๒๕

๏ ลุศักราชได้ ๑๐๗๐ ปีชวดสำเรทธิศก สมเด็จพระเจ้าแผ่นดินให้ช่างกระจกประดับกระจกแผ่นใหญ่ ในฝาพระมณฑปพระพุทธบาท แล้วปิดทองปะทาสี แล้วเสดจพระราชดำเนินไปพระพุทธบาท ด้วยราชบริวารเปนอันมากทั้งทางบกทางเรือเหมือนในหนหลัง ฉลองพระมณฑปสะการบูชาบำเพงพระราชกุศลเปนอันมาก แล้วสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็ถวายนมัศการลาพระพุทธบาท กลับมายังพระนครแห่งพระองค์ ๚ะ

๏ ลุศักราชได้ ๑๐๗๓ ปีเถาะตรีศก พระอัยกีเจ้ากรมพระเทพามาศ ซึ่งอยู่ใกล้วัดดุสิตนั้นสวรรคต สมเด็จพระเจ้าแผ่นดินให้แต่งการฌาปะนกิจต่าง ๆ ตามราชประเพณีแต่ก่อนปีมโรงนั้น ๚ะ

๏ แต่ปีขานโทศกนั้นนักเสดจเจ้าเมืองกัมพูชาธิบดี ชื่อพระธรรมราชาวังกะดานวิวาทกันกับนักแก้วฟ้าสจอง จักกะทำสงครามแก่กัน นักแก้วฟ้าสจองไปเมืองญวนลอบขอพลญวนนั้นได้มากแล้ว กลับมาตีเอาเมืองกัมพูชาธิบดีนั้นได้ นักเสดจกับพระองค์ทอง ภาบุตรทาราข้าคนแห่งตนหนีมายังกรุงเทพมหานคร กราบทูลพระกรุณาให้ทราบทุกประการ สมเดจพระเจ้าอยู่หัวทราบแล้ว ให้หานักเสดจนั้นเข้ามาเฝ้า จึ่งพระราชทานเครื่องอุประโภคบริโภคแลบ้านเรือนให้อยู่แทบใกล้วัดค้างคาวนั้น ๚ะ

๏ สมเดจพระเจ้ากรุงมหานครโปรดจะให้นักเสดจ ไปตีเอาเมืองกัมพูชาธิบดีคืน จึ่งให้มหาดไทยกลาโหม เกนทับ ๒๐๐๐๐ เศศ ช้างม้าภอสมควร ให้พระยาจักรีโรงฆ้องเปนแม่ทับบก ถือพลทหารสะกรรธ์ลำเครื่องหมื่นเศศ พร้อมด้วยช้างสามร้อยเศศ ม้าสี่ร้อยเสศ เครื่องสาตราสรรพาวุธต่างๆ ให้พระยาพิไชยรณฤทธิเปนนายพลทหารทับน่า ให้พระวิชิตรณรงค์เปนยุกระบัดทับ ให้พระพิไชยสงครามเปนนายกองเกียกกาย ให้พระรามกำแหงเปนนายกองทับหลัง แล้วจึ่งให้พระยาโกษาธิบดีจีนเปนแม่ทับเรือ ถือพลทหารหมื่นหนึ่ง เรือรบร้อยเศศ พร้อมด้วยพลแจว แลเครื่องสรรพาวุธต่างๆ ครั้นจัดแจงทับบกทับเรือเสรจแล้วจึ่งส่งไปให้ตีเมืองกัมพูชาธิบดีให้จงได้ แม่ทับนายกองทั้งปวงทั้งทับบกทับเรือจึ่งถวายบังคมลา ๚ะ

๏ ครั้นได้สุภวารดิวิพิไชยมงคลฤกษดี ก็กรีธาทับพลทวยหารพยุหบาตรา ยกทั้งทับบกทับเรือออกไปเปนลำดับมรรคา ฝ่ายพลทหารกองทับบกไปทางเสียมราบ ฝ่ายกองทับเรือไปทางพุทไธมาศตามลำดับ ทางทะเลนั้น พลทหารญวนยกกองทับเรือมาภบกองทับทหารไทยที่ปากน้ำพุทไธมาศ ตีฆ้องกลองยิงปืนใหญ่ยกเข้าตีกองทับเรือพระยาโกษาธิบดีจีน ฝ่ายกองทับเรือทหารไทยจัดแจงแต่งตัวแล้ว ทับน่าก็แยกเรือออกเปนสามแห่งให้ยิงปืนใหญ่สามนัด ตั้งโห่สามลาเอาไชยแล้ว ให้พลทหารแจวเรือเร่งเข้าไป ต่อต้านทานกำลังกับพลทหารญวน เข้าปะทะถึงเรือกันยิงแทงฟันกันเปนสามารถ ฆ่าญวนตายเปนอันมาก เรือรบทหารญวนเข้าช่วยอุดหนุนกันมาก พระยาโกษาธิบดีจีนแม่ทับไม่ชำนาญในการพิไชยสงคราม ขลาดไม่กล้าแขงย่อธ้อแก่สงคราม ไม่ช่วยอุดหนุนเพิ่มเติมแก้ไข ถอยเรือหนีไปทิ้งทหารเสีย ฝ่ายทหารญวนได้ทีเข้าตีหักเอาทหารไทย ฆ่าฟันกันเปนสามารถ ฝ่ายทหารไทยเหนศึกนั้นหนักเหลือมือเหลือกำลังนัก แม่ทับก็หนีไป แล้วเหนคนทหารก็เสียมาก ก็ถอยเรือล่าแตกหนีมา เสียเรือรบแลผู้คนปืนใหญ่น้อยเปนอันมาก แก่กองทับญวนนั้น ๚ะ

๏ ฝ่ายเจ้าพระยาจักรีโรงฆ้อง ยกกองทับบกไปถึงเมืองกัมพูชา ให้ตั้งค่ายหลวงลงใกล้เมืองประมาณทาง ๘๐ เส้น ๙๐ เส้น รักษาอยู่ในที่นั้น พระพิไชยรณฤทธิ์เปนแม่กองทับน่า ถือพลทหารสามพันเสศไปก่อน ได้สู้รบตีกันกับเขมรญวนเปนหลายตำบล เขมรญวนตายเปนอันมาก มีไชยได้ที่ตีทับเขมรญวนแตกพ่ายแพ้เปนหลายแห่ง ให้ทหารเร่งรีบไล่ติดตามตีต่อเข้าไปได้หัวเมืองใหญ่น้อยเปนอันมาก ทับหลวงก็ให้เร่งรีบพลทหารทุกทับทุกกอง ไปช่วยอุดหนุนเพิ่มเติมตีตัดลัดทาง ให้ฆ่าศึกอัตคัดขัดขวางคับแค้นสดุ้งตกใจกลัว มิให้สู้รบต้านทานได้ รบตีครั้งใดจึ่งมีไชยชำนะครั้งนั้นทุกแห่ง ได้ผู้คนช้างม้า เครื่องสาตราวุธต่าง ๆ เปนอันมาก เขมรแลญวนจะต้านทานมิได้ ก็แตกพ่ายพังหนีไป กองทับทั้งปวงไล่ติดตามเข้าไปตั้งค่ายล้อมเมืองกัมพูชาธิบดีไว้มั่นคง เจ้าพระยาจักรีจึ่งคิดอุบายจะให้ได้ราชการสดวก จึ่งให้แต่งศุภอักษรแล้วส่งให้ทูตถือศุภอักษรนั้น ไปบอกความเมืองกับนักแก้วฟ้าโดยทางพระราชไมตรี นักแก้วฟ้านั้น ครั้นได้แจ้งในศุภอักษรนั้น จึ่งพิจารณาเหนซึ่งจะพ้นไภยอันตรายเปนอันดีในอนาคตนั้น จึ่งรับว่าจะถวายดอกไม้เงินทองขึ้นแก่กรุงเทพมหานคร เจ้าพระยาจักรีได้ความเมืองดังนั้นมั่นคงแล้ว เหนได้ความสดวกดีอยู่แล้ว จึ่งสั่งให้นักแก้วฟ้า เอาดอกไม้ทองเงินไปถวายตามคำปฏิญาณนั้น จึ่งเลิกกองทับกลับคืนมายังกรุงเทพมหานคร ๚ะ

๏ สมเดจพระเจ้าแผ่นดินได้ทรงทราบด้วยเหตุดังนั้น ดีพระไทย จึ่งพระราชทานบำเหน็จรางวัลแก่เจ้าพระยาจักรี แลนายทับนายกองเปนอันมากตามสมควรแล้ว จึ่งทรงพระพิโรธพระยาโกษา ให้ใช้ปืนใหญ่น้อย แลดินประสิว ลูกกระสุน เรือรบให้สิ้นเชิง ๚ะ

๏ สมเด็จพระเจ้ากรุงศรีอยุทธยา มีราชบุตรด้วยพระอัครมเหษีกรมหลวงราชานุรักษนั้นห้าพระองค์ คือเจ้าฟ้านเรนทรหนึ่ง หญิงเจ้าฟ้าเทพหนึ่ง หญิงเจ้าฟ้าประทุมหนึ่ง เจ้าฟ้าอะไภยหนึ่ง เจ้าฟ้าบรมเมศวรหนึ่ง พระมารดาชื่อเจ้าท้าว เปนกรมหลวงราชานุรักษนั้น ๚ะ

๏ ในปีฉลูเอกศกนั้นมีพระราชบริหารให้ช่างปฏิลังขรณ์วัดมเหยงคณ์ เสดจพระราชดำเนินไปให้ช่างกระทำการวัดนั้นเนือง ๆ บางทีก็เสดจอยู่ที่พระตำหนักริมวัดมเหยงคณ์เดือนหนึ่งบ้าง สองเดือนบ้าง ว่าราชการอยู่ในที่นั้น สามปีเสศ วัดนั้นจึ่งสำเร็จแล้วบริบูรณ์ ๚ะ

๏ สมเดจพระอนุชาธิราชกรมพระราชวังบวรสฐานมงคล ให้ช่างปฏิสังขรณวัดกุฎีดาวอันใหญ่ ในปีเถาะตรีศก เสดจไปทอดพระเนตรการที่วัดนั้น เดือนหนึ่งบ้าง สองเดือนบ้าง เหมือนพระเชษฐาธิราช สามปีเสศวัดนั้นจึ่งสำเร็จแล้วบริบูรณ์ ๚ะ

๏ สมเดจพระเจ้าแผ่นดินนั้น ภอพระไทยทำปาณาติบาตฆ่าสัตวมัจฉาชาติ ปลาใหญ่ปลาน้อยต่างๆเปนอันมาก ด้วยตกเบ็ดทอดแหแทงฉมวก ทำสี้กั้นเฝือกดักลอบดักไซร กระทำการฆ่าสัตว์ต่าง ๆ ประภาศป่าฆ่าเนื้อนกเล่นสนุกนิ์ด้วยดักแร้วดักบ่วง ไล่ช้างล้อมช้างได้ช้างเถื่อนเปนอันมาก เปนหลายวันแล้วเสดจกลับคืนมายังพระมหานคร ๚ะ

๏ ในปีมเสงเบญจศกนั้นให้ฉลองวัดมเหยงคณ ทรงพระราชศรัทธาบำเพญพระราชกุศลเปนอันมาก ทรงพระราชทานเครื่องบริขาร แลวัดถุทานต่างๆแก่พระสงฆพันหนึ่ง ตามพระราชประเพณีมาแต่ก่อน มีงานมหรสพสมโพชเจ็ดวัน เสรจบริบูรณการฉลองนั้น ๚ะ

๏ ในปีมเมีย ฉศก สมเดจพระเจ้าแผ่นดิน ให้ช่างไม้ต่อกำปั่นใหญ่ไตรมุข ยาวสิบแปดวาสองศอก ปากกว้างหกวาสองศอก ให้ตีสมอใหญ่ที่วัดมเหยงคณ ห้าเดือนกำปั่นใหญ่นั้นแล้ว ให้เอาออกไปยังเมืองมฤท บันทุกช้างได้สามสิบตัวเสศ ให้ไปขายช้างณเมืองเทษโน้น คนทั้งหลายลงกำปั่นใช้ใบไปถึงเมืองเทษ แล้วขายช้างนั้นได้เงินแลผ้าเปนอันมาก แล้วกลับคืนมายังเมืองมฤทสิ้นปีเสศ ๚ะ

๏ ในปีมแมสัพตศกนั้น พระมหาอุปราชให้ฉลองวัดกุฎีดาว บำเพญพระราชกุศลให้ทานสการบูชาแก่พระรัตนไตรเปนอันมาก ให้เล่นงานมหรสพสมโพชเจดวัน การฉลองนั้นสำเร็จบริบูรณ ๚ะ

๏ ในปีนั้นเจ้าพระอัยกีกรมหลวงโยธาทิพ ทิวงคตณพระตำหนักริมวัดพุทไธสวรรย์นั้น สมเด็จพระเจ้าแผ่นดิน ให้ช่างไม้กระทำการเมรุ ขื่อยาวห้าวาสองศอก โดยสูงยี่สิบวาสองศอก แลพระเมรุทองกลาง แลการพระเมรุทั้งปวงนั้น หกเดือนเสศจึ่งแล้ว เชิญพระโกฎทองขึ้นราชรถ พร้อมเครื่องอลงกฎแห่แหนเปนอันมาก นำมาสู่พระเมรุทอง แลการที่บูชาให้ทานทั้งปวง ตามอย่างพระราชประเพณีมาแต่ก่อน สมโพชเจดวัน การสพนั้นสำเร็จบริบูรณ์ ๚ะ

๏ ลุศักราชได้ ๑๐๘๓ ปีฉลูตรีศก พระเจ้ากรุงเทพมหานคร เสดจพระราชดำเนินไปทรงเบ็ดที่ปากน้ำท่าจีน เมื่อไปถึงคลองมหาไชย เหนคลองนั้นขุดยังไม่แล้วค้างอยู่ ครั้นทรงเบ็ดแล้วกลับคืนมาถึงพระนคร จึ่งทรงพระกรุณาตรัสสั่งให้พระราชสงครามเปนนายกอง ให้กะเกนคนหัวเมืองปากใต้แปดหัวเมือง ให้ได้คนสามหมื่นเสศสี่หมื่น ไปขุดคลองมหาไชย พระราชสงครามให้กะเกนจัดแจง ได้พลนิกายสามหมื่นเสศแล้วถวายบังคมลาไป ครั้นถึงคลองมหาไชย จึ่งให้ฝรั่งเสศส่องกล้องแก้วดูให้ตรงปากคลอง ปักกรุยลงเปนสำคัญ ทางไกลสามร้อยสี่สิบเส้น ขุดทีก่อนนั้นได้ที่แล้วหกเส้นเสศ ยังไม่แล้วนั้นมากถึงสามร้อยสี่สิบเส้น ให้ขุดคลองฦกหกศอก กว้างแปดวาเท่าเก่า เกนกันเปนน่าที่ คนสามหมื่นเสศ ขุดสองเดือนเสศจึ่งแล้ว พระราชสงครามกลับมาเฝ้ากราบทูลพระกรุณาให้ทรงทราบทุกประการ ๚ะ

๏ สมเด็จพระเจ้าแผ่นดินได้ทรงทราบ ทรงพระปีติปราโมช จึ่งตั้งพระราชสงครามให้เปนพระยาราชสงคราม แล้วพระราชทานเจียดทองเสื้อผ้าเงินตราเปนอันมาก คลองนั้นชื่อคลองมหาไชยมาตราบเท่าทุกวันนี้ ๚ะ

๏ ในปีขานจัตวาศก ทรงพระกรุณาโปรดให้พระธนบูรีเปนแม่กอง เกนพลนิกายหัวเมืองปากใต้ ได้คนหมื่นเสศ ให้ขุดคลองเกร็ดน้อย ลัดคุ้งปากคลองบางบัวทองนั้น คดอ้อมนัก ขุดลัดตัดให้ตรง พระธนบูรีรับสั่งแล้วกราบถวายบังคมลามา ให้เกนพลนิกายในบันดาหัวเมืองปากใต้ได้คนหมื่นเสศ ให้ขุดคลองเตร็ดน้อยนั้น ฦกหกศอก กว้างหกวา ยาวทางไกลได้ยี่สิบเก้าเส้น ขุดเดือนเสศจึ่งแล้ว พระธนบูรีนั้นจึ่งกลับมากราบทูลพระกรุณาให้ทรงทราบทุกประการ ๚ะ

๏ ในปีเถาะเบญจศกนั้น พระบรมกระษัตริย์ทั้งสองพระองค์ เสดจพระราชดำเนินไปประภาษโพนช้าง ณป่าหัวเมืองนครนายกฝ่ายตวันออก ในเพลาราตรีนั้นเดือนหงาย เสดจไปไล่ช้างเถื่อน พระจันทรเข้าเมฆ ช้างพระอนุชาธิราชขับแล่นตามไปทันช้างพระที่นั่งทรง ไม่ทันจะเกี่ยว โถมแทงเอาท้ายช้างพระที่นั่งทรง ควานท้ายช้างนั้นกระเดนตกจากช้างนั้นลง ช้างทรงเจ็บป่วยมาก ก็ทรวดเซแล่นไปในป่า สมเดจพระเจ้าแผ่นดิน จึ่งขับช้างนั้นกลับมายังพลับพลาไชย พระมหาอุปราชไม่แกล้งจะให้ช้างแทง แต่หากเกี่ยวช้างนั้นมิทันที ตกพระไทยเกรงพระราชอาญา เสดจตามไปเฝ้าที่พลับพลาไชย จึ่งกราบทูลพระกรุณาว่า ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ข้าพระเจ้าไม่ได้แกล้ง แสงพระจันทรเข้าเมฆมืดมัวเปนเงาร่มไม้ เหนไม่ถนัด จะเกี่ยวข้างไว้มิทัน ได้ทรงพระกรุณาโปรดอดโทษข้าพเจ้าเถิด พระเจ้าอยู่หัวนั้นไม่สงไสย จะได้ทรงพระพิโรธขุ่นเคืองแก่พระอนุชาธิราชนั้นหามิได้ สั่งหมอให้รักษาช้างนั้นแล้วกลับมาพระนคร ๚ะ

๏ ในปีเถาะเดือนสี่ข้างขึ้นนั้น สมเดจพระมหากระษัตริย์ เสดจพระราชดำเนินไปบำเพญพระราชกุศลณพระพุทธบาท ด้วยบริวารยศศักดิ์เปนอันมาก ทั้งทางบกทางเรือเปนพยุหบาตรา ตามอย่างตามธรรมเนียมมาแต่ก่อน ครั้นถึงพระพุทธบาทเสดจอยู่ธารเกษม ขึ้นนมศการสการบูชาพระพุทธบาท กับด้วยพระอนุชาธิราช ๆ จึ่งกราบทูลพระกรุณาว่า ขอพระราชทานชีวิตร เมื่อข้าพเจ้าขี่ช้างตามเสดจไป แลช้างข้าพเจ้าแทงช้างพระที่นั่งทรงนั้น ข้าพเจ้าจะได้มีใจเจตนาแกล้งจะให้ช้างข้าพเจ้า แทงช้างพระที่นั่งทรงนั้นหามิได้ เปนความสัจจริง ข้าพเจ้าจะขอกระทำสัจสาบาลในสำนักนิ์แห่งพระพุทธบาท ถวายแก่ล้นเกล้าล้นกระหม่อมบัดนี้ ๚ะ

๏ สมเดจพระเชษฐาธิราชทรงพระกรุณาโปรดดำรัศว่า พ่อเอ๋ยข้านี้ไม่สงไสยแคลงแก่เจ้าดอก อย่ากระทำสัจสาบาลเลย พระเคราะห์ข้าร้ายเอง ตรัสแล้วบูชานมัศการพระพุทธบาท บำเพญพระราชกุศลให้ทานเปนอันมาก เล่นงานมโหรสพสมโพชเจดวันบูชาพระพุทธบาทแล้ว ถวายนมัศการลาพระพุทธบาท กลับคืนมายังพระมหานคร ๚ะ

๏ ลุศักราชได้ ๑๐๘๗ ปีมเสงสัปตศก เจ้าอธิการวัดปำโมกเข้ามาหาพระยาราชสงครามแจ้งความว่า พระพุทธไสยาศวัดป่าโมกนั้น น้ำกัดเทราะตลิ่งพังเข้ามาถึงพระวิหารแล้ว ยังอิกประมาณสักปีหนึ่ง พระพุทธไสยาศเหนจะพังลงน้ำเสียแล้ว พระยาราชสงครามได้ฟังดังนั้น จึ่งเข้าไปเฝ้ากราบทูลพระกรุณา ให้ทราบเหตุแห่งพระพุทธไสยาศนั้นทุกประการ พระเจ้าอยู่หัวได้ทรงฟังดังนั้น จึ่งปฤกษาด้วยข้าราชการทั้งปวง มีเสนาบดีเปนอาทิว่า, เราจะรื้อพระพุทธไสยาศไปก่อใหม่ จะดีฤๅๆ จะชลอลากไปไว้ในที่ควรจะดี พระยาราชสงครามจึ่งกราบทูลพระกรุณาว่า, ข้าพระพุทธเจ้าจะขอออกไปดูก่อน แล้วถวายบังคมลาออกไปพิจารณาดูเหนจะชลอลากได้ จึ่งกลับมากราบทูลพระกรุณาว่า, ข้าพระพุทธเจ้าจะขออาษาชลอลากพระพุทธไสยาศ, ให้ถึงที่อันควรให้จงได้ ๚ะ

๏ สมเดจพระมหาอุปราชเฝ้าอยู่ที่นั้นด้วย, ได้ทรงฟังดังนั้น, ไม่เหนด้วย จึ่งตรัสว่า, พระพุทธไสยาศนั้น, พระองคใหญ่โตนัก, เหนจะชะลอลากไม่ได้, กลัวจะแตกจะพัง, เปนการใหญ่มิใช่ของหล่อ ถ้าไม่มีอันตรายก็จะดีอยู่ ถ้ามีอันตรายแตกพังหักทำลาย, จะอายอัปยศแก่ไพร่ฟ้าประชาราษอำมาตยเสนาข้าราชการ, เสียพระเกียรติยศจะฦๅชาปรากฎไปในนานาประเทศเปนอันมาก ถ้าเรารื้อไปก่อใหม่ให้ดีงามกว่าแต่ก่อน, เหนจะง่ายดีอีก พระยาราชสงครามจึ่งกราบทูลพระกรุณาว่า, ข้าพระพุทธเจ้าจะขออาษาชะลอลากพระพุทธไสยาศ, มิให้แตกหักพังไปเปนปรกติถึงที่ใหม่อันสมควรให้จงได้ ถ้าแลเปนอันตรายขอถวายชีวิตร ๚ะ

๏ สมเด็จพระเจ้าแผ่นดินก็ยังไม่วางพระไทย, จึ่งดำรัศสังให้นิมนต์พระราชาคณะมาประชุม, แล้วตรัสว่า, ข้าแต่พระผู้เปนเจ้าทั้งปวง เราจะรื้อพระพุทธไสยาศก่อใหม่ไว้ในที่ควร, จะควรฤๅมิควร พระบาฬีจะมีประการใดบ้าง พระราชาคณะทั้งปวงถวายพระพรว่า, พระองค์ไม่แตกหักพังวิปริตเปนปรกติดีอยู่นั้น, จะรื้อไปก่อใหม่ไม่ควร พระเจ้าแผ่นดินได้ทรงทราบดังนั้น, จึ่งตรัสสั่งให้พระยาราชสงคราม คิดกระทำการชะลอลากพระพุทธไสยาศน์นั้น ๚ะ

๏ ลุศักราชได้ ๑๐๘๘ ปีมเมีย อัฐศก, สมเด็จพระเจ้าแผ่นดินเสดจไปวัดป่าโมก, ให้รื้อพระวิหาร แล้วให้ตั้งพระตำหนักพลับพลาไชยใกล้วัดชีปะขาว ยับยั้งรั้งแรมอยู่หกวันบ้างเจดวันบ้าง, กับด้วยพระอนุซาธิราช, กลับไปกลับมา, ให้กระทำการอยู่สามวันบ้าง, สี่วันบ้าง, แล้วกลับมาพระนคร พระยาราชสงครามเกนให้ข้าราชการไปตัดไม้ยาวสิบสี่วา, สิบห้าวา, น่าใหญ่ศอกคืบบ้าง, ยาวสี่วาห้าวาน่าใหญ่ศอกหนึ่งบ้าง, ให้ได้มากทำตะเข้แม่สดึง ให้เลื่อยเปนตัวไม้น่าใหญ่ศอกหนึ่ง, น่าน้อยคืบหนึ่ง, เปนอันมาก ให้เอาเสาไม้ยางสามกำสามวา กลึงเปนกง, เลื่อยกระดานหนาสองนิ้วจะปูพื้นทางที่จะลากตะเข้ไป, ให้ปราบที่ให้เสมอ, ทุบตีด้วยตะลุมพุกให้ราบเสมอ ให้ฟั่นเชือกน้อยใหญ่เปนอันมาก แล้วให้เจาะถานแท่นพระพุทธรูปนั้น, ช่องกว้างศอกหนึ่ง,เอาไว้ศอกหนึ่ง, ช่องสูงคืบหนึ่ง, เว้นไว้เปนฟันปลา, เอาตะเข้แอบเข้าทั้งสองข้าง, ร้อยไม้ขวางทางที่แม่สดึง แล้วสอดกระดานหนาคืบหนึ่งนั้น, บนหลังตะเข้ตลอดช่อง แล้วเจาะขุดรื้ออิฐหว่างช่องกระดานที่เว้นไว้เปนฟันปลานั้นออกเสีย, เอากระดานหนานั้นสอดให้เต็มทุกช่อง แลการผูกรัดร้อยรึงกระหนาบทั้งปวงมั่นคงบริบูรณ์ ห้าเดือนสำเรจแล้วทุกประการ ๚ะ

๏ ครั้นได้สุภวารดิถีเพลาพิไชยมงคลฤกษดีแล้ว, ให้ชลอลากชักตะเข้รองพระพุทธไสยาศน์ไปเข้าที่อันจะกระทำพระวิหารนั้น, ได้สำเรจบริบูรณ์ สมเดจพระมหากษัตริยให้กระทำพระวิหารการเปรียญติโรงพระอุโบสถ, พระเจดีย์, กุฎี, ศาลา, กำแพง, แลหอไตรย, ฉนวนห้าสิบห้องหลังคามุงกระเบื้อง, แลส้วมถานสะพานบันได, ห้าปีเสศจึ่งแล้ว, ยังไม่ได้ฉลอง ๚ะ

๏ ทรงประชวรหนักลง, จึ่งพระราชทานราชสมบัติ, มอบให้แก่เจ้าฟ้าอไภย เหตุว่าพระอนุชาธิราชทรงผนวชอยู่ เจ้าฟ้านเรนท์ก็ทรงผนวชอยู่ พระมหาอุปราชไม่เต็มพระไทย, ไม่ยอมอนุญาตให้ราชสมบัติแก่เจ้าฟ้าอไภย ถ้าให้ราชสมบัติแก่เจ้าฟ้านเรนทร, จึ่งจะยอมให้ เจ้าฟ้านเรนทรนั้น, เปนกรมขุนสุเรนทรพิทักษ เปนภิกขุภาวะ, เมื่อมิได้รับซึ่งราชสมบัติ, จึ่งมิได้ลาผนวชออก. ๚ะ

๏ ฝ่ายเจ้าฟ้าอไภยพระบิดาให้อนุญาตแล้ว, จึ่งรับราชสมบัติ, ปราถนาจะกระทำสงครามกันกับด้วยพระมหาอุปราช, จึ่งสั่งข้าราชการวังหลวงให้จัดแจงผู้คน, กะเกนกระทำการ, ตั้งค่ายคูดูตรวจตราค่ายรายเรียงลงไปตามคลองประตูเข้าเปลือก, จนถึงประตูจีน จึ่งให้ขุนศรีคงยศไปตั้งค่ายริมตะพานช้าง, คลองประตูเข้าเปลือกฟากตวันตก, ให้รักษาอยู่ที่นั้น ๚ะ

๏ ในกาลนั้น พระมหาอุปราชได้ทรงทราบเหตุทั้งปวงนั้น ให้ข้าราชการตั้งค่ายฟากคลองข้างตวันออก, ให้รักษาค่ายในที่นั้น. พระราชบุตรแห่งพระมหาอุปราช, เสดจตรวจค่ายมาตรงค่ายขุนศรีคงยศ, จึ่งตรัสถามว่า, ค่ายนี้ของใคร, เขากราบทูลว่า, ค่ายของขุนศรีคงยศ. ทรงพระโกรธจึ่งสั่งให้ขุนเกนหัดขึ้นบนเรือน, เข้าริมคลองส่องปืนตามช่องน่าต่าง, ยิงขุนศรีคงยศถูกตาย, กลับมาทูลแถลงพระบิดา ๆ ตรัสว่าด่วนยิงเขาก่อนไย จึ่งกราบทูลว่า, จะเอาฤกษ์เอาไชยไว้ก่อน ๚ะ

----------------------------

๏ แผ่นดินพระเจ้าอยู่หัวบรมโกฎ ๚ะ

๏ ลุศักราชได้ ๑๐๙๔ ปีชวดจัตวาศก, สมเด็จพระเจ้าแผ่นดินทรงพระประชวนหนักลง, ก็ถึงแก่ทิวงคตในเดือนยี่ข้างแรม, ไปโดยยะถากรรม์แห่งพระองค์นั้น พระเจ้ากรุงศรีอยุทธยาบังเกิดในปีมแม, อายุได้ยี่สิบแปดปี, ได้เสวยราชสมบัติยี่สิบหกพรรษาเสศ, พระชนมายุได้ห้าสิบสี่พรรษาเสศ, กระทำกาลกิริยาตาย. ๚ะ ผู้ใดมีเตตาไม่ฆ่าสัตวอายุยืน, ไม่มีเมตตาฆ่าสัตวอายุสั้น ๚ะ

๏ กระษัตริย์ทั้งสองพระองค์, ให้ทหารรบสู้กันหลายวันหลายเวลาแล้ว, วันหนึ่งเจ้าฟ้าอไภยให้หลวงไชยบูรณปลัดเมืองพระพิศณุโลกย, คุมพลทหารร้อยเสศ, พร้อมด้วยเครื่องสรรพาวุธต่างๆ ให้ยกทับไปทางซิกูลอ้อมโอบไปให้ตีวังน่า, จัดแจงแล้วส่งไป. ๚ะ

๏ ฝ่ายพลทหารวังน่ารู้เหตุดังนั้นก็ยกมาสองร้อยเสศ, พลทหารสองฝ่ายเข้าปะทะชิงไชยรุกไล่ต้านทานกัน, ยิงแทงฟันกันเปนสามารถ พลทหารวังน่าได้ทีตีกระโจมโถมแทงฟันทลวงไล่ล้อมเข้าฆ่าฟันทหารวังหลวงตายเปนอันมาก, จะต้านทานมิได้ก็แตกฉานทิ้งนายทับเสียก็พ่ายหนีไป ๚ะ

๏ ฝ่ายทหารวังน่าก็ล้อมพร้อมกันเข้าจับหลวงไชยบูรณได้ เอาตัวไปถวายแก่พระมหาอุปราช ๆ ให้เฆี่ยนหลวงไชยบูรณ์ห้าทีถามได้เนื้อความสิ้นแล้วให้จำมั่นไว้ วันหนึ่งพลทหารวังน่า ประมาณห้าร้อยยกมาทางถนนผ้าเขียวถึงคุก เข้าภังคุกทลายคุกเข้าไป แก้ไขเอาคนโทษประมาณเจ็ดร้อย ปล่อยเอาออกสิ้นจากคุก ๚ะ

๏ ครั้งนั้นพระธนบุรีมาอาษาเจ้าฟ้าอะไภย ยกพลทหารห้าร้อยข้ามคลองตพานช้าง เข้าตีค่ายวังน่าแตกได้สองค่ายสามค่าย รบพุ่งกันเปนสามารถ พระมหาอุปราชรู้เหตุดังนั้น ตกพระไทยปรารพจะหนีไป จึ่งปฤกษาด้วยข้าราชการทั้งปวงว่า ทหารเราฝีมืออ่อนกว่าเขา รักษาค่ายไม่ได้ เหนจะรับเขามิอยุด เราจะคิดประการใด ขุนชำนาญจึ่งกราบทูลพระกรุณาว่า พระองค์อย่ากลัวอย่าเพ่อหนีก่อน ข้าพระพุทธเจ้าขออาษาถวายชีวิตร จะขอตายก่อนพระองค์ ข้าพระพุทธเจ้าขออาษาถวายบังคมลาออกไปรมกันกับฆ่าศึกบัดนี้ ทรงพระกรุณาโปรดให้ม้าเรวออกไปคอยดูข้าพระพุทธเจ้ารบกับฆ่าศึก ถ้าเหนข้าพระพุทธเจ้าตายในที่รบแล้ว ให้ม้าใช้กลับมาจงเรว กราบทูลพระกรุณาให้ทราบ พระองค์ทรงทราบว่า, ข้าพระพุทธเจ้านี้ตายแล้วจึ่งหนี ถ้าข้าพระพุทธเจ้ายังไม่ตาย อย่าเพ่อหนีก่อน ว่าแล้วถวายบังคมลาออกมา เอาพลทหารสามร้อยเสศออกไปถึงทับพระธนบุรี ก็ขับไล่พลทหารเข้าจู่กระโจมตีหักหารต่อการชิงไชย ทลวงไล่ลุยประหารทะยานฟันแทงต่อแย้งต่อยุทธ โห่อึงอุดเอาไชย ขุนชำนาญทหารใหญ่ บุกรุกไล่ไม่ท้อถอย, ระวังคอยป้องกัน รุกไล่ตีรันฟันฟาด ทหารพระธนบุรีแตกหนีขาดกันไป พระธนบุรีหาหนีไม่ ขี่ม้าผูกเครื่องใหม่ใจหารรับต้านทาน ขุนชำนาญทหารใหญ่บุกรุกไล่เข้าฟาดฟันพระธนบุรี พระธนบุรีแทงด้วยหอกผัดผันสู้รบกันเปนสามารถ ขุนชำนาญถือดาบฟาดสองมือมั่น จู่โจมโถมเข้าจ้วงฟัน ถูกพระธนบุรีนั้นคอขาดบนหลังม้าตายในที่รบนั้น ขุนชำนาญคนขยันตัดเอาศีศะมาถวาย ๚ะ

๏ ฝ่ายทหารทั้งหลายไล่ติดตามเข่นฆ่า พลโยธาวังหลวงไป จับได้บ้างตายบ้างก็เปนอันมากในที่รบนั้น สมเดจพระมหาอุปราชทอดพระเนตรเหนศีศะพระธนบุรี มีพระไทยยินดียิ่งนัก ตรัสสั่งให้จัดพลทหารขึ้นเปนอันมาก จะให้ไปตีพระราชวังหลวง ๚ะ

๏ ฝ่ายพระราชบุตรทั้งสองพระองค์ คือเจ้าฟ้าอไภย แลเจ้าฟ้าบรมเมศร เหนพลทหารปราไชยมาเปนหลายครั้ง สดุ้งตกพระไทยกลัวให้เก็บเอาซึ่งพระราชทรัพยต่างๆเปนอันมาก ลงเรือพระที่นั่งลำเดียวกัน ก็หนีไปในราตรีกาลโดยทางป่าโมก ฝีพายทั้งหลายไม่เตมใจจะไปด้วย โดดน้ำหนีเสียกลางทาง ครั้นถึงบ้านเลนฑ์ จึ่งเสดจขึ้นจากเรือพระที่นั่งหนีไปทางบก จวนรุ่งขึ้นเข้าเร้นอยู่ในป่าอ้อ ป่าพงแขม อันรกใกล้บ้านเอกราช นายด้วงมหาดเลกคนเดียวตามจ้าวไปได้เที่ยวไปขอเข้าชาวบ้านมาเลี้ยงจ้าวทั้งสองพระองค์ อยู่หกวันเจ็ดวัน นายด้วงลาจ้าวนั้นมาเยี่ยมดูมารดาที่บ้าน อยู่มาวันหนึ่งจ้าวนั้นให้พระธรรมรงค์วงหนึ่งแก่นายด้วง ให้ไปซื้อเข้าชาวบ้าน ๆ จึ่งรู้ว่าพระธรรมรงค์ของจ้าว กลัวความนั้นจะไม่ลับ จึ่งบอกเหตุแก่ข้าหลวง ข้าหลวงจึ่งบอกคะดีนั้นแก่ขุนชำนาญ ๆ ให้จับตัวนายด้วงมา จึ่งกราบทูลพระกรุณาให้ทราบคะดีนั้น แล้วจึ่งคุมพลทหารเปนอันมากลงเรือไปให้นายด้วงนำไปถึงบ้านเอกราช ให้ไล่กวาดเอาชาวบ้านทั้งหลาย ไปล้อมป่าพงแขมที่เจ้าทั้งสองพระองค์อยู่นั้นให้มั่นคง แล้วขุนชำนาญทหารใหญ่ แต่งตัวกับทหารร่วมใจเจ็ดคนนั้น ใส่เครื่องกะตุดลูกประคำแล้ว ถือดาบสองมือกับด้วยทหารร่วมใจเจ็ดคนนั้น ให้นายด้วงชี้ทางค่อยย่องเข้าไป เหนพระราชบุตรทั้งสอง เอาดินมาปั้นเปนหมากรุกเล่นกันอยู่ แล้วขุนชำนาญทหารใหญ่แอบเข้าไปนั่งใกล้ เหนพระแสงดาบสองเล่มครั้นจะเข้าจับก็ยังเกรงอยู่ ๚ะ

๏ เจ้าฟ้าอไภยเหนขุนชำนาญทหารใหญ่ ถือดาบสองมือกับบ่าวเจดคน แต่งตัวมั่นคงพร้อมมือกัน ก็ตกพระไทยกลัว บอกเจ้าฟ้าบรมเมศวรว่า พระยามัจจุราชมาถึงเราแล้ว ขุนชำนาญทหารใหญ่ร้องทูลเข้าไปว่า พระองค์อย่ากลัวเลย เสดจไปกับข้าพเจ้าเถิด จะช่วยแก้ไขให้รอดชีวิตร พระองค์ส่งพระแสงทั้งสองมาให้ข้าพเจ้าก่อนเถิด เจ้าฟ้าทั้งสองพระองค์กลัวขุนชำนาญยิ่งนัก ร้องบอกว่า ข้าลืมสติไป จึ่งส่งพระแสงทั้งสองเล่มนั้นให้แก่ขุนชำนาญ ขุนชำนาญก็เกลี้ยกล่อมด้วยสุนทรวาจาต่าง ๆ ให้อ่อนพระไทยแล้ว ภาเจ้าฟ้าทั้งสองพระองค์ ออกจากป่าพงลงเรือโขมดยา ทหารอยู่เรือก็แห่ห้อมล้อมมา ๚ะ

๏ ครั้นถึงพระนครขุนชำนาญชาญณรงค์ ก็ภาเจ้าฟ้าทั้งสองขึ้นไปถวายสมเดจพระมหาอุปราช ๆ ได้ทรงทราบความทั้งปวงดังนั้นแล้ว สั่งให้จำเจ้าฟ้าทั้งสองนั้นไว้สองวันสามวัน ให้ไต่ถามได้เหนื้อความแล้ว ให้ประหารชีวิตรเสียทั้งสองพระองค์ ด้วยไม้ค้อนท่อนจันทน์ ตามพระราชประเพณีแต่ก่อน ๚ะ

๏ เจ้าพระองค์แก้วพี่เขยนั้น ไปด้วยเจ้าฟ้าทั้งสองนั้น ครั้นเหนฝีภายโดดน้ำหนีไปดั่งนั้น ก็ตกพระไทยกลัวคิดว่าจะกลับคืน เมื่อจะขึ้นจากเรือจึ่งถือเอาเครื่องยศไปตามหลัง เจ้าฟ้าทั้งสองนั้นไปก่อนน่า แกล้งเดินให้ช้าไม่ทันคลาดห่างลับตัวแล้ว ก็กลับหนีคืนมาสู่เมือง เอาเครื่องยศเข้าไปถวายแก่พระมหาอุปราช กราบทูลพระกรุณาด้วยกลอุบายต่าง ๆ ๚ะ

๏ สมเดจพระมหาอุปราชได้ทรงทราบสิ้นแล้ว ตรัสสั่งให้จำเจ้าพระองค์แก้วนั้นไว้ จึ่งคิดการลับด้วยขุนชำนาญ ๆ จึ่งให้เอาพระธรรมรงค์ที่เจ้าฟ้าให้นายด้วงไปซื้อเข้านั้นได้มาแล้ว ให้เอาพระธรรมรงค์นั้นลอบไปฝังไว้ริมต้นยาง ริมบ้านเรือนเจ้าพระองค์แก้วในเพลากลางคืน แล้วให้หาออท้าวที่ไว้ใจนั้นมา ขุนชำนาญให้กระซิบบอกความลับนั้นแก่ออท้าวให้รู้แล้ว ให้ออท้าวนั้นลงผีดูพระธรรมรงค์ที่หายไปนั้น จะตกเรี่ยอยู่ที่ไหน ในน้ำในบกประการใด จะได้คืนฤๅมิได้ ให้อ่อท้าวคนทรงบอกให้จงแจ้ง ส่วนอ่อท้าวคนทรงรู้เหตุอยู่แล้ว แกล้งกระทำมารยาเปนทีเทวดาลงมาสิงสู่ ทำหาวเรอผย้ำเผยอ แล้วทายว่าจะได้พระธำมรงค์นั้นคืน แต่ทว่ามีคนอื่นเอาไปซ่อนไว้ที่ต้นไม้ใหญ่ ผู้ถามจึ่งถามว่า จะนำไปได้ฤๅมิได้ จึ่งบอกว่า จะนำไปให้ถึงที่นั่นได้ ว่าแล้วจึ่งนำข้าหลวงไปขุดเอาพระธรรมรงค์นั้นได้ที่ริมต้นยาง ข้าหลวงจึ่งเอาพระธรรมรงค์นั้นมาถวาย จึ่งทรงพระกรุณาตรัสสั่งให้ลูกขุนพิจารณา แลพิภาคษาโทษเจ้าพระองคแก้ว ลูกขุนเหนว่า พระธรรมรงค์อยู่ในบ้านเรือนเจ้าพระองค์แก้ว จึ่งพิภาคษาว่า เจ้าพระองค์แก้วเปนกระบถโทษถึงตาย จึ่งกราบทูลพระกรุณาให้ทราบ แล้วจึ่งให้ประหารชีวิตรเจ้าพระองค์แก้วนั้นเสีย ๚ะ

๏ ส่วนนายด้วงมหาดเล็ก ซึ่งไปด้วยเจ้าฟ้าทั้งสองนั้น ทรงพระกรุณาโปรดว่า อ้ายด้วงนี้มันจงรักภักดีกตัญูในเจ้า อย่าฆ่ามันเสียเลย เลี้ยงไว้ให้เปนข้าราชการสืบไปเถิด ๚ะ

๏ ส่วนนายเสมพระยาพิไชยราชา แลนายพูนพระยายมราช คนทั้งสองนี้ ครั้นเจ้าหนีไปแล้ว ก็ภากันหนีไปบวชเปนภิกขุ อยู่ในแขวงเมืองสุพรรณบุรี ข้าหลวงทั้งหลายติดตามไปได้ตัวภิกขุทั้งสองนั้นมา ให้รักษาคุมตัวไว้ในวัดฝาง นายสังฆราชาบริบาล หนีไปบวชอยู่ในวัดแขวงเมืองบัวชุม ข้าหลวงติดตามไปได้ตัวมา สึกออกแล้ว ให้ประหารชีวิตรเสียที่หัวตแลงแกง พระมหาอุปราชให้แขกจามมาแทงภิกขุสองรูปอันอยู่ที่วัดฝางนั้น ตายเพลากลางคืน หมื่นราชสิทธิกันกรมช้างเปนบุตรปะขาวจันเพช เอาปืนใหญ่ขึ้นบนโรงช้าง ยิงเข้าไปในพระราชวังน่า เมื่อรบกันอยู่นั้น ถูกกิ่งสนหัก พระมหาอุปราชรู้จักตัวทรงพระพิโรธ ให้จับหมื่นราชสิทธิกันได้ตัวมา ให้เฆี่ยนห้าสิบที แล้วให้ถามได้ความว่า เปนบุตรปะขาวจันเพช ให้หาปะขาวจันเพชมา พระองค์การรู้จักอยู่แต่ก่อน จึ่งถามปะขาวจันเพชว่า อ้ายหมื่นราชสิทธิกันบุตรของท่านกระทำการดังนี้ โทษตัวมันจะเปนประการใด ปะขาวจันเพชจึ่งกราบทูลพระกรุณาว่า บุตรข้าพระพุทธเจ้ากระทำการเปนกระบถดังนี้ โทษถึงตายเจดชั่วโคดตามบทพระอัยการ ควรมิควรแล้วแต่จะทรงพระกรุณาโปรด ตรัสได้ทรงฟังดังนั้น จึ่งตรัสชมว่า ปะขาวจันเพชเปนผู้ใหญ่สัจชื่อตรง ว่ากล่าวคำนั้นจริง ปะขาวจันเพชจะขอโทษอ้ายหมื่นราชสิทธิกันฤๅ ปะขาวจันเพชจึ่งกราบทูลพระกรุณาว่า ผู้กระทำผิดคิดมิชอบแล้ว ข้าพระพุทธเจ้าไม่รับพระราชทานขอโทษเลย ควรมิควรแล้วแต่จะทรงพระกรุณาโปรด จึ่งทรงพระกรุณาโปรดตรัสว่า เออ ปะขาวจันเพชไม่เสียทีเปนผู้ใหญ่ ว่ากล่าวนั้นชอบเราเหนด้วย เราให้ชีวิตรอ้ายหมื่นราชสิทธิกันแก่ปะขาวจันเพชเถิด แต่ทว่าโทษตัวมันมาก ให้อ้ายหมื่นราชสิทธิกันไปกระทำการต่อสำเภากว่าจะสิ้นโทษ ปะขาวจันเพชได้ฟังตรัสดังนั้น ก็โสมนัศยินดียิ่งนัก จึ่งถวายบังคมลาไป ๚ะ

๏ จบเล่ม ๒๕ สมุดไทย ๚ะ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ