ตอนที่ ๓๑ ขุนแผนพลายงามยกทัพกลับ

๏ ครานั้นขุนแผนแสนสงคราม พระท้ายน้ำพลายงามนั่งปรึกษา
บัดนี้มีชัยได้พารา จำจะแจ้งกิจจาไปกรุงไกร
ให้พระองค์ทรงทราบข่าวคดี ว่าเราตีเอาเมืองเชียงใหม่ได้
ทั้งตัวเจ้าเชียงอินท์ปิ่นราชัย จะโปรดปรานประการใดให้รู้ความ
จึงพร้อมใจให้เขียนเป็นสารา ประทับตราหนุมานชาญสนาม
กับสำเนาเข้าผนึกบันทึกความ ห่อสามชั้นใส่ในกลักพลัน
ปากกระบอกพอกครั่งประจำตรา สั่งนายปานขวานฟ้านายคงมั่น
เอ็งไปเลือกม้าดีที่สำคัญ พากันรีบไปในพรุ่งนี้
ไปทางลัดตัดตรงลงระแหง พ้นกำแพงหมายมุ่งเอากรุงศรี
เสร็จการกลับมาอย่าช้าที ให้ถึงนี่ปลายเดือนอย่าเคลื่อนคลา ฯ
๏ สองนายคำนับรับกระบอก ออกมารีบรัดจัดห่อผ้า
ได้ข้าวตากกรอกไถ้ไปผูกม้า เลือกหาถูกทำนองที่ว่องไว
ได้ม้าผ่านเผ่นผจญด้นธรณี ต่างขึ้นขี่ควบร่อยแล้วปล่อยใหญ่
ลัดป่าผ่าดงตรงไป พอได้สิบวันครึ่งถึงอยุธยา
ตรงมาศาลาลูกขุนใน เรียนเจ้าคุณผู้ใหญ่อยู่พร้อมหน้า
บัดนี้ท่านขุนแผนแสนศักดา ให้กระผมถือตรามากราบท้าว
บอกขานการไปรณรงค์ ให้กราบทูลพระองค์ทรงทราบข่าว
ว่าบัดนี้มีชัยได้เมืองลาว จะโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมประการใด ฯ
๏ ครานั้นท่านเจ้าคุณอธิบดี ทราบว่าตีได้เวียงเมืองเชียงใหม่
สั่งนายเวรทันทีด้วยดีใจ คัดบอกไวไวมาให้เรา
นุ่งสมปักปูมแดงแย่งนาคราช หยิบผ้ากราบมาคาดบั้นเอวเข้า
จวนเสด็จออกข้างหน้าเวลาเช้า ก็รีบไปคอยเฝ้าพระทรงธรรม์ ฯ
๏ จะกล่าวถึงพระองค์ผู้ทรงฤทธิ สถิตที่ข้างในมไหศวรรย์
พอเวลาสายสีรวีวรรณ จรจรัลออกพระโรงพรรณราย
ประทับเหนือพระที่นั่งบัลลังก์รัตน์ ภายใต้เศวตฉัตรจำรัสฉาย
เหล่าอำมาตย์หมื่นหมอบนอบน้อมกาย กราบถวายบังคมอยู่พร้อมกัน ฯ
๏ ครานั้นท่านเจ้าคุณอธิบดี กราบทูลทันทีขมีขมัน
ขอเดชะพระองค์ผู้ทรงธรรม์ ชีวันอยู่ใต้พระบาทา
บัดนี้ขุนแผนแสนสงคราม กับนายพลายงามซึ่งอาสา
บอกมากราบทูลพระกรุณา เสมียนตราคลี่บอกออกอ่านพลัน ฯ
๏ ในบอกว่าขุนแผนแสนสงคราม กับนายพลายงามคนขยัน
อาสาบาทบงสุ์พระทรงธรรม์ คุมพหลพลขันธ์ไปชิงชัย
ได้เร่งรัดจัตุรงค์ทวยหาญ ยกขึ้นไปถึงชานเมืองเชียงใหม่
ให้หยุดทัพยับยั้งตั้งซุ่มไว้ แล้วปลอมตัวเข้าไปในพารา
เวลาค่ำลอบเข้าในคุกใหญ่ แก้ไขไทยมาได้ถ้วนหน้า
ช่วยกันฆ่าคนปล้นช้างม้า แล้วกลับมาที่ตั้งยั้งโยธี
ครั้นรุ่งเช้าลาวยกมาห้าทัพ ไพร่พลคนคับทั้งไพรศรี
ข้าพเจ้าขับพลเข้าราวี ต่อตีรบรุมตะลุมบอน
ฆ่านายตายลงในที่รบ ไพร่ก็หลบหนีหายกระจายว่อน
ทั้งห้าทัพกลับถอยเข้านคร ปิดประตูลงกลอนไว้ทุกชั้น
แล้วรักษาหน้าที่ใบเสมา ตรวจตราเข้มงวดกวดขัน
กองไฟไว้สว่างเหมือนกลางวัน คอยป้องกันตั้งรับกองทัพไทย
ในคืนนั้นข้าพเจ้ากับพลายงาม ลอบตามขึ้นปราสาทเจ้าเชียงใหม่
พบกำลังนอนหลับจับตัวไว้ แล้วปลุกขึ้นตกใจอยู่ลนลาน
กลัวตายขอถวายองค์สร้อยทอง กับพวกพ้องประยูรญาติราชฐาน
ทั้งธิดาเมียมิ่งแลศฤงคาร ไว้ใต้เบื้องบทมาลย์พระทรงฤทธิ
ส่วนตัวนั้นก็ถ่อมยอมเป็นข้า ถวายราชบรรณาจนดับจิต
ขอแต่อย่าให้ตายวายชีวิต ให้ความสัตย์สุจริตทุกสิ่งอัน
เห็นรับเป็นสัจจังพอฟังได้ จึงงดไว้ไม่ฆ่าให้อาสัญ
ข้าพเจ้าตรึกตราปรึกษากัน ให้นายปานกับนายมั่นถือบอกมา
ให้ความทราบบาทบงสุ์พระทรงฤทธิ ถ้าพลั้งผิดได้โปรดเหนือเกศา
ยังยับยั้งฟังพระราชบัญชา จะทรงพระกรุณาประการใด ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงเดช ทราบเหตุว่าตีเชียงใหม่ได้
ราวกับจอมสุทัศน์สหัสนัยน์ มาเชิญให้ไปผ่านพิมานอินทร์
พระพักตร์ผุดผ่องพรรณรังสี เปรมปรีดิ์ชื่นชมสมถวิล
เออกระนี้สิหนอพอได้ยิน เหมือนปลิดปลดหมดสิ้นที่ขุ่นแค้น
กูเป็นไข้ใจมานี่กว่าปี วันนี้หายป่วยด้วยขุนแผน
ที่มันทำความชอบจะตอบแทน ทั้งพ่อลูกให้แม้นเสมอกัน
เจ้าพระยาจักรีจงมีตรา ให้หากองทัพกลับเขตขัณฑ์
ส่วนอ้ายเถ้าเจ้าเมืองเชียงใหม่นั้น ว่าโทษมันถึงอุกฤษฎ์เพราะคิดร้าย
ต้องตามกำหนดบทอัยการ ควรประหารชีวิตให้ฉิบหาย
พวกเสนาข้าเฝ้าเข้ากับนาย ก็ล้วนโทษถึงตายไม่เว้นตัว
ส่วนบุตรภรรยาข้าทาส ต้องตกเป็นคนระบาตรด้วยโทษผัว
ริบทั้งช้างม้าแลควายวัว ครอบครัวเงินทองของที่มี
ทั้งบรรดาหญิงชายชาวนคร ต้องกวาดต้อนเป็นเชลยมาตามที่
ข้อที่มันอ่อนน้อมยอมภักดี กูปรานียกให้ชีวิตไว้
แต่กวาดครัวเอาตัวมาให้หมด ให้ปรากฏแก่ประเทศทั้งน้อยใหญ่
จะได้เป็นเยี่ยงอย่างข้างหน้าไป มิให้ใครทุจริตผิดเหมือนมัน
อนึ่งนางสร้อยทองผ่องโสภา ซึ่งมันกล้าชิงไปเชียงใหม่นั่น
กับสร้อยฟ้าธิดาของมันนั้น ให้ส่งกันมาอย่างเป็นนางใน
ด้วยว่าราชบุตรีศรีสัตนา เป็นต้นเหตุรบรากับเชียงใหม่
จึงจะเป็นเกียรติยศปรากฏไป ว่ามีชัยได้นางนั้นคืนมา
จงจัดเรือประเทียบให้เรียบร้อย ขึ้นไปคอยรับนางให้ถึงท่า
เรือรับอ้ายขุนแผนแสนศักดา ก็เอาเรือกัญญาไปสองลำ
ทั้งพ่อลูกความดีมีหนักหนา ให้มันขี่เรือกัญญามาให้ขำ
ให้ฦๅเลื่องเฟื่องฟุ้งทุกคุ้งน้ำ ว่าไปทำเชียงใหม่ได้บ้านเมือง
อันครอบครัวกับตัวอ้ายเชียงใหม่ เอามันใส่เรือตามให้หลามเนื่อง
มันอยากทำวุ่นให้ขุ่นเคือง ให้ชาวเมืองดูเล่นเป็นขวัญตา ฯ
๏ ท่านเจ้าคุณมหาดไทยชัยชาญ รับพระราชโองการใส่เกศา
ออกจากพระโรงชัยไปศาลา ให้ร่างเรื่องสารตราเข้าฉับพลัน
ขึ้นกระดาษเสร็จสรรพประทับตรา ใส่กลักปิดฝาสนิทมั่น
สองนายรับตรากราบลาพลัน พากันรีบออกนอกกรุงไกร
ขับม้าลัดไปในไพรสัณฑ์ สิบวันเร่งตะบึงถึงเชียงใหม่
ลงจากม้าหมอบกรานคลานเข้าไป ส่งกลักตราให้ขุนแผนพลัน ฯ
๏ ขุนแผนคำนับแล้วรับสาร ต่อยกลักชักออกอ่านขมีขมัน
ทราบเรื่องสารตราสารพัน ก็บอกกันถ้วนหน้าบรรดาไทย
แล้วสั่งลูกชายเจ้าพลายงาม เจ้าเข้าไปแจ้งความเจ้าเชียงใหม่
ว่าบัดนี้พระองค์ผู้ทรงชัย ให้กวาดครัวลงไปอยุธยา
เก็บทั้งสมบัติพัสถาน ประทานแต่ชีวิตไม่เข่นฆ่า
ให้บอกกล่าวกันทั่วตัวประชา เราจะรั้งรอท่าสิบห้าวัน ฯ
๏ พลายงามรับคำแล้วอำลา พวกอาสาตามหลังไปเป็นหลั่น
เข้าไปในท้องพระโรงพลัน อภิวันท์ทูลท้าวเจ้าเชียงอินท์
ว่ามีตรามาแต่พระราชฐาน ให้กวาดกว้านครัวไปให้เสร็จสิ้น
ด้วยความผิดคิดร้ายในแผ่นดิน ทั้งภูมินทร์เมียมิ่งแลศฤงคาร
ให้เสนารักษาเมืองเชียงใหม่ คุมพระองค์ลงไปยังราชฐาน
ให้ต้องตามจารีตโบราณกาล พระราชทานแต่ชีวันไม่บรรลัย ฯ
๏ ครานั้นเจ้าเชียงอินท์ปิ่นนัคเรศ ทราบเหตุว่าจะกวาดไปกรุงใต้
แสนวิตกอกร้อนดังนอนไฟ พระพักตร์ไหม้หมองหมดสลดพลัน
กล่าวสุนทรวอนว่ากับพลายงาม ก็รู้ความอยู่ว่าโทษเป็นมหันต์
ครั้งนี้ที่จะปลอดรอดชีวัน ก็เพราะทั่นแม่ทัพทั้งสองนาย
เจ้าพลายตอบว่าอย่าเศร้าจิต ด้วยโทษท่านนั้นอุกฤษฎ์ผิดมากหลาย
จำเป็นจำยากลำบากกาย จะช่วยทูลเบี่ยงบ่ายให้คืนเมือง ฯ
๏ สาธุข้อยก็หวังทั้งสองนาย รอดตายก็เพราะท่านช่วยปลดเปลื้อง
แม้นได้คืนเชียงอินท์สิ้นความเคือง จะมอบกายถวายเครื่องบรรณาการ
เจ้าพลายงามรับคำแล้วอำลา กลับมาที่อยู่หมู่ทหาร
เจ้าเชียงใหม่สั่งเสียพวกเพี้ยกวาน ให้ร้องป่าวชาวบ้านทั้งบุรี
สั่งเสร็จก็เสด็จเยื้องย่าง กลับเข้าในปรางค์ปราสาทศรี
พระทัยแสนโศกศัลย์พันทวี มาถึงที่แท่นทองห้องไสยา
ลดองค์ลงนั่งบัลลังก์รัตน์ ตรัสบอกนางอัปสรเสนหา
ว่าพระจอมมงกุฎอยุธยา มีท้องตรามาถึงท่านแม่ทัพ
ให้กวาดครัวกับตัวเราลงไป คงตกอยู่กรุงไทยมิได้กลับ
ทั้งผู้คนใหญ่น้อยจะพลอยยับ ต้องล้มตายก่ายทับไปรวดทาง
โอ้ว่ากองกรรมมานำจิต ให้กระทำทุจริตไปผิดอย่าง
อยู่หลัดหลัดจะมาพลัดไปจากปรางค์ ตรัสพลางโศกศัลย์รำพันครวญ ฯ
๏ ครานั้นนางอัปสรสุมาลัย ได้ฟังคำร่ำไห้พิไรหวน
แสนสนมกำนัลก็รัญจวน สุดกำสรวลแสนกำสรดสลดใจ
โอ้อกจะตกไปกรุงล่าง จะย่อยยับอับปางเป็นไฉน
ต้องตกทุกข์ขุกเข็ญเป็นบ่าวไทย จะบรรลัยแหลกล่มถมดินดาน
ลูกเต้าจะกำจัดพลัดพ่อแม่ ปู่เถ้าย่าแก่จะพลัดหลาน
องค์กษัตริย์จะกำจัดจากศฤงคาร สาวสนมก็จะพล่านไปพลัดวัง
คุณจอมหม่อมยายข้างฝ่ายใน เสียงร้องไห้เซ็งแซ่ดังแตรสังข์
ลงกลิ้งเกลือกเสือกดิ้นสิ้นกำลัง เหมือนนางรังต้องลมระเนนไป ฯ
๏ ครานั้นเจ้าเชียงใหม่ใจอนาถ ตรัสประภาษแก่สนมทั้งน้อยใหญ่
จงกลั้นกลืนโศกเศร้าให้เบาใจ มิบรรลัยคงได้มาพาราเรา
ถ้าตัวกูตายอยู่ในเมืองใต้ เอ็งจึงจะต้องไปเป็นข้าเขา
เดชะบุญโทษทัณฑ์ถ้าบรรเทา พวกสูเจ้าคงไม่ตกอยู่เมืองไทย
นี่กองกรรมเราทำไว้ด้วยกัน มาตามทันเราทั้งผองอย่าร้องไห้
จงสู้กรรมไปก่อนอย่าร้อนใจ ถึงร้องไปก็ไม่พ้นทนเวทนา ฯ
๏ ฝ่ายฝูงประชาชาติราษฎร ก็ทุกข์ร้อนข้อนอกไปทั่วหน้า
ดังจะตีตนตายฟายน้ำตา ต่างจัดหาของข้าวจะเอาไป
บ้างเลื่อยกลักจักกระบอกกรอกปลาร้า ทั้งน้ำปลาปลาแดกเอาแทรกใส่
พริกกะเกลือเนื้อกวางเอาย่างไว้ บ้างเย็บไถ้ใส่ข้าวตากจัดหมากพลู
ครกกระบากสากจ่าปลาร้าปลาแห้ง หม้อข้าวหม้อแกงกะทะหู
เที่ยววิ่งรนค้นหาน้ำตาพรู บ้างแลดูหน้าเมียเสียน้ำใจ
บ้างข้อนอกอึกอึกนึกถึงชู้ บ้างแต่งขันหมากรากพลูอยู่ใหม่ใหม่
กำลังมัวหวานมันไม่ทันไร เข้าในห้องร้องไห้ทั้งผัวเมีย
ลางคนปลูกหอพึ่งขอสู่ พวกผู้ใหญ่ให้อยู่ด้วยกันเสีย
ที่ผัวตายเป็นหม้ายอยู่แต่เมีย ลงทอดตัวงัวเงียร้องไห้งอ
ที่นักเลงขับร้องก็ตรองเตรียม เคี่ยมเคี้ยเพลี้ยแคนทั้งปี่อ้อ
โทนทับกระจับปี่สีซอ เตรียมไปขอทานเขาเอามากิน
บ้างมีทองของแห้งเครื่องแต่งตน เอาซุกซนซ่อนไว้ในผ้าซิ่น
ทั้งแหวนทองเล็กน้อยหัวพลอยนิล บ้างถอดปิ่นที่ปักหักห่อไป
ที่ของหยาบหยาบเหลือหาบคอน เอาซุกซ่อนไว้ในโพรงต้นไม้ใหญ่
บ้างฝังแฝงปลอมผีที่วัดไว้ บ้างซุกใส่สระบ่อแลท่อน้ำ
บ้างพ่อแม่แก่เกินเดินไม่รอด บ้างตาบอดเสียขาอะร้าอะร่ำ
ที่ป่วยเจ็บไข้จับยับระยำ จะปลุกปล้ำกันไปไม่ไหวแท้
บ้างตาปู่อยู่บ้านลูกหลานไป เสียงร้องไห้รักกันสนั่นแซ่
ทั้งลูกเล็กเด็กกระจอมอแม บ้างท้องแก่ไปไม่รอดลงทอดตัว
บ้างออกลูกมาสักครู่พึ่งอยู่ไฟ พ่อก็ไปทัพตายเป็นหม้ายผัว
จะอยู่ก็ไม่ได้ไปก็กลัว แต่ตีอกชกหัวไปทั่วเมือง ฯ
๏ ครั้นจะใกล้เลิกทัพเขาขับต้อน เที่ยวหาบคอนเกลื่อนกล่นถนนเนื่อง
พวกนางในไห้เทวษทวีเคือง ต่างจัดเครื่องเงินทองข้าวของตน
องค์พระเจ้าเชียงอินท์ปิ่นราชัย รับสั่งให้ผูกช้างมาเกลื่อนกล่น
ให้นางห้ามขึ้นนั่งหลังละคน ข้าวของกองล้นบนสัปคับ
คุณท้าวชาววังสั่งโขลนจ่า ให้ขึ้นหน้านั่งประจำอยู่กำกับ
พวกสนมกรมวังก็คั่งคับ เทียบไว้เป็นอันดับออกดาษดิน
ช้างทรงสร้อยทองกับสร้อยฟ้า กระโจมทองสองหน้าดูเฉิดฉิน
ดาดพื้นสีแดงแย่งทรงข้าวบิณฑ์ มีม่านทองป้องสิ้นกำบังองค์
ช้างที่นั่งเจ้าเชียงใหม่มเหสี แต่ล้วนขี่กูบทองก่องก่ง
หมอควาญคนขยันมั่นคง เทียบประทับเกยทรงตรงชลา ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสนิท เรืองฤทธิเชี่ยวชาญหาญกล้า
กับพลายงามลูกรักอันศักดา ต่างขึ้นคอช้างงาสง่างาม
พระท้ายน้ำกำกงธงอาสา ก็ขึ้นขี่ช้างงามาทั้งสาม
เหล่าพวกทหารชาญสงคราม ขี่ช้างม้ามาตามออกหลามทาง
ขุนแผนสั่งกำชับกับพวกไทย จัดกันให้แยกกองเดินสองข้าง
พวกครัวเดินรายมาสายกลาง ให้กองช้างเดินก่อนผ่อนกันมา
ให้บรรดาพวกลาวชาวเวียงจันทน์ ช่วยป้องกันเดินรายทั้งซ้ายขวา
คอยกำกับทัพลาวชาวพารา ให้อาสาต้อนหลังระวังครัว
ช้างเถื่อนมากกว่าต่ออย่าอ้อแอ้ ดูแลไปทั้งมวลให้ถ้วนทั่ว
อ้ายพวกไหนสู้รบฤๅหลบตัว ออกสกัดตัดหัวอย่าไว้มัน ฯ
๏ ครั้นได้ฤกษ์ให้เลิกโยธาทัพ คั่งคับพสุธาโกลาลั่น
พวกทหารขานโห่ขึ้นพร้อมกัน ยิงปืนครื้นครั่นสนั่นไป
องค์พระเจ้าเชียงใหม่มเหสี กับสนมนารีทั้งน้อยใหญ่
ขึ้นช้างพร้อมกันด้วยทันใด สั่งให้ท้าวหนูอยู่เฝ้าวัง
ออกช้างทางประตูบูรพทิศ เจ้าเชียงอินท์ผินพิศมาเบื้องหลัง
แลเห็นปรางค์มาศราชวัง พระเนตรหลั่งชลนัยน์อาลัยลา
โอ้เสียดายปราสาทราชฐาน ได้อยู่มาช้านานแต่ปู่ย่า
คงย่อยยับเยือกเย็นเป็นป่าช้า จะรกร้างโรยราลงทุกวัน
พระปรัศว์ทัดเทียมเทวสถาน ปรางค์มาศดังวิมานเมืองสวรรค์
โอ้แต่นี้ลี้ลับไปฉับพลัน สารพันจะผุพังเป็นรังแร้ง
แสนเสียดายมิ่งไม้ในสวนขวา ทั้งสระแก้วปทุมาจะเหือดแห้ง
ท้องพระโรงก็จะร้างเป็นกลางแปลง ที่นั่งโถงโรงแสงจะทรุดโทรม
นิจจาเอ๋ยเคยออกที่นั่งเย็น จะรกเป็นแฝกพงดงผักโหม
เรือนสนมทุกตำหนักจะหักโทรม ทั้งเสาโคมสี่คันจะอันตราย
โอ้เสียดายโรงรถคชสาร ทั้งโรงพาชีชาญจะฉิบหาย
ป้อมกำแพงก็จะล้มถล่มทลาย กระจัดกระจายทั่วสิ้นทั้งถิ่นเมือง
เสียดายเอ๋ยเคยเล่นสนามจัณฑ์ นับวันก็จะลุ่มเป็นคลองเหมือง
ที่ท่าวังจะเป็นหาดน้ำขาดเคือง ดินหล้าฟ้าจะเหลืองทั้งเมืองลาว ฯ
๏ มเหสีโฉมยงองค์อัปสร ก็อาวรณ์วิตกอกร้อนผ่าว
ดังกฤชกรดแกระทรวงให้ร่วงร้าว อารมณ์ราวจะวินาศลงขาดรอน
โอ้ตัวกูอยู่มาในเชียงใหม่ เคยแต่ได้เสพย์สุขสโมสร
ชั้นแต่มีที่ไปในนคร ก็ทรงวออรชรให้ชูใจ
พวกชะแม่แลหลามมาตามหลัง ทั้งสนมกรมวังล้อมไสว
โอ้อกจะตกไปกรุงไทย จะเดินปนชนไหล่กับไพร่เลว
ชั้นข้าหลวงก็จะล่วงมาบังคับ จะยากยับเจ็บอกเหมือนตกเหว
จนผ้าดีจะไม่มีอยู่พันเอว อกจะแยกแหลกเหลวทุกวันไป
โอ้อยู่เมืองเครื่องเสวยเคยประณีต ตามจารีตมเหสีที่เชียงใหม่
ต้องพลัดพรากจากเมืองไปเคืองใจ คงอดอยากยากไร้ไปตามกัน
ร่ำพลางนางข้อนกายสยายเกศ ชลเนตรไหลลงทรงโศกศัลย์
ทั้งเหล่าสาวสุรางค์นางกำนัล ต่างครวญคร่ำรำพันในทางจร ฯ
๏ ครั้นยกออกนอกเวียงเมืองเชียงใหม่ พวกไทยกองทัพก็ขับต้อน
พวกลาวครัวกลัวราบบ้างหาบคอน อุ้มลูกอ่อนจูงลูกแก่ออกแซ่ทาง
บ้างแก่เถ้าง่อยเปลี้ยบ้างเสียขา เอาเปลหามกันมาอยู่ยุ่งย่าง
ที่ลางพวกผู้ดีไม่มีช้าง เอาวัวควายใส่ต่างบรรทุกไป
ตารักตามาทั้งตาสาย ถือหวายต้อนมาไม่ปราศรัย
ใครบิดเบือนเชือนลัดพลัดออกไป เอาหวายไล่ลุกล้มวิ่งซมซาน
ตารักร้องว่าเอาอ้ายเถ้าถี อีพวกนี้ชาวตลาดมันจาดจ้าน
กูกับอ้ายหลอไปขอทาน มันเอาคานไล่เฆี่ยนหลังเจียนพัง
กูจำหน้ามันไว้ได้สิ้นเสร็จ คราวนี้จะแก้เผ็ดมันเสียมั่ง
กูจะเฆี่ยนให้ร้องก้องดงรัง เอาแต่เขากับหนังไปให้นาย ฯ
๏ ถึงเวลาอัสดงก็ปลงทัพ ดูสะพรั่งคั่งคับคนทั้งหลาย
ประทับทอดม้าช้างต่างวัวควาย ออกเรียงรายแน่นไปในไพรวัน
ที่ประทับสร้อยทองกับสร้อยฟ้า ทำพลับพลาฝารอบเป็นขอบกั้น
มีเพดานม่านทองไว้ป้องกัน ที่ชั้นนอกคนนั่งระวังยาม
เหล่าพวกครัวหน้านิ่วทั้งหิวอ่อน บ้างปลดหาบปลงคอนลงนอนหลาม
ธรรมเถียรนายกองร้องสั่งความ ให้ชักหนามวงป้องกองไฟแดง
อ้ายพวกไทยทรหดอดมานาน พอพลบค่ำก็เที่ยวควานไปทุกแห่ง
เห็นสาวนอนเข้าเสียดเบียดตะแคง บ้างเข้าแฝงกูบอานคลานเข้าไป
คลำถูกเหี่ยวที่อกก็ยกมือ ปะที่ตึงดึงดื้อเข้าคว้าไขว่
อีลาวตื่นคลำดูรู้ว่าไทย ทำหลับเฉยเลยไปเสียก็มี
ปะลางทีที่มันไม่เล่นด้วย พอเข้าฉวยมันก็ร้องออกก้องมี่
ที่นอนใกล้ตกใจไม่สมประดี สำคัญว่าเสือหมีเข้ากัดลาว
ธรรมเถียรนายกองร้องห้ามไป อึงอะไรนั่นหวาออกฉ่าฉาว
อย่าตกใจมิใช่เสือหางยาว มันเป็นเสือสองเท้าหางนิดเดียว
อ้ายเสือเลยกระดากมาจากที่ พอกองนี้เงียบไปได้ประเดี๋ยว
ยังไม่ทันหลับตากองหน้าเกรียว อ้ายตัวอื่นไปเกี้ยวเที่ยวรางควาน
ครั้นอรุณรุ่งรางสว่างฟ้า หุงข้าวเผาปลากินอลหม่าน
ครั้นอิ่มหนำสำเร็จเสร็จการ ยกเอาคานใส่บ่าพากันไป
ทั้งพวกวัวควายต่างแลช้างม้า เดินตามกันมาออกไสว
พวกรั้งทัพขับต้อนค่อนเคี่ยวไป เสียงแต่ลาวร้องไห้ในดงดอน ฯ

แอ่ว

๏ โอ้แสนวิตก ระหกระเหิน หาบคอนย่อนเยิ่น ดุ่มเดินเข้ารก
บุกแฝกแหวกคา หย่อมหญ้ากอกก เหงือไคไหลตก ตะกรกตะกรำ
กินข้าวกะเกลือ กินเหงื่อต่างน้ำ กินเช้าต่อสาย กินงายต่อค่ำ
หยุดบ้างก็บ่ได้ บักไทยตีร่ำ นั่งเยี่ยวบ่ทันสุด มันฉุดมันคลำ
ของหกตกคว่ำ ลากร่ำเข้าในรก มันทันมันก็ตี วิ่งหนีมันก็ชก
ริมลู่ริมทาง ย่างย่างหยกหยก ขึ้นปกลงปก อกจะแตกตายเอย

แอ่ว

๏ โอหนออกกู เมื่ออยู่เมืองเรา กินค่ำกินเช้า กับข้าวบ่ขัด
สาวแก่แออัด นัดกันออกทุ่ง เที่ยวเก็บผักบุ้ง จับกุ้งจับปลา
หอยโข่งหอยขม งมใส่ตะกร้า ขึ้นบนคันนา มองหารูปู
ขุดตุ่นขุดหนู ขุดรูดักแย้ ฉวยด้วงดักแด้ เที่ยวแหย่รูบึ้ง
จับกบขาเหยียด จับเขียดจับอึ่ง สิ้นไต้ใบหนึ่ง เป็นครึ่งค่อนค่อง
เอามาแจ่วมาพล่า แจ่วห้าแจ่วบ่อง จะไปเวียงใต้ ของไม่เคยท้อง
กินเผ็ดกินจืด ท้องปืดท้องป่อง ท้องขึ้นท้องพอง จะลงท้องตายเอย ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสนิท เรืองฤทธิราวราชไกรสร
ขี่คชเดชานำหน้าจร รีบร้อนเร่งไปไม่รั้งรา
ค่ำนอนรุ่งเดินดำเนินพล ผู้คนติดตามมาหลามป่า
สิบสี่วันครึ่งตะบึงมา กระทั่งถึงพาราพิจิตรพลัน
ก็หยุดหย่อนผ่อนพักพลโยธา ทอดช้างวางม้าเป็นจ้าละหวั่น
พวกครัวคั่งคับนับร้อยพัน อยู่ที่หลังวัดจันทร์ออกแน่นไป
สั่งให้ทำที่ประทับพลับพลา ให้สร้อยทองสร้อยฟ้าอยู่อาศัย
ทั้งที่อยู่พระยาลาวเจ้าเวียงชัย ส่วนพ่อลูกอาศัยศาลารี ฯ
๏ จะกล่าวถึงพระพิจิตรบุษบา แต่ทราบความตามตราพระราชสีห์
ว่าขุนแผนมีชัยได้ธานี ก็ยินดีคอยรับจะกลับมา
เรือประเทียบขึ้นไปได้หลายวัน ให้จอดเคียงเรียงกันไว้หน้าท่า
พวกฝีพายจ่ายเสบียงเลี้ยงข้าวปลา ให้พักอยู่ศาลาข้างหน้าวัด
ที่วัดจันทร์นั้นก็ให้ไปแผ้วถาง ปราบที่ทางกว้างใหญ่ไว้ถนัด
แฝกไม้ข้าวปลาสารพัด เตรียมจัดไว้วางทุกอย่างมี
วันนั้นพวกทนายไปสืบถาม ทราบความแล้วรีบมาเร็วรี่
ว่ากองทัพกลับมาถึงธานี ก็ยินดีชวนกันจะครรไล
ทั้งผัวเมียรีบรัดผลัดผ้า แล้วสั่งเหล่าบ่าวข้าหาช้าไม่
ไปบอกขานกรมการมาไวไว จะออกไปต้อนรับกองทัพมา
ครั้นปลัดยกกระบัตรมหาดไทย กรมการผู้ใหญ่มาพร้อมหน้า
พระพิจิตรกับนางบุษบา ก็ลงจากเคหาพากันไป ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสงคราม กับพลายงามอยู่หน้าศาลาใหญ่
เห็นพระพิจิตรบุษบามาแต่ไกล ต่างดีใจไปรับด้วยฉับพลัน
เชื้อเชิญขึ้นนั่งยังศาลา พ่อลูกวันทาทั้งสองทั่น
ว่าแรกถึงชุลมุนยังวุ่นครัน หมายมั่นว่าจะเข้าไปกราบเท้า
แต่ครอบครัวผู้คนนั้นล้นหลาย ทั้งหญิงชายเด็กผู้ใหญ่ไพร่เจ้า
แต่พอเผลอสักหน่อยคอยเกรียวกราว ด้วยเป็นลาวระบาตรต้องกวาดมา
ยังสร้อยฟ้าสร้อยทองสองนงเยาว์ ข้าพเจ้าต้องพิทักษ์รักษา
ไม่มีใครไว้วางต่างหูตา จึงคิดว่าจะเข้าไปในพรุ่งนี้
คุณพ่อแม่เมตตาการุญ เจ้าประคุณอุตส่าห์มาถึงนี่
ยังเป็นสุขทุกทิวาราตรี ทั้งศรีมาลาอยู่ดีฤๅฉันใด ฯ
๏ ครานั้นพระพิจิตรบุษบา ยิ้มแย้มตอบมาหาช้าไม่
อันพ่อแม่แลธิดายาใจ ไม่เจ็บไข้เป็นสุขทุกเวลา
นึกเป็นห่วงบ่วงใยอยู่เย็นเช้า คอยเอาใจช่วยเจ้าอยู่หนักหนา
พอรู้ว่ามีชัยได้พารา ก็ตั้งใจคอยท่าทุกคืนวัน
ครอบครัวมากมายเป็นก่ายกอง แต่สองคนดูไหวที่ไหนนั่น
กรมการเมืองนี้ก็มีครัน จะให้มาช่วยกันมิเป็นไร
ว่าพลางทางเรียกหลวงปลัด ยกกระบัตรกรมการผู้น้อยใหญ่
เข้ามาพร้อมกันในทันใด แล้วออกไปแถลงแจ้งกิจจา
ท่านเอ๋ยราชการพานหนักแน่น ขุนแผนคุมลาวมาหนักหนา
ถ้าเกิดเหตุอย่างไรในพารา เราจะพากันผิดคิดให้ดี
ท่านปลัดจัดแจงแบ่งพวกเรา ให้ช่วยเขารักษาทุกหน้าที่
ด้วยว่าเป็นราชการงานธานี อย่าให้มีเหตุการรำคาญใจ ฯ
๏ ขุนแผนพระพิจิตรกรมการ ปรึกษากันปันด้านหาช้าไม่
ขุนพลนั้นรับรองกองทัพไทย ทั้งให้ดูลาวชาวล้านช้าง
มหาดไทยให้รับเลี้ยงช้างม้า โคกระทิงมหิงสาสัตว์ต่างต่าง
ขุนเมืองคุมครัวดูรั้วทาง ให้จัดวางจุกช่องแลกองไฟ
ขุนวางตั้งประจำที่พลับพลา ทั้งที่บุตรภรรยาเจ้าเชียงใหม่
ขุนคลังนั้นให้นั่งระวังระไว สิ่งของน้อยใหญ่แลเงินทอง
ขุนนาหน้าที่เป็นกองกลาง ประจำฉางจ่ายข้าวแลสิ่งของ
การต่างต่างวางคนไว้สำรอง ทุกหมวดกองสรรพเสร็จสำเร็จพลัน
หลวงปลัดยกกระบัตรคอยตรวจตรา แล้วกะเกณฑ์นาวามาเลือกสรร
จะส่งทัพกับครัวไปพร้อมกัน อิกสามวันจะล่องลงกรุงไกร
ครั้นวางการเป็นระเบียบเรียบร้อย ตะวันชายบ่ายคล้อยพระสุริยใส
พระพิจิตรบุษบาก็คลาไคล กลับไปเคหาไม่ช้าที ฯ
๏ จะกล่าวถึงศรีมาลายาใจ แต่เจ้าพลายจากไปให้หมองศรี
ค่ำเช้าเฝ้าคะนึงถึงสามี อยู่แต่ที่ในห้องนองน้ำตา
ถึงยามกินอาลัยฤทัยถอน ถึงยามนอนใฝ่ฝันประหวั่นหา
ไม่แย้มสรวลพูดเล่นเจรจา เวียนแต่นอนซ่อนหน้ามาเกือบเดือน
พ่อแม่แลเห็นผิดสังเกต ไม่แจ้งเหตุถามลูกก็เลื่อนเปื้อน
อีเม้ยรับร้อนใจเข้าในเรือน กระซิบเตือนนายว่าอย่าโศกนัก
เจ้าคุณคุณหญิงจะกริ่งใจ มิใช่นายเจ็บไข้อะไรหนัก
ต้องแต่งตัวให้ผ่องละอองพักตร์ ทายทักพูดเล่นเจรจา
ให้เขาเห็นเหมือนแต่ก่อนร่อนชะไร ระงับโศกซ่อนไว้แต่ในหน้า
ถึงจะต้องทนไปก็ไม่ช้า หม่อมคงมาสมถวิลสิ้นทุกข์ร้อน
ศรีมาลาฟังว่าก็เห็นด้วย สู้ทำฝืนชื่นชวยเหมือนแต่ก่อน
พอกลับเข้าห้องในให้อาวรณ์ ถึงยามนอนถอนสะอื้นทุกคืนวัน
คิดถึงผัวให้วิตกอกสะทึก ไปสู้ศึกจะอย่างไรไฉนนั่น
เฝ้าบนบวงเทพไทให้ป้องกัน นับวันคอยเจ้าพลายมาหลายเดือน
พอได้ข่าวกองทัพกลับมาถึง ประหนึ่งได้ดวงมณีไม่มีเหมือน
เรียกอีเม้ยเข้าไปที่ในเรือน เอ็งอย่าเชือนหาช่องย่องออกไป
ถ้าหม่อมพลายถามไถ่จะใคร่รู้ จงบอกว่าตัวกูนี้เป็นไข้
และฟังดูจะพูดจาว่ากะไร เอ็งอย่าให้ใครพะวงสงกา
อีเม้ยยิ้มแต้แม่อย่ากลัว ไม่ได้ตัวหม่อมพลายละนายด่า
ขอผัดพอพรุ่งนี้มิให้ช้า แล้วพูดกันไปมาจนสายัณห์ ฯ
๏ ครั้นรุ่งแจ้งสุริยาภานุมาศ ผุดผาดแผ้วกระจ่างสว่างสวรรค์
ขุนแผนกับลูกยาปรึกษากัน ให้จัดสรรสิ่งของที่ต้องการ
จะไปให้พระพิจิตรบุษบา ทั้งนวลนางศรีมาลายอดสงสาร
แล้วเรียกเหล่าบ่าวพวกบริวาร ให้ขนพามาบ้านท่านผู้รั้ง
ครั้นถึงจึงขึ้นบนเคหา เห็นพระพิจิตรบุษบาอยู่หอนั่ง
เจ้าพลายแลหาละล้าละลัง ใจหวังอยู่แต่ที่ศรีมาลา
พวกบ่าวขนของมากองเรียง เต็มระเบียงหอขวางที่ข้างหน้า
พ่อลูกนั่งพลันแล้ววันทา บอกว่าได้ของมามั่งเล็กน้อย
โอลาวเสื่ออ่อนแลหมอนขวาน โตกพานเช่นเชียงใหม่เขาใช้สอย
กระบุงหมากขันน้ำมีจอกลอย ทั้งใบเมี่ยงน้ำอ้อยจัดเอามา
กราบเท้าเจ้าประคุณคุณพ่อแม่ พอเป็นแต่ของฝากมาจากป่า
แหวนทับทิมวงนี้มีราคา มาให้เจ้าศรีมาลายาใจ ฯ
๏ ครานั้นพระพิจิตรบุษบา ว่าพ่อเอ๋ยอุตส่าห์เอามาให้
มิเสียแรงรักชอบน่าขอบใจ ช่างกะไรแผ่เผื่อเหลือจะดี
แล้วร้องเรียกเฮ้ยอีเม้ยหวา ไปบอกเจ้าศรีมาลาออกมานี่
ว่าขุนแผนกลับมาถึงธานี ทั้งหม่อมพี่พลายงามก็ตามมา
เขามีใจได้ของเอามาฝาก อย่ากระดากให้อ่อนออกมาหา
อีเม้ยยิ้มละไมแล้วไคลคลา ไปบอกนางศรีมาลาที่ห้องใน ฯ
๏ ครานั้นนวลนางศรีมาลา ได้ยินเสียงพูดจาก็จำได้
หม่อมาแล้วสิมิใช่ใคร แทบจะวิ่งออกไปด้วยความรัก
แต่คิดคิดก็วิตกอกผู้หญิง ด้วยเรื่องจริงนั้นผู้ใหญ่ไม่ประจักษ์
ฉวยหม่อมพลายเผลอพล้ำละล่ำละลัก ทำบุ้ยใบ้ทายทักจะเสียการ
ต้องอดใจไว้พบเพลาอื่น กลางคืนเห็นจะมาหาถึงบ้าน
บอกอีเม้ยไปพลันมิทันนาน เอ็งคิดอ่านบอกป่วยช่วยกูที
แล้วลุกมาแอบมองที่ช่องฝา และมาก็เห็นหม่อมพลายพี่
ดูอ้วนท้วนผึ่งผายสบายดี แต่ราศีถูกแดดแผดจนคล้าม
ช่างนั่งบังหลังบิดานัยน์ตาจ้อง เฝ้าแต่มองฝาเรือนเหมือนจะถาม
นางเปรมปริ่มยิ้มมองเจ้าพลายงาม เฝ้าชะแง้แลตามไม่วางตา ฯ
๏ ฝ่ายว่าตัวดีอีสาวเม้ย ทำหน้าเฉยเดินออกนอกเคหา
มาบอกความพระพิจิตรบิดา วันนี้นายศรีมาลาเธอตัวร้อน
ปวดศีรษะตุบตุบแต่กลางคืน พอนอนตื่นก็ละเหี่ยให้เพลียอ่อน
มึนเมื่อยเป็นกำลังเห็นยังนอน วอนสั่งให้กราบเท้าทั้งสองรา ฯ
๏ ครานั้นจึงท่านพระพิจิตร สำคัญคิดเข้าใจไม่กังขา
ว่าลูกสาวอายใจไม่ออกมา เพราะได้หมั้นการวิวาห์กับพลายงาม
จึงผินหน้ามายิ้มกับขุนแผน มันเหลือแสนไข้พิรุธสุดจะห้าม
พ่อก็อยากพูดจาปรึกษาความ ศึกสงครามก็สำเร็จเสร็จกันแล้ว
เราควรจะคิดอ่านการวิวาห์ เป็นฝั่งฝาฝังปลูกให้ลูกแก้ว
มีเฟื้องไพจะได้ให้เสียยังแล้ว ให้ผ่องแผ้วพ้นบ่วงที่ห่วงใย
พ่อแม่คร่ำคร่าเป็นตายาย จะล้มตายวันพรุ่งหารู้ไม่
เจ้าคิดหาฤกษ์พาดูเป็นไร จะได้หาไม้ไหล้ปลูกเรือนชาน ฯ
๏ ขุนแผนนบนอบตอบพระพิจิตร ลูกมานี่ก็คิดจะว่าขาน
พอคุมทัพกลับไปมิให้นาน จะขึ้นมาคิดอ่านงานทางนี้
ได้คำนวณฤกษ์พามาแต่วาน วันอังคารแรมค่ำในเดือนสี่
ถูกชะตาร่วมกันขยันดี แล้วแต่บารมีจะโปรดปราน ฯ
๏ พระพิจิตรฟังคำขุนแผนว่า ปรึกษากับบุษบาแล้วว่าขาน
เดือนสี่ดีแล้วกำหนดงาน เรือนชานก็คงเสร็จสำเร็จทัน
แล้วว่ากับขุนแผนแสนสงคราม จะพักอยู่อารามทำไมนั่น
กว่าจะล่องลงไปยังหลายวัน มาอยู่นี่ด้วยกันก็เป็นไร ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสนิท นิ่งคิดนึกพรั่นให้หวั่นไหว
ออพลายสิพรากจากเมียไป ถ้ากลับมาอยู่ใหม่ไหนจะยั้ง
พอมืดค่ำก็จะคลำเข้าไปหา ถ้าหากว่าไม่มิดเหมือนหนหลัง
เกิดเซ็งแซ่แพร่หลายกระจายดัง จะเสียทั้งสองฝ่ายขายหน้าตา
นึกพลางตอบความตามทำนอง ลูกนี้ขัดข้องอยู่หนักหนา
ด้วยว่ากองทัพที่กลับมา ทั้งนายไพร่มากกว่าเมื่อขาไป
ไหนนางสร้อยทองแลสร้อยฟ้า ทั้งพวกบุตรภรรยาเจ้าเชียงใหม่
ทั้งต้องคุมครัวลาวชาวพงไพร มาอยู่ไกลกลัวจะทำให้รำคาญ
พระท้ายน้ำกับพวกที่อยู่นั่น จะพากันบอกกล่าวเป็นข่าวขาน
ว่าพ่อลูกบ่ายเบี่ยงเลี่ยงราชการ มาอยู่บ้านเป็นสุขสนุกสบาย
ไหนไหนก็ลำบากมามากแล้ว อย่าให้มีวี่แววความเสียหาย
จำต้องทนถ่อร่างค้างกาย ไปจนเสร็จสมหมายที่รับมา
ว่าแล้วอำลาท่านทั้งสอง เยื้องย่องกลับลงจากเคหา
เจ้าพลายตามไปไม่พูดจา ให้แค้นขัดอัธยาบิดาตัว
อนิจจาพ่อก็รู้อยู่แก่ใจ ว่ารักใคร่ได้เสียเป็นเมียผัว
จะสะกดเข้าไปไม่ต้องกลัว ยังมามัวกีดกันขันจริงจริง
ดีแล้วเป็นไรได้เห็นกัน อย่าสำคัญว่าแคล้วแล้วจะนิ่ง
ต่อให้ทำกรงใส่ไว้เป็นลิง พอค่ำลงคงจะวิ่งมาหานาง
คิดพลางทางเดินทำเมินเฉย เลยออกนอกจวนมาจนห่าง
เห็นอีเม้ยนั่งยิ้มอยู่ริมทาง แกล้งอำพรางใช้ใบ้ให้ตามมา ฯ
๏ ครั้นถึงวัดจันทร์ตะวันสาย กรมการมากมายมาคอยหา
ขุนแผนเป็นกังวลสนทนา เจ้าพลายหลบหน้ามาข้างวัด
ไปถึงที่ลี้ลับไม่มีคน เห็นต้นพิกุลใหญ่ไอ้ถนัด
ที่ใต้ต้นเตียนรื่นพื้นทรายซัด ก็หลีกลัดเข้านั่งบังต้นไม้
อีเม้ยเลยเดินมาข้างหลัง ครั้นถึงจึงนั่งยกมือไหว้
เจ้าพลายยิ้มพลางทางว่าไป ข้านี้หวังตั้งใจจะพบพาน
ธุระร้อนของเราเจ้าก็รู้ ถึงตัวไปใจอยู่แต่ที่บ้าน
ค่ำเช้าเฝ้าคะนึงถึงนงคราญ นางสำราญอยู่ฤๅประการใด
เมื่อเช้าเข้าไปนั่งตั้งตาคอย จะพบพักตร์สักหน่อยก็หาไม่
ฤๅว่านางขุ่นเคืองด้วยเรื่องไร จึงแกล้งว่าเจ็บไข้ไม่ออกมา
เมื่อจะไปได้กำชับกับตัวเจ้า ให้โลมเล้าเอาใจไว้คอยท่า
เจ้าทอดทิ้งคำมั่นที่สัญญา ฤๅว่าคงวาจาก็ว่าไป ฯ
๏ อีเม้ยสะบัดหน้าว่าพุทโธ่ มาพาโลโกรธาก็เป็นได้
ไม่เห็นอกนายมั่งช่างกะไร ต่อหน้าคนฤๅจะให้ออกไปรับ
ซึ่งบอกว่าเจ็บไข้ไม่ออกมา ไม่มุสาหลอนหลอกแกล้งกลอกกลับ
ตั้งแต่วันหม่อมพลายยกกองทัพ เธอก็จับไม่สบายหลายเดือนมา
ไม่เป็นอันกินนอนจนอ่อนเปลี้ย น้ำตาเรี่ยไม่แห้งไม่แกล้งว่า
ฉันต้องอยู่ดูแลทุกเวลา เฝ้าพูดจาเอาใจให้ประทัง
หม่อมกลับมาถึงนี่ฉันดีใจ เผื่อจะได้หยูกยามาลงมั่ง
ฉันจึงรีบตั้งหน้าออกมาฟัง จะสั่งให้พยาบาลสถานใด
อันถ้อยยำคำมั่นที่สัญญา กลัวแต่ว่าหม่อมดอกไม่จำได้
ของกำนัลมุลนายออกก่ายไป ส่วนอีไพร่อดแห้งแกล้งเฉยเมย ฯ
๏ ชิชะปากคอช่างพอตัว อย่ามามัวพ้อเราเลยเจ้าเอ๋ย
แล้วหยิบเงินยื่นให้ไม่ละเลย นี่แลของนางเม้ยเป็นรางวัล
อันซึ่งนายเจ็บไข้ไม่สบาย เรามียาสมุนพรายดีขยัน
แต่เป็นยาปลุกเสกลงเลขยันต์ กินกลางวันไม่ได้คนไข้ตาย
พอดึกหน่อยจะไปให้ถึงบ้าน เจ้าคิดอ่านเปิดรับขยับขยาย
เราจะไปให้ยารักษานาย คงจะหายเจ็บไข้ในพรุ่งนี้
ครั้นสัญญาอาณัติกันเสร็จสรรพ อีเม้ยรับลาลุกไปจากที่
เจ้าพลายกลับมาศาลารี มิได้มีใครพะวงสงกา ฯ
๏ ครั้นค่ำพลบลบแสงสุริยฉาย ไพร่นายพร้อมพรั่งประนังหน้า
พวกนายกองนายหมวดออกตรวจตรา ต่างพิทักษ์รักษารอบวัดจันทร์
ฝ่ายเจ้าพลายงามทรามสวาดิ ชาญฉลาดเล่ห์กลมนตร์ขยัน
ทำเป็นเที่ยวตักเตือนเหมือนทุกวัน ตรวจกองนี้กองนั้นทุกชั้นไป
แต่พอล่วงเวลาสักยามปลาย เจ้าพลายลดเลี้ยวเที่ยวไถล
ไปถึงตรงกุฎีชีต้นไทย เห็นจุดไต้ตั้งวงเล่นหมากรุก
พวกอาสามาเล่นอยู่เป็นหมู่ ทั้งพระเถรเณรดูกันสนุก
บ้างนั่งมองบ้างเบียดเข้าเสียดซุก ฉุกละหุกเสียงสนั่นลั่นกุฎี
เจ้าพลายนิ่งนึกตรึกตรา จำจะลวงบิดาว่าอยู่นี่
จะทำเป็นเล่นหมากรุกให้คลุกคลี จนพ่อหลับจึงจะหนีไปหานาง
คิดพลางทางขึ้นบนกุฎี เฮ้ยขอกูเดินทีแล้วรุกผาง
อ้ายพวกไพร่ให้นายเข้านั่งกลาง ทั้งสองข้างอื้ออึงคะนึงไป
ฝ่ายว่าขุนแผนพ่อรอเจ้าพลาย เห็นไปหายนึกพะวงให้สงสัย
ย่องลงจากศาลาแล้วคลาไคล เห็นแสงไฟที่กุฎีรี่ไปพลัน
แต่พอใกล้ได้ยินเสียงเฮฮา ก็รู้ว่าลูกยาอยู่ที่นั่น
เห็นกำลังเล่นหมากรุกสนุกครัน ก็หันกลับคืนมาศาลาลัย ฯ
๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าพลายงาม สักสองยามเห็นพอพ่อหลับใหล
จึงลุกออกจากวงลงบันได ลอบไปจัดแจงแต่งกายา
ลูบตัวทาน้ำอบตลบฟุ้ง แป้งปรุงประเจิมเฉลิมหน้า
สีขี้ผึ้งเสกละลวยด้วยวิชา แล้วนุ่งผ้ายกไหมไปล่ปลิว
ห่มผ้าของประทานส่านสี มือขวาคว้าคลี่พัดด้ามจิ้ว
แหวนทับทิมวงใหม่เอาใส่นิ้ว ถือเช็ดหน้าผ้าริ้วแล้วคลาไคล
มาถึงกลางวัดสงัดคน เจ้าพลายร่ายมนตร์ขึ้นมุกใหม่
โหงพรายมาพร้อมห้อมล้อมไป เข้าในเมืองพิจิตรบุรี
มินานผ่านมาถึงหน้าจวน หน้าหลังทั้งกระบวนล้วนแต่ผี
เห็นรั้วรอบขอบชิดสนิทดี ประตูมีกลอนลั่นไว้ชั้นใน
เจ้าพลายร่ายมนตร์มหาสะเดาะ กลอนหลุดผลุดเผลาะอยู่หวั่นไหว
ประตูบ้านบานระเบิดเปิดออกไป เจ้าพลายเข้าได้ในประตู ฯ
๏ ฝ่ายว่าทาสีอีเม้ยมอญ อยู่บนเรือนถอดกลอนนอนคอยอยู่
ประตูบ้านลั่นกรุกลุกขึ้นดู พอแลเห็นก็รู้ว่าเจ้าพลาย
เปิดประตูลงมาพาขึ้นเรือน คนนอนเกลื่อนหลีกลอดคอยสอดส่าย
นำหน้ามาถึงที่เรือนนาย แล้วอุบายบ่ายเบี่ยงเลี่ยงหลบไป ฯ
๏ ครานั้นพลายงามทรามคะนอง ครั้นถึงห้องยินดีจะมีไหน
ค่อยย่องเหยียบเบาเบาเข้าข้างใน แสงไฟส่องงามอร่ามเรือน
แลเห็นศรีมาลาดวงสมร เจ้านิ่งนอนท่วงทีไม่มีเหมือน
นี่แก้วพี่หลับสนิทฤๅบิดเบือน อารมณ์เตือนนั่งเคียงบนเตียงทอง
ประจงจูบลูบประคองน้องแก้ว พี่มาแล้วจงคลายหายหม่นหมอง
แต่พี่เฝ้าคิดถึงคะนึงน้อง ใจปองมิได้คลาศขาดสักวัน
ถึงยามกินสิ้นรสหมดโอชา ครั้นเวลาหลับไปก็ใฝ่ฝัน
ถ้าไม่เกรงพระองค์ผู้ทรงธรรม์ จะผลุนผลันกลับมาเสียช้านาน
เดชะบุญของเรานะเจ้าพี่ มีชัยได้กลับมาถึงบ้าน
มารู้ข่าวว่าเจ้าไม่เบิกบาน พี่รำคาญกลุ้มอุรามาแต่เช้า
เมื่อนั่งอยู่หน้าเรือนเหมือนกับบ้า เฝ้าแลมาแลไปไม่เห็นเจ้า
พี่มาดหมายตายเป็นก็ทำเนา คงจะเข้ามาหาในราตรี
ต้องรั้งรอจนพ่อนั้นหลับใหล จึงดึกไปพี่พึ่งมาถึงนี่
ขอเชิญพุ่มพวงดวงชีวี ผินหน้ามาทางนี้ให้พี่ชม ฯ
๏ ครานั้นนวลนางศรีมาลา ทำนิ่งนอนหลับตาเอาผ้าห่ม
ฟังผัวพูดปลอบชอบอารมณ์ สมคิดจิตหวามด้วยความรัก
ลุกขึ้นนั่งเรียงเคียงหน้า หันมากราบลงที่ตรงตัก
นึกว่าหม่อมล้าเลื่อยยังเหนื่อยนัก เห็นจะพักเสียก่อนไม่ย้อนมา
ไปทัพมีชัยได้เมืองลาว สาวสาวเหล่าเชลยก็หนักหนา
ได้ยินฦๅเลิศลอยชื่อสร้อยฟ้า มิไขว่คว้าเข้าบ้างฤๅอย่างไร
ทำไมกับลูกสาวชาวพิจิตร มันไม่น่าเชยชิดพิสมัย
เหมือนดอกหญ้าเห็นงามเมื่อยามไร้ แต่พอมีดอกไม้ไม่ต้องการ
นี่คงนึกสมเพชเวทนา จึงอุตส่าห์บุกมาจนถึงบ้าน
พอเห็นหน้าก็จะเบื่อเหลือรำคาญ ไม่อยู่นานห่วงทัพคงกลับไป ฯ
๏ ดูซิค่อนว่านิจจาเจ้า มาใส่ความเปล่าเปล่าก็เป็นได้
เป็นสัตย์จริงหญิงอื่นในแดนไตร ทั้งลาวไทยไม่เคยไปคบค้า
แต่จากไปใจพี่อยู่ที่น้อง หม่นหมองเศร้าสร้อยละห้อยหา
ถึงเห็นลาวก็ไม่รู้ดูหน้าตา เห็นแต่รูปศรีมาลาประจำใจ
อันนางสร้อยฟ้านารี เป็นราชบุตรีเจ้าเชียงใหม่
เขาถวายพระองค์ผู้ทรงชัย กับทรามวัยสร้องทองเป็นสองคน
ตัวพี่นี้อุตส่าห์รักษาตัว ถ้าครองไตรโกนหัวก็ชีต้น
เคร่งครัดค่ำเช้าเฝ้าสวดมนต์ แผ่กุศลให้โยมศรีมาลา
ได้แหวนแทนส่วนบุญลงมาให้ บัดนี้ไซร้ก็ออกพระวษา
โยมจงปลงใจได้เมตตา พี่จะลาสิกขาค่ำวันนี้
ศรีมาลาสรวลสันต์ไม่กลั้นได้ เจ้าพลายคว้าไขว่ขมันขมี
ภิรมย์รักสุขเกษมเปรมปรีดิ์ อยู่ยังที่เตียงทองทั้งสองรา ฯ
๏ ฝ่ายนางศรีมาลายาใจ เตรียมสำรับตั้งไว้ที่ข้างขวา
จึงชวนสามีให้ลีลา มาเลี้ยงดูโภชนาสำราญใจ
กินพลางต่างคนสนทนา ศรีมาลายิ้มย่องผ่องใส
เจ้าพลายยั่วยวนกวนร่ำไป ไม่หลับใหลผัวเมียเฝ้าเคลียเคล้า
จนดาวเดือนเลื่อนลับเวหาสห้อง แซ่ซ้องจำเรียงเสียงดุเหว่า
จำจากทรามสงวนด้วยจวนเช้า จะเวียนมาหาเจ้าทุกคืนไป
พอคุมทัพกลับถึงอยุธยา พี่จะรีบกลับมาหาเจ้าใหม่
พอเสร็จงานการวิวาห์ดังว่าไว้ เป็นมิให้ห่างหน้าสักราตรี
ว่าพลางโลมลูบจูบน้อง แล้วออกมาจากห้องของโฉมศรี
อีเม้ยนำหน้าพาจรลี เร็วรี่เดินออกมานอกรั้ว
รีบรัดลัดมาหน้าวัดจันทร์ พอถึงนั่นเช้ามืดขมุกขมัว
หลีกเลี่ยงหลบหน้าบิดาตัว ชักผ้าคลุมหัวแล้วหลับไป
ขุนแผนตื่นนอนขึ้นตอนเช้า เห็นเจ้าพลายงามยังหลับใหล
นึกว่าเล่นหมากรุกสนุกใจ ไม่พะวงสงสัยในลูกยา
ครั้นค่ำลงเจ้าพลายก็หายอีก หลบหลีกไปเล่นพอเห็นหน้า
พอดึกดึกไปที่ศรีมาลา ขึ้นหาสมสวาดิไม่ขาดคืน
ถึงคืนหลังสั่งเสียกันเมียผัว เผลอตัวหลับไปไม่ทันตื่น
จนสางสางเจ้าพลายจึงได้ฟื้น ลุกขึ้นล้างหน้าแล้วคลาไคล ฯ
๏ จะกล่าวถึงบุษบาผู้มารดร คืนนั้นตื่นนอนแต่ก่อนไก่
ห่วงสำรับคับค้อนให้ร้อนใจ ด้วยขุนแผนจะไปแต่รุ่งเช้า
ลุกขึ้นเปิดหน้าต่างจะล้างหน้า เจ้าพลายงามเดินมาก็เห็นเข้า
เอ๊ะเกิดวิปริตผิดแล้วเรา ลูกเต้าเห็นจะทำให้รำคาญ
มาปลุกผัวตัวสั่นท่านเจ้าขา เจ้าพลายงามเข้ามาจนในบ้าน
พึ่งลงจากเรือนไปไม่ทันนาน จะเกิดการข้างในอย่างไรแล้ว
โบราณว่าหมาขี้ที่มูลฝอย ดูร่องรอยมันจะถึงซึ่งลูกแก้ว
เราผัวเมียเสียทีไม่มีแวว อย่าสอดแคล้วเลยจะคิดประการใด ฯ
๏ ครานั้นพระพิจิตรบิดา ได้ฟังภรรยาก็นึกได้
ตอบว่าข้าก็คิดเห็นผิดใจ ดูอย่างไรอยู่ที่ศรีมาลา
แต่ครั้งกองทัพบกยกขึ้นไป เหมือนเจ็บไข้เคืองขุ่นวุ่นหนักหนา
จะไต่ถามว่ากะไรไม่เข้ายา มิรู้ว่าลอบลักไปรักกัน
วันเมื่อกองทัพกลับมาถึง ก็อ้ำอึ้งหลบเชือนเหมือนหวาดหวั่น
นี่คงถึงเนื้อตัวเสียพัวพัน หาไม่ไหนมันจะขึ้นมา
จะไปโกรธโทษลูกก็ใช่ที่ อ้ายคนนี้สำคัญมันหนักหนา
รู้ล่องหนจังงังบังกายา สารพัดทั้งเสน่ห์เล่ห์กล
ถึงมีกำแพงเพชรสักเจ็ดชั้น มันเสกเป่าเท่านั้นก็เปิดป่น
รักใครก็เป่าเอาด้วยมนตร์ ต้องหลงมันทุกคนไม่เว้นตัว
แต่ก็ได้สู่ขอเป็นหอห้อง ถึงอย่างไรก็คงต้องมาเป็นผัว
เพียงแต่มันด่วนได้ไม่เกรงกลัว จะมามัวโกรธไปทำไมมี
ถ้าต่อว่าต่อขานพานอื้อฉาว จะรานร้าวถึงขุนแผนไม่พอที่
เขาก็ยังซื่อตรงคงภักดี เรานี้เป็นผู้ใหญ่อย่าใจเบา
จะขึ้นชื่อฦๅเสียงศรีมาลา ว่าคบชู้สู่หาขายหน้าเขา
เป็นนมยานกลิ้งชกอกของเรา ทำเฉยเลยเถิดเจ้าอย่าแพร่งพราย
เสร็จปรึกษาหารือกันเมียผัว ก็แต่งตัวจะไปมิให้สาย
ออกมาเรียกหาบ่าวเหล่าทนาย แล้วเยื้องกรายตรงมาหน้าวัดจันทร์ ฯ
๏ นาวามาทอดจอดคับคั่ง กรมการพร้อมพรั่งอยู่ที่นั่น
กำลังลงเรือแพกันแจจัน จ้าละหวั่นวุ่นไปในลานวัด
ส่วนเรือประเทียบทองทั้งสองลำ พระท้ายน้ำกำกงลงไปจัด
ขาดเหลือเรียกระเบ็งเร่งรัด เป็นขนัดในส่วนกระบวนนาง
เรือพระท้ายน้ำให้นำหน้า เรือทหารอาสามาสองข้าง
เรือประเทียบให้พายในสายกลาง ส่วนเรือนางสาวใช้ไปข้างท้าย
ต่อมาถึงกระบวนส่วนแม่ทัพ เรือกัญญามารับก็เฉิดฉาย
พ่อลูกลงประจำลำละนาย พลพายล้วนทหารชำนาญยุทธ
แล้วถึงเรือสิ่งของต้องพัทยา ถัดมาเรือลาวเป็นที่สุด
พวกอาสาคุมมาเป็นชุดชุด อุตลุดขับต้อนไม่ผ่อนปรน
เรือเจ้าเชียงใหม่นั้นไปหน้า เรือบุตรภรรยามาตามก้น
แล้วถึงเรือท้าวพระยาข้าคน เรือพลอาสามาข้างท้าย
ครอบครัวยังเหลือเรือไม่พอ ทั้งช้างม้าวัวมอสิ้นทั้งหลาย
เครื่องสาตราอาวุธก็มากมาย หมายฝากให้หัวเมืองรักษาไว้ ฯ
๏ ครั้นบรรทุกสำเร็จเสร็จสรรพ จะให้ล่องกองทัพกลับกรุงใต้
ขุนแผนลูกยาพากันไป กราบไหว้พระพิจิตรบุษบา
ลูกจะขอกราบลาฝ่าเท้า ลงไปเฝ้าสมเด็จพระพันวษา
พอเฝ้าแหนเสร็จสรรพจะกลับมา ตามสัญญาว่าไว้ให้ทันการ
พระพิจิตรบุษบานารี ใจดีอวยพรสุนทรสาร
ลงไปให้พระองค์ทรงโปรดปราน พระราชทานยศอย่างทั้งรางวัล
จำเริญจำเริญสุขีศรีสวัสดิ์ สมบูรณ์พูนสมบัติทุกสิ่งสรรพ์
ทั้งพ่อลูกอยู่เย็นเป็นนิรันดร์ อันตรายขุ่นข้องอย่าพ้องพาน
เมื่อไปทำราชการงานแผ่นดิน เสร็จสิ้นแล้วจึงกลับขึ้นมาบ้าน
มาปรึกษาหารือเรื่องการงาน คิดอ่านให้สำเร็จเสร็จไป ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสุภาพ กับพลายงามก้มกราบท่านผู้ใหญ่
พ่อลูกอำลาแล้วคลาไคล ลงในเรือกัญญาที่หน้าวัด
นายไพร่พร้อมพรั่งทั้งเรือแพ ผู้คนเซ็งแซ่อยู่แออัด
ให้สัญญายิงปืนขึ้นสามนัด ออกเรือเป็นขนัดไปทันใด
เรือกระบวนหน้าหลังคั่งคับ เป็นลำดับล่องตามแม่น้ำไหล
ข้ามบ้านผ่านเมืองเนื่องเนื่องไป จนเข้าเขตกรุงไกรใกล้พารา ฯ
๏ พวกหญิงชายวิ่งพรูดูกองทัพ ทั้งสองฝั่งคั่งคับกันหนักหนา
อึงอื้อยกมือขึ้นวันทา ชมบุญญาบารมีพระทรงชัย
ว่าทรงพระเดชาอานุภาพ ปราบได้เมืองลาวเจ้าเชียงใหม่
ได้เชลยมาตามออกหลามไป เมืองไหนฤๅจะรอต่อบุญฤทธิ์
เห็นเรือแม่ทัพมาพากันชี้ พ่อลูกคู่นี้ช่างศักดิ์สิทธิ์
ขุนแผนเขาเคยดีมีความคิด เจ้าชีวิตท่านโปรดยกโทษไป
บางคนไม่รู้จักก็ซักถาม เรือเจ้าพลายงามนั้นลำไหน
ที่รู้จักบอกกันนั่นเป็นไร เรือกัญญาลำใหญ่พนักทอง
ลำหน้าท่านตาขุนแผนพ่อ ลำเจ้าพลายพายต่อมาที่สอง
ดูแบบบางร่างน้อยนวลละออง พวกคนดูต่างมองจ้องดูมา
ครั้นเรือคล้อยลอยหน้ามาฉนวน พวกผู้หญิงปั่นป่วนกันหนักหนา
เห็นรูปร่างพลายงามอร่ามตา บ้างชมว่าเท่านี้ช่างมีฤทธิ์
บ้างแลเล็งเพ่งพิศให้ติดใจ ถ้าแม้นได้แล้วจะกอดไว้ให้ติด
ที่บางคนเล่นเพื่อนเคยเชือนชิด มากลับใจได้คิดว่าผิดไป
นางคนหนึ่งใส่ไคล้ใครเห็นบ้าง เจ้าพลายช่างเล่นตาเอาข้าได้
นี่แกล้งทำให้ประวิงฤๅจริงใจ ไม่ทันไรกลับมาจะหาเมีย
บ้างว่าเช่นเราเขาไม่ขอ มีแต่กรอกินเปล่าให้เราเสีย
อย่าใจเติบเกินตัวไปปัวเปีย ละห้อยละเหี่ยถึงเขาก็เปล่าดาย
ที่ตรงลำเรือกัญญาตาขุนแผน ชะแง้แหงนดูแต่พวกแม่หม้าย
ที่เป็นสาวทึนทึกนึกละอาย ได้เจ้าพลายฤๅพ่อก็พอใจ
คนผู้ดูหลามตามตลิ่ง ทั้งชายหญิงไทยเจ๊กเด็กผู้ใหญ่
พวกไปทัพกลับมาเฮฮาไป ถึงกรุงไกรพ้นทุกข์สนุกสบาย ฯ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ