๑๕

๏ เล่ม ๑๕ ต่อไป ๚ะ

๏ สมเดจพระเจ้าอยู่หัว ตรัสได้ทรงฟังมุขมนตรีกราบทูลดังนั้น มีพระไทยโสมนัศปราโมชยิ่งนัก จึ่งให้พฤฒาจารยผู้รู้ตำหรับพระราชพิธีไปจัดแจงตกแต่งการทั้งปวง พฤฒาจารยรับพระราชโองการแล้ว ก็ให้กดหมายสั่งทุกพนักงานให้ทำเขาสิเนรุราชน่าจักระวัติไพชยนตมหาปราสาท มีเขาไกรลาศ แลเขาสัตพันทล้อมเขาพระสิเนรุเปนชั้น ๆ ออกมา แล้วให้ช่างกระทำรูปอสุรกุมภัณฑคนธรรพ์ คนธัพธานพพระอีฤาศรีสิทธิ์วิทยาธรกินรนาคสุบรรณทั้งหลาย รายเรียงโดยรยะเขาสัตพันคิรีแล้ว ให้กระทำรูปสมเดจอัมรินทราธิราชสถิตยอยู่ณยอดเขาพระสิเนรุราชเปนประธาน จึ่งให้ทวิชาจารยแต่งกายเปนพระอิศวร เปนพระพิศณุ พระพายุ พระพิรุณห พระเพลิง พระยม พระไพศภ พระจันทร พระอาทิตย รูปเทพยุเจ้าทั้งสิบสองราษรี แวดล้อมสมเดจอำมรอินทราธิราช โดยอันดับศักกะเทวราช จึ่งเอาแผ่นสุวรรณชาติลิขิตอักษรด้วยชาติหรคุณ เปนศักราชใหม่บันทัดหนึ่ง เปนศักราชเดิมบันทัดหนึ่ง ใส่พานจำหลักสรรพางวางไว้หน้าสมเดจอัมรินทราใต้มหาเสวตรฉัตร ยอดเขาสิเนรุราช แลเชิงเขาสัตพันทั้งแปดทิศนั้นกระทำรูปช้างอัฐคชยืนแปดทิศเปนอาทิ คือทิศบุรพไว้พระยาเสวตรกุญชรทิศอาคเนโรมหัศดินทรศรีพระเพลิง ทิศทักษิณรัตน์นาคกุญชร ศรีแก้วมุขดา ทิศหรดี อัญชัญศรีนิลอุบล ทิศปราจินโกมุทกุญชรศรีแก้วไพทูริย ทิศภายัพ สารนิลาคชเรศรศรีแก้วอินทนิล ทิศอุดร, ทิศอิสาร, เสวตรคชาธารศรีขาวอ่อน.แลหว่างช้างอัฐคชนั้น ก็วางอัศวราชแปดหมู่นอกนั้นตั้งราชวัตฉัตรธงไชยธงประดาก แลต้นกล้วยต้นอ้อย ประดับประดาด้วยพู่มพนมบุบผาชาตต่างๆ เปนมโหฬารดาดาษ แลตั้งพิธีไสยสาตร ณเชิงเขาสัตพันททั้งสี่ทิศรอบราย. แตรสังขดุริยดนตรีพิณพาทฆ้องไชยเภรีบันเดาะโกลาหล แล้วเทียบขนัดพลตั้งกลาบาท เปนชั้น ๆ ออกมามากนัก แลในจังหวัดไพชยนตมหาปราสาท ก็รจนาตกแต่งพระที่นั่งบันลังก์อาศน์อันวิจิตรไว้เบญจราชกุกกุภัณฑ แล้วเชิญพระปฏิมากรแลพระไตรยปิฎกธรรมมาตั้งเปนประธาร นิมนตพระสงฆสังฆราชราชาคณะคามวาศรีอรัญวาศรี มาสวดพระพุทธปริตมหามงคลสูตรอันประเสริฐ ทวิชาจารยจัดแจงการทั้งปวงนั้นเสรจ จึ่งกราบทูลสมเดจพระเจ้าอยู่หัวให้ทราบทุกประการ. ครั้นได้ศุภวารมหามงคลฤกษพระบาทสมเดจบรมนาถบรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัว ก็สำอางองคทรงษาฎกพัตถวิภูษาเสรจ เสดจทรงมหาราเชญทรยานกาญจนอลงกฎรจนา พร้อมด้วยพฤฒาจารยทั้งปวง เสดจมาประทับเกยณเชิงสัตพันทบรรพต เสดจบทบาทยาตราขึ้นไปยังยอดเขาพระสิเนรุราช พระองค์ก็ถวายอภิวาทพระบรมรัตนตยาธิคุณสุนทรภาพ ด้วยเบญจางคประดิฐอธิฐานบาระมีโดยพระไทยปราถนา แล้วยอพระกรเบื้องขวาลบศักราชเดิมนั้นเสียเสรจ. พราหมณ์ที่แต่งกายเปนพระอิศวร,พระนารายน แลเปนเทพยุเจ้านั้น ก็อวยไชยถวายพรโดยสารโศลกวิธีพรหมทวิชาจารยก็เป่าสังขแตรดุริยดนตรี.พิณพาทฆาดฆ้องไชยเภรีมี่สนั่นศรับทก้องโกลาหลทั้งพระนคร แล้วสมเดจพระเจ้าอยู่หัวเสดจกลับยังพระราชมณเฑียรสถาน ๚ะ

๏ รุ่งขึ้นทรงพระราชตำริหจะให้ทาน แก่หมู่พรรณิพกรอบเมือง จึ่งมีพระราชโองการให้มหาอำมาตยตกแต่งพระนครให้เสรจแต่ในสามวัน อำมาตยรับพระราชบริหารแล้วก็ให้เจ้าพนักงานจัดแจง แถวสถลมารครัฐยาทุบปราบให้ราบรื่นเปนอันดี ตั้งราชวัดฉัตรธงปักต้นกล้วยต้นอ้อยโดยระยะทาง ให้ตั้งไม้กามพฤกษห่างกันสิบวารอบพระนครพร้อมโดยพระราชบริหาร ๚ะ

๏ ครั้นเพลารุ่งเช้าแล้วสามนาฬิกาหกบาทได้อุดมฤกษ สมเดจพระพุทธเจ้าอยู่หัว ก็ทรงเครื่องสำรับขัติยราชลังกาภรณบวรวิภูษิตเสรจเสดจทรงพระยากุญชรตัวประเสวิฐ แลกลางช้างนั้นวางพานทองรองหิรัญสำหรับจะโปรยทาน พร้อมด้วยเสนางคนิกรทวยหารโดยเสดจจะนับมิได้ ครั้นออกจากทวารพระราชวังแล้ว พระเจ้าอยู่หัวก็โปรยทานแก่ยาจกพรรนิพกทั้งหลายแล้ว เสดจไปถึงกามพฤกษต้นใดก็ให้อยุด ให้พนักงานซึ่งขึ้นอยู่นั้นโปรยทาน แลหว่างต้นกามพฤกษพระองคก็อยุดโปรยทานไปโดยลำดับ จนรอบพระนครแล้วเสรจเสดจกลับพระราชวัง ในลำดับเดือนนั้นสมเดจพระเจ้าอยู่หัวบริจาคพระราชทรัพยแลราชพาหนกระทำสตฎกมหาทาน เปนทานแก่พราหมณวิชาชาติแลยาจกพรรนิพกทั้งปวงเปนอาทิ คือช้างร้อยหนึ่งม้าร้อยหนึ่ง ทาษชายร้อยหนึ่งทาษหญิงร้อยหนึ่งเงินร้อยชั่ง ทองร้อยชั่ง ราชรถร้อยหนึ่ง แลแต่งการออกสนามมีมหรรศภสมโพธตรีวารเปนมโหฬาราทิการยิ่งนัก ๚ะ

๏ ในปีนั้นสมเดจพระเจ้าอยู่หัวให้มีราชสาสนไปกรุงรัตนบูระอังวะ. ในพระราชสาสนนั้นว่า สมเดจ์เจ้าพระยากรุงเทพมหานครศรีอยุทธยามหาดิลกภพอันเสดจ์ปราบดาพิเศกผ่านพิภพไอยสุรียสวรรยาธิปัติถวัลยราชประเพณี มีพระราชหฤไทยหน่วงน้าวพระบรมโพธิญาณ บำเพญทานการกุศลเปนอจลศรัทธาแท้มิได้หวาดหวั่นไหว,ตั้งพระไทยที่จะรื้อสัตวให้พ้นห้วงมหรรนพนทีธารกล่าวคือสังสาระวัฎ.บัดนี้เหนว่ากระลียุคจะถึงแก่สัตวทั้งหลายทั่วประเทศธาณีใหญ่น้อยทั้งปวง เพราะจุลศักราชถ้วน ๑๐๐๐ ในปีขารสัมฤทธิศก จึ่งอุษาหะกระทำสัตยาธิฐานแล้วตั้งพระราชพิธีลบศักราช เอาปีกุนเปนสัมฤทธิศก ขึ้นดิถีวารจันทรเถลิงศกเปนทวาปรายุคเพื่อจะให้ทั่วประเทศธาณีใหญ่น้อยทั้งปวง เปนบรมศุขสมบูรณทั่วกัน ให้พระเจ้ากรุงอังวะแลเมืองขอบขันท์เสมาทั้งปวงไช้ศักราชตามพระนครศรีอยุทธยาลบนี้เถิด ส่งพระราชสาสนไปเมืองตองอูให้เมืองตองอูไปส่งกรุงอังวะ. ๚ะ

๏ ครั้นลุศักราช ๑๐๐๒ ปีมโรงโทศก พระเจ้ากรุงอังวะแต่งทูตานุทูตจำทูลพระราชสาสนมา แลในพระราชสาสนนั้นว่า พระเจ้ากรุงรัตนบุระอังวะอันตั้งอยู่ในธรรมสาตรราชสาตร แลมีบ่อแก้วบ่อทองแลพื้นเมือง ขอจำเริญทางพระราชไมตรีมายังสมเดจ์พระเจ้ากรุงทวาราวดี ด้วยแจ้งกฤษติศรับท์ไปว่า สมเดจ์พระเจ้าทรงธรรมนั้นทิวงคตไปแล้ว พระองค์ขึ้นผ่านพิภพตามราชประเพณี มีพระกฤดิยศกฤดิคุณใหญ่ยิ่งกว่ากระษัตราธิราชแต่ก่อน ก็ประกอบด้วยปราสาททองแลเสวตร์กุญชรชาติตัวประเสริฐเปนศรีเมืองนั้น ฝ่ายกรุงรัตนบุระอังวะมีความยินดีนัก บัดนี้ให้ทูตานุทูตมาถวายข่าวพระสพตามประเพณี แลจำเริญทางพระราชไมตรีด้วย ประการหนึ่งซึ่งพระองค์จะให้ใช้ศักราชตามพระนครศรีอยุทธยานั้น ฝ่ายกรุงภุกามประเทศ แลรามัญประเทศได้ใช้ศักราชเดิมหลายชั่วกระษัตรีย์มาแล้ว ครั้นจะใช้ตามมีพระราชสาสนไปนั้นเกรงจะฟั่นเฟือน ซึ่งพระเจ้ากรุงทวาราวดีลบได้ก็ให้พระองค์ใช้เถิด ครั้นแปลแล้วสมุหนายกเอากราบทูลพระกรุณา ทรงเคืองพระไทยตรัสว่า อ้ายพม่ามันมิใช้ตามเราก็แล้วไป ครั้งนั้นเสดจ์ออกมุขจักรวรรดิไพชยนตมหาปราสาท เบิกแขกเมืองเข้าถวายบังคม ตรัสพระราชประฏิสรรฐารสามนัดเล้ว ตั้งให้เลี้ยงแขกเมืองก็เสดจขึ้น เจ้าพนักงานยกของมาพระราชทาน แขกเมืองมิได้รับพระราชทาน ว่าอย่างธรรมเนียมกรุงอังวะถ้าทูตานุทูตไปเยียนพระสพ ห้ามมิให้รับพระราชทานเพลาเอย็นสมุหนายกกราบทูล ทรงพระกรุณาให้ต่อว่าแขกเมืองว่า อย่างธรรมเนียมกรุงพระนครศรีอยุทธยา ถ้าไปเยียนสพย่อมแต่งของบริโภคเลี้ยงให้อิ่มหนำ จึ่งได้ชื่อว่านับถือกัน นี่ตัวมากรุงพระนครศรีอยุทธยาแล้วไม่รับพระราชทานนั้น. ไม่นับถือกรุงพระนครศรีอยุทธยาฤๅ ๆ ว่าสิ่งของซึ่งพระราชทานนี้ไม่ดีเหมือนกรุงอังวะ ถ้าไปต่อว่าแขกเมืองดื้ดึงอยู่ไม่รับพระราชทาน ก็ให้เอาสิ่งของราดรศศรีศะลงแล้วขับเสียจากเมือง เจ้าพนักงานก็ไปต่อว่าโดยพระราชโองการ. แขกก็มิได้รับพระราชทาน เจ้าพนักงานก็เอาสิ่งของราดรศศีศะแขกเมืองแล้วขับเสียจากพระนคร ๚ะ

๏ ลุศักราช ๑๐๐๓ ปีมเสงตรีศก สมเดจ์พระเจ้าอยู่หัวเสดจ์พระราชตำเนินลงไปประภาศพระที่นั่งไอสวรรย์ทิพย์อาศน์ วันนั้นเสดจ์อยู่แรมเพลาค่ำออกมายืนอยู่น่ามุข สมเดจ์พระเจ้าลูกเธอพระนารายน์ราชกุมารส่องโคม อสนีตกลงต้องน่าบันแว่นประดับรูปสัตว ตกกระจายลงมารอบพระองค์ สมเดจ์พระพุทธเจ้าอยู่หัวแลสมเดจ์พระเจ้าลูกเธอจะได้เปนอันตรายหามิได้ ทรงพระกรุณาให้พระโหราทำนาย ถวายพยากรณ์ว่าเปนมหาศุภนิมิตร์ จะทรงพระกฤษฎาธิการยิ่งขึ้นไป แล้วจะได้พระราชลาภต่างประเทษ ถึงเดือนสิบกำปั่นอลิมัดหรำลูกค้าเมืองเทษบันทุกพรรณผ้าแลได้ม้าเทษสูงสามศอกสองนิ้วเข้ามาถวายสองม้า กับกั้นยั่นฝักด้ำถมยาราชาวดีประดับนพรัตน์เล่มหนึ่ง กับสิ่งของนอกนั้นเปนอันมาก ๚ะ

๏ ลุศักราช ๑๐๐๕ ปีมแมเบญจศก พระโหราถวายฤกษฎีกาว่า ในสามวันนี้จะเกิดเพลิงไหม้ในพระราชวัง สมเดจ์พระเจ้าอยู่หัวตรัสได้ทรงฟังตกพระไทย ด้วยโหราคนนี้ทายแม่นยำนัก ครั้งหนึ่งเสดจ์อยู่ในพระที่นั่งไพชยนตมหาปราสาท มุสิกะตกลงมาทรงพระกรุณาเอาขันทองครอบไว้ให้หาพระโหรามาทาย พระโหราคำนวนแล้วทูลว่าสัตวสี่ท้าว ทรงพระกรุณาตรัสว่าขี่ตัว พระโหธาขับคำนวนเแล้วว่าสี่ตัว ทรงพระกรุณาตรัสว่าสัตวสี่ท้าวนั้นถูกอยู่แล้ว แต่ที่สี่ตัวนั้นผิดแล้ว ครั้นเปิดขันทองขึ้นเหนลูกมุสิกะคลานอยู่สามตัว, กับแม่ตัวหนึ่งเปนสี่ตัว ก็ทรงพระกรุณาตรัสสรรเสริญพระโหราธิบดีว่า ดูแม่นกว่าตาเหนอีก ให้พระราชทานเงินตราชั่งหนึ่งเสื้อผ้าสองสำรับ แต่นั้นมาก็เชื่อถือพระโหราธิบดีนัก ครั้นทราบว่าจักเกิดเพลิงจึ่งมิไว้พระไทย ให้ขนของในพระราชวังออกมา ไปอยู่วัดไชยวัฒนารามทั้งเรือบันลังก์ เรือศรี เรือคลังคับคั่งแออัดกันอยู่ แลในพระราชวังนั้นเกนไพร่สมพรรค์สรรพด้วยพร้าขอกะตร้อน้ำรักษา ห้ามมิให้หุงเข้าในพระราชวัง แล้วให้เรือตำหรวจคอยบอกเหตุทุกทุ่มโมง.ครั้นถึงคำรบสามวันเพลาชายแล้วสี่นาฬิกา เรือตำหรวจลงไปกราบทูลพระกรุณาว่าสงบอยู่ สมเดจพระเจ้าอยู่หัวตรัสว่า ครั้งนี้เหนพระโหราธิบดีจะผิดอยู่แล้ว สั่งเรือเถิดจะเข้าพระราชวัง เจ้าพนักงานก็เคลื่อนเรือพระที่นั่งกิ่งเข้ารับเสดจ์ พระเจ้าอยู่หัวเสดจ์มาถึงฉนวนน้ำประจำท่า พระโหราธิบดีอยู่ท้ายเรือพระที่นั่งกราบทูลว่า ฃอให้ย่ำฆ้องค่ำก่อนจึ่งจะสิ้นพระเคราะห์ สมเดจพระเจ้าอยู่หัวก็ให้ลอยเรือพระที่นั่งอยู่ เพลาชายแล้วห้านาฬิกาเมฆตั้งพยับคลุ้มขึ้นข้างปราจินทิศ ฝนตกพรำ ๆ ลงมา ทรงพระกรุณาตรัสแก่พระโหราว่าฝนตกลงมาสิ้นเหตุแล้วกระมัง. พระโหรากราบทูลว่า ฃอพระราชทานงดก่อนภอสิ้นคำลง อสนีเปรี้ยงลงมาต้องเหมพระมหาปราสาท เปนเพลิงติดพลุ่งโพลงขึ้นไหม้ลามลงมา คนทั้งหลายซึ่งอยู่ในพระราชวังมิรู้ที่จะทำประการใด แลดีบุกอันดาษหลังคานั้นไหลราดลงมาดั่งห่าฝน เพลิงก็ไหม้ติดต่อไปทั้งห้องคลังเรือนหน้าเรือนหลังร้อยเรือนจึ่งดับได้ สมเดจพระเจ้าอยู่หัวตรัสให้พระโหราดูว่า เพลิงฟ้าไหม้ดั่งนี้จะดีฤๅร้าย.พระโหรากราบทูลพระกรุณาว่าดี จะมีลาภแลกอปด้วยอิศริยศพระเกียรติยศจะปรากฎไปในนาๆประเทษทั้งปวง บันดาอริราชไพรีจะเกรงพระเดชเดชาณุภาพเปนอันมาก สมเดจ์พระเจ้าอยู่หัวตรัสได้ทรงฟังมีพระไทยปราโมชยิ่งนัก.ครั้งนั้นเพลิงไหม้แต่พระที่นั่งมังคลาภิเศกที่ชื่อปราสาททอง แลพระที่นั่งจักรวัติไพชยนตมหาปราสาท แลพระที่นั่งสรรเพชรปราสาท จะได้ไหม้ด้วยหามิได้ สมเดจพระเจ้าอยู่หัวเสดจ์เข้าพระราชวัง ทรงพระกรุณาให้ช่างจับการก่อพระมหาปราสาท แลทำคลังเรือนข้างในทั้งปวงสามเดือนเรือนข้างในเสรจ แต่พระมหาปราสาทปีหนึ่งจึ่งสำเรจ์ ให้นามชื่อพระวิหารสมเดจ์ ๚ะ

๏ ลุศักราช ๑๐๐๖ ปีวอกฉศก สมเดจ์พระเจ้าอยู่หัวปราสาททองครองพิภพมณฑลสบสกลสีมาอาณาจักร์ พรักพร้อมด้วยหมู่จัตุรงค์เรืองพระเดชเดชาณุภาพเพราะบรมโพธิสมภาร สมณพราหมณาจารย์แลไพร่ฟ้าขอบขันทเสมาเปนศุขสมบุรณทั่วหน้ามาจบ ๚ะ

----------------------------

๏ แผ่นดินเจ้าฟ้าไชย ๚ะ

๏ ลุศักราช ๑๐๑๗ ปีมแมสัปดตศก สมเดจพระเจ้าอยู่หัวทรงพระประชวรหนัก แปรสฐานลงไปอยู่พระที่นั่งเบญจรัตน ทรงพระกรุณามอบราชสมบัติ แลพระแสงขรรคไชยศรีให้สมเดจ์พระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าไชย อยู่สามวันเพลายามสามก็เสดจ์สวรรคต. พระเจ้าอยู่หัวปราสาททองอยู่ในราชสมบัติยี่สิบหกพรรษา เจ้าฟ้าไชยก็ได้ครองราชสมบัติ ๚ะ

----------------------------

๏ แผ่นดินพระศรีสุธรรมราชา ๚ะ

๏ ครั้นอยู่มาลุศักราช ๑๐๑๘ ปีวอกอัฐศก สมเดจ์พระนารายน์เปนเจ้าก็ให้คนสอดแนมออกมาคิดราชการ ด้วยพระศรีสุธรรมราชาผู้เปนพระเจ้าอา ๆ ก็กำหนดเข้าไป ครั้นเพลาค่ำพระนารายน์เปนเจ้า ก็ภาพระขนิฐาของพระองค์ลอบหนีออกทางประตูตัดสระแก้วไปหาพระเจ้าอาว พระศรีสุธรรมราชากับพระนารายน์ราชนัดา สุ้มผู้คนพร้อมแล้วก็ยกเข้ามาพระราชวัง กุมเอาตัวเจ้าฟ้าไชยไปสำเร็จ์จโทษเสีย ณวัดโคกพระยา ๚ะ

๏ พระศรีสุธรรมราชาก็ได้ผ่านพิภพกรุงเทพทวาราวดีศรีอยุทธยา ตรัสให้สมเดจ์พระนารายน์ราชนัดาเปนอุปราช.สมเดจ์พระนารายน์เปนเจ้าก็เสดจ์อยู่ณพระราชวังบวรสถานมงคล อยู่มาสองเดือนเสศสมเดจ์พระศรีสุธรรมราชาพระเจ้าแผ่นดินทอดพระเนตรเหน พระราชกัลยานีน้องพระนารายน์ราชนัดดา ทรงพระรูปศิริวิลาศเลิศลักษณนารี ก็มีพระไทยเสนหาผูกพันธ์ปราศจากลัจชีสมโภค จึ่งให้หาขึ้นไปบนที่หวังจะร่วมรสสังวาศด้วยพระราชกัลยานี ๆ มิได้ขึ้นไปหนีลงมาพระตำหนัก แล้วบอกเหตุกับพระนม ๆ จึ่งเชิญพระราชกัลยานีเข้าไว้ในตู้พระสมุดหามออกมา เสว่าจะเอาพระสมุดไปยังพระราชวังบวรสถานมงคล นายประตูก็มิได้สงไสย ครั้นไปยังพระราชวังบวรสถานมงคลแล้ว พระราชกัลยานีก็ออกจากตู้เข้าเฝ้าสมเดจ์พระเชษฐาธิราชทรงพระกรรแสงทูลประพฤติเหตุทั้งปวง ซึ่งสมเดจ์พระเจ้าอาวเปนพาลทุจริต สมเดจ์พระนารายน์บรมบพิตรเปนเจ้าได้ทรงฟังก็ทรงพระโทมนัศน้อยพระไทยนักจึ่งตรัสว่า อนิจาพระเจ้าอ่าวเรานี้คิดว่าสมเดจ์พระบิตุราชสวรรคตแล้ว ยังแต่พระเจ้าอ่าวก็เหมือนพระบรมราชบิดายังอยู่ จะได้ปกป้องพระราชวงษานุวงษสืบไป ควรฤๅมาเปนดั่งนี้ได้ พระองค์ปราศจากหิริโอตัปะแล้ว ไหนจะครอบครองราชสมบัติเปนยุติธรรมได้เล่า น่าที่จะร้อนอกสมณชีพราหมณ์อาณาประชาราษฎรไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินเปนแท้ จะละไว้มิได้ ด้วยพระองค์ก่อแล้วจำจะสานตาม จะเสี่ยงเอาพระบาระมีเปนที่พึ่ง. พระนารายน์ทรงพระราชตำริหแล้วจึ่งให้หาขุนนางเข้ามาในพระราชวัง ตรัสแจ้งประพฤติเหตุซึ่งจะทำยุทธนั้น ขุนนางทั้งหลายได้แจ้งในรับสั่งดั่งนั้นต่างคนก็ทูลอาษาฃอเอาชีวิตรเปนแดนแทนพระคุณทุกคน. สมเดจ์พระนารายน์เปนเจ้าได้ทรงฟังมีพระไทยปราโมชยิ่งนัก ตรัสกระทำมงคลแต่งให้พลทั้งปวงใส่เปนสำคัญแล้ว ให้เอาใบสเดาเปนประเจียดสำหรับเมื่อจะยุทธนั้น เพราะเหตุว่าพระศรีสุธรรมราชาธิราชไซ้ลพระชนม์วารวันศุกร แลใบสเดานั้นเปนนามแห่งอริราช ๚ะ

๏ ครั้นแล้วสมเดจ์บรมบพิตรพระนารายน์เปนเจ้า ก็ให้สการบูชาพระศรีรัตนไตรย แลพระอิศวร, พระนารยน์เปนเจ้า แลเทพดาผู้มีฤทธิสิทธิศักดาทั้งปวงตำรัสสั่งขุนเสนาไชย ขุนจันทราเทพ ขุนทิพมนตรี ขุนเทพมนตรี ขุนสิทธิคชรัตน ขุนเทพศรีธรรมรัตน ให้คุมไพร่พลร้อยหนึ่งอยู่รักษาพระราชวังบวรสถารมงคล. ในวันพฤหัศบดีเดือนสิบสองขึ้นสิบค่ำ เพลาชายแล้วห้านาฬิกาเสศ สมเดจ์พระบรมบพิตรพระเปนเจ้า ก็แต่งพระองค์สรรพสำหรับการพิไชยยุทธ จึ่งทรงพระสิโตทกอธิฐานแล้ว ก็เสดจ์ทรงช้างต้นพลายมงคลไอยเรศร์ ตรัสให้พระเทพเดชะเปนกลางช้างพระที่นั่ง ขุนพระศรีควาน. แลตรัสให้สมเดจ์พระอินทราธิราช ผู้เปนพระอนุชาทรงช้างต้นพังกะพัดทอง ขุนพรหมธิบาลเปนกลางช้างพระที่นั่ง หมื่นเทพกุญชรควาน ตรัสให้เมืองมโนรมย์ขี่ช้างต้นพลายพรหมภักตร์ นายไทมหาดเล็กเปนกลางช้าง, มปรางควาน หมื่นราชกุญซรขี่ช้างต้นพังตลับนำช้างพระที่นั่ง ครั้นได้ศุภวารมหุดิฤกษเพลาอันประเสริฐ ก็เสดจ์กรีธาพลพยุหบาตราสรัพด้วยเครื่องราโชประโภค แลประโคมฆ้องกลองแตรสังข์ จึ่งเสดจ์พระราชดำเนินโดยทวารพิพิธ ยาตราไปโดยทางน่าวัดพลับพลาไชย จึ่งพระยาเสนาภิมุข พระยาไชยาสุร คุมยิปุ่นสี่สิบมากราบทูลฃออาษาราชการ. แล้วหลวงพิชิตรเดชออกมากราบทูลฃออาษาราชการ แล้วเสดจ์พระราชตำเนินโดยทางชีกุน ฝ่ายสมเดจ์บรมบพิตรพระศรีสุธรรมราชารู้ว่า สมเดจ์บรมบพิตรพระเปนเจ้าเสดจ์ยกเข้ามาแต่พระราชวังบวรสถานมงคล ก็สั่งแก่พระมหาเทพ หลวงอินทรเดชให้เอาขุนบำเรอภักดิ์ แลอ้ายมั่นผู้ทาษขุนบำเรอภักดิ์ไปพิฆาฎเสียน่าบางตรา แลขุนบำเรอภักดิ์ก็หนีรอด จึ่งกราบถวายบังคมสมเดจ์พระบรมบพิตรเปนเจ้าถึงน่าวัดฉัตทันต์ได้แต่อ้ายมั่นทาษขุนบำเรอภักดิ์ไปพิฆาฎเสีย แลสมเดจ์พระบรมบพิตรเปนเจ้ามาอยุดช้างต้นน่าพระที่นั่งจักรวรรดิ พระยาอนันทกะยอสู พระยาอนันทกะยอถาง พระราชมนตรี หลวงโยธาทิพ หลวงอมรวงษา หลวรงพิชิตรเดช ขุนตรัดขุนทรงพานิช ขุนสนิทวาที มีราญาฝันเมาลวมักเมาะตาด คุมไพร่พลให้ไปอยู่ณด้านสาลาลูกขุน ให้รายาลิลาคุมศรีต่วน แลแขกชะวา แขกจามมาอยู่ณด้านน่าพระที่นั่งสรรเพชรปราสาท ให้หลวงเทพวรชุนคุมไพร่พลอยู่ประตูศรีสรรพทวาร ให้พระจุลานั่งคุมไพร่พลอยู่ณทางสระแก้ว หลวงวิสุทธ์สงคราม แลขุนพรหมธิบาลคุมไพร่สารวัด หลังวัดรามาวาด แลปะตูสแดงราม จนถึงประตูหอพระ แลฝ่ายไพร่พลข้างสมเดจ์พระศรีสุธรรมราชาธิราช แลไพร่พลข้างสมเดจ์บรมบพิตรพระเปนเจ้า ก็ได้รบพุ่งกันแต่ค่ำจนรุ่ง, แลยิปุ่นคุมกันเข้ามาอาษาได้เข้าช่วยรบพุ่ง ณด้านราญาลิลานั้น ไพร่พลล้มตายบาดเจบทั้งสองฝ่าย จึ่งสมเดจ์บรมบพิตรพระนารายน์เปนเจ้าตรัสสั่งขุนจันทราเทพแลพันทิพราชเอาปืนใหญ่สามบอกตั้ง ณท้องสนามยิงเข้าไปในพระราชวังเปนหลายนัด ครั้นยิงเข้าไปครั้งใดควันเพลิงนั้นเปนโชตไปประดุจฉัตร สำแดงศุภนิมิตรซึ่งจะมีไชยชำนะ จึ่งสมเดจ์พระบรมบพิตรพระเปนเจ้าทรงช้างต้นพระที่นั่งตรัสสั่งให้พระเทพเดชะเปนกลางช้างพระที่นั่ง, ขุนพระศรีควาน ให้ขุนอินทิบาลเปนกลางช้าง สมเดจ์พระอนุชาธิราช, หมื่นเทพกุญชรควาน แลเสดจ์ยืนช้างต้นหน้าพระที่นั่งจักรวรรดิ ครั้นเพลาชายแล้วปริมาณนาฬิกาเสศ มีผู้มากราบทูลสมเดจ์บรมบพิตรพระเปนเจ้าว่า สมเดจ์พระศรีสุธรรมราชาธิราช, ทรงช้างออกมายืนอยู่ณหลังสาลาลูกขุน จึ่งสมเดจ์บรมบพิตรพระเปนเจ้าก็ขับช้างพระที่นั่งเข้าไปถึงนอกกำแพงน่าศาลาลูกขุน. ไพร่พลทั้งสองฝ่ายได้รบพุ่งต่อแย้งกัน แลทหารอาษาสมเดจ์บรมบพิตรเปนเจ้าก็ ยิงปืนนกสับต้องพระภาหุสมเดจ์พระศรีสุธรรมราชาธิราช ฝ่ายทหารพระศรีสุธรรมราชาธิราช ก็ยิงปืนนกสับต้องหลังพระบาทซ้ายสมเดจ์พระบรมบพิตรพระเปนเจ้าเผินไปน่อยหนึ่งแล สมเดจ์พระศรีสุธรรมราชาธิราชก็กลับข้างเข้าไปในพระราชวัง แลไพร่พลฝ่ายข้างสมเดจ์พระศรีสุธรรมราชาธิราช ก็แตกฉานช่านเซนหนีเข้าไปในพระราชวัง แล้วก็ปิดประตูพระราชวังไว้ จึ่งสมเดจ์พระบรมบพิตรพระเปนเจ้า ก็เสดจ์ขึ้นมายังที่นั่งจักรวรรดิ จึ่งพระไตรยภูวนาธิราชเสดจ์ทรงช้างต้นออกมาแต่ในพระราชวัง, ก็ออกมาถวายบังคม สมเดจ์บรมบพิตรพระเปนเจ้า จึ่งตรัสใช้ให้ทหารอาษาคุมกันไปทำลายประตูพระราชวัง ก็กะทุ้งประตูพลทวาร ภอพระสิทธิไชยเปิดประตูพลทวารออกมาได้บอกว่า สมเดจ์พระศรีสุธรรมราชาธิราชหนีลงไปอยู่ณวังหลัง แล้วทหารก็กรูกันเข้าไปในพระราชวังได้. นายแก้วมหาดเลกก็นำพระสิทธิไชยออกมาถวายบังคม สมเดจ์บรมบพิตรพระเปนเจ้า ณ พระที่นั่งจักรวรรดิ นายแก้วจึ่งกราบทูลแก่สมเดจ์บรมบพิตรพระเปนเจ้าว่า ทหารอาษาเข้าไปในพระราชวังได้แล้ว แลพระสิทธิไชยบอกว่า สมเดจ์พระศรีสุธรรมราชาธิราชหนีลงไปวังหลัง. จึ่งสมเดจบรมบพิตรพระเปนเจ้าเสดจ์เข้าในพระราชวัง เสดจ์ขึ้นพระราชมณเฑียรพระวิหารสมเดจ์ ในวันเดียวนั้น เสนาบดีก็ไปตามสมเดจ์พระศรีสุธรรมราชาธิราชได้ณวังหลัง ก็ให้เอาไปสำเร็จโทษเสียณวัดโคกพระยาตามประเพณี, พระศรีสุธรรมราชาธีราช, เสวยราชสมบัติได้สองเดือนกับยี่สิบวัน. ในเมื่อสมเดจ์บรมบพิตรพระเปนเจ้ามีไชยชำณะแก่ราชสัตรู ด้วยเดชบุญานุภาพนั้น ลุศักราช ๑๐๑๘ ปีวอกอัฐศกในเดือนสิบสองขึ้นสิบเบ็ดค่ำวันศุกรเพลาชายแล้วสองนาฬิกาสี่บาท ๚ะ

----------------------------

๏ แผ่นดินสมเดจ์พระนารายน์ ๚ะ

๏ ครั้นลุศักราช ๑๐๑๘ ปีวอกอัฐศก วันพฤหัศบดีเดือนสิบสองแรมสองค่ำเพลาชายแล้วสองนาฬิกา จึ่งพระมหาราชครูพระราชครู แลท้าวพระยาสามนตราชเสนาบดีมนตรีมุขทั้งปวง ก็อัญเชิญสมเดจบรมบพิตรพระเปนเจ้า เสดจปราบดาภิเศกเสวยราชสมบัติถวัลยราชประเพณีโดยบุรพมหากระษัตราธิราชเจ้าแต่ก่อน อันผ่านพิภพณกรุงพระมหานครบวรทวาราวดีศรีอยุทธยานั้น ในวันแรกตั้งพระราชพิธีนั้น เปนอัษจรรยเพลาค่ำแล้วประมาณสองทุ่ม มีพระสุคนโททกขาวบริสุทธิตกลงมาแต่เพดาลในโรงพระราชพิธีนั้นเปนมหัษจรรย พระมหาราชครู พระราชครูประพฤติการพระราชพิธีปะถมาภิเศก แลพระราชพิธีราชาภิเศก ถวายพระนามกรบวรราชศรีสวัศดิพิภรรทธมงคลตามบุรพประเพณี พระมหากระษัตราธิราชเจ้าแต่ก่อนอันกอบด้วยพระเดชบุญญานุภาพเสดจปราบดาภิเศก ทรงพระนามกรบวรศรีสวัศดิ สมเดจพระบรมราชาธิราชรามาธิบดี ศรีสรรเพชรบรมมหาจักรพรรดิศวรราชาธิราชราเมศวรธรรมธราธิบดีศรีสฤษดิรักษสังหารจักรพาฬาธิเบนทร สุริเยนทราธิบดินทรหริหรินทราธาดาธิบดีศรีสุวิบุลยคุณอัคนิตจิตรรุจิตรี ภูวนาทิตยฤทธิพรหมเทพเทพาทิบดินทรภูมิทราธิราชรัตนากาศมนุวงษองคเอกาทศรถวิสุทธิยโสตรบรมอัทยาไสยสมุทยตโรมนตอนันตคุณวิบุลยสุนทรธรรมมิกราชเดโชไชยไตรยโลกยนารถบดินทรอรินทราธิราชชาติพิชิตรทิศทศพลญาณสมันตมหันตผาริตวิไชยอัยสวรรยาธิปัตัยขัติยวงษ องคบรมาธิบดีตรีภูวนารถธิเบศโลกยเชษฐวิสุทธิมกุฎรัตนโมลีศรีปทุมสุริยวงษองคสรรเพชรพุทธางกูรบรมบพิตรพระพุทธเจ้า พระเจ้ากรุงเทพพระมหานครบวรทวาราวดีศรีอยุทธยามหาดีลกภพนพรัตนราชธาณีบุรีรมย, แลถวายเครื่องเบญจกุกกุภัณฑ์ แลถวายเครื่องราโชประโภคทั้งปวงแลบูชาบรมเทพอัษฎามุรติอันประเสริฐ. สถิตยสถาวรในพระองคโดยยถาสาตรแล ถวายอาเศียรพาศอภิเศกจำเริญพระพรบวรราชศรีสวัศดิพิภราทธมงคลนิฤมลพระองค คือพระนารายน์เปนเจ้าสังขจักรคธาธร อันกอบด้วยพระเดชเดชาฤทธานุภาพอันประเสริฐ เพื่อจะรักษาสมณพราหมณาจาริยแลท้าวพระยาเสนาบดีมนตรีมุข ประชาราษฎรทั้งปวงให้ศุขเกษมเปรมปรีทั่วธาณีจำเริญสืบไปเมื่อน่า แล้วก็ให้เบิกท้าวพระยาสามนตราช เสนาบดีมนตรีมุขทุกกระทรวงทบวงการทั้งหลาย ถวายบังคมแลถวายสัตยานุสัตยาธิษฐาน ถือน้ำพระพิภัทธตามบุรพประเพณีแล้วเสรจ เมื่อเสดจปราบดาภิเศกถวัลยราชประเพณีแล้วนั้น พระชนม์ได้ยี่สิบห้าพรรษา แล้วพระบาทสมเดจเอกาทธรฐอิศวรบรมนารภบรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัว ทรงทศมิตรราชธรรมอันมหาประเสริฐ ก็ทรงพระกรุณาแก่ประชาราษฎรทั้งปวง ให้ลดส่วยอากรขนอนตลาดแก่ประชาราษฎรทั้งปวงสามขวบมิให้เอาเข้าท้องพระคลัง แลพระเจ้าอยู่หัวบำเพญพระราชกุศลแล้วก็ตรัสให้แต่งการซึ่งจะถวายพระเพลิง สมเดจพระพุทธเจ้าหลวงเสรจสรัพประดับนิ์ด้วยเครื่องรจนาลังการทั้งหลายหมายเปนอาทิ คือพระเมรุมาศสูงสองเส้นสิบเอดวาศอกคืบ แลเมรุทิศเมรุรายประดับด้วยฉัตรทองฉัตรนาคฉัตรเงินฉัตรเบญจรงค ธงเทียวบันดาการ. จึ่งอัญเชิญพระสพเสรจเหนือบุษบกพิมาณ แลประดับด้วยกลิ้งกลดจามรมาศบวรนิมิตรพระไทยไมยด้วยกาญจนดิเรกดุริยังคดลตรี นิฤนาทเดียรดาษด้วยภาพยนตมณฑปอันรจนาต่าง, ๆ ตั้งประดับเรียงรายย้ายโดยขะบวรซ้ายขวา ทั้งท้าวพระยาสามนตราชพฤฒามาตยราชเสนาบดีมนตรีมุขทั้งหลาย มาประดับแห่แหนโดยน่าหลังบุษบกพิมานนั้น แล้วอัญเชิญพระศพเสดจลิลาศ์คลาเคลื่อนเครื่องแห่แหนโดยขบวน เสดจโดยรัฐยาราชวัดไปยังพระเมรุมาศ แลให้บำเรอด้วยดุริยดนตรีแตรสังขฆ้องกลองโขนหนังสือระบำบรรฟ้อนมโหฬารมหรรสพทั้งปวงแลนิมนต์พระสงฆสบสังวาศหมื่นหนึ่ง ถวายทักษินาทานบูชาแก่พระสงฆ์ทั้งปวง ด้วยเครื่องไทยทานโดยบูราณราชประเพณีพระมหากระษัตราธิราชเจ้าแต่ก่อน จึ่งพระเจ้าอยู่หัวก็ถวายพระเพลิง แล้วให้รับพระอัฐิธาตุเข้ามาวัดพระศรีสรรเพชร นิมนตพระสงฆสัดดัพปกรณแล้วก็ประจุพระอัฐิธาตุ สมเดจพระพุทธเจ้าอยู่หัว ก็บำเพญพระราชกุศลนาๆประการ. แล้วก็เสดจพระราชดำเนินออกไปอยู่พระราชวังบวรสถานมงคล แลฝ่ายพระไตรยภูวนารถทิตยวงษ ก็ให้ไปอยู่ตำหนักวังหลัง ๚ะ

๏ อยู่มาในเดือนญี่นั้น อำแดงแก่นผู้เปนข้าพระไตรยภูวนารถทิตยวงษ์ เอาเนื้อความอันเปนโกหกมาอุบายทูลแก่พระไตรภูวนารถทิตยวงษ์ว่า ข้าหลวงฝ่ายพระบาทสมเดจ์บรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัวย่อมว่า พระไตรภูวนารถทิตยวงษ์ แลข้าไทยทั้งปวงนั้นเข้าด้วยสมเดจ์พระศรีสุธรรมราชาธิราชช่วยรบพุ่ง ครั้นสมเดจ์พระศรีสุธรรมราชาธิราชปราไชย พระไตรยภูวนารถทิตยวงษ์แลข้าไทยทั้งปวงก็มาบันจบเข้าด้วยข้าหลวงเล่า แลอำแดงแก่นทูลยุยงเปนหลายครั้ง พระไตรยภูวนารถทิตยวงษ์ก็มิได้พิจารณาฟังแต่คนถ่อยนั้น ก็คิดซ่องสุมคนไว้นอกกรุงเทพมหานครเปนอันมาก จึ่งข้าหลวงก็เอาเนื้อความนั้นกราบทูลพระเจ้าอยู่หัวให้ทราบ จึ่งทรงพระกรุณาตรัสสั่งให้ข้าหลวงอันมีใจซื่อสัจนั้น ออกไปฟังกฤษติศับท์ดูจงหมั้นแม่น ถ้าแม้นจริงไซ้ก็ให้ข้าหลวงคิดกลอุบายว่าจะเข้าด้วย ครั้นข้าหลวงออกไปได้แจ้งเนื้อความนั้นเปนหลายแห่งว่า พระไตรภูวนารถทิตยวงษ์ให้ส้องสุมผู้คนเปนหมั้นแม่นจึ่งข้าหลวงซึ่งออกไปนั้นก็แซ่งอุบายว่าจะเข้าด้วย จึ่งให้สัญญานัดวันคืนแก่กันว่าจะยกเข้ามา.แลข้าหลวงนั้นก็ลากลับคืนเข้ามากราบทูลพระกรุณาตามเนื้อความนั้น ครั้นได้ดำรัศทราบเนื้อความทุกประการ จึ่งมีพระราชโองการตรัสสั่งแก่มหาดเลกว่า ให้เอาเงินหลวงร้อยชั่งไปให้แก่พระไตรยภูวนารถทิตยวงษว่า พระราชทานให้ออกมาให้จัดแจกแก่ข้าไทยทั้งปวงนั้นจงทั่วกัน อยู่มาพระยาพิไชยสงคราม พระมหามนตรีทูลแต่สมเดจ์พระรามราชาธิราชว่า พระยาพัทธลุงแลพระศรีภูริปรีชาซึ่งทรงพระกรุณาตรัสสั่งว่า ให้ไปกินเมืองนั้นก็มิไป แลคนทั้งสองนี้ครั้นกลางคืนย่อมลงไปวังหลังมิได้ขาด แลคิดอ่านด้วยพระไตรยภูวนารถทิตยวงษจะคิดร้ายแก่แผ่นดิน.จึ่งสมเดจ์พระรามราชาธิราชก็เอาคดีนั้นกราบทูลพระกรุณา จึ่งมีพระราชโองการตรัสว่าจะให้เสาะแสวงหาฟังเนื้อความนี้ดูจงหมั้นแม่นก่อน อยู่มาวันหนึ่งนายผูกเดิมเปนมหาดเลกเปนโทษครั้งสมเดจ์พระพุทธเจ้าหลวงปราสาททอง ให้ศักเปนหมู่เรือพระที่นั่ง แลนายผูกมาบอกแก่พระยาจักรีพระยาพระคลังว่า พระยาพัทธลุงพระศรีภูริปรีชาแลหมื่นภักดีสวรรค์ย่อมลงไปหาพระไตรภูวนารถทิตยวงษ ณวังหลัง คิดอ่านส้องสุมไพร่พลจะทำร้ายแก่แผ่นดิน พระยาจักรี พระยาพระคลังบอกแก่พระยาพิชิตภักดิ ๆ ก็กราบทูลพระกรุณาให้ทรงทราบ จึ่งมีพระราชโองการตรัสสั่งพระยาพระคลังว่า หมื่นภักดีสวรรค์ซึ่งสั่งให้ไปรั้งเมืองแลมิได้ไปนั้น เหนว่าจะคบกันคิดร้ายพระองค์ ให้ลงโทษตัดศีศะเสียบไว้น่าสาลาลูกขุนณพระราชวังบวรสถานมงคล. ส่วนพระไตรยภูวนารถทิตยวงษเข้ามาเฝ้า ณบนที่พระราชวังบวรสถานมงคลไซ้ย ย่อมหาพระสิทธิไชยแลท้าวราชนายภิมมากระซิบเจรจาทุกวัน แลพระยาพิชิตภักดีจึ่งว่าแก่หมื่นมไหสวรรย์ให้ห้ามพระสิทธิไชยแลท้าวราชน ายภิมซึ่งเจรจาด้วยพระไตรยภูวนารถทิตยวงษ์ณบนที่นั้น. แลพระไตรยภูวนารถทิตยวงษโกรธพระยาพิชิตภักดีแลหมื่นมไหสวรรย์ อนึ่งพระยาจักรีพระยาพระคลังกราบบังคมทูลพระกรุณาว่ามีผู้มาบอกว่า พระไตรยภูวนารถทิตยวงษจะคิดร้ายเปนหมั้นแม่น จึ่งมีพระราชโองการตรัสว่า เยียฉันใดจะแจ้งว่าคิดร้ายนั้นเปนหมั้นแม่น จึ่งสั่งแก่พระยาพิชิตภักดีว่า เมื่อครั้งพระองค์ไสยานั้น พระไตรยภูวนารถทิตยวงษขึ้นมา ย่อมเอามีดเหน็บผูกขาขึ้นมา แลบัดนี้ยังจะทำดุจนั้นฤๅหามิได้ จึ่งพระยาพิชิตภักดีก็แส้งอุบายนวดพระไตรยภูวนารถทิตยวงษ แต่พระบาทขึ้นมาถึงต้นพระเพลา ภบคาดเครื่องแลมีดเหน็บ จึ่งพระยาพิซิตภักดีก็ร้องขึ้น พระไตรยภูวนารถทิตยวงษรู้ก็ตกใจ อยู่มาข้าหลวงซึ่งแต่งให้ขึ้นไปฟังกฤษติศับท์นั้น ก็ได้เอาเนื้อความมากราบทูลพระกรุณาว่า ได้ยินข้าพระไตรยภูวนารถทิตยวงษว่า พระไตรยภูวนารถทิตยวงษคิดว่า เมื่อการพระราชพิธีตรีรำพะวายนั้น ถ้าแลเสดจ์พระราชตำเนินไปไซ้ จะแต่งข้าอาษาให้ซุ่มซ่อนอยู่ที่ทางแคบนั้น ครั้นเสดจ์พระราชตำเนินไปกลางคืนไซ้ จึ่งจะให้ข้าอาษาซึ่งซ่อนอยู่นั้นออกทำร้ายในลอองทุลีพระบาท ครั้นดำรัศเนื้อความทั้งนี้แล้ว จึ่งทรงพระราชตำริหว่า องค์พระไตรภูวนารถทิตยวงษไซ้เปนอนุชาธิราชแห่งเรา เราก็ไว้พระไทยเปนที่สนิทเสนหานัก แลซึ่งองค์พระไตรยภูวนารถทิตยวงษจะคิดมิตรโทษแก่เราดั่งนี้. เมื่อวันการพิธีตรีรำพะวายนั้นเราจะไปส่งพระเปนเจ้าถึงเทวสถาน ถ้าแลองค์พระไตรยภูวนารถทิตยวงษ์จะทำร้ายแก่เราก็ให้ทำเถิด เราจะเอาแต่บุญาธิการแห่งเราเปนที่พึ่ง ครั้นถึงวันการพระราชพิธีตรีรำพะวายกลางคืนนั้น ก็เสดจ์ทรงช้างต้นพระที่นั่งสุวรรณปฤษฎางค์ ประดับด้วยเครื่องราโชประโภคทั้งปวงแลท้าวพระยาเสนาบดีมนตรีมุขทั้งหลาย แห่โดยซ้ายขวาหน้าหลังก็เสดจ์แต่พระราชวังบวรสถานมงคล มาโดยทางหอรัตนไชยมาทางตพานช้าง แลพระไตรยภูวนารถทิตยวงษก็ขึ้นช้างตามช้างพระที่นั่งมา พระเจ้าอยู่หัวก็เสดจ์ไปโดยทางชีกุน แลคนซึ่งแต่งซุ่มไว้นั้นล้วนถือปืนนกสับอยู่ณตพานช้างเปนอันมาก ครั้นให้ถามก็บอกว่าข้าวังหลัง ก็มิได้มีพระราชโองการประการใด เสดจ์ไปส่งพระเปนเจ้าถึงเทวสถานแล้ว เสดจพระราชตำเนินกลับคืนมายังพระราชวังบวรสถานมงคล.อยู่มาวันหนึ่งผู้ดาษเลงแลท้าวหมู่เรือพระที่นั่งอลงกฎนาวา มาบอกแก่หมื่นราชามาตย์ประลัดพระตำรวจว่า นายสุกเดิมเปนข้าพระไชยราชาธิราชได้มาเปนข้าพระไตรยภูวนารถทิตยวงษแลนายสุกนั้นว่าเปนระบาททีหนึ่งแล้วทีนี้จะเปนระบาทอีกเล่าภูดาษเลงแลท้าวจึ่งถามนายสุกว่าซึ่งจะทำระบาทอีกนั้นด้วยเหตุอันใด แลนายสุกจึ่งบอกแก่ผู้ดาษเลงแลท้าวว่า พระไตรยภูวนารถทิตยวงษ์คิดร้ายในลอองทุลีพระบาท หมื่นราชามาตยก็เอาคดีนั้นบอกแก่หลวงพิไชยเดช ๆ ก็เอากราบบังคมทูลพระกรุณาให้ทราบในลอองทุลีพระบาท จึ่งมีพระราชโองการตรัสสั่งแก่หลวงพิไชยเดช ให้ว่าแก่ผู้ดาษเลงแลท้าวให้ไปฟังเอาเนื้อความนั้นจงหมั้นแม่น ผู้ดาษเลงแลท้าวจึ่งไปหานายสุก ๆ จึ่งเล่าให้ผู้ดาษเลงแลท้าวฟังว่า พระไตรยภูวนารถทิตยวงษคุมคนจะยกขึ้นไปมาในเดือนญี่แรมสามค่ำ ผู้ดาษเลงแลท้าวนั้นเอาเนื้อความนั้นมาบอกแก่หลวงพิไชยเดช ๆ ก็เอาคดีกราบทูลพระกรุณา. อยู่ณวันหนึ่งพระยาจักรี พระยาพลเทพกราบทูลพระกรุณาว่า ได้ยินกฤษติสับท์ว่าพระไตรยภูวนารถทิตยวงษจะคิดร้ายในลอองทุลีพระบาทเปนหมั้นแม่น แลมีผู้มากราบทูลพระกรุณาว่า พระไตรยภูวนารถทิตยวงษคิดร้ายในลอองทุลีพระบาทนั้นเปนอันมาก จึ่งพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชโองการตรัสสั่งแก่เสนาบดี แลข้าหลวงผู้มีความสวามีภักดีซื่อสัจนั้นว่า องค์พระไตรยภูวนารถทิตยวงษ์ไซ้ เปนพระอนุชาธิราชแห่งเรา เราก็มีความเสนหาเปนอันยิ่งนักเราคิดว่า จะบำรุงไว้ให้วัฒนาการไปภายน่า แลองค์พระไตรยภูวนารถทิตยวงษมิได้มีความซื่อสัจต่อเรา ฟังเอาถ้อยคำคนโกหกมายุยง แลคิดซ่องสุมผู้คนจะทำร้ายแก่เรานั้นจะเปนประการใด จึ่งเสนาบดีแลข้าหลวงผู้มีความสวามีภักดีนั้นกราบบังคมทูลพระกรุณาว่า พระไตรยภูวนารถทิตยวงษไซ้มิได้คิดถึงคุณแลมิได้มีความสวามีภักดี จะไว้พระไตรยภูวนารถทิตยวงษให้ทำตามอิจอาภาพนั้นมิได้ ขอพระราชทานให้สำเรจโทษตามประเพณีพระราชกุมารซึ่งเปนมหันตโทษนั้น จึ่งพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชโองการตรัสว่า ซึ่งจะสำเรจโทษในกรุงเทพมหานครนี้มิได้ เราจะไปพระนครหลวงแล้ว เราจะทรงม้าต้นให้องค์พระไตรยภูวนารถทิตยวงษ ขี่ม้าต้นตัวหนึ่งออกไปกลางพระนครหลวงถ้าองค์พระไตรยภูวนารถทิตยวงษจะคิดทำร้ายแก่เรา เราก็มิได้เขดขามด้วยจะยุทธนาพระไตรยภูวนารถทิตยวงษ ณที่นั่น. แลเราจะเอาบุญญาธิการแห่งเราเปนที่พึ่ง จึ่งทรงพระกรุณาตรัสสั่งสมุหนายกว่า จะขึ้นไปพระนครหลวง ครั้นถึงวันอังคารเดือนสามขึ้นสามค่ำปีวอกอัฐศก กอบด้วยพิไชยกฤษเพลาอุษาโยค ก็เสดจด้วยเรือพระที่นั่งครีสมรรถไชย แลเรือท้าวพระยาเสนาบดีมนตรีมุขทั้งปวงแห่หน้าหลังซ้ายขวาโดยเสดจ์พระราชตำเนินไปถึงพระนครหลวง จึ่งเสดจ?ขึ้นพระตำหนัก. ครั้นเพลารุ่งแล้วประมาณสองนาฬิกาเสศ จึ่งเสดจทรงม้าต้นพระที่นั่งราชพาหนะ ให้พระอินทราชาทรงม้าตัวหนึ่ง พระไตรยภูวนารถทิตยวงษทรงม้าตัวหนึ่ง สมเดจพระรามราชาธิราชทรงม้าตัวหนึ่ง แลเสนาบดีมนตรีมุขทั้งปวงโดยเสดจ์แห่งหน้าหลังโดยซ้ายขวาเสดจ์ออกไปกลางทุ่ง น่าพระตำหนักพระนครหลวงนั้น ๚ะ

๏ สิ้นเล่ม ๑๕ สมุดไทยแต่เท่านี้ ๚ะ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ