๏ จะกล่าวถึงโฉมเจ้าพลายแก้ว |
ครั้นผ่องแผ้วแสงสว่างกระจ่างไข |
ออกนั่งหน้าโรงพลันทันใด |
ขุนนางไทยลาวหมอบนอบน้อมกาย |
ปรึกษาเสร็จสงครามตามกระแส |
พอนายเวรตำรวจแร่เข้าในค่าย |
นั่งลงยิ้มพยักทักทาย |
แน่นายมีรับสั่งอย่ารั้งรา |
ให้เลิกทัพกลับไปยังกรุงศรี |
เจ้าพลายยินดีเป็นหนักหนา |
จึงสั่งเพี้ยลาวท้าวพระยา |
อยู่รักษาบ้านเมืองให้มั่นคง |
พลายแก้วสั่งไพร่ให้ผูกช้าง |
แลสล้างกูบดำงามระหง |
ข้าวของเงินทองบรรทุกลง |
แล้วส่งครัวลาวให้ล่วงมา |
ครั้นได้ฤกษ์ให้เลิกโยธี |
ฆ้องตีโห่กราวฉาวฉ่า |
ยกหมู่พยุหบาตรยาตรา |
ช้างม้าดาทุ่งเป็นแถวทิว |
เจ้าพลายแก้วขี่ช้างสัปคับ |
ควาญขับเข้าตรงดงละลิ่ว |
ลมพัดธงชายปลายปลิว |
พระยาฉิวโชยกลิ่นสุมามาลย์ ฯ |
๏ ลาวทองน้องขึ้นช้างพังยอด |
พี่เลี้ยงนั่งกกกอดสอดประสาน |
ยังร้องไห้อยู่มิใคร่จะเบิกบาน |
รำคาญด้วยพ่อแม่แก่ชรา |
เจ็บไข้ตายเป็นไม่เห็นผี |
ใครจะมีมาพิทักษ์รักษา |
คนอื่นฤๅจะชื่นเหมือนลูกยา |
นางโศกาแซ่ซ้องมาก้องทาง ฯ |
๏ พลายแก้วแว่วเสียงสำเนียงร้อง |
สงสารเจ้าลาวทองยังหมองหมาง |
สั่งควาญหมอให้รอพลายกาง |
เทียบช้างชวนเจ้าลาวทองมา |
ตระกองกกยกขึ้นสัปคับ |
แล้วจัดจับม่านบังทั้งหลังหน้า |
กรกอดสอดกระสันจำนรรจา |
ชวนชมพฤกษาในป่าดอน |
ใบดอกออกพริ้งทุกกิ่งก้าน |
ตูมบานช่อชูอยู่สลอน |
หอมหวนประทิ่นกลิ่นขจร |
เกสรหล่นสล้างตามทางมา |
เจ้าลาวทองค่อยคลายวายเศร้า |
นั่งเคล้าอิงแอบแนบหน้า |
ให้แสนรักหักหายวายนํ้าตา |
เสนหาปลาบปลื้มลืมอาลัย |
แล้วชี้ชมฝูงสัตว์จัตุบาท |
เกลื่อนกลาดเสือสิงห์วิ่งไสว |
ชะนีบ่างค่างลิงบนกิ่งไทร |
ตัวผู้ฉวยได้ตัวเมียโยน |
ขึ้นตะโพงโก่งกอดบนยอดไม้ |
อ้ายลิงใหญ่ไล่ชิงแล้ววิ่งโผน |
บอกให้ลาวทองมองลิงโลน |
นางอายโอนตัวแอบไม่อาจแล |
เจ้าเมืองกำแพงระแหงเถิน |
ก็ยกเดินล่วงด่านน่านแพร่ |
แต่เชียงทองนั้นให้กุมคุมตัวแจ |
ถึงท่านํ้าทำแพใส่พวกครัว |
พลายแก้วลงเรือที่นอนใหญ่ |
เจ้าลาวทองน้องไม่ไปไกลผัว |
ฝีพายลงเต็มลำประจำตัว |
บ้างชักหัวโยนยาวกันกราวเกรียว |
ล่วงเมืองน้อยใหญ่พายกระหนํ่า |
เร่งรีบเร็วรํ่าตามน้ำเชี่ยว |
ฝีพายจ้วงหน่วงหนักน้ำเป็นเกลียว |
ขับเคี่ยวเจ็ดวันตะบันมา |
ถึงกรุงพอรุ่งจำรัสฉาย |
นายพลายอาบนํ้าแล้วผลัดผ้า |
ชวนกันทันทีสี่พระยา |
เข้าในวังนั่งศาลาลูกขุนใน |
พบเจ้าคุณผู้ใหญ่เข้าไปหา |
ท่านทักทายพูดจาปราศรัย |
ไต่ถามคดีที่มีชัย |
แล้วบัญชาพาไปในท้องพระโรง ฯ |
๏ จะกล่าวถึงพระองค์ผู้ทรงฤทธิ์ |
สถิตยังปรางค์มาศปราสาทโถง |
ครั้นสุริยาสูงส่องขึ้นสองโมง |
เสด็จออกท้องพระโรงรจนา |
นางในห้ามแหนแน่นเนื่อง |
เชิญเครื่องแห่ห้อมมาพร้อมหน้า |
เสด็จประทับพระแท่นแผ่นศิลา |
เสนาประนมบังคมคัล |
เสียงประโคมครื้นครึกกึกก้อง |
พิณพาทย์ระนาดฆ้องกลองสนั่น |
เป่าสังข์กระทั่งแตรแจจัน |
พระทรงธรรม์ประภาษราชการ |
ทุกตำแหน่งแถลงความไปตามเรื่อง |
มิให้เคืองบาทมูลที่ทูลสาร |
มหาดเล็กอ่านถวายรายงาน |
พระสำราญฤทัยไพบูลย์ |
ท่านผู้ใหญ่ได้ทีทูลสนอง |
ขอเดชะพระผู้ครองมไหศูรย์ |
จงโปรดเกล้าข้าพเจ้ามากราบทูล |
เดิมมูลมีศึกเชียงใหม่มา |
ล้อมเมืองเชียงทองเป็นสามารถ |
เจ้าเมืองไม่อาจรบรับกลับเข้าหา |
ยินยอมพร้อมใจให้พารา |
ทรงพระกรุณาให้นายพลาย |
คุมไพร่ขึ้นไปเป็นแม่ทัพ |
เข้ากันกับสามบุรีตีถวาย |
พระบารมีตีได้สะดวกดาย |
ครอบครัววัวควายก็ได้มา |
หอกดาบปืนผาอาวุธ |
เครื่องยุทธล้นเหลือทั้งเสื้อผ้า |
ให้ส่งกรุงตามบาญชีตีตรา |
ขอพระกรุณาจงโปรดปราน ฯ |
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงเดช |
ฟังเหตุตบพระหัตถ์อยู่ฉัดฉาน |
อ้ายเชียงทองแสนกลเป็นคนพาล |
เอ้ยเอ็งคิดอ่านประการใด |
จึงโหยกเหยกย้อนยอกกลอกกลับ |
หาคำนับน้ำพิพัฒน์สัจจาไม่ |
ฤๅเชื่อบุญอยู่ว่ามึงไม่พึ่งใคร |
นี่คิดอ่านอย่างไรให้ว่ามา ฯ |
๏ เชียงทองได้ฟังรับสั่งซัก |
ให้อึกอักร้อนอกตกประหม่า |
ขอเดชะพระองค์ทรงพระกรุณา |
อันโทษข้าผิดครันถึงบรรลัย |
ใช่จะแกล้งเบือนบิดคิดคด |
หาเป็นขบถต่อฝ่าพระบาทไม่ |
คิดอ่านออกตัวด้วยกลัวภัย |
ไม่ยอมลงปลงใจก็วายปราณ |
ด้วยเชียงใหม่ยกทัพมานับหมื่น |
ดาษดื่นล้วนลาวห้าวหาญ |
แม่ทัพฟ้าลั่นสันบาดาล |
ก็หนังเหนี่ยวเชี่ยวชาญชาตรี |
พอทัพไทยไปถึงเข้าวันนั้น |
จึงรีบรัดนัดกันไม่อึงมี่ |
มันหลงกลล่อลวงได้ท่วงที |
ออกตีกระหนํ่าซ้ำเติมไป |
ไม่ทันรู้ที่จะสู้จึงเสียเชิง |
แตกเปิงตายป่นไม่ทนได้ |
แม้นมิโปรดโทษข้าถึงบรรลัย |
เป็นความสัตย์จริงใจได้กรุณา ฯ |
๏ พระองค์ทรงฟังเชียงทองทูล |
นเรนทร์สูรจึงดำรัสตรัสว่า |
กูยังสงสัยในวาจา |
เฮ้ยอ้ายพลายรู้มาว่ากะไร |
ดูเป็นนกสองหัวชั่วช้า |
เชียงใหม่มาก็เบี่ยงเข้าเชียงใหม่ |
ครั้นไทยถึงก็พึ่งเข้ากับไทย |
ทำเป็นไม้ปักเลนอยู่โลเล ฯ |
๏ เจ้าพลายแก้วรับสั่งบังคมทูล |
เค้ามูลเนื้อความไปตามเล่ห์ |
อันเชียงทองแปรปรวนทำรวนเร |
เห็นจะเทถ่ายตนให้พ้นตาย |
แม้นว่าเข้ากับเชียงใหม่จริง |
ไหนจะวิ่งเข้าไปแดกแหกค่าย |
ไม่ถอยเลยสักก้าวทั้งบ่าวนาย |
ถึงผิดมากหากหายด้วยชอบมี ฯ |
๏ ครานั้นพระองค์ได้ทรงฟัง |
จึงดำรัสตรัสสั่งพระหมื่นศรี |
ประทานของต้องตามความชอบมี |
เจียดกระบี่เสื้อใส่ได้ประทาน |
ตัวอ้ายพลายให้ตั้งเป็นขุนแผน |
อยู่รักษาเขตแดนที่ปลายด่าน |
คุมไพร่ห้าร้อยคอยเหตุการ |
แล้วประทานเรือยาวเก้าวา |
ทั้งพระยากำแพงระแหงเถิน |
ได้รางวัลนั้นเกินที่อาสา |
ถาดหมากคนโททองของนานา |
บังคมลาพระองค์ผู้ทรงธรรม์ |
ออกจากวังในมิได้ช้า |
รีบลงนาวาขมีขมัน |
เชียงทองก็ครรไลไปด้วยกัน |
สิบห้าวันถึงบ้านสำราญใจ ฯ |
๏ จะกล่าวถึงโฉมเจ้าพลายแก้ว |
เป็นขุนนางขึ้นแล้วท่านตั้งให้ |
มีชื่อเป็นขุนแผนแว่นไว |
บังคมลาคลาไคลลงเรือพลัน |
พาเจ้าลาวทองสองพี่เลี้ยง |
นั่งเรียงมาในเรือที่นอนนั่น |
ออกเรือจากท่ามาด้วยกัน |
โยนยาวฉาวลั่นสนั่นมา |
พระจันทร์ทรงกลดหมดเมฆ |
ดูวิเวกในระหว่างกลางเวหา |
ดาวดาษกลาดพร่างสว่างตา |
ต้องหน้าลาวทองละอองนวล |
พระพายชายมาเวลาดึก |
รำลึกถึงพิมน้อยละห้อยหวน |
ปานฉะนี้แก้วพี่จะคอยครวญ |
ฤๅรัญจวนเจ็บไข้ก็ไม่รู้ |
ไกลตาสารพัดจะขัดขวาง |
เสมือนอย่างคำบุราณนั้นมีอยู่ |
ว่านอนสูงนอนควํ่าชำเลืองดู |
มีเหตุก็จะรู้ซึ่งแยบคาย |
อนึ่งถ้านอนอยู่เบื้องตํ่า |
ตำราพรํ่าสั่งสอนให้นอนหงาย |
มีเมียงามมิให้ฝากกับแม่ยาย |
โอ้เจ้าสายสุดที่รักอยู่ไกลตา |
นอนเดียวเปลี่ยวอกอยู่อ้างว้าง |
อ้ายขุนช้างหมายจิตรริษยา |
ตริพลางทางเร่งฝีพายมา |
พอรุ่งแจ้งสุริยาถึงสุพรรณ |
ให้จอดเรือเข้าที่หน้าท่า |
พอสายทองลงมาอยู่ที่นั่น |
ดีใจไปบอกเจ้าพิมพลัน |
ว่าหม่อมพลายแก้วนั้นเธอกลับมา ฯ |
๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าวันทอง |
เศร้าหมองโศกสร้อยละห้อยหา |
เช้าเย็นเป็นทุกข์ทุกเวลา |
ได้ยินสายทองว่าก็ดีใจ |
จับผ้าห้อยบ่าเผยหน้าต่าง |
เห็นเรือที่นอนจอดข้างสะพานใหญ่ |
หม่อมแก้วมาแล้วมิใช่ใคร |
ลงจากบันไดรีบเดินมา |
ย่างเท้าก้าวลงที่เรือนอน |
เห็นฟูกหมอนม่านกั้นไว้หนักหนา |
ขุนแผนเห็นน้องวันทองมา |
เผยม่านเยี่ยมหน้ามารับน้อง |
วันทองเห็นหน้าน้ำตาตก |
ยกมือไหว้ผัวแล้วมัวหมอง |
ออกปากยากจิตรจะพังพอง |
กอดสองเท้าผัวสะอื้นไป |
ขุนแผนเห็นนางสะอื้นอ้อน |
เจ้าเพื่อนนอนพิมพี่เป็นไฉน |
ดูผอมซูบผิดรูปแต่ก่อนไร |
ฤๅไข้ใจหมองมัวว่าผัวช้า |
เห็นจริตผิดเพศถึงเพียงนี้ |
เสื่อมศรีเศร้าสร้อยเป็นหนักหนา |
จึงร้องไห้ไม่บอกออกวาจา |
ต่อจะมีใครมากระทำแค้น |
เห็นหน้าผัวมาจะดีใจ |
นี่ร้องไห้โศกเศร้าจนเหลือแสน |
สิ้นรู้สิ้นฤทธิให้คิดแคลน |
คิดแล้วขุนแผนก็ถามมา |
เป็นไรน้องหมองเศร้าเจ้าพิมเอ๋ย |
อย่าร้องไห้นักเลยฟังผัวว่า |
ช้อนคางพลางเช็ดซึ่งน้ำตา |
เจ้าแค้นสิ่งไรมาในอกน้อง ฯ |
๏ วันทองร้องไห้พิไรบอก |
ดังหนามยอกอกตรมระบมหนอง |
ออกปากยากจิตรจะพังพอง |
พ่อครอบครองเมียอยู่เหมือนหนึ่งนก |
ระวังรังรวงไม่ร่วงรา |
รักษาไข่ไว้มิให้ตก |
กาเหยี่ยวมิได้เฉี่ยวฉวยฉก |
พ่อจากอกเมียไปไม่ถึงเดือน |
อยู่หลังรังรวงก็ร่วงร้าง |
กาเหยี่ยวเฉี่ยวล้างลงกลาดเกลื่อน |
ห้องหับยับไปไม่เป็นเรือน |
เพราะเพื่อนมิตรคิดคดขบถใจ |
อ้ายขุนช้างมาบอกกับแม่น้อง |
ว่าหม่อมไปเชียงทองไม่มาได้ |
เสียทัพยับตายกระจายไป |
อ้ายลาวแทงทิ้งไว้ที่กลางดอน |
เอากระดูกห่อผ้ามาให้ดู |
น้องรู้ร้องไห้ไม่หยุดหย่อน |
กับสายทองสองคนบนที่นอน |
ข้อนอกฟกช้ำทุกเวลา |
ไปดูโพธิ์สามต้นก็หล่นเหลือง |
ให้แค้นเคืองขุ่นเข็ญเป็นหนักหนา |
สุดฤทธิ์สุดคิดจะโศกา |
จึงอุตส่าห์ทำบุญแล้วกรวดน้ำ |
ตัดธงส่งบุญไปให้หม่อม |
ไม่วายตรอมโศกเศร้าทุกเช้าคํ่า |
ล้มไข้เพราะใจเจ็บระกำ |
ปิ้มป้ำประหนึ่งจะบรรลัย |
แม่ช่วยรักษาพยาบาล |
เป็นช้านานก็หาคลายหายขึ้นไม่ |
จึงไปถามขรัวตาวัดป่าเลไลย |
แกทายไว้ว่าเคราะห์จำเพาะเป็น |
มิจากผัวก็ตัวจะบรรลัย |
จะแก้ไขอย่างไรไม่วายเข็ญ |
ผลัดชื่อเสียใหม่จะใคร่เย็น |
เห็นว่าโรคนั้นจะบรรเทา |
จึงผลัดชื่อเสียพลันว่าวันทอง |
จึงครอบครองทรัพย์สินมาดังเก่า |
อยู่มาโรคาค่อยบางเบา |
อ้ายขี้เค้าขุนช้างก็วางมา |
ทั้งผู้เถ้าผู้แก่มาแซ่บ้าน |
มาว่าขานกับท่านมารดาข้า |
ว่าผัวตายเป็นหม้ายฉะนี้นา |
กฎหมายมีมาตามกระทรวง |
ว่าผัวไปศึกสงครามเสีย |
เมียนั้นให้เก็บเป็นหม้ายหลวง |
แม่ไม่รู้เท่ากลคนมันลวง |
มันจึงจ้วงขอข้าให้ขุนช้าง |
แม่ศรีประจันแกโลภทรัพย์ |
รับให้มันจึงทำเป็นหอห้าง |
หอเก่าเขารื้อไปวัดกลาง |
สร้างหอใหม่เสร็จแล้วสวดมนต์ |
ถ้วนเจ็ดวันน้องไม่เข้าหอ |
แม่แกตีด่าทอเสียจนป่น |
ผูกมือโยงไว้ให้อายคน |
แต่ทนทนมาจนได้ถึงวันนี้ |
ว่าพลางทางเปลื้องผ้าขาวกรอง |
ดูหลังไหล่น้องยับเป็นสับสี |
น้องแค้นแสนศัลย์พันทวี |
พ่อไม่เชื่อน้องนี้ก็จนใจ ฯ |
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสนิท |
แค้นคิดเลือดตาจะหลั่งไหล |
ชิชะควรฤๅมิตรคิดนอกใจ |
เป็นไรเป็นกันในวันนี้ |
เมียกูเขาก็รู้อยู่ทั้งบ้าน |
อ้ายหัวล้านเล่นกันให้ป่นปี้ |
อีแก่แม่มันนั้นก็ดี |
จะจับจิกหัวตีให้หนำใจ |
สมคบคิดกันจะเอาเมีย |
ว่าลาวแทงทิ้งเสียไม่มาได้ |
ให้ร้ายต่างต่างทุกอย่างไป |
ตัดรากโพธิ์ไทรเป็นลางร้าย |
บังอาจน้องฤๅมารื้อหอ |
ปลูกเรือนคร่อมตอเล่นง่ายง่าย |
ไม่ทดแทนมันได้มิใช่ชาย |
เจ้านายไม่เลี้ยงก็ตามที |
นี่หากว่าวันทองไม่เข้าหอ |
รออยู่ถึงเจ็ดราตรีนี่ |
ถ้าหญิงอื่นก็จะเสียประเพณี |
เจ้าดีสิ้นสุดอยุธยา |
แม้นหญิงอื่นหมื่นแสนก็ทำเนา |
จะชิงรักหักเอาพี่ไม่ว่า |
นี่มาชิงเจ้าพิมนิ่มนวลตา |
เหมือนมันแขวะควักคว้าเอาดวงใจ |
อ้ายพวกไพร่นั่งไยอยู่พรั่งพร้อม |
ลุกไปล้อมบ้านไว้อย่าช้าได้ |
ชักดาบแกว่งกวัดด้วยขัดใจ |
จะไล่ฟันเสียให้สิ้นทั้งสุพรรณ ฯ |
๏ ครานั้นลาวทองอยู่ในม่าน |
เห็นผัวเดือดดาลจนตัวสั่น |
ตกใจกลัวจะไปไล่ฟาดฟัน |
เผยม่านออกมากั้นขุนแผนไว้ |
งดก่อนผ่อนคิดให้จงดี |
ฟังคำเมียนี้อัชฌาสัย |
บ้านเมืองมีขื่ออื้ออึงไย |
ไปไหนจะพ้นฝีมือกัน |
ชอบผิดคิดให้เป็นเค้ามูล |
พิดทูลถ้อยความเป็นไรนั่น |
พ่อจะบังอาจใจไล่ฟาดฟัน |
ภายหลังจะอันตรายตัว |
ฟังความข้างเดียวมาด่วนโกรธ |
คุณโทษยังไม่เห็นว่าดีชั่ว |
เขานั้นเป็นอย่างไรจึงไม่กลัว |
เมื่อเมียผัวเคยอยู่เป็นคู่ครอง |
จะมิย่อมอย่างไรที่ไหนฤๅ |
จึงกล้าแข็งแย่งยื้อทั้งหอห้อง |
ตื้นลึกพ่อจงนึกคะนึงตรอง |
ฟังน้องเถิดอย่าเพ่อละเมอเมา |
เขามิใช่คอทั่งสันหลังเหล็ก |
เขาเด็กเล็กอยู่เมื่อไรที่ไหนเล่า |
ทั้งท่านแม่ยายก็ยอมเอา |
เขาจึงกล้าเข้าได้พร้อมเพรียง ฯ |
๏ ครานั้นวันทองได้ฟังว่า |
ดังฟ้าผ่าหัวแตกสักเจ็ดเสี่ยง |
น้อยฤๅลอยหน้ามาขวางเคียง |
ขึ้นเสียงลอยทรงดังหงส์บิน |
ตัดความห้ามผัวเจ้าตัวโปรด |
คุณโทษอย่างไรเข้าใจสิ้น |
สงสัยใส่กลเป็นมลทิน |
ลอยลิ้นเล่นตัวให้ผัวรัก |
นี่เมียหม่อมฤๅเจ้าจอมผู้หญิงไหน |
จึงตามไต้กระทั่งตอจนคอหัก |
ฤๅพี่น้องของหม่อมสะพร้อมพรัก |
ฤๅลักลูกลาวตกได้กลางทาง ฯ |
๏ เมียพี่คนนี้อยู่จอมทอง |
พ่อแม่ให้ครองพามาล่าง |
เป็นลูกกว้านบ้านใหญ่พี่ไม่พราง |
ชื่อนางนี้ชื่อเจ้าลาวทอง |
พี่พามาหมายจะให้ไหว้เจ้า |
พอเกิดความขวางเข้ามาขัดข้อง |
ลืมไปไม่ทันจะปรองดอง |
สองเจ้าจงเอ็นดูพี่เถิดรา |
ลาวทองน้องไหว้เจ้าพิมก่อน |
เจ้าพิมผ่อนโมโหอย่าโทษา |
จงอดออมยอมกันอย่าฉันทา |
เนื้อความมีเราจะว่ากันต่อไป ฯ |
๏ เถอะคะหม่อมเท่านั้นก็งามหน้า |
หาปรารถนาจะเอาไหว้ของใครไม่ |
ลงมาตั้งหน้ามาเมื่อไร |
ซึ่งได้ชู้เมียก็ไม่รู้ |
มาบอกผัวด้วยตัวนั้นเกิดความ |
ฤๅมาล่วงหยาบหยามให้เคืองหู |
วิ่งมาวุ่นวายนํ้าลายพรู |
ฤๅฟังดูเห็นชอบเป็นขอบคัน |
ถ้อยคำรํ่าหามดังครามทา |
มันงามหน้าอยู่แล้วฤๅไรนั่น |
เป็นความแคลงแย้งว่าสารพัน |
คมสันเหน็บแนมให้แหลมความ |
ดีชั่วก็ผัวเป็นบรรทัด |
ฤๅขัดนักเห็นใครไปไล่ห้าม |
ช่างสำออยลอยนวลกระบวนงาม |
มิใช่ตามหม่อมแก้วมาเป็นเมีย ฯ |
๏ ครานั้นลาวทองได้ฟังว่า |
แทบจะคลั่งเป็นบ้าประดาเสีย |
แค้นใจดังไฟมาลามเลีย |
แคะเขี่ยค่อนว่าสารพัน |
ไม่ทันรู้ว่าเจ้าจอมหม่อมเมียหลวง |
ใช่จะจ้วงจาบเจิ้นให้เกินทั่น |
เห็นหม่อมพลายวุ่นวายจะฆ่าฟัน |
จึงห้ามก่อนผ่อนผันให้ดับแค้น |
ว่าช้าช้าจะได้พร้าสองเล่มงาม |
ฤๅเนื้อความขวางไว้ให้นางแขวน |
มิใช่ไม้ปักเลนเอนคลอนแคลน |
เห็นผัวเปรี้ยงก็จะแปร้นพิไรพลอย |
มิห้ามไว้ไหนเธอจะหยุดเล่า |
เพราะเห็นเจ้าฮึกใหญ่ไม่ราถอย |
เห็นไฟลุกฟืนซุกเสือกตะบอย |
ทิ้งฝุ่นฝอยเข้าไปหนุนทั้งดุ้นแดง |
ที่ไม่ปรารถนาจะรับไหว้ |
มิใช่ว่าคนชั่วอีหัวแข็ง |
ผัวสั่งตั้งใจจะจัดแจง |
ใช่จะแกล้งว่าไหว้จะเสียมือ |
พอวุ่นวายเข้าด้วยกันไม่ทันไหว้ |
ข้าเป็นลาวชาวไพรประสาซื่อ |
ไม่หยั่งรู้ตื้นลึกรึกรื้อ |
ชื่อเสียงหม่อมเมียนั้นชื่อใด |
ถ้าแต่หลังรู้มั่งว่าเมียมี |
จะจัดของดีดีลงมาให้ |
ตามประสาชาวดงอยู่พงไพร |
ทั้งเนื้อไม้กฤษณาแลงาช้าง |
นี่จนใจแล้วแม่มามือเปล่า |
ไม่ทันเอาอะไรมาให้บ้าง |
พอรู้จักทักทายกันไว้พลาง |
นี่แน่นางข้าเจ้าไหว้อย่าโกรธา ฯ |
๏ ชิชะถ้อยคำอีลาวดอน |
แง่งอนไม่น้อยร้อยภาษา |
งาช้างเนื้อไม้มึงได้มา |
กูจะเกณฑ์ช้างงาออกไปรับ |
เจ้าลาวทองก็มิต้องลงเดินดิน |
จะให้ขึ้นแคร่บินมาหยับหยับ |
ให้เขาชมโฉมนางอยู่กลางทัพ |
ผลัดกันรับคานหามมาตามทาง |
จึงจะสมสกุลคุณจอมทอง |
ด้วยยศศักดิบ้านช่องท่านกว้างขวาง |
จะจัดแจงข้าวปลาไว้ท่านาง |
พอวางแคร่จะได้แร่เข้าทันควัน |
ข้าขอบใจเจ้าระไวระวังผิด |
ด้วยความคิดรวดเร็วดังกังหัน |
เห็นผัวฮึกก็สะอึกเข้าห้ามทัน |
หาไม่วันนี้วุ่นขึ้นจริงจริง |
เพราะเจ้าห้ามความเงียบสงบหมด |
หายหดเพราะเจ้าจอมหม่อมผู้หญิง |
หน้าเปรี้ยวตละเคี้ยวตลิงปลิง |
มาชักชิงดุ้นไฟไปชุบนํ้า |
มิใช่ไม้ปักเลนเอนคลอนแคลน |
เจ้าเป็นดินเหนียวแน่นอยู่ยังคํ่า |
เสาประโคนโยนลงสักเก้ากำ |
เล่นเอาหม่อมพลายพลำลงทั้งยืน |
ถ้าหาไม่ที่ไหนจะอาจมา |
ทีนี้อยุธยาจะเป็นคลื่น |
จะฦๅเล่าข่าวกันทุกวันคืน |
หญิงอื่นไม่เหมือนทั้งแผ่นดิน |
ร้อยบ้านพันเมืองไม่เหลือหลอ |
จะชมปรออยู่แต่นางคนนี้สิ้น |
อย่าว่าแต่มนุษย์ที่เดินดิน |
ถึงพระอินทร์ก็คงจะลงมา ฯ |
๏ จริงแล้วคะคนดีสิมิชม |
มานิยมคนร้ายให้ขายหน้า |
เราเหมือนหลักปักไว้ในศิลา |
ไม่ดูเยี่ยงหน้าท่าเป็นเลนตม |
พอเรือจอดสอดเท้าก้าวก็เลอะ |
เปื้อนเปรอะไม่มีที่จะพาดผม |
แกลบรำซ้ำมาทั้งอาจม |
จอกแหนแส่สมเข้าซ้อนซับ |
ล้างน้ำตากแดดเสียให้สิ้น |
เพราะพืชดินเหลวคว้างเป็นยางหนับ |
ข้าขอบใจที่จะให้เอาช้างรับ |
ข้ากับหม่อมพลายไม่มีช้าง |
นี่วันทองสำรองไว้กล่นเกลื่อน |
รื้อเรือนปลูกใหม่ให้กวางขวาง |
แต่ล้วนซับมันบ้างากางกาง |
ช้างคนช้างจริงทุกสิ่งมี |
ได้ยินว่าป่วยไข้จนไผ่ผอม |
เพราะหม่อมพลายผัวพรากไปจากที่ |
ทั้งผู้คนบ่าวไพร่ก็ไม่มี |
เจ้าต้องขี่ขับช้างทุกเวลา |
เสาส้างช้างชักหักระยำ |
จึงปลูกใหม่ใส่ซ้ำสะเออะหน้า |
เคราะห์ร้ายหมอทายแต่ก่อนมา |
ศุกร์เข้าเสาร์คาอังคารแทรก |
นี่หากว่าสะเดาะพระเคราะห์ทัน |
แต่กระนั้นเจียนจักแหล่นแหลก |
จึงผลัดชื่อโกนหัวให้ผัวแปลก |
ถึงแม้นแตกก็จะติดสนิทรอย ฯ |
๏ ถึงกระนั้นก็การอะไรใคร |
ฤๅช้างแทงมึงเข้าไปจนคอหอย |
ทุดอีลาวชาวป่าขึ้นหน้าลอย |
แม่จะต่อยเอาเลือดลงล้างตีน |
เจ็บใจไม่น้อยสักร้อยเท่า |
ดังใครเอาดาบฟาดให้ขาดวิ่น |
สายทองกับอีปลีทั้งอีจีน |
ปีนเรือลงมาด้วยมาช่วยกู |
เป็นไรเป็นนะไม่ละกัน |
ขุนแผนเข้ากั้นน้องวันทองอยู่ |
ลาวทองแอบหลังบังผัวดู |
พวกสายทองกรูจะตบเอา |
อย่าอย่าวุ่นวายเจ้าสายทอง |
เป็นไรน้องมาเป็นเช่นนี้เล่า |
ชอบแต่จะปลอบนางให้บางเบา |
อย่านะเจ้าวันทองจงอดใจ |
ไม่แล้วคะหม่อมไม่ฟังสิ้น |
ถึงพระอินทร์ลงมาห้ามหาฟังไม่ |
หม่อมไม่เลี้ยงแล้วก็แล้วไป |
ฟาดฟันลงไว้ในนาวา |
ถึงผัวด่าสักเท่าไรก็ไม่เถียง |
จะต่อยสักสิบเสี่ยงก็ไม่ว่า |
นี่อีลาวชาวดอนค่อนเจรจา |
อีกินกิ้งก่ากบจะตบมัน |
ว่าพลางฉวยแขนเจ้าลาวทอง |
ขุนแผนร้องอย่าอย่าเอามือกั้น |
ลาวทองหลีกหลบตบไม่ทัน |
ข่วนขุนแผนนั้นเข้าเต็มมือ |
เออก็ดูเอาเถิดอะไรนี่ |
ไม่กลัวพี่บ้างเจียวทีเดียวฤๅ |
ยิ่งห้ามยิ่งลามดังไฟฮือ |
ดีก็ดื้อเข้ามาจะเป็นไร |
ตีก็ตีเข้าเถิดเจ้าพลายแก้ว |
ผิดแล้วหาเคยเป็นเช่นนี้ไม่ |
เดี๋ยวนี้ฮึกฮักทำหนักไป |
จะเหาะได้แล้วกระมังกำลังมัว |
เห็นเราอะไรชังดังเห็นเสือ |
ถูกยาเบื่อแล้วฤๅหม่อมเจ้าจอมผัว |
มันแขวะควักออกให้กินจนสิ้นตัว |
ซาบทั่วขนเข้ากระดูกดำ |
สีหน้าฝ้าขลับจับจมูก |
ป้ายถูกริมฝีปากถลากถลำ |
นานไปก็จะซานคลานระยำ |
มันจะซ้ำขี่คอเล่นต่างวัว |
เอ๊ะเอาแล้วสิเจ้าวันทอง |
เกินหนักแล้วน้องไม่เกรงผัว |
ดึงดื้อถือผิดไม่คิดตัว |
ถึงมิกลัวก็จะเกรงบ้างเป็นไร |
ชั่วดีพี่ก็ได้เป็นผัวเจ้า |
หาได้ช่วยเรามาเป็นผัวไม่ |
อย่าหนักไปนักมักขัดใจ |
มาตีปลาหน้าไซให้เสียปลา |
ถ้ารักตัวกลัวอายจงวายแค้น |
อย่าเปรี้ยงแปร้นแปร้นนักจักขายหน้า |
ถ้ามิฟังยั่งยืนขืนเข้ามา |
มิอายชาวพาราก็ดูเอา ฯ |
๏ รู้แล้วว่าไม่รักอย่าพักว่า |
จะฆ่าเสียก็ฆ่าเถิดหนาเจ้า |
แกล้งพามาบ้านประจานเรา |
พอรู้เท่ากันสิ้นเจ้าลิ้นทอง |
ได้แต่เพียงอีกาลีเมือง |
ยังตั้งเรื่องประหนึ่งจะทุบถอง |
ถ้าได้ดีไปกว่านี้อย่านึกปอง |
จะลงรองรับที่กลางเป็นอ่างน้ำ |
ถึงพ้นวันทองไปก็ไม่ช้า |
จะเป็นเขียงสับปลาทุกเช้าคํ่า |
อีลาวมันจะสับยับระยำ |
สิ้นบุญสิ้นกรรมกันวันนี้ |
ว่าพลางโจนขึ้นบนสะพาน |
จะตักน้ำล้างบ้านเอาตีนสี |
สิ่งไรมิให้เป็นราคี |
น้ำท่ามีอยู่จะถูเช็ด |
ทั้งน้ำมันกระจกกระแจะแป้ง |
จะทิ้งไว้ให้แห้งเป็นสะเก็ด |
ให้สิ้นวายหายชาติของคนเท็จ |
จะขุดเวจพื้นดินให้สิ้นรอย |
ขาดเด็ดเสร็จกันในวันนี้ |
ไม่มีอาลัยเท่าปลายก้อย |
ถึงพระอินทร์ลงมาว่าก็อย่าคอย |
ที่วันทองนั้นจะถอยมาคืนดี ฯ |
๏ เหม่อีวันทองจองหองจ้าน |
จะมาพาลเอาผิดกูฤๅนี่ |
เมื่อแรกลงมาคิดว่าดี |
เดิมทีกูก็ยังไม่รู้กล |
แกล้งมาร้องไห้พิไรบอก |
ยักยอกไม่น้อยอีสร้อยสน |
กูจับมึงได้สิ้นลิ้นกะลาวน |
จวนจนกลัวกูจะขึ้นไป |
ฟันอ้ายขุนช้างไว้กลางบ้าน |
มันรักผัวหัวล้านไม่นิ่งได้ |
พาลด่าลาวทองป้องปิดไว้ |
จนได้ทะเลาะตัดรอนกู |
ไม่ปรารถนาจะค้าคบ |
อีหน้าด้านพาลตลบน่าอดสู |
ผัวไปยังไม่พ้นประตู |
คบชู้แช่เล่มไว้เต็มใจ |
ตำแยเจ้าเอ๋ยมันแสนคัน |
จะเท่ามันคนนี้หามีไม่ |
กลากเกลื้อนขี้เรื้อนพรรไน |
หยูกยาหาใส่ก็หายคัน |
อีชาติชั่วเป็นตัวเท่าตัวหนอน |
ไชชอนดิบเดี้ยมจนตัวสั่น |
ถึงหายาให้สิ้นถิ่นสุพรรณ |
วันเดียวก็จะสิ้นตำรายา |
มึงตายเสียเถิดวันทองเอ๋ย |
อย่าอยู่เลยชักดาบออกเงื้อง่า |
กระทืบโผงผางกลางนาวา |
จิกหัวเอามาฆ่าให้ตาย ฯ |
๏ ครานั้นวันทองก็ตกใจ |
วิ่งขึ้นเรือนใหญ่มิ่งขวัญหาย |
ถึงที่นอนกลิ้งเกลือกลงเสือกกาย |
โอ้ว่าพ่อพลายของเมียอา |
เสียแรงน้องครองตัวไม่มัวหมอง |
ดังแว่นทองส่องสว่างพระเวหา |
ดุจไข่ฝังไว้ในศิลา |
อุตส่าห์ซ่อนเร้นทั้งเรือดไร |
แต่พระพายมิได้ชายมาพัดต้อง |
ตัวน้องราคีหามีไม่ |
สงวนตัวท่าผัวไว้เท่าไร |
พอได้พบผัวก็เกิดความ |
จะโทษผัวว่าชั่วกะไรได้ |
สาแก่ใจวาจาเราหยาบหยาม |
ทีนี้และหน้าเป็นทาคราม |
ผัวห้ามยังฮึกไม่เห็นภัย |
สารพัดตัดเด็ดสำเร็จขาด |
ประมาทนักหักป่นไม่ทนได้ |
ดังไม้สูงสุดเพื่อนไม่พึ่งใคร |
ลมประลัยพานพัดก็พังลง |
โอ้แต่นี้อกวันทองเอ๋ย |
ไม่ควรเลยที่จะแหลกเป็นผุยผง |
จะครองตัวไว้ไยให้คืนคง |
เสมือนหงส์ปีกหักลงปลักตม |
สุดสิ้นสีทองที่ผ่องแผ้ว |
จะกลายเป็นกาแล้วเพราะขื่นขม |
เชื้อหงส์พงศ์เผ่าจะพาจม |
เพราะคารมจึงได้ร้อนรำคาญใจ |
เจ้าประคุณทูนหัวของเมียแก้ว |
ลับแล้วเช้าเย็นหาเห็นไม่ |
พ่อเพื่อนกินเพื่อนนอนแต่ก่อนไร |
เพื่อนไข้เพื่อนสุขทุกเวลา |
แต่ริรักพึ่งจักทะเลาะกัน |
พ่อมาทันน้องรีบลงไปหา |
พ่อรักน้องหมายครองดังก่อนมา |
เพราะอีมารริษยามันกาลี |
น้อยใจใจถ่อยนี้น้อยฤๅ |
มาด่วนดื้อดึงได้ไม่พอที่ |
ถ้าอดใจกลั้นไว้สักครึ่งปี |
จะได้ตีต่อยทำให้หนำใจ |
ผิดแล้วพ่อพลายพลอยทิ้งขว้าง |
จะหลีกหนีอ้ายขุนช้างกะไรได้ |
หนักอกแม่จะยกให้มันไป |
เมื่อไม่มีรักใคร่ในอารมณ์ |
แต่อายุเพียงนี้มีสองผัว |
แสนชั่วแสนถ่อยทุกเส้นผม |
มีแต่จะอับอายไม่วายตรม |
ชีวิตสิ้นดินถมก็ชื่อฦๅ |
ความเจ็บเท่าไรจะรู้หาย |
ความอายเมื่อไรจะสิ้นชื่อ |
ดังหมึกสักปักไว้ที่หลังมือ |
ยังจะรื้อรักรูปไปไยมี |
ตายเสียตายเถิดประเสริฐกว่า |
คว้าได้เชือกลากมาจากที่ |
ยกมือกราบงามลงสามที |
ชาตินี้น้องพลัดพ่อพลายแล้ว |
กลัวอายจะตายไปคอยท่า |
ชาติหน้าขอพบพ่อพลายแก้ว |
อย่าให้อ้ายขุนช้างมาวี่แวว |
ว่าแล้วแฝงม่านลุกขึ้นมา |
เกาะเสาเท้าปีนขึ้นถึงขื่อ |
สองมือผูกคอให้แน่นหนา |
พอตัวไกวไหวยวบถึงหลังคา |
พอสายทองเข้ามาก็ตกใจ |
อุ้มเอาวันทองร้องหวีดหวีด |
แล้วฉวยมีดมาตัดเชือกเสียได้ |
ร้องแซ่แม่เอ๋ยมาไวไว |
วันทองทำได้ผูกคอตาย ฯ |
๏ ศรีประจันร้องว้ายกูตายจริง |
ลุกขึ้นวิ่งล้มควํ่าคะมำหงาย |
ขุนช้างโผนมานัยน์ตาลาย |
ล้มจมแม่ยายลงตํ้าอัก |
ศรีประจันเจ็บครางว่าอ้ายช้างเถ้า |
กระแทกเอาก้นกบกูแทบหัก |
ขุนช้างร้อยว้ายตาลายนัก |
สะบักลูกก็จมไปเจียนตาย |
ข้าไทในเรือนก็ร้องแซ่ |
นวดแก้เจ้าวันทองมิใคร่หาย |
สายทองร้องแซ่แน่หม่อมพลาย |
วันทองผูกคอตายมาดูใจ ฯ |
๏ ขุนแผนขัดใจดังไฟติด |
กูหาคิดถึงอีวันทองไม่ |
สั่งข้าผูกช้างพลางจะไป |
บ้านเขาชนไก่ของมารดา |
ข้าไทผูกช้างแล้วเสร็จสรรพ |
รับขนของใส่ลงหนักหนา |
สำเร็จเสร็จพลันมิทันช้า |
ขุนแผนมาขึ้นช้างกับลาวทอง |
นางวันนางเวียงพี่เลี้ยงนาง |
ขึ้นช้างพังใหญ่ไปทั้งสอง |
บ่าวไพร่หาบหามตามเป็นกอง |
สองวันก็ถึงกาญจน์บุรี ฯ |
๏ ผู้คนช้างม้ามามากหลาย |
ฝ่ายว่าท่านยายทองประศรี |
แลไปจำได้ก็ยินดี |
ร้องมี่ลูกกูมาโน่นแล้ว |
เยี่ยมมองป้องหน้าคาบันได |
อายเด็กเหวยไวไวรับพลายแก้ว |
มันมาเป็นสองอีวันทองแล้ว |
ขากทุดออแก้วเอามาไย |
ขุนแผนปลงช้างพานางมา |
กราบตีนมารดาว่ามิใช่ |
เล่าให้แม่แต่ต้นจนปลายไป |
จนได้ทะเลาะกับวันทอง |
ทองประศรีว่าอีพ่อเอ็งอย่าเล่า |
อีแม่เถ้าศรีประจันมันจองหอง |
ยกไปให้อ้ายขุนช้างครอง |
แม่ไปว่ามันร้องให้อึงไป |
กูตัดเด็ดเสร็จสิ้นแต่วันนั้น |
อีวันทองเลี้ยงมันนั้นไม่ได้ |
แล้วผินหน้าว่ากับลาวทองไป |
จะฝากไข้ฝากผีกับลูกยา |
ตามยากตามมีแม่จะให้ |
มาอยู่ด้วยกันไปจนภายหน้า |
รักตัวสงวนตัวกลัวนินทา |
แล้วสั่งข้าขนของขึ้นบนเรือน |
ช้างม้าข้าไทไปผูกแหล่ง |
จัดแจงข้าวของมิให้เกลื่อน |
ลาวได้มาใหม่ไปปลูกเรือน |
เกลื่อนอยู่กลางบ้านออกพล่านไป ฯ |
๏ จะกล่าวถึงขุนช้างนอนเฝ้าหอ |
สิบห้าวันงอนหง่อหาหลับไม่ |
มันให้วุ่นงุ่นง่านรำคาญใจ |
ละเมอไล่กอดหมอนไม่เว้นวัน |
สองยามสามยามก็ไม่หลับ |
แต่พอผอยม่อยกลับขยับฝัน |
ลุกขึ้นทั้งหลับกลับตาชัน |
มือยันที่นอนดังจะแหกพัง |
เสียงกุกลุกขึ้นชะแง้หา |
มาแล้วฤๅแม่มาอย่าถอยหลัง |
ได้ยินเสียงตุ๊กแกร้องลงมองฟัง |
ผุดลุกผุดนั่งแล้วกลับนอน |
หงายควํ่าซ้ำพลิกตัวตะแคง |
ขาแข้งแข็งไปดังไม้ท่อน |
ลุกขึ้นอ่านเพลงยาวกล่าวกลอน |
โอ้สมรที่นอนเย็นเป็นน้ำรด |
จะทำอย่างไรที่ไหนเล่า |
จะได้กินข้าวเม่านํ้าตาลสด |
เจ้าท่อนจันทน์ขวัญตาพิลาลด |
แต่พี่อดมาครันเข้าวันพระ |
ขอให้รวยระแร่มาแก้จน |
ให้ปะนํ้าวนบางกะจะ |
ดูดขันจมวนก้นกะทะ |
ขอให้ปะเจ้าสักหน่อยคอยจะตาย |
แล้วเผอเรอหัวร่ออ่อแม่คุณ |
วันนี้จะอุ่นให้หนาวหาย |
ได้โปรดหัวลูกแก้วจะค่อยคลาย |
ผีย่าผียายมาช่วยกัน |
พ่อขุนพ่อหลวงทั้งปวงสิ้น |
จะให้กินเหล้าเข้มกับหมูหัน |
จงดลใจให้เจ้าเข้ามาพลัน |
จะรับขวัญรวยแร่อีแม่ละลวย |
ผีพรายปากกล้ามาช่วยกู |
ทั้งอ้ายผีเจ้าชู้ก็มาด้วย |
จะเซ่นไม้สอยผมให้สมรวย |
นํ้ามันตะนีหวีด้วยจะแทนคุณ ฯ |
๏ ครานั้นศรีประจันท่านแม่ยาย |
เห็นลูกเขยกระสับกระส่ายอยู่วายวุ่น |
ปลอบลูกเจ้าอย่าเฉยเลยแม่คุณ |
เนื้ออุ่นของแม่อย่ารั้งรอ |
ถ้วนสิบห้าวันวันนี้แล้ว |
ลูกแก้วจงลุกไปเข้าหอ |
ขุนช้างคอยแหงนจนแค้นคอ |
อย่าคิดท้อถอยเลยนะลูกอา ฯ |
๏ แม่เจ้าประคุณของลูกแก้ว |
จะแกล้งฆ่าลูกแล้วกระมังหนา |
ผัวลูกไปทัพพึ่งกลับมา |
ก็เห็นอยู่แก่ตาแม่ด้วยกัน |
ถ้าผัวมาไม่รอดมอดม้วย |
จะสมสู่อยู่ด้วยไม่เดียดฉันท์ |
นี่พึ่งจากวันทองไปสองวัน |
จะขืนคั้นคอลูกให้จำตาย |
เสียแรงอุ้มท้องวันทองมา |
แม่จะฆ่าลูกเสียได้ง่ายง่าย |
ลูกจะอยู่เป็นคนไม่พ้นอาย |
เพราะได้อ้ายหัวล้านรำคาญใจ ฯ |
๏ พูดผิดพูดถูกลูกจองหอง |
ผัวเงินผัวทองหาเอาไม่ |
นั่งกินจนตายสบายใจ |
หัวล้านทำไมกับหัวมัน |
เฝ้าบ่นวุ่นวายถึงพลายแก้ว |
มันมีเมียใหม่แล้วฤๅไม่นั่น |
มันด่ามึงอึงสะท้านทั้งสุพรรณ |
ตัดกันขาดแล้วไม่เอ็นดู |
ถ้ามิฟังคำแม่ทำแชเชือน |
มึงไปเสียจากเรือนอย่าได้อยู่ |
ยากเย็นเป็นตายอย่าหมายกู |
ฉุดวันทองลากลู่ถูออกมา |
วันทองกระถดหนีศรีประจัน |
ต่างคนต่างดันกันจมฝา |
ขุนช้างลนลานควานขี้ตา |
เปิดประตูคอยท่าไว้งับแง ฯ |
๏ ศรีประจันไม่หยุดแกฉุดลาก |
อีว่ายากฉิบหายมันจะขายแม่ |
นํ้าตานํ้ามูกดังลูกกะแอ |
แยงแย่มือลากกระชากชัก |
มือหลุดผลุดล้มลงจมฝา |
ผ้าขาดดังควากหัวฟากหัก |
วันทองล้มคะมำลงต้ำอั๊ก |
ศรีประจันหันผลักหกคะเมนไป |
ตีซ้ำตํ้าผางไม่วางมือ |
มึงไม่ไปจริงฤๅกูหาฟังไม่ |
วันทองร้องแซ่แม่ขืนใจ |
แม่ข้าไหว้ชาวบ้านวานมาดู |
ตาผลหัวล้านอยู่บ้านใกล้ |
ตกใจว่าขโมยมาแทงหมู |
ฉวยหอกออกมาคาประตู |
ร้องว่าสู้มันหวาอย่าละกัน |
ศรีประจันขัดใจว่าไอ้ผล |
การกลอะไรของมึงนั่น |
อ้ายหัวล้านอกขนลุกลนครัน |
ใครแทงหมูของมันจึงร้องไป ฯ |
๏ ขุนช้างคิดว่าแม่ยายด่า |
ฟ้าผี่เถิดฉันหาได้แทงไม่ |
ส่งวันทองมาช้าอยู่ไย |
ศรีประจันขัดใจไอ้บ้ากาม |
ผินหน้ามาฉุดวันทองไป |
ผ้าหลุดขัดใจอยู่งุ่มง่าม |
มาถึงไม้เลียบเหยียบถูกชาม |
ชามแตกมันก็ปามเอาตีนแก |
ศรีประจันร้องว้ายกูตายหวา |
ยกขาขึ้นแกว่งเลือดแดงแจ๋ |
มันถ่อยพ้นกำลังอีรังแก |
วันทองฉวยแคร่ยุดแน่นไว้ |
ศรีประจันชักชามที่ตำตีน |
ปีนแคร่มาฉุดวันทองใหม่ |
มือหลุดจากแคร่แม่ลากไป |
ขึ้นบนหอใหม่อยู่วุ่นวาย |
พัลวันเข้าไปในประตู |
วันทองลากถูผ้าห่มหาย |
ขุนช้างโผนมานัยน์ตาลาย |
หลงจูบแม่ยายเข้าสองที |
ศรีประจันงันงกผลักอกต้าน |
อ้ายหัวล้านโสโครกกระโหลกผี |
ขุนช้างร้องว้ายตายครั้งนี้ |
หลงขี่แม่เมียเข้าเสียการ |
วางแม่ยายมาคว้าวันทอง |
ฉุดเข้าในห้องอยู่งุ่นง่าน |
กรักกรุกคุกเข่าเหมือนเต่าคลาน |
กูจะขึ้นวิมานวันนี้แล้ว |
วันทองร้องอึงอยู่ในห้อง |
ขุนช้างข่มเหงน้องพ่อพลายแก้ว |
อ้ายห่ามันจะฆ่าเมียเสียแล้ว |
หูตาบ้องแบวเหมือนแมวคราว |
อ้ายขี้ถ่อยถอยไปให้พ้นกู |
หัวหูเหมือนลูกมะพร้าวห้าว |
ขุนช้างฮึดฮือยื่นมือยาว |
น้าวสองหัวไหล่เข้าในมุ้ง |
วันทองถีบผางเข้ากลางอก |
พลัดตกจากเตียงเสียงดังผลุง |
ขุนช้างผุดกลับขึ้นทับพุง |
สายมุ้งขาดสิ้นดิ้นแทบตาย |
มุ้งพันวันทองดังไข่พอก |
กูหายใจไม่ออกอ้ายฉิบหาย |
ขุนช้างไขว่คว้านัยน์ตาลาย |
มุ้งพันวุ่นวายอยู่สิ้นที |
แค้นใจด้วยมุ้งยุ่งจริงจริง |
พอรุ่งขึ้นกูจะทิ้งเสียเวจขี้ |
ฉีกมุ้งออกได้ไล่คะยี |
มุ้งยังพันดีแต่วันทอง |
ขุนช้างเลิกมุ้งที่พันตัว |
พันไว้แต่หัวให้มีช่อง |
ได้ทีสบสมอารมณ์ปอง |
วันทองจนใจอยู่ในโปง |
ร้องจนตาปลิ้นดิ้นจะลุก |
กูจุกขึ้นมาแล้วอ้ายตายโหง |
ถีบขุนช้างล้มจมโก้งโค้ง |
ขุนช้างโลดโดดโหยงอยู่ยักยัน |
สะดุดขันน้ำเข้าต้ำฉ่า |
น้ำเปียกแข้งขาอยู่ตัวสั่น |
วันทองหลุดผลุดนั่งทั้งมุ้งพัน |
ขุนช้างงกงันเข้าง้างคอ |
ปล้ำล้มจมเตียงเสียงตํ้าเฮือก |
วันทองเสือกตำฝาตาป๋อหลอ |
อัศจรรย์ฟ้าลั่นฝนตกปรอ |
เสียงจ้อไหลอาบซาบแผ่นดิน |
กุ้งปลาดีใจไล่ผุดโผล่ |
แต่ล้วนตัวโตโตเข้าเคล้าหิน |
เทโพเทพาเที่ยวหากิน |
ว่ายวารินชำแรกแทรกถึงพื้น |
วันทองหมองศรีมีแต่ทุกข์ |
ข้างขุนช้างเป็นสุขสำราญรื่น |
รักนางพ่างเพียงจะกลํ้ากลืน |
หญิงอื่นหมื่นแสนพี่ไม่รัก |
เงินทองไม่น้อยร้อยกระบุง |
พี่ก็มุ่งจะให้เจ้าบุญหนัก |
ไปไหนก็มิให้เจ้าเหนื่อยพัก |
ขี่คอผัวรักต่างช้างพลาย ฯ |
๏ วันทองฮึดฮัดสะบัดหน้า |
แค้นตัวชั่วช้าไม่รู้หาย |
คิดขึ้นมาถึงผัวปิ้มตัวตาย |
แสนอายมิให้ใครเห็นหน้าตา |
อยู่แต่ในห้องได้สองวัน |
โศกศัลย์พ่างเพียงจะเป็นบ้า |
จำใจอยู่ด้วยขุนช้างมา |
พอลับหลังโศกาถึงเจ้าพลาย |
ไม่เป็นกินอยู่ทั้งปลาข้าว |
ตื่นเช้าก็นอนไปจนสาย |
ตรอมใจเพียงนางจะวางวาย |
มือฟายน้ำตาอยู่ฟูมฟอง ฯ |