให้พบเสียอีกคืนเถิดพี่คะ พรุ่งนี้เถิดฉันจะให้จริงจัง
สายทองกางเพลาะคลุมเจ้าพลาย ผันผายขึ้นเรือนมาโดยหวัง
เจ้าพลายแอบกายสายทองบัง ทำกระทั่งถูกนมเข้าลองดู
เห็นเขานิ่งยิ่งขยำเอาเต็มที่ สายทองจักดี้คิดอดสู
ผลักไสไฮ้ไม่น่าจะเอ็นดู นมจู้เจ้าพลายใช่พอดี
พลายแก้วเห็นทีสายทองโกรธ ถูกนิดหนึ่งขอโทษเสียเถิดพี่
สำคัญจิตรคิดว่าพิมนิ่มนิ่มดี ขอจูบทีเถอะโอ๊ยฉันลืมไป
อือเออเก้อละเจ้าพลายนี่ เชื่อดีเคยได้ใครที่ไหน
ทำฉาวนี้ก็ชวดอวดฮึกไป เขานิ่งให้แล้วยังและเลียมเข้ามา
โน่นแน่ห้องย่องเข้าไปเองเถอะ ไม่อยากเจอะจะนอนเสียดีกว่า
ว่าพลางทางกระชากผ้าห่มมา สะบัดหน้าควักค้อนด้วยงอนใจ ฯ
๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าพลายแก้ว ครั้นสายทองไปแล้วไม่นิ่งได้
ก็เยื้องย่องมาถึงห้องที่นอนใน บานประตูเปิดไว้ก็เข้ามา
ค่อยแหวกม่านมุ้งเมียงชม้ายมอง สงสารนักเห็นน้องนั่งก้มหน้า
ประทีปอัจกลับตามอร่ามตา ต้องพักตราผิวเนื้อเป็นนวลจันทร์
งามโศกตกแสกเมื่อยามเศร้า ปิ้มประหนึ่งจะเข้าประคองขวัญ
งามทรงส่งศรีฉวีวรรณ สารพันงามจริตน่าชิดชม
พลางคะนองหยอกน้องกระแอมเสียง นางพิมเมียงเดินมานัยน์ตาก้ม
แก้มประทับกับจมูกมือถูกนม พิมหลบล้มร้องหวีดด้วยตกใจ
ชำเลืองเหลียวแลเห็นเจ้าพลายแก้ว ชะมาแล้วดูฤๅแอบนิ่งเสียได้
เมื่อตะกี้คิดว่าผีประหวั่นใจ ไฮ้อะไรไม่พอที่ทำคะนอง
พลายแก้วฟังแล้วหัวร่องอ กอดคอชะลอเลื่อนเข้าในห้อง
ขึ้นบนเตียงเคียงข้างประคับประคอง เออนี่น้องคอยพี่แล้วฤๅนา
อย่าว่าเลยคะหม่อมที่ตรงคอย แต่เศร้าสร้อยโศกถึงคะนึงหา
ถ้าแม้นคํ่าวันนี้หม่อมมิมา ฉันจะลาพี่สายทองผูกคอตาย
ชะกะไรใจคอแม่พิมเอ๋ย จะละเลยทิ้งพี่เสียง่ายง่าย
จะให้พี่ต้องบวชไปจนตาย ด้วยไม่หมายมีอื่นแล้วสืบไป
จะต้องเพียรภาวนาเวลาคํ่า ชักประคำแผ่ส่วนกุศลให้
ใช่ว่าจะไม่มานั้นเมื่อไร ช้าไปก็เพราะลาท่านอาจารย์
พี่ปดท่านสารพันท่านก็รู้ ขรัวครูดูแน่จริงจริงจ้าน
ท่านห้ามปรามแข็งขัดทัดทาน จนดึกปานฉะนี้พี่จึงมา
ว่าพลางโลมเล้าเอามือลูบ ประจงจูบแก้มซ้ายแล้วย้ายขวา
อกแอบอิงสวาดิไม่คลาศคลา แนบหน้ามือประคองให้น้องนอน
กำเริบราคเสียวกระสันประหวั่นจิต หวุดหวิดวุ่นวายกายกระฉ่อน
พระพายพัดซัดคลื่นในสาคร กระท้อนกระทบกระทั่งฝั่งกระเทือน
เรือไหหลำแล่นล่องเข้าคลองน้อย ฝนปรอยฟ้าลั่นสนั่นเลื่อน
ไต้ก๋งหลงบ่ายศีรษะเชือน เบือนเข้าติดตื้นแตกกับตอ ฯ
๏ พลายแก้วลุกแล้วชวนน้องรัก ร้อนนักไปอาบน้ำบ้างเถิดหนอ
นางพิมฟังว่าไม่รารอ จูงข้อมือเจ้าพลายนั้นเดินมา
ย่องเหยียบพอดังเกรียบกรอบลั่น ศรีประจันทักไปนั่นใครหวา
เจ้าพลายสะกิดพิมให้เจรจา ฉันเองคะออกมาจะอาบน้ำ
ครั้นถึงอ่างวางอยู่ที่นอกชาน สองสำราญขึ้นนั่งบนเตียงต่ำ
จึงไขน้ำจากบัวตะกั่วทำ นํ้าก็พรํ่าพรายพรูดูกระเด็น
เจ้าพลายชักชายสไบห่ม ฉันอายนมไฮ้หม่อมนะอย่าเล่น
ยังไม่เคยอาบน้ำตัวเปล่าเป็น เขาจะเห็นแล้วอย่ากวนฉันหน่อยเลย
อนิจจาอยู่แต่เจ้ากับตัวพี่ ไม่มีใครเห็นดอกเจ้าพิมเอ๋ย
อาบทั้งผ้าไม่น่าจะเย็นเลย พลางก็เผยผ้าน้องออกจากทรวง
พระจันทร์ลอยลีลาเวหาห้อง สอดส่องต้องเต้าดูขาวช่วง
น้ำกระทั่งหลั่งไหลกระทบทรวง ดังเพชรร่วงหรุบต้องกระจายพราย
เจ้าพลายยิ้มพลางทางพาที เจ้าพิมพี่ผุดผ่องต้องเดือนฉาย
พี่จะช่วยสีขี้ไคลให้สบาย มิให้ระคายเนื้อน้องเท่ายองใย
นางพิมนั่งใกล้เจ้าพลายแก้ว ยิ้มแล้วเหยียดแขนออกยื่นให้
เจ้าพลายกอดสอดรัดถนัดใน โลมไล้ลูบเล่นละมุนมือ
ไฮ้อะไรไม่พอที่นี่มาทำ จะสีแขนมาขยำอย่างนี้ฤๅ
กระดี้กระเดียมจ้านรำคาญครือ ปัดมือหม่อมนี้จู้จี้จริง
ขอโทษเถิดหลงไปดอกนะเจ้า มีแต่เง้าให้พี่ง้อไปทุกสิ่ง
วานอย่าทำแสนงอนค่อนประวิง หนาวจริงอาบเท่านั้นเถิดฤๅไร
แล้วลุกมาผลัดผ้าทาแป้ง พิมก็แบ่งรินน้ำกระแจะให้
ขอจูบนิดนั่นประทิ่นกลิ่นอะไร นางอายใจหลบหน้าไม่พาที
ผินหน้ามาเถิดจะทาให้ จะอายกันไปไยไม่พอที่
แก้มขวาจงทาเข้าให้ดี อย่าจู้จี้แก้มฉันนี้คนจน
เจ้าพิมพี่แล้วก็มีแต่ใจน้อย เฝ้าแต่คอยเอาผิดทุกแห่งหน
พลางประคองจูงน้องขึ้นเตียงบน สองคนสัพยอกเย้าหยอกกัน ฯ
๏ ครานั้นพลายแก้วคะนึงตรอง ถึงสายทองที่ทวงสินบนนั่น
ครั้นว่าจะหาเงินมาให้ปัน จะเสียชั้นเชิงชาติเจ้าชู้ไป
คำโบราณท่านว่าไว้ตรงตรง หนามยอกเอาหนามบ่งคงจะได้
อันเงินทองมิใช่ของที่ต้องใจ คิดได้เบือนหน้ามาเยื้อนยิ้ม
จึงแกล้งลวงถามเป็นความใน พี่พรั่นใจหนักหนาเจ้าเนื้อนิ่ม
จะมาขอต่อแม่ของแม่พิม ถ้าไม่ให้แล้วพี่ปิ้มขาดใจตาย ฯ
๏ ครานั้นนางพิมนิ่มสนิท ไม่รู้คิดในกลเจ้าแก้วหมาย
เบือนหน้าสัพยอกหยอกเจ้าพลาย ฉันไม่ให้หม่อมอายอย่าทุกข์ใจ
มาดแม้นปีเดือนไม่ได้กัน ตัวฉันคงจะหนีหาอยู่ไม่
ได้ชั่วผิดคงจะคิดติดตามไป กลัวหม่อมอิกจะไม่ขอฉันจริง
เออเป็นไรเจ้าว่าอย่างนี้หนอ มีแต่พ้อล่วงหน้าไปทุกสิ่ง
วานอย่าทำแสนงอนค่อนประวิง จริงแล้วแม่พิมเจ้าปีไร
พี่จะได้บอกปีของพี่มา ให้ต้องชะตานับนาคตัวเดียวได้
จะได้ชั่วได้ดีกันฉันใด อย่าถือใจเอาตำรามาว่าเลย
ที่เขาตามกันไปเป็นหนักหนา ดูชะตาที่ไหนเล่าเจ้าพิมเอ๋ย
เอากุศลหนหลังที่เราเคย ถ้ากรรมแล้วก็อย่าเอ่ยไปเลยพิม
ฉันฤๅปีชวดนะหม่อมพี่ สิบหกปีปีนี้พึ่งปริปริ่ม
อ่อนกว่าพี่สองปีเจียวนะพิม เจ้าเนื้อนิ่มพี่สายทองแกปีไร
พี่สายทองปีมะเมียคะหม่อมพี่ ได้ยี่สิบสองปีฉันจำได้
จะถามปีพี่สายทองไปทำไม ฤๅรักใคร่สมสู่เป็นชู้เมีย
พิมแล้วมีแต่พูดอุตริ บัดสีสิขอนั้นจงนิ่งเสีย
วานอย่าว่าไม่น่าเป็นชู้เมีย มีแต่ค่อนเขี่ยมาไค้แคะ
ว่าพลางเกลียวกลมสมสนิท กอดชิดจูบถนอมหอมกระแจะ
เต้าเคร่งเต่งตั้งดังจะแยะ เลียมและโลมลูบให้หลับพลัน ฯ
๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าพลายแก้ว เห็นพิมหลับแล้วให้ป่วนปั่น
คิดถึงสายทองปองผูกพัน หมายมั่นที่จะมอบซึ่งไมตรี
ไม่แก่อ่อนค่อนสาวพอจะชม เนื้อนมถูกต้องเมื่อตะกี้
ยังไม่น่วมแน่นชิดสนิทดี แก่กว่าเราสี่ปีเท่านั้นเอง
อย่าเลยจะลอบออกไปหา ถึงไม่รักจะว่าเราข่มเหง
ไหนจะกล้าร้องขึ้นให้ครื้นเครง ด้วยตัวเองชักเรามาเข้าเรือน
คิดพลางทางลุกไปจากห้อง ค่อยเหยียบย่องย่างเยื้องชำเลืองเลื่อน
ลงจากเตียงเสียงตีนเดินสะเทือน พิมเบือนก็ขยับกลับหาพิม
ประคองสอดกอดแอบไว้แนบอก พยุงยกให้เจ้าหลับสนิทนิ่ม
เฝ้าพลิกกลับไม่ใคร่หลับเจียวนะพิม จนเหงื่อปริ่มออกมาแล้วไม่หลับเลย
พลางคลี่พัดจันทน์ออกพัดให้ สบายใจหลับบ้างเถิดพิมเอ๋ย
จนดึกดื่นปานนี้มิหลับเลย พลางชมเชยลูบไล้ให้หลับลง ฯ
๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าพลายแก้ว พิมหลับสนิทแล้วสมประสงค์
ออกจากห้องย่องเยื้องมาโดยจง ตรงถึงห้องสายทองด้วยทันใด
แล้วจึงเป่าคาถามหาสะเดาะ กลอนเผลาะหลุดเลื่อนออกไปได้
เยื้องย่องเข้าห้องที่นอนใน นั่งใกล้เกลียวกลมชมเชยนาง
จูบแก้มแนมนมขยำยั้ง เต้าตั้งเต่งโตอล่างฉ่าง
เอนเอียงเคียงสอดกอดนาง เป่ามนตร์พลางลูบหลังให้ลานใจ ฯ
๏ ครานั้นสายทองผ่องศรี รู้สึกสมประดีหาช้าไม่
เหลียวเห็นพลายแก้วแววไว ก็มีใจสุดสวาดิถวิลรัก
ด้วยต้องมนตร์เทพรำจวน ให้ปั่นป่วนขวยเขินสะเทิ้นหนัก
มารยาหญิงทำประวิงว่าไม่รัก จึงแกล้งทักออกไปนี่ใครมา ฯ
๏ พลายแก้วยิ้มแล้วตอบสายทอง วานอย่าร้องเลยฉันเข้ามาหา
ด้วยสุดกลั้นกลืนรักหนักอุรา ขอษมาเถิดอย่าถือว่าพี่เมีย
พี่ก็ไม่แก่วันกับฉันนัก ถึงร่วมรักครองกันนั้นไม่เสีย
แก่กว่านี้ก็ยังมีเป็นชู้เมีย วานอย่าห้ามให้ละเหี่ยละห้อยใจ ฯ
๏ เก้อแล้วนี่พ่อแก้วรังแกเก่ง เป็นเด็กมาเขย่งเกี้ยวผู้ใหญ่
เคยได้คล่องคล่องคะนองใจ มาล่วงไล่วิงวอนค่อนแคะ
พ่อก็เป็นคนดีมีความคิด จะพาผิดถึงพี่กระนี้แหละ
ฉวยแม่พิมรู้ความไม่งามแงะ ว่านัดแนะให้เข้ามาหาสายทอง
ก็จะชั่วไปทั้งตัวพ่อพลายแก้ว กรรมแล้วมาคบข้าให้หน้าหมอง
จะชวดเชยชิมกะทิจงตริตรอง ไปเสียจากห้องเถิดพ่อไป ฯ
๏ นิจจาจิตรฉันก็คิดว่าพี่รัก จึงหาญหักเข้ามายังว่าได้
ถึงพิมรู้จู่มาอย่าพรั่นใจ จะเกลี่ยไกล่มิให้ผิดถึงพี่เลย
ได้การุญจงทำคุณให้ตลอด อย่าบ่นออดอึงมี่เลยพี่เอ๋ย
ได้เข้ามาเพียงนี้มิฟังเลย จนได้เชยชิดถึงอย่างนี้แล้ว ฯ
๏ เออนี่จู้จี้จริงจริงจ้าน จะให้ฉาวขึ้นทั้งบ้านฤๅท่านแก้ว
ว่าดีดีเซ้าซี้ไม่รู้แล้ว นี่ฉันข่วนให้เป็นแนวดอกเดี๋ยวนี้
เออหาไม่ช่วยใครมาเป็นข้า มาหยิกหยอกหยาบช้าน่าบัดสี
คิดว่าไม่ซุกซนเป็นคนดี ไม่พอที่จะมานั่งทำรังแก
ไปก็ไปเชิญไปเสียจากห้อง ถ้าขืนอยู่จะร้องให้เซ็งแซ่
ให้สาใจที่มาล่อทำตอแย จะไปบอกหม่อมแม่มาจับตัว ฯ
๏ พลายแก้วได้ฟังสายทองว่า กระถดเข้าไปหาแล้วยิ้มห้ว
ร่ายมนตร์เป่าไปให้ต้องตัว เย้ายั่วหยอกนวลให้ยวนใจ
จึงวอนว่าอนิจจาสายทองพี่ มิปรานีที่จะอยู่อย่าสงสัย
คงจะผูกคอฉันให้บรรลัย คอยดูใจน้องเถิดพี่สายทอง
ว่าพลางทางทำเป็นหยิบผ้า ผูกเข้ากับเซนฝาที่ในห้อง
เอาชายหนึ่งพันคอล้อสายทอง นางหวีดร้องห้ามว่าอย่าพ่อพลาย
มานี่พี่จะว่าให้พ่อฟัง ควรฤๅคลั่งฆ่าตัวเสียง่ายง่าย
ยากนักจักได้เกิดมาเป็นชาย ไม่เสียดายแม่พิมดอกฤๅไร
รุ่นสาวราวกับรูปกินรี ทั้งเป็นที่ชอบชิดพิสมัย
จะมาตายเสียด้วยพี่นี้ทำไม เป็นสาวใหญ่รูปร่างไม่งามงด
พลายแก้วฟังแล้วก็กลับยิ้ม พี่ละม้ายคล้ายพิมทุกอย่างหมด
กิริยาพาทีก็ช้อยชด เห็นหมดจดเนื้อนมช่างสมตัว
อันสาวใหญ่แยบคายกัลเม็ด เบ็ดเตล็ดการเล่นเห็นไม่ชั่ว
ว่าพลางทางขยดเขาใกล้ตัว ต้องบัวไม่บีบระบมมือ
ประคองเคียงเอียงลงกับที่นอน ประจงช้อนจูบจอมถนอมถือ
อกแอบแนบทับกับอกครือ วานอย่าดื้อกระเดื่องดิ้นได้เอ็นดู ฯ
๏ ครานั้นสายทองก็ตอบคำ อย่ากวนปลํ้าฉันจะยอมให้หม่อมอยู่
กลัวแต่ว่าจะเล่นอย่างเช่นชู้ แม้นสมสู่ได้แล้วจะทอดทิ้ง
ถ้าแม้นจงใจรักอย่าหักหาญ ขอประทานความสัตยํไว้สักสิ่ง
ให้ประจักษ์ที่ว่ารักฉันจริงจริง จะนอนก็จะนิ่งให้ตามใจ
อนิจจาสายทองต้องให้สัตย์ ฟ้าผ่าเถิดฉันไม่ขัดสบถได้
ไม่ล่อลิ้นปลิ้นปลอกนอกใจ ฉันไม่กลอกกลับเลยจริงจริง
พลางเป่าปถมังกระทั่งทรวง สายทองง่วงงงงวยระทวยนิ่ง
ทำตาปริ่บปรอยม่อยประวิง เจ้าพลายอิงเอนทับลงกับเตียง
ค่อยขยับจับเขยื้อนแต่น้อยน้อย ฝนปรอยฟ้าลั่นสนั่นเปรี้ยง
ลมพัดซัดคลื่นสำเภาเอียง ค่อยหลีกเลี่ยงแล่นเลียบตลิ่งมา
พายุหนักชักใบได้ครึ่งรอก แต่เกลือกกลอกกลับกลิ้งอยู่หนักหนา
ทอดสมอรอท้ายเป็นหลายครา เภตราหยุดแล่นเป็นคราวคราว
สมพาสพิมดุจริมแม่น้ำตื้น ไม่มีคลื่นแต่ละลอกกระฉอกฉาว
ปะสายทองดุจต้องพายุว่าว พอออกอ่าวก็พอจมล่มลงไป ฯ
๏ จะกล่าวถึงเจ้าพิมนิ่มน้อย แต่พอม่อยตื่นผวาหาช้าไม่
คว้าหาเจ้าพลายก็หายไป ตกใจไฉนเหตุอย่างไรมี
ลุกขึ้นดูประตูก็เปิดไว้ ทูนหัวหนีไปข้างไหนนี่
รู้จ้กใครจะไปหาก็ผิดที เวลานี้ก็ดึกเต็มประดา
ฤๅแกล้งหลอกหยอกน้องคะนองเล่น นางแหวกม่านมองเขม้นชม้อยหา
ไม่เห็นผัวตกใจฟายน้ำตา อนิจจาน้องไม่แจ้งอยู่แห่งไร
ฤๅจะโกรธโทษน้องอย่างไรนี่ ความผิดฉันนี้หามีไม่
นึกอนาถประหลาดนักมาหนีไป ฤๅสั่งสายทองไว้จะถามดู
ก็เยื้องย่องมาถึงห้องสายทองพลัน ได้ยินเสียงพูดกันงึมงึมอยู่
แอบฟังบังทวารบานประตู รู้ว่าอยู่ในห้องสายทองนอน ฯ
๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าสายทอง ใจหมองหม่นไหม้ให้ชะอ้อน
ระทวยใจไหวหวั่นให้อาวรณ์ มีแต่แรงแล้วก็ค่อนข่มเหงเอา
ได้ชั่วแล้วพ่อแก้วเลี้ยงฉันนะ ถ้าเลยละสายทองต้องอายเขา
พิมรู้จะจู่ค่อนข่มเหงเอา เป็นน้อยเขาจะต้องไหว้ไม่พ้นจริง
เออเป็นไรจึงว่าอย่างนี้เล่า รักเท่ากันมิให้ใครใหญ่ยิ่ง
เจ้าเงยหน้ามาจะว่าให้เห็นจริง ซึ่งสิ่งรักใคร่แต่ไรมา
มาบนให้พูดพิมครั้งนี้เล่า เพราะรักเจ้าดอกจึงแสร้งแกล้งว่า
จะเกี้ยวก่อนเกรงเจ้าไม่พูดจา พี่รักเจ้ามากกว่าห้าเอาหนึ่ง ฯ
๏ พิมฟังบังบานอยู่ไม่ได้ ขัดใจเอามือผลักประตูผึง
กลุ้มกลัดขัดใจดังไฟรึง ลงตีนตึงตึงถึงเตียงนอน
เปิดมุ้งมองเขม้นพอเห็นหน้า กอดกันคาคิดแค้นแล้วค้อนค่อน
สายทองลุกทะลึ่งจากที่นอน พ่อแก้วหล่อนรังแกฉันแม่พิม
จะขับไล่ไสผลักไม่ยักไป ว่าเท่าไรมีแต่จะยิ้มกริ่ม
ครั้นจะอึงกลัวจะผิดถึงแม่พิม ป้ำปิ้มเลือดตาจะกระเด็น
หวานกินขมกินเพราะรักน้อง ความสัตย์สายทองใครจะเห็น
ไม่รู้เลยว่าพ่อแก้วหล่อนจะเป็น เช่นนี้คิดมาน่าน้อยใจ
ว่าพลางทางทำเป็นมารยา ก้มหน้าลงแล้วก็ร้องไห้
พิมฟังคั่งแค้นให้แน่นใจ มันไส้ทิ่มตำซ้ำประชด
ฉันขอบใจแล้วใจของพี่ดี อารีรอบคอบไปหมดจด
ซื่อจริงซื่อยิ่งกว่างอนรถ หากพวกเราดอกคดไปก่อนเอง
จึงเหลียวหน้ามาว่ากับหม่อมแก้ว เห็นดีแล้วฤๅจึงล่วงมาข่มเหง
เขาแก่เถ้าคราวพี่ไม่มีเกรง แล้วได้เลี้ยงฉันเองมาแต่เล็ก
ไม่ใคร่ครวญด่วนดื้อแต่โดยได้ เป็นผู้ใหญ่ฤๅจะล่วงข่มเหงเด็ก
เหลือคะนองจริงจริงเหมือนลิงเล็ก ดังจีนเจ๊กจู้จี้ขี่ช้างพัง
นี่หากว่ามาทันจึงหันผลัก หาไม่จักแหล่นอิกกระมังมั่ง
ดังราหูจู่จับพระจันทร์บัง จนเขาเคาะระฆังจึงขี้คาย ฯ
๏ มันไม่กระนั้นดอกนะแม่ อย่าเซ็งแช่เลยจงดับโมโหหาย
ไม่ควรเคืองฤๅมาขุ่นให้วุ่นวาย อื้ออายอึงเปล่าไม่เข้ายา
เป็นความสัตย์พี่มาผัดแกดอกเจ้า สินบนที่บนเขาเป็นหนักหนา
พี่ไม่เป็นเช่นนั้นดอกขวัญตา อนิจจามาโกรธพี่จริงจริง
เจ็บใจราวกะใครนี้ไม่รู้ มันเต็มหูเสียแล้วสิ้นทุกสิ่ง
ได้ยินดอกถึงไม่บอกก็เห็นจริง เอาทองทิ้งให้ทั้งแท่งถนัดใจ ฯ
๏ สายทองฟังพิมพูดทิ่มตำ เจ็บช้ำเชิงประชดไม่อดได้
จึงเบือนหน้ามาว่าด้วยขัดใจ ชิชะราวกับใครไม่รู้ทัน
คะกระนั้นแหละถูกทองเข้าทั้งแท่ง พอแรงกบหีบแล้วสินั่น
เห็นจะมีมากกว่าสักร้อยอัน จะแบ่งปันมาให้ไม่รักเอา
นี่จะเป็นความคิดของนางเมีย สอนให้มาแก้เบี้ยข้าฤๅเจ้า
กลัวจะต้องเสียเงินสินบนเรา รู้เท่ากันอยู่บ้างเป็นไรมี
ได้ผัวแรกมัวกำลังเปรื่อง ต่อฟ้าเคืองจึงจะคิดถึงคุณพี่
เสียแรงอุ้มเลี้ยงมาทุกราตรี แทนคุณให้ครานี้แล้วน้องรัก ฯ
๏ ชิชะมิเสียทีพี่สายทอง แกช่างกรองสร้อยสนดังวนจักร
ฟังเพราะน่าหัวเราะให้คักคัก เสียแรงที่พี่รักไว้ร่วมใจ
อย่างนี้ฤๅนี่จะมิรักหลง รักจนงงถึงพิมหาเหมือนไม่
ต่ำช้าลงเป็นห้าเอาหนึ่งไป ด้วยไม่สู้ว่องไวสบทำนอง
ฉันขอบคุณแล้วคุณพี่อุ้มมา อุ้มทั้งเขยทั้งข้าเข้าในห้อง
โบราณท่านว่าเป็นพี่น้อง พลัดเข้าท้องเป็นตีนเป็นมือไป ฯ
๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าสายทอง ฟังน้องตอบมาหาช้าไม่
สารพันว่าได้ไม่เกรงใจ เป็นไรเป็นไปเถิดตามกรรม
ปากกล้าดีก็ว่ามาอิกซี้ ตีผางเดี๋ยวนี้ให้ล้มควํ่า
มันลึกละใครจะนิ่งให้พี่ทำ อย่าเชื่อลํ่าถึงข้าเล็กไม่อยากกลัว
เมื่อกระนั้นถึงจะตีก็ไม่ว่า เดี๋ยวนี้ข้าถือว่าเป็นเจ้าผัว
อีเมียน้อยก้ำเกินไม่เกรงกลัว จะจิกหัวลงตบด้วยกะลา
ชิชะถ้อยคำกะไรนี่ จะต้องตีว่ายากนางปากกล้า
นางพิมเคืองขุ่นมุ่นขึ้นมา กล้าดีตีเข้านางสายทอง
พลายแก้วตกใจลุกทะลึ่ง กลัวความจะอึงขึ้นในห้อง
เข้ายืนกลางกางกั้นนางสายทอง แล้วห้ามน้องปลอบว่าอย่าแม่พิม
อดใจเถิดได้เอ็นดูพี่ ถ้าอึงมี่เกิดความนะเนื้อนิ่ม
สายทองก็ไม่ผ่อนเอาใจพิม ไฟลุกแล้วยิ่งทิ่มด้วยฝอยฟืน
แต่เอะอะอื้ออึงทั้งสามเสียง ศรีประจันหลับบนเตียงตกใจตื่น
กูหนวกหูกูจริงดังยิงปืน จนดึกดื่นนี่มันทำอะไรกัน
สายทองตัวดีมีความคิด บอกติดว่าแม่พิมหล่อนด่าฉัน
นอนหลับอยู่หมาจู่กินน้ำมัน ศรีประจันร้องว่าสาแก่ใจ
นางพิมยิ้มพลางทางช่วยปด ฉันมาไล่หาไม่หมดสิ้นทั้งไห
ว่าพลางทางค้อนด้วยขัดใจ กลับไปเข้าห้องเสียฉับพลัน ฯ
๏ เจ้าพลายแก้วรู้แล้วว่าพิมเคือง ก็ย่างเยื้องตามมาขมีขมัน
นั่งแนบแอบตัวพัวพัน รับขวัญมือประคองให้น้องนอน
ประโลมลูบจูบปลอบให้หายโกรธ พี่ขอโทษเสียเถิดเจ้าเนื้ออ่อน
นางพิมผลักไสด้วยใจงอน อย่ามานอนห้องเขาเลยเจ้าจอม
มาจับต้องฉันทำไมให้เสียมือ อย่าถูกถือลูบไล้มันไม่หอม
ไม่เหมือนสายทองพี่แกดีพร้อม จริงไหมล่ะคะหม่อมจนมัวเมา ฯ
๏ โอ้ว่าอนิจจาเจ้าพิมพี่ ทุกวันนี้ไม่เชื่อกันฤๅเจ้า
สารพันว่าได้ก็ว่าเอา เมื่อทุกข์เข้าทับอกไม่เห็นเลย
ไปเมื่อหน้าพี่จะมาขอสู่น้อง เผื่อท่านไม่ปรองดองเล่าน้องเอ๋ย
ทุกข์เท่านี้จึงไม่มีสบายเลย จึงไปเปรยปรับทุกข์กับสายทอง
ไม่ทันเคี้ยวหมากแหลกเสียอีกเจ้า พอแม่พิมขวางเข้าไปในห้อง
ไม่พอที่วุ่นวายกับสายทอง นิจจาเจ้าเปล่าดอกน้องอย่ารำคาญ ฯ
๏ เหม่หม่อมย่อมกระนี้ตัวดีแท้ ฟ้าแผ่เถอะขี้ปดจริงจริงจ้าน
ฉันไปแอบฟังดูอยู่ช้านาน วานอย่าพูดแก้ตัวไปหน่อยเลย
นี่ฤๅจะรักกันไปวันหน้า ถึงที่ว่าจะมาขอก็รอเฉย
แต่เพียงนี้สิยังปดไม่ลดเลย เคยปากคอยปดทุกสิ่งไป
ฉันนี้หลงจงรักแต่ข้างเดียว ช่างโป้ปดลดเลี้ยวหาตรงไม่
ได้พลั้งผิดคิดคิดก็เสียใจ อกเอ๋ยแต่จะได้อัประมาณ
ไม่ฟังคำสุภาษิตท่านสั่งสอน มาแสนงอนเชื่อลิ้นด้วยลมหวาน
ท่านว่ามารยาของชายชาญ มีประมาณได้สามสิบสองกล
มาเทียบดูกับเจ้าจอมหม่อมคนนี้ ราวสักหกสิบสี่ไม่ขัดสน
พูดเพราะดังเคาะฆ้องวงวน ไม่รักเชื่อน้ำมนต์แล้วสืบไป ฯ
๏ นิจจาพิมเจ้าไม่รู้ว่าพี่รัก ไม่ชังนักดอกหานึกเช่นนั้นไม่
รักเจ้าเท่าเทียบเปรียบดวงใจ กอดประคองน้องไว้ไม่วายวาง
แว่วดุเหว่าเร้าร้องเมื่อจวนรุ่ง ใจสะดุ้งเอ๊ะเกือบจะสางสาง
ขยับเลื่อนลุกเปิดหน้าต่างพลาง เห็นเรื่อรางสว่างหล้าดาราราย
อับศรีสุริยาจะรีบรถ ยิ่งระทดจะจากไปให้ใจหาย
โศกซ้ำน้ำตาลงพร่างพราย เสียดายดังใครล้วงเอาดวงใจ
จะจากเจ้าพี่เศร้าไปเจียวน้อง เพราะมิตรอิจฉาปองเป็นเหตุใหญ่
รักษาตัวเถิดผัวจะลาไป ระวังภัยอย่าให้ผิดแก่คนพาล
พี่พรั่นจิตรคิดวิตกด้วยแม่เจ้า จะขืนเอาไปให้ไอ้เดรฉาน
เป็นลูกเขาสุดที่เจ้าจะทัดทาน ก็จะพาลตีเจ้าให้เศร้าใจ
ค่อยอยู่เถิดพุ่มพวงดวงชีวิต พระอาทิตย์รีบรถจรัสไข
พลางขยับลุกมายังอาลัย พิมน้องเหนี่ยวไว้มิให้มา
ใจหายพ่อพลายมาจำจาก อกจะครากเสียด้วยร้างเสนหา
ยามดึกจะรำลึกทุกเวลา เคยมาชวนพิมให้พาที
ที่นอนน้องจะเย็นเมื่อยามหนาว อกจะร้าวใจน้องจะหมองศรี
ดังพระกาลมาผลาญเอาชีวี ตั้งแต่นี้น้ำตาจะนองตา
พ่อจะไปกะไรรอดถึงกาญจน์บุรี สัตว์ร้ายราวีเป็นหนักหนา
คนเดียวเดินเปลี่ยวไปเอกา ทั้งบาทาจะระบมด้วยบอบบาง
จะร้อนรนทนแดดที่ไหนได้ ยิ่งคิดไปสงสารพ่อสุดอย่าง
เมียให้หวั่นพรั่นใจไปกลางทาง ล้วนดงยางเยือกเย็นไม่เห็นใคร
เมื่อยามเย็นเห็นแต่ชะนีร้อง วิเวกก้องโหวยโหวดโดดไสว
เสียงผีหวี่หวีดวังเวงใจ เหลืออาลัยแล้วพ่อทูลกระหม่อมพิม
ร้องไห้พลางทางลุกไปไขหีบ ขยับหยิบเงินมานํ้าตาปริ่ม
ห้าชั่งพลางห่อสีทับทิม นี่ของพิมให้พ่อจงเอาไป
แล้วจ้างช้างขี่ไปให้จนถึง จะเอาสักสิบตำลึงจงเสียให้
เชื่อเมียนะหม่อมอย่าเดินไป เจ้าพลายรับเงินไว้น้ำตานอง
เอาคางพาดบ่าพิมกระซิบสั่ง จงระวังตัวไว้อยู่ในห้อง
ชั้นหน้าต่างก็อย่าย่างไปเยี่ยมมอง อย่าเที่ยวท่องลงแล่นไปแผ่นดิน
จะจากไปแทบใจเจียนจะขาด แสนสวาดิห่วงอยู่ไม่รู้สิ้น
แบ่งภาคได้จะแบ่งไว้เป็นเพื่อนกิน นี่สุดสิ้นมิใช่ฤทธิพระนารายณ์
จวนรุ่งเสียงพระเคาะระฆัง ดุเหว่าวังเวงไพรให้ใจหาย
จะจากพิมเปี่ยมปริ่มน้ำตาพราย กระจายลงผอยเผาะกับบ่าพิม
ลุกเขยื้อนเลื่อนมาที่หน้าต่าง คอยพี่อยู่พลางเถิดเนื้อนิ่ม
เจ็ดวันจะมาว่าขอพิม ยืนริมหน้าต่างเรียกผีไป
ย่างลงบนบ่าไม่ช้าที เอาเงินผูกคอผีหาช้าไม่
เหลียวหลังสั่งเสียแสนอาลัย ดวงใจอยู่เถิดพี่ขอลา
นางพิมมัวหมองเฝ้าร้องไห้ ยกมือไหว้น้ำตาลงนองหน้า
กลุ้มกลัดอัดใจไม่เจรจา สะอื้นออกปากว่าไปจงดี
เจ้าพลายแก้วรับไหว้ใจจะขาด น้ำตาหยาดหยดลงตรงบ่าผี
ผีก็พาผายผันไปทันที ต่างก็มีใจวิโยคโศกถึงกัน
แลแลจนลับไปลิบลิบ หายฉิบใจพิมยิ่งโศกศัลย์
หับหน้าต่างนางเข้าในห้องพลัน สะอื้นอั้นเอนทับกับที่นอน
โอ้พ่อพลายแก้วของน้องเอ๋ย เมื่อไรเลยจะได้กลับมาเรียงหมอน
แต่โศกเศร้าโศกาให้อาวรณ์ สะอื้นอ้อนอ่อนระทวยอยู่งวยงง ฯ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ