๓๙

๏ ขณะนั้นจึ่งเจ้าอินซึ่งเปนบุตรพระเจ้าล้านช้างเก่า, จึ่งกราบทูลพระกรุณาขออาสาจะยกเข้าปีนปล้นเอาเมือง. มีพระราชโองการตรัสห้ามว่า,ทับหลวงตั้งใกล้เมืองนัก, เกรงจะไม่สมคะเนลาดถอยออกมา, ฆ่าศึกได้ที, จะยกออกจากเมืองไล่ติดตามกระทั่งประทะถึงค่ายหลวง, จะเสียทีเหมือนเมื่อครั้งยกทับไปตีเมืองเชียงใหม่ครั้งก่อน. ภายหลังพระยาสีหราชเดโช,แลท้าวพระยานายทับนายกองเปนหลายนาย, กราบบังคมทูลขออาษาจะเข้าปล้นเอาเมือง. ก็ดำรัศห้ามเสียเหมือนดังนั้น. ภอเสบียงอาหารขัดลง, ก็ดำรัศให้เลิกทับหลวงถอยมาทางถม่องส่วย, ให้กองทับน่ารอรั้งมาเบื้องหลัง พม่าก็ยกทับมาติดตาม, กองน่าก็รอรบมาจนสิ้นแดนเมืองทวาย. ๚ะ

๏ ในขณะนั้นฝ่ายสมเดจพระอนุชาธิราชกรมพระราชวังบวรฯ ได้ทรงทราบว่า, สมเดจพระพุทธเจ้าหลวงเสดจพระราชดำเนินพยุหโยธาทับออกไปตีเมืองทวาย, ก็เสดจยาตราทับจากเมืองนครลำปางกลับมายังพระมหานคร แล้วเสดจโดยทางชลมารคออกไปตามเสดจ, สมเดจพระบรมเชษฐาธิราชเจ้า ถึงแม่น้ำน้อย. ภอทับหลวงเสดจกลับมาถึงพระตำหนักค่ายท่าเรือ, ก็เสดจขึ้นไปเฝ้ากราบบังคมทูลว่า, ขออัญเชิญเสดจพระราชดำเนินคืนยังพระนครเถิด, ข้าพระพุทธเจ้าจะตั้งทับอยู่ที่นี่, ดูทีพม่าจะเปนประการใด, จะได้คิดอ่านป้องกันสู้รบรักษาพระราชอาณาเขตร. สมเดจพระพุทธเจ้าหลวงก็ทรงเหนชอบด้วย, จึ่งเสดจกรีธานาวาทับกลับคืนยังกรุงเทพฯ. ๚ะ

๏ ฝ่ายกองทับพม่ายกติดตามมาภอสิ้นแดนเมืองทวายแล้ว, ก็ยั้งทับอยู่มิได้ยกล่วงเข้ามาในพระราชอาณาเขตร, ก็เลิกทับกลับไปเมืองทวาย. สมเดจพระพุทธเจ้าอยู่หัวกรมพระราชวังบวรฯ ก็ทรงจัดแจงให้พลเมืองอยู่รักษาด่านทางมั่นคงแล้ว, ก็เสดจเลิกกองทับกลับยังพระมหานคร. ๚ะ

๏ ฝ่ายองคเชียงสือได้โดยเสดจพระราชดำเนินในขบวนทับหลวง, ไปตีเมืองทวายด้วย. ครั้นเสดจกลับมาถึงพระนครแล้ว, จึ่งปฤกษากับขุนนางญวนสมัคพัคพวกของตัวว่า, เราหนีฆ่าศึกเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร, สมเดจพระพุทธเจ้าอยู่หัว, ก็ทรงพระกรุณาโปรดชุบเลี้ยงได้ความศุข, แล้วโปรดให้กองทับยกออกไปตีฆ่าศึก,จะคืนเอาเมืองให้ถึงสองครั้ง, ก็ยังหาสำเร็จไม่. บัดนี้สมเดจพระพุทธเจ้าอยู่หัว, ก็มีพระราชกังวลด้วยการศึกพม่า, ยังรบพุ่งติดพันกันอยู่, เหนจะช่วยธุระเรามิได้. ครั้นจะกราบทูลถวายบังคมลาออกไปรบฆ่าศึก, ตีเอาบ้านเมืองคืนด้วยกำลังตัวเอง, ก็เกรงพระราชอาญาอยู่, เหนจะไม่โปรดให้ไป. จำจะหนีออกไปจึ่งจะได้. ครั้นปฤกษาเหนพร้อมด้วยกันแล้ว, ก็เขียนหนังสือทูลลาเอาไว้ณเรือน, แล้วจัดแจงเรือทเลได้สี่ลำห้า, ลอบภาสมัคพัคพวกขุนนางแลไพร่ครอบครัวทั้งปวง, ลงเรือหนีรีบแจวลงไป, ออกปากน้ำเมืองสมุทปราการแต่ในเพลากลางคืน. พวกชาวบ้านซึ่งอยู่ใกล้เคียงรู้เหตุ, จึ่งขึ้นมาแจ้งความแก่เจ้าพระยาพระคลัง,ๆจึ่งเข้าไปกราบทูลสมเดจพระพุทธเจ้าอยู่หัว, ทั้งสองพระองคแต่ในเพลากลางคืน. ๚ะ

๏ สมเดจพระพุทธเจ้าอยู่หัวกรมพระราชวังบวรฯ จึ่งเสดจลงเรือพระที่นั่งพร้อมด้วยเรือข้าราชการทั้งปวงล่วงติดตามลงไปก็บมิทัน เรือองคเชียงสือออกพ้นปากน้ำตกถึงท้องทเลแล้ว, ก็เสดจกลับคืนมายังพระมหานคร. ภอเพลาเช้าเสดจขึ้นเฝ้ากราบทูลว่า, จะขอจัดแจงเรือรบเรือทเล, ยกกองทับออกไปติดตามเอาตัวองคเชียงสือให้จงได้. ภอพวกข้าหลวงไปค้นเรือนองคเชียงสือ,ได้หนังสือซึ่งเขียนไว้ทูลลานั้น, จึ่งนำเอามาถวาย. ทรงพระกรุณาให้อ่านเปนใจความว่า, ข้าพระพุทธเจ้าองคเชียงสือเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร, ทรงพระกรุณาโปรดชุบเลี้ยงก็ได้ความศุข. บัดนี้มีความวิตกถึงบ้านเมือง, ครั้นจะกราบทูลถวายบังคมลากลับออกไป, ก็กลัวพระราชอาญานัก, จึ่งต้องคิดอ่านหนีด้วยเปนความจำเปน, ใช่จะคิดเปนการขบถกลับมาประทุษฐร้ายนั้นหามิได้,ขอเปนข้าทูลลอองธุลีพระบาทไปตราบเท่าสิ้นชีวิตร. ซึ่งถวายบังคมลาไปทั้งนี้,ด้วยจะไปตั้งซ่องสุมเกลี้ยกล่อมผู้คนเข้าตีเอาเมืองคืนให้จงได้. แม้นขัดสนกระสุนดินดำแลเหลือกำลังประการใด, ก็จะบอกเข้ามาขอพระราชทานลูกกระสุนดินดำ, แลกองทับออกไปช่วยกว่าจะสำเร็จการสงคราม, คืนเอาบ้านเมืองได้แล้ว, ก็จะขอเปนเมืองขึ้นข้าขอบขันธสีมาสืบไป. ๚ะ

๏ ครั้นได้ทรงทราบในหนังสือแล้ว, จึ่งมีพระราชโองการตรัสห้ามสมเดจพระอนุชาธิราชว่า, อย่ายกทับไปติดตามจับเขาเลย. เขาเหนว่าเราจะช่วยธุระเขามิได้, ด้วยมีการศึกติดพันกันอยู่, เขาจึ่งหนีไปตีเอาบ้านเมืองคืน. เรามีคุณแก่เขา,เขียนด้วยมือแล้ว, จะลบด้วยเท้าดูมิบังควร. สมเดจพระอนุชาธิราชจึ่งกราบทูลว่า, องคเชียงสือคนนี้แม้นทรงพระกรุณาจะละไว้มิให้ติดตามเอาตัวให้ได้. นานไปภายน่าหาบุญเราไม่แล้ว, มันจะทำความลำบากเดือดร้อนแก่ลูกหลานเราเปนแท้อย่าสงไสยเลย. แล้วกราบถวายบังคมลาเสดจกลับไปพระราชวัง. ๚ะ

๏ อนึ่งในปลายปีมแมนั้น, พระยาราชาเสรฐีเจ้าเมืองพุทไธมาศถึงแก่พิราไลย. จึ่งทรงพระกรุณาโปรดตั้งองคเทียมผู้บุตรพระยาราขาเสรฐีญวน, เจ้าเมืองพุทไธมาศเก่านั้น, เปนพระยาราชาเสรฐีออกไปครองเมืองพุทไธมาศแทน. แล้วมีพระราชโองการตรัสปฤกษาด้วยสมเดจพระอนุชาธิราชกรมพระราชวังบวรฯ ว่า, เมืองสมุทปราการหากำแพงมิได้, เกรงเกลือกจะมีราชสัตรูหมู่ปัจามิตรยกมาทางทเล, ไม่มีที่มั่นจะป้องกันรับฆ่าศึก. ทรงปฤกษาเหนพร้อมด้วยกันแล้ว, จึ่งให้เกนทำอิฐ, แล้วเกนข้าราชการให้ก่อป้อมแลกำแพงไว้, ที่ริมแม่น้ำใต้ปากลัดฟากฝั่งตวันออก, เปนที่มั่นป้องกันอริราชไพรี, อันจะมีมาโดยทางทเลนั้น. ๚ะ

๏ อนึ่งแต่เมื่อต้นปีมแมนพศกนั้น, สมเดจพระพุทธเจ้าหลวงมีพระราชดำรัศให้พระยาราชสงคราม, เปนแม่กองปรุงเครื่องบนพระมณฑปพระพุทธบาทขึ้นใหม่. เหตุเมื่อครั้งพม่าล้อมกรุงเก่าอยู่นั้น, พวกจีนค่ายคลองสวนพลู, คบคิดกันขึ้นไปเอาเพลิงจุดเผาพระมณฑปเดิมนั้นเสีย. แลเมื่อครั้งแผ่นดินเจ้าตากนั้น,ให้ขึ้นไปทำ,ก็เปนแต่หลังคามุงกระเบื้องกั้นพระพุทธบาทไว้พลาง, ยังหาได้สร้างเปนพระมณฑปขึ้นดังเก่าไม่. แลเมื่อก่อนยังไม่ได้เสดจยกทับหลวงไปตีเมืองทวายนั้น, จึ่งมีพระราชโองการตรัสให้สมเดจพระอนุชาธิราชกรมพระราชวังบวรฯ เสดจออกไปเปนแม่การยกพระมณฑปพระพุทธบาท. สมเดจพระบรมราชอนุชาก็เสดจพระราชดำเนินโดยทางชลมารคถึงที่ประทับท่าเจ้าสนุกนิ์. จึ่งมีพระราชบัณฑูรให้เกนข้าราชการนายไพร่, ขนตัวไม้เครื่องบนพระมณฑป, ขึ้นไปยังเขาพระพุทธบาท สมเดจพระพุทธเจ้าอยู่หัวทรงพระอุสาหด้วยกำลังพระราชศรัทธา, เสดจพระราชดำเนินด้วยพระบาท, ทรงยกตัวลำยองเครื่องบนพระมณฑปตัวหนึ่งด้วยพระหัถ, ขึ้นประดิษฐานเหนือพระอังษาทรงแบกด้วยพระองค, เสดจพระราชดำเนินไปตามทาง. ให้ตั้งขาอย่างแลพลับพลาที่ประทับไปตามรยะมรรคา, เสดจไปถึงพลับพลาที่ประทับที่ใด, ก็ทรงวางตัวไม้ไว้บนขาอย่าง, แล้วเสดจอยุดประทับบนพลับพลาที่นั้น. ภอหายเหนื่อยแล้วก็เสดจทรงแบกตัวไม้นั้น,เสดจพระราชดำเนินต่อไป. แต่ดังนี้จนตราบเท่าถึงเขาพระพุทธบาท, ด้วยอำนาทกำลังพระราชศรัทธา, ทรงพระมหาอุสาหมิได้คิดแก่ลำบากพระกาย, หมายจะให้เปนบุญโกษฐาศพระราชกุศลอย่างยิ่ง. จึ่งให้ช่างยกเครื่องบนพระมณฑปแลยอดเสรจแล้ว, ให้จับการลงรักปิดทองประดับกระจก. แล้วให้ทำพระมณฑปน้อย, กั้นรอยพระพุทธบาทภายในพระมณฑปใหญ่. เสาทั้งสี่กับทั้งเครื่องบนแลยอดล้วนแผ่ทองคำหุ้มทั้งสิ้น. แลการพระมณฑปใหญ่น้อยสำเรจบริบูรณแล้ว, ก็เสดจพระราชดำเนินกลับยังกรุงเทพมหานคร, ขึ้นเฝ้าสมเดจพระบรมเชษฐาธิราชเจ้า, กราบทูลถวายพระราชกุศล, ซึ่งเสดจขึ้นไปถาปนาพระมณฑปพระพุทธบาทใหม่แล้วสำเรจบริบูรณนั้น. ๚ะ

๏ ลุศักราช ๑๑๕๐ ปีวอกสัมฤทธิศก, ขณะนั้นกำปั่นฝรั่งเสศเข้ามาสู่พระนครลำหนึ่ง, ฝรั่งซึ่งเปนนายกำปั่นสองคนพี่น้อง. แลน้องชายนั้นเปนคนมวยมีฝีมือ, เที่ยวพนันชกมวยชนะมาเปนหลายเมือง. ครั้นเข้ามาถึงพระนคร, จึ่งบอกให้ล่ามกราบเรียนเจ้าพระยาพระคลังว่า, จะขอชกมวยพนันกับคนมวยในพระนครนี้. เจ้าพระยาพระคลังจึ่งกราบบังคมทูลพระกรุณา. สมเดจพระพุทธเจ้าหลวงได้ทรงทราบ, จึ่งมีพระราชโองการดำรัศปฤกษาด้วยสมเดจพระอนุชาธิราชเจ้า. ๆ จึ่งกราบทูลว่า, ครั้นจะมิจัดแจงคนมวยออกต่อสู้ด้วยฝรั่ง,ๆเปนคนต่างประเทศ, ก็จะดูหมิ่นว่า, พระนครนี้หาคนมวยดีจะต่อสู้มิได้, ก็จะเสื่อมสูญเสียพระเกียรติยศปรากฎไปทั่วนาๆประเทศทั้งปวง. ข้าพระพุทธเจ้าจะจัดแจงแต่งคนมวยที่มีฝีมือ, ออกต่อสู้กับฝรั่งเอาไชยชำนะให้จงได้. สมเดจพระพุทธเจ้าหลวงก็ทรงเหนชอบด้วย, จึ่งดำรัศให้เจ้าพระยาพระคลังบอกแก่ฝรั่งรับพนันชกมวยกัน, วางเดิมพันเปนเงินห้าสิบชั่ง. ๚ะ

๏ จึ่งสมเดจพระพุทธเจ้าอยู่หัว กรมพระราชวังบวรสถานมงคล, ก็มีพระราชบัณฑูรตรัสสั่งให้จัดหาคนมวยมีฝีมือดีในกรมทนายเลือก, ทั้งพระราชวังหลวง, พระราชวังบวรสถานมงคล, ได้หมื่นผลาญผู้หนึ่ง, เปนทนายเลือกในพระราชวังหลวง, รูปกายล่ำสันฝีมือดีกว่าพวกมวยสิ้นทั้งนั้น. จึ่งดำรัศให้ปลูกพลับพลาใกล้โรงลคอนฝ่ายตวันตก, ณวัดพระศรีรัตนสาศดาราม, ตั้งสนามมวยที่นั้น. ๚ะ

๏ /*ครั้นถึงวันกำหนดจะชกมวยพนันกับฝรั่ง, จึ่งมีพระราชบัณฑูรให้แต่งตัวหมื่นผลาญ, เอาน้ำมันว่านอันอยู่คงโชลมทั่วทั้งกาย, แล้วให้ขี่ฅอคนลงมายังพระราชวังหลวง. ๚ะ

๏ ฝ่ายฝรั่งเสศนายกำปั้นสองคนพี่น้อง, กับพัคพวกบ่าวไพร่, ก็ขึ้นมาสู่ที่สนามมวยในพระราชวัง. สมเดจพระพุทธเจ้าอยู่หัวทั้งสองพระองค, ก็เสดจพระราชดำเนินขึ้นสู่พลับพลาทอดพระเนตร, พร้อมด้วยพระราชวงษานุวงษ,แลข้าทูลลอองฯผู้ใหญ่ผู้น้อยทั้งปวง, จึ่งให้เอาเส้นเชือกขึงวงรอบสนาม. สมเดจพระพุทธเจ้าอยู่หัวกรมพระราชวังบวรฯ เสดจสถิตยบนพลับพลาชั้นลดที่สอง,เตรียมพระองค์คอยทีอยู่. ดำรัศให้พวกทนายเลือกทั้งพระราชวังหลวง,พระราชวังบวรฯ เตรียมตัวอยู่พร้อมกัน. จึ่งหมื่นผลาญกับฝรั่งคู่มวย, ก็เข้ามากราบถวายบังคมในกลางสนาม,แล้วยืนตั้งท่าเข้าชกกัน. แลฝรั่งนั้นล้วงมือจะจับหักกระดูกไหปร้าหมื่นผลาญ,ๆยกมือขึ้นกันแล้วชกพลางถอยพลาง. ฝรั่งถูกต้องหมัดมิได้ฟกช้ำ,ตั้งแต่ท่าล้วงอย่างเดียวไล่ตามมาจนใกล้วงเชือกซึ่งขึงไว้. ๚ะ

๏ ฝ่ายฝรั่งพี่ชายเหนดั่งนั้น, จึ่งยืนขึ้นข้างหลังหมื่นผลาญ, ยกมือขึ้นผลักหมื่นผลาญให้เลื่อนเข้ากลางวงจะให้น้องชายหักไหปร้า. สมเดจพระพุทธเจ้าอยู่หัวกรมพระราชวังบวรฯ, ทอดพระเนตรเหนดั่งนั้น, ก็ทรงพระพิโรธดำรัศว่า, เล่นชกพนันกันแต่ตัวต่อตัว, ไฉนจึ่งช่วยกันชกเปนสองคนเล่า. ก็เสดจโดดลงจากพลับพลา, ยกพระบาทถีบเอาฝรั่งพี่ชายล้มลง ขณะนั้นพวกทนายเลือก,ก็วิ่งตรูกันเข้าชกต่อยปะเตะ,ถีบทุบถองฝรั่งทั้งสองคนพี่น้องเจ็บป่วยเปนสาหัส, แล้วลากออกไปจากสนามมวย. พวกบ่าวไพร่ฝรั่งก็เข้าแบกหามนายลงไปยังกำปั่น. สมเดจพระพุทธเจ้าหลวงจึ่งดำรัศสั่งพระราชทานหมอนวดหมอยา, ให้ลงไปรักษาพยาบาล,ฝรั่งทั้งสองหายป่วยแล้ว, ก็บอกล่ามให้กราบเรียนเจ้าพระยาพระคลัง, ให้ช่วยกราบทูลถวายบังคมลา, แล้วถอยกำปั่นเลื่อนลงไปจากพระนคร, ออกจากปากน้ำเมืองสมุทปราการ, ตกถึงท้องทเลใหญ่, แล้วใช้ใบกลับไปเมืองฝรั่งเสศ, แต่นั้นกำปั่นฝรั่งเสศ, มิได้เข้ามาสู่พระนครสืบไปอีกเลย. ๚ะ

๏ ในปีวอกสัมฤทธิศกนั้น, สมเดจพระเจ้าลูกเธอพระองค์ใหญ่, เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร, พระชนมายุครบ ๒๑ พรรษา, ควรจะทรงบรรพชาอุปสมบท. แต่สมเดจพระเจ้าหลานเธอ, เจ้าฟ้ากรมหลวงนรินทรรณเรศร, เจ้าฟ้ากรมหลวงเทพหริรักษ, ทั้งสองพระองคนั้น, พระชนมายุเกินอุปสมบทแล้ว, ยังหาได้ทรงผนวชเปนภิกษุไม่. สมเดจพระพุทธเจ้าอยู่หัวทั้งสองพระองค, จึ่งทรงพระกรุณาโปรดอนุญาตให้ออกทรงผนวชทั้งสามพระองค,. ๚ะ

๏ ครั้นณวันอาทิตยเดือนแปดขึ้นค่ำหนึ่งเพลาเช้าสามโมง, สมเดจพระพุทธเจ้าอยู่หัวทั้งสองพระองค, ก็เสดจพระราชดำเนินสู่พระอุโบสถ, วัดพระศรีรัตนสาศดาราม. พร้อมด้วยพระสงฆ์ราชาคณะ, แลพระราชวงษานุวงษ, ท้าวพระยามุขมนตรีทั้งหลาย, สโมสรสันนิบาตโดยอันดับ. จึ่งเสนาบดีปฤกษาให้สมเดจพระเจ้าลูกเธอ, เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทรทรงผนวชก่อน, ถึงอ่อนพระชันษาก็เปนลูกหลวงเอก, มีบันดาศักดิ์สูงกว่า. พระเจ้าหลานเธอทั้งสองพระองคนั้น, เปนพระราชบุตรสมเดจพระเจ้าพี่นางเธอ พระชันษาแก่กว่าก็จริง, แต่บันดาศักดิ์ตำกว่าพระเจ้าลูกเธอ, ให้ทรงผนวชทีหลัง. ครั้นเสร็จอุปสมบทแล้ว, สมเดจพระพุทธเจ้าอยู่หัวทั้งสองพระองค,ก็เสดจกลับเข้าพระราชวัง. ๚ะ

๏ ในปีวอกสัมฤทธิศกนั้น, พระบาทสมเดจบรมบพิตรพระพุทธเจ้าหลวง, ทรงพระราชรำพึงถึงพระไตรยปิฎกธรรม, อันเปนมูลรากแห่งพระปริญัติสาศนา, ทรงพระราชศรัทธาพระราชทานพระราชทรัพยเปนอันมาก, ให้เปนค่าจ้างช่วงจานจาฤกพระไตรยปิฎกลงลาน. แต่บันดามีฉบับในที่ใดๆ ที่เปนอักษรลาว,อักษรรามัญ, ก็ให้ชำระแปลงออกเปนอักษรขอม, สร้างขึ้นใส่ตู้ไว้ในหอพระมณเฑียรธรรม. แลสร้างพระไตรยปิฎกถวายพระสงฆให้เล่าเรียนทุกๆ พระอารามหลวงตามความปราถนา. จึ่งจมื่นไวยวรนารถกราบทูลว่า, พระไตรยปิฎกซึ่งทรงพระราชศรัทธาสร้างขึ้นไว้ทุกวันนี้, อักขรบทพยัญชนตกวิปลาดอยู่แต่ฉบับเดิมมา, หาผู้จะทำนุบำรุงตกแต้มดัดแปลงให้ถูกต้องบริบูรณขึ้นมิได้. ครั้นได้ทรงสดับก็ทรงพระปรารพภไปว่า, พระบาฬี, แลอัฐกถาฎีกา, พระไตรยปิฎกทุกวันนี้, เมื่อผิดเพี้ยนพิปลาศอยู่เปนอันมากฉนี้, จะเปนเค้ามูลพระปฏิปัติสาศนา,แลปฏิเวธสาศนานั้นมิได้. อนึ่งท่านผู้รักษาพระไตรยปิฎกมีอยู่ทุกวันนี้ก็น้อยนัก, ถ้าสิ้นท่านเหล่านี้แล้วเหนว่า, พระปริญัติสาศนา, แลปฏิปัติสาศนา, แลปฏิเวธสาศนา, จะเสื่อมสูญเปนอันเรวนัก, สัตวโลกยทั้งปวงจะหาที่พึ่งมิได้ในอนาคตกาลเบื้องน่า. ควรจะทำนุกบำรุงพระบวรพุทธสาศนาไว้ให้ถาวรวัฒนากาล, เปนประโยชนไปแก่เทพามนุษทั้งปวง, จึ่งจะเปนทางพระบรมโพธิญาณบารมี. ๏ ครั้นทรงพระราชดำริหฉนี้แล้ว, จึ่งให้ประชุมพระราชวงษานุวงษ, มีสมเดจพระอนุชาธิราชกรมพระราชวังบวรฯ เปนประธาน, บนพระที่นั่งอมรินทราภิเศกมหาปราสาท, ให้อาราธนาสมเดจพระสังฆราช, พระราชาคณะ,ถานานุกรม,ปเรียญติ์,ร้อยรูปมารับพระราชทานฉัน. ครั้นเสรจสงฆภุตตากิจแล้ว, สมเดจบรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัวทั้งสองพระองค, จึ่งทรงถวายนมัศการดำรัศเผดียงถามพระราชาคณะทั้งปวงว่า, พระไตรยปิฎกธรรมทุกวันนี้, ยังถูกต้องบริบูรณอยู่ฤๅพิรุทผิดเพี้ยนประการใด. จึ่งสมเดจพระสังฆราชพระราชาคณทั้งปวง, พร้อมกันถวายพระพรว่า, พระบาฬี, แลอัฐกถาฎีกา, พระไตรยปิฎกทุกวันนี้พิรุทมากมาช้านานแล้ว, หากระษัตริย์พระองคใดจะทำนุกบำรุงให้เปนศาสนูปถัมภกมิได้, แต่กำลังอาตมาภาพทั้งปวง, ก็คิดจะใคร่ทำนุกบำรุงอยู่เหนจะไม่สำเร็จ. แลการเมื่อพระสรรเพชรพระพุทธองค, ผู้ทรงพระทัศอรหาธิคุณอันประเสริฐ. เมื่อพระองคบันทมเหนือพระมรณมัญจาพุทธาอาศน, เปนอนุฐานไสยาศนณหว่างนางรังทั้งคู่, ในสาลวโนทยานแห่งพระยามลราช, ใกล้กรุงกุสินารายนราชธานี, มีพระพุทธฎีกาตรัสแก่พระภิกษุทั้งหลายว่า, ดูกรสงฆทั้งปวง, พระธรรมวินัยอันใดทั้งแปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์, อันพระตถาคตเทศนาสั่งสอนท่าน. เมื่อพระตถาคตนิพพานแล้ว, พระธรรมแปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์นั้น,จะเปนครูสั่งสอนท่าน,แลสรรพสัตวทั้งหลาย, ต่างพระตถาคตแปดหมื่นสี่พันพระองค. ตรัสมอบพระพุทธสาศนาไว้แก่พระปริญัติธรรมฉนี้แล้ว,ก็เข้าสู่พระปรินิพพาน. จำเดิมแต่สมเดจพระสัพพัญูเจ้านิพพาน, ถวายพระเพลิงแล้วเจ็ดวัน. พระมหากัศสยปเจ้ารฦกถึงถ้อยคำพระสุภัทธภิกษุแก่, กล่าวติเตียนพระบรมครูเปนมูลเหตุ. จึ่งดำริหการจะกระทำสังคายนาย, เลือกสันพระภิกษุสงฆ์ทั้งหลายล้วนพระอรหันต,ทรงพระจตุปฏิสัมภิทาญาณ, กับพระอานนทเปนเสกขบุทคลพระองคหนึ่ง, ได้พระอรหัต. ในราษตรีรุ่งขึ้นจะทำสังคายนา, ภอครบห้าร้อยพระองค, มีพระเจ้าอชาตสัตรูเปนสาสนูปถัมภก, กระทำสังคายนายพระไตรยปิฎกในพระมณฑปแทบถ้ำสัตบันณคูหา, ณเขาเวภารบรรพตใกล้กรุงราชคฤหมหานครเจดเดือนจึ่งสำเรจการปฐมสังคายนาย. ๚ะ

๏ จบเล่ม ๓๙ สมุดไทย. ๚ะ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ