๒๗
๏ อนึ่งแต่ครั้งมางลองตีได้เมืองหงษาวดีนั้น มอญชาวเมืองเมาะตะมะอพยพหนีเข้ามาอยู่ณเมืองทวายประมาณพันเสศ ทรงพระกรุณาให้รับเข้ามาไว้ณกรุง ถึงเดือนอ้ายปีมะโรงโทศก มอญไปประชุมกันอยู่ณเขานางบวชคิดกระบถขึ้น ยกเข้าตีเอาเมืองนครนายก พระเจ้าแผ่นดินดำหรัศให้พระสีห์ราชเดโชเปนแม่ทับ พลสองพันยกออกไป ฝ่ายมอญหาอาวุธมิได้ เสี้ยมแต่ไม้ตะบองขว้าง ทับพระสีหราชเดโชแตกเข้ามา จึ่งให้พระยายมราชเปนแม่ทับคุมพลทหารสองพัน พระยาเพชรบูรีเปนทับน่าพลพันหนึ่ง ยกไปตีมอญใหม่แตกหนีไปทางหล่มศัก ตั้งอยู่เหล่าตะกดแร่ ๚ะ
๏ ครั้นณปีมะเสงตรีศก พระเจ้าอังวะให้หม่องหม่องราชบุตร อันผ่านเมืองพองคานั้น ยกไปตีเมืองเชียงใหม่ ข้างเจ้าเมืองลำพูนนั้น ภากันอพยพเข้ามาพึ่งพระราชสมภารณกรุงศรีอยุทธยาทางด่านเมืองพิไชย ฝ่ายเมืองเชียงใหมให้มีศุภอักษรมาว่า จะขอเอาพระเดชเดชานุภาพพระบาทสมเดจ์บรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัวณกรุงเทพมหานครเปนที่พึ่ง ขอกองทับไปช่วย พระเจ้าอยู่หัวให้เกนทับหัวเมืองฝ่ายเหนือ พระยาพระพิศณุโลกยเปนแม่ทับ พลทหารห้าพันยก ไปถึงตำบลบ้านระแหง จึ่งได้ข่าวว่าเมืองเชียงใหม่เสียแก่พม่าแล้ว แลกองทับพม่านั้นค้างระดูอยู่เมืองเชียงใหม่ ๚ะ
๏ ฝ่ายข้างพระเจ้าอังวะทรงพระประชวนลง ก็ถึงพิราไลยไปสู่ปรโลกย์ ในศักราชปี ๑๑๒๗ ปี เสดจดำรงค์แผ่นดินอยู่สามปี จึ่งพระอนุชาธิราชซึ่งทรงพระนามว่ามองระนั้น เสดจขึ้นเถลิงถวัลย์ราชราไชยสวรรยา ณกรุงรัตนบุระอังวะ สืบสันตะติสุริยวงษดำรงราชประเพณีสืบต่อไป ๚ะ
๏ ฝ่ายหุยตองจารู้ว่า กรุงอังวะผลัดแผ่นดินใหม่ ก็คบคิดกับชาวเมืองทวาย ไล่ฆ่าฟันพม่าซึ่งอยู่รักษาเมืองเสียสิ้น หุยตองจาก็ได้เปนใหญ่ จึ่งแต่งเครื่องมงคลราชบรรณาการ มีดอกไม้ทองเงินเปนต้น ส่งเข้ามาณกรุง ๚ะ
๏ ครั้นณเดือนแปดปีมะเมียจัตวาศก น้ำเหนือหลากมาแดงเหมือนน้ำดินแดง อยู่สามวันหายไปเปนปรกติ ฝ่ายกรมหมื่นเทพพิพิตร ซึ่งให้ส่งออกไปเสียณะเกาะลังกาทวีปนั้น ไปเที่ยวอยู่ณะเมืองแขกเมืองพราหมณ์ รู้กิจติศรับท์เล่าฦๅไปว่า กรุงศรีอยุทธยาเสียแก่มางลองแล้ว จึ่งโดยสารกำปั่นลูกค้าเมืองเทษเข้ามาณเมืองมฤท พระเจ้าอยู่หัวให้รับไว้ณะเมืองตะนาวศรี แล้วแต่งข้าหลวงไปกำกับ ครั้นถึงปีวอกฉศก เดือนแปดน้ำเหนือหลากมาอีก แดงเหมือนน้ำดินแดงจาง อยู่สองวันหายเปนปรกติไป ๚ะ
๏ ครั้นณเดือนอ้าย เสดจนมัศการพระฉาย แรมอยู่สามเวน แล้วเสดจกลับลงมาสมโพชพระพุทธบาทเจดวัน จึ่งดำเนินกลับยังกรุงเทพมหานคร อนึ่งดำรัศให้พระวิสูทธโยธามาตย ฝั้นเชือกน้ำมันทำรอกไว้ให้มาก ถ้ามีการศึกมา จะเอาไม้ตั้งขาอย่างบนป้อมแลเชิงเทิน แล้วจะเอารอกติดเอาปืนกระสุนสามนิ้วสี่นิ้ว ชักขึ้นไปให้สูง แล้วจะล่ามฉะนวนยิงมิให้ฆ่าศึกเข้ามาใกล้ ๚ะ
๏ ครั้นณะเดือนสามปีวอกฉศก พระเจ้าอังวะดำรัศให้มังมหานระธาหนึ่ง มคราโบหนึ่ง มังยีเจสูหนึ่ง สดูกามนีหนึ่ง แยงตะยุหนึ่ง ยกกองทับเข้ามาตีเมืองทวาย เมืองตะนาวศรี บอกข้อราชการเข้ามากราบบังคมทูลว่า พม่ายกมาติดเมืองทวาย แลหุยตองจาเจ้าเมืองทวายนั้น ก็หนีเข้ามาณเมืองตนาวศรี ครั้นพม่าตีเมืองมฤทเมืองตนาวแตกแล้ว หุยตองจาหนีเข้าทางเมืองชุมภร พม่าก็ยกติดตามเข้ามาเผาเมืองชุมภรเสีย แล้วยกไปตีเมืองทวาย แลหุยตองจานั้นทรงพระกรุณา ให้ส่งไปไว้ณเมืองซลบุรี แต่กรมหมื่นเทพพิพิธนั้น ให้ส่งไปเมืองจันทบุรี แล้วดำรัศให้พระพิเรนทรเทพ เปนแม่ทับออกไปตั้งอยู่กาญจนบุรี ครั้นถึงเดือนเจดมังมหานรธา ให้แยงตะยุกลับขึ้นไปแจ้งราชการณกรุงอังวะ แล้วจึ่งปฤกษากันว่า เรามาตีเมืองทวายได้ บัดนี้หาผู้ใดจะต้านทานต่อฝีมือทะแกล้วทหารเราไม่ ควรเราจะเข้าไปรบชิงเอาซึ่งเสวตรฉัตร ณกรุงเทพมหานคร เปนความชอบถวายแก่พระเจ้าอังวะ เหนจะได้โดยสะดวก ๚ะ
๏ ครั้นปฤกษาพร้อมกันแล้ว ก็ดำเนินพลพยุหโยธาทับ สรรพด้วยเครื่องสาตราวุธทั้งปวง เข้ามาตีเอาเมืองเพชรบุรี เมืองราชบุรี เมืองกาญจนบุรี สมเดจพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงทราบก็ตกพระไทย ให้ชุมนุมมุขมนตรีปฤกษาเหนพร้อมกัน จึ่งมีตราออกไปให้เจ้าพระยานครศรีธรรมราช เร่งยกออกไปปิดทางข้างมฤทไว้ แล้วให้เจ้าพระยาจักรีเปนแม่ทับใหญ่ ถือพลหมื่นห้าพัน ยกออกไปตั้งรับที่เมืองราชบุรีทับหนึ่ง เพชรบุรีทับหนึ่ง แก่งตั้งทับหนึ่ง พระยากลาโหมตั้งคุมคนเจดพันยกไปตั้งรับทางท่ากระดาน ๆ นี้พม่าหาได้ยกมาไม่ ให้พระยามหาเสนาคุมพลหมื่นสองพัน ยกไปตั้งรับไว้นครสวรรค์ พระยาอำมาตยคุมพลหมื่นห้าพัน ยกไปตั้งรับไว้ไชยนาท ฝ่ายทับพม่ายกติดตามเข้ามาทุกทาง ๚ะ
๏ ฝ่ายทับไทยข้างราชบุรี ก็รบพุ่งต้านทานรับอยู่หลายวัน เหนเหลือกำลังแล้ว เพลาวันหนึ่งจึ่งคิดกันเอาสุราตรอกช้าง แลคนรับประทานเหลือกำลัง ก็รบพุ่งฟั่นเฟือนซวนเซ พะม่าก็ตีได้เมืองกาญจนบุรี เมืองราชบุรี เมืองเพชรบุรีได้แล้ว ยกมาบรรจบกัน ณบ้านลูกแก ขณะนั้นเรือลูกค้ามาคั่งอยู่เปนอันมาก พม่าไล่ฆ่าฟันในน้ำแลบกจับเปนไปเปนอันมาก แล้วพม่ายกมาตั้งค่ายอยู่ตอกระออม แลดงรังหนองขาว ๚ะ
๏ ครั้นทรงทราบเหตุ ก็มีตราคาดโทษแม่ทับแม่กองไปทุกทาง แล้วแส้งให้กิติศรับท์รู้ไปถึงพม่าว่าเปนอุบาย แกล้งรบพุ่งเสียทีให้พม่าถลำมาแล้ว จึ่งจะฆ่าเสียให้หมดทีเดียว จึ่งเกนทับหัวเมืองปากใต้ไปตั้งรับณบางบำรุ ทับเรือตั้งอยู่ณบางกุ้ง แล้วให้เกนทับเมืองพระพิศณุโลกย มาตั้งอยู่ณวัดภูเขาทอง ทับเมืองนครราชสีมา ตั้งณวัดพระเจดีย์แดง แล้วให้พระยาธรรมาคุมกองทับนครราชสีมา ลงมารักษาเมืองธนบุรี อนึ่งพระยาพระพิศณุโลกย ให้พระยาพลเทพกราบทูลพระกรุณา ลาขึ้นไปปลงสพมารดา ให้หลวงโกษามหาดไทย หลวงเทพเสนา คุมกองทับอยู่ณะวัดภูเขาทองแทน โปซุบพลาพม่ายกมาแต่เมืองเชียงใหม่ ตีเข้าทางด่านเมืองสวรรคโลกย มาตั้งค่ายณเมืองศุโขไทย พระยาพระพิศณุโลกย์ยกพลทหารไปช่วยล้อมพม่าณะเมืองศุโขไทย ๚ะ
๏ ขณะนั้น เจ้าฟ้าจิตรต้องโทษติดเวนจำอยู่ในพระราชวัง หลวงโกษาคิดอ่านให้หนืออกณะวัดภูเขาทอง แล้วก็พาเลิกทับไป ทรงพระกรุณาแต่งข้าหลวงให้ไปตาม เปนหลายนายหาทันไม่ เจ้าฟ้าจิตรไปถึงเมืองพระพิศณุโลกย์ เข้าเก็บเอาทรัพย์เงินทองของพระยาพระพิศณุโลกย์สิ้น ภรรยาพระพิศณุโลกย์หนีเล็ดลอดล่องลงมา ๚ะ
๏ ฝ่ายพระยาพระพิศณุโลกย์รู้ก็เลิกทับซุ่มอยู่หลังเมืองพิจิตร ซ่องสุมผู้คนได้มาก แล้วก็ยกขึ้นไปตั้งค่ายท้ายเมืองพระพิศณุโลกย์ รบกับพักพวกจ้าวฟ้าจิตรหลายเพลา เจ้าฟ้าจิตรจึ่งแตกหนีออกจากเมือง ตามจับได้ใส่กรงส่งลงมาถึงท้ายทุ่งสากเหล็ก ฝ่ายผู้คุมรู้ว่าพม่าตั้งอยู่บ้านกูบ ก็ภาเจ้าฟ้าจิตรกลับขึ้นไปณะเมืองพิจิตร พระยาพระพิศณุโลกย์จึ่งให้ลงมารับเจ้าฟ้าจิตร ขึ้นไปถ่วงน้ำเสียณะเมืองพระพิศณุโลกย์ ๚ะ
๏ ขณะนั้นเมืองลำพูน ซึ่งให้ตั้งบ้านเรือนอยู่ณะบางล่าง แลเหล่าวงษวานนั้น ภาอพยพหนีไปทางตะวันออกสิ้น ครั้นณะเดือนสิบ พม่ายกทับเรือลงมา ตีค่ายบางบำรุแตก แล้วยกมาตีเมืองนนท์บูรีได้ ตั้งภักพลอยู่สามวัน จึ่งเลิกทับถอยออกไปอยู่ณะตอกะออม ๚ะ
๏ ขณะนั้นกำปั่นอังกฤษลูกค้า บันทุกผ้าสุรัศเข้ามาจำหน่ายณะกรุง โกษาธิบดีให้ล่ามถามแก่นายกำปั่นว่า ถ้าพม่าจะเข้ามารบเอาเมืองธนบูรีนายกำปั่นจะช่วยฤๅจะไปเสีย นายกำปั่นว่าจะอยู่ช่วย แต่ขอให้ถ่ายมัดผ้าขึ้นให้กำปั่นเบาก่อน ครั้นถ่ายมัดผ้าขึ้นแล้ว กำปั่นก็มาถอดอยู่ณะบางกอกใหญ่ ๚ะ
๏ ครั้นณะเดีอนญี่ พม่าค่ายตอกะออมยกเข้าตีเอาเมืองธนบูรีอีก เอาปืนใหญ่ขึ้นบนป้อมวิไชยเยนทร์ยิงโต้ตอบกับกำปั่นจนเพลาค่ำ กำปั่นจึ่งถอนสมอลอยหนีขึ้นไปตามน้ำอยู่เหนือเมืองนนท์ ๚ะ
๏ ฝ่ายทับพระยายมราช ซึ่งตั้งอยู่ณะเมืองนนท์นั้น ก็เลิกหนีขึ้นไปเสีย พม่าตั้งอยู่เมืองธนบูรี แล้วจึ่งแบ่งกันขึ้นมาตั้งค่ายณะวัดเขมา ตำบลวัดตะลาดแก้วทั้งสองฟาก ครั้นเพลากลางคืนนายกำปั่นจึ่งขอเรือกราบมาชักสลุบล่องลงไปไม่ให้มีปากเสียง ครั้นตรงค่ายพม่าณะวัดเขมาแล้ว จุดปืนรายแคมพร้อมกันทั้งสองข้าง ฝ่ายพะม่าต้องปืนล้มตายเจบลำบากแตกวิ่งออกจากค่าย ครั้นน้ำขึ้นเพลาเช้า สลุบถอยมาหากำปั่น ซึ่งทอดอยู่ณะตลาดขวัน ๚ะ
๏ ฝ่ายพม่าก็ยกมาเข้าค่ายเมืองนนท์บูรี ครั้นเพลาค่ำพวกอังกฤษลูกค้าชักสลุบล่องลงไป จุดปืนรายแคมยิงค่ายเมืองนนท์ ฝ่ายพม่าหนืออกไปแอบอยู่นอกค่าย อังกฤษแลไทยลงกำปั้นเข้าไปเกบของอยู่ในค่าย พะม่าจึ่งกลับเข้ามาไล่คนในค่ายแตก ตัดศีศะล้าต้าอังกฤษได้ เสียบไว้หน้าค่าย นายกำปั่นจึ่งขอปืนกระสุนสิบนิ้วสิบบอก จะลงไปตีค่ายพะม่า แล้วจะขอเรือรบสิบลำ ครั้นเพลาบ่ายกำปั่นก็ล่องลงไปถึงเมืองธนบูรีแล้ว จึ่งทอดสมออยู่ ขณะนั้นไทยซึ่งเอาเรือน้อยลงมาเก็บผลไม้หมากพลูณสวน อังกฤษจับขึ้นไปบนกำปั่นมากกว่าร้อยก็ใช้ใบหนีไป ครั้นเพลาค่ำไทยหนีขึ้นมาได้สองคนจึ่งรู้เนื้อความ ๚ะ
๏ ฝ่ายพม่ายกขึ้นไปตั้งอยู่บางไทรแลสีกุก ขณะนั้นพระอาจาริย์วัดเขานางบวช มาอยู่ณะวัดบางระจัน ขาวบ้านแขวงเมืองวิเสศไชยชาน เมืองสุพรรณ์บุรี เมืองสิงคบุรี เมืองสรรคบุรี อพยพเข้าไปพึ่งพระอาจาริย์อยู่เปนอันมาก ๚ะ
๏ ฝ่ายพม่าขึ้นไปเกลี้ยกล่อมชาวค่ายบ้านบางระจัน แต่งกันลงมาฆ่าพะม่าเสียกลางทางเปนอันมาก พม่าจึ่งแบ่งกันทุกค่ายยกขึ้นไปจะรบ ฝ่ายชาวค่ายบ้านบางระจันยกออกตั้งอยู่นอกค่ายไล่ตลุมบอนแทงฟันพะม่าล้มตายเปนอันมาก ข้างเสนาบดีผู้ใหญ่ผู้น้อยยกออกไปจะตีค่ายพะม่า ซึ่งตั้งอยู่ณะวัดป่าฝ้าย ฝ่ายปากน้ำประสบให้สานสีชุกแบกไป ถ้าจะตั้งที่ใดเอาสีชุกตั้งเรียงให้ชิดกัน แล้วจะขุดดินใส่บังเปนค่าย แลคนยกไปวันนั้นมากเตมทุ่ง แลเสนาบดีให้อยุดแคร่ที่ใดก็ให้อยุดพร้อม ๆ กันรอไป ครั้นเหนพม่าวัดป่าฝ้ายขี่ม้าข้ามน้ำไปหาค่ายใหญ่ฟากตวันตกเปนหลายม้า จึ่งขับคนเข้าตี พะม่าในค่ายยิงปืนออกมาถูกล้มลงห้าหกคน คนทั้งนั้นก็ถอยมาสิ้น ครั้นเพลาเอย็นก็เลิกทับกลับมา ประมาณสองวันสามวันพม่ายกไปตีค่ายบ้านบางระจันอีก ทำการกวดขันขึ้นกว่าเก่า ชาวค่ายบ้านบางระจันให้เข้ามาขอปืนใหญ่สองบอก ปฤกษากราบทูลว่า ถ้าค่ายบ้านบางระจันเสียแก่พม่า ๆ จะเอาปืนเข้ามารบกรุง จะให้นั้นมิบังควร ครั้นรุ่งขึ้นพะม่ายกไปตั้งค่ายณะบ้านขุนโลก นายจันเขี้ยวคุมภักพวกออกมาตีฆ่าพะม่าเสีย ประมาณห้าร้อย ตัวก็ต้องปืนตาย ๚ะ
๏ ฝ่ายข้างในกรุงยกไปตีค่ายปากน้ำประสบอีก พม่าให้ยกหาบคอนออกหลังค่ายทำทีจะหนี พวกอาทมาถชวนกันวิ่งเข้าใกล้ค่ายพะม่า พะม่าเอาม้าไล่โอบหลังก็ถอยลงมาโพสามต้น จะมื่นศรีสรรักษ์ จะมื่นเสมอใจราช ขี่ม้าลงข้ามน้ำหนีมาฟากตะวันออก แต่พวกพระยาตากรบรออยู่ ค่อยข้ามมาต่อภายหลัง อนึ่งพระยารัตนาธิเบศร์ออกไปเรี่ยไรทองหล่อปืนใหญ่ขึ้นณบ้านบางระจันสองบอก ครั้นพม่ายกไปตีอีก ค่ายบ้านบางระจันก็แตกล้มตายเปนอันมาก ๚ะ
๏ ขณะนั้นกรมหมื่นเทพพิพิตรเข้ามาอยู่ณเมืองปราจินทบุรี อพยพราษฎรเข้ามาอยู่ด้วยเปนหลายหมื่น พม่าจึ่งยกทับเรือออกไปตีเมืองปราจินทบุรีแตก กรมหมื่นเทพพิพิตร พระยารัตนาธิเบศ หนีขึ้นไปอยู่เมืองนครราชสีห์มา ๚ะ
๏ ขณะนั้นโปแมงแม่ทับสี่กุก ก็ป่วยเปนค่ายตาย โปสุพะลาแม่ทับปากน้ำประสบ เปนใหญ่สิทธิ์ขาดอยู่แต่ผู้เดียว ยกเข้ามาตั้งค่ายณโพสามต้น แล้วให้มาตั้งค่ายณบ้านป้อมวัดท่าการ้อง แลก่อป้อมๆสูง ฝ่ายข้างในกรุงแต่งทับเรือขึ้นไป จะตีค่ายวัดท่าการ้อง พะม่ายิงปืนมาถูกนายเริก ซึ่งยืนรำดาบอยู่น่าเรือ ตกน้ำลงคนหนึ่ง ก็ถอยทับกลับมาสิ้น ๚ะ
๏ วันนั้นพพม่าตั้งค่ายณะวัดภูเขาทอง พระศรีสุริยภาค ซึ่งเปนนายป้อมท้ายซัดกบ ให้ประจุปืนพระมหากาลมฤษตยูราชสองซัดสองลูก ยิงไปนัดหนึ่งปืนก็ร้าวราน ครั้นเพลาค่ำไทยหนีมาคนหนึ่งให้การว่า ปืนมหากาลมฤษตะยูราช ซึ่งได้ยิงออกไปนั้น ถูกเรือรบพะม่าล่มสองลำคนตายหลายคน แล้วพะม่ายกเข้ามาตั้งค่ายวัดกะชาย วัดพลับพลาไชย วัดเต่า วัดสุเรน วัดแดง ๚ะ
๏ ครั้นเดือนสิบสองแต่งทับเรือให้พระยาตาก พระยาเพชรบูรี หลวงสุรเสนี ออกไปตั้งอยู่วัดใหญ่ คอยสกัดเรือรบพะม่า ซึ่งขึ้นลงหากัน อนึ่งพะม่าค่ายบางไทร วัดโปรดสัตวยกทับเรือกลางทุ่ง พระยาเพชรบูรียกออกตีณะวัดสังฆาวาส ก็ตายในที่รบ ๚ะ
๏ พระยาตากหลวงศรเสนีถอยมาแอบดู หาช่วยหนุนไม่ แล้วไปตั้งอยู่ณะวัดพิไชย ๚ะ
๏ ฝ่ายข้างในกรุงเกนให้มาตั้งค่ายอยู่ณะวัดไชยวัฒนาราม จีนออกไปตั้งณะคลองสวนพลู ครั้นเดือนอ้ายโปซุบพลา ให้กองทับเมืองแพร่ มาตั้งโพธิ์สามต้นข้างฟากตะวันออก กองทับเมืองแพร่ยกหนีไปทางพระพุทธบาท ให้ถือหนังสือเข้ามาถึงพระยายมราชว่า พระเจ้าทรงธรรมมีพระคุณอยู่ จึ่งมิได้อยู่รบกรุงด้วยพะม่า ๚ะ
๏ ครั้นเดือนญี่ปีจออัฐศกเพลาค่ำ เกิดเพลิงขึ้นณะท่าทรายไหม้ลามมาตะพานช้าง ค่ามติดป่ามะพร้าว ป่าโทน ป่าถาน ป่าทอง ป่าหย้า วัดราชบุรณะ พระมหาธาตุ เพลิงไปหยุดเพียงวัดฉัดทันต์ ๚ะ
๏ อนึ่งจีนค่ายคลองสวนพลูสี่ร้อยเสศ ชวนกันขึ้นไปทำลายพระพุทธบาท เลิกเอาเงินดาศพื้น ทองหุ้มพระมณฑปน้อยลงมาสิ้น ครั้นพระเจ้าแผ่นดินทราบจึ่งให้ว่าแก่นายค่าย ให้สืบเอาเงินทองของพระพุทธบาททรงส่งเข้ามา ๚ะ
๏ ขณะนั้นพะม่ายกเข้ามาเผาพระที่นั่งพะเนียดเสีย แล้วตั้งค่ายณะพะเนียดแลวัดสามพิหาร วัดมณฑป แลตั้งล้อมรอบกรุง ๚ะ
๏ ฝ่ายข้างในกรุงนั้นเกิดโจรปล้นมิได้ขาด คนอดโซเปนอันมาก ที่หนีออกไปหาพม่าก็เนือง ๆ แล้วพม่าทำตะพานข้ามทำนบรอเข้ามา ขุดอุโมงค์รุ้งเชิงกำแพง แลตั้งป้อมสาลาดิน ตั้งค่ายวัดนางปลื้มก่อป้องสูง เอาปืนใหญ่ขึ้นยิง แล้วพะม่ายกมาตั้งค่ายวัดศรีโพ ๚ะ
๏ ฝ่ายข้างในกรุงให้ชักปืนปราบหงษาวดี ออกไปตั้งริมท่าทราย กระสุนแรกประจุดินน้อยยิงต่ำไปถูกตะหลิ่ง ครั้นประจุดินมากยิ่งขึ้นโด่งข้ามวัดศรีโพไป จึ่งดำรัศให้พระยากระลาโหม แลข้าหลวงออกไปเจรจาความเมืองกับพะม่า ณะค่ายพะเนียดว่า กรุงเทพมหานครกับกรุงอังวะร่วมราชสโมสรสามคีมาแต่ก่อน บัดนี้เหตุผลเปนประการใด จึ่งยกกองทับมาย่ำยีให้ร้อนอกสมณพราหมณ์ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดิน ๚ะ
๏ ฝ่ายพะม่าว่ากรุงศรีอยุทธยาแต่ก่อนเคยน้อมนำบรรณาการไปออกแก่กรุงหงษาวดี แลสืบมาบัดนี้ละโบราณราชประเพณีเสีย ตั้งแขงเมืองอยู่ จึ่งได้ยกกองทับมารบ ครั้นพระยากลาโหมกลับเข้ามากราบทูลพระเจ้าแผ่นดิน ๆ ตำรัศว่าอ้ายพะม่าว่าเอาเปล่า ๆ ๚ะ
๏ แต่พะม่าล้อมกรุงอยู่ครั้งนั้นนานถึงสองปีเสศ ขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยอาษาออกรบแตกยับเยินเข้ามา ที่สุดจนขุนนางจีน ขุนนางแขก ขุนนางฝรั่ง ขุนนางมอญ ขุนนางลาว แลนายโจรนายซร่อง ก็ชวนกันออกอาษาตีกองทับพะม่าที่ล้อมกรุงทั้งแปดทิศ ก็มิได้ชะนะ พะม่ากลับฆ่าฟัน ล้มตายแตกเข้ามาทั้งสิ้น ด้วยอายุแผ่นดินกรุงพระนครศรีอยุทธยาถึงกาลขาด จึ่งอาเพทให้เหนประหลาดเปนนิมิตร พระประทานวัดเจ้าพระนางเชิง น้ำพระเนตรไหลลงมาจนพระนาภี ในวังนั้นวัดพระศรีสรรเพชนั้น พระบรมไตรยโลกย์นารถ พระอุระแตก ดวงพระเนตรตกลงมาอยู่ที่ตักเปนอัศจรรย์ พระเจดีย์วัดราชบูรณะนั้น กาบินมาเสียบตายอยู่บนปลายยอดโดยอาเพศ ๚ะ
๏ อนึ่งรูปพระนะเรศวรเจ้าโรงแสงใน กระทืบพระบาทสนั่นไปทั้งสี่ทิศ อากาษก็วิประริตไปต่าง ๆ บอกเหตุบอกลางจะเสียกรุง ๚ะ
๏ ฝ่ายพม่าก็ยกมารบค่ายวัดไชยวัฒนารามเก้าคืนก็แตก แล้วมารบค่ายจีนคลองสวนพลูสิบห้าคืนจึ่งสำเร็จ ๚ะ
๏ ครั้นณวันอังคารเดือนห้าขึ้นเก้าค่ำปีกุญนพศกเพลาบ่ายสี่โมง พะม่ายิงปืนป้อมสูงวัดท่าการ้อง วัดนางปลื้มระดมเข้ามาณะกรุง แล้วเอาเพลิงจุดเชื้อที่รากกำแพงครั้นเพลาค่ำกำแพงทรุดลงน่อยหนึ่ง พะม่าก็เข้ากรุงได้เอาไฟเผาพระราชวัง แลวัดพระศรีสรรเพช ๚ะ
๏ ขึ้นเสด็จอยู่ในราชสมบัติเก้าปี พม่าจึ่งทำลายกำแพงกรุงเสีย แล้วกวาดเอากระษัตริย์ขัติวงษ์ แลท้าวพระยาเสนาบดีอพยพทั้งปวงไป ๚ะ
๏ ลุศักราช ๑๑๒๙ ปีกุญนพศก แต่พระเจ้าแผ่นดินนั้นหนีออกไปจากพระนครองค์เดียว ได้ความทุกข์ลำบากก็ถึงพิราไลยไปสู่ประโลกย์ ชนทั้งปวงจึ่งนำเอาพระศพมาแล้วก็ฝังไว้ ๚ะ
----------------------------
๏ อายุกรุงเก่า ๔๑๗ ปี พระเจ้าแผ่นดิน ๓๔ พระองค์เท่านั้น ๚ะ
๏ จบเล่ม ๒๗ สมุดไทย ๚ะ
----------------------------