๑๔

๏ เล่ม ๑๔ ต่อไป ๚ะ

๏ ครั้นได้อุดมเพลาก็คลายเรือพระที่นั่งไชยสุพรรณหงษออกไปจากขนาน แลเรือวรสุพรรณหงษ ซึ่งรับพระพุทธปฏิมากรนั้นไปเบื้องน่า แลประดับด้วยเรือแห่อันรจนาดาดาษโดยกระบวนน่าหลัง พระบาทสมเดจบรมนารถบรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัว ก๊เสดจพยุหบาตราลงไปประทับขนานในบางกดาน ดำหรัศให้เลี้ยงท้าวพระยาเสนาบดีมุขมนตรีทั้งหลายเสรจ ก๊ให้เอาเรือบันดาเข้าขบวนไล่ทั้งปวง ออกจับขบวนโดยขนัด แลเรือบันดาแห่พระบาทสมเดจบรมนารถบรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัวทั้งปวงนั้น ก็ไว้ให้แห่พระพุทธปฏิมากรเจ้าขึ้นมา ครั้นถึงเวลาชายแล้วสองนาฬิกาห้าบาท สมเดจพระพุทธเจ้าอยู่หัวก๊ทรงเครื่องสรรพาภรณบวรวิภูษิตากาญจนเสรจแล้ว เสดจทรงพระที่นั่งบุษบกรัตนมหาพิมานอลังการ กลางเรือไชยสุพรรณหงษพยุหบาตราคล้าเคลื่อนโดยขบวน เสดจประเวศน์มาประทับท่าขนานมหาวาศุกรี คอยทอดพระเนตรขบวนแห่พระพุทธปฏิมากร อันมเหาฬาราดิเรกด้วยเรือต้นทั้งปวงนั้น ครั้นเรือพระพุทธปฏิมากรประทับขนานแล้ว ก๊อัญเชิญพระพุทธปฏิมากรเสดจทรงพระคชาธาร แห่กลับไปประดิษฐานไว้ ณพระศรีสรรเพชดารามแล้ว ให้ตั้งการสมโพชเล่นมโหรศพเจดวันเปนมเหาฬารยิ่งนัก ๚ะ

๏ ครั้นณวันอาทิตย์เดือนญี่ขึ้นห้าค่ำ ทูตานุทูตเมืองล้านช้างเมืองตองอูเข้าเฝ้ากราบถวายบังคมทูลลา พระราชทานรางวัลแก่ทูตานุทูตทั้งสองเมืองเปนอันมาก ฝ่ายทูตานุทูตต่างคนต่างกลับไปเมือง อันพระเกียรติยศแผ่ไพศาฬไปทุกนาๆประเทศธาณีน้อยใหญ่ทั้งปวงก๊เกรงพระเดชเดชานุภาพเปนอันมาก พระนครศรีอยุทธยาครั้งนั้นเกษมศุขสมบุรณยิ่งนัก ๚ะ

๏ ลุศักราช ๙๕๗ ปีมแมสัปตศก ทรงพระกรุณาตั้งพระราชกำหนดกฎหมายพระไอยการ แลสร่วยสมพัจษรอากรขนอนตลาด แลพระกัลปนาถวายเปนนิจพัตรแก่พระสังฆราชาคณะคามวาศรีอรัญวาศรีบรีบุรณ ๚ะ

๏ สมเดจพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชบุตรสองพระองค องค์หนึ่งทรงพระนามเจ้าฟ้าสุทัศน พระอนุชาทรงพระนามเจ้าฟ้าศรีเสาวภาคย ประชวรพระยอดเสียพระเนตรข้างหนึ่ง สมเดจพระเจ้าอยู่หัวจึ่งยกพระราชบุตรผู้พี่ขึ้นเปนมหาอุปรา อยู่มาสี่เดือนเศศ พระมหาอุปราชกราบทูลพระกรุณาว่า จะขอพิจารณาคนออก สมเดจพระเจ้าอยู่หัวตรัสว่าจักเปนกระบถฤๅ พระมหาอุปราชความกลัวสมเดจพระราชบิดาเปนกำลัง ออกจากที่เฝ้าเสดจมาพระราชวังบวรสถานมงคล เพลาค่ำก็เสวยยาพิศสวรรคต สมเดจพระเจ้าอยู่หัวทรงโทมนัศโศกาดุรภาพถึงพระราชโอรสเปนอันมาก แล้วให้แต่งการพระราชทานเพลิงพระสพตามอย่างมหาอุปราช พระบาทสมเดจบรมนารถบรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัวตั้งพระไทยบำเพญทานการกุศลเปนอเนกนุประการ ๚ะ

----------------------------

๏ แผ่นดินเจ้าฟ้าศรีเสาวภาคย ๚ะ

๏ ครั้นลุศักราช ๙๖๓ ปีฉลูตรีศก ทรงพระประชวรหนักเสดจสวรรคตอยู่ในราชสมบัติเจดพรรษาจึ่ง ท้าวพระยาเสนาบดีมนตรีมุขทั้งหลาย พร้อมด้วยพระสังฆราชคามวาศรีอรัญวาศรี ปฤกษากันเสร็จอัญเชิญสมเดจ์พระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าศรีเสาวภาคย ซึ่งเสียพระเนตรข้างหนึ่งขึ้นผ่านพิภพไอสวรรยาธิปัตไตยถวัลยราชตามประเภณีสืบไป สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้แต่งการถวายพระเพลิงพระบรมสพสมเด็จพระราชบิดาโดยราชประเภณีพระมหากระษัตรียเจ้าแต่ก่อนมา. ๚ะ

----------------------------

๏ แผ่นดินพระเจ้าทรงธรรม ๚ะ

๏ ลุศักราช ๙๖๔ ปีขารจัตวาศก พระศรีสิลปบวชอยู่วัดระฆัง, เพราะรู้ไตรยปิฎกสันทัด ได้สมณถานันดรเปนพระพิมลธรรมอนันตปฤชา, ชำนาญทั้งไตรยเพทางคสาศนมีสิษโยมมาก ทั้งจมื่นศรีศรรักษก็ถวายตัวเปนบุตรเลี้ยง ครั้งนั้นเชี่ยวชาญคนทั้งหลายนับถือมาก จึ่งคิดกันกับจมื่นศรีศรรักษแลสิษโยมเปนความลับ ซ่องสุมพักพวกได้มากแล้ว ก็ปริวัตออกเพลาพลบค่ำ ก็ภากันไปซุ่มพลณปรางค์วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ครั้นได้อุดมนักขัตฤกษก็ยกพลมาฟันประตูมงคลสุนทรเข้าไปได้ในท้องสนาม ขุนนางซึ่งนอนเวรเอาความกราบทูล สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตกพระไทยตลึงไปเปนครู่ จึ่งตรัสว่าเวราแล้วก็ตามเถิด แต่อย่าให้ลำบากเลย พระพิมลธรรมเข้าในพระราชวังได้ ให้กุมเอาพระเจ้าแผ่นดินไปให้พันทนาไว้ให้มั่นคง รุ่งขึ้นให้นิมนต์พระสงฆบังสกุลร้อยหนึ่ง ให้ทูปเทียนสมาแล้ว ก๊สำเรจโทษด้วยท่อนจันทน์ เอาพระสพไปฝังเสียณวัดโคกพระยา พระศรีเสาวภาคยอยู่ในราชสมบัติปีหนึ่งกับสองเดือน. ๚ะ

๏ สมเด็จพระพิมลธรรมเสด็จขึ้นผ่านพิภพกรุงเทพทวาราวดีศรีอยุทธยาทรงพระนามสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวทรงธรรมอันมหาประเสริฐ. ทรงพระกรุณาให้จมื่นศรีศรรักษเปนอุปราช อยู่เจ็ดวันพระมหาอุปราชประชวรลงสามวันสวรรคต สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวก็ให้แต่งการพระราชทานเพลิงตามอย่างมหาอุปราช. ๚ะ

๏ ครั้งนั้นยี่ปุ่นเข้ามาค้าขายหลายลำ ยี่ปุ่นโกรธว่าเสนาบดีมิได้เปนธรรมคบคิดกันเข้าด้วยพระพิมลธรรม ฆ่าพระมหากษัตรียเสีย ยี่ปุ่นคุมกันได้ประมาณ ๕๐๐ ยกเข้ามาในท้องสนามหลวง คอยกุมเอาพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกมาฟังพระสงฆบอกหนังสือ ณะพระที่นั่งจอมทองสามหลัง ขณะนั้นภอพระสงฆ์วัดประดู่โรงธรรมเข้ามาแปดรูป ภาเอาพระองค์เสด็จออกมาต่อน่ายี่ปุ่น ครั้นพระสงฆภาเสด็จไปแล้ว ยี่ปุ่นร้องอื้ออึงขึ้นว่าจะกุมเอาพระองค์แล้วเปนไรจึ่งนิ่งเสียเล่า. ยี่ปุ่นถุ่งเถียงกันเปนกุลาหล ฝ่ายพระมหาอำมาตยคุมพลได้ไล่รบยี่ปุ่นล้มตายเปนอันมาก ยี่ปุ่นแตกไปจากพระราชวัง ลงสำเภาหนีไป. ตั้งแต่นั้นมาสำเภาเมืองยี่ปุ่นก็มิได้เข้ามาค้าขายณะกรุงเทพมหานครอีกเลย พระมหาอำมาตย์ให้ไปเชิญเสด็จสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเข้าพระราชวัง เพลาเช้าเสด็จออกท้องพระโรงพร้อมด้วยท้าวพระยาเสนาบดีมนตรีมุขทั้งหลาย ทรงพระมหากรุณาตรัสว่า ราชการครั้งนี้ พระมหาอำมาตยมีความชอบมาก ให้เปนเจ้าพระยากลาโหมสุริยวงษ พระราชทานเครื่องอุปโภกบริโภกเปนอันมาก แล้วสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชโองการ ให้วิเศศแต่งเครื่องพระกระยาหารถวายพระสงฆวัดประดู่โรงธรรมเปนนิจพัตรอัตรา. ๚ะ

๏ ลุศักราช ๙๖๕ ปีเถาะเบญจศก สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้ชักพระมงคลบพิตรอยู่ฝ่ายทิศรตวันออกมาไว้ฝ่ายทิศรตวันตก แล้วก็ให้ก่อพระมณฑปใส่ ๚ะ

๏ ในปีนั้นมีหนังสือเมืองตนาวศรีเข้ามาว่า กองทับพม่ามอญมาล้อมเมือง ขอพระราชทานกองทับมาช่วย สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตรัสให้พระยาพิไชยสงครามเปนแม่ทับออกไปถึงเมืองสิงขร นายทับนายกองบอกเข้ามาว่า เมืองตนาวศรีเสียแก่ฆ่าศึกแล้ว สมเดจ์พระเจ้าอยู่หัวให้หากองทับกลับ ๚ะ

๏ ลุศักราช ๙๖๘ ปีมเมียอัฐศก ทรงพระกรุณาให้พูนดินน่าพระวิหารแกลบไว้เปนที่สำรับถวายพระเพลิง ในปีนั้นเมืองสระบูรีบอกมาว่า พรานบุญภบรอยเท้าอันใหญ่บนไหล่เขา เหนประหลาด สมเดจ์พระพุทธเจ้าอยู่หัวดีพระไทยเสด็จด้วยเรือพระที่นั่งไชยพยุหบาตราพร้อมด้วยเรือท้าวพระยาสามนตราชดาษดาโดยชลมารค นัทธีธารประทับท่าเรือ รุ่งขึ้นเสด็จทรงพระที่นั่งสุวรรณปฤษฎางค พร้อมด้วยคเชนทรเสนางคนิกรเปนอันมาก ครั้งนั้นยังมิได้มีทางสถลมารค พรานบุญเปนมัรรคุเทศกนำลัดตัดดงไปถึงเชิงเขา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตรัสทอดพระเนตรเหนแท้ว่า เปนรอยพระบรมพุทธบาทมีลายลักษณ กงจักรประกอบด้วยอัฐตระสะมหามงคลร้อยแปดประการ สมด้วยพระบาฬีแล้ว ต้องกับเมืองลังกาบอกเข้ามาว่า กรุงศรีอยุทธยามีรอยพระพุทธบาทอยู่เหนือยอดเขาสุวรรณบรรพต ก็ทรงพระโสมนัศปรีดาปราโมช ถวายทศนัขเหนือพระอุตมางคศีโรตมด้วยเบญจางคประดิฐเปนหลายครา กระทำนมัศการสการบูชาด้วยทูปเทียนสุคันทรศจะนับมิได้. ทั้งท้าวพระยาเสนาบดีกระวีราชนักปราชบัณฑิตยชาติทั้งหลาย ก็ถวายวันทนประนามน้อมเกล้าด้วยเบญจางคประดิฐ ต่างคนมีจิตรโสมนัศปราโมชยิ่งนัก กระทำสการะบูชา สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวอุทิศถวายวนาสณฑเปนบริเวน ออกไปโยชนหนึ่งโดยล้อมรอบ แล้วทรงพระกรุณาตรัสสั่งให้ช่างจับการสฐาปนาเปนมณฑปสรวมพระบรมพุทธบาท. แลสร้างพระอุโบสถพระวิหารการบุเรียญตึกกว้าน กุฎีสงฆเปนอเนกนุประการ แล้วให้ฝรั่งสร่องกล้องตัดทางสถลมารคกว้างสิบวาตรงตลอดถึงท่าเรือ ให้แพ่วถางทุบปราบให้รื่นราบเปนถนลหลวงเสร็จ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จกลับถึงท่าเรือ ทรงพระกรุณาสั่งให้ตั้งพระราชนิเวศตำหนักฟากตวันออก ให้ชื่อตำหนักท่าเจ้าสนุกนิ์. ๚ะ

๏ ขณะนั้นฝีพายเอาดอกเลาผูกปัตถวีเรือไชย ทอดพระเนตรเหนตรัสว่างานดีอยู่ ครั้นเสด็จกลับถึงกรุง สั่งให้แปลงปัตถวีเรือไชยเปนเรือกิ่ง ทรงพระกรุณาเร่งรัดให้ช่างสร้างพระมณฑบพระพุทธบาท, แลอาวาศบริเวณทั้งปวงสี่ปีจึ่งสำเร็จ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นไปทำการฉลองมีงานมหรสพสมโพธเจ็ดวันแล้วเสร็จ เสด็จยังกรุงเทพมหานคร ในปีนั้นปรางค์วัดพระมหาธาตุทำลายลงจนชั้นครุทธพื้นอัศดงคต์. ๚ะ

๏ ลุศักราช ๙๘๙ ปี ทรงพระกรุณาแต่งพระมหาชาติคำหลวง แลสร้างพระไตรยปิฎกธรรมไว้สำรับพระสาศนาจบบริบูรณ ๚ะ

๏ ครั้น ณวันประหัศเดือนยี่ขึ้นหกค่ำ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระประชวนเดือนหนึ่งกับสิบหกวันเสด็จสวรรคต พระเจ้าทรงธรรมอยู่ในราชสมบัติ ๒๕ พรรษา พระองคมีพระราชบุตรสามพระองค์ พระองค์ผู้เปนปถมนั้น ทรงพระนามพระเชษฐาธิราชกุมาร พระองค์ที่สองนั้นทรงพระนามพระพันปีศรีศิลป พระองค์ที่สามนั้นทรงพระนามพระอาทิตยวงษ. ๚ะ

----------------------------

๏ แผ่นดินพระเชษฐาธิราช ๚ะ

๏ ศักราช ๙๘๙ ปีเถาะนพศก จึ่งเสนาพฤฒามาตย์ประโรหิตาจารย์ทั้งหลาย มีเจ้าพระยากลาโหมสุริย์วงษเปนประธาน ปฤกษาพร้อมกับอัญเชิญสมเดจพระเจ้าลูกเธอพระเชษฐาธิราชขึ้นราชาภิเศก ครอบครองกรุงพระนครศรีอยุทธยาโดยราชประเพณี อยู่มาได้เจ็ดวันพระพรรปีศรีศิลปผู้เปนพระอนุชาธิราชทรงพระโกรธว่า มุขมนตรีมิได้ยกสมบัติให้ ก็ภาพักพวกของพระองค์ลอบหนีไปยังเมืองเพชรบูรี ส้องสุมพวกพลจะยกเข้ามา สมเด็จพระเจ้าแผ่นดินตรัสทราบเหตุ ให้แต่งกองทับออกไป พระพรรปีศรีศิลปมิทันได้จัดแจง กองทับล้อมจับได้กุมเอาตัวมาถวาย ทรงพระกรุณาให้ประหารชีวิตรเสียณวัดโคกพระยา แลชาวเมืองเพชรบูรีที่เปนใจเข้าด้วยพระพรรปีศรีศิลปนั้นให้เอาตัวเปนตพุ่นหญ้าช้างทั้งสิ้น ๚ะ

๏ อยู่มาเดือนเศศ มารดาเจ้าพระยากลาโหมถึงแก่ชิพิตัดษัย แต่งการสพเสรจ แล้วเจ้าพระยากลาโหมสุริย์วงษ ออกไปตั้งการปลงสพ ณวัดกุฎ ข้าราชการฝ่ายทหารพลเรือนผู้ใหญ่ผู้น้อย ออกไปช่วยนอนค้างแรมอยู่เปนอันมาก ฝ่ายข้าหลวงเดิมพระเจ้าอยู่หัว กราบทูลยุยงเปนความลับว่า เจ้าพระยากลาโหมสุริย์วงษทำการครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก หากเอาการสพเข้ามาบังไว้เหนทีจะคิดประทุษร้ายต่อพระองคเปนมั่นคง สมเดจพระเจ้าอยู่หัวมิได้มีวิจารณให้ถ่องแท้ตกพระไทย ตรัสให้เหล่าชาวป้อมล้อมพระราชวังขึ้นประจำน่าที่ แล้วเตรียมทหารไว้เปนกองๆ จึ่งดำรัศให้ขุนมหามนตรีออกไปหาตัวเจ้าพระยากลาโหมสุริยวงษเข้ามา ๚ะ

๏ ขณนั้นจมื่นสรรเพชย์ภักดีสอดหนังสือลับออกไปก่อนว่า พระโองการจะให้หาเข้ามาดูมวย บัดนี้เตรียมไว้พร้อมอยู่แล้ว เมื่อเจ้าคุณจะเข้ามานั้น ให้คาดเชือกเข้ามาทีเดียว ครั้นขุนมหามนตรีออกไปถึงกราบเรียนว่าพระโองการให้หา. เจ้าพระยากลาโหมสุริยวงษแจ้งการซึ่งจมื่นสรรเพชรภักดีบอกให้สิ้นอยู่แล้ว จึ่งว่าขึ้นท่ำกลางขุนนางทั้งปวงว่า เราทำราชการกระตัญูแต่ครั้งพระพุทธเจ้าหลวงมา ท่านทั้งปวงก็แจ้งอยู่สิ้นแล้ว เมื่อพระพุทธเจ้าหลวงเสดจสวรรคตแล้ว ถ้าเรารักซึ่งราชสมบัติ ท่านทั้งหลายเหนจะพ้นเราเจียวฤๅ ขุนนางทั้งปวงกราบแล้วจึ่งว่า ราชการทั้งปวงก็สิทธิ์ขาดอยู่แก่ฝ่าท้าวกรุณาเจ้าสิ้น ที่จะมีผู้ใดขัตแขงนั้นข้าพเจ้าทั้งปวงก็ไม่เหนมีตัวแล้ว เจ้าพระยากลาโหมสุริยวงษจึ่งว่า ท่านทั้งปวงจงเหนจริงด้วยเราเถิด เรากตัญูคิดว่าเปนลูกเจ้าเข้าแดง จึ่งเปนต้นคิดอ่านปฤกษามิให้เสียราชประเพณี ยกราชสมบัติถวายแล้วยังหามีความดีไม่ ฟังแต่คำคนยุยงกลับจะมาทำร้ายเราผู้มีความชอบต่อแผ่นดินอีกเล่า ท่านทั้งปวงจะทำราชการไปข้างน่าจงเร่งคิดถึงตัวเถิด ขุนนางทั้งนั้นกราบแล้วว่า อันพระกรุณาทั้งนี้ควรนักหนา เจ้าพระยากลาโหมสุริยวงษ ดูถ่วงทีขุนนางทั้งปวงเหนยังไว้อารมณ์เปนกลางอยู่มิลงใจเปนแท้ จึ่งร้องสั่งทลวงฟันให้กุมเอาตัวขุนมหามนตรีแลบ่าวไพร่ซึ่งภายเรือมานั้นไว้ให้สิ้น ทลวงฟันก็กรูกันจับเอาขุนมหามนตรีแลไพร่ไปคุมไว้ ขุนนางทั้งปวงเหนดั่งนั้นต่างคนตกใจหน้าซีดลงทุกคน เจ้าพระยากลาโหมสุริยวงษเหนดั่งนั้นจึ่งว่า บัดนี้พระเจ้าแผ่นดินว่าเราทำการประชุมขุนนางพร้อมมูลทั้งนี้คิดการเปนกระบถ ก็ท่านทั้งปวงซึ่งมาช่วยโดยสุจริตนั้น จะมิพลอยเปนกระบถด้วยฤๅ ขุนนางทั้งปวงพร้อมกันกราบเรียนว่า เปนธรรมดาอยู่แล้ว อุประมาเหมือนหนึ่งนิทาน พระบรมโพธิสัตวเปนนายสำเภา คนทั้งหลายโดยสารไปค้า ใช้ใบไปถึงท่ำกลางมหาสมุทต้องพยุหใหญ่สำเภาจะอับปางอยู่แล้ว พระบรมโพธิสัตวจึ่งคิดว่าถ้าจะนิ่งอยู่ดั่งนี้ ก๊จะภากันตายเสียด้วยสิ้นทั้งสำเภา จึ่งตั้งสัตยาธิฐานว่า ถ้าอาตมาจะสำเร็จแก่พระบรมโพธิญาณ ขออย่าให้สำเภาอับปางในท้องมหาสมุทเลย เดชะอานุภาพพระบารมีพรมโพธิสัตว์สำเภาก๊มิได้จลาจล แล่นล่วงถึงประเทศธาณีซึ่งจะไปค้านั้น ก๊เหมือนการอันเปนครั้งนี้ ถ้าท้าวพระกรุณานิ่งตายคนทั้งหลายก๊จะพลอยตายด้วย ถ้าท้าวกรุณาคิดการรอดจากความตาย คนทั้งปวงก๊จะรอดด้วย เจ้าพระยากลาโหมสุริย์วงษได้ฟังขุนนางว่าดั่งนั้นก๊หัวเราะแล้วว่า เจ้าแผ่นดินว่าเราเปนกระบถแล้วเราจะทำตามรับสั่ง ท่านทั้งปวงจะว่าประการใด ขุนนางทั้งปวงกราบแล้วจึ่งว่า ถ้าท้าวกรุณาจะทำการใหญ่จริงข้าพเจ้าทั้งปวงจะขอเอาชีวิตรสนองพระคุณตายก่อน เจ้าพระยากลาโหมสุริยวงษเหนขุนนางปลงใจพร้อมโดยสุจริต ก๊จัดแจงเปนหมวดเปนกองกำหนฎกฎหมายกันมั่นคง ๚ะ

๏ ครั้นเพลาชายสามโมงเศศ จุดเพลิงเผาสพเสรจแล้ว ได้อุดมฤกษ์เวลา เจ้าพระยากลาโหมสุริยวงษก็ลงเรือ พร้อมด้วยเรือขุนนางทั้งปวงสักร้อยลำ คนประมาณสามพันเสศ พลสรัพด้วยเครื่องสาตราวุธล่องมาขึ้นประตูไชย วันนั้นเปนวันเสาร์ เจ้าพระยากลาโหมสุริยวงษใส่เสื้อดำกางเกงดำขึ้นม้าดำ ขุนนางแลไพร่ตามมาเปนอันมาก ครั้นถึงน่าพระกาฬจึ่งลงมาจากหลังม้าตั้งสัจอธิฐานว่า ข้าพเจ้าปราฐนาโพธิญาณ ถ้าจะเสรจแก่พระพุทธสมบัติเปนแท้ จะยกเข้าไปล้างผู้อาสัจให้สำเรจดังปราฐนา เสรจอธิฐานแล้วเพลาพลบค่ำจึ่งมาตั้งชุมพลอยู่ณวัดสุทธาวาศ ครั้นเพลาแปดทุ่มนั่งคอยฤกษพร้อมกัน เหนพระสาริริกบรมธาตุเสดจมาแต่ปราจิมทิศ ผ่านไปปราจิมทิศใต้ นิมิตรเปนมงคลฤกษอันประเสริฐ ก๊ยกพลมาเข้าประตูมงคลสุนทร ให้ทหารเอาขวานฟันประตูมงคลสุนทรเข้าไปได้ ด้วยเดชกฤษฎาพินิหารอันใหญ่ยิ่ง หามีผู้ใดจะออกต่อต้านมิได้ ก๊กรูกันเข้าไปถึงท้องสนามใน ข้าหลวงเดิมซึ่งนอนเวรประจำซองร้องกราบทูลเข้าไปว่า เจ้าพระยากลาโหมสุริยวงษยกเข้ามาได้แล้ว พระเจ้าแผ่นดินได้ฟังตกพระไทยนักมิได้คิดอ่านที่จะต่อสู้ ออกจากพระราชวังกับพวกข้าหลวงเดิมลงเรือพระที่นั่งหนีไป เจ้าพระยากลาโหมสุริยวงษเข้าในพระราชวังได้ รู้ว่าพระเจ้าแผ่นดินหนี จึ่งสั่งให้พระยาเดโช พระยาท้ายน้าไปตามแต่ในเพลากลางคืนวันนั้น รู่งขึ้นเช้าพระยาเดโชพระยาท้ายน้ำทันพระเจ้าแผ่นดินที่ป่าโมกน้อยล้อมจับเอาตัวมาได้ เจ้าพระยากลาโหมสุริยวงษ สั่งให้เอาไปสำเร็จโทษตามประเพณีกระษัตรีย พระเชษฐาธิราชอยู่ในราชสมบัติปีหนึ่งกับเจดเดือน ๚ะ

----------------------------

๏ แผ่นดินพระอาทิตย์วงษ์ ๚ะ

๏ ลุศักราช ๙๙๑ ปีมเมียเอกศก ฝ่ายเสนาพฤฒามาตยประโรหิตทั้งหลาย จึ่งนำเอาเครื่องเบญจราชกุกุพัณฑไปถวาย เจ้าพระยากลาโหมสุริยวงษมิได้รับ ว่าเราทำราชการนี้จะชิงเอาสมบัตินั้นหามิได้ เพราะไภยมาถึงตัวแล้วก๊จำเปน พระอาทิตยวงษซึ่งเปนพระราชบุตรพระมหากระษัตรียนั้นยังมีอยู่ ควรจะยกพระอาทิตยวงษขึ้นผ่านสมบัติโดยราชประเพณีจึ่งจะชอบ ปฤกษาเสนาบดีทั้งปวงพร้อมแล้ว ก็ราชาภิเศกพระอาทิตยวงษ ขึ้นผ่านพิภพกรุงเทพพระมหานครศรีอยุทธยา พระอาทิตยวงษได้ผ่านสมบัติครั้งนั้น พระชลได้เก้าพรรษา ยังทรงพระเยาวราชอยู่นัก มิได้รู้ที่จะว่าราชการกิจสิ่งใด มีแต่เที่ยวประภาศจับจับแพะกับแกะเล่น เจ้าพนักงานต้องนำเครื่องทรงเครื่องเสวยตามไปทุกแห่ง แต่ทำดังนี้เปนนิรันดรประมาณได้หกเดือน มุขมนตรีทั้งปวงปฤกษากันว่า พระมหากระษัตรียเปนดังนี้การแผ่นดินจะเสียไป จำจะยกพระอาทิตยวงษลงเสียจากเสวตรฉัตร ควรจะเอาราชสมบัติถวายแก่เจ้าพระยากลาโหมสุริยวงษ ปฤกษากันเสรจแล้วก็นำเอาเคื่องเบญจราชกุกุภัณฑมาถวายเจ้าพระยากลาโหมสุริยวงษ ทูลประพฤติเหตุซึ่งพระอาทิตยวงษจะครองแผ่นดินไปมิได้ ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายขอถวายราชสมบัติแก่พระองค จงพระกรุณารับทำนุบำรุงสมณชีพราหมณ์อาณาประชาราษฎร ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินจะได้อยู่เอย็นเปนศุขเพราะพระเดชเดชานุภาพของพระองค์นั้นเถิด เจ้าพระยากลาโหมสุริยวงษได้ฟังมุขมนตรีทั้งปวงมาอ้อนวอนดังนั้น ก๊รับว่าจะครองสมบัติ เสนาบดีมนตรีมุขทั้งหลายมีความยินดีนัก ก็อัญเชิญเสดจเข้าอยู่ในพระราชวัง แล้วเสนาพฤฒามาตยราชประโรหิตทวิชาจารยพร้อมกันให้ท่านโหรธิบดีหาฤกษ ก็ตั้งการพระราชพิธีปราบดาภิเศกในพระที่นั่งมังคลามหาปราสาท เจ้าพนักงานทั้งหลายก็จัดแจงแต่งตั้งสุวรรณบันลังก์รัตนราชาอาศน ลาดด้วยหนังราชสีห มีพระมหาเสวตรฉัตรเปนต้น อำภณด้วยเครื่องอภิรุมชุมสายพรายพรรณ จ่ามรมาศกลดกลิ้งกะชิงแซกสลับสลอน บังสุริเยนทรบวรด้วยมยุรฉัตรพัชนีพรายเพรามเหาฬาราดิเรกโดยราชประเพณี ตั้งพระราชพิธีสงฆแลพิธีไสยเวทเวทางคสาตรทุกประการ แล้วตั้งพระยาคชสารยืนสถิตยซ้ายขวา ทั้งพระยาอัศวราชสถิตยซ้ายขวา พร้อมพลาพลพฤนทรทั้งปวงทุกกระทรวงการเสรจ ๚ะ

๏ ครั้นรุ่งขึ้นรวิวารมหาศุภฤกษอันอุดม, บรมทินกรประเวศน์เหนือนภาไลยจำรัสดวง. พระมหาราชครูพระครูประโรหิตทวิชาจารย, ก็อัญเชิญเสดจสมเดจพระเจ้าอยู่หัวสำอางองคอลงกฎพิภูษาสรรพาภรณ, บวรด้วยแก้วกาญจนมณีรัตนชัชวาลยโอพาศเสรจ, เสดจทรงพระราเชนทรยานมาขึ้นอัฒจันไพยชยนตมหาปราสาท. พระราชครูทั้งองคบริโสดมพรหมพีชาจารย, ก็เป่ามหาสังขทักษิณาวัดประโคมแตรสังขดุริยดนตรี, ตีอินทเภรีเปนมหาประถม. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็เสดจในน่าฆ้องไชยชำระพระบาท. พระยาธรรมมาธิกรณธิบดีก็ลั่นฆ้องไชยประโคมแตรสังขดุริยดนตรี, ตีอินทเภรีเปนทุติยวาร. จึ่งเสดจขึ้นไพชยนตมหาปราสาท, สถิตยเหนือบันลังก์อาศนอลังการ. หมู่ทวิชาจารย์ก็เป่าสังขษิณาวัดประโคมแตรสังฃดุริยดนตรี, ตีอินทเภรีเปนตติยวาร. สมเดจพระสังฆราชราชาคณทั้งปวง, ก็สวดพระพูทธมนตถวายไชย. พระมหาราชครูพระครูประโลหิตสุภาวดีศรีวิชาจารยทั้งหลาย, ก็แซ่ซ้องโอมอ่านอิศวรเวทวิศณุมนตถวายไชยพร้อมเสรจ. ก็ถวายมุรธาภิเศกอาเศียรพาศ, สำรับการพระราชพิธีปราบดาภิเศกพระมหากระษัตราธิราชสืบมา. แล้วสมเดจพระพุทธเจ้าอยู่หัวเสดจเถลิงสิงหบัญชร ณพระที่นั่งมังคลาภิเศก, อันพิจิตรด้วยสุวรรณรัตโนภาศ. จึ่งเบิกท้าวพระยาสามนตราชกระกูลพฤฒามาตยมุขมนตรีถวายบังคม, แล้วเบิกสมโพธเลี้ยงลูกขุนทั้งปวงเสรจ ๚ะ

----------------------------

๏ แผ่นดินพระเจ้าอยู่หัวปราสาททอง ๚ะ

๏ ลุศักราช ๙๙๒ ปีมเมียโทศก, สมเดจพระเจ้าอยู่หัวเสดจขึ้นผ่านถวัลยราชพิภพกรุงเทพทวาราวดีศรีอยุทธยามหาดีลกภพนพรัตนราชธานีบุรีรมอุดมพระราชนิเวศมหาสถาน, ทรงพระนามพระเจ้าปราสาททอง. พระองค์ทรงทศมิตราชธรรมอันมหาประเสริฐ. ครั้นรู่งเช้าเสดจออกขูนนางทรงพระกรุณาตรัสปูนบำเหน็จ, เจ้าหมื่นสรรเพชรภักดีเปนพระยาราชภักดีเจ้ากรมพระคลังมหาสมบัติ. พระราชทานเจียดทองกระบี่เต้าน้ำพานทองเครื่องอุปะโภคบริโภคเปนอันมาก. แลขุนนางซึ่งสวามิภักดีนั้น, ก็ตั้งแต่งโดยสมควรแก่ถานาศักดิ, พระราชทานเคลื่องอุปะโภคบริโภคเปนอันมาก. แลพระอาทิตยวงษนั้นทรงพระกรุณาโปรดให้อยู่ในพระราชวังกับด้วยพระนมพี่เลี้ยง. สมเดจพระเจ้าอยู่หัว, มีพระอนุชาองคหนึ่งทรงพระกรุณาตรัสว่าน้องเราคนนี้, น้ำใจกักขะละอยาบช้ามิได้มีหิริโอตปะ.จะให้เปนอุปราชรักษาแผ่นดินต่างพระเนตรพระกรรณมิได้, ให้เปนเจ้าชื่อพระศรีสุธรรมราชา. ตั้งบ้านหลวงอยู่ริมวัดสุทธาวาศ. แลที่บ้านสมเดจพระพันปีหลวงนั้น, พระเจ้าอยู่หัวให้สฐาปนาสร้างพระมหาธาตุเจดีย์มีพระรเบียงรอบ, แลมุมพระรเบียงนั้นกระทำเปนเมรุทิศ, เมรุรายอันรจนา, แลกอปด้วยพระอุโบสถ, พระวิหารการบุเรียญติ. แลสร้างกุฎีถวายพระสงฆเปนอันมากเสรจแล้วให้นามชื่อวัดไชยวัฒนาราม. เจ้าอธิการนั้นถวายพระนามชื่อพระอชิตเถร, ราชาคณะฝ่ายอรัญวาศรีทรงพระราโชทิศถวายนิจพัตร, พระกัลปนาเปนนิรันดรมิได้ขาด. ๚ะ

๏ ลุศักราช ๙๙๓ ปีมแมตรีศก ทรงพระกรุณาให้ช่างออกไปถ่ายอย่างพระนครหลวง แลปราสาทกรุงกัมพูชาประเทศเข้ามา ให้ช่างกระทำพระราชวังเปนที่ประทับร้อนตำบลริมวัดเทพจันท์ สำรับจะเสดจขึ้นไปนมัศการพระพุทธบาท จึ่งเอานามเดิมซึ่งถ่ายมาให้ชื่อพระนครหลวง แลในปีที่สร้างพระนครหลวงนั้น ก็สฐาปนาวัดพระศรีสรรเพชเสร็จ กระทำการฉลองแลมีมหรรสพสมโพธเปนอเนกนุประการ พระกฤษฎานุภาพพระบาทสมเดจบรมนาถรบรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัว ดำรงคพิภพมณฑลสกลสีมาประชาราษฎรเกษมศุขสนุกสบาย เพทไภยยันตรายโรคาพยาธิก็เบาบาง อีกหมู่เสนางคนิกรโยธาทวยหารมั่งคั่งพรั่งพร้อมไปด้วยพลช้างพลม้า ฝนตกต้องตามระดูกาลธญาหารก็บริบุรณทั่วประเทศนิคมชนบท พระยศแผ่ไปนาๆประเทศทั้งปวง ครั้งนั้นสำเภาลูกค้าพานิชเข้ามาค้าขายเปนอันมาก ๚ะ

๏ ลุศักราช ๙๙๔ ปีวอกจัตวาศก ทรงพระกรุณาสร้างมหาปราสาทองค์หนึ่งสิบเบดเดือนเสร็จ ให้นามว่า ศรียศโศทรมหาพิมานบัญยงค์ ในเพลากลางคืนสมเดจพระเจ้าอยู่หัวทรงพระสุบินนิมิตรว่า สมเดจอัมรินทราธิราชเจ้าเสดจลงมานั่งแทบพระองค์ไสยาศน์ ตรัสบอกว่าให้ตั้งจักรพยุห์แล้วสมเดจอัมรินทราธิราชก็หายไป เพลาเช้าเสดจออกขุนนางทรงพระกรุณาตรัสเล่าสุบินให้พฤฒามาตย์ทั้งปวงฟัง พระมหาราชครูพระครูประโรหิตโหราพฤฒาจารยถวายพยากรณ์ทำนายว่า เพลาวานนี้ทรงพระมหากรุณาให้ซึ่งพระมหาปราสาทว่า ศรียศโสทรมหาพิมานบัญยงค์นั้นเหนไม่ต้องนาม สมเดจอัมรินทราธิราชจึ่งเสดจลงมาบอกให้ตั้งจักรพยุห อันจักรพยุหนี้เปนที่ตั้งใหญ่ในมหาพิไชยสงคราม อาจข่มเสียได้ซึ่งปัจมิตรทั้งหลาย ฃอพระราชทานเอานามจักรอันนี้ให้ชื่อพระมหาปราสาทว่า จักรวัติไพชยนตมหาปราสาท ตามลักษณะเทพสังหรให้พระสุบินนิมิตรอันประเสริฐ สมเดจพระเจ้าอยู่หัวตรัสได้ทรงฟังก็มีพระไทยปรีดายิ่งนัก จึ่งให้แปลงชื่อพระมหาปราสาทตามคำพระมหาราชครูทั้งปวง ๚ะ

๏ ในปีนั้นพระราชเทวีประสูตรพระราชบุตรองค์หนึ่ง พระญาติวงษ์เหลือบเหนเปนสี่กร, แล้วปรกติเปนสองกร สมเดจพระเจ้าอยู่หัวตรัสแจ้งความเหนมหัศจรรย์ ก็พระราชทานพระนามว่าพระนารายน์ราชกุมาร ในปีนั้นทรงพระกรุณาให้สร้างพระที่นั่งไอสวรรย์ทิพาอาศน์เกาะบางนางอิน มีพระราชนิเวศปราการประกอบพฤกษาชาติร่มรื่นเปนที่สำราญพระราชหฤไทย ประภาศราชกระกูลสุริยวงษ์อนงค์นารีทั้งปวง แล้วสร้างพระอารามเคียงพระราชนิเวศถวายเปนสังฆทาน มีพระเจดีย์วิหารเปนอาทิสำหรับพระสาศนาเสร็จบรีบูรณ ล้วให้นามชื่อวัดชุมพลนิกายาราม ในเดือนญี่ปลายปีนั้น สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสดจไปโสกรรต์พระเจ้าลูกเธอพระองคอิน ณเกาะบ้านเลน โสกรรต์แล้วพระราชทานพระนามชื่อเจ้าฟ้าไชย, ๆ นั้นประสูตรนอกต่างพระชนนีกับพระนารายน์ราชกุมาร. ๚ะ

๏ ลุศักราช ๙๙๕ ปีระกาเบญจศก ทรงพระกรุณาสฐาปนาพระปรางค์วัดมหาธาตุอันทำลายลงเก่า เดิมในองค์สูงสิบเก้าวา ยอดนพสูญสามวาจึ่งดำรัศว่าทรงเก่าต่ำนัก ก่อใหม่ให้องค์สูงเส้นสองวา ยอดนพสูญคงไว้ เข้ากันเปนเส้นห้าวา ก่อแล้วเหนเพรียวอยู่ให้เอาไม้มค่ามาแซกตามอิฐ เอาปูนบวกเก้าเดือนสำเร็จให้กระทำการฉลองเปนอันมาก. ๚ะ

๏ ในปีนั้นสมเดจพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชบุตรด้วยพระสนมอีกสามพระองค์ ทรงพระนามพระไตรยภูวนาทิตยวงษองค์หนึ่ง พระองค์ทององค์หนึ่ง พระอินทราชาองค์หนึ่ง เมื่ออาสาฬหะมาศเข้าพรรษา สมเดจพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชตำเนินด้วยสนมราชกัลยา ออกไปนมัสการจุดเทียรพรรษาถวายพระพุทธปัฏิมากร ณวัดศรีสรรเพชร์ เสดจไปประภาศมาน่าพระวิหารใหญ่ทอดพระเนตรเหนพระอาทิตยวงษราชบุตรพระเจ้าทรงธรรมซึ่งยกออกเสียจากราชสมบัตินั้น ขึ้นนั่งห้อยท้าวอยู่บนหลังกำแพงแก้ว ชี้พระหัถตรัสว่า พระอาทิตยวงษองอาจมิได้ลงจากกำแพงแก้วให้ต่ำ ลดพระอาทิตยวงษลงจากยศให้ไปปลูกเรือนเสาไม้ไผ่สองห้องสองหลังริมวัดท่าทราย ให้พระอาทิตยวงษอยู่ให้คนอยู่ด้วยสองคนแต่ภอตักน้ำหุงเข้า สั่งแล้วเสดจเข้าพระราชวัง ๚ะ

๏ ในเดือนสิบสองนั้นทรงพระกรุณาตรัสว่า พ้นเทศการราษฎรเกี่ยวเข้าแล้ว จะเสดจไปนมัศการพระพุทธบาท ให้ยกช่างขึ้นไปตกแต่งพระตำหนักใต้ธารทองแดง แลให้ไขน้ำมาแต่ธารทองแดงให้สนุกสนานแลทางสถลมารคแต่ท่าเจ้าสนุกขึ้นไปถึงท้ายพิกุลนั้น คิดให้มีน้ำแลศาลาโดยระยะทางผู้คนจะได้อาไศรย เสนาบดีรับพระราชโองการแล้วก็ยกช่างไพร่พลขึ้นไป เกนแบ่งให้ตกแต่งพระตำหนักท่าเจ้าสนุกแลแบ่งให้ทำศาลาขุดบ่อบางโขมด ตำบลบ่อโศกนั้น ขุดบ่อริมต้นโศกจึ่งให้ชื่อบ่อโศก แล้วให้ขึ้นไปขุดบ่อทำศาลากลางทาง ภอพระสงฆ แลสามเณรเดินขึ้นไปเหนทำศาลาอยู่ เจ้าสามเณรจึ่งว่า ศาลาทั้งห้าห้องนี้ คั่นเสียสักสองห้อง ภอเปนฝากรงให้ตีคนจะได้อาไศรยนอน ถ้าไม่มีฝาเสือจะกินเสีย ช่างทั้งปวงฟังเจ้าสามเณรว่าเหนชอบด้วย ครั้นทำเสร็จแล้วจึ่งให้นามว่าศาลาเจ้าเณร แลที่ตำบลหนองคนทีนั้นมีน้ำอยู่แล้ว ก็ทำศาลาสำหรับอาไศรย แลไพร่ซึ่งทำศาลาลงไปตักน้ำกินได้คนทีใบหนึ่ง จึ่งให้ชื่อหนองคนที แลช่างกองใหญ่ยกขึ้นไปทำพระตำหนัก ริมลำธารท้ายธารทองแดง คิดทดท้อน้ำปิดเปิดให้ไหลเชี่ยวมาแต่ธารทองแดง อันพระราชนิเวศซึ่งทำนั้นในดงพฤกษาชาติร่มรื่น ชื้อชิดเปนที่สำราญราชหฤไทย พระปิ่นนคเรศเกษกระษัตริยสรรพแสนสนุกแล้ว คิดผ่อนทางชลชลาให้ไหลลั่นลงมายังห้วยศีลาดาษ จึ่งให้นามชื่อพระราชนิเวศธารเกษม แล้วให้วันจรกนำออกไปตกแต่งธารโศกปลายธารทองแดง ก็เปนที่ประภาศแห่งหนึ่ง แต่ตกแต่งพระราชนิเวศธารเกษม แลธารทองแดงบริเวณพระพุทธบาท แลสถลมารคทั้งปวงสามเดือนก็เสร็จ ๚ะ

๏ จึ่งเสนาพฤฒามาตยนำรายการมากราบทูลพระกรุณาให้ทราบทุกประการ สมเดจพระเจ้าอยู่หัวตรัสได้ทรงฟัง ก็มีพระไทยปราโมชยิ่งนัก จึ่งมีพระราชกำหนดสั่งแก่สมุหนายกว่า เดือนสี่ขึ้นสองค่ำจะไปนมัศการพระบรมบาท ให้เตรียมการโดยชลมารคสถลมารคให้พร้อม สมุหนายกรับพระราชโองการแล้วกำหนดกฎหมายสั่งทุกพนักงาน เจ้าพนักงานทั้งปวงให้ล่วงไปจัดแจงการทุกประการ ทุกกระทรวงพร้อมเสร็จ ๚ะ

๏ ครั้นถึงพคุณมาศขึ้นสองค่ำ เพลารุ่งแล้วสองนาฬิกาแปดบาท สมเดจบรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัว ทรงบาตรแล้ว ก็ทรงเครื่องสรรพาภรณบวรด้วยแก้วกาญจนกนกรัตนาไมย สำหรับพิไชยราชยุทธทรงราชาวุธสรัพเสร็จ ก็เสดจลงสู่พระที่นั่งไกรษรมุขพิมานไชยจักรรัตน์พิภัทธด้วยเครื่องสูงไสว บวรธงไชยธงฉาน อลงการด้วยเรือต้นทั้งหลาย เดียรดาษเรือเสนาพฤฒามาตยราชกระกูลพระหลวงต้นเชือกปลายเชือกทั้งปวง ก็เข้าไปจับฉลากเปนขนัดอัดแออรรณพ ครบทั้งเรือประเทียบทุกกรม สมเดจพระเจ้าอยู่หัวก็ให้เคลื่อนกระบวนพยุหบาตรา ยาตราไปโดยทางแนวชลมารค กำหนดระละทางแต่ขนานประจำท่าพระราชวังหลวง ถึงที่ประทับร้อนพระนครหลวง เปนทางสามร้อยเก้าสิบหกเส้น ภักพลาพลทั้งหลายรับพระราชทานเปนศุขสบาย ครั้นเพลาชายแล้วสองนาฬิกา ก็เสดจตรีธาพลาพลนาเวศรไปโดยลำดับชลมารค เปนระยะทางหกร้อยหกสิบเบ็ดเส้น เพลาชายแล้วสี่นาฬิกาเศศถึงท่าเจ้าสนุกก็เสดจขึ้นพระราชนิเวศ ประทับแรมอยู่สองเวน ในเพลาบ่ายนั้นเจ้าพนักงานทั้งหลายก็ตรวจจัตุรงค์เสนางค์พยุห บาตราเข้าจับฉลาก ประจำริ้วรายโดยตำแหน่ง แลรถพระประเทียบก็เรียบเรียงเปนระยะอยู่โดยขบวนสรับเสร็จ ครั้นเพลารุ่งแล้วนาฬิกาหกบาท สมเดจบรมนารถบรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัว ก็ทรงเครื่องสำหรับพิไชยสงครามเสร็จ เสด็จทรงช้างต้นพังกินนรวิหคที่นั่งรองบุษบกเบญจาอลังการด้วยพระที่นั่งพุดตาน ทองบุฉลุลายพรรณรายด้วยแก้วกาญจนมนีรัตน์ชัชวาลโอภาศ ด้วยเครื่องอภิรุมรุจิเรขเสวตรฉัตร์ ชุมสายลายสุวรรณพรรณกลดกลิ้งกันชิงมาศดาษดา รจนาด้วยมยุรฉัตรพัชนีจามรบังรวิวรไพรโรจประดับ สรัพด้วยหมู่คชินทรดั้งกันแซกแซงค่ายคาพังคา ทั้งหมู่อัศวราเริงร้องหฤหรรษเนียรนาท หมู่พหลราชรถเรียงระดับงอนงามไสวย หมู่พลาพลไกรก็คับคั่งพรั่งพร้อมโดยขบวนเสร็จ ทั้งรถพระประเทียบทางนางพระสนมบริพาร สมเดจพระเจ้าอยู่หัวก็เครื่อนพลทวยหารพยุหบาตรา โดยแถวรัทธยาทุเรศอรัญร่มรื่นระหงระโหถานพันฦกอธึกด้วยศับท์ลำเนียงเสียงโกลาหฬฆ้องกลองชนะโครมคฤนเพียงแผ่นพื้นพสุธาดลกัมปนาท อันบวรราชอนงค์นางในรถพระประเทียบเรียบเรียงก็ชวนกันเมียงเมิน ชมรุกขชาติอันผลิฉ้อต่อผลเปนพู่มพวงผกานาเนกในแนวพนัศ ทิวเถื่อนทุรัศฐานดานดง ก็เสดจตรงไปยังพระราชนิเวศตำหนักธารเกษม เพลารุ่งเช้าสมเดจพระเจ้าอยู่หัว เสดจพยุหบาตรามานมัศการพระพุทธบาท กระทำการบูชาเปนมโหฬารยิ่งนัก แล้วให้มีมหามหรรสพสมโพธเจ็ดเวนเปนกำหนด พระองค์ก็บริจากราชทรัพยทานแก่ยาจกพรรนิพกทุกวันเปนอันมาก สมเดจพระพุทธเจ้าอยู่หัว เสดจนมัศการเช้าเย็นมิได้ขาดจนครบเจดวัน แล้วเสดจประภาศธารโศกธารทองแดง แลห้วยเขาถ้ำธารเสร็จก็เสดจกลับยังกรุงเทพมหานครศรีอยุทธยา. ๚ะ

๏ ลุศักราช ๙๙๗ ปีกุนสัพตศก สมเดจพระพุทธเจ้าอยู่หัว เสดจไปพระราชทานเพลิงพระเจ้าลูกเธอฝ่ายในณวัดไชยวัฒนาม ได้เนื้อในท้องเผาไม่ไหม้สงไสยว่าต้องคุณ ครั้งนั้นประชาราษฎรฤๅกันว่า จะให้ค้นตำหรับตำราที่หมอผู้เถ้าผู้แก่ ต่างคนต่างกลัวความผิด บันดามีทำหรับตำราความรู้วิชาการก็ทิ้งน้ำเสียสิ้น ๚ะ

๏ ลุศักราช ๙๙๘ ปีชวดอัฐศก สมเดจพระพุทธเจ้าอยู่หัวให้รื้อเทเวศถานพระอิศวร พระนารายน์ขึ้นมาตั้งยังชีกุน ในปีนั้นให้ยกกำแพงพระราชวังออกไปให้สร้างพระมหาปราสาทพระวิหารสมเดจวันหนึ่งเสดจมาทอดพระเนตรเรือกิ่ง ช่างรับพระราชทานอยู่ยังมิได้ติดตาเรือกิ่ง ทรงพระกรุณาให้นายมั่นมหาดเลกบ้านนอก เอาตาเรือกิ่งติดเข้ากลับตาซ้ายเปนตาขวา หางตาเรือกลับไปข้างปัถวี ทอดพระเนตรเหนตรัสว่าดีอยู่ ให้เอาตามนายมั่นติดนั้นเถิด พระราชทานงงินตราห้าตำลึง เสื้อผ้าสำรับหนึ่ง ในวันบัณระศรีเพ็ญเดือนแปด เสดจออกไปปฏิบัติพระสงฆ์ณวัดไชยวัฒนาราม สมเดจพระเจ้าลูกเธอทรงพระเยาว ก็ตามเสดจไปหลายพระองค์ แต่พระนารายน์ราชกุมารพระชนม์ได้ห้าพรรษานั้นประชวร พระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาตรัสว่า ป่วยอยู่แล้วอย่าตามไปเลย เพลาเช้านั้นฝนตกพรำอยู่ พระนารายน์ราชกุมารเสดจออกไปเล่นที่เกย พระสนมพี่เลี้ยงทูลห้ามก็ไม่ฟัง จะถวายพระกลดก็ห้ามเสีย พระสนมพี่เลี้ยงก็จนใจต้องเล้นอยู่ด้วย พระองค์ยืนยุดเสาหลักไชยอยู่ อสนีลงต้องหลักไชยแตกตลอดลงไปจนดิน พระนารายน์ราชกุมารจะได้เปนอันตรายก็หามิได้ พระองค์ยืนยุดหลักไชยทรงพระสวนอยู่ตามประสาพระเยาว์ แต่พระสนมพี่เลี้ยงสลบไปสิ้น สมเดจพระเจ้าอยู่หัวได้ยินเสียงอสนีนั้นตรงพระราชวัง ก็ตกพระไทยตรัสให้ข้าหลวงเข้าไปดู ข้าหลวงเข้าไปกลับออกมากราบทูลตามซึ่งมีเหตุนั้น ให้ทรงทราบทุกประการ สมเดจพระเจ้าอยู่หัวได้ทราบดั่งนั้น เร่งให้หมอเข้าไปแก้คนทั้งปวง ครั้นปฏิบัติพระสงฆ์แล้ว เสดจกลับเข้าพระราชวัง ทอดพระเนตรเหนอสนีประจักษ์ ทรงพระกรุณาตรัสว่า ราชบุตรนี้จะมีบุญอยู่ แล้วให้สมโพธสมเดจพระเจ้าลูกเธอ พระนารายน์ราชกุมารสามวัน ๚ะ

๏ ลุศักราช ๙๙๙ ปีฉลูนพศก พระอาทิตยวงษ์คบคิดกับขุนนางซึ่งเปนโทษถอดเสียจากราชการแต่ก่อนนั้น ครั้นได้พวกสองร้อยเสศเพลาย่ำฆ้องรุ่งเปิดประตูก็กรูกันเข้าไปในพระราชวัง ถึงน่าสิงห์สรรเพชรปราสาทโห่ร้องอื่ออึง สมเดจพระเจ้าอยู่หัวไม่ทันรู้พระองค์ลงเรือพระที่นั่งลอยอยู่น่าขนานประจำท่า ตรัสให้ตำรวจไปเร่งขุนนางเข้าไปจับเล่าร้าย เสนาบดีทั้งปวงรู้ ก็ภากันคุมไพร่เข้าไปไล่ตีพวกพระอาทิตยวงษแตกกระจาย จับเอาตัวพระอาทิตยวงษได้ สมเดจพระเจ้าอยู่หัวเสดจเข้าพระราชวัง สั่งให้พิจารณาเอาพวกกระบถซึ่งคบคิดกับพระอาทิตยวงษนั้นได้สิ้น ก็สั่งให้เอาไปประหารชีวิตรเสียณตแลงแกง รู่งขึ้นวันหนึ่ง นายช้างต้นโคบุตรเล่นหมากรุกอยู่ในโรงช้าง อสนีตกลงนายช้างตาย แต่ช้างต้นโคบุตรจะได้เปนอันตรายหามิได้ ๚ะ

๏ ลุศักราช ๑๐๐๐ ปีขานสัมฤทธิศก สมเดจพระเจ้าอยู่หัวตรัสปฤกษาแก่เสนาพฤฒามาตย์ราชประโรหิตทั้งหลายว่า บัดนี้จุลศักราชถ้วนพันปี การกระลียุคจะบังเกิดไปภายน่าทั่วประเทศธาณีน้อยใหญ่เปนอันมาก เราคิดว่าจะเสี่ยงบาระมีลบศักราช บัดนี้ปีขานสัมฤทธิศกจะเอากุนเปนสัมฤทธ์ศก ขึ้นดิถีวารจันทเถลิงศก ให้กรุงประเทศธาณีนิคมชนบททั้งปวง เปนศุขไพสาฬสมบุรณดุจทวาบรายุคด์ ท่านทั้งหลายจะเหนประการใด เสนาบดีมนตรีมุขมาตยากราบทูลพระกรุณาว่า ซึ่งทรงพระราชตำริห์ทั้งนี้ เพราะทรงพระเมตาแก่สัตวโลกย์ ได้ชื่อว่าสัมมาสังกับปะญาณสำปะยุดอะสังขาริก ประหนึ่งสมเดจพระเจ้าอยู่หัวตั้งพระไทยบำเพญการกุศล เปนสาศนุปถัมพกพระพุทธสาศนา อุปะมาเหมือนเนื้อนาบริสุทธิดีอยู่แล้ว ถึงจะหว่านพืชน์สิ่งใดลงจะได้ผลเปนแท้ ซึ่งพระองค์ตั้งพระไทยจะลบศักราช ให้ประชาราษฎรเปนศุขนั้นเหนเทพยเจ้าก็จะช่วยให้สมพระไทยปราถนา ๚ะ

๏ จบเล่ม ๑๔ สมุทไทยแต่เท่านี้ ๚ะ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ