๑๘

๏ ลุศักราช ๑๐๒๒ ปีชวดโทศก กรมการเมืองนครสวรรค์บอกลงมาถึงสมุหนายกว่า นายกองช้างผู้มีชื่อ คล้องต้องช้างเผือกผู้สูงประมาณสี่ศอกมีเศศ สรรพด้วยคชลักษณงามบริบูรณ แลคล้องได้ ณป่าแขวงเมืองนครสวรรค์นั้น จึ่งเจ้าพระยาโกษาจักรีเอาข้อราชการสารเสวตรขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณา สมเดจ์พระพุทธเจ้าอยู่หัวทรงทราบเหตุดั่งนั้น ก็ทรงพระปราโมชยิ่งนัก จึ่งมีพระราชดำรัศให้ท้าวพระยาเสนาบดี แลพระหลวงขุนหลวงขุนหมื่นกรมช้างทั้งหลาย ขึ้นไปรับพระยาเสวตรกุญชรชาติตัวประเสริฐ ลงมายังกรุงเทพมหานคร แลให้แห่แหนประดับประดาโดยซลมารค สถลมารค ตามอย่างแต่ก่อน แล้วให้สถิตย์อยู่ณโรงนอกพระราชวัง ทรงพระกรุณาให้ตั้งการพระราชพิธีสงฆ์ แลพิธีไสยเวท แลการมหรรสพ สมโพชคำรพเจ็ดวันเปนกำหนฏ แล้วรับเข้ามาไว้ณโรงในพระราชวัง แลทรงพระประสาทพระราชทานนามกร ชื่อเจ้าพระยาบรมคเชนทรฉัตรทันต์ แลพระราชทานเครื่องสุวรรณคชาภรณ์ อลังการด้วยมหาเนาวะรัตนอันประเสริฐ สำหรับประดับกายพระยาเสวตรกุญชรนั้น แลทรงพระกรุณาให้ขุนหมื่นผู้ใหญ่ในกรมช้าง แลหัวสิบทั้งหลายอยู่ปรฏิบัติรักษาพระยาช้างเผือกนั้น แลซึ่งนายช้างผู้คล้องถูกนั้น ก็ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้เปนที่ขุนหมื่นตามบูรพประเพณี แลพระราชทานเครื่องยศแลเสื้อผ้าเงินตราตามธรรมเนียม แลสมัคพักพวกซึ่งได้ช่วยในการช้างนั้น ก็พระราชทานรางวัลท่วนทั่วทุกคน แล้วทรงพระกรุณาโปรดให้ตราภูมคุ้มห้ามส่วยสัดพิกัดอากรขนอนตลาด แก่ผู้คล้องต้องพระยาช้างเผือกได้ทั้งหลายนั้น แลให้ไปอยู่ทำกินตามภูมลำเนาดุจแต่ก่อน ๚ะ

๏ ส่วนขุนหมื่นผู้ใหญ่นายช้างซึ่งอภิบาลพระยาเสวตรคเชนทรนั้น ก็ฝึกสอนพระยาช้างให้รู้ในภาษามนุษแลให้รู้กระทำกิจต่าง ๆ แลข้าราชการทั้งหลายซึ่งต้องพระราชอาญาเปนมหันตโทษจำไว้ หาผู้ใดจะทูลขอมิได้นั้น ก็เขียนหนังสือบนจะให้สิ่งของต่าง ๆ แลเอาหนังสือบนนั้นไปให้แก่พระยาช้างเผือก ๆ รับเอาด้วยงวงแล้ว ก็ชูเข้าไปถวายสมเดจ์พระเจ้าอยู่หัว เพื่อจะขอพระราชทานโทษด้วยใจในขณะเมื่อเสดจ์พระราชดำเนิรมายังโรงนั้น จึ่งสมเดจ์บรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัว ก็ยื่นพระหรรถรับหนังสือนั้นมาทรงอ่านได้ทราบคดีทั้งปวงแล้ว ก็ทรงพระมหากรุณาแก่พระยาเสวตรกุญชรชาติแลทรงพระกรุณาโปรด พระราชทานโทษให้แก่พระยาบรมคเชนทรฉัตทันตนั้น ส่วนข้าราชการซึ่งเปนโทษแลได้พ้นโทษแล้ว ก็ให้สิ่งของทั้งปวงแก่พระยาช้างเผือกตามหนังสือบนนั้น จำเดิมแต่นั้นมาข้าราชการผู้ใดผู้หนึ่งเปนโทษก็มาบนเจ้าพระยาเสวตร เพื่อจะให้ขอโทษให้เหมือนดังนั้น แลทรงพระกรุณาโปรดพระราชทานโทษ ให้แก่พระยาช้างเผือกนั้นเปนหลายครั้ง พระบาทบรมนารถบรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัว ทรงพระมหาบุญาธิการ แลมีเสวตรคชสารพลายพังทั้งคู่เปนบรมราชาพาหณะพระที่นั่ง ครั้งนั้นพระราชกฤษฎาเดชานุภาพ แผ่ไพรสาฬไปในนาๆประเทศธาณีใหญ่น้อยทั้งปวง บรรดาอริราชบรปักข์ก็เขจขามคร้ามพระเดชพระคุณเปนอันมากนัก ๚ะ

๏ ลุศักราช ๑๐๒๓ ปีฉลูตรีศก ขณะนั้นเจ้าพระยาโกษาธิบดีป่วยลง ทรงพระกรุณาให้พระหลวงขุนหมื่นแพทย์ทั้งหลายไปพยาบาล แลโรคนั้นเปนไสมยกาลแห่งชีวิตรไขยก็ถึงแก่อนิจกรรม สมเดจ์พระเจ้าอยู่หัวมิอาจกลั้นน้ำพระเนตรไว้ได้ ทรงพระอาไลยในเจ้าพระยาโกษาเปนอันมาก แลเจ้าพระยาโกษาขุนเหล็กคนนี้เปนลูกพระนม แลได้รับพระราชทานนมร่วมเสวยมาแต่ยังทรงพระเยาว์นั้น แลทรงพระกรุณาพระราชทานฌาปนะกิจตามอย่างเสนาบดีเสรจ์แล้ว จึ่งมีพระราชโองการตรัสปฤกษา ด้วยท้าวพระยาเสนาบดีมนตรีมุขทั้งหลายว่า พระยาแสนหลวงเจ้าเมืองเชียงใหม่คิดอ่านฬ่อลวงเราเปนหลายครั้งแล้ว ยังมิหนำซ้ำกลับแขงเมืองต่อรบอิกเล่า แลเราจะละพระยาแสนหลวงไว้นั้นมิได้ จำจะยกพยุหโยธาทหารไปตีเอาเชียงใหม่ให้จงได้ ท่านทั้งหลายจะเหนเปนประการใด จึ่งท้าวพระยาเสนาบดีมนตรีมุขทั้งหลาย ก็เหนพร้อมโดยพระราชดำริหนั้น ในปีฉลูตรีศกนั้น สมเดจ์บรมบพิตรพระพุทธเจ้าช้างเผือก ก็มีพระราชดำรัศให้ท้าวพระยามุขมนตรี ตรวจ์จัดกองทับพลสกรรจ์ลำเครื่องสี่หมื่น ข้างเครื่องสองร้อย ม้าสี่ร้อย สรรพด้วยเครื่องสรรพาวุธ ปืนใหญ่ปืนน้อยกระสุนดินประสิวให้พร้อมไว้ แลดำรัศให้หานายปานผู้น้องเจ้าพระยาโกษา อันถึงแก่อนิจกรรม์ ซึ่งรับอาษาออกไปได้ราชการณะเมืองฝรั่งเสศนั้นเข้ามาเฝ้าแล้ว ก็มีพระราชโองการตรัสเหนือเกล้าโปรดให้นายปานเปนเจ้าพระยาโกษาธิบดี แลทรงพระกรุณาดำรัศว่า ขุนเหล็กพี่ท่านซึ่งถึงแก่มรณะภาพนั้นชำนิชำนาญในการอันเปนแม่ทับ แลบัดนี้เราจะให้ท่านเปนที่เจ้าพระยาโกษาธิบดี แลจะให้เปนแม่ทับแทนพี่ชายไปตีเมืองเชียงใหม่ยังจะได้ฤๅมิได้ จึ่งเจ้าพระยาโกษาปานกราบทูลพระกรุณาว่า ข้าพระพุทธเจ้าจะขอลองศึกดูก่อน แลจะขอรับพระราชทานพระราชอาญาสิทธิ เหมือนพระโองการนั้น ถ้าแลเหนจะกระทำสงครามได้แล้ว ก็จะขออาษาไปตีเมืองเชียงใหม่ทูลเกล้าถวายให้จงได้ สมเดจ์บรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัวตรัสได้ทรงฟังดังนั้น ก็ชอบพระไทยในถ้อยคำเจ้าพระยาโกษากราบทูลนั้น ทรงพระโสมนัศดำรัศสรรเสริญสติปัญญาเปนอันมาก แลทรงพระกรุณาพระราชทานพระแสงดาบต้นอันทรงนั้น ให้แก่เจ้าพระยาโกษาธิบดี เพื่อจะให้สิทธิขาดพระราชอาญาสิทธิ แลโปรดพระราชทานให้รับพระโองการดังนั้น แล้วดำรัศอนุญาตว่า ท่านจงไปลองศึกดูตามความปราถนาเถิด ๚ะ

๏ จึ่งเจ้าพระยาโกษารับพระราชทานพระแสงดาบแล้ว ก็กราบถวายบังคมลาออกมายังสาลาลูกขุนใน จึ่งสั่งมหาดไทย กระลาโหมให้แจกพระราชกำหนฎ ข้าทูลลอองธุลีพระบาททั้งหลาย ฝ่ายทหาร พลเรือน กะเกนพลสามพันให้ยกไปตั้งค่ายตำบลที่ใกล้พะเนียดโดยกว้างสามเส้น โดยยาวสามเส้นสิบวา แลให้ตัดไม้ไผ่มาตั้งค่าย เอาปลายปักลงให้สิ้น ขุดมูลดินถมเปนสนามเพราะ ปักขวากหนามตามธรรมเนียมพร้อมเสรจ์ให้สำเร็จแต่วันพรุ่งรุ่งแล้วสามนาฬีกา ถ้าแลเราไปเลียบค่ายน่าที่ผู้ใดไม่สำเหรจ์ในเพลานั้น ก็จะลงโทษแก่ผู้นั้นถึงสิ้นชีวิตร ส่วนเจ้าพระยาจักรี กระลาโหม แลท้าวพระยาข้าราชการทั้งหลายได้แจ้งในพระราชกำหนฎดังนั้น ก็สดุ้งตกใจกลัวยิ่งนัก ต่างคนต่างเร่งกะเกนกันทุกหมู่ทุกกรมในวันนั้นได้พลสามพันแล้วก็ให้ไปตัดไม้ไผ่อันจะมาทำเปนเสาค่ายนั้นคลสองท่อน แล้วก็ยกขึ้นไปยังที่ใกล้พะเนียด แบ่งปันน่าที่กันตั้งค่ายแต่ในเพลากลางคืนวันนั้นทุกหมู่ทุกกรม แลปักเสาเอาปลายลงดิน เอาต้นขึ้นสิ้น ชิดกันเปนถ้องแถวแต่เบื้องบน เบื้องล่างนั้นห่างกันไปเปนอันมากแลกระทำการทั้งปวงภอรุ่งก็สำเรจ์ ๚ะ

๏ ในขณะนั้นขุนหมื่นเจ้าน่าที่ผู้หนึ่ง เหนเชิงค่ายทั้งหลายห่างกันนัก จึ่งปักกลับเอาต้นลงดิน แซรกเข้าเสาหนึ่งในรว่างอันห่างนั้น แล้วว่าอย่างแต่ก่อนเขาทำมาดังนี้ แลซึ่งเอาปลายปักลงดินนี้ มิเคยเหนทำมาแต่ก่อน จึ่งเจ้าพระยาโกษาก็สั่งแก่เจ้าพนักงานทั้งหลายให้ตระเตรียมราชพาหนะ แลเครื่องขัติยราชาบริโภคทั้งปวงไว้รับโดยทางซลมารค สถลมารค พร้อมเสรจ์แล้ว ครั้นรุ่งเช้าแล้วเพลาสามนาฬิกา เจ้าพระยาโกษาธิบดีก็ลงสู่เรือพระที่นั่งนพรัตนพิมานกาญจน์อะลงกฎ มหานาวาเวไชยยันต์อันอำไภยไปด้วยเสวตรฉัตรพัดโบกจามร บังพระสุริเยนทร์บังแทรกแซงสลอนสลับ สรรพด้วยอะพิรุมชุมสายพรายพรรณ กลตกลิ้งกรรชิงมาศดาษดาดูมะเหาฬารเลิดพันลึกอะทึกด้วยเรือกัน แลเรือท้าวพระยาข้าราชการทั้งหลายรายเรียงเปนขนัด โดยกระบวนพยุหยาตราน่าหลังพร้อมเสรจ์ ก็เหมือนสมเดจ์พระเจ้าอยู่หัวอันเสดจ์พระราชดำเนินนั้น ครั้นได้ศุภฤกษ ก็ให้ลั่นฆ้องไชย ประโคมแตรสังข์ดูริยางคดนตรี สนั่นกาหฬกึกก้องกลองชนะโครมครื้นเพียงพื้นนัทีธารจะทำลาย ให้ขยายพยุหบาตราคลาเคลื่อนเลื่อนตามขบวนแห่แหนแน่นไปโดยชลมารค ตราบเท่าถึงที่ประทับตำบลเพนียด เจ้าพระยาโกษาธิบดีก็ขึ้นจากเรือพระที่นั่ง สถิตยยังพลับพลาอันเปนที่ราชาอาศน์เดียรดาษด้วยท้าวพระยาข้าราชการทั้งปวง แวดล้อมโดยซ้ายขวาหน้าหลัง แล้วก็ขึ้นขี่ช้างพระที่นั่งบรมราชคชาธารสารตัวประเสริฐเพริศพร้อม ด้วยเครื่องสูงแลธงฉานธงไชยดูไสวไพโรจด้วยท้าวพระยาเสนาบดี พิริยโยธาหารแห่เปนขนัด โดยกระบวนบรมราชพยุหบาตราสถลมารค เลียบค่ายไปจึ่งเหนไม้เสาค่ายลำหนึ่ง ปักเอาต้นลงดิน ก็ให้หาตัวเจ้าน่าที่นั้นเข้ามาแล้วจึ่งถามว่า ท่านกระทำดังนี้จริงฤๅ เจ้าน่าที่กราบเรียนว่าจริง เจ้าพระยาโกษาจึ่งว่า ตัวท่านละเมิดมิได้ทำตามพระราชโองการแห่งเรา โทษท่านถึงตาย แล้วก็ให้ประหารชีวิตรเสีย แลให้ตัดเอาศีศะเสียบไว้ที่ปลายไม้เสาค่ายลำนั้น แล้วก็คืนลงสู่เรือพระที่นั่งกลับเข้ามายังพระราชวัง เจ้าพระยาโกษาทำครั้งนั้น เพื่อให้คนทั้งหลายเขดขาม คร้ามอำนาจอาญาสิทธิขาดในราชการงานสงครามนั้น ครั้นมาถึงพระราชวังก็ขึ้นเฝ้าสมเดจ์พระพุทธเจ้าอยู่หัว ถวายพระราชโองการอาญาสิทธิ แลพระแสงดาบคืนเสียแล้ว ก็กราบทูลแถลงการทั้งปวงซึ่งไปลองศึกนั้นให้ทราบสิ้นทุกประการ แล้วบังคมทูลพระกรุณาขออาษาไปตีเอาเมืองเชียงใหม่ทูลเกล้าถวาย ๚ะ

๏ จึ่งพระบาทสมเดจ์บรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัวตรัสได้ทรงฟังดั่งนั้นก็ทรงพระโสมนัศตำรัศสรรเสริญเจ้าพระยาโกษาเปนอันมาก แล้วก็มีพระราชโองการตรัศเหนือเกล้า โปรดให้เจ้าพระยาโกษาธิบดีเปนแม่ทับหลวง แลให้พระยาวิชิตภักดีเปนยุกระบัด พระยาสุรินทรภักดีเปนเกียกกาย พระยาสีหราชเดโชเปนกองหน้า พระยาสุรสงครามเปนกองหลัง ถือพลช้างม้าพลานิกรเดิรเท้าทั้งหลาย ยกขึ้นไปตีเอาเมืองเชียงใหม่ ครั้นถึงอาติกมาศศุภปักข์ดิถี ได้มหาสวัสดิพิไชยฤกษ เจ้าพระยาโกษาธิบดีแลท้าวพระยานายทับนายกองทั้งหลาย ก็กราบถวายบังคมลายกกองทับบกเรือไปจากกรุงเทพมหานคร โดยลำดับชลมารค สถลมารค ไปพร้อมทับณเมืองเถิน แล้วก็ให้ตรวต์จัดกองทับแยกกันออกเปนหมวดเปนกอง ตามพิไชยสงครามพร้อมเสรจ์ ยกพยุหโยธาทหารขึ้นไปโดยวิถีสถลมารค ตราบเท่าถึงเมืองนคร แลอยุดทับยับยั้งตั้งค่ายมั่นอยู่ในที่ใกล้เมืองนั้น ฝ่ายแสนท้าวพระยาลาวเจ้าเมืองนคร ก็บอกหนังสือขึ้นไปยังเมืองเชียงใหม่ แล้วก็แต่งค่ายคูประตูหอรบ แล้วตรวจตรำจัดพลทหารขึ้นประจำรักษาน่าที่เชิงเทิน ป้องกันเมืองตามธรรมเนียม ๚ะ

๏ ส่วนกองทับไทยก็ยกเข้าแหกหักเอาเมือง ชาวเมืองรบพุ่งป้องกันต้านทานอยู่สามวัน ครั้นเหนเหลือกำลังที่จะต่อสู้ก็เทครัวอพยพออกจากเมืองหนีไปยังเมืองเชียงใหม่บ้าง ๆ ก็ออกหากองทับ ๆ ไทยได้เมืองนครแลได้ช้างม้าเครื่องสาตราวุธแลลาวเชลยเปนอันมาก ก็ยกตีบ้านน้อยบ้านใหญ่ ตามระยะทางขึ้นไป พลลาวต้านทานมิได้ก็แตกฉานพ่ายหนี แลตีตำบลใดก็ได้ตำบลนั้น ด้วยอำนาจอาญาสิทธิ์เจ้าพระยาโกษาธิบดีแม่ทับหลวง ครั้งไปลองศึกตำบลพะเนียดแลคนทั้งหลายเข็ดขามคร้ามกลัวแก่ครั้งนั้นมา จะว่าราชการสิ่งใดในงานสงครามทั้งปวงก็สิทธิขาดสำเร็จได้ด้วยอำนาจสั่งนั้นทุกประการ แล้วยกพยุหโยธาหาญขึ้นไปตีเมืองลำพูน แลให้ตั้งค่ายล้อมเมืองไว้ ๚ะ

๏ ฝ่ายท้าวพระยาเสนาลาวเจ้าเมืองลำพูน ก็กะเกนพลทหารขึ้นประจำรักษาน่าที่เชิงเทินปราการป้องกันเมือง กองทับไทยก็ยกเข้าป่ายปีนปล้นเอาเมือง พลลาวชาวเมืองรบพุ่งต้านทานอยู่ได้เจดวัน แลต้องสาตราวุธ ฆ่าศึกบาดเจ็บล้มตายนั้นก็มาก เหนเหลือกำลังที่จะต่อสู้ก็แตกฉานพ่ายออกจากเมืองในเพลากลางคืน แลหนีไปยังเมืองเชียงใหม่บ้าง ๆ ก็หนีเข้าป่าแลออกหากองทับไทยเปนอันมาก ทับไทยได้เมืองลำพูนแลได้ช้างม้าเครื่องสาตราวุธคนเชลยก็มาก แล้วก็ยกขึ้นไปตีเมืองเชียงใหม่ ในขณะเมื่อทับไทยได้เมืองลำพูนนั้น พระยาแสนหลวงก็เสียใจจึ่งแต่งกองทับให้ยกออกไปตั้งค่ายรับโดยระยะรายทางขึ้นมา ตราบเท่าถึงเมืองเชียงใหม่เปนหลายแห่ง แลให้ตกแต่งค่ายคูปักขวากหนามตามทำนองศึกพร้อมเสรจ ส่วนกองทับไทยก็ยกเข้าตีค่ายลาวทั้งหลายอันออกมาตั้งรับนั้น แลได้รบพุ่งกันถึงโรมรันฟันแทงทุก ๆ ตำบล พลลาวต่อรบต้านทานมิได้ ก็แตกฉานไปจากค่ายแลพ่ายหนีกลับเข้ามืองเชียงใหม่ ๚ะ

๏ พระยาแสนหลวงเจ้าเมืองเชียงใหม่ ก็ให้แสนท้าวเสนาลาวทั้งปวงตรวจจัดพลทนารขึ้นประจำรักษาน่าที่เชิงเทินปราการโดยรอบ ประกอบด้วยเครื่องสรรพาวุธปืนใหญ่ปืนน้อยทั้งปวงกันเมืองไว้ แลกองทับไทยได้ค่ายรายทางทั้งหลายแล้ว ก็ยกติดตามเข้าไปตั้งค่ายล้อมถึงชานเมือง จึ่งเจ้าพระยาโกษาธิบดีแม่ทับหลวง ก็ให้พลทหารก่อกำแพงโอบเมืองเข้าไว้กึ่งหนึ่ง ในด้านข้างทักษิณทิศแห่งเมืองเชียงใหม่นั้น แล้วก็ให้ตั้งค่ายหลวงแลค่ายน่าทั้งหลายล้อมอยู่ในที่นั้น ๚ะ

๏ ส่วนพระยาแสนหลวงเจ้าเมืองเชียงใหม่ ก็ให้ท้าวพระยาเสนาลาวยกกองทับออกไปตีทับไทย อันมาตั้งล้อมอยู่นั้นเปนหลายครั้ง พลทหารไทยเข้มแขงในการสงครามยิ่งนัก มิได้ท้อถอย แลได้ยุทธนากันเปนสามารถ พลลาวต้องสาตราวุธบาดเจ็บล้มตายก็มาก มิอาจต้านทานกำลังศึกพลทหารไทยได้ ก็แตกฉานพ่ายเข้าเมืองทุกครั้ง ๆ ๚ะ

๏ ฝ่ายเจ้าพระยาโกษาแม่ทับ ครั้นเหนการภอจะหักเอาเมืองได้แล้ว ก็แต่งหนังสือบอกโดยการอันได้รบพุ่งทั้งปวง เหนภอจะเอาไชยซำนะได้ แล้วให้ม้าเร็ว ๒๓ ม้าถือลงไปกราบทูลพระกรุณายังกรุงเทพมหานคร จึ่งพระบาทสมเดจ์บรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัว ตรัสทราบเหตุดั่งนั้น ก็ทรงพระปราโมทย์ยิ่งนัก แลดำรัสให้ท้าวพระยามุขมนตรีทั้งหลายตรวจจัดกองทับพลสกรรจ์ลำเครื่องหกหมื่น ช้างเครื่องห้าร้อย ม้าเครื่องห้าร้อย สรรพด้วยเครื่องสาตราวุธ แลเสบียงอาหารให้พร้อมเสรจจะเสดจ์ไปงานพระราชสงคราม ณะเมืองเชียงใหม่ แลให้กองทับบกยกแยกไปคอยรับเสดจ์ณะเมืองเถิน ๚ะ

๏ ครั้นถึงสุภวารมหุดิมหันต์อนันตพิไชยฤกษ์ จึ่งพระบาทบรมนารถนารายน์ราชบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัว ก็สอดทรงเครื่องศริราชอลังการสรรพาภรณ์บวรวิภูสิตสำหรับขัติยราชรณยุทธ ทรงราชาวุธสรัพเสรจ์ก็เสดจ์ลงสู่เรือพระที่นั่งขจิตรพิมานกาญจน์มณีศรีสมรถไชย อันอำไภยด้วยบวรเสวตรฉัตรขนัดอภิรุมชุมสายพรายพรรณ บังพระสุริยันบังแทรกสลอนสลับ สรัพไปด้วยกันชิงกลิ้งกลดจามรมาศดาษดาดูมเหาฬารพันฦก อธึกด้วยกระบิธุชธงฉานธงไชยงามไสวไพรโรจด้วยเรือดั้งเรือกรร แลเรือท้าวพระยาสามนต์ราชเสนาบดีมนตรีมุขลูกขุนทั้งหลาย รายเรียงเปนระยะโดยกระบวรพยุหบาตราหน้าหลังพรั่งพร้อมเสรจ์ ภอได้อุดมฤกษเวลาพระโหราธิบดีก็ลั่นฆ้องไชย ราชครูบริโสดมพรหมพฤกฒาจาริยเป่ามหาสังขทักขิณาวัฎ เจ้าพนักงานประโคมแตรลังขดุริยางคดนตรีฆ้องกลองนี่สนั่น บันลืลั่นศรับทสำเนียง เสียงพลโยธาหาญโห่ร้องสท้านสเทือนท้องนัทธี ให้เคลื่อนเรือพระที่นั่งศรีวรสุพรรณหงษ อันทรงพระพุทธปฏิมาสมญาพระไชยนั้นไปก่อน แล้วก็ขยายพยุหบาตราคลาเคลื่อนเลื่อนตามขบวนบรมราชพยุหสงครามไปตามลำดับชลมารคตราบเท่าถึงเมืองเถิน ก็ขึ้นประทับแรมอยู่ที่นั่นคืนหนึ่ง จึ่งเสดจ์ทรงช้างพระที่นั่งพังกินรวิหก พยุหบาตราโยธาหารไปโดยสถลมารควิถีถึงเมืองลำพูน แล้วให้หยุดกองทับยับยั้งตั้งตำหนักทับพลับพลาอยู่ในที่นั้น จึ่งสมเดจ์บรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัว ก็มีพระราชดำรัศให้มีตราตอบขึ้นไปยังกองทับว่า ทับหลวงเสดจ์พระราชดำเนิรยกมาช่วย กองทับที่ล้อมเมืองเชียงใหม่นั้นให้ล้อมมั่นไว้อย่าเภอหักเอาเมืองก่อน แลให้คอยท่าทับหลวงกว่าจะเสดจ์ขึ้นไปถึง จึ่งจะหักเอาเมืองต่อภายหลัง ๚ะ

๏ ฝ่ายเจ้าพระยาโกษา แลท้าวพระยานายทับนายกองทั้งหลาย ได้แจ้งในท้องตราดั่งนั้นแล้ว ก็ให้ตั้งค่ายหลวงแลที่ประทับพลับพลาไว้คอยรับเสดจ์ในที่อันสมควร แล้วก็ให้กราบทูลเชิญเสดจ์พระราชตำเนิรขึ้นมายังเมืองเชียงใหม่ จึ่งพระบาทบรมบพิตรพระพุทธเจ้าช้างเผือก ก็เสดจ์ยกพยุหบาตราโยธาทับหลวงขึ้นไปถึงเมืองเชียงใหม่ แลเสดจ์ประทับอยู่ ณะค่ายอันกองทับทำไว้รับเสดจ์นั้น จึ่งเจ้าพระยาโกษาธิบดี แลท้าวพระยานายทับนายกองทั้งหลาย ก็มาเฝ้าณะค่ายหลวงกราบทูลข้อราชการทั้งปวงให้ทราบ แล้วก็แวดล้อมรักษาพระองคโดยรอบ แลเอาแรงช้างม้าพลานิกร เดิรเท้าให้หายเหน็จเหนื่อยเมื่อยล้าลำบากกาย ๚ะ

๏ ฝ่ายลาวชาวเมืองเชียงใหม่ทั้งหลายต้านต่อทับไทยมิได้ ก็ให้ครั่นคร้ามขามกลัวสยดสยองไปสิ้นทั้งเมือง แลพระยาแสนหลวงเจ้าเมืองนั้น ก็สดุ้งตกใจกลัวทับไทยยิ่งนัก จะรบก็เหลือกำลังที่จะต้านทานได้ จะหนีก็เหนไม่พัน ครั้นจะออกอ่อนน้อมยอมถวายเมืองเล่า ก็กลัวตาย ได้ทำความชั่วกลับกลอกมาเปนหลายครั้งแล้ว ให้จนจิตรสิ้นความคิดมิรู้ที่จะทำประการใด ก็นิ่งรักษาแต่เมืองไว้ตามบุญ เผื่อกุศลจะมาช่วยอุดหนุนบ้าง ก็ภอจะช่วยให้พ้นไภย จึ่งบอกหนังสือขึ้นไปยังเมืองอังวะ ขอกองทับให้ยกลงมาช่วย แล้วได้ยินศรับทสำเนียงเสียงช้างม้าพลาพลเดิรเท้าแห่งข้าศึก กึกก้องโกลาหนหนักขึ้น ก็ให้ขึ้นดูบนพระเจดียใหญ่อันประดิษฐานอยู่ณะกลางเมือง จึ่งเหนรี้พลช้างม้าฆ่าศึกเปนอันมาก ยกหนุนมาตั้งค่ายใหญ่อยู่ใหม่ในทิศอาคะเน ก็ยิ่งสดุ้งตกใจกลัวทับไทยยิ่งนัก จึ่งเร่งให้ตกแต่งการป้องกันเมืองทั้งกลางคืนกลางวันเปนสามารถ แลให้เอาไม้ทรุงทั้งหลาย มาผูกแขวนรายไว้ที่บนใบเสมากำแพงเมืองนั้นโดยรอบ แล้วจะได้ตัดให้ตกลงไปทับฆ่าศึก แล้วให้ตั้งกะทะคั่วกรวดทรายปูนผง แล้วเคี่ยวน้ำมันยางไว้ให้ร้อนจงทุก ๆ น่าที่ สำหรับจะหว่านซัดสาดราดเทลงไปให้ถูกต้องฆ่าศึกล้มตาย ขณะเมื่อจะยกเข้ามาป่ายปีนกำแพงปล้นเอาเมืองนั้น อย่าให้ทำการได้ถนัด แลจัดแจงการทั้งปวงไว้พร้อมเสรจ์ แล้วก็คอยกองทับเมืองอังวะจะยกลงมาช่วยฤๅประการใด ๚ะ

๏ ฝ่ายพม่าเมืองอังวะได้แจ้งในหนังสือบอกเมืองเชียงใหม่ดังนั้นแล้ว ก็ให้คิดเขดขามคร้ามฝีมือศึกไทยยิ่งนัก แลมิอาจลงมาช่วยเมืองเชียงใหม่ได้ ในขณะทับหลวงมาตั้งอยู่ได้เจดวัน ภอรี้พลช้างม้าหายเหน็จเหนื่อยเลื่อยล้าแล้ว จึ่งเจ้าพระยาโกษาธิบดีกราบทูลพระกรุณา จะขอยกเข้าแหกหักเอาเมืองเชียงใหม่ สมเดจ์พระเจ้าอยู่หัวก็ดำรัสให้พระโหราหาฤกษ แล้วมีพระราชกำหนดให้ท้าวพระยามุขมนตรีนายทับนายกองทั้งปวง ตรวจจัดช้างม้าพลาพลเดิรเท้า แลทหารคนดีมีวิชาทั้งหลาย ให้พร้อมไว้แต่ในห้าวัน แลกระทำบันไดน้อยใหญ่กว่าพันอันสำหรับจะป่ายปีนปล้นเมือง แลซึ่งช้างทั้งหลายนั้นก็ให้ทำเกือกหนัง เสื้อหนัง น่าหร้าหนัง ใส่ครบทุก ๆ ตัว แลพลโยธาหารนั้น ก็ให้ตกแต่งกายสรวมใส่หมวกแลเสื้อแลรองท้าวล้วนทำด้วยหนังสิ้น แลให้พูนดินขึ้นเปนป้อมสูงเทียมกำแพงเมืองในที่มุมเมืองทั้งสาม แลหว่างกลางทั้งสามนั้น เปนหกแห่งด้วยกัน แลให้เอาปืนใหญ่ขึ้นตั้งจังก้ายิงเข้าไปตามเชิงเทินจงทุกป้อม อย่าให้ชาวเมืองอยู่รักษาน่าที่ได้ถนัด เร่งจัดแจงตกแต่งตระเตรียมการทั้งปวงให้พร้อมไว้จงทุกหมวดทุกกอง แลกำหนดวันคืนเพลาสัญญาอานัต ให้คอยดูท่วงทีดวงพลุะเปนสำคัญฤกษอันจะยกเข้าหักเอาเมืองนั้น ๚ะ

๏ จึ่งท้าวพระยามุขมนตรีนายทับนายกองทั้งหลาย ได้แจ้งพระราชกำหนดดังนั้น ก็เร่งตกแต่งเตรียมการทั้งปวงไว้พร้อมเสรจ์แล้ว ก็คอยดูดวงพลุะซึ่งเปนสำคัญฤกษนั้น ครั้นถึงศุภวารวิไชยฤกษเพลาสามยาม จึงพระราชครู พระครูปะโรหิตาจาริย ก็อันเชิญเสดจ์พระบาทบรมนารถบรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัว ทรงมุรธาภิเศกถวายอาเสียรพาศอวยไชย สมเดจ์พระเจ้าอยู่หัว ก็สอดทรงเครื่องศิริราชอลังการสรรพาภรณสำหรับบรมกระษัตริย์ เสดจ์ประเวศน์งารพระราชสงครามเสรจ์เสดจ์ขึ้นเกยคอยฤกษ ภอได้อุดมฤกษพระโหราธิบดีก็ลั่นฆ้องไชย เจ้าพนักงานประโคมแตรสังขดุริยางคดนตรีฆ้องกลองกึกก้องกาหลนฤนารท พระบาทบรมบพิตรพระพุทธเจ้าช้างเผือก ก็เสดจ์ทรงช้างต้นพลายหักสิบทิศ เปนพระคชาธารอันอลังการด้วยเครื่องสูง แลธงฉานธงไชยดูไสวไพรโรจด้วยช้างดั้งช้างกันแซรกแซรงสลับค่ายค้ำพังคา อันท้าวเสนาบดีพิริยโยธาพลาพลพฤนพรั้งพร้อมห้อมล้อมเสดจ์พระราชดำเนิร แลดำรัศให้จุดเพลิงพลุะขึ้นเปนสำคัญฤกษ ๚ะ

๏ ฝ่ายท้าวพระยานายทับนายกองทั้งปวงเหนดวงพลุะดั่งนั้น ก็ขับพลคชาโยธาหารทั้งหลาย ล้วนแต่งกายสรวมใส่เครื่องหนังมือถือหอกแลทวน สำหรับจะรับไม้ซุงแลถือเขนถือโล่ฝาโพล่ฝาแฟ้ม สำหรับจะป้องกันกรวดทรายปูนผงแลน้ำมันยางอันร้อน ซึ่งชาวเมืองจะซัดราดเทลงมานั้นถ้วนทุกตัวคน แลโห่สนั่นบันฦๅศรับทสำเนียงเสียงฆ้องกลองศึกสท้านเสทือน เพียงแผ่นดินจะไหว ยกเข้าไปจะแหกหักเอาเมืองทุก ๆ น่าที่ จึ่งสมเดจ์บรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัว ก็เสดจ์มาอยุดยืนพระคชาธาร มีพระราชโองการตรัสให้ท้าวพระยานายทับนายกองทั้งหลายขับพลทหารเอาบันไดน้อยใหญ่พาดกำแพงเมืองป่ายปีนขึ้นไป แลให้วางปืนใหญ่ระดมเข้าไปตามเชิงเทินเมืองนั้นทุกป้อมพร้อม ๆ กัน ๚ะ

๏ ายพลลาวชาวเมืองซึ่งรักษาน่าที่เชิงเทินปราการทั้งหลายนั้น ก็ต้องปืนใหญ่ล้มตายเปนอันมาก แลต้านทานอยู่มิได้ก็ถอยลงไปจากน่าที่บ้าง ๆ ก็ต้านทานอยู่ได้บ้าง แลตัดเชือกซึ่งผูกไม้ซุงแขวนไว้ตามใบเสมากำแพงนั้นให้ตกลงไปทับฆ่าศึก บ้างก็หว่านซัดกรวดทรายปูนผงอันร้อน แลรดสาดราดเทน้ำมันเดือดลงไปให้ถูกต้องพลฆ่าศึกอันป่ายปีนขึ้นมานั้น แลต่อรบป้องกันเมืองอยู่เปนสามารถ ๚ะ

๏ ฝ่ายพลทหารไทยก็รับไม้ซุงด้วยปลายหอกปลายทวน แลมากด้วยกันก็ทานไว้ได้ผ่อนให้ตกลงแต่เบา แลเอาเขนโล่ฝาโพล่ฝาแฟ้มทั้งหลาย ขึ้นป้องกันรับกรวดทรายปูนผงอันร้อน แลน้ำมันยางเดือดซึ่งชาวเมืองซัดสาดราดเทลงมานั้น ให้ถูกต้องแต่น้อยภออดทนได้ แลพลทหารไทยแสนหนึ่งมิพึงจะท้อถอย เยียดยัดหนุนเนืองกันเข้าไป ดุจคลื่นในห้องพระมหาสมุด ชาวเมืองสุดที่จะต้านทานได้ ก็ขึ้นบนบันไดป่ายปีนกำแพงเข้าไปได้ในเมืองพร้อมกันทุก ๆ น่าที่ แล้วก็ไล่พิฆาฏฆ่าพลลาวชาวเมืองทั้งหลายล้มตายเปนอันมาก แลได้เมืองเชียงใหม่ในเพลารุ่งขึ้นวันนั้น แล้วก็ไล่จับพระยาแสนหลวงเจ้าเมือง แลบุตรภรรยาญาติวงษได้สิ้น แลได้ครัวตัวแสนท้าวพระยาลาวเสนาบดีทั้งหลาย แลครอบครัวอพยพชาวเมืองทั้งปวงเปนอันมาก ได้ช้างม้าเครื่องสาตราวุธปืนใหญ่ปืนน้อยแลสิ่งของต่าง ๆ ก็มาก แล้วก็คุมครอบครัวส่งออกไปยังค่ายหลวงสิ้น จึ่งเจ้าพระยาโกษาธิบดี ก็จัดสันเอาบุตรีเจ้าเมือง แลบุตรีท้าวพระยาเสนาลาวทั้งหลาย ที่มีศรีรูปอันงามนั้น เข้ามาถวายสมเดจ์พระเจ้าอยู่หัว แล้วก็ทรงเลือกบุตรีเจ้าเมืองไว้เปนนางพระสนม แลซึ่งบุตรีแสนท้าวพระยาลาวทั้งหลายนั้น ก็ทรงแจกพระราชทานให้แก่ท้าวพระยานายทับนายกองทั้งปวงทั่วกัน แลเสดจประทับยับยั้งอยู่ที่นั่น ประมาณสิบห้าเวนกว่าหัวเมืองจะสงบ ก็ส่งไปบ้านเมือง แลหัวเมืองทั้งหลายซึ่งขึ้นแก่เมืองเชียงใหม่เปนปรกติแล้ว จึ่งเลิกทับหลวงกวาดเอาครอบครัวลาวเชลยทั้งหลายที่ตีได้นั้น ก็เสดจพระราชดำเนิรกลับมาโดยทางสวรรคโลกย์ก็เสดจ์ประทับแรมอยู่ณะเมืองศุโขไทยสิบห้าวัน แลดำรัสให้กองทับท้าวพระยาหัวเมืองปากใต้ทั้งหลายสองหมื่นเสศ คุมเอาช้างม้าพลาพลเดิรท้าวอันป่วยเจ็บทุพลภาพ แลครอบครัวลาวเชลยทั้งหลายอันตีได้นั้น แยกไปลงทางท่าเรือเมืองกำแพงเพชรแล้ว ก็เสดจ์กรีธาพลาพลทับหลวงจากเมืองศุโขไทย มาโดยลำดับมารควิถีถึงเมืองพระพิศณุโลกย แล้วเสดจ์พระราชตำเนิรไปยังพระอาราม วัดพระศรีรัตนมหาธาตุถวายนมัศการพระพุทธปติมากร พระชินราช พระชินสีห์ ด้วยเบญจางค์ประดิษฐ แล้วกระทำมหาสการบูชา แล้วเล่นการมหรสพสมโพชสามวัน แลเสดจ์ประทับยับยั้งอยู่เมืองพระพิศณุโลกยเจดวัน จึ่งดำรัสให้กองทับยกแยกลงไป แล้วก็เสดจ์พระราชตำเนิรจากเมืองพระพิศณุโลกย์ มาโดยชลมารคด้วยพระชลวิมาน พร้อมด้วยเรือท้าวพระยาเสนาบดีพิริยโยธาหาร แห่แหนเปนขนัด โดยขบวนพยุหบาตราหน้าหลังเสรจ์ ก็เสดจ์ถึงกรุงเทพมหานครบวรทราราวดีศรีอยุทธยา แลเสดจขึ้นสู่พระราชวังบวรสฐานมงคล ทรงพระกรุณาพระราชทานรางวัลแก่เจ้าพระยาโกษา แลท้าวพระยานายทับนายกองทั้งหลายเปนอันมาก ตามลำดับถานาศักดิ ๚ะ

๏ จำเดิมแต่นั้นมา พระราชกฤษฎาเดชานุภาพแห่งพระบาทบรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัว ฦๅชาปรากฎไปทั่วทิศานุทิศ ประเทศธาณีใหญ่น้อยทั่วบรรดาขัติยราชดัษกร ก็สยบสยอนครั่นคร้ามขามพระเดชพระคุณเปนอันมาก มิอาจกระทำย่ำยีบีทาต่อพระนครศรีอยุทธยาได้ กรุงเทพมหานครครั้งนั้นก็เกษมศุขสมบูรณ์ยิ่งนัก ๚ะ

๏ ในขณะนั้นพระเพทราชาจางวางกรมช้าง เปนชาวบ้านพลูหลวงแขวงเมืองสุพรรณ์บูรี มีบุญญาธิการมาก แลกระทำราชการชำนิชำนาญในการสิลปสาตขี่ช้างแกล้วกล้ายิ่งนัก แล้วก็มีฝีมือในสงคราม กระทำความชอบมาเปนหลายหนแล้ว ได้โดยเสดจ์งานพระราชสงครามครั้งเมืองเชียงใหม่นั้นด้วย สมเดจ์พระพุทธเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาแก่พระเพทราชานั้น แล้วเมื่อเสดจ์พระราชตำเนิรมาจากเมืองเชียงใหม่นั้น พระองค์เสดจ์ทรงสังวาศด้วยราชธิดาเจ้าเมืองเชียงใหม่ แลนางนั้นก็ทรงครรภขึ้นมา ทรงพระกรุณาละอายพระไทย จึ่งพระราชทานนางนั้นให้แก่พระเพทราชาแล้วดำรัศว่า นางลาวคนนี้มีครรภขึ้นมา เราจะเอาไปเลี้ยงไว้ในพระราชวัง ก็คิดละอายแก่พระสนมทั้งปวง แลท่านจงรับเอาไปเลี้ยงไว้ณะบ้านเถิด แลพระเพทราชาก็รับพระราชทานเอานางนั้นไปเลี้ยงไว้ณะบ้าน ๚ะ

๏ ครั้นถึงปีขานจัตวาศก สมเดจ์บรมพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัว เสดจ์พระราชตำเนิรขึ้นไปนมัศการพระชินราช พระชินสีห์ ณะเมืองพระพิศณุโลกย พระเพทราชาก็พาเอานางลาวมีครรภนั้นไปตามเสดจ์ด้วย ถึงตำบลโพประทับช้าง ภอครรภ์นางนั้นแก่ท่วนทศมาศได้ฤกษดี นางก็ประสูติบุตรชายกอปด้วยศริวรรณลักขณเปนอันดี บิดาให้นามบรรญัติชื่อเจ้าเดื่อ ครั้นอยู่มาค่อยรู้ความแล้ว ก็สำคัญเอาพระเพทราชาว่าเปนบิดา แลรักษใคร่สนิทติดพันท์จนไวยวัฒนาขึ้น ก็มีสติปัญญาแกล้วกล้าอาจหารยิ่งนัก จึ่งพระเพทราชาก็นำเอานายเดื่อผู้บุตรเลี้ยง เข้าไปถวายตัวเปนมหาดเล็ก แลให้กระทำราชการสนองพระเดชพระคุณ สมเดจ์บรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัว ก็ทรงพระการุญภาพแก่นายเดื่อมหาดเล็กนั้นเปนอันมาก มีพระราชดำริหจะใคร่ให้เจ้าเดื่อรู้ตัวว่าเปนพระเจ้าลูกเธอ แลทรงพระกรุณาตำรัสให้เจ้าพนักงานเชิญเอาพระฉายมาตั้ง ก็ทรงส่องพระฉาย แล้วกวักพระหัถตรัสเรียกนายเดื่อมหาดเล็กเข้าไปให้ใกล้พระองค์ แล้วก็ตำรัศว่า เองจงดูเงาในกระจกเถิด นายเดื่อมหาดเล็กนั้นก็คลานเข้าไปส่องพระฉายด้วยพระองค์ ก็เหนเงาเหมือนดังนั้น แล้วก็มีพระราชโองการตรัสถามว่า เองเหนรูปเรากับรูบของเองนั้น เปนอย่างไรกันบ้าง จึ่งนายเดื่อมหาดเล็กก็กราบทูลพระกรุณาว่า รูปทั้งสองอันปรากฎอยู่ในพระฉายนั้น มีพรรณสัณฐานคล้ายคลึงกัน สมเดจ์พระเจ้าอยู่หัวตรัสได้ทรงฟังดังนั้น ก็ทรงเมตตาการุญภาพแก่นายเดื่อมหาดเล็ก ซึ่งเปนพระราชบุตรนั้นยิ่งนัก ทรงพระกรุณาดำรัสพระราชทานโอวาทานุศาสน แลใช้ในกิจราชการทั้งปวง แล้วพระราชทานเสื้อผ้าเข้าของเงินทองเปนอันมาก ๚ะ

๏ ส่วนนายเดื่อมหาดเด็ก ก็รู้ตัวว่าเปนพระเจ้าลูกเธอ โดยพระราชอุบายในวันอันส่องพระฉายนั้น แลบังเกิดทิฐิมานะขึ้นเปนอันมาก ก็บริโภคโพชนาหารในพระสุพรรณภาชนะอันเหลือเสวยนั้น แลเอาพระภูษาทรง ซึ่งเจ้าพนักงานตากไว้นั้นมานุ่งห่ม ผู้ใดจะว่ากล่าวก็มิฟัง แต่ทำดั่งนั้นเปนหลายครั้ง จึ่งเจ้าพนักงานทั้งหลาย ก็เอาเหตุนั้นขึ้นกราบทูลพระกรุณา สมเดจพระเจ้าอยู่หัวตรัสได้ทรงฟังดั่งนั้นก็มิได้ถือ ดำรัสว่าไอ้เดื่อนี้มันบ้า ๆ อยู่ อย่าถือมันเลย มันชอบใจสิ่งของทั้งนั้น จึ่งบริโภคนุ่งห่มตามทีมันเถิด ๚ะ

๏ จำเดิมแต่นั้นมานายเดื่อจะปราถนาเอาสิ่งใด ก็ถือเอาสิ่งนั้นทุกประการ แลจะได้มีผู้ใดว่ากล่าวนั้นหามิได้ ในขณะนั้นช้างพลายส่อมตัวหนึ่ง เปนช้างเพชฆาฎสำหรับฆ่าคนโทษถึงตายร้ายกาจยิ่งนัก ถ้าแลตกน้ำมันแล้ว ถึงหมอช้างผู้ใดที่ดีขับขี่เข้มแขง ก็มิอาจสามารถจะขี่ไปลงน้ำได้ แลผูกตรึงไว้ที่โรงนั้น ครั้นอยู่มาวันหนึ่งนายเดื่อมหาดเลกรู้เหตุดั่งนั้น ก็ไปยังโรงช้างพลายส่อม แลจะขึ้นขี่พลายส่อมเอาไปลงน้ำให้จงได้ หมอควานทั้งหลายห้ามก็มิฟัง แลเข้าแก้เอาจากตะลุง แล้วก็ขึ้นขี่เอาไปลงน้ำได้โดยสดวก ด้วยบุญาเปนมหัษจรรย์ แลอานุภาพสรรพเวทมนตร์คาถาวิชาคุณ อันภาวะนานั้นด้วยดี จะได้เปนอันตรายนั้นหามิได้ ส่วนพระหลวงขุนหมื่นกรมช้างทั้งหลาย ก็เอาเหตุนั้นขึ้นกราบทูลพระกรุณา สมเดจพระเจ้าอยู่หัว ตรัสทราบเหตุดั่งนั้น ก็ตกพระไทย จึ่งดำรัสให้กรมช้างทั้งหลาย ผูกช้างพังหลายเชือก พร้อมไปด้วยเชือกบาศเร่งรีบไปช่วยโดยเรว ภอนายเดื่อเอาช้างพลายส่อมไปลงน้ำ แล้วกลับขึ้นมาถึงโรงได้โดยปรกติ แล้วผูกไว้ณโรงดังเก่า แล้วกรมช้างทั้งหลายก็กลับเอาเหตุมากราบทูลพระกรุณาให้ทราบ พระบาทบรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัว ตรัสทราบประพฤติเหตุอันนายเดื่อขี่ช้างพลายส่อมได้ ปราศจากไภยันตรายดังนั้น ก็ทรงปรีดีโสมนัศ จึ่งดำรัศให้หานายเดื่อมหาตเลกเข้ามาเฝ้า แล้วก็มีพระราชโองการตรัสว่า ตัวเองขี่ช้างแกล้วกล้าเข้มแขงนัก เองจงเปนหลวงสรศักดิ์ไปช่วยราชการบิดาแห่งเองในกรมช้างเถิด จำเดิมแต่นั้นมานายเดื่อก็เปนหลวงสรศักดิ์ กระทำราชการสนองพระเดชพระคุณข้างกรมช้าง ๚ะ

๏ ครั้งนั้นพระบาทบรมนารถบรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัว เสดจพระราชดำเนิรขึ้นไปยังเมืองลพบุรีเนือง ๆ แลเสดจไปประพาสตำบลสระแก้ว แล้วให้กระทำพระราชวัง ณเมืองลพบุรี แลเสดจสำราญพระไทยอยู่ในที่นั่น แล้วก็เสดจพระราชดำเนิรไปประภาศชมพนัศพนาวรรณ์พิศาลสิขรเขตวิเสศด้วยพันรุกขชาติ ร่มรื่นระหงระโหถานแถวเถื่อนทุรถยา สรรพด้วยสกุณปักษานาๆสัตวจัตุบาทบันเทิงเลลิงลานพระไทย แลทรงพระกรุณาดำรัศให้ทำคลองปากจั่นออกจากสระแก้ว ตรุสีลายาปูนเปนอันดี แล้วให้ขุดเปนคลองไขน้ำมาแต่ทะเลชุบษร ตราบเท่าถึงคลองปากจั่นสระแก้วนั้น แล้วให้ตั้งพระนิเวศไว้ในที่นั้น แลเสดจไปประพาสตำบลนั้นเนือง ๆ แล้วก็เสดจกลับยังพระราชวัง แลเมืองลพบุรีก็สนุกนิ์ศุขสำราญ เปนพระบรมราชนิเวศสถานขึ้นในครั้งนั้น ๚ะ

๏ จึ่งสมเดจบรมบาทพระนารายน์ราชบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัว ก็มีพระราชโองการดำรัศสั่งช่างเจ้าพนักงาน จับการก่อพระมหาปราสาทสองพระองค์ ครั้นเสรจแล้วก็พระราชทานนามบรรญัติ ชื่อพระที่นั่งสุธาสรรย์องค์หนึ่ง พระที่นั่งหิรัญมหาปราสาทองค์หนึ่ง แล้วทรงพระกรุณาให้ปะฏิสังขรณ์พระอุโบสถ วิหาร มะหาธาตุ เจดีย์ แลกุฏีสาลาในอารามทั้งหลายทั่วจังวัดเมืองลพบูรีที่ชำรุดปรัคนั้น ให้ถาวรณ์ขึ้นดั่งเก่าแล้วเสรจ์ แลพระองค์เสดจ์อยู่ ณะเมืองลพบูรีในเหมันต์ระดูแลคิมหันต์ระดู แลเสดจ์ลงมาประทับอยู่ณะกรุงเทพมหานคร แต่เทศกาลวรรษระดู สมเดจ์พระเจ้าอยู่หัวเสดจ์เสวยไอยสวรรยาธิปัดถวัลยราชณะเมืองลพบูรี แลพระนครศรีอยุทธยา เปนศุขานุศุขยิ่งนัก ๚ะ

๏ พระบาทบรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัว มีพระราชโอรสองค์หนึ่ง ทรงพระนามเจ้าฟ้าน้อย ครั้นโสกรรต์แล้วพระราชทานพระนามชื่อเจ้าฟ้าอะไภยทศ แลทรงพระกรุณาโปรดให้อยู่ณะพระตำหนักวังหลัง แลพระองค์มีพระราชบุตรีองค์หนึ่ง ทรงพระกรุณาโปรดให้เปนกรมหลวงโยธาเทพ แลซึ่งสมเดจ์พระบรมราชภคินีนั้น ทรงพระกรุณาโปรดให้เปนกรมหลวงโยธาทิพ แลเสดจอยู่ณะพระตำหนักตึกในพระราชวัง ๚ะ

๏ ครั้งนั้นพระยาวิชาเยนทร์ฝรั่ง กระทำราชการดีมีความชอบมากขึ้น ทรงพระกรุณาโปรดให้เลื่อนที่ขึ้นเปนเจ้าพระยา แลให้บังคับราชการว่าที่สมุหนายก แลทรงพระกรุณาโปรดให้พระยารามเดโชออกไปครองเมืองนครศรีธรรมราช ให้พระยารามขึ้นไปครองเมืองนครราชสีมาคราวกันนั้น ๚ะ

๏ จบเล่ม ๑๘ ๚ะ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ