๏ พระราเมศวร, พระมหินทราธิราช, แลผู้จำทูลพระราชสาสนก็กราบบังคมลาสมเดจ์พระเจ้าหงษาวดี, มายังพระนครศรีอยุทธยา สองพระองค์ก็กราบทูลพระราชบิดาว่า, ซึ่งตามตีกองทัพกลับให้ข้าศึกจับไปได้, ให้เสียพระยศพระเกียรติ, โทษผิดถึงสิ้นชีวิตรอยู่แล้ว, ขอพระราชทานโทษครั้งหนึ่งก่อน. สมเดจ์พระราชบิดาก็ประทานโทษให้, พระราเมศวร, พระมหินทราธิราชกราบทูลว่า, สมเดจ์พระเจ้าหงษาวดีสั่งข้าพระองค์มาฃอช้างพลายศรีมงคล, พลายมงคลทวีปซึ่งชนะงา. สมเดจ์พระมหาจักรพรรดิราชาธิราช, ก็ตรัสปฤกษาด้วยมุขมนตรีทั้งปวงว่า, พระเจ้าหงษาวดีขอข้างพลายศรีมงคล, พลายมงคลทวีปสองช้างควรจะให้ฤๅประการใด. ท้าวพระยามุขมนตรีกราบทูลว่า, พระเจ้าหงษาวดีให้พระเจ้าลูกเธอทั้งสองพระองค์คืนมานั้น, ก็เปนทางพระราชไมตรีอยู่, ชอบให้ช้างพลายสองช้างตอบไปจึ่งควร. สมเดจ์พระมหาจักรพรรติราชาธิราชเจ้า, ก็ตรัสให้กรมช้างคุมรีบขึ้นไปถวายสมเดจ์พระเจ้าหงษาวดีณเมืองไชยนาทบุรี. สมเดจ์พระเจ้าหงษาวดีตรัสให้พม่ามอญรับ, แลช้างพลายศรีมงคล, พลายมงคลทวีป, เหนหมอควานผิดเสียง, ก็อาละวาดเอาไว้มิอยู่, ไล่แทงช้างแทงคนวุ่นวายหทั้งกองทัพ. สมเดจ์พระเจ้าหงษาวดีตรัสว่า, เสียดายนักเหลือมือพะม่ามอญนัก, ให้กรมช้างเอาคืนลงไปเถิด. กรมช้างกราบถวายบังคมลาลงมาพระนครศรีอยุทธยา, ทูลประพฤษดิเหตุแก่สมเดจ์พระพุทธเจ้าอยู่หัวทุกประการ. ๚ะ

๏ ฝ่ายพระเจ้าหงษาวดีให้จ่ายเสบียงอาหารไพร่พลเสร็จแล้ว, เสด็จยกทัพหลวงกลับไปเมืองหงษาวดี, โดยทางกำแพงเพชรออกด่านแมละมาว. ฝ่ายสมเดจ์พระมหาธรรมราชา, ก็เสด็จลงมาเฝ้ากราบทูลสมเดจ์พระมหาจักรพรรดิราชาธิราชเจ้า, ซึ่งได้รบกับทัพหงษาวดีทุกประการ. ครั้นกองทัพสมเดจ์พระเจ้าหงษาวดียกไปแล้ว สมเดจ์พระมหาจักรพรรดิราชาธิราชเจ้า, ให้แต่งการพระราชทานเพลิงศพพระสุริโยไทยซึ่งขาดฅอช้างเสร็จแล้ว, สมเดจ์พระมหาธรรมราชาก็ถวายบังคมลากลับขึ้นไปยังเมืองพระพิศณุโลกย์. ฝ่ายสมเดจ์พระมหาจักรพรรดิราชาธิราชเจ้า,ให้สฐาปนาที่พระราชทานเพลิงนั้นเปนพระเจดีย์วิหารเสร็จแล้วให้นามชื่อวัดสพสวรรย์. ๚ะ

๏ สมเดจ์พระเจ้าอยู่หัวตรัสว่า, ไพร่บ้านพลเมืองตรีย์จัตว่าปากใต้, เข้าพระนครครั้งนี้น้อยออกอยู่ป่ายห้วยเขาต้อนไม่ได้เปนอันมาก. ให้ยกเอาบ้านท่าจีนตั้งเปนเมืองสาครบุรี. ให้ยกเอาบ้านตลาดขวันตั้งเปนเมืองนนทบุรี. ให้แบ่งเอาแขวงเมืองราชบุรี, แขวงเมืองสุพรรณบุรี, ตั้งเปนเมืองนครไชยศรี. แล้วปฤกษาว่ากำแพงเมืองลพบุรี, เมืองนครนายก, เมืองสุพรรณบุรี, สามเมืองนี้ควรจะล้างเสียฤๅจะเอาไว้. สมเดจ์พระเจ้าลูกเธอพระราเมศวร, พระมหินทราธิราช, กับมุขมนตรี, พร้อมกันปฤกษากราบทูลว่า, จะให้ไปรับทัพณหัวเมืองนั้น, ถ้ารับได้ก็จะเปนคุณ, ถ้ารับมิได้ข้าศึกจะอาไศรย, ให้รื้อกำแพงเสียดีกว่า สมเดจ์อยู่หัวก็บัญชาตาม, แล้วให้ตั้งพิจารณาเลขสมสังกัดพันสกันธลำเครื่องสองแสนเสศ. ๚ะ

๏ ลุศักราช ๙๐๖ ปีมโรงฉศก, ฝ่ายพระศรีศิลปผู้น้องพระยอดฟ้าพระองค์เอามาเลี้ยงไว้, จนอายุได้สามสิบสี่ปี, จึ่งให้ออกไปบวชเปนสามเณรอยู่ณวัดราชประดิษฐาร, พระศรีศิลป์มิได้ตั้งอยู่ในกระตัญูส้องสุมพวกพลคิดการกระบถ. ครั้นทราบจึ่งดำรัศสั่งเจ้าพระยามหาเสนา, ให้เอาตัวพระศรีศิลปมาพิจารณาได้ความเปนสัจ, หาประหารชีวิตรเสียไม่, ให้แต่คุมตัวไว้ณวัดธรรมิกราช, หมื่นจ่ายวดเปนคนผู้คุม. ครั้นจวนเข้าพรรษา, ทรงพระกรุณาตรัสว่า, พระศรีศิลปซึ่งเปนโทษคุมไว้นั้น, อายุได้อุปสมบทเปนภิกษุภาวะอยู่แล้ว, ให้เอามาอุปสมบท. จึ่งทราบว่าพระศรีศิลปหนีก่อนนั้นถึงสามวัน, ไปซุ่มพลอยู่ณม่วงมดแดง. ทรงพระกรุณาดำรัศให้เจ้าพระยามหาเสนาไปตาม. ๚ะ

๏ ฝ่ายพระศรีศิลปให้ไปขอฤกษ์พระพรรณรัตน ณวัดป่าแก้ว, ๆ ก็ให้ฤกษว่า, ณวันเสาร์เดือนแปดขึ้นค่ำหนึ่งฤกษดีให้ยกเข้ามาเถิด. แลพระยาเดโช, พระยาท้ายน้ำ, พระยาพิไชยรณฤทธิ, หมื่นภักดีสวรรค์, หมื่นไภนรินทร, ซึ่งเปนโทษอยู่ก่อนจำไว้ในที่สงัด, ให้หนังสือออกไปวันแรมสิบสามค่ำถึงพระศรีศิลปว่า, สมเดจ์พระเจ้าอยู่หัวตรัสว่ารุ่งขึ้นวันสิบสี่ค่ำ จะให้เอาข้าพเจ้าทั้งห้าคนไปฆ่าเสีย, ฃอให้พระองค์เข้ามาแต่ในกลางคืนวันนี้อย่าให้ทันรุ่ง. พระศรีศิลปก็ยกเข้ามาทางหอรัตนไชย. เจ้าพระยามหาเสนารู้ว่าพระศรีศิลปเข้ามา, ก็ตามเข้ามาค่ามถ้าคอยภอช้างเผือกลงอาบน้ำ, เจ้าพระยามหาเสนาก็ขี่ช้างเผือกออกมารบพระศรีศิลป ณถนนน่าบางตรา. พระศรีศิลปก็ร้องว่าเจ้าพระยามหาเสนาจะสู้เราฤๅ. เจ้าพระยามหาเสนาว่า, พระราชกำหนดโทษพระองค์อันใด, โทษข้าพเจ้าดุจฉันนั้นไสช้างเข้าชนกัน พระศรีศิลป์ตีด้วยฃอ, เจ้าพระยามหาเสนาตกช้างลง พระศรีศิลปยกเข้าไปทางประตูเสาธงไชย, เข้าพระราชวังได้. สมเดจ์พระมหาจักรพรรดิราชาธิราชเจ้าไม่ทันรู้พระองค์, ลงเรือพระที่นั่งหนีขึ้นไปเกาะมหาพราม. พระศรีศิลปให้ถอดพระยาเดโช, พระยาท้ายน้ำ, พระยาพิไชยรณฤทธิ, หมื่นภักดีสวรรค์, หมื่นไภนรินทร์ออก ฝ่ายพระราเมศวร, พระมหินทราธิราชกับเสนาบดี, พร้อมกันเข้ารบพระศรีศิลปจนถึงตลุมบอน, ล้มตายเปนอันมากด้วยกันทั้งสองฝ่าย, แต่พระศรีศิลปนั้นต้องปืนตาย. สมเดจ์พระมหาจักรพรรดิราชาธิราชเจ้า, ก็เสดจ์คืนเข้าพระราชวัง. ครั้นรู้ว่าพระพรรณรัตนวัดป่าแก้วให้ฤกษพระศรีศิลปเปนแท้, ก็ให้เอาพระพรรณ์รัตนวัดป่าแก้ว, แลพระยาเดโชพระยาท้ายน้ำพระยาพิไชยรณฤทธิ, หมื่นภักดีสวรรค์, หมื่นไภนรินทร์ฆ่าเสีย,เอาไปเสียบไว้ณตแลงแก็ง,กับสพพระศรีศิลป. ๚ะ

๏ ครั้งนั้นเมียน้อยขุนนางโจทว่า, ผัวเข้าด้วยพระศรีศิลป, แลคอยรับพระศรีศิลป, ถามเปนสัจตรัสให้ฆ่าเสียเปนอันมาก. ๚ะ

๏ ลุศักราช ๙๐๗ ปีมเสงสัปตศก, สมเดจ์พระเจ้าอยู่หัวเสด็จไปวังช้างตำบลไทรย้อย,ได้ช้างเผือกพลายสูงสี่ศอกสิบนิ้วช้างหนึ่ง, ให้ชื่อพระรัตนากาศ. ๚ะ

๏ ลุศักราช ๘๐๙ ปีมเมียอัฐศก, เสด็จไปวังช้างตำบลป่าเพชบูร, ได้ช้างเผือกพลายสูงสี่ศอกเสศ, ให้ชื่อพระแก้วทรงบาท. แลในเดือนสิบปีมเมียนั้น, เสด็จไปได้ช้างเผือกตำบลป่ามหาโพธิ, ลูกเปนเผือกแม่เปนเผือกสองช้าง. ๚ะ

๏ ลุศักราช ๙๐๙ ปีมแมนพศก,เสด็จไปวังช้างป่าทเลชุบษร, เปนเผือกสูงสี่ศอกห้านี้เชือกหนึ่ง, ให้ชื่อพระบรมไกรษร. ครั้นณเดือนอ้ายปลายปี, เสด็จไปได้ช้างเผือกตำบลป่าน้ำทรง, สูงสี่ศอกคืบ, ให้ชื่อพระสุริยกุญชร. ครั้งนั้นพระนครศรีอยุทธยาไพสาฬสมบูรณ, ด้วยมีช้างเผือกถึงเจ็ดช้าง. พระเกียรติยศปรากฎไปในนาๆประเทศทั้งปวง, มีกำปั่นลูกค้าเมืองฝรั่งเศศ, เมืองอังกฤษ, เมืองวิลันดา, เมืองสุรัต, แลสำเภาจีนมาค้าขายเปนอันมาก. สมเดจ์พระสังฆราชพระราชาคณะ, เสนาพฤฒามาตยปะโรหิตถวายพระนามพระเจ้าแผ่นดิน,สมเดจ์พระมหาจักรพรรดิราชาธิราชพระเจ้าช้างเผือก. กฤติศับทฤๅไปถึงกรุงหงษาวดีว่า, พระนครศรีอยุทธยามีช้างเผือกถึงเจ็ดช้าง. ๚ะ

๏ ฝ่ายสมเดจ์พระเจ้าหงษาวดีมีพระไทยจะใคร่ได้สักสองช้าง, จึ่งมีพระราชสาสนแต่งให้สมิงโยคราชกับไพร่ร้อยหนึ่ง, ถือมาพระนครศรีอยุทธยา, มุขมนตรีนำเฝ้า. แลในลักษณสาสนนั้นว่า, พระราชสาสนสมเดจ์พระเจ้าหงษาวดี, ผู้มีมเหศรศักดานุภาพปราบบุราราชธาณีน้อยใหญ่ให้ปราไชยไปทั่วทศทิศ, อันท้าวพระยาสามนตราชโอนโมลิศนอบน้อมถวายสุวรรณบุพผบรรณาการจะนับมิได้. ฃอจำเริญทางพระราชไมตรีมายังสมเดจ์พระเชษฐาธิราชผู้ผ่านพิภพกรุงเทพทวาราวดีศรีอยุทธยา, ด้วยแจ้งกฤติศรับทขึ้นไปว่า, สมเดจ์พระเชษฐาเรา, ประกอบด้วยบุญญาธิการเปนอันมากมีเสวตรกุญชรชาติพลายพังถึงเจ็ดช้าง. พระอนุชาท่านประสงคจะฃอช้างเผือกพลายสองช้างมาไว้เปนศรีกรุงหงษาวดี,ให้สมเดจ์พระเชษฐาเราเหนแก่ทางพระราชไมตรีอนุชาท่านเถิด. กรุงหงษาวดีกับพระมหานครศรีอยุทธยา, จะได้เปนสำพันธมิตรไมตรีสนิทเสน่หา, เปนมหาพสุธาทองแผ่นเดียวกันไปกราบเท่ากัลปาวสาน. ถ้าสมเดจ์พระเชษฐาเราจะถือทฤษฐิมานะ, แลรักษช้างสองช้างยิ่งกว่าทางพระราชไมตรี, ก็เหนว่ากรุงหงษาวดีกับกรุงศรีอยุทธยาขาดจากกันแล้ว, น่าที่จะได้ร้อนอกสมณพราหมณามาตย์ประชาราษฎร. ๚ะ

๏ สมเดจ์พระมหาจักรพรรดิราชาธิราชเจ้าพระเจ้าช้างเผือก, ได้แจ้งในลักษณพระราชสาสนดั่งนั้น, ตรัสให้มุขมนตรีปฤกษา. มุขมนตรีปฤกษาว่า, สมเดจ์พระเจ้าหงษาวดีลิ้นดำ, อันเปนใหญ่ในรามัญประเทศพระองค์นี้, มีกฤษดาธิการผ่านแผ่พระเดชเดชานุภาพไปทั้งสิบทิศ, แลให้มีพระราชสาสนเปนทางพระราชไมตรี, มาฃอพระยากระกูลสองช้างโดยสุนทรภาพสวัศดี. แล้วสมเดจ์พระเจ้าหงษาวดี, ก็ไว้ทางพระราชไมตรี. ครั้งให้สมเดจ์พระเจ้าลูกเธอทั้งสองพระองค์มา, พระเดชพระคุณมากมายอยู่, ควรจะให้ช้างจะได้เปนพระเกียรติยศไปในนานาประเทษ. ๚ะ

๏ ฝ่ายพระราเมศวร, พระยาจักรี, พระสุนทรสงครามเจ้าเมืองสุพรรณบุรีปฤกษาว่า, ช้างเผือกเปนศรีมงคลสำหรับเมืองพระนคร, ซึ่งจะให้ไปนั้นไม่ควร. ถึงสมเดจ์พระเจ้าหงษาวดีมีไมตรีครั้งนั้น, ก็ฃอช้างพลายศรีมงคล, แลพลายมงคลทวีปซึ่งชนะงาทั้งสองช้าง. สมเดจ์พระเจ้าอยู่หัวก็ให้แล้ว. หากทว่าเอาไปมิได้, แลซึ่งจะส่งพระยาช้างกระกูลไปนั้นจะเสียพระเกรียรติยศไป, นานาประเทศจะว่า, ให้โดยเกรงอานุภาพพระเจ้าหงษาวดี. เอาคำปฤกษาทั้งสองฉบับกราบทูลทรงพระกรุณาตรัสว่า, ถ้าเรามิให้ช้างเผือกไป, พระเจ้าหงษาวดียกทัพใหญ่มา, ยังจะป้องกันพระนครได้ฤๅ. สมเดจ์พระเจ้าลูกเธอพระราเมศวร, พระยาจักรี, พระสุนทรสงครามกราบทูลว่า, ถ้าศึกหงษาวดียกทัพใหญ่หลวงมาประการใดก็ดี, ข้าพเจ้าทั้งสามคนนี้, จะขอประกันพระนครไว้. ๚ะ

๏ สมเดจ์พระเจ้าอยู่หัวก็บัญชาตาม, จึ่งให้มีพระราชสาสนตอบไป, ในลักษณะพระราชสาสนนั้นว่า, สมเดจ์พระมหาจักระพรรดิราชาธิราช, รามินทรธิบดินทราเชนสุริเยนทรยโสดมรา ไชยสวรรยาธิปัตถวัลยราชทวาราวดีศรีอยุทธยามหาดิลกภพนพรตนราชธาณีบุรีย์รมย์อุดมด้วยมหาเสวตรกุญชรชาติอิศวรพงษพิษณุพงษอันประเสริฐ, สนองทางพระราชไมตรีมายังสมเดจ์พระอนุชาเรา,ผู้ผ่านพิภพกรุงหงษาวดี, อันมีอิศวรราชฤทธิราชณรงค์ในรามัญประเทศทิศอัศฎงค์ต, ด้วยมีพระราชสาสนมานั้นได้แจ้งแล้ว. แต่ทว่าเปนบูรพประเพณี, ผู้ใดมีสมภารบารมีถึงที่บรมจักรแล้ว, ก็มีจักรแก้วดวงแก้วมณีนางแก้วช้างแก้วม้าแก้วขุนพลแก้วขุนคลังแก้ว. ถ้าหาบุญบารมีไม่, ถึงผู้อื่นจักหาให้ก็รักษามิได้, ธรรมดาประเทศธาณีใดมีนางรูปงาม, มีช้างเผือกช้างเนียมบ่อแก้วบ่อทอง, ก็เปนประเพณีที่จะให้เกิดยุทธนาการ, อย่าให้พระอนุชาเราน้อยพระไทยเลย ๚ะ

๏ ทูตรับพระราชสาสนแล้วกราบถวายบังคมลาไปยังกรุงหงษาวดีถวายพระราชสาสน, ทูลประพฤติเหตุทุกประการ. สมเดจ์พระเจ้าหงษาวดีแจ้งในพระราชสาสนแลกิจจานุกิจทั้งปวงก็ตรัสว่า, ขอบใจพระมหาจักรพรรดิ, เราต้องประสงค์ช้างเผือกแต่สองช้าง, ควรฤๅขัดทางพระไมตรีได้. อันพระนครศรีอยุทธยา, กับกรุงหงษาวดี, ตั้งแต่วันนี้ไปจะเปนประปักขกันแล้ว, ๆ ตรัสปฤกษาด้วยท้าวพระยามุขมนตรีว่า, เรายกไปพระนครศรีอยุทธยามิได้นั้น, ด้วยเหตุสามประการ, ประการหนึ่งพระนครศรีอยุทธยา, มีน้ำล้อมรอบดุจเขาพระสิเนรุราช, อันมีสีทันดรสมุทแวดล้อมเปนชั้น ๆ ประการหนึ่งขัดโดยเสบียงอาหารจะทำการปีมิได้. อนึ่งเมืองพระพิศณุโลกย์, เมืองสวรรคโลกย, เมืองศุโขไทย, เมืองกำแพงเพชร, เมืองพิไชย, ห้าเมืองนี้ก็ยังเปนกำลังกรุงเทพมหานครอยู่, ทั้งเสบียงอาหารก็บริบูนณ. ถ้าได้เมืองฝ่ายเหนือทั้งนี้ด้วยแล้ว, พระนครศรีอยุทธยาไม่พ้นเงื้อมมือเรา, จะเหนประการใด. มุขมนตรีทั้งปวงก็เหนโดยพระราชบริหาร. สมเดจ์พระเจ้าหงษาวดีตรัสว่า, เราจะยกครั้งนี้จะให้มากกว่าก่อนสามเท่า, จึ่งให้มีพระราชกำหนดไปถึงพระเจ้าอังวะราชบุตรเขย, พระเจ้าแปรผู้เปนราชนัดา, พระเจ้าเชียงใหม่, แลท้าวพระยาหัวเมืองน้อยใหญ่ทั้งปวงว่า, จะยกไปตีกรุงพระนครศรีอยุทธยา, ให้เร่งบำรุงช้างม้ารี้พลไว้, ออกพรรษาแล้วให้ยกมาพร้อมกันณกรุงหงษาวดี. ๚ะ

๏ ฝ่ายพระเจ้าอังวะ, พระเจ้าแปร, พระเจ้าเชียงใหม่, แลท้าวพระยาหัวเมืองทั้งปวง, แจ้งในพระราชกำหนดแล้ว, ก็เกณฑ์ทัพบำรุงช้างม้ารี้พลไว้สรัพ, ครั้นออกพรรษาแล้ว ก็ยกทัพมาพร้อมกันณกรุงหงษาวดี. ๚ะ

๏ ลุศักราช ๙๑๐ ปีวอกสัมฤทธิศก, สมเดจ์พระเจ้ากรุงหงษาวดี, เกณฑ์ทัพกรุงหงษาวดี กรุงอังวะ, เมืองเชียงใหม่, เมืองพูกาม, เมืองปรวน, เมืองแปร, เมืองละเคิ่ง, เมืองจิตรตอง, เมืองตองอู, เมืองพสิม, เมืองบัวเผื่อน, เมืองเสรียง เมืองตะราง, เมืองเมาะตะมะ, เมืองเมาะลำเลิ่ง, เมืองทวาย, เปนคนเก้าสิบหมื่น. ช้างเครื่องเจ็ดพัน, ม้าหมื่นห้าพัน, ให้พระมหาอุปราชาเปนกองน่า, ถือพลยี่สิบหมื่น, ม้าสามพัน, ช้างเครื่องพันห้าร้อย, พระเจ้าอังวะเปนปีกขวา, ถือพลสิบหมื่น, ม้าพันหนึ่ง, ช้างเครื่องห้าร้อย, พระเจ้าแปรเปนปีกซ้าย, ถือพลสิบหมื่น, ม้าพันหนึ่ง, ช้างเครื่องห้าร้อย, พระเจ้าเชียงใหม่เปนกองหลัง, ถือพลสิบหมื่น, ช้างเครื่องห้าร้อย, ม้าพันหนึ่งพร้อมเสร็จแล้ว. ๚ะ

๏ ถึง ณวันพุทธเดือนสิบสองขึ้นสองค่ำ, เพลารุ่งแล้วสองนาฬีกาหกบาท, ได้สุภวารฤกษดิถี สมเดจ์พระเจ้าหงษาวดีก็สอดใส่สนองพระองค์ทรงสุวรรณมหาสังวาลย์เจ็ดสาย, เฉวียงพระอังษาทรงกาญจนาไมยมาลาศอลงกฎวิจิตรพิพิธภูสิตากาญจนนิลรัตน์โดยขัติยเวสวิไสย, สำหรับวิไชยราชรณยุทธเสรจ์, เสด็จทรงช้างพระที่นั่งพลายเทวนาคพินาย สูงหกศอกคืบห้านิ้ว, เปนบรมอรรคราชยานประดับเครื่องนาเคนทราลังการาภรณบวรสัตพิธรัตน์, พร้อมด้วยหมู่สุรางคพลากรโยธาทวยหาร, เปนขนัดแน่นแสนสารสินทพพาชีชาติราชมูลิกากรบวรองค์รักษกันกงทรงสรรพสาตราลังการานานาวิวิธภูษิตร พิพิธทวนธงเปนทิวท่องรัถยางค์เดียรดาษ, ดูโอภาษพันฦกอธึกด้วยธวัชกลิ้งกลดอภิรุมบังสิริยส่องจำรัดคคนัมพรประเทศไพโรจดาษดา, ด้วยท้าวพระยาเสนามาตยานิกรพิริยพฤนธเรียงรายระดับโดยขบวรพยุหบาตราซ้ายขวาน่าหลังทั้งปวงเสรจ์ ได้เพลามหามหุดิฤกษโหราลั่นฆ้องไชย, ปะโรหิตาจาริย์เป่าสังขประโคมฆ้องกลอง, กาหฬดลตรีศรับทอุโฆศนฤนาทนี่สนั่นดำเนินกระบวนธุชะโบกโบย, เคลื่อนพยุหโยธาทัพหลวงออกจากกรุงหงษาวดีประทับรอนแรมมาเจ็ดเวนถึงเมืองเมาะตะมะ ดำรัสให้ค่ามพลเหนือเมืองเมาะตะมะห้าวันจึ่งสิ้น. แล้วยกมายี่สิบเวนถึงเมืองกำแพงเพชร์, สมเดจ์พระเจ้าหงษาวดี, ตรัสให้พระยาเชียงใหม่, ตั้งอยู่ต่อเรือรบกะจังเหลาคาสองร้อยลำ. ให้พระยาหริพุนไช, พระยานครลำปาง, ขึ้นไปเอาเรือเมืองเชียงใหม่,เมืองนคร,เมืองลำพูน, ถ่ายลำเลียงลงมาไว้ตำบลระแหงให้พร้อมแล้ว. สมเดจ์พระเจ้าหงษาวดี, ก็เสด็จยกทัพหลวง, ไปทางเมืองศุโขไทยตั้งค่ายประทับแรมให้หาพระยาศุโขไทย, พระยาสวรรคโลกยมาเฝ่า, ตรัสปราไสแลสั่งให้เตรียมทัพ, แล้วเสด็จยกไปเมืองพระพิศณุโลกย์, ตั้งค่ายหลวงตำบลโทก, แลค่ายทั้งนั้นก็ตั้งโดยกระบวน. ขณะเมื่อกองทัพพระเจ้าหงษาวดียกมาถึงปลายแดน. ๚ะ

๏ สมเดจ์พระมหาธรรมราชาเจ้าแจ้งเหตุก็บอกข้อราชการ, ให้เรือเร็วลงไปกรุงพระนครศรีอยุทธยาฃอกองทัพช่วย, แล้วให้กวาดครัวอพยบแขวงเมืองเข้าเมืองพระพิศณุโลกย, แลแต่งการป้องกันเมืองเปนสามารถ. สมเดจ์พระเจ้าหงษาวดี, ยังมิได้สั่งให้เข้าล้อมเมือง, ให้ทำแต่บันไดหกบันไดพาดไว้เปนอันมาก, แล้วขุดดินปั้นก้อนใส่ชะลอมกองไว้, แต่ละกองสูงกว่ากำแพงเมือง. แล้วพระเจ้าหงษาวดีก็แต่งเปนรับสั่งเข้าไปว่า, สมเดจ์พระเจ้าชะนะสิบทิศ, เสด็จยกพยุหโยธามาทั้งนี้, จะลงไปพระนครศรีอยุทธยา. บัดนี้เสด็จมาเยือนเมืองพระพิศณุโลกย์, ให้อัญเชิญสมเดจ์พระมหาธรรมราชาน้องเรา, ออกมาหาเราจะได้เจรจาความเมืองกัน. สมเดจ์พระมหาธรรมราชาเจ้าแจ้งดั่งนั้น, ก็ตอบออกไปว่า,แผ่นดินเปนของพระมหาจักรพรรดิราชาธิราชพระเจ้าช้างเผือก, แลข้าพระองค์จะออกไปเฝ้านั้นมิควร. สมเดจ์พระเจ้าหงษาวดีตรัสให้ทูตกลับไปอีกว่า, ถ้าน้องเรามิออกมาหาเรา, เมืองพระพิศณุโลกยน้อยนัก, แต่ทหารกองน่าก็คับเมือง. สมเดจ์พระมหาธรรมราชาเจ้าจึ่งนิมนต์พระสงฆสี่รูปออกไปฟังราชการ, พระสงฆออกไปสมเดจ์พระเจ้าหงษาวดีให้นำพระสงฆ์ไปดูมูลดิน,แลบันไดหกบันไดพาด.แล้วให้เอาข่าวไปแจ้งแก่น้องเรา. ถ้าน้องเรามิออกมา, จะให้ทหารถือมูลดินแต่คนละก้อนถมเมืองเสียให้เตมแต่ในชั่วนาฬิกาเดียว. พระสงฆไปดูแล้วกลับมาแจ้งแก่พระมหาธรรมราชาเจ้าโดยได้เหน. แลพระเจ้าหงษาวดีแจ้งมาทุกประการ, สมเดจ์พระมหาธรรมราชาเจ้าจึ่งปฤกษามุขมนตรีว่า,เราคอยกองทัพกรุงเทพมหานคร, ช้าพ้นกำหนดอยู่แล้วก็ไม่ยกขึ้นมา, อันศึกพระเจ้าหงษาวดียกมาครั้งนี้เปนอันมาก, เสียงพลเสียงช้างเสียงม้าดั่งเกิดพยุหใหญ่, เหนเหลือกำลังเรานัก. ถ้าเราจะมิออกไป, พระเจ้าหงษาวดีก็จะให้ทหารเข้าหักเหยียบเอาเมือง, สมณชีพราหมณ์อาณาประชาราษฎรจะถึงพินาศฉิบหายสิ้น, ทั้งพระพุทธสาศนาก็จะเศร้าหมองดูมิควรเลย, จำเราจะออกไป. ถึงสมเดจ์พระมหาจักรพรรดิราชาธิราชเจ้าพระเจ้าช้างเผือกจะทรงพระพิโรธประการใดก็ดี, ก็จะตายแต่ตัว, จะแลกเอาชีวิตสัตวให้รอดไว้. ๚ะ

๏ ครั้นรุ่งขึ้น ณวันอาทิตยเดือนญี่แรมห้าค่ำ, สมเดจ์พระมหาธรรมราชาเจ้า, ก็เสด็จออกไปเฝ้า สมเดจ์พระเจ้าหงษาวดีตรัสว่า น้องเราไปด้วยเรา, ให้เร่งเตรียมพลให้พร้อมในเจ็ดวัน. สมเดจ์พระมหาธรรมราชาเจ้าก็จัดพลสามหมื่นมาโดยเสด็จในกองทัพหลวง, สมเดจ์พระเจ้าหงษาวดี, ก็เสด็จยกลงมาประชุมทัพณเมืองนครสวรรค์. ขณะเมื่อพระมหาธรรมราชาเจ้า,บอกข้อราชการลงไปถึงกรุงเทพมหานครนั้น, สมเดจ์พระมหาจักรพรรดิราชาธิราชพระเจ้าช้างเผือก, ตรัสให้พระยาพิไชยรณฤทธิ, พระยาวิชิตรณรงค, ถือพลหมื่นหนึ่ง. ให้รีบขึ้นไปช่วยเมืองพระพิศณุโลกย, แล้วพระเจ้าอยู่หัวก็กวาดครัวหัวเมืองตรีจัตวาเข้าพระนคร, แลทัพพระยาพิไชยรณฤทธิ, ทัพพระยาวิชิตรณรงค, ยกไปถึงแดนเมืองนครสวรรค, ได้ข่าวว่าเมืองพระพิศณุโลกย, แลหัวเมืองฝ่ายเหนือทั้งปวง, พระเจ้าหงษาวดีได้สิ้นแล้ว. แล้วกองทัพพม่ามอญก็ลงมาถึงเมืองนครสวรรค์, พระยาพิไชยรณฤทธิ, พระยาพิชิตรณรงคจะตั้งรับก็เหนไม่ได้. จึ่งปฤกษากันถอยลงไปทูลประพฤติเหตุ, สมเดจ์พระเจ้าอยู่หัวว่า, บัดนี้เมืองพระพิศณุโลกยแลเมืองฝ่ายเหนือทั้งปวงสิ้นแล้ว. กองทัพพม่ามอญก็ยกล่วงลงมาตั้งอยู่ณเมืองนครสวรรค สมเดจ์พระมหาธรรมราชาลงมาด้วย. ๚ะ

๏ สมเดจ์พระมหาจักรพรรดิราชาธิราชพระเจ้าช้างเผือกแจ้งดั่งนั้นก็เสียพระไทยนัก. จึ่งตรัสแก่พระราเมศวร, พระยาจักรี, พระสุนทรสงครามว่า, ศึกพระเจ้าหงษาวดีก็ยกมาแล้ว, ตัวท่านทั้งสามคนนี้จะคิดทำประการใด. พระราเมศวร, พระยาจักรี, พระสุนทรสงคราม, บังคมทูลว่า, บัดนี้กองทัพพม่ามอญ. ยังประชุมพร้อมมูลกันอยู่ไม่รู้กำลัง, ถ้าลงมาใกล้พระนครไพร่พลบอบบางแล้วเมื่อใดจะยกออกตี. สมเดจ์พระเจ้าอยู่หัวก็บัญชาตาม, ตรัสให้จัดทหารเปนเหล่าเปนกอง, ตั้งไว้กลางเมืองเปนสามกอง, แล้วให้เร่งรัดตรวจตราซ่อมแปลงการ, ซึ่งจะรักษาพระนครทั้งกลางวันกลางคืนเปนสามารถ. ๚ะ

๏ ฝ่ายพระเจ้าเชียงใหม่ซึ่งตั้งต่อเรือกะจังเหลาคา, อยู่ณเมืองกำแพงเพชรนั้นเสรจ์แล้ว, ก็ยกทัพเรือรบเรือลำเลียง, ลงมาบันจบทัพหลวงณเมืองนครสวรรค. เมื่อสมเดจ์พระเจ้าหงษาวดีจัดแจงทัพบกทัพเรืออยู่ณเมืองนครสวรรคนั้น, ท้าวพระยานายทัพนายกองเฝ้าพร้อม, จึ่งตรัสถามสมเดจ์พระมหาธรรมราชาว่า, เราให้มีราชสาสนมาขอพระยาช้างตระกูลสองช้าง, ควรหรือสมเดจ์พระมหาจักรพรรดิราชาธิราชพระเจ้าช้างเผือกไม่ให้, รักษช้างยิ่งกว่าเสวตรฉัตรอีกเล่า, ฤๅว่ามีผู้ใดทัดทาน. พระเจ้าน้องเรารู้ฤๅหาไม่. สมเดจ์พระมหาธรรมราชากราบทูลว่า ทราบอยู่. เดิมพระเจ้าแผ่นดินให้ปฤกษาว่า, พระองค์ให้มีพระราชสาสนมาฃอพระยาช้างนี้ควรให้ฤๅไม่ควร, เสนาบดีปฤกษาว่าควรให้. แต่พระราเมศวร, พระยาจักรี, พระสุนทรสงครามปฤกษาว่า, ช้างเปนศรีพระนครไม่ควรให้. พระเจ้าแผ่นดินก็ได้ตรัสต่อว่า, แม้นมิให้ช้างไป.ถ้าพระองคยกทัพใหญ่มา, ยังจะป้องกันพระนครได้ฤๅ. พระราเมศวร, พระยาจักรี, พระสุนทรสงคราม, รับประกันพระนครไว้, แลเหตุดั่งนี้พระเจ้าแผ่นดินจึ่งมิได้ส่งช้างไปถวายพระองค์. สมเดจ์พระเจ้าหงษาวดีได้ทรงฟังดั่งนั้น, ก็ทรงพระสวนแล้วตรัสว่า, เปนธรรมดาคนโมหะจิตร, มิรู้จักกำลังตนกำลังท่าน, เหมือนสัตวสองจำพวก, คือนกน้อยคือกระต่าย, แลกระต่ายขาตัวสั้นเท่านั้นหมายว่า, จะหยั่งท้องพระมหาสมุทได้, แล้วว่ายน้ำออกไปยังมิทันได้หยั่งก็จมน้ำถึงกาลกิริยาตาย. นกน้อยเล่าปีกหางก็เท่านั้น, ชวนพระยาครุทธบินค่ามพระมหาสมุท, แลบินไปเต็มภักของตัวยังมิได้กวักแห่งพระยาครุทธ์ ก็ตกน้ำทำกาลกิริยาตาย, แลสัตวสองจำพวกนี้, เหมือนกับผู้ปฤกษาแลรับประกันพระนครไว้, สมเดจ์พระเจ้าหงษาวดีตรัสแล้ว, รุ่งขึ้น ณวันพุฒเดือนยี่แรมสิบค่ำ ๚ะ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ