ตอนที่ ๑๖ กำเนิดกุมารทองบุตรนางบัวคลี่

๏ จะกล่าวถึงขุนแผนแสนสนิท เรืองฤทธิ์ฦๅจบสยบสยอน
แสยงเกล้ากลอกกลัวทั่วนคร ดังไกรสรสิงหราชกาจฉกรรจ์
นอนอยู่บนเตียงเมื่อเที่ยงคืน ผวาตื่นอกใจไหวหวั่น
แต่นอนเดียวเปลี่ยวกายมาหลายวัน ให้กระสันเสียวจิตรคิดถึงเมีย
อนิจจาอ้ายขุนช้างช่างร้างรัก เฝ้าแต่ควักดวงใจเอาไปเสีย
มันก็เป็นนํ้ามิตรมันผิดเมีย แกล้งทำเยียทรยศขบถใจ
ยังมิหนำซ้ำไปทูลยุแยง ว่าปีนกำแพงพาราออกมาได้
เป็นคราวเคราะห์เพราะกรรมนำพระทัย เผอิญมิให้ไต่ถามความจริงจัง
ทรงพิโรธโปรดปรับเอาเป็นผิด จนลาวทองต้องติดอยู่วังขัง
ทั้งห้ามเฝ้ามิให้เข้าไปในวัง แล้วซ้ำสั่งสาปให้ตระเวนไพร
ยิ่งคิดดั่งจิตรจะจากร่าง อ้ายขุนช้างเจ้ากรรมมันทำได้
ถ้ามิทดแทนทำให้หนำใจ บรรลัยเสียยังดีกว่ามีชนม์
กูจะไปลักวันทองของกูมา ถ้าติดตามแล้วจะฆ่าเสียให้ป่น
เกรงแต่จอมนรินทร์ปิ่นภูวดล จะให้ยกรี้พลติดตามไป
ถ้าเขาไม่เมตตาจะฆ่าฟัน จะรับรองป้องกันฉันใดได้
มีแต่ตัวพลาดพลั้งลงอย่างไร คงบรรลัยแหลกลงเป็นผงคลี
จะหมายพึ่งผู้ใดที่ในป่า เห็นแต่หน้าโหงพรายกับหุ่นผี
ก็แก่เก่าเศร้าเสื่อมซึ่งฤทธี จะต่อตีเห็นไม่ได้ดังใจนึก
จะตีดาบซื้อม้าหากุมาร ให้เชี่ยวชาญวิชาได้ฝ่าศึก
ถ้าสามสิ่งนี้ได้สมอารมณ์นึก จะอึกทึกมาอย่างไรก็ไม่กลัว
คิดคิดเดือดดาลให้พล่านพลุ่ง จนอุทัยใกล้รุ่งขมุกขมัว
ก็ล้างหน้าหาเครื่องสำหรับตัว เรียกตาบัวคนเก่าให้เข้ามา
กูจะไปราชการที่ด่านไพร เจ้าเป็นผู้ใหญ่อยู่เคหา
แต่ผู้เดียวกูจะดั้นอรัญวา จะเร็วช้าเป็นอย่างไรก็ไม่รู้
สั่งกำชับจับเครื่องเข้าใส่ย่าม กับเงินสามสิบใส่ในไถ้หู
เหน็บกฤชที่ประสิทธิประสาทครู พอเช้าตรู่ก็ตรงเข้าดงดอน
เที่ยวค้นคว้าหาของที่ต้องอย่าง นอนค้างไปตามตรอกซอกสิงขร
เข้าบ้านกะเหรี่ยงข่าละว้ามอญ สู้ซอกซอนซุกซนเที่ยวด้นไป ฯ
๏ จะกล่าวถึงนายเดชกระดูกดำ อยู่บ้านถ้ำตั้งกองเป็นซ่องใหญ่
ได้เป็นที่หมื่นหาญชาญไชย เป็นหัวไม้มีฝีมือเลื่องฦๅชา
สูงเกือบสี่ศอกตากลอกโพลง หนวดโง้งงอนปลายทั้งซ้ายขวา
ขอบตาแดงฉาดดังชาดทา เนื้อแน่นหนังหนาดูน่ากลัว
ผมหยิกหยักศกอกเป็นขน ทรหดอดทนมิใช่ชั่ว
ปลุกเสกเครื่องฝังไว้ทั้งตัว เป็นปมปุ่มไปทั่วทั้งกายตน
อยู่ปืนยืนยงคงอาวุธ เหยียบสะดุดขวากปักก็หักป่น
มีทหารตัวดียี่สิบคน ล้วนอยู่ยงคงทนทุกคนไป
โคกระบือช้างม้าทั้งข้าคน ออกเกลื่อนกล่นพลุกพล่านในบ้านใหญ่
เหย้าเรือนหลายหลังคับคั่งไป เครื่องใช้โต๊ะตั้งดังต่างกรม
มีสาวสาวลาวไทยใช้สะพรั่ง ล้วนกำลังรุ่นรวยดูสวยสม
หอนั่งปูเสื่ออ่อนหมอนพรม เครื่องนากเงินทองถมทุกสิ่งมี
ได้นางสีจันทน์เป็นภรรยา มีลูกสาวชื่อว่านางบัวคลี่
พึ่งรุ่นสาวราวสักสิบเจ็ดปี ดูผ่องสีสำอางดังนางใน
เจ้าเมืองกรมการบ้านบนบน แต่งคนมาขอพ่อไม่ให้
ได้ดูแลบ่าวข้าต่างตาใจ คุมคนทำไร่ไม่เว้นวัน
ถ้าแม้นแขกแปลกหน้าเข้ามาบ้าน พวกทหารจับจำไว้แข็งขัน
พอพลบค่ำแล้วก็พาไปป่าพลัน เอาไปฟันฝังดินให้สิ้นความ
คนที่หนีเจ้าเหล่าลักช้าง ถ้าแหวกวางเข้าในซ่องที่ต้องห้าม
ถึงเจ้าของมองเห็นไม่หาญตาม ต้องหาล่ามถอนไถ่ไปเป็นชนวน ฯ
๏ ครานั้นบัวคลี่ศรีใส ครั้นรุ่งเรียกบ่าวไพร่ไปไร่สวน
หนุ่มสาวบ่าวหลามตามเป็นพรวน ไปรดพวนผักผลทุกต้นไป
เอาจอบเจาะเฉาะช่องเป็นร่องน้ำ แล้วปลูกทำหอห้างไว้กลางไร่
พอร่มร้อนนอนนั่งสบายใจ คอยบังคับข้าไทให้ทำการ ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนศักดา เที่ยวมาทุกตรอกออกทุกบ้าน
เดินตัดลัดป่ามาช้านาน มาถึงไร่หมื่นหาญเข้าทันใด
เห็นตัดต้นยูงยางลงขวางลำ แล้วปักทำเขื่อนขอบไว้รอบไร่
แลเห็นคนทำงานพลุกพล่านไป ประหลาดใจลัดแลงแฝงเข้ามา
แลเห็นตัวบัวคลี่อยู่ที่ห้าง สำอางนวลละอองผ่องผิวหน้า
พึ่งรุ่นสาวกะทัดรัดจำรัสตา ทั้งทรงศรีกิริยาก็น่าชม
ตะลึงลืมปลื้มปลาบให้วาบใจ อยากจะใคร่เป็นคู่ได้สู่สม
เป็นกุศลดลจิตรคิดนิยม ปลงอารมณ์รักใคร่ใจผูกพัน
พินิจน้องก็ต้องตำรับนัก เห็นประจักษ์แจ้งจริงทุกสิ่งสรรพ์
ถ้าเกิดบุตรหัวปีมีด้วยกัน แม่นมั่นคงเป็นชายเหมือนหมายมา
นี่จะเป็นลูกเต้าเหล่าผู้ใด มีบ่าวไพร่ใช้สอยเป็นหนักหนา
ทำไฉนจะได้แจ้งแห่งกิจจา จะเข้าหาถามไถ่บ่าวไพร่ดู
คิดแล้วแหวกหนามข้ามเข้าไร่ พวกลาวไทยนั่งเล่นเป็นหมู่หมู่
แลเห็นแขกแปลกหน้ามาด้อมดู ทั้งชายหญิงวิ่งพรูมาเป็นทิว
บ้างโบกมือร้องบอกให้ออกไป เข้ามาไยทางนี้อ้ายผีผิ่ว
ลูกสาวท่านอยู่ห้างข้างต้นงิ้ว ไม่รู้ตัวหัวจะปลิวไปจากกาย
เขาร้องบอกยังไม่ออกไปทางอื่น มายืนตาปริบปริบอ้ายฉิบหาย
คุณพ่อดุราวกับเสือเหลือร้าย จะมาตายเสียเปล่าไม่เข้าการ ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนศักดา ได้ฟังคำบ่าวข้ามันว่าขาน
แกล้งทำยอบตัวเหมือนกลัวลาน ดีฉานมิได้ทราบว่าผู้ใด
ต้องกำราบปราบปรามห้ามผู้ชาย นี่ลูกสาวเจ้านายบ้านเมืองไหน
ฉันเป็นคนชาวดงอยู่พงไพร ขออภัยเถิดที่เดินเกินเข้ามา
อ้ายพวกบ่าวลาวไทยได้ฟังเสียง เห็นสำเนียงทั้งจริตผิดชาวป่า
จึงร้องบอกออกไปมิได้ช้า ถ้าบิดาท่านมาเห็นไม่เป็นการ
นี่เซอะซะเซ่อซ่ามาแต่ไหน แม่บัวคลี่นี้ไซร้ลูกหมื่นหาญ
มิได้กลัวรั้วแขวงกรมการ ใครพ้องพานแล้วเอาตายเสียหลายคน
เอ็นดูดอกบอกเจ้าจะเอาบุญ ถ้าเจ้าคุณท่านมาเห็นไม่เป็นผล
จงเร่งหลีกออกไปเสียให้พ้น เจ้าเป็นคนมีอัชฌาข้าปรานี ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสนิท ได้แจ้งจิตรชื่อตัวว่าบัวคลี่
เป็นลูกสาวหมื่นหาญอยู่บ้านนี้ เป็นคนดีมีฝีมือเลื่องฦๅดัง
จะบนบานบ่าวไพร่ให้ชักสื่อ ไม่พ้นมือคงจะสมอารมณ์หวัง
กลัวแต่จะไม่ได้กันจริงจัง ตาพ่อจะคลั่งฉีกแหกแตกกันไป
ครั้นสู้รบตบมือจะอื้อฉาว แตกร้าวเสียเปล่าเปล่าไม่เข้าได้
จะไม่สมน้ำจิตรที่คิดไว้ จำจะไปทอดสนิทกับบิดา
สู้ถ่อมตนทนให้แกใช้สอย อยู่สักหน่อยก็จะรักเราหนักหนา
คงจะยกให้เป็นภรรยา ไม่เคืองเข็ญเห็นว่าจะได้การ
คิดแล้วลาลุกเดินบุกป่า ลัดดงตรงมาบ้านหมื่นหาญ
ถึงศาลาหน้าตรอกนอกทวาร ค่อยบอกกล่าวชาวบ้านนั้นเข้าไป
อ้ายพวกซ่องมองเห็นเขม้นมา ก็คุกคามถามว่าจะไปไหน
ขุนแผนบอกออกพลันในทันใด นายเขาใช้เต็มทีก็หนีมา
หมายจะพึ่งอยู่ในซ่องของเจ้าคุณ ได้พึ่งบุญป้องกันไปวันหน้า
อ้ายพวกซ่องว่าถ้าจริงดังเจรจา อยู่ศาลาอย่าเที่ยวซุกซนไป
แม้นเซอะเซ่อเร่อตรงเข้าวงบ้าน พวกทหารเขามาจับแล้วตับไหล
เราจะไปบอกกล่าวชาวข้างใน ให้เข้าไปเรียนท่านหมื่นหาญนาย
ว่าแล้วลุกตรงเข้าวงบ้าน บอกกล่าวเหล่าทหารสิ้นทั้งหลาย
ว่ามีคนหลบลี้หนีมุลนาย หมายจะมาพึ่งบุญเจ้าคุณเรา
พวกทหารไต่ถามได้ความจริง ก็วิ่งเข้าไปประนมก้มเกล้า
ว่ามีชายหนีนายมานั่งเซา ฉันห้ามไว้มิให้เข้าในประตู
นายซ่องได้ฟังสั่งทหาร ไปเอาตัวมาบ้านกูดูหรู
ทหารรับจับหอกวิ่งออกพรู เข้าลากถูฉุดแขนขุนแผนมา
ขึ้นไปหมอบลงศอกอยู่นอกชาน หมื่นหาญนิ่งพินิจพิศดูหน้า
เพื่อนเป็นคนเคยดูรู้ตำรา เห็นลักขณาราศีดีแยบคาย
มิใช่คนเซอะซุนสถุลชาติ เนื้อละเอียดอ่อนสะอาดประหลาดหลาย
คงเล่นเบี้ยเสียถั่วเสียวัวควาย เต็มประดาก็ตะกายเซอะเซิงมา
คิดแล้วคุกคามร้องถามไป เป็นข้าเจ้าบ่าวใครที่ไหนหวา
มึงชื่อเรียงเสียงไรไปไหนมา จึงเซ่อซ่าซมซานมาบ้านเรา ฯ
๏ ขุนแผนบอกออกความไปตามแนว ฉันชื่อแก้วอยู่กองข้างหกเหล่า
ราชการด่านทางไม่บางเบา เหนื่อยเข้าเต็มทีก็หนีซน
ทั้งพ่อแม่ภรรยาก็หาไม่ ยากไร้สารพัดจะขัดสน
จึงดื้อดั้นดงรามเพราะความจน กลัวจะหนีเขาไม่พ้นเที่ยวซนมา
หมายจะมาอยู่ในซ่องของเจ้าคุณ ได้พึ่งบุญคุ้มกายไปภายหน้า
ถ้าเจ้าคุณปรานีมีเมตตา ฉันจะอยู่เป็นข้าจนบรรลัย
พลางเป่าละลวยล่องให้ต้องพาน ถูกหมื่นหาญงวยงงสิ้นสงสัย
เพราะฤทธิเดชเวทมนตร์เข้าดลใจ ให้รักใคร่ขุนแผนแม้นลูกตน
นี่แน่เจ้าเราจะอยู่ด้วยกันไป ถ้าเห็นใจเถิดจะปลูกให้เป็นผล
ถ้าแม้นจิตรคิดคดทรชน คงจะป่นลงเป็นแป้งในแขวงเรา
ว่าแล้วจัดเคหาให้อาศัย ให้ยายไข่เป็นคนหาปลาข้าว
ขุนแผนทำกลัวหมอบพินอบพิเทา แกล้งลงเข่าลงศอกหลอกทุกวัน
ตาหมื่นหาญรักใคร่เอาใช้ชิด มิได้คิดขึ้งเคียดเดียดฉันท์
ลูกเมียข้าคนใช้ปนกัน ขุนแผนกลั้นอกใจไม่วี่แวว
นางบัวคลี่เรียกพี่ทุกคำปาก หาหมากพลูบุหรี่ให้พี่แก้ว
ท่านผู้หญิงก็เอ็นดูไม่รู้แกว ไม่เห็นแววโว้เว้สักเวลา ฯ
๏ ครานั้นหมื่นหาญชำนาญไพร คิดจะไปเที่ยวยิงกระทิงป่า
เรียกนายพลายแก้วนั้นเข้ามา เจ้าจะไปกับข้าฤๅว่าไร
ขุนแผนรับเจ้าคะจะไปด้วย หมื่นหาญฉวยเอาย่ามมายื่นให้
กับหอกครํ่าสำหรับไปเที่ยวไพร แล้วสวมใส่เสื้อกั๊กกางเกงดำ
เต้าชนวนเขนงคาดเอวมั่น แกหยิบปืนสุตันส้นครํ่า
กระสุนสามบาทชาติพันลำ แบกนำหน้าตรงเข้าพงไพร
ขุนแผนถือหอกออกตามหลัง เข้าดงรังลัดมาตามป่าไผ่
แลเห็นวัวแดงเข้าแฝงไม้ ย่องเข้าไปแอบโคนต้นลำแพน
เทดินหูผลับหับหน้าเพลิง สอดเซิงซุ้มหวายแกหมายแม่น
ยกประทับกับไหล่ไม่คลอนแคลน ไม่รู้ตัววัวมันแหงนขึ้นกินชัน
ลั่นนกตบฉับหน้าเพลิงฉาด ประกายปราดลั่นเปรี้ยงเสียงสนั่น
ยิงผิดวัวขวิดมาสวนควัน หมื่นหาญหันล้มผางลงกลางแปลง
วัวกระทิงวิ่งถึงทะลึ่งโชน ขุนแผนโผนจับคางง้างเขาแข็ง
วัวกระทบคนกระทั่งกำลังแรง วัวขวิดคนแข็งไม่วางกัน
หลบเขาลอดขาคว้าจับหาง ชุลมุนวุ่นวางดังกังหัน
โลดไวหลบหวิดขวิดไม่ทัน วัวแหงนขุนแผนถลันเข้าคั้นคอ
วัวโดดคนแดกกระแทกเฮือก นัยน์ตาเหลือกล้มปุบลงฟุบข้อ
หมื่นหาญซ้ำด้วยหอกเข้าซอกคอ ร้องมอมอล้มผางลงกลางดิน
กลับทะลึ่งตึงตังกำลังเดือด กระทอกเลือดกระแทกล้มกระดิกดิ้น
เลือดไหลโซมสาดลงดาษดิน กลิ้งเกลือกเสือกดิ้นจนสิ้นใจ ฯ
๏ หมื่นหาญถอนหอกแล้วออกปาก หากออแก้วมาด้วยช่วยแก้ไข
โจนเข้าจับรับรองไว้ว่องไว กูจึงมิบรรลัยในดงดาน
แกขัดใจไม่เถือเนื้อกระทิง แทงทิ้งเสียเถิดเจ้าเราไปบ้าน
แล้วจับปืนขึ้นบ่ามาลนลาน เดินง่านงกงกบุกรกมา
เลาะลัดบัดเดี๋ยวก็มาถึง ขึ้นบันไดเดินดึ่งเข้าเคหา
ทิ้งปืนผางพลางบอกกับภรรยา พี่ไปป่าเคราะห์ร้ายแทบวายชนม์
เล็ดลอดดอดไปยิงกระทิงผิด มันสวนควันไล่ขวิดมาติดก้น
เจ้าแก้วเข้าประจันไม่ทันชน เราสองคนช่วยกันมันถึงตาย
ถ้าคนอื่นไกลมิใช่แก้ว เห็นแววชีวิตจะฉิบหาย
คุณเขาอยู่กับเราก็มากมาย แน่ท่านยายข้าจะว่าอย่าน้อยใจ
จำต้องเกื้อหนุนแทนคุณเขา ออบัวคลี่ลูกเราจะยกให้
เห็นสมผัวสมเมียอย่าเสียใจ ยายจะเห็นเป็นอย่างไรให้ว่ามา ฯ
๏ ฝ่ายท่านยายสีจันทน์ครั้นได้ฟัง ก็สมดังมุ่งมาดปรารถนา
ด้วยแกรักพลายแก้วดังแววตา ครั้นผัวปรึกษาก็ดีใจ
จึงตอบว่าตามใจจะให้ปัน สุดแต่ท่านฉันไม่ขัดทัดทานได้
ถ้าเห็นดีแล้วไม่ห้ามตามแต่ใจ ด้วยมิใช่ทรพลชาติคนพาล
ครั้นผัวเมียปรึกษาว่ากันแล้ว เรียกเจ้าแก้วเข้ามาแล้วว่าขาน
เจ้าจะอยู่กับข้าไปช้านาน ฤๅจะคิดกลับบ้านประการใด
ข้าจะคิดฝังปลูกเป็นลูกเต้า ออบัวคลี่ลูกเราจะยกให้
ฤๅไม่ชอบใจกันฉันใด อย่าเกรงใจบอกความตามจริงจัง ฯ
๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าพลายแก้ว ได้ฟังแล้วตอบไปด้วยใจหวัง
ฉันลำบากยากจนคนเซซัง ท่านจะคิดปลูกฝังเป็นลูกชาย
ถ้าเจ้าคุณเอ็นดูจะอยู่ด้วย กว่าจะม้วยเป็นผีไม่หนีหาย
ฉันเป็นคนกำพร้าเอกากาย หมายจะฝากชีวิตไม่คิดไป ฯ
๏ หมื่นหาญสีจันทน์ภรรยา ได้ฟังว่ายินดีจะมีไหน
ก็จัดแจงเคหาเรียกข้าไท ให้เข้าไปปูปัดจัดเรือนชาน
เครื่องโอโถกระถางกระโถนถาด ตั้งในเรือนเกลื่อนกลาดสะอาดสะอ้าน
โต๊ะตั้งปิ่นโตเตียบทั้งโตกพาน มุ้งม่านฟูกหมอนที่นอนดี
ก็พร้อมเครื่องประดับสำหรับห้อง กระโถนขันคันฉ่องกระจกหวี
จะสวดมนต์ก็ขัดวัดไม่มี เราเซ่นผีเซ่นสางอย่างบุราณ
ท่านยายสีจันทน์ผู้มารดา ก็จัดแจงข้าวปลากระยาหาร
เนื้อหมูปูปลาสุราบาน ก็สำเร็จเสร็จการทุกสิ่งอัน ฯ
๏ รุ่งขึ้นวันพฤหัสก็จัดแจง ตกแต่งเซ่นวักแล้วทักขวัญ
จึงอวยพรสอนสั่งสารพัน ให้กล่อมเกลี้ยงเลี้ยงกันจนบรรลัย
ครั้นเซ่นวักตักแต่งสำเร็จแล้ว ให้เจ้าแก้วเข้าอยู่ในเรือนใหญ่
ก็มอบทรัพย์เงินตราทั้งข้าไท ท่านผู้เถ้าเข้าไปปูที่นอน
เจ้าพลายแก้วประนมก้มกราบไหว้ ท่านผู้ใหญ่อยู่หลังแล้วสั่งสอน
ครั้นสั่งสิ้นเสร็จสรรพก็กลับจร พอสิ้นแสงทินกรลงทันใด ฯ
๏ เวลาดึกสงัดกำดัดนอน พระจันทรแจ่มจัดจำรัสไข
ท่านยายสีจันทน์นั้นเข้าไป ประโลมไล้ลูกสาวแล้วกล่าววอน
ดวงใจเจ้าจะไปอยู่กับผัว รักษาตัวทำตามแม่สั่งสอน
พอสมควรเวลาอย่าอาวรณ์ แม่จะจรพาเจ้าไปส่งตัว ฯ
๏ ครานั้นนวลนางบัวคลี่ ยังทุกข์ร้อนเต็มทีจะมีผัว
ได้ฟังคำมารดาประหม่ากลัว แม่ทูนหัวของลูกได้เมตตา
แม่จะไปมอบหมายให้ชายเชย ลูกไม่เคยมีคู่รู้เดียงสา
ได้โปรดก่อนผ่อนผันเถิดมารดา ช้าช้าสักหน่อยจึงค่อยไป ฯ
๏ ครานั้นท่านยายสีจันทน์ รับขวัญลูกพลางทางปราศรัย
ประเวณีมีผัวกลัวอะไร ไปเถิดแก้วตาอย่าอาวรณ์
อันซึ่งการประเวณีไม่มีครู กลัวจะรู้เสียหนักไม่พักสอน
ประเดี๋ยวใจได้สุขสิ้นทุกข์ร้อน พ่อแม่มาแต่ก่อนก็เหมือนกัน
เมื่อยายเจ้าเอาแม่ไปส่งตัว พอเข้าชิดคิดกลัวจนตัวสั่น
พ่อแกช่างฉอเลาะออเซาะครัน เฝ้าวอนว่าสารพันจะเอาใจ
แม่ฟังไม่เท่าไรใจก็รัก ไม่ช้านักก็ต้องหย่อนผ่อนลงให้
ประเวณีเช่นนี้แต่ไรไร จึงมีลูกเต้าได้ไปออกเต็ม
ไม่ต้องเรียนต่อครูดอกรู้ง่าย เหมือนหนึ่งด้ายร้อยสนเข้าก้นเข็ม
ที่ยังพึ่งหัดเย็บต้องเก็บเล็ม พอรู้รสหมดเล่มก็แล้วกัน
ไปเถิดแก้วตาอย่าอาวรณ์ ลูกผัวเขาคงสอนให้ผ่อนผัน
ไม่ช้านักสักครู่ได้รู้กัน ไก่ขันขึ้นมาแล้วแก้วแม่อา
แกเร่งรัดจัดแจงให้แต่งตัว อาบน้ำหวีหัวแล้วผัดหน้า
ครั้นเสร็จแล้วนำนางเยื้องย่างมา เข้าในห้องเคหาด้วยทันที ฯ
๏ ครานั้นพลายแก้วแววสวาดิ นิ่งอนาถนอนคอยเจ้าบัวคลี่
มิได้หลับได้นอนค่อนราตรี เหตุไฉนป่านฉะนี้ยังมิมา
ได้ยินเสียงสายยูประตูกริก ขยับพลิกตัวยกผงกหน้า
มองเขม้นเห็นท่านผู้มารดา พานางมาส่งลงจากเตียง
ท่านมารดาเข้าไปถึงในห้อง ค่อยเมียงมองกระแอมไอแล้วให้เสียง
ด้วยกระจ่างแจ่มแจ้งแสงตะเกียง นางค่อยเมียงมารดาคลาไคล
ครั้นถึงที่ชนนีก็ลงนั่ง เจ้าพลายตั้งเทพนมก้มกราบไหว้
เจ้าบัวคลี่แฝงม่านพล่านพลุ่งใจ ด้วยยังไม่เคยชายอายเต็มที
ท่านมารดาว่ากับเจ้าพลายพลัน ให้กล่อมเกลี้ยงเลี้ยงกันจนเป็นผี
สารพัดโรคาอย่ายายี ให้คับคั่งมั่งมีขึ้นทุกวัน
ลูกข้ายังเด็กเล็กหนักหนา เจ้าอุตส่าห์สั่งสอนค่อยผ่อนผัน
ทั้งสองจงเป็นสุขทุกนิรันดร์ ไก่กระชั้นเซ็งแซ่แม่จะลา
เจ้าพลายแก้วคำนับรับพรพลัน ท่านสีจันทน์ลุกออกนอกเคหา
นางยึดไว้มิให้แม่ไคลคลา มารดาปลอบนางให้วางพลัน
พอเลี่ยงลับหับห้องแล้วย่องหนี เจ้าบัวคลี่นึกกลัวจนตัวสั่น
คิดจะตามมารดามาไม่ทัน พลายแก้วกั้นนางไว้มิให้มา
เจ้าบัวคลี่มิอาจจะออกได้ อ่อนละไมแฝงม่านเข้าเมียงฝา
เจ้าพลายรับขวัญจำนรรจา มานั่งนิ่งก้มหน้าอยู่ว่าไร
นี่แน่เจ้าพี่จะเล่าความจริงจิตร ได้พินิจน้องนางที่กลางไร่
กำเริบรักหนักหน่วงในดวงใจ จึงมาให้ท่านใช้ไม่คิดกลัว
ทั้งนี้เพราะกุศลเข้าดลใจ ท่านยกให้เลี้ยงกันฉันเมียผัว
จงผ่อนปรนสนทนาเถิดอย่ากลัว พอต้องตัวเข้าเท่านั้นก็สั่นงก ฯ
๏ ครานั้นบัวคลี่ศรีใส วาบใจค่อนค่อนสะท้อนอก
ชายกระทบกระทั่งถูกเหมือนลูกนก งันงกตกประหม่าไม่พาที
เจ้าพลายแก้วเห็นนางระคางจิตร กระหมุดกระหมิดหมางเมินสะเทินหนี
จึงแคะค่อนวอนว่าได้ปรานี มิพอที่จะมาอายระคายใจ
แนบนางพลางเป่าละลวยลม เสกประสมเนตรนางทางปราศรัย
พี่รักเจ้าเท่าเทียมชีวาลัย จะค้อนควักผลักไสไปไยมี
แล้วอุ้มนางขึ้นวางกลางที่นอน วิงวอนหยอกเย้าเจ้าบัวคลี่
จงผินผันหันหน้ามาข้างนี้ เสียแรงพี่รักเจ้าเท่าดวงใจ ฯ
๏ ครานั้นบัวคลี่ศรีสมร เห็นปลอบวอนค้อนติงไม่นิ่งได้
ทำสะบัดเบือนหน้าแล้วว่าไป อะไรนี่มาเฝ้าแต่เซ้าซี้
ก็รู้ว่าคุณพ่อยอยกให้ จะไปไหนพ้นมือฤๅขาพี่
จงงดน้องไว้สักสองสามราตรี ประเวณีอย่างไรฉันไม่เคย ฯ
๏ เจ้าพลายแก้วฟังนางทางว่าวอน จะผัดผ่อนไยเล่าเจ้าพี่เอ๋ย
แก้วตาอย่าปรารมภ์การชมเชย ถึงไม่เคยก็จะรู้ในครู่เดียว
ว่าพลางทางเป่าเทพรัญจวน ให้ปั่นป่วนซาบซ่านในทรวงเสียว
จูบแก้มแนมนมเข้ากลมเกลียว อย่าบิดเบี้ยวไปให้บอบระบมกาย
เจ้าบัวคลี่ต้องอาคมลมละลวย อ่อนระทวยด้วยคาถาประหม่าหาย
แต่ร้อนรักหนักจิตรให้คิดอาย ชม้อยชม้ายเมินหน้าไม่พาที
เจ้าพลายแก้วกอดน้องสะพ้องสะพัก นางก็ผลักข่วนหยิกแล้วพลิกหนี
เจ้าพลายต้องนางป้องพอเป็นที สองฤดีเดือดดิ้นอยู่แดยัน ฯ
๏ เจ้าพลายแก้วสมสู่อยู่ด้วยน้อง ไม่เคืองข้องรังเกียจเดียดฉันท์
แต่ฝากตัวหมื่นหาญมานานวัน จนบัวคลี่มีครรภ์ได้หลายเดือน
เขาทำมาหากินสิ้นทั้งบ้าน พวกทหารบ่าวทาสออกกลาดเกลื่อน
เจ้าพลายแก้วนิ่งดูอยู่กับเรือน ทำเสมือนมืดมนคนไม่เคย ฯ
๏ ครานั้นสีจันทน์ท่านหมื่นหาญ ดูอาการเจ้าพลายนายลูกเขย
งานการสิ่งใดไม่ทำเลย ช่างเฉยเมยดูดายมาหลายเดือน
กูประมาทคาดผิดคิดว่าดี ช่างย่อยยับอัปรีย์ไม่เทียมเพื่อน
มัวนอนมุดคุดคู้อยู่กับเรือน จะให้เตือนด้วยศอกดอกฤๅไร
ครั้นผัวเมียปรึกษาว่ากันแล้ว เรียกนายพลายแก้วเข้ามาใกล้
เดี๋ยวนี้เจ้าคิดอ่านประการใด จึงจะได้เลี้ยงตนจนมรณา
ไม่ดูเยี่ยงพวกเราเหล่าทหาร เห็นได้การสิ่งไรก็ไปหา
เที่ยวปล้นวิ่งชิงชัยก็ได้มา ทั้งเงินตราผ้าผ่อนแลแพรพรรณ
วัวควายช้างม้าคว้าเอาสิ้น เขาถอนไถ่ได้กินทุกสิ่งสรรพ์
ไม่ลำบากยากเย็นเว้นแต่ละวัน มาจัดแจงแบ่งปันกันบ่อยไป
ตัวเจ้ามาอยู่บ้านก็นานช้า เงินสักเฟื้องหนึ่งก็หามาไม่ได้
ไม่อับอายขายหน้ากับข้าไท แกล้งดูใจเจ้ามาเป็นช้านาน ฯ
๏ ครานั้นพลายแก้วแกล้วกล้า จึงตอบวาจาตาหมื่นหาญ
ฉันคิดจะมอบกายจนวายปราณ หมายว่าท่านจะชุบเลี้ยงฉันเที่ยงแท้
ถ้าผิดชอบสิ่งไรให้สอนสั่ง แม้นมิฟังถ้อยคำของพ่อแม่
ถ้าขืนขัดบิดเบือนแกล้งเชือนแช ก็ตามแต่ท่านจะทำให้หนำใจ
ซึ่งลักช้างขโมยคนปล้นตีบ้าน ล้วนแต่การโจรกรรมไม่ทำได้
ถ้าเกิดเหตุเภทพาลประการใด ไม่ให้ร้อนถึงท่านจะรับแทน ฯ
๏ ครานั้นหมื่นหาญชำนาญป่า ครั้นได้ฟังวาจาเจ้าขุนแผน
ชิชะพูดแก้เอาตามแกน เจ้านี้แสนรู้หลักสักเพียงไร
อันพวกทหารในบ้านกู คนเดียวก็สู้สิบคนได้
ล้วนอยู่ยงคงทนทุกคนไป จะฟันแทงสักเท่าไรไม่ไหวติง
เหมือนตัวเองอ้อนแอ้นแค่นอวดอ้าง ดูกิริยาท่าทางอย่างผู้หญิง
จะสู้รบใครได้ไม่เห็นจริง แต่ลมพัดก็จะกลิ้งลงกลางดิน ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสะท้าน ฟังหมื่นหาญบริภาษประมาทหมิ่น
อวดทหารชาญชัยใจทมิฬ ว่าอยู่สิ้นทุกคนทนทาน
ยิ้มแล้วเจ้าพลายแก้วแกล้วกล้า จึงตอบวาจาตาหมื่นหาญ
ถึงอยู่ยงคงทนพ้นประมาณ ไม่พอการฉานยังไม่ชอบใจ
ที่เรี่ยวแรงแข็งขันฟันไม่เข้า จะนับเอาว่าดียังไม่ได้
ถ้าเขารุมแทงฟันตะบันไป คงช้ำในหักป่นไม่พ้นตาย
ถ้าแม้นมาดอาจหาญการวิชา ต้องแคล้วคลาศสาตราสิ้นทั้งหลาย
ให้ยัดปืนยืนยิงเข้ารอบกาย ไม่ระคายปลายขนสักนิดเดียว ฯ
๏ ครานั้นหมื่นหาญชำนาญป่า ได้ฟังพลายแก้วว่านัยน์ตาเขียว
อ้ายนี้อวดหยิ่งจริงจริงเจียว เออประเดี๋ยวจะเล่นให้เห็นกัน
แกลุกตรงลงบันไดไปกลางบ้าน เรียกทหารบ่าวข้าจ้าละหวั่น
ให้ยัดปืนเคยถือครบมือกัน มาลองลั่นชันสูตรเจ้าตัวดี
ทหารฟังนายว่ามาคว้าปืน ขึ้นยืนยัดปัศตันขมันขมี
ขึ้นนกสองชั้นไว้ทันที พร้อมทั้งยี่สิบบอกวิ่งออกมา
หมื่นหาญเรียกพลายแก้วแจ้วแจ้วไป เป็นกระไรไม่ใคร่ลงจากเคหา
อย่าหลอกเล่นไม่ได้ให้รีบมา ถ้าวิชาดีครันอย่าพรั่นพรึง
แม้นแคล้วคลาศสาตราเหมือนว่าจริง ถึงปืนยิงก็ไม่ถูกสักลูกหนึ่ง
ถ้าไม่ดีเหมือนหมายตายแล้วมึง จะปรุเป็นรวงผึ้งทั้งกายา
พลายแก้วได้ฟังทำนั่งนิ่ง จะยิงจริงเจียวฤๅคุณพ่อขา
ของดก่อนผ่อนพักสักเวลา ได้ฤกษ์พาสักหน่อยจึงค่อยลอง
หมื่นหาญฮึดฮือมือชี้หน้า เจรจาอวดอย่างไรไอ้จองหอง
แม้นมิลงมาจริงให้ยิงลอง กูจะถองเสียให้ยับขับจากเรือน ฯ
๏ ครานั้นพลายแก้วแกล้วกล้า แกล้งล้อพ่อตาจนหน้าเฝื่อน
เห็นแกเรียกหลายคำแล้วซ้ำเตือน ทำค่อยเลื่อนลดลงบันไดไป
ด้วยพูดดังพลั้งจิตรผิดถ้อยคำ มิให้ทำท่านจะถองต้องขับไล่
แล้วลุกเดินมาพลันด้วยทันใด อย่าขัดใจเลยเจ้าคะจะให้ยิง
ปลงอารมณ์โอมอ่านพระคาถา ภาวนาตั้งจิตรสนิทนิ่ง
เป็นหนึ่งแน่วแน่ใจไม่ไหวติง พยักหน้าว่าให้ยิงมาพร้อมกัน
พ่อตาร้องว่าเอาเจ้าทหาร จึงยกปืนยืนกรานประทับมั่น
ยี่สิบบอกกรอกตรงเข้าพร้อมกัน ลากลั่นนกฉับวับวับตึง
เอ็งลั่นกูลั่นควันตรลบ หินกระทบปราดเปรี้ยงเสียงผึงผึง
ยิงแล้วยัดใหม่ใส่ตะบึง อึงคะนึงไปทั้งบ้านสะท้านใจ
ทั้งหญิงชายวิ่งพรูมาดูเล่น ควันกลบอยู่หาเห็นเจ้าพลายไม่
ที่บางคนสำคัญว่าบรรลัย ด้วยมิได้ขาดปืนออกครี้นเครง
ยิงแล้วยัดใหม่ใส่กระหนํ่า รุกรํ่าเอาจนดินสิ้นเขนง
เจ้าพลายนิ่งตั้งตัวไม่กลัวเกรง เหล่านักเลงสั่นหัวกลัวทุกคน
พวกชาวบ้านว่าท่านนี้ดีจริง เขายัดปืนยืนยิงดังห่าฝน
หมดดินสิ้นลูกไม่ถูกตน ไม่ระคายปลายขนคนคีครัน ฯ
๏ หมื่นหาญเห็นพลายแก้วนั้นแคล้วคลาศ คิดขยาดในใจให้ไหวหวั่น
อ้ายแก้วนี้ฉกาจบังอาจครัน เดิมสำคัญว่ามันเคอะเซอะซานมา
มาหมกคลุมซุ่มอยู่ไม่รู้แจ้ง มันมาแกล้งถ่อมตนเหมือนคนบ้า
กูก็เป็นคนดีมีวิชา ยังอ้ายนี่ดีกว่าน่าน้อยใจ
ดังพญาสีหราชอันกราดเกรี้ยว อยู่ถํ้าเดียวสองตัวเห็นไม่ได้
ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้นให้แน่นใจ เดินขึ้นบันไดไปเรือนพลัน ฯ
๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าพลายแก้ว เป็นหนึ่งแน่วแน่ใจไม่ไหวหวั่น
สงบปืนลืมตาขึ้นมาพลัน แกล้งกลั่นกล่าวว่าเป็นท้าทาย
เป็นไรไม่ยัดปืนจึงยืนนิ่ง จะยิงอีกฤๅไม่เล่าเจ้าทั้งหลาย
อันชีวิตของข้าอย่าเสียดาย จงมุ่งหมายเอาทุกบอกกรอกเข้ามา
พวกทหารกลัวราบกราบพลายแก้ว ลูกดินสิ้นแล้วคุณพ่อขา
ที่ตั้งใจยิงพ่อขอษมา ได้เมตตาอย่าโกรธเอาโทษทัณฑ์
พลายแก้วตอบว่าพ่อตาใช้ มิใช่เจ้าเหล่านั้นจะเสกสรร
ขัดไม่ได้จริงจริงต้องยิงกัน จะโกรธเจ้าเหล่านั้นด้วยอันใด
ว่าพลางทางลุกมาผลัดผ้า หน้าตาดำดังเขม่าไต้
ด้วยดินปืนเปื้อนตัวออกทั่วไป เพื่อนมิให้อนาทรร้อนรน
พวกทหารยิงกว่าห้าร้อยนัด มิได้พลัดเข้าไปข้องต้องปลายขน
พวกทหารสั่นหัวกลัวทุกคน ว่าเลิศล้นล้ำมนุษย์เห็นสุดดี
เจ้าพลายกรายเข้าในเคหา หยิบผ้ามาผลัดแล้วขัดสี
เอานํ้ารดล้างดินสิ้นราคี เจ้าบัวคลี่คลอเคล้ามาเอาใจ
บิดผ้าแล้วพาผัวเข้าห้อง นั่งประคองเคียงข้างหาห่างไม่
ฝ่ายตาหมื่นหาญรำคาญใจ มิได้กินข้าวแลเหล้ายา
จะนั่งนอนรอนร่ำระสํ่าระสาย เรียกท่านยายสีจันทน์มาปรึกษา
อ้ายแก้วเจนจัดชะงัดวิชา มันเก่งกาจเกินหน้าเราขึ้นไป
มันก็เป็นช้างงาอันกล้าหาญ เราก็เป็นคชสารอันสูงใหญ่
จะอยู่ป่าเดียวกันนั้นฉันใด นานไปก็จะยับอัประมาณ
ช้างม้าผู้คนแลลูกเมีย จะเป็นของมันเสียสิ้นทั้งบ้าน
แต่เพียงนี้สิยังทำอหังการ จะคิดผลาญชีวันมันให้ตาย ฯ
๏ ครานั้นสีจันทน์ภรรยา ได้ฟังว่าอกสั่นขวัญหาย
มันก็ชาติอสรพิษฤทธิแรงร้าย ไม่เหมือนหมายมันจะทำเรารำคาญ
ถ้าเสียทีเหมือนตีงูให้หลังหัก มันคงจักพยาบาทชาติทหาร
ได้ทำแล้วให้มันตายวายปราณ จงตรองจิตรคิดอ่านให้จงดี
หมื่นหาญว่าเราไม่ฆ่าด้วยอาวุธ จะอุตลุดแทงฟันกันอึงมี่
มันก็คนมนตร์เวทวิเศษดี เราทำทีให้สนิทคิดวางยา
ว่าพลางทางใช้ให้ทาสี ไปเรียกตัวบัวคลี่เข้ามาหา
ค่อยโลมเล้าเอาใจลูกยา พ่อจะถามแก้วตาแต่จริงใจ
ด้วยพ่อแม่เลี้ยงเข็นมาเป็นตัว ส่วนผัวพึ่งมาพบเมื่อเติบใหญ่
พ่อจะขอถามเนื้อความใน จะรักใครมากกว่าว่าให้จริง ฯ
๏ ครานั้นบัวคลี่ศรีโสภา ตอบว่าตามจิตรไม่คิดกริ่ง
ฉันไม่แกล้งเจรจาว่าจริงจริง ถึงรักผัวก็ไม่ยิ่งเท่าพ่อตัว
อันสามีเขาจะรักสักเพียงไหน ลงบันไดสามขั้นก็ขาดผัว
ที่ตรงท่านพ่อแม่จนแก่ตัว ถึงลูกชั่วฉันใดไม่ขาดกัน
หมื่นหาญสีจันทน์ภรรยา ได้ฟังว่าลูบต้องประคองขวัญ
เสียแรงพ่อรักเจ้าเท่าชีวัน ถ้าจริงจังอย่างนั้นพ่อขอบใจ
เดี๋ยวนี้พ่อแต่งลูกปลูกเรือนผิด จำจะคิดฝังปลูกลูกเสียใหม่
อ้ายแก้วมันยากจนคนเข็ญใจ จะมิให้เลี้ยงดูอยู่ด้วยกัน
จะให้เจ้าตั้งตัวมีผัวใหม่ จะมอบทรัพย์นับให้ทุกสิ่งสรรพ์
เอาที่เขาเป็นผู้ดีมีเผ่าพันธุ์ เงินทองกองกันให้ถึงใจ
เจ้าก็ยังงามปลั่งอยู่ทั้งตัว ทำไมกับลูกผัวมีเอาใหม่
เราวางยาฆ่ามันให้บรรลัย เจ้าจะเห็นเป็นอย่างไรให้ว่ามา ฯ
๏ ครานั้นบัวคลี่ศรีสมร ได้ฟังคำบิดรอ้อนวอนว่า
กำลังรักพลายแก้วดังแววตา แต่อยู่มาไม่กระเดื่องเคืองอารมณ์
แต่ใจนึกมักมากอยากได้ของ ด้วยพ่อเอาเงินทองเข้าทับถม
เป็นอกุศลดลจิตรคิดนิยม จะต้องตายทั้งกลมจึงกลับใจ
ด้วยพ่อแม่มีทรัพย์นั้นนับถัง ตัวก็ยังสาวอยู่ดูสดใส
ถ้าคลอดลูกจากตัวกลัวอะไร คนจะไขว่กันมาขอกรอทุกวัน
เป็นเวรตนคนจะตายให้หน่ายผัว เชื่อคำพ่อตัวทุกสิ่งสรรพ์
คิดแล้วตอบวาจาบิดาพลัน สุดแต่พ่อเถิดฉันไม่ขัดใจ
หมื่นหาญเห็นลูกพร้อมลงยอมจิตร จึงประกอบยาพิษหาช้าไม่
เป็นหลายสิ่งประสมกันเข้าทันใด ตำรับใหญ่ได้มาจากตาครู
ดีนกยูงดีหนูดีงูเห่า บดเข้าคุลีการกับสารหนู
น้ำมะนาวบีบระคนปนดีงู ห่อใบพลูส่งให้ลูกสาวพลัน
ทำสำรับข้าวแกงแต่งขึ้นไว้ เอายานี้แทรกใส่ทุกสิ่งสรรพ์
จงระวังปกปิดให้มิดควัน วางเสียวันนี้แหละอย่านอนใจ
บัวคลี่รับห่อยาแล้วลาพ่อ เอาผ้าห่อปิดมาหาช้าไม่
ค่อยย่างเกรียบเหยียบย่องเข้าห้องใน ซุกเข้าไว้ที่ลับกลับมาครัว
มาจัดแจงแกงเนื้อตะพาบนํ้า แย้ยำห่อหมกทั้งนกคั่ว
ข้าวใหม่ใส่ในชามกลีบบัว เอายานั้นโรยทั่วทุกสิ่งอัน
ผู้คนหญิงชายไม่พรายแพร่ง จัดแจงสำรับไว้สรรพสรรพ์
ครั้นสำเร็จยกสำรับออกมาพลัน กระโถนขันน้ำตั้งสะพรั่งไป ฯ
๏ ครานั้นโหงพรายเจ้าพลายแก้ว เห็นแล้วว่าเขาเอายาใส่
กระซิบบอกนายพลันด้วยทันใด เดี๋ยวนี้เมียเสียไปใจไม่ตรง
ข้าวแกงที่แต่งใส่ในสำรับ มันประกับโรยมาด้วยยาผง
ล้วนยาพิษทั้งนั้นเป็นมั่นคง พ่อจงระวังระไวอย่าได้กิน ฯ
๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าพลายแก้ว ได้ฟังแล้วหวาดจิตรคิดถวิล
แต่อยู่ด้วยกันมาไม่ราคิน ใจทมิฬหมายจะล้างชีวากัน
อยากจะใคร่เห็นตระหนักประจ้กษ์แจ้ง จึงหยิบเอาข้าวแกงทุกสิ่งสรรพ์
แกงหมูฉู่ฉี่หมี่ทอดมัน เอาระคนปนปั้นเป็นก้อนเดียว
โยนขึ้นบนหลังคากาโฉบรับ พอกลืนปับดิ้นปัดในบัดเดี๋ยว
เชื่อพรายหายกริ่งจริงจริงเจียว จะแกล้งเคี่ยวฆ่าผัวอีตัวพาล
อยู่ด้วยกันเกือบปีไม่มีผิด เห็นจะเป็นความคิดอ้ายหมื่นหาญ
หากรู้เพราะโหงพรายไม่วายปราณ จะตรองการแทนทำให้หนำใจ
จำจะล้างชีวาฆ่ามันเสีย จะเลี้ยงมันเป็นเมียที่ไหนได้
แล้วจึงกลับเกลื่อนกลบสงบใจ แกล้งเกลี่ยไกล่ให้สนิทปิดเงื่อนงำ
อุบายบอกบัวคลี่ว่าพี่เจ็บ ให้เมื่อยเหน็บไปทั้งตัวริกรัวรํ่า
พอข้าวตกถึงท้องสองสามคำ จะกินซ้ำอิกไม่ได้ให้อาเจียน
ยกสำรับไปวางข้างโน้นก่อน พี่จะนอนให้สบายพอหายเหียน
จะนั่งอยู่ไม่ได้ให้วิงเวียน เจ้าบัวคลี่มิได้เปลี่ยนแปลกน้ำใจ
เอาฝาชีปิดปกยกสำรับ แล้วลุกกลับมานั่งนวดหลังให้
เจ้าพลายแก้วมิให้แคลงระแวงใจ พอสิ้นแสงอโณทัยลงทันที
เจ้าพลายแก้วทอดสนิทปิดเงื่อนงำ เฝ้าเคล้นคลำคลึงเคล้าเจ้าบัวคลี่
ลูกน้อยที่ในท้องของน้องนี้ ขอให้พี่เถิดเป็นไรจงให้ปัน
บัวคลี่พาซื่อไม่ถือสา จึงตอบว่าไยพ่อมาขอฉัน
ลูกรักกำเนิดเกิดในครรภ์ มิใช่ลูกพ่อนั้นฤๅฉันใด
พลายแก้วเห็นบัวคลี่มิรู้เท่า ค่อยโลมเล้าลวงเมียแกล้งเกลี่ยไกล่
ลูกรักเกิดด้วยกันก็จริงใจ พี่อยากได้เป็นสิทธิ์คิดขอนาง
ลูกหัวปีมีใหม่ได้กับพ่อ พี่จึงขอแก้วตาอย่าขัดขวาง
ถ้าสมัครรักใคร่ไม่จืดจาง ขอเชิญนางอนุญาตอย่าขัดกัน
บัวคลี่ฟังผัวแล้วหัวร่อ ช่างวอนขอฉันไปได้อย่างไรนั่น
ลูกรักกำเนิดเกิดด้วยกัน ก็คงเป็นลูกของทั่นฉันว่าไร
เจ้าพลายแก้วฟังนางทางตอบว่า นิจจาเจ้าเฝ้าขัดอัชฌาสัย
พี่ขอเจ้าเท่านี้มิยอมใจ เสียแรงพี่รักใคร่เจ้าไม่คิด
ให้น้องออกวาจาว่ายอมให้ พี่จะได้เอาไว้เป็นกรรมสิทธิ์
จะกล่อมเกลี้ยงดูเป็นคู่ชีวิต เจ้าไม่คิดถึงแล้วก็แล้วไป ฯ
๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าบัวคลี่ จะถึงสิ้นชีวีประสิทธิ์ให้
พลั้งปากหากแกล้งประชดไป ฉันยอมให้ละตามแต่ความคิด
มาค่อนขอไค้แคะแหวะเอาสิเธอ ขุนแผนรับว่าเออให้เป็นสิทธิ์
เพราะมารดาอนุญาตประสาทฤทธิ์ ก็สมจิตรที่ประสงค์จำนงปอง
เข้าอิงแอบแนบนวลทำยวนยี เจ้าบัวคลี่มิได้หมางระคางหมอง
เจ้าพลายแก้วอิงแอบเข้าแนบน้อง กอดจูบลูบต้องให้ตายใจ ฯ
๏ ครั้นเวลาดึกสงัดกำดัดหลับ คนระงับนอนเงียบไม่เกรียบไหว
ก็เป่าคาถาสะกดประกับใจ แล้วลุกไปลนลานเตรียมการพลัน
เอาเครื่องอานสารพัดยัดลงย่าม กับเทียนสามเล่มใส่ขมีขมัน
กลักเหล็กไฟสายสิญจน์ทั้งเลขยันต์ ก็พร้อมสรรพฉับพลันด้วยทันที
หยิบเอามีดครํ่าด้ามกัลปังหา ตรงมาถึงตัวเจ้าบัวคลี่
แหวกม่านตลบมุ้งขึ้นทันที อัจกลับริบหรี่เห็นรำไร
ยืนขึ้นบนเตียงเข้าเคียงข้าง พินิจนางนิ่งนอนถอนใจใหญ่
ไม่รู้เลยว่าร่างมันร้างใจ จะฆ่าผัวเสียได้ช่างไม่คิด
แล้วชักมีดตั้งท่าง่าขยับ ใจกลับมืออ่อนสะท้อนจิตร
แล้วกลับนึกขึ้นถึงนางวางยาพิษ เอาชีวิตเสียเถิดอย่าไว้มัน
เอามีดคร่ำตำอกเข้าต้ำอัก เลือดทะลักหลวมทะลุตลอดสัน
นางกระเดือกเสือกดิ้นสิ้นชีวัน เลือดก็ดั้นดาดแดงดังแทงควาย
แล้วผ่าแผ่แล่แล่งตลอดอก แหวะหวะฉะรกให้ขาดสาย
พินิจแน่แลเห็นว่าเป็นชาย ก็สมหมายดีใจไม่รั้งรอ
อุ้มเอาทารกยกจากท้อง กุมารทองมาเถิดไปกับพ่อ
หยิบเอาย่ามใหญ่ใส่สวมคอ เอาผ้าห่อลูกชายสะพายไป
เปิดประตูจู่ออกมานอกบ้าน รีบเดินผ่านป่าตัดเข้าวัดใต้
ปิดประตูวิหารลั่นดาลใน ลิ่มกลอนซ้อนใส่ไว้ตรึงตรา
วางย่ามเปิดกลักแล้วชักชุด ตีเหล็กไฟจุดเทียนขึ้นแดงร่า
เอาไม้ชัยพฤกษ์พระยายา ปักเป็นขาพาดกันกุมารวาง
ยันต์นารายณ์แผลงฤทธิ์ปิดศีรษะ เอายันต์ราชะปะพื้นล่าง
ยันต์นารายณ์ฉีกอกปกปิดกลาง ลงยันต์นางพระธรณีที่พื้นดิน
เอาไม้รักปักเสาขึ้นสี่ทิศ ยันต์ปิดปักธงวงสายสิญจน์
ลงเพดานยันต์สังวาลอมรินทร์ ก็พร้อมสิ้นในตำราถูกท่าทาง
เอาไม้มะริดกันเกราเถากันภัย ก่อชุดจุดไฟใส่พื้นล่าง
ตั้งจิตรสนิทดีไว้ที่ทาง ภาวนานั่งย่างกุมารทอง
ร้อนทั้งตัวทั่วกันนํ้ามันฉ่า กลับหน้ากลับหลังไปทั้งสอง
เกราะแกร่งแห้งได้ดังใจปอง พอรุ่งแจ้งแสงทองขึ้นทันใด ฯ
๏ จะกล่าวถึงยายลาวบ่าวบัวคลี่ อยู่ในที่ทับดินใต้ถุนใหญ่
เห็นโลหิตโซมสาดออกดาษไป ก็ตกใจวิ่งร่าขึ้นมามอง
เห็นมุ้งม่านแหวกเวิกเลิกมู่ลี่ เจ้าบัวคลี่นอนตายอยู่ในห้อง
ดูหน้าเผือดเลือดฝาดออกดาษนอง ตกใจวิ่งร้องกรีดกรีดมา
ตีประตูตึงตึงเรียกอึงมี่ แม่บัวคลี่ตายแล้วคุณพ่อขา
เขาฟันสับยับทั่วทั้งกายา ทั้งหม่อมพลายหายหน้าไม่เห็นตัว ฯ
๏ หมื่นหาญสีจันทน์ครั้นได้ฟัง ลุกทะลึ่งตึงตังทั้งเมียผัว
วิ่งมางกงกตกใจกลัว มาเห็นลูกตัวนั้นสิบรรลัย
เขาผ่าเชือดเลือดนองเป็นถ่องแถว ชะอ้ายแก้วชิงคมเอากูได้
ออกจากเคหาเรียกข้าไท บ่าวไพร่ทุกคนวิ่งลนลาน
อ้ายแก้วฆ่าบัวคลี่แล้วหนีหน้า มึงตามกูมาให้ทั้งบ้าน
พวกบ่าวไพร่ทุกคนวิ่งลนลาน ทั้งในบ้านนอกบ้านพล่านทุกทิศ
ถือหอกดาบง้าวทวนล้วนสาตรา ทั้งปืนยามีดตรีกระบี่กฤช
ธนูหน้าไม้ใส่ยาพิษ จำเริญรอยโลหิตติดตามไป
เห็นโลหิตติดหญ้ามาห่างห่าง ตรงทางป่าตัดเข้าวัดใต้
เห็นประตูวิหารลั่นดาลใน ย่องเข้าไปมองดูตามรูดาล
แลเห็นแสงไฟไวแววแวว เจ้าพลายแก้วนั่งอยู่ในวิหาร
จึงเรียกกันมาพร้อมล้อมอุปจาร กระทุ้งบานกังกังไม่รั้งรอ ฯ
๏ ขุนแผนไม่สะทกสะท้านอ่านมนตร์ปลุก ผีลูกผุดลุกขึ้นพูดจ้อ
ขุนแผนเต้นเผ่นโผนโจนขี่คอ กุมารทองช่วยพ่อให้พ้นภัย
กุมารทองโลดปึงทะลึ่งปร๋อ พาพ่อออกตามรูดาลได้
พวกหมื่นหาญไม่เห็นตัวข้ามหัวไป ด้วยฤทธิไกรไสยเวทวิชาการ
ครั้นมาถึงข้างนอกอุโบสถ จะทำให้ปรากฏกับหมื่นหาญ
ให้มันรู้ฤทธิไกรว่าชัยชาญ แล้วจึงจะไปบ้านกาญจน์บุรี
คิดแล้วคลายมนตร์ให้คนเห็น ขึ้นยืนเด่นเผ่นผงาดดังราชสีห์
มือขวาถือกฤชเรืองฤทธี มือซ้ายจูงผีกุมารทอง
ผู้คนเซ็งแซ่แลเห็นกาย ก็เวยวายบอกกันสนั่นก้อง
ถือธนูกำซาบดาบไม้พลอง วิ่งทะลวงควงตะบองตรงเข้าไป
ขุนแผนตวาดอำนาจครุฑ ดาบหลุดหกล้มไม่ลุกได้
หมื่นหาญถือง้าวก้าวเข้าไป ขับพวกไพร่ไล่บุกเข้ารุกราน
ขุนแผนร้องว่าอ้ายไพร่ไม่มีผิด กูจะล้างชีวิตแต่หมื่นหาญ
อย่าดึงดื้อถือนายจะวายปราณ หัวจะขาดพาดพ่านพสุธา
ทหารเคยเห็นแล้วว่าแคล้วคลาศ จึงมิอาจจะสู้ได้ซึ่งหน้า
แต่กลัวนายซังตายทำโกรธา ต่างเต้นแร้งเต้นกาชุลมุน ฯ
๏ หมื่นหาญโมโหโกรธา ชี้หน้าว่าเหวยเฮ้ยอ้ายสถุล
มึงอกตัญญูไม่รู้คุณ เสียแรงพ่อขนขุนมาเท่าไร
กูให้กินข้าวนํ้าทุกคํ่าเช้า แต่ลูกสาวในอกยังยกให้
มึงยังทรยศขบถใจ ครั้งนี้กูไม่ไว้ชีวิตมึง ฯ
๏ ขุนแผนเดือดดาลทะยานจิตร ถอดกฤชรำคว้างย่างเข้าถึง
มาตะโกนโพนทะนาว่าออกอึง โทษของมึงนั้นไม่เห็นกลับเจรจา
มึงทรยศทุกอย่างวางยาพิษ พ่อลูกคบคิดริษยา
มึงซื่อกูซื่อต่อเป็นพ่อตา มึงคิดคดกูจึงฆ่าลูกมึงตาย
อย่าดึงดื้อถือดีว่ามีฤทธิ์ ที่จะรอดชีวิตอย่าคิดหมาย
หัวจะขาดหน้าขาวทั้งบ่าวนาย พลางก็ร่ายรำกฤชเข้าชิดตน ฯ
๏ หมื่นหาญย่างเท้าเงื้อง้าวฟาด แคล้วคลาศมิได้ข้องต้องปลายขน
เจ้าพลายฉวยชักมีดหมอมนตร์ แทงปั๋งหนังย่นไม่เข้ามัน
หมื่นหาญฟันผับแผนรับผัวะ เอากฤชแยงแทงฉัวะแล้วไพล่หัน
ปิดป้องคล่องแคล่วพัลวัน สู้กันพักใหญ่ไม่เสียที
หมื่นหาญถือง้าวยาวกว่ากฤช ขุนแผนชิดเข้าขยับโขยกหนี
กฤชแทงง้าวฟาดพลาดทุกที หมื่นหาญตีแผนตำด้วยกฤชตึง
หมื่นหาญฟันผับแผนรับผัวะ เอากฤชแยงแทงฉัวะเข้าตํ้าผึง
หมื่นหาญเซแผนซ้ำล้มควํ่าตึง แผนทะลึ่งเหยียบคออ้ายพ่อตา
พวกทหารโหมแห่เข้าแก้นาย บางกลัวตายซอกซนเข้าด้นป่า
ที่ขี้ขลาดวุ่นวิ่งทิ้งสาตรา อ้ายคนกล้าตรงเข้ารับยับย่อยไป
หมื่นหาญดิ้นกระเดือกเสือกยันยัน อ้ายคนเหล่านั้นไม่อาจใกล้
ขุนแผนเงื้อกฤชง่าแล้วว่าไป มึงเห็นฤทธิ์กูฤๅไม่ไอ้ทมิฬ
อย่าถือว่าอยู่ยงคงกระพัน หอกแทงดาบฟันไม่เข้าสิ้น
จะเอากฤชกรอกปากลากลิ้น เฮ้ยมึงดีก็ดิ้นให้รอดตัว
หมื่นหาญเสือกดิ้นสิ้นกำลัง เอาจนหลังไหล่ถลอกลงกลอกหัว
ให้ครั่นคร้ามความตายเสียดายตัว ร้องว่ากลัวแล้วพ่อขอชีวิต
เป็นความจริงเพราะยิงพ่อไม่ถูก จึงได้ผูกใจโกรธเป็นโทษผิด
จึงตรองการผลาญล้างวางยาพิษ ข้อนี้ผิดแล้วพ่อขอโทษที ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสนิท เห็นหมื่นหาญกลัวชีวิตจะเป็นผี
จึงกล่าวคำสำทับไปทันที โทษของมึงถึงที่จะวายปราณ
หากกูคิดนิดหนึ่งมึงมีคุณ ได้เกื้อหนุนเลี้ยงดูอยู่ในบ้าน
ให้ข้าวแกงพริกเกลือได้เจือจาน ไม่ประหารชีวิตเพราะคิดคุณ
ทั้งท่านผู้หญิงสีจันทน์ภรรยา ให้เงินตราผ้าเสื้อได้เกื้อหนุน
ถ้าไม่คิดแล้วชีวิตมึงเป็นจุณ ครั้งนี้บุญของมึงไม่ถึงตาย
มึงอยู่เถิดกูจะไปบ้าน เรียกกุมารผีโขมดสิ้นทั้งหลาย
โหงพรายพรั่งพร้อมล้อมรอบกาย เผ่นขึ้นคอปร๋อหายไปบัดดล
ข้ามคลองหนองนํ้าแลลำธาร แบกบิดาพาผ่านเข้าไพรสณฑ์
เหมือนควันฉิวปลิวไปไม่เห็นคน ประจวบจนเข้าบ้านกาญจน์บุรี
หนทางพันกว่ามาครู่เดียว ประเปรียวเรี่ยวแรงด้วยฤทธิ์ผี
ขึ้นบนเรือนพลันด้วยทันที ยินดีดังได้ดวงจินดา ฯ
๏ ฝ่ายตาหมื่นหาญสะท้านจิตร ได้เห็นฤทธิ์พลายแก้วแกล้วกล้า
แสนประเสริฐเลิศดีมีศักดา ทั้งกำลังวังชาก็ชาญชัย
กูก็คนเรืองฤทธิ์ประสิทธิ์เจียว จะเปรียบเสี้ยวซีกมันหาถึงไม่
จะขืนอยู่ดูหน้ามันท่าไร อ้ายบ่าวไพร่ที่ยังมีจะตรีชา
ถึงชีวิตไม่ตายอายสุดใจ ถ้ารู้ข่าวถึงไหนก็ขายหน้า
เสียแรงคนเลื่องชื่อเขาฦๅชา จะเสียสง่าเสียชื่อฦๅไปนาน
ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้นให้แน่นใจ แล้วร้องเรียกบ่าวไพร่ให้ไปบ้าน
ต่อโลงใส่บัวคลี่ตะลีตะลาน ให้ทหารเอาไปฝังเสียหลังวัด
ฝ่ายตาหมื่นหาญให้ดาลเดือด ไม่หายเหือดวิตกแน่นอกอัด
มันประเสริฐเลิศวิชาสารพัด ให้กลุ้มกลัดอารมณ์เฝ้าตรมตรอง ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสนิท เรืองฤทธิ์รังสีไม่มีสอง
ได้ลูกชายเชี่ยวชาญกุมารทอง ก็สมปองคิดไว้แต่ไรมา
จะจัดแจงตีดาบไว้ปราบศึก ตรองตรึกหาเหล็กไว้หนักหนา
ได้เสร็จสมอารมณ์ตามตำรา ท่านวางไว้ในมหาสาตราคม
เอาเหล็กยอดพระเจดีย์มหาธาตุ ยอดปราสาททวารามาประสม
เหล็กขนันผีพรายตายทั้งกลม เหล็กตรึงโลงตรึงปั้นลมสลักเพชร
หอกสำริดกฤชทองแดงพระแสงหัก เหล็กปฏักสลักประตูตะปูเห็ด
พร้อมเหล็กเบญจพรรณกัลเม็ด เหล็กบ้านพร้อมเสร็จทุกสิ่งแท้
เอาเหล็กไหลเหล็กหล่อบ่อพระแสง เหล็กกำแพงน้ำพี้ทั้งเหล็กแร่
ทองคำสำริดนากอแจ เงินที่แท้ชาติเหล็กทองแดงดง
เอามาสุมคุมควบเข้าเป็นแท่ง เผาให้แดงตีแผ่แช่ยาผง
ไว้สามวันซัดเหล็กนั้นเล็กลง ยังคงแต่พองามตามตำรา
ซัดเหล็กครบเสร็จถึงเจ็ดครั้ง พอกระทั่งฤกษ์เข้าเสาร์สิบห้า
ก็ตัดไม้ปลูกศาลขึ้นเพียงตา แล้วจัดหาสารพัดเครื่องบัตรพลี
เทียนทองติดตั้งเข้าทั้งคู่ ศีรษะหมูเป็ดไก่ทั้งบายศรี
เอาสูบทั่งตั้งไว้ในพีธี เอาถ่านที่ต้องอย่างวางในนั้น
ช่างเหล็กดีฝีมือฦๅทั้งกรุง ผ้าขาวนุ่งผ้าขาวห่มดูคมสัน
วางสายสิญจน์เสกลงเลขยันต์ คนสำคัญคอยดูซึ่งฤกษ์ดี
ครั้นได้พิชัยฤกษ์ราชฤทธิ์ พระอาทิตย์เที่ยงฤกษ์ราชสีห์
ขุนแผนสูบเหล็กให้แดงดี นายช่างตีรีดรูปให้เรียวปลาย
ที่ตรงกลางกว้างงามสามนิ้วกึ่ง ยาวถึงศอกกำมาหน้าลูกไก่
เผาชุบสามแดงแทงตะไบ บัดเดี๋ยวใจเกลี้ยงพลันเป็นมันยับ
อานดีมิได้มีขนแมวพาด เลื่อมปราดเนื้อเขียวดูคมหนับ
เลื่อมพรายคล้ายแสงแมลงทับ ปลั่งปลาบวาบวับจับแสงตะวัน
ด้ามนั้นทำด้วยไม้ชัยพฤกษ์ จารึกยันต์พุทธจักรที่เหล็กกั่น
เอาผมพรายร้ายดุประจุพลัน แล้วเอาชันกรอกด้ามเสียบัดดล
ครั้นเสร็จสรรพจับแกว่งแสงวะวับ เกิดโกลาฟ้าพยับโพยมหน
เสียงอื้ออึงเอิกเกริกได้ฤกษ์บน ฟ้าคำรนฝนพยับอยู่ครั่นครื้น
ฟ้าผ่าเปรี้ยงเปรี้ยงเสียงโด่งดัง ขุนแผนฟังจิตรฟูให้ชูชื่น
ได้นิมิตฟ้าเปรี้ยงดังเสียงปืน ให้ชื่อว่าฟ้าฟื้นอันเกรียงไกร
ยกขึ้นวางกลางศาลอ่านพระเวท โดยเดชดาบดิ้นกระเดื่องไหว
เห็นประจักษ์ศักดิ์สิทธิ์ฤทธิไกร ดีใจได้สมอารมณ์ปอง
เอาไม้ระงับสรรพยามาทำฝัก ประสมผงลงรักให้ผิวผ่อง
กาบหุ้มต้นปลายลายจำลอง ทำด้วยทองล้วนบาทชาติบางตะพาน
เทเอาเงินสิบห้าออกทันใด ส่งให้นายช่างแล้วว่าขาน
ฝีมือนี้ดีล้นพ้นประมาณ ปูนบำเหน็จให้ท่านในทันที
เห็นต้นรังงามงามสามกำกึ่ง หวดผึงขาดพับลงกับที่
เบาไหล่ไม่ระคายคล้ายหยวกปลี ก็จรลีกลับมาไม่ช้านาน
ได้ดาบดังเทพสาตรา ต้องตำราฤทธิแรงกำแหงหาญ
มาถึงเรือนไว้ที่นมัสการ แล้วคิดอ่านจะไปหาม้าสำคัญ
เอาเงินชั่งห้ามาใส่ไถ้ เที่ยวไปทั่วประเทศเขตขัณฑ์
ไม่ชอบตาหาต่อไปทุกวัน ทั้งราชบุรีสุพรรณเพชรบุรี ฯ
๏ จะกล่าวถึงหลวงทรงพลกับพันภาณ พระโองการตรัสใช้ไปตะนาวศรี
ไปตั้งอยู่มะริดเป็นครึ่งปี กับไพร่สามสิบสี่ที่ตามไป
ด้วยหลวงศรีวรข่านไปซื้อม้า ถึงเมืองเทศยังช้าหามาไม่
ต้องรออยู่จนฤดูลมแล่นใบ เรือที่ไปเมืองเทศจึงกลับมา
หลวงศรีได้ม้ามามอบให้ ทั้งม้าเทศม้าไทยหกสิบห้า
อีเหลืองเมืองมะริดพลอยติดมา ผัวมันท่านว่าเป็นม้านํ้า
มีลูกตัวหนึ่งชื่อสีหมอก มันออกวันเสาร์ขึ้นเก้าคํ่า
ร้ายกาจหนักหนานัยน์ตาดำ เห็นม้าหลวงข้ามน้ำก็ตามมา
มาถึงสิงขรผ่อนพักหยุด ปล่อยม้าอุตลุดให้กินหญ้า
กรมการกุยปราณส่งเนื่องมา ผ่านชะอำถึงท่าเพชรบุรี
เลี้ยงม้าอยู่ศาลาบ้านแตงแง บันไดอิฐติดแค่คิรีศรี
สีหมอกลองเชิงเริงฤทธี เข้ากัดฟัดขยี้เอาม้าเทศ
ฝ่ายหลวงทรงพลแกขัดใจ ให้ไพร่ไล่ตีม้าผีเปรต
มันดุร้ายซุกซนเป็นพ้นเพศ เข้าที่ไหนไล่เฉดมันออกไป
สีหมอกจะเข้าไปหาแม่ ถูกเขาทิ้งวิ่งแร่ออกมาใหม่
พอคนนิ่งวิ่งเข้าไปทันใด ต้องเวียนไล่เขาชังกันทั้งกอง ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสนิท ทุกทิศฦๅทั่วกลัวสยอง
เห็นม้าสีหมอกออกลำพอง สมปองปรารถนาที่นึกไว้
ลักษณะถูกต้องตำราสิ้น ดังองค์อินทร์เทวราชประสาทให้
ท่วงทีแคล่วคล่องว่องไว ก็เข้าไปหาหลวงทรงพลพลัน
อาชาตัวน้อยของท่านฤๅ จะขายซื้อฤๅเอาไว้อย่างไรนั่น
ถ้ากะไรจงได้เมตตากัน จะขอปันซื้อม้าสีหมอกไป ฯ
๏ ครานั้นจึงท่านหลวงทรงพล อนุสนธิ์เล่าแจ้งแถลงไข
อันม้าสีหมอกตัวนั้นไซร้ มิใช่ม้าหลวงที่หวงกัน
มันเป็นลูกม้าเมืองมะริด ติดแม่มาแต่มะริดนั่น
รูปร่างท่วงทีก็ดีครัน แต่ว่ามันซุกซนจนระอา
เผลอไม่ได้ไล่กัดเอาม้าหลวง ต้องเป็นห่วงบ่วงใยอยู่หนักหนา
ท่านซื้อเราจะหย่อนผ่อนราคา เอาเถิดสิบห้าตำลึงนาย ฯ
๏ ขุนแผนได้ฟังเจ้าของว่า สมมาดปรารถนาที่มุ่งหมาย
แก้เงินนับให้ไม่กลับกลาย แล้วเยื้องกรายมาที่สีหมอกม้า
เสกหญ้าด้วยมหาละลวยใหญ่ เขาใกล้สีหมอกแล้วบอกว่า
จะไปกับเราก็เข้ามา ยื่นหญ้าให้พลันในทันที
สีหมอกรับหญ้ามาเคี้ยวกลืน ชมชื่นปรีดิ์เปรมเกษมศรี
ให้มีใจจงรักด้วยภักดี ติดขุนแผนเดินรี่ตามหลังไป
ขุนแผนลูบหลังสีหมอกม้า ผูกอานผ่านหน้าบังเหียนใส่
ซองหางเชิดชูดูละไม ล้วนขลิบทองของใหม่วิไลตา
ขุนแผนเหยียบโกลนโผนขึ้นขี่ พาชีโผนผกยกหน้า
ควบใหญ่ใส่น้อยรอยเรียบมา บ่าวข้าตามหลังสะพรั่งไป
เดินทางกลางป่ามาสามวัน สุริยันเย็นลับเหลี่ยมไศล
ถึงสถานบ้านเก่าเขาชนไก่ สั่งบ่าวไพร่ทำโรงให้พาชี
ขุนแผนเข้าไปในเคหา บอกเล่ามารดาเป็นถ้วนถี่
ได้กุมารได้ม้าสาตราดี ทองประศรีเห็นลูกชายสบายครัน
ชวนลูกกินข้าวจนอิ่มแล้ว พลายแก้วปรีดิ์เปรมเกษมสันต์
ลุกไปหอนั่งสั่งอ้ายจัน ผลัดกันกับอ้ายเกลี้ยงเลี้ยงม้ากู
อ้ายเกลี้ยงอ้ายจันได้ฟังนาย วุ่นวายจัดแจงแต่งที่อยู่
ทอดหญ้ากองไฟในประตู เลี้ยงดูม้าไว้ดังใจปอง ฯ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ