๓๖

๏ ครั้นถึงณวันศุกร์เดือนสี่ขึ้นสิบเบ็ดค่ำ, ได้มหาพิไชยอุดมฤกษ, สมเดจพระพุทธเจ้าหลวง, ก็เสดจทรงเรือพระที่นั่งบัลลังก์ทินกรสร่องศรี, ลายรดน้ำพื้นแดง. พระที่นั่งมณีจักรพัดิ, ลายรดน้ำพื้นดำ, ทรงพระไชย,นำเสดจพร้อมเรือท้าวพระยาข้าทูลลอองธุลีพระบาทผู้ใหญ่ผู้น้อยทั้งปวง โดยเสดจพระราชดำเนินตามขบวนพยุหยาตราน่าหลัง, แลพลโยธาหาญสามหมื่น, สรัพด้วยเครื่องสรรพยุทธชิงไชย. ให้ยาตรานาวาทับหลวงจากกรุงเทพมหานคร, ประทับร้อนแรมไปโดยทางชลมารค, ถึงเมืองอินทบุรี. ให้ตั้งค่ายแลพระตำหนักพลับพลาไชยเสดจประทับอยู่ที่นั้น. ๚ะ

๏ ฝ่ายกองทับสโดะมหาสิริยอุจนา, ยกมาถึงเมืองนครลำปางให้ตั้งค่ายล้อมเมืองไว้. แลครั้งนั้นเมืองเชียงใหม่ร้างอยู่มิได้มีคนรักษา, ด้วยพระยาวิเชียรปราการเจ้าเมือง, ยกครอบครัวชาวเมืองหนีพม่าลงมาอาไศรยอยู่ณเมืองสวรรคโลกย,แต่ครั้งแผ่นดินเจ้าตาก, ยังหาได้กลับขึ้นไปไม่. แลตัวพระยาวิเชียรปราการนั้นถึงแก่กรรม, ครอบครัวชาวเมืองทั้งปวงยกกลับขึ้นไปอยู่ณเมืองนครลำปางสิ้น. ทับพม่าจึ่งยกเลยเมืองเชียงใหม่ลงมาตีเมืองนครทีเดียว. แลพระยากาวิละเจ้าเมืองเกนพลทหาร, ขึ้นรักษาน่าที่เชิงเทินป้องกันเมืองเปนสามารถ. พม่าจะแหกหักเอาเมืองมิได้, ก็ตั้งมั่นล้อมเมืองไว้. แลกองทับเนมโยสีหชุยะพลห้าพัน, ก็ยกลงมาทางเมืองสวรรคโลกย. พระยาสวรรคโลกย, พระยาศุโขไทย, พระยาพิศณุโลกยเหนฆ่าศึกมากเหลือกำลัง. ด้วยครั้งนั้นไพร่พลหัวเมืองฝ่ายเหนือทั้งปวงนั้นน้อย, แลผู้คนยับเยินเสียแต่ครั้งทับอแซหวุ่นกี้นั้นเปนอันมาก, ที่ยังเหลืออยู่นั้นเบาบางนัก, เจ้าเมืองทั้งปวงจึ่งมิได้ต่อรบ, ต่างยกครอบครัวหนีเข้าป่า. ทับพม่าจึ่งยกล่วงเลยเมืองสวรรคโลกย, เมืองศุโขไทยลงมา, ตั้งค่ายอยู่ณปากน้ำพิงฝั่งตวันออก. ฝ่ายซุยตองเวระจอแทง, ทั้งทับน่าทับหนุนพลห้าพัน, ก็ยกเข้ามาทางด่านเมืองตาก พระยากำแพงเพชร์, พระยาตากเหนเหลือกำลังจะต่อรบ, ก็เทครัวหนีเข้าป่า. ทับพม่าก็ยกลงมาตั้งค่ายอยู่, ณบ้านรแหงแขวงเมืองตาก. ๚ะ

๏ ฝ่ายกรมพระราชวังหลัง, ได้ทรงทราบในท้องตรารับสั่ง, ก็กลัวพระราชอาญาเปนกำลัง, มีพระบัญชาสั่งให้กองทับเจ้าพระยามหาเสนา, ซึ่งตั้งค่ายอยู่ณเมืองพิจิตร, ให้ยกขึ้นไปตีค่ายพม่าซึ่งตั้งอยู่ณปากน้ำพิง. เจ้าพระยามหาเสนา, จึ่งแต่งให้กองทับพระยาสระบุรี, เปนกองน่ายกล่วงขึ้นไปก่อน, แล้วเจ้าพระยามหาเสนาก็ยกหนุนขึ้นไป. แลทับกรมพระราชวังหลัง, กับกรมหลวงนรินทรนเรศร์,ก็ยกตามทับเจ้าพระยามหาเสนาขึ้นไปภายหลัง ฝ่ายกองทับพระยาสระบุรีกองน่า, ยกขึ้นไปตามริมฝั่งแม่น้ำฟากตวันออกแต่เพลาเช้าตรู่, แลเหนฝูงนกกระทุงข้ามแม่น้ำมา, เหนตคุ่มๆ ไม่เหนถนัด. แลพระยาสระบุรีนั้นเปนคนขลาด, สำคัญว่าพม่ายกข้ามน้ำมา, ก็สั่งให้รี้พลลาดถอย. ต่อสว่างขึ้นจึ่งเหนชัดว่าฝูงนกกระทุง, มิใช่พม่า เจ้าพระยามหาเสนา,แลกรมพระราชวังหลัง, ได้ทราบว่าพระยาสระบุรี, ตื่นฝูงนกกระทุงถอยทับมา จึ่งให้เอาตัวพระยาสระบุรีไปประหารชีวิตรเสีย, เอาศีศะเสียบไว้ที่หาดทราย. แล้วลงมากราบทูลพระกรุณายังทับหลวง, ๆ ก็เสดจพระราชดำเนินหนุนขึ้นไป. ดำรัศให้กองสมเดจพระเจ้าหลานเธอกรมหลวงเทพหริรักษ, ยกไปบันจบกับทับเจ้าพระยาพระคลัง, พระยาอุไทยธรรม, ซึ่งตั้งค่ายอยู่ณเมืองไชยนาท, ให้ยกขึ้นไปทางปากน้ำโพ, ตีทับพม่าซึ่งมาตั้งค่ายอยู่ณบ้านระแหงให้แตกโดยเรว. แล้วทับหลวงก็เสดจขึ้นไปตั้งค่ายใหญ่อยู่ณบางเข้าตอก, ให้เรือตำรวจขึ้นไปเร่งกองทับกรมพระราชวังหลัง, แลเจ้าพระยามหาเสนา, ให้ยกเข้าตีค่ายพม่าณปากน้ำพิงให้แตกแต่ในวันเดียว, แม้นเนิ่นช้าไปจะเอาโทษถึงสิ้นชีวิตร. แลกรมพระราชวังหลังกับเจ้าพระยามหาเสนาได้แจ้งในรับสั่งดั่งนั้น, ก็ตรวจเตรียมพลทหารทุกทับทุกกองพร้อมเสรจ. ๚ะ

๏ ครั้นถึงณวันอาทิตยเดือนสี่ขึ้นสี่ค่ำเพลาเช้า, ก็ยกพลทหารทั้งปวงเข้าโจมตีค่ายพม่าทุกๆค่าย. พม่าต่อรบเปนสามารถ, ยิงปืนใหญ่น้อยโต้ตอบกันทั้งสองฝ่ายรบกันแต่เช้าจนค่ำ. ด้วยเดชะพระบรมโพธิสมภารบันดาลให้พวกพม่าสยบสยองย่อท้อเกรงกลัวพระราชกฤษดาเดชานุภาพเปนกำลังมิอาจต่อต้านได้. ภอเพลาประมาณยามเสศ, ทับพม่าก็แตกฉานพ่ายหนีออกจากค่ายทุกๆ ค่าย, ลงข้ามแม่น้ำหนีไปฟากตวันตกทั้งสิ้น. แต่จมน้ำตายทั้งคนทั้งม้าประมาณแปดร้อยเสศ, อาสพลอยเตมแม่น้ำจนน้ำกินมิได้, พลทับไทยไล่ติดตามจับได้เปนๆอันมาก. กรมพระราชวังหลังแลเจ้าพระยามหาเสนา, จึ่งให้ม้าใช้รีบลงไปกราบทูลพระกรุณาณค่ายหลวงบางเข้าตอกว่า, ตีพม่าแตกไปแล้ว. ๚ะ

๏ สมเดจพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงทราบ, ก็ทรงพระโสมนัศ, ดำรัศให้สมเดจพระเจ้าน้องยาเธอกรมหลวงจักรเจษฎา, ยกกองทับออกจากทับหลวงขึ้นไปบันจบทับเจ้าพระยามหาเสนา ณปากน้ำพิง, ให้ยกติดตามพม่าซึ่งแตกขึ้นไปช่วยเมืองนครลำปาง, ตีทับพม่าซึ่งตั้งล้อมเมืองนครลำปางอยู่นั้น, ให้แตกฉานจงได้. แล้วดำรัศให้ข้าหลวงขึ้นไปเชิญเสดจกรมพระราชวังหลัง, แลกรมหลวงนรินทรนเรศรลงมาเฝ้ายังค่ายหลวง. กรมพระราชวังหลัง, แลกรมหลวงนรินทรนเรศร, ก็ให้เลิกกองทับลงมาตามพระราชกำหนด, ให้คุมเอาพม่าชเลยซึ่งจับได้นั้น, ใส่โตกงส่งมาถวาย จึ่งมีพระราชดำรัศให้ตัดศีศะพม่าเชลยเสียบไว้ตามหาดทรายรายลงมาทุกคุ้งน้ำ, จนถึงเมืองนครสวรรค, เหลือกว่านั้นให้จำมาทั้งสิ้น. แล้วก็เลิกทับหลวงลงมาตั้งประทับอยู่ณค่ายเมืองนครสวรรค, รอฟังราชการทับซึ่งยกไปตีทับพม่าทางรแหงแควปากน้ำโพนั้น. ๚ะ

๏ ฝ่ายกองทับกรมหลวงเทพหริรักษยกขึ้นไปถึงเมืองกำแพงเพชร, จึ่งให้ทับเจ้าพระยาพระคลัง, พระยาอุไทยธรรม, เปนกองน่ายกล่วงไปก่อน ยังมิทันถึงค่ายพม่าซึ่งตั้งอยู่ณบ้านรแหงนั้น. แลชุยตองเวรจอแทงแม่ทับได้แจ้งข่าวว่า, กองทับทางปากน้ำพิงนั้นแตกไปแล้ว,ๆแจ้งว่าทับไทยยกล่วงเมืองกำแพงเพชรขึ้นมา, ก็มิได้ตั้งอยู่ต่อรบเลิกทับหนีไปทางด่านแม่ลำเมา, เจ้าพระยาพระคลัง, พระยาอุไทยธรรม, แต่งกองลาดกระเวรไปสืบรู้ว่า, ทับพม่าเลิกหนีไปแล้ว, ก็บอกลงมาทูลกรมหลวงเทพหริรักษ,ๆก็บอกลงมากราบทูลพระกรุณาณเมืองนครสวรรค. ๚ะ

๏ สมเดจพระพุทธเจ้าอยู่หัวได้ทรงทราบว่าศึกเลิกไปสิ้นแล้ว, ก็ดำรัศให้ข้าหลวงไปหากองทับกรมหลวงเทพหริรักษ, กลับมายังเมืองนครสวรรคแล้ว, ก็เสดจพระราชดำเนินทับหลวงกลับยังพระมหานคร. ๚ะ

๏ ฝ่ายกองทับเนมโยสีหซุยะ, ซึ่งแตกไปแต่ปากน้ำพิงถึงค่ายล้อมเมืองนครลำปาง, จึ่งแจ้งความแก่สโดะมหาสิริยะอุจนา, ซึ่งเปนโบ่ชุกแม่ทับใหญ่ว่า, ได้รบกับไทยเสียทีมา, แลกองทับไทยก็ยกติดตามขึ้นมา, จวนจะถึงเมืองนครอยู่แล้ว. ภอกองทับเจ้าพระยามหาเสนา, แลกรมหลวงจักรเจษฎา, ยกขึ้นไปถึงเมืองนครลำปาง, ก็ให้นายทับนายกองทั้งปวง, ยกพลทหารเข้าระดมตีค่ายพม่าซึ่งตั้งล้อมเมือง. แลสโดะมหาสิริยอุจนาแม่ทับกับอาปะรกามณีให้พลพม่าออกรบ, ได้รบกันแต่เช้าจนเที่ยง. ทับพม่าก็แตกฉานทิ้งค่ายเสียพ่ายหนีไปสิ้น, ไปพร้อมทับกันอยู่ณเมืองเชียงแสน กองทับกรุงก็เข้าในเมือง, แลพระยากาวิละเจ้าเมืองมีฝีมือเข้มแขง, สู้รบพม่ารักษาเมืองอยู่ตั้งแต่เดือนอ้ายจนถึงเดือนสี่, ทับพม่ามาตั้งล้อมอยู่ถึงสี่เดือน, จะหักเอาเมืองนครลำปางมิได้, จนทับกรุงยกขึ้นไปช่วย, ทับพม่าก็แตกหนีไป. กรมหลวงจักรเจษฎา,แลเจ้าพระยามหาเสนา, ก็บอกลงมากราบทูลพระกรุณาณกรุงว่า,ได้ตีทับพม่าซึ่งล้อมเมืองนครลำปางนั้นแตกพ่ายไปแล้ว. ๚ะ

๏ สมเดจพระพุทธเจ้าอยู่หัวได้ทรงทราบในหนังสือบอก, ก็ทรงพระโสมนัศ, ดำรัศให้มีตราหากองทับกลับยังพระมหานคร, แล้วพระราชทานบำเหน็จแก่นายทับนายกองทั้งปวงโดยควรแก่ความชอบ. จึ่งทรงพระกรุณาโปรดให้พระยาอุไทยธรรม,เลื่อนที่เปนเจ้าพระยายมราช. แล้วโปรดให้พระยาพิพัทธโกษา, เลื่อนที่เปนเจ้าพระยาธรรมาธิบดี. แล้วทรงพระราชดำริหถึงเจ้าพระยาธรรมา, เจ้าพระยายมราชนอกราชการ, ซึ่งเปนโทษในการสงครามถอดเสียนั้นว่า, เปนข้าราชการเก่า, รู้ในขนบธรรมเนียมแผ่นดินมาก จึ่งโปรดตั้งเจ้าพระยาธรรมาเก่า, เปนพระยาศรีธรรมาธิราช จางวางกรมวัง. โปรดตั้งเจ้าพระยายมราชเก่า, เปนพระยามหาธิราชช่วยราชการในกรมเมือง. ๚ะ

๏ ขณะนั้นพระยาเพชรพิไชยหงถึงแก่กรรม, จึ่งโปรดให้พระยาราชสงครามเบา,บุตรพระยาราชสงคราม, ซึ่งชลอพระนอนวัดป่าโมกข์ครั้งกรุงเก่า,เลื่อนที่เปนพระยาเพชรพิไชย. พระราชทานทองทั้งสิ้นด้วยกัน. ๚ะ

๏ ฝ่ายกองทับพม่าซึ่งพระเจ้าอังวะให้ยกลงไปตีหัวเมืองไทย, ฝ่ายตวันตกตามชายทเลนั้น, ก็ยกกองทับเรือทับบก, ลงมาพร้อมกันอยู่ณะเมืองมฤทแต่ณเดือนอ้าย. แก่งหวุ่นแมงยีแม่ทับใหญ่, จึ่งให้ยีหวุ่นเปนนายทับถือพลสามพัน, กับนายทับนายกองทั้งปวง, ยกทับเรือลงไปทางทเลไปตีเมืองถลาง. แล้วให้เนมโยคุงนรัดเปนนายทับน่า, กับนายทับนายกองทั้งปวง, ถือพลสองพันห้าร้อย, ยกทับบกมาทางเมืองกระ, เมืองระนอง, เข้าตีเมืองชุมพร. ตัวแก่งหวุ่นแม่ทับใหญ่, ถือพลสี่พันห้าร้อย, ยกหนุนมาทั้งสองทับเปนคนเจ็ดพัน. แลทับน่ายกเข้ามาถึงเมืองชุมพร, เจ้าเมืองกรมการมีไพร่พลสำหรับเมืองนั้นน้อย, เหนจะต่อรบมิได้, ก็เทครอบครัวหนีเข้าป่า. ทับพม่าเข้าเผาเมืองชุมพรเสียแล้ว, กองน่าก็ยกล่วงออกไปตีเมืองไชยา, แม่ทับตั้งค่ายอยู่ณเมืองชุมพร. แลครั้งนั้นทับกรุงยังหาทันออกไปช่วยไม่, ด้วยราชการศึกยังติดพันกันอยู่ทางกาญจนบุรี. แลเจ้าเมืองกรมการเมืองไชยาได้แจ้งข่าวว่า, เมืองชุมพรเสียแล้ว, ก็มิได้อยู่สู้รบ, ยกครัวหนีเข้าป่าไปสิ้น. ทับพม่าเข้าเผาเมืองไชยาแล้ว, ก็ยกล่วงออกไปตีเมืองนครศรีธรรมราช. ๚ะ

๏ แลครั้งเมื่อก่อนพม่ายังไม่มานั้น, เจ้าพัดบุตรเขยเจ้านครเข้ามาณกรุงเทพฯ กราบทูลฟ้องกล่าวโทษเจ้านครคดีเปนหลายข้อ. ทรงพระกรุณาให้มีตราออกไปหาเจ้านครเข้ามาชำระความกัน, โปรดให้เจ้าพระยามหาเสนาเปนตระลาการ, เจ้านครแพ้ความแก่เจ้าพัดบุตรเขย. กราบถวายบังคมลาออกจากที่เจ้าเมือง, ขออยู่รับราชการในกรุงฯ. จึ่งทรงพระกรุณาโปรดตั้งเจ้าพัดออกไป, เปนเจ้าพระยานครศรีธรรมราชแทน แลเจ้านครเก่าอยู่ในกรุงประมาณกึ่งปีก็ถึงแก่กรรม. ๚ะ

๏ ขณะเมื่อทับพม่ายกออกไปนั้น, เจ้าพระยานครพัดได้แจ้งข่าวว่า, เมืองชุมพร,เมืองไชยาเสียแล้ว, จึ่งแต่งให้กรมการกับไพร่พันเสศ,ยกมาตั้งค่ายขัดทับอยู่ณท่าข้ามต่อแดนเมืองไชยา. ทับพม่าจับไทยชาวเมืองไชยาได้, ให้ไทยร้องบอกลวงพวกกองทับเมืองนครว่า, เมืองบางกอกเสียแล้ว, พวกเองจะมาตั้งสู้รบเหนจะสู้ได้แล้วฤๅ, ให้เร่งไปบอกเจ้านายให้มาอ่อนน้อมยอมเข้าด้วยโดยดี, จึ่งจะรอดชีวิตร. แม้นขัดแขงอยู่,จะฆ่าเสียให้สิ้นทั้งเมือง, แต่ทารกก็มิให้เหลือ. พวกกองทับนครนำเอาเนื้อความไปแจ้งแก่เจ้าพระยานคร. ๆ ก็พิจารณาเหนสมคำพม่า, ด้วยมิได้เหนกองทับกรุงยกออกมาช่วย, เหนว่ากรุงจะเสียแก่พม่าเสียแล้วหาที่พึ่งมิได้. จึ่งภาบุตรภรรยาญาติวงษสมัคพัคพวกทั้งปวงหนีออกจากเมือง, ไปอยู่ณป่านอกเขาข้างตวันตก. บันดากรมการแลไพร่บ้านพลเมืองทั้งปวง, ก็ยกครอบครัวหนีไปอยู่ตำบลต่างๆ ทับพม่าก็ยกไปถึงเมืองเข้าเมืองได้, ให้เที่ยวจับผู้คนแลครอบครัวได้เปนอันมาก. แล้วให้ไทยชาวเมืองนคร,นำพม่าไปเที่ยวเกลี้ยกล่อมผู้คนแลครอบครัว,ซึ่งหนีไปอยู่ทุกตำบลนั้น, ที่เข้าเกลี้ยกล่อมพม่าออกหาก็ได้ตัวมาบ้าง, ที่ไม่เข้าเกลี้ยกล่อมหนีเข้าป่าดงไปก็มาก. แลพวกไทยซึ่งได้ตัวมานั้น, บันดาชายพม่าฆ่าเสียเปนอันมาก, เอาไว้แต่หญิงกับทารก. พม่าค้นเก็บเอาเงินทองสิ่งของทั้งปวงไว้, หาผู้ใดจะคิดอ่านสู้รบมิได้, กลัวอำนาทพม่าเสียสิ้นทั้งนั้น พม่าก็ตั้งอยู่ในเมือง,คิดจะยกออกไปตีเมืองพัทลุง, เมืองสงขลาต่อไป. ๚ะ

๏ ฝ่ายยีหวุ่นแม่ทับเรือพม่า, ก็ยกทับเรือลงไปตีเมืองตกั่วป่า,ตกั่วทุ่งแตกแล้วยกไปถึงเกาะถลาง. ให้พลทหารขึ้นบกเข้าตั้งค่ายล้อมเมืองถลางไว้เปนหลายค่าย. ในขณะเมื่อศึกพม่าไปถึงเมืองนั้น, พระยาถลางถึงแก่กรรมเสียก่อนแล้ว, ยังหาได้ตั้งเจ้าเมืองใหม่ไม่. แลภรรยาพระยาถลางกับน้องสาวคนหนึ่ง,คิดอ่านกับกรมการทั้งปวง, เกนไพร่ตั้งค่ายใหญ่สองค่ายป้องกันรักษาเมืองเปนสามารถ. แลตัวกรรยาพระยาถลางกับน้องสาวนั้นองอาจกล้าหาญ, มิได้เกรงกลัวย่อท้อต่อฆ่าศึก, เกนกรมการกับพลทหารทั้งชายหญิงออกรดมยิงปืนใหญ่น้อยนอกค่ายสู้รบกับพม่าทุกวัน ทับพม่าจะหักเอาเมืองมิได้, แต่สู้รบกันอยู่ประมาณเดือนเสศ, พม่าขัดเสบียงอาหารลงเหนจะเอาเมืองมิได้, ก็เลิกทับลงเรือกลับไป. ๚ะ

๏ ฝ่ายข้างเมืองพัทลุงได้แจ้งข่าวว่า,เมืองชุมพร, เมืองไชยา, เมืองนครเสียแก่พม่าแล้ว. เจ้าเมืองกรมการทั้งปวงปฤกษากันจะยกครอบครัวหนีเข้าป่า. ขณะนั้นมีพระสงฆ์องคหนึ่งชื่อมหาช่วย, เปนเจ้าอธิการอยู่ในอารามแขวงเมืองพัทลุง, มีความรู้วิชาการดี, ชาวเมืองนับถือมาก. จึ่งลงกะตุด,ประเจียด,มงคล,แจกคนทั้งปวงเปนอันมาก. พวกกรมการแลนายบ้านนายแขวงทั้งหลาย, ชักชวนไพร่พลเมืองมาขอเครื่องมหาช่วย, แล้วคิดกันจะยกเข้ามารบพม่า, ผู้คนเข้าด้วยประมาณพันเสศ, ตระเตรียมเครื่องสาตราวุธพร้อมแล้ว, ก็เชิญมหาช่วยอาจาริยขึ้นคานหามมาด้วยในกองทับ, ยกมาจากเมืองพัทลุงมาภักพลตั้งค่ายอยู่กลางทาง, คอยจะรับทับพม่าซึ่งจะยกออกไปแต่เมืองนครศรีธรรมราชนั้น. ๚ะ

๏ ฝ่ายกองทับหลวงสมเดจพระพุทธเจ้าอยู่หัว กรมพระราชวังบวรฯ เสดจยาตรานาวาทับไปทางท้องทเลใหญ่ถึงเมืองชุมพร. จึ่งให้ตั้งค่ายหลวงแลตำหนักทับพลับพลา,เสดจขึ้นประทับอยู่ที่นั่น. แล้วดำรัศให้พระยากลาโหมราชเสนา, พระยาจ่าแสนยากร กองน่า, ยกทับบกล่วงออกไปตั้งอยู่ณเมืองไชยาเปนหลายค่าย. ๚ะ

๏ จบเล่ม ๓๖ สมุดไทย. ๚ะ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ