ตอนที่ ๒๐ ขุนช้างฟ้องว่าขุนแผนเป็นขบถ

๏ จะกล่าวถึงพระองค์ผู้ทรงภพ เลิศลบธรณีไม่มีสอง
เนาในปรางค์มาศปราสาททอง ทรงตรองตริราชการเมือง
ตะวันบ่ายชายแสงพระสุริยา ผ่านฟ้าสระสรงทรงเครื่อง
พรายแพรวแก้วทองรองเรือง นางในแน่นเนื่องประนมกร
เสด็จออกพระที่นั่งบัลลังก์อาสน์ หมู่อำมาตย์หมอบเฝ้าแลสลอน
ดำรัสถามเนื้อความราษฎร เป็นตายตัดรอนตามอาญา
ผันพระพักตร์เหลือบแลแปรไป นั่นใครหมอบอยู่ข้างท้ายหวา
อ้ายขุนช้างฤๅใครไปไหนมา อกใจไหล่บ่าเป็นรอยตี
หน้าผากถลอกเป็นริ้วรอย ผมผ้อยย่อยยับดังสับสี
โล้นเกลี้ยงเพียงหูดูอัปรีย์ ใครตีมึงมาฤๅว่าไร ฯ
๏ ขุนช้างประหม่าอยู่เป็นครู่ รับสั่งค้างอยู่ไม่ทูลได้
พระจึงมีสีหนาทประภาษไป ใครทำไมมึงอ้ายขุนช้าง
ขุนช้างตัวสั่นอยู่งันงก พระหมื่นศรีตีอกเข้าต้ำผาง
รับสั่งไยมึงจึงนิ่งพราง ขุนช้างตัวสั่นพลันทูลไป
ขอเดชะตัวเกล้ากระหม่อมฉาน ชื่อว่าขุนช้างล้านบ้านรั้วใหญ่
บิดาชื่อว่าขุนศรีวิชัย เทพทองนั้นไซร้เป็นมารดา
พี่ชายคนหนึ่งชื่อพันศร เขาเกิดมาก่อนเป็นลูกป้า
ถัดนั้นศรพระยาราทยา แล้วจึงถึงข้าพระบาทไซ้
กระหม่อมฉันมีเมียชื่อแก่นแก้ว ลูกท่านตาหมื่นแผ้วบ้านรั้วใหญ่
ป่วยเป็นริดสีดวงตากลวงไป แต่ตายนั้นก็ได้หลายปีมา ฯ
๏ พระองค์ทรงขัดพระทัยนัก ใครซักสำมะโนครัวมึงเล่าหวา
ขุนช้างตกใจได้สติมา กราบทูลยังประหม่าอยู่วุ่นวาย
เอาหน้าเป็นหลังหลังเป็นหน้า เจ้าวันทองขี่ม้าเข้าป่าหาย
โจรไพรใหญ่น้อยก็มากมาย อาวุธตกกระจายออกเกลื่อนไป
ขุนแผนลูกยายทองประศรี เงินทองของดีเป็นไหนไหน
กับวันทองสองคนที่ต้นไทร ช้างม้าตกใจไล่เข้ามา
เฆี่ยนด้วยหนามหวายทั้งนายไพร่ สายสิญจน์วงไว้รอบเคหา
จะผูกคอให้ตายวายชีวา ศรพระยาโดดช้างวางเข้ารก
ผู้คนตายยับนับร้อย ข้าวของเล็กน้อยก็พลัดตก
มันขี่ม้าหมอกออกไล่ชก ยกศาลขึ้นไว้ใกล้ประตู ฯ
๏ รับสั่งว่ากูฟังไม่เข้าใจ เป็นอย่างไรปลายต้นสับสนอยู่
จมื่นศรีถามอ้ายขุนช้างดู เป่าหูให้มันว่าอย่าตกใจ
พระหมื่นศรีรับสั่งแล้วจึงถาม แรกเริ่มเดิมความเป็นไฉน
ขุนช้างค่อยทุเลาเบาใจ ปดแนมแกมใส่สอดเนื้อความ
เดิมทีข้าพเจ้ากับวันทอง หลับอยู่ในห้องเมื่อยามสาม
ผู้ร้ายสะกดโกนหัวเลือดไหลทราม เอามินหม้อเขียนปามจนตัวลาย
ม่านงามงามสามชั้นหั่นลงกอง ข้าวของเงินตราก็สูญหาย
รอยสายสิญจน์วงเรือนไว้รอบราย บัตรพลีมากมายศาลเพียงตา
วันทองภรรยาก็หายไป ข้าพเจ้าบ่าวไพร่ออกตามหา
ไปพบขุนแผนกับอาชา พาวันทองภรรยาอยู่ร่มไทร
ขุนแผนคุมโจรไว้หลายร้อย ซุ่มคอยกระโจมโถมไล่
ฟันพวกไพร่ตายกระจายไป จับได้ข้าพเจ้าเอาตัวตี
เฆี่ยนด้วยหนามหวายลายจนคอ แล้วพูดจาท้าต่อไปอึงมี่
ว่าฆ่าเสียลับไปไม่สู้ดี ถ้าปล่อยไปกรุงศรีจะยืดยาว
มาดแม้นพระองค์เสด็จไป จะชนช้างชิงชัยให้ฦๅฉาว
ชิงเอากรุงไกรได้เป็นจ้าว ว่ากล่าวหยาบช้าสามานย์
มันปลูกตำหนักป่าพลับพลาแรม ค่ายป้อมล้อมแหลมเป็นหน้าฉาน
ตั้งที่ลงบังคนชอบกลการ นานไปก็จะเกิดกลีเมือง ฯ
๏ ครานั้นสมเด็จพระพันวษา ทรงตรึกตราเนื้อความไปตามเรื่อง
เหม่เหม่อ้ายขุนแผนทำแค้นเคือง แต่ยักเยื้องอยู่กะไรไอ้ขุนช้าง
เท็จจริงอย่างไรมิได้เห็น จะเป็นเหมือนมันว่าก็ผิดอย่าง
เกิดรบพุ่งกันที่กลางทาง จริงบ้างเท็จบ้างกูคิดดู
อ้ายขุนแผนพาเมียไปจากข้าง อ้ายขุนช้างตามไปมันต่อสู้
อ้ายขุนแผนกล้าดีมีความรู้ อ้ายขุนช้างเหมือนปูจึงย่อยยับ
ต่อจะวิ่งกระเจิงเช้าเซิงหวาย ใส่ร้ายเอาว่ามันเฆี่ยนขับ
ฟังความข้างเดียวเห็นเลี้ยวลับ จึงตรัสกับจมื่นศรีจมื่นไวย
เอ็งจงออกไปเป็นแม่ทัพ กำกับรี้พลน้อยใหญ่
เกณฑ์คนห้าพันเลือกสรรไป จงจัดให้พร้อมถ้วนกระบวนทัพ
ขุนเพชรนั้นให้เป็นปีกขวา ขุนรามอินทราปีกซ้ายสรรพ
ไปดูให้รู้ที่ลึกลับ จับคำอ้ายขุนช้างเอาจริงเท็จ
ตำหนักพลับพลาที่อาศัย พิเคราะห์ดูไปให้เห็นเสร็จ
ฟังคำพูดจากาละเม็ด จะขามเข็ดลงบ้างฤๅอย่างไร
บอกมันว่ากูให้เข้ามา ถ้อยความจะว่าชำระให้
เกี่ยวข้องหมองกันด้วยอันใด อย่าได้กลัวตัวมาไม่ฆ่าตี
ถ้าแม้นมันดื้อดึงขึงไป จับได้จงฆ่าให้เป็นผี
ตัดหัวเสียบไว้ในพงพี เร่งเร็วบัดนี้รีบยกไป ฯ
๏ ครานั้นพระไวยพระหมื่นศรี รับสั่งอัญชลีบังคมไหว้
คลานออกมาพลันด้วยทันใด สั่งเวรหมายไปให้พันพุฒ
จัดแจงเลขผาหาเสบียง ฉุดคร่าด่าเถียงกันอุตลุด
บัตรหมายให้ประแดงแย่งยุด ฉุดลูกเมียมาอยู่อัดแอ
ทหารพลเรือนเกลื่อนกล่น ผู้คนเร็วเร่งอยู่เซ็งแซ่
ม้าช้างวางวงจ่ายธงแพร แลดูหอกดาบออกดาษไป
เสบียงเรียงวางกลางสนาม หมวกเสื้อเหลือหลามทั้งน้อยใหญ่
โหรหาฤกษ์ยกพลไกร ได้ฤกษ์พรุ่งนี้สี่โมงเช้า
ให้ไปซ่องสุมชุมนุมคน ที่วัดไชยชุมพลเป็นเหล่าเหล่า
ตัวนายไปบ้านก่อนเถิดเรา พรุ่งนี้เช้าเจ้าขุนช้างมาให้ทัน ฯ
๏ ขุนเพชรอินทรากลับมาเรือน เสบียงเรียงเกลื่อนเมียจัดสรร
ขุนรามก็กลับมาฉับพลัน บ่าวไพร่ทั้งนั้นก็เรียกมา
ผู้คนรายเรียงเสบียงวาง ม้าช้างผูกแหล่งไว้แน่นหนา
ครั้นคํ่าลงพลันมิทันช้า ตัวกับภรรยาเข้าเรือนนอน ฯ
๏ ฝ่ายเมียขุนเพชรอินทราฝัน ว่าถูกฟันตัวขาดเป็นสองท่อน
ผ่าอกขว้างหัวใจไปดงดอน ตื่นนอนตัวสั่นประหวั่นใจ
ปลุกผัวบอกฝันด้วยหวั่นหวาด น้องฝันประหลาดหาเคยไม่
เล่าความแต่ต้นจนปลายไป น้องนี้พรั่นใจอยู่มากมาย ฯ
๏ ครานั้นขุนเพชรอินทรา ได้ฟังเมียว่าก็ใจหาย
ครั้นกูจะแก้ว่าฝันร้าย จะทุกข์โศกมากมายวุ่นวายไป
จึงเอาความดีมากลบเกลื่อน หลับใหลใจเฟือนหาแน่ไม่
เจ้าอย่าสลดรันทดใจ แล้วชวนเมียนอนไปในราตรี ฯ
๏ ฝ่ายว่าเมียขุนรามอินทรา ฝันว่าฟันหักเป็นสามซี่
ตกใจผวาคว้าสามี พ่อเอ๋ยเมียนี้ช่างฝันร้าย
พ่อจะไปทัพจับขุนแผน เมียนี้ทุกข์แทนมิ่งขวัญหาย
วิปริตเห็นนิมิตเป็นอันตราย นางฟายน้ำตาเข้าร่ำไร ฯ
๏ ครานั้นขุนรามอินทรา ได้ฟังเมียว่าไม่นิ่งได้
ประคองโฉมโลมเล้าเอาใจ แม่อย่าได้หวาดหวั่นพรั่นวิญญาณ์
ด้วยตัวพี่นี้จะไปเสียไกลห้อง จิตรเจ้าจึงหมองประหวั่นหา
ผัวไปก็จะได้ขุนแผนมา ว่าแล้วก็พากันนอนไป ฯ
๏ ครั้นรุ่งสว่างกระจ่างฟ้า ขุนเพชรอินทราไม่ช้าได้
อาบน้ำผลัดผ้าแล้วคลาไคล ได้ดาบคู่มือก็ถือมา
เมียยกมือไหว้แลไปดู ไม่เห็นหัวผัวอยู่แต่เพียงบ่า
ตกใจวิ่งไปแล้วโศกา พ่อฟังเมียว่าอย่าเพ่อไป
เดินมาเมื่อตะกี้ไม่มีหัว ตัวเมียนี้เห็นเป็นข้อใหญ่
สมกับความฝันที่พรั่นใจ เข้ากอดตีนผัวไว้ที่กลางเรือน ฯ
๏ ครานั้นขุนเพชรอินทรา ได้ฟังเมียว่าก็หน้าเฝื่อน
วิปริตผิดนักที่ทักเตือน เบือนหน้าดูเมียยิ่งเสียใจ
เป็นลางขวางอกตกตะลึง ยืนขึงตัวสั่นอยู่หวั่นไหว
ไปทัพหลายครามาแต่ไร ก็มิได้เคยเป็นเหมือนเช่นนี้
อกเอ๋ยไหนเลยจะได้กลับ คงจะยับลงในป่าพนาศรี
ครั้นมิไปกลัวภัยพระภูมี ขับเมียจากที่แข็งใจไป ฯ
๏ ฝ่ายว่าขุนรามอินทรา แต่งตัวนุ่งผ้าหาช้าไม่
เอาเครื่องคาดตัวพัวพันไป ฉวยได้ดาบคู่มือก็ถือมา
เมียเดินมาตามด้วยความรัก หนักใจแต่ลงจากเคหา
บันไดไหวยวบหักสวบมา ห้าขั้นสะบั้นลงจมดิน
อัศจรรย์หวั่นไหวข้างในจิตร ครั้งนี้ชีวิตจะสูญสิ้น
จะตายจากพรากเจ้าผู้เพื่อนกิน ผินหน้าดูเมียยิ่งเสียใจ
พลไพร่หน้าหลังสะพรั่งพร้อม แวดล้อมตามมาหาช้าไม่
พบขุนช้างก็พากันคลาไคล บ่าวไพร่ตามหลังสะพรั่งมา
เยียดยัดอัดไปในถนน ผู้คนเอิกเกริกอยู่หนักหนา
ถึงวัดจัดกันเป็นโกลา ท่านแม่ทัพสองราก็พร้อมกัน
จัดหมวดตรวจถ้วนกระบวนหน้า ดาบปืนยืนร่าเป็นเหล่าหลั่น
พลหอกพลง้าวเกาทัณฑ์ ระวังชั้นคอยฤกษ์จะยกทัพ ฯ
๏ ครั้นได้ฤกษ์ดีให้ตีฆ้อง โห่ก้องปืนลั่นสนั่นศัพท์
หอกดาบปลาบแปลบแวบวับ ขี่ขับม้าช้างสล้างมา
พระหมื่นศรีขี่ช้างกลางพหล พระหมื่นไวยไล่พลมาข้างหน้า
ขุนเพชรขุนรามตามยาตรา ล้วนขี่ช้างงาสัปคับ
ขุนช้างขี่ช้างอ้ายกางเถ้า นั่งเจ่ามาในกูบหัวหงุบหงับ
ศรพระยาขี่คอขอกระชับ ราทยานั่งขับข้างท้ายมา
ผู้คนแลดูเขาหัวเราะ ว่าช้างนั้นล้านเหมาะกันหนักหนา
ที่ไม่เห็นก็เรียกกันเพรียกมา ขุนช้างหลบหน้าไม่เยี่ยมแล
ข้ามขนอนดอนฟากข้างปากคู ผู้คนมาดูอยู่เซ็งแซ่
ช้างม้าเยียดยัดอัดแอ หมายมุ่งทุ่งแน่เอาตาลาน
บ้างก็ชิงปลาแห้งแย่งปลาสด พบอะไรเอาหมดมาทุกบ้าน
รีบเร่งรี้พลอลหม่าน เย็นลงมินานถึงสามโก้
หยุดยั้งตั้งหม้อเสร็จสรรพ กินแล้วนอนหลับเช้าตั้งโห่
รีบรัดตัดมาเอาท่าโพธิ์ แฟ้มโพล่หาบคอนย่อนย่อนมา ฯ
๏ ครั้นถึงซึ่งที่ท่าต้นไทร ขุนช้างพรั่นใจให้ประหม่า
บอกพระหมื่นศรีพลันมิทันช้า ตรงนี้ที่ข้าไล่ฟันมัน
ผีสางตายกลาดออกดาษดิน ล้วนพวกมันสิ้นทีเดียวนั่น
รอยวิ่งตะเกียกตะกายหนามหวายพัน พระหมื่นศรีหัวร่องันคากคากไป
เออกระนั้นสิกูดูเซิงหวาย แหลกทลายระยำไม่เอาสํ่าได้
ฝีมือเอ็งฟันนั้นอย่างไร ฤๅอ้ายบ่าวถางให้ได้ตัวมา
ขุนแผนอยู่ไหนก็ไม่เห็น จะคิดเป็นอย่างไรให้เร่งว่า
ขุนช้างฟังความถามบ่าวมา บ่าวว่าเห็นรอยม้ามีต่อไป
จึงพร้อมยอมกันให้ยกตาม แลหลามดงลั่นสนั่นไหว
ถึงจระเข้สามพันเข้าทันใด จึงให้รั้งรารอท่าพล
พอพลพร้อมกันในทันที พระหมื่นศรีร้องเฮ้ยอ้ายอกขน
ตรงนี้เห็นทีจะชอบกล แต่งคนสอดแนมดูเป็นไร
ขุนช้างได้ฟังพระนายว่า ลงจากช้างมาไม่ช้าได้
ร้องเรียกศรพระยาพากันไป ขึ้นบนต้นไม้สอดมองดู
แลเห็นสีหมอกออกกินหญ้า วันทองน้องยานอนหลับอยู่
ขุนแผนกอดกลมชมชู จูบจับนมจู้พัลวัน
ขุนช้างเห็นเจียนหกตกต้นไม้ ศรพระยาคว้าได้พอหัวหัน
กลับยืนป้องหน้าตาเป็นมัน ตัวสั่นเต้นหรบขบคำราม ฯ
๏ ฝ่ายว่าพวกพรายนายขุนแผน เห็นคนก็แล่นมายุ่มย่าม
หลอกหลอนโดดดิ้นแลบลิ้นพลาม ขู่คำรามเกรี้ยวกราดตวาดอึง
ขุนช้างตกใจไพล่เผลมา หลุดมือศรพระยาพลัดตกผึง
หล่นลงถึงดินดิ้นตึงตึง ลุกขึ้นวิ่งตะบึงมาทันที
บอกว่าข้าไปพบอ้ายขุนแผน กอดวันทองน้องแน่นอยู่กับที่
แก้มเมียข้าเจ้าแดงดังแป้งจี่ พระหมื่นศรีโปรดด้วยช่วยกรุณา ฯ
๏ ครานั้นจมื่นไวยจมื่นศรี ได้ฟังคดีขุนช้างว่า
เอ็งนี้ลุกลนพ้นปัญญา พอไปเห็นเมียมาว่าแก้มแดง
เมียมึงถ้าแม้นเป็นแผ่นดิน จนสุดสิ้นปีนี้ก็ไม่แห้ง
มันเหมือนด้วงรวงไม้ถึงไส้แดง ปานนี้ก็จะแหว่งสักสองวา
ว่าพลางทางสั่งพวกกองทัพ สูจับอาวุธให้พร้อมหน้า
วงอ้อมล้อมไว้แต่ไกลตา อย่าเพ่อบุกรุกเข้าคลุกคลี
ปันด้านตรวจตราอย่าให้หนีได้ แล้วลั่นฆ้องปืนไฟขึ้นอึงมี่
ฝ่ายพรายบอกนายด้วยทันที ปัดนี้เขาอ้อมล้อมวงมา ฯ
๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าวันทอง เห็นพลเนืองนองมาหนักหนา
กอดผัวตัวสั่นพรั่นวญญา น้ำตาหลั่งดาโศกาลัย
ครั้งนี้ไหนเลยจะเป็นตัว ทูนหัวพ่อจะคิดเป็นไฉน
กองทัพเขามาดาดาษไป เขาแวดล้อมไว้ทั่วทั้งดง
พ่อจะรบกับเขาได้แล้วฤๅ มันฉีกคนละมือก็เป็นผง
ไม่ทันทั่วกองทัพจะยับลง ถึงอยู่ดงคนเดียวก็เปลี่ยวใจ
พ่อกับพาชีม้าสีหมอก จะหลบลี่หนีออกกะไรได้
ยังตัวน้องก็มาหน่วงให้ห่วงใย นี่จะทำฉันใดพ่อคิดดู ฯ
๏ ฟังผัวอย่ากลัวมันเลยเจ้า อีกสิบเท่าเข้ามาก็จะสู้
มันเหมือนยุงริ้นที่บินวู จะมาสู่เปลวไฟไม่รู้ตัว
ถึงคนเดียวพี่ดุจสิงหราช มันเหมือนชาติเนื้อหมู่มาสู้ผัว
แก้วพี่เจ้าอย่ามีซึ่งความกลัว หัวมันจะแหลกเป็นธุลี
พี่จะพาเจ้าไปให้พ้นก่อน จะเร้นซ่อนเจ้าไว้ในไพรศรี
ว่าแล้วเท่านั้นทันที อัญชลีอ่านเวทวิเศษมนตร์
รับนางขึ้นนั่งบนหลังม้า ขับสีหมอกออกมาจากไพรสณฑ์
แกล้งชักม้าผ่านหน้าบรรดาพล สองคนขี่ม้าสง่างาม
ภูตพรายรายล้อมมาพร้อมหน้า อ่านคาถาเป่าไปให้คนขาม
สีหมอกเดินออกด้านขุนราม เป่าจังงังให้คร้ามขยาดฤทธิ์
พลปืนพลหอกออกเกลื่อนกลาด ยืนนิ่งพิงพาดเป็นอักนิษฐ
ครั้นออกมานอกที่ล้อมชิด ขุนแผนสะกิดให้นางดู
โน่นแน่ะผัวนางอยู่ข้างกูบ อวดรูปงามเกลี้ยงจนเพียงหู
ศรพระยาขี่คอรำขอชู ช่างกรูกันมาตามทั้งสามล้าน
อันตัวพี่กับน้องแต่สองคน ไหนจะทนฤทธาเขากล้าหาญ
เพราะรักเจ้าจะต้องเข้าประจัญบาน เป็นตายก็จะด้านดูตามบุญ
ถ้าแม้นคนอื่นไกลที่ไหนเล่า จะส่งไปให้เขาไม่ว้าวุ่น
ว่าพลางจูบน้องต้องละมุน เย้ยขุนช้างเล่นแล้วหลีกมา ฯ
๏ ครั้นมาถึงต้นไทรใบชิด ร่มสนิทแสงส่องไม่ต้องหน้า
รับเจ้าวันทองลงจากม้า แก้วตาจงอยู่ที่ร่มไทร
พี่จะออกไปดูอ้ายขุนช้าง ท่าทางมันจะทำเป็นไฉน
ถ้าแม้นดีก็จะมีชีวิตไป ถ้าแม้นไล่รบเราจะเอาตาย
สิ้นทัพแล้วจะกลับมารับเจ้า ครู่เดียวมันก็เข้าในป่าหาย
ว่าแล้วอ่านมนตร์สนธยาย ร่ายพระเวทผูกจิตรวันทองพลัน
จึงเอาทรายปรายโปรยโรยล้อม เป็นกำแพงเพชรป้อมเขื่อนขันธ์
ถอนหญ้ามามัดเป็นหุ่นพลัน ถ้วนพันวางเรียงเคียงกันไป
แล้วเสกบริกรรมสำทับ เกิดเป็นไฟวับวับดังจะไหม้
เอานํ้ามนตร์ประหุ่นลงทันใด ไฟดับหุ่นหายกลายเป็นคน
มีอาวุธครบมือถือประจำ แต่งตัวกำยำอย่างพหล
ต่างเคารพนบนอบยอบตน ขุนแผนสั่งหุ่นพลไปทันที
คอยอยู่ต่อกูเรียกให้รบ จึงตลบไล่พลให้ป่นปี้
ว่าแล้วก็ขับพาชี เร็วรี่เร่งออกนอกพนา ฯ
๏ ฝ่ายพวกโยธาทั้งหน้าหลัง ต้องจังงังดังเสียบเสมอหน้า
เป็นครู่ใหญ่จึงได้สติมา ไต่ถามพูดจากันทันใด
พระหมื่นศรีว่าเราเมื่อตะกี้ ช่างหามีใครจะกระดิกไม่
อ้ายขุนแผนขี่ม้าผ่านหน้าไป ออกได้ข้างด้านท่านขุนราม
ขุนรามว่าข้าพเจ้ามิได้แกล้ง มันให้แข็งทั้งตัวใช่กลัวขาม
โน่นแน่ะขี่ม้าสง่างาม เราไล่ตามจับฟันให้บรรลัย ฯ
๏ ขุนช้างว่าลูกนี้แค้นนัก มันชักม้ามาเย้ยเล่นใกล้ใกล้
จูบเมียข้าพเจ้าเป็นเท่าไร ว่าแล้วขับไพร่สะพรั่งมา
เสียงปืนครื้นครั่นสนั่นดง ทวนธงพร้อมกันประชันหน้า
ขุนช้างหนุนไพร่ไสช้างงา ไล่ม้าวุ่นวิ่งเข้าชิงชัย
ขุนแผนตวาดอำนาจครุฑ คนหยุดแข็งเปล่าไม่เข้าใกล้
กองทัพเรรวนป่วนปั่นไป มิได้เป็นระเบียบกระบวนทัพ
กองหลวงล่วงไปเป็นกองหน้า ปีกซ้ายปีกขวาก็กลายกลับ
ที่ไปก่อนต้อนไพร่ออกไปรับ ขุนช้างขับไสช้างมากลางพล
ตีม้าล่อแผ่งแผ่งแซงจมื่นไวย จับฆ่าเสียให้ได้ร้องสับสน
หลบเข้าสัปคับให้ลับคน ไสช้างกูจะชนชิงวันทอง ฯ
๏ ครานั้นหมื่นศรีกับหมื่นไวย ขับช้างขึ้นไปแล้วด่าก้อง
เฮ้ยขุนช้างอย่าทำแต่ลำลอง เราทั้งสองเป็นใหญ่มาในทัพ
ว่าพลางเอาช้างออกยืนหน้า โบกมือเรียกม้าขุนแผนกลับ
ร้องบอกว่ารับสั่งบังคับ ให้เรายกทัพมาติดตาม ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสนิท เชื่อฤทธิราวีไม่มีขาม
ชักม้าร่าเริงเชิงสงคราม ถามว่านี่ท่านออกมาทำไม
ไพร่พลพร้อมหน้าล้วนอาวุธ เครื่องยุทธสารพันจะไปไหน
ฤๅเกิดประจามิตรข้างทิศใด จงบอกให้รู้แจ้งแห่งคดี
ขุนเพชรขุนรามก็ออกมา โยธาแน่นไปในไพรศรี
นั่นช้างใครแอบช้างอยู่ข้างนี้ ดูแสงแดงริบหรี่เหมือนตามโคม
ต้องเพ่งเพียงครู่จึงรู้จัก ทำไมหลบซบพักตร์ทำอำโฉม
อ้ายคนนี้แลมันตีม้าล่อโครม ฤๅใครจับอ้ายโสมมานำทัพ ฯ
๏ ขุนช้างขัดใจดังไฟเผา ตบเข่ากัดฟันมันตับ
เหงื่อไหลโซมล้านกระบานซับ เออพ่อแลจะจับเอาตัวมึง
จองหองร้องล้อพ่อเล่นได้ ทะนงใจมีหน้ามาทำขึง
ว่าพลางลั่นฆ้องร้องอึง อ้ายพ่อเจ้าเข้าให้ถึงจับเอาตัว ฯ
๏ พระหมื่นศรีหมื่นไวยขัดใจด่า จะพูดจาดีดีมีแต่ยั่ว
เพื่อนมากอุ่นใจจึงไม่กลัว ราวกับตัวกล้าหาญชาญฉกรรจ์
พูดพล่ำถลำถลากเลอะ เพราะมึงเซอะมันจึงขอดตลอดขวัญ
ว่าพลางทางตอบขุนแผนพลัน ซึ่งถามนั้นจะเล่าให้เข้าใจ
บัดนี้พระองค์ผู้ทรงเดช ปกเกศล้ำโลกทั้งน้อยใหญ่
ให้เรายกพหลสกลไกร ออกมาไต่สวนทราบซึ่งเท็จจริง
ด้วยตัวลักเมียขุนช้างมา เข้าป่าพ้นกรุงทำสุงสิง
คบพวกโจรป่ามาพะพิง เย่อหยิ่งยกตัวเป็นเจ้านาย
ให้ปลูกตำหนักป่าพลับพลาแรม ค่ายป้อมล้อมแหลมเป็นมากหลาย
ที่บังคนตั้งวางอย่างเจ้านาย ยักย้ายทำเทียมเจ้าชีวิต
ฆ่าบ่าวขุนช้างเสียร้อยเศษ ก่อเหตุตั้งตัวไม่กลัวผิด
ถือตัวมัวเมาว่ามีฤทธิ์ ทำทีราวกับคิดขบถเมือง
จับขุนช้างเฆี่ยนด้วยหนามหวาย อับอายทั่วกรุงฟุ้งเฟื่อง
แล้วท้าทายถึงพระองค์ให้ทรงเคือง ยักเยื้องจะให้ออกมาชนช้าง
บัดนี้พระองค์ผู้ทรงเดช ทราบเหตุทรงนึกอางขนาง
ข้อที่ทำทุจริตผิดท่าทาง ยังคลางแคลงพระทัยจึงใช้เรา
ให้มาสืบดูที่อยู่ก่อน ถ้าเห็นแท้แน่นอนให้จับเจ้า
ถ้าไม่ต้องฟ้องหาก็ทำเนา ให้รับเจ้ากับตัววันทองไป
เกี่ยวข้องหมองกันด้วยสตรี จะปรึกษาคดีตัดสินให้
ซึ่งฆ่าคนขุนช้างเสียกลางไพร ก็โปรดให้ไม่เอาซึ่งโทษทัณฑ์
คำขุนช้างทูลกับเราดู ไม่เห็นสิ่งไรอยู่เป็นแม่นมั่น
เจ้าอย่ากลัวภัยไปด้วยกัน วันทองอยู่ไหนไปเอามา ฯ
๏ ขุนแผนตอบคำพระหมื่นศรี ความหลังยังมีอยู่หนักหนา
จะว่าไปไยเล่าไม่เข้ายา นี้เมียข้าฤๅเมียขุนช้างจริง
ขออภัยเถิดเหนอเกลอกันหมด ใครคดก็เห็นอยู่ทุกสิ่ง
เกิดความใหญ่หลวงเพราะช่วงชิง หญิงเดียวเท่านี้จึงมีความ
ขุนช้างยกมาถึงป่าใหญ่ สั่งไพร่พรั่งพร้อมให้ล้อมหลาม
ว่ากันดีดีมิผ่อนตาม ไสช้างงุ่มง่ามเข้าไล่แทง
จนอยู่ไม่สู้ก็ท่าตาย ชาติชายฤๅจะวิ่งทิ้งแหล่ง
ขับม้าฝ่าพลจนสุดแรง แทงข้าหอกหักสักเจ็ดคัน
เดชะบุญหลังจึงพลั้งพลาด พวกขุนช้างขี้ขลาดก็หวาดหวั่น
แตกหนีมี่ไปในไพรวัน ข้าเจ้าได้ไล่ฟันเมื่อไรมี
ซึ่งนายขุนช้างสีข้างปอก หัวถลอกก็เพราะความอารามหนี
กลับไปทูลเอาว่าเราตี ถ้อยทีถ้อยฟันกันทั้งทัพ
ดีฉันพูดตามจริงทุกสิ่งไป สิ่งไรก็มิได้จะกลอกกลับ
ซึ่งว่ามีรับสั่งมาบังคับ ให้ตัวข้าพเจ้ากับวันทองไป
จวนตัวด้วยกลัวพระอาญา เพราะว่าหามีใครจะช่วยไม่
เชิญพระนายยกทัพกลับไป เพ็ดทูลแก้ไขให้ตามทาง
ตัวดีฉันจะไปต่อภายหลัง ยั้งพอคลายกริ้วลงเสียบ้าง
จงเมตตากับดีฉันช่วยกั้นกาง เพ็ดทูลตามทางที่จริงมา ฯ
๏ ครานั้นพระหมื่นไวยหมื่นศรี ได้ฟังวาทีขุนแผนว่า
เจ้าก็เป็นคนดีมีวิชา เจ้าพูดจาเห็นผิดจริตไป
จะทรงพระโกรธาว่ามาปะ ยังเลยละลี้กลับหาจับไม่
ความเก่าของเจ้าจะจมไป พระทัยจะเห็นด้วยขุนช้าง
มาไปเสียด้วยกันก็เป็นไร จะแก้ไขมลทินให้สิ้นอย่าง
ถ้าแม้นเจ้าห้าวหาญทำรานทาง จะไสช้างแทงม้าคว้าเอาตัว ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสนิท นิ่งคิดขบฟันสั่นหัว
เพื่อนมากหากขู่ให้กูกลัว ถ้าแม้นชั่วก็จะยับครั้งทัพลาว
เข้าที่บังคับดับโทโส จะเกิดความใหญ่โตไปถึงจ้าว
จึงเบี่ยงบ่ายตอบความตามเรื่องราว ดีฉันกล่าวนั้นด้วยกลัวพระอาญา
ที่ไปคงไปเป็นไรมี ใช่ว่าจะหลบลี้หนีหน้า
เมื่อพระนายมิได้กรุณา พูดจามีแต่จะฆ่าฟัน
จะไสช้างเข้าแทงแย่งเอาตัว ถึงกลัวจะให้ไปอย่างไรนั่น
คนเดียวเหมือนหนึ่งแมลงวัน จะโผผินบินดั้นเข้ากองไฟ
ก็สำหรับแต่จะยับลงกับที่ จะเมตตาปรานีหามีไม่
ข้าพเจ้าเท่านี้ก็จนใจ ถ้าจะขืนจับไปไม่นิ่งตาย ฯ
๏ พระหมื่นศรีหมื่นไวยครั้นได้ฟัง โกรธสั่งรี้พลสิ้นทั้งหลาย
เหวยกองทัพจับเป็นอย่าให้ตาย ไพร่นายปืนหอกออกประดา
ให้ยิงปืนตับสำทับโห่ ขุนช้างโผล่ตีฆ้องร้องเอาหวา
หอกดาบวาบแวบแปลบปลาบตา ขุนแผนแสนกล้าก็อ่านมนตร์
เสกซ้ำตวาดอำนาจครุฑ คนหยุดยืนแข็งแสยงขน
ชักสีหมอกไว้ไม่ประจญ กูทำก่อนจะเป็นคนทรยศ ฯ
๏ ฝ่ายขุนเพชรขุนรามปีกซ้ายขวา เห็นผู้คนปืนผาเงียบไปหมด
เหม่อ้ายแผนอาจจิตรคิดคด เป็นขบถจะเอาแผ่นดินแล้ว
ไสช้างพลหลีกเป็นปีกกา ชี้หน้าว่าเหวยอ้ายพลายแก้ว
โอหังดังกูไม่รู้แกว เชื้อแถวของมึงแต่เพียงนั้น
สาหัสขัดขืนพระโองการ เอิบเอื้อมจะผ่านไอศวรรย์
เชื่อว่าตัวดีมีฤทธิครัน ถึงจะได้ขอบขัณฑเสมา
ใครเลยเฮ้ยเขาจะไหว้มึง เขารู้ถึงว่าไม่สมวาสนา
กูรู้จักพ่อแม่แต่ไรมา พ่อมึงชื่อว่าอ้ายขุนไกร
แม่มึงอีเถ้าทองประศรี ปีนั้นไปล้อมกระบือใหญ่
พระทรงภพฆ่าฟันให้บรรลัย ตัดหัวเสียบไว้ที่กลางดอน
ริบสิ้นทั้งโคตรญาติกา ตัวมึงแม่พาไปเร้นซ่อน
ซอนซอกออกจากพระนคร ย้อนไปอยู่บ้านกาญจน์บุรี
มึงอยู่กับอีเถ้าเขาชนไก่ บวชที่วัดส้มใหญ่ไอ้ขี้หนี
ไปรบเชียงทองมาว่าตัวดี ได้เป็นที่ขุนแผนแว่นไว
ได้ดีมิทันจะถึงปี หลบหนีมาคิดขบถได้
ทำชู้แม่รักลักเข้าไพร คบมึงไม่ได้ไว้เป็นมิตร
เจ้านายรักใคร่ไม่รักตอบ ทำชอบกลับระยำมาทำผิด
อย่าหมายเลยว่าจะปลอดรอดชีวิต ไสช้างวางชิดกระชั้นมา ฯ
๏ ขุนแผนแค้นใจดังไฟวับ จับฟ้าฟื้นแกว่งแสงสง่า
อ้ายปากบอนซ้อนหัวกันเข้ามา นินทาผีเปล่าเปล่าเมื่อเข้าโลง
ถึงมึงก็ไม่ยืนอยู่คํ้าฟ้า วันนี้กูจะฆ่าให้ตายโหง
พลัดตกหลังช้างวางโก้งโค้ง เมียเป็นหมายโล้งโต้งเป็นเมียกู
ว่าพลางทางร่ายพระคาถา เรียกหุ่นหนุนมาเป็นหมู่หมู่
ออกจากดงรังสะพรั่งพรู โห่ร้องก้องกู่เป็นโกลา
ขุนแผนขับม้าเข้าถาโถม จู่โจมหํ้าหั่นฟันทัพหน้า
พวกหุ่นวิ่งกลมดังลมพา แซงสองข้างม้ามาทันใด
ฤทธิมนตร์บนฟ้าเวหาพยับ มืดกลุ้มคลุ้มคลับสะท้านไหว
แผ่นดินดังจะควํ่าคะมำไป เพราะพระมนตร์ดลให้บันดาลเป็น
อาสาหกเหล่าเข้าต้านต่อ หอบหืดขึ้นคอสู้เต็มเข็ญ
ดังฟันหินบิ่นหักกักกระเด็น ไม่เข้าหุ่นหมุนเผ่นเข้าฟาดฟัน
ดาบหอกตอกป่ายประกายวาบ หอกดาบหักร่นจนถึงกั่น
ปืนจังกาง่านกยกยิงยัน โผงถูกลูกนั้นกระดอนมา
ปืนตับกลับซ้ำเข้าตํ้าตึง ไม่หวาดไหวไล่อึงเข้ามาหา
จนสิ้นสุดอาวุธแลสาตรา พวกอาสาย่นแยกแตกกระจุย
ขุนช้างไสช้างวางเข้าไพร ตกใจผ้าผ่อนก็ล่อนลุ่ย
ช้างตรงเข้าในดงหมามุ้ย ศรพระยาร้องอุยเกาแกรกไป
ช้างวิ่งเข้าไพรไม้ไหล้ลัด หมวกพลัดหัวพลามดังตามไต้
ขุนช้างพลัดผลุงหลังกุ้งไป ช้างตื่นวิ่งใหญ่ขี้ไหลพรู
ขุนช้างวางขึ้นบนตอไม้ ผ้าผ่อนล่อนไปดังอ้ายหู
ขุนแผนฟันคนร่นกรูกรู ถึงขุนรามตรงจู่เข้าประจัน
ขุนรามแทงกรอกด้วยหอกใหญ่ ถูกไหล่ไม่ถนัดสะบัดหัน
ขุนแผนถาโถมเข้าโรมรัน ฟันขุนรามตกช้างลงกลางดิน
โดดจากหลังม้าฟาดบ่าฉับ ล้มพับฟันซ้ำคะมำดิ้น
ขุนรามสิ้นใจเลือดไหลริน สิ้นคนหนึ่งแล้วอ้ายตัวการ
ขุนเพชรอินทราเข้ามาช่วย ชักหอกกรอกกรวยเข้าต่อต้าน
แทงอกขุนแผนแสนสะท้าน อยู่ยงคงปานกับเหล็กเพชร
ขุนแผนโผนขึ้นช้างง้างคอฟัน ฉะฉาดขาดสะบั้นดังมือเด็ด
ดาบล้วนเลือดฝาดเหมือนชาดเช็ด กลับขึ้นม้าระเห็จมากลางทัพ
พวกหุ่นโห่ฮึกสะอึกไล่ ฟันกองทัพยับไปเป็นตับตับ
พระหมื่นศรีไสช้างวางไปลับ สัปคับโยนยวบสวบสวบไป
ขุนช้างเห็นช้างพระหมื่นศรี ร้องว่าช่วยลูกทีอีพ่อข้าไหว้
พอช้างเฉียดเข้าไปใกล้ตอไม้ เกาะขึ้นท้ายได้ไปตะโพง
พระหมื่นศรีแลมาเห็นขุนช้าง มืดหน้าตาฟางว่าเสือโคร่ง
เอาด้ามขอป่ายเข้าชายโครง ขุนช้างร้องตายโหงดีฉันเอง
พระหมื่นไวยตกใจว่าขุนแผน พลอยเอาด้ามหอกแพ่นเข้าตํ้าเป้ง
หัวแตกเลือดย้อยห้อยโตงเตง ปีนช้างเหยงเหยงแทบตกตาย
พระไวยไสช้างมาพรวดพรวด หางชี้ดังกรวดเข้าเซิงหวาย
พวกไพร่พลแหลกแตกกระจาย วิ่งซมงมงายไปพรูพรู
บ้างรักตัวกลัวตายตะกายวิ่ง ปืนผาปาทิ้งกลิ้งเกลื่อนอยู่
เอาหัวมุดเข้าในโพรงโก้งโค้งคู้ ไส้กูออกถนัดยัดลนลาน
บ้างขอขี่เพื่อนกันมันกลับด่า อ้ายขี้ข้าสิ้นทีอัปรีย์จ้าน
บางล้มดิ้นแด่วแด่วดังแมวคลาน ว่าอ้ายล้านขี้ครอกมันหลอกเรา
บ้างกู่ก้องร้องว้ายนํ้าลายฟอด กูไปไม่รอดแล้วอีพ่อเจ้า
สิ้นเรี่ยวสิ้นแรงตะแคงเซา ครั้นเห็นเขาจะทิ้งก็วิ่งไว
บ้างมัวหนีรี่โดนกันตํ้าผาง ร้องครางหัวฟกยกมือไหว้
สำคัญว่าขุนแผนแหงนบอกไป อีพ่อเอ๋ยอย่าทำไมข้าขอตัว
พระหมื่นศรีไสช้างวางเข้าพง บุกชัฏลัดดงไม่เห็นหัว
ได้ยินเสียงแกรกกรากกระดากกลัว พอโพล้เพล้ขมุกขมัวถึงสามโก้
ช้างม้าล้าเลื่อยคนเหนื่อยจุก คะมอมคะมุกหิวอ่อนนอนตาโหล
พระหมื่นศรีเห็นขุนช้างข้างต้นโพธิ์ ร้องพุทโธ่ถามว่ามาอย่างไร
ขุนช้างว่าลูกขึ้นท้ายช้าง ตีลูกถูกสีข้างจำไม่ได้
ตื่นกันว่าเสือร้องเพรื่อไป อ้ายขุนแผนมันไล่เอาพอแรง
โปรดเมตตาภรรยายังตกยาก ต้องตรำตรากทอดตัวหัวระแหง
ข้าวสิ้นจะกินแต่รากแจง แสงเดือนจะสว่างต่างไฟโพลง
พระหมื่นศรีขัดใจเข้าไล่ถอง ยังคะนองถึงแม่อ้ายตายโหง
เตะขุนช้างหกล้มลงโก้งโค้ง โอยซี่โครงลูกหักสะบักจม
พระไวยด่าว่าอ้ายขุนช้างถ่อย อย่าสำออยเพราะมึงจึงแหลกล่ม
นายไพร่บ่นบ้าด่าระงม บ้างขุดเผือกมันต้มกินตามมี ฯ
๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าขุนแผน คลายแค้นกองทัพที่กลับหนี
ชักสีหมอกกลับมาไม่ช้าที ลงชำระวารีสำราญใจ
เปลื้องเครื่องเยื้องย่องลงท้องธาร บัวบานก้านชูดูไสว
หอมกลิ่นรวยรื่นชื่นใจ ลูบไล้ขัดสีธุลีละออง
ล้างดาบที่ปราบณรงค์รบ จับจบสอดฝักสะพักต้อง
ผลัดผ้ามาหาเจ้าวันทอง แนบน้องเหนื่อยมาค่อยพาคลาย
เห็นฤๅไม่เล่าเจ้าวันทอง ผัวน้องนำทัพมามากหลาย
ขุนเพชรอินทราพี่ฆ่าตาย สองนายด้วยกันกับขุนราม
แม้นดีแล้วพี่ไม่หํ้าหั่น นี่ถ้อยคำมันนั้นหยาบหยาม
มันก่อเหตุเภทพาลพี่สานตาม จึงเกิดความไพร่ตายเสียหลายพัน
เว้นแต่สองพระนายกับขุนช้าง พี่ไม่ได้ไล่ล้างให้อาสัญ
กระโดดวิ่งทิ้งของเสียมากครัน พาพวกไพร่นั้นระยำไป
ขุนช้างผัวนางมันแทงพี่ หลายทีแทบไส้ทะลักไหล
ครั้นพี่จะฟันให้บรรลัย เกรงใจเจ้าวันทองจะโกรธา
พี่สู้อดออมถนอมจิตร เพราะคิดรอบคอบเป็นหนักหนา
แม้นไม่คิดถึงวันทองน้องยา น่าที่จะยับลงเป็นจุณ
เชิญเจ้าออกไปในที่รบ คงจะพบเสื้อผ้าท่านตาขุน
ช่วยเก็บกอบหอบห่อไว้เอาบุญ กอดนอนหน้าจะอุ่นสบายใจ ฯ
๏ อกเอ๋ยเมื่อไรเลยจะวายแค้น เหลือแสนค่อนขอดพิไรให้
ข้าทำวนบ่นถึงเขาเมื่อไร เจ็บใจจริงจริงมาเยาะเย้ย
ตั้งแต่ข้ามาห้าหกวัน แต่ชื่อเสียงเขานั้นมิได้เอ่ย
ยังจะค่อนแคะได้ไม่ลืมเลย เคยปากเคยใจเสียจริงเจียว
ฤๅเห็นว่าน้องนี้มิรักเจ้า จึงมาเฝ้านีดเน้นเข่นเขี้ยว
เว้นแต่ไม่กลืนไว้อย่างเดียว เจ้าโกรธแล้วก็เที่ยวจะคอยพาล
อดอยากหมากพลูไม่มีเคี้ยว สู้อดเปรี้ยวเค็มมันทั้งคาวหวาน
รบพุ่งกันมาก็ช้านาน จนอาหารแห้งสดก็หมดแล้ว ฯ
๏ เจ้าพุ่มพวงดวงตาของพี่เอ๋ย อย่ากังวลนักเลยนะน้องแก้ว
เราก็ทนทุกข์ยากมามากแล้ว คงจะต้องผ่องแผ้วสักเวลา
ผลไม้ในดงยังดกอยู่ พอชดเชยชื่นชูประสาป่า
จะปรารมภ์ไยเล่าไม่เข้ายา อุตส่าห์เถิดเจ้าอย่าเศร้าไป
ว่าพลางอิงแอบแนบน้อง ต้องเต้าเตือนจิตรพิสมัย
ดังยาทิพย์หยิบถูกบรรเทาใจ พระพายพัดระบัดใบให้ชวนนอน
รวยรื่นสุริยาระยับไม้ ไขสียอแสงลงอ่อนอ่อน
จัตุบาทคลาศคลาพนาดร ฝูงกุญชรเข้าชัฏระบัดพง
นำโขลงคลาเคลื่อนมาคลํ่าคลาย ทั้งพังพลายเนียมนิลดูระหง
โคบุตรสังขทันต์คันทรง อำนวยพงศ์สุประดิษฐ์ตระหง่านงาม
ชาติเชื้อเนื้อเกิดในป่าต้น เอกทันต์ทอกทนต์พินายหลาม
สีดอเดินเกริ่นโกรกตะโกรงตาม ค่อมข้ามขอนขัดตะโคงคุ้ย
พยัคฆาหมายฉมันเขม้นหมอบ กระโชกหอบโฮกดินกระจุยฉุย
ฉมันแล่นโลดโดดกระจุย ตะกุยคุ้ยควบขึ้นบรรพต
เยียงผาโผผกตกชะงัก นํ้าลายเลียถูกหักก็หายหมด
กระบือเถื่อนเขางอนดูอ่อนชด กระเจิงจดจำกลิ่นสะบัดเกลียง
สกุณามารังระงมร้อง แซ่ซ้องปักษาประสานเสียง
ปันป้อนผ่อนเหยื่อขยับเคียง ส่งเสียงลอยลมระงมไป
ชะนีน้อยเหนี่ยวไม้พิไรโหย วิเวกโวยโยนเล่นเห็นไสว
จังหรีดกรีดกริ่งที่กิ่งไทร เรไรหริ่งรับดังขับร้อง
สุริยาสายัณห์พระจันทร์เปล่ง ประไพเพ่งแจ่มแจ้งด้วยแสงส่อง
แสงสอดลอดใบพระไทรทอง จำเพาะต้องสองเต้าปทุมทิพย์
นํ้าค้างค้างใบพระไทรหยัด พระพายพัดตกเผาะลงเปราะปริบ
หนาวลมห่มเนื้อวันทองทิพย์ ซุบซิบชื่นชมเมื่อลมชวน
ดูเดือนเฟือนฟังเรไรร้อง แนบน้องแนมนมชมสงวน
กอดประทับรับขวัญให้รัญจวน ถนอมนวลจนระงับหลับไป ฯ
๏ จะกล่าวถึงกองทัพที่ยับยั้ง อยู่ยังสามโก้ต้นโพธิ์ใหญ่
แต่คอยกันสองวันที่ในไพร ที่รอดตายอยู่ได้ก็กลับมา
ให้นับได้ถ้วนหน้าสักห้าร้อย อยู่น้อยกว่าที่ตายเป็นหนักหนา
ทั้งขุนเพชรขุนรามอินทรา ปีกซ้ายปีกขวาก็ตายเตียน
เพราะอ้ายขุนช้างอ้ายตายห่า พาไปพามาให้ถูกเฆี่ยน
พ่อแม่ก็จะแผ่ลงเป็นเกวียน ไม่ต้องพักหาเทียนบังสุกุล
ไม่ตายก็หวายแล้วคราวนี้ อิกสักทีหมดโคตรแล้วอ้ายขุน
กลับไปใครเหลือก็เนื้อบุญ ฉาวเพราะแม่คุณอ้ายขุนช้าง
สาตราผ้าผ่อนก็ล่อนแก่น คิดขึ้นมาน่าแค้นนี่สุดอย่าง
มึงรักแม่ไม่ตลอดกอดตอยาง ขึ้นช้างพ่อได้หาไม่ตาย ฯ
๏ ขุนช้างว่าโทษลูกก็ไม่ได้ ของใครทิ้งวิ่งไปก็ของหาย
ทำกะไรลูกเมียก็เสียดาย ปะถูกเมียพระนายก็ลองดู
กลัวจะแล่นติดตามคำรามก้อง ไม่เชื่อใครมาลองมั่งดูดู๋
ก็จะวิ่งปะเลงโทษเอ็งกู ใครจะสู้ใครจะเร้นได้เห็นกัน
ขุนเพชรขุนรามปีกซ้ายขวา ข้าเป็นกองหน้าฤๅไม่นั่น
เมื่ออ้ายขุนแผนมันแง้นฟัน ข้าแทงถูกมันถึงแปดที
มันฟันขุนเพชรขุนรามตาย ข้าเหลียวเห็นพระนายขับช้างหนี
ใครจะเรียกหาใครก็ไม่มี จนใจแล้วจึงหนีมาด้วยกัน ฯ
๏ พระหมื่นศรีขัดใจพระไวยด่า อ้ายขี้ข้าผีขอดตลอดขวัญ
กลับว่ากูนี้หนีก่อนมัน เมื่อขุนแผนไล่ฟันอ้ายสองคน
มึงอยู่ไหนได้แทงอ้ายขุนแผน ยังจะแค่นมาว่าอ้ายหน้าขน
มึงฤๅอยู่หลังรั้งไพร่พล ใครเล่าวิ่งซนขึ้นท้ายช้าง
หัวหูเหมือนมึงนี้สิ้นที ขึ้นช้างกูตีด้วยขอผาง
ถีบถองเท่าไรไม่ละวาง แม่มันโหนช้างกูขึ้นมา
ราทยาว่าข้ากับพี่ศร แทงฟันมันอ่อนพระนายขา
หมายจะจับจิกหัวเอาตัวมา พอช้างพาข้าหนีก็จนใจ
พระไวยหัวร่อฮามึงว่าจริง ถ้าช้างไม่วิ่งคงตับไหล
ครั้นผู้คนพร้อมกันในทันใด พระหมื่นศรีนายใหญ่ให้เคลื่อนทัพ
ขุนช้างกับราทยาศรพระยา ขี่ช้างวางมาหัวหงุบหงับ
ต้องแสงตะวันเป็นมันยับ พระหมื่นศรีขี่ขับช้างพลายมา
ครั้นข้ามขนอนปากคู ผู้คนแลดูเป็นหนักหนา
นึกอายรีบลัดเข้าวัดวา มิช้าก็เข้าในกรุงไกร
ปลงช้างปลงม้าอยู่อึกทึก สองพระนายตรองตรึกนึกหวั่นไหว
ตะวันเย็นจวนดับลงลับไพร เฝ้าแหนยังไม่ได้ในวันนี้
ต่างคนต่างไปยังบ้านเรือน พวกเพื่อนมาเยี่ยมกันอึงมี่
ลูกเมียมาตามถามคดี พูดจาพาทีด้วยความทุกข์
ที่ล้มตายไปเสียเมียร้องไห้ กลิ้งเกลือกเสือกไปไม่มีสุข
บ้างลมจับพับไปมิได้ลุก นวดคลำปล้ำปลุกกันวุ่นไป ฯ
๏ ฝ่ายว่าเมียขุนเพชรขุนราม ฟังบ่าวบอกความก็ร้องไห้
หัวพองสยองสยดใจ ทอดตัวลงในที่นอนนึก
ตีอกโอ้เจ้าประคุณเอ๋ย ไม่ควรเลยวอดวายตายกลางศึก
เมื่อแก้ฝันเมียวิตกอกสะทึก ตรองตรึกแต่วันนั้นให้พรั่นใจ
เห็นศีรษะหายไปเมียได้บอก ได้ห้ามว่าอย่าออกเป็นทัพใหญ่
พ่อไม่เชื่อเนื้อกรรมที่ทำไว้ ขืนไปจนพ่อมรณา
ใครใครได้กลับมาบ้านเรือน พ่อไปตายกลางเถื่อนไม่เห็นหน้า
ชั้นบ่าวไพร่ไปด้วยก็กลับมา แต่พ่อแก้วแววตาเมียลับไป
ซากศพจะโซมอยู่กลางรก เวทนาผ้าจะปกหามีไม่
จะเป็นเหยื่อเสือสางที่กลางไพร จะทิ้งเน่าเปื่อยไว้อยู่พุพอง
เนื้อหนังก็จะถมธุลีทราย จะกลิ้งเกลือกเสือกหงายอยู่ริมหนอง
กระดูกกลาดดาษกระเด็นอยู่เป็นกอง พี่น้องน้อยใหญ่มิได้พบ
ถึงสิ้นบุญพ่อคุณก็ตามที ถ้าอยู่ที่เหย้าเรือนได้ปลงศพ
ราชวัติฉัตรชั้นจะครันครบ ตบแต่งตั้งไว้ให้สมกัน
ประทีปจะประเทืองเรืองอร่าม ธูปเทียนติดตามแต่งจัดสรร
แขวนย้อยห้อยดวงพวงสุวรรณ กลิ่นชั้นผูกพู่ดูบรรจง
จำหลักลายโลงฉลุทอง กระจังรองรายเรียงเคียงระหง
ผูกเพดานดาวกระจายลายเบญจรงค์ นิมนต์สงฆ์สวดเสนาะเพราะสำเนียง
กลองคู่มลายูจะก้องกึก เวลาดึกแซ่ซ้องประสานเสียง
พี่ป้าย่ายายจะรายเรียง พวกญาติพร้อมเพรียงสะพรั่งพรู
โอ้เจ้าประคุณของเมียเอ๋ย กะไรเลยเด็ดกายไปตายอยู่
ดังแกล้งหนีเมียไปไม่เอ็นดู เมียมิได้เชิดชูให้ศพงาม
พฤกษาสล้างจะต่างฉัตร เสียงสัตว์กลางป่าพนาหนาม
เป็นปี่กลองฆ้องยํ่าประจำยาม ดาวเดือนเกลื่อนตามต่างธูปเทียน
เมฆหมอกมัวฟ้าเวหาหน ต่างเพดานดาดบนฉวัดเฉวียน
เขาเขตจะสังเกตเป็นม่านเวียน ดินเตียนต่างตะกอนพี่รองกาย
จะนอนแรมโรยร้างอยู่กลางดง ใครจะปลงศพพ่อให้สูญหาย
ต่างคนต่างกระจัดพลัดพราย ต่างคนต่างตายไม่เห็นกัน
ว่าพลางทางข้อนหัวอกร้อง สนั่นห้องเรือนในไห้โศกศัลย์
ระบมตรมอกวิตกตัน จนนิ่งอั้นหมดเสียงด้วยโศกา ฯ
๏ ครั้นอรุณรุ่งรางสว่างแสง แจ่มแจ้งจังหวัดพระเวหา
พระหมื่นศรีหมื่นไวยก็ไคลคลา ขุนช้างเข้ามาอยู่พร้อมกัน
ท่านเจ้าคุณผู้ใหญ่ก็ไต่ถาม ทราบความเกรงกริ้วให้หวาดหวั่น
ครั้นได้เวลาก็พากัน เข้าท้องพระโรงพลันทันใด ฯ
๏ จะกล่าวถึงพระองค์ผู้ทรงฤทธิ ทศทิศฦๅลบพิภพไหว
สถิตยังปรางค์มาศปราสาทชัย นางในแวดล้อมอยู่พร้อมเพรียง
สำราญราชหฤทัยอยู่ในที่ ดนตรีขับขานประสานเสียง
ฉํ่าเฉื่อยเรื่อยร้องซ้องสำเนียง พอยํ่าเที่ยงเสด็จออกนอกห้องทอง
สระสรงทรงเครื่องเรืองระยับ จับพระแสงยุรยาตรผาดผ่อง
พระสนมเชิญเครื่องมาเนืองนอง ประทับท้องพระโรงรจนา
พระสูตรรูดกร่างกระจ่างองค์ พวกขุนนางกราบลงไม่เงยหน้า
อันพวกไปทัพที่กลับมา ภาวนาร้อนตัวด้วยกลัวภัย ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงเดช ทอดพระเนตรแลมาหาช้าไม่
เห็นพระหมื่นศรีกับหมื่นไวย ไม่เห็นขุนเพชรและขุนราม
ขุนช้างหมอบข้างพระหมื่นศรี พระพันปีจึงดำรัสตรัสถาม
ด้วยเรื่องขุนแผนแสนสงคราม ตามไปได้มาฤๅว่าไร ฯ
๏ ครานั้นจมื่นศรีเสาวรักษ์ราช แหลมฉลาดปัญญาอัชฌาสัย
กราบทูลไปพลันทันใด ชีวิตอยู่ใต้พระบาทา
ได้ยกกองทัพขับพลไป ถึงตำบลต้นไม้ไทรสาขา
ยังห่างป่าต้นพ้นมา ขุนช้างชี้ว่าที่ตรงนี้
พบขุนแผนวันทองทั้งสองคน อาศัยใต้ต้นพระไทรศรี
แลไปสิ่งไรก็ไม่มี ทั้งที่ฉนวนแลพลับพลา
โดยถ้ารื้อคาแฝกจะแหลกอยู่ นี่ดูไปไม่เหมือนขุนช้างว่า
จึงยกต่อไปในพนา จนถึงป่าห้วยจระเข้สามพัน
ให้ขึ้นต้นไม้ลอดสอดแนมดู เห็นม้าปล่อยอยู่ในป่านั่น
ทั้งตัวขุนแผนแสนฉกรรจ์ สองคนเท่านั้นกับวันทอง
อันพวกโจรป่าหาเห็นไม่ ได้ใช้ไพร่เล็ดลอดเที่ยวสอดส่อง
ทั้งที่ทางห่างชิดเที่ยวด้อมมอง ทั่วท้องป่าใหญ่ก็ไม่มี
ทั้งตำหนักพลับพลาหาเห็นไม่ จึงสั่งไพร่ให้อ้อมล้อมที่
ขุนแผนวันทองขึ้นพาชี ขับขี่หักออกนอกกองทัพ
กระหม่อมฉันจึงเร่งพวกโยธา ถ้วนหน้าไล่หลามให้ตามจับ
วันทองขุนแผนก็แล่นลับ ขับพลไปทันกระชั้นล้อม
วันทองซ่อนเร้นหาเห็นไม่ แต่ขุนแผนอยู่ในตำแหน่งอ้อม
พอปีกซ้ายปีกขวามาพรั่งพร้อม เกล้ากระหม่อมจึงบอกขุนแผนไป
โดยข้อคดีซึ่งมีเหตุ ว่าโปรดเกศให้หาอย่าช้าได้
เกี่ยวข้องหมองกันด้วยอันใด จะทรงตัดสินให้เป็นทางธรรม์
ขุนแผนตอบมาว่าวันทอง เป็นเมียของขุนแผนเป็นแม่นมั่น
ได้สู่ขอปลูกหออยู่ด้วยกัน จนตัวขุนแผนนั้นไปเชียงทอง
ขุนช้างลวงว่าขุนแผนตาย แม่ยายยกเมียให้สมสอง
ขุนแผนมาพบนางวันทอง เมียของขุนแผนก็เอาไป
ขุนช้างยกทัพขับพล ปะกันที่ต้นพระไทรใหญ่
สั่งไพร่ไล่ฟันให้บรรลัย ขุนแผนขัดใจจึงตอบตี
ฝ่ายว่าขุนเพชรกับขุนราม หยาบหยามไม่ว่าให้ต้องที่
ลำเลิกเบิกกล่าวยาวรี ว่าขุนแผนทำกระลีลักวันทอง
มิหนำซ้ำว่าทรยศ เป็นขบถคดโท่ทำจองหอง
ลำเลิกถึงโคตรปราณเป็นหว่านกอง ว่าพ่อของมึงชื่ออ้ายขุนไกร
แม่มึงชื่ออีเถ้าทองประศรี มึงหนีไปบวชวัดส้มใหญ่
พ่อมึงตายโหงเสียแต่ไร มึงบังอาจใจไม่เกรงกลัว
ว่าแล้วขับไพร่ไสช้าง เข้าลุยล้างขุนแผนจะตัดหัว
ขุนช้างร้องสำทับจะจับตัว ไพร่พลมุ่งมัวเข้าฟาดฟัน
ขุนแผนหลีกหนีถึงสามครั้ง กองทัพไม่ยั้งไล่หํ้าหั่น
ขุนแผนจึงขับม้ามาประจัน ฟันถูกขุนรามอินทราตาย
ขุนเพชรอินทราก็ตายด้วย ไพร่พลมอดม้วยเสียมากหลาย
แตกวิ่งกระจัดพลัดพราย อาวุธหลุดหายไม่ได้มา
เดิมคนยกไปได้ห้าพัน ตายเสียนั้นสี่พันห้าร้อยกว่า
เหลือพวกกองทัพกลับพารา แต่สี่ร้อยกับห้าสิบห้าคน ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงเดช ฟังเหตุสงครามมาแต่ต้น
ให้เคืองขุ่นพระทัยดังไฟลน กระทืบบนพระที่นั่งเพียงพังพับ
ดังสายฟ้าผ่าฟาดพระสุเมรุ เอนถึงดินดอนสะท้อนกลับ
เหวยอ้ายนายทัพปลัดทัพ ไพร่พลกูยับระยำไป
ช้างม้าอาวุธก็นับพัน มันคนเดียวเท่านั้นไม่สู้ได้
แสนขลาดชาติชั่วตัวจัญไร ทุดอ้ายใจผู้หญิงเที่ยววิ่งซุก
เสียแรงเลี้ยงไว้ไม่ได้การ หนักบาญชีเปล่าเปลืองข้าวสุก
ชอบแต่เฆี่ยนส่งลงไปคุก ยังมีหน้าวิ่งบุกมาบอกกู
หากว่ามิใช่หาไหนมา ถ้าข้าศึกอื่นไกลให้ไปสู้
ไม่ทันเห็นรอยตีนพวกศัตรู เห็นแต่ผงคลีวู่ก็วิ่งเกรียว
อ้ายชาติหมากาลีเห็นขี้เสือ วิ่งแหกแฝกเฝือไม่แลเหลียว
ดีแต่จะเย่อหยิ่งนั้นสิ่งเดียว ลอยลากหางเกี้ยวประตูดิน
หวีผมหย่งหน้าอ้ายบ้ากาม ศึกเสือสงครามไม่เอาสิ้น
ดีแต่ฉ้อไพร่ไพล่เงินกิน เล่นลิ้นเหลาะแหละแกะเลือดปู
ชอบแต่ตัดหัวให้สิ้นโคตร อ้ายคนโฉดชั่วช้าอย่าให้อยู่
เลี้ยงมึงไว้ไยขายหน้ากู ดูก่อนกลาโหมมหาดไทย
เร่งมีตราอายัติด่านขนอน แว่นแคว้นแดนนครน้อยใหญ่
ทั่วทั้งจังหวัดสังกัดไป เมืองใหญ่เอกโทตรีจัตวา
แม้นอ้ายขุนแผนอยู่แห่งไร จับตัวให้ได้อย่าเข่นฆ่า
จำให้มั่นคงส่งตัวมา ในท้องตราชื่อเสียงให้บอกไป
รูปร่างสูงต่ำดำขาว หนุ่มสาวสำคัญ่ให้รู้ได้
สั่งเสร็จพระเสด็จคลาไคล เข้าในแท่นที่ศรีไสยา ฯ
๏ ครานั้นท่านเจ้าคุณผู้ใหญ่ ไม่นอนใจเรียกเสมียนมาพร้อมหน้า
เขียนหนังสือครบฉบับประทับตรา เอามาส่งให้ตำรวจไป
ถึงหัวเมืองไหนให้กำชับ จับขุนแผนจำส่งมาจงได้
ตำรวจรับท้องตราพากันไป ยังปากใต้ฝ่ายเหนือด้วยทันที
เมืองเอกโทตรีจัตวา ก็ทำตามท้องตราทุกหน้าที่
ด่านซ่องกองป่าบรรดามี แจ้งคดีบอกไปให้ทั่วกัน ฯ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ