๒๓

๏ ในปีมเมียจัตวาศกนั้น สมเดจ์พระพุทธเจ้าอยู่หัวเสดจ์ออกณะพระที่นั่งสุริยามรินทร์ มีพระราชหฤไทยปราถนาจะใคร่เสด็จไปประภาษล้อมช้างเถื่อนในป่า จึ่งมีพระราชดำรัศสั่งสมุหนายกให้ตรวจเตรียมช้างม้ารี้พลแลนาวาพยุหทั้งปวงให้พร้อมไว้ ครั้นถึงวันอันกำหนด จึ่งเสด็จลงสู่เรือพระที่นั่งพรั่งพร้อมด้วยเรือพระบรมโอรสาธิราชเจ้า แลเรือท้าวพระยาเสนาบดีพิริยโยธาพลากรทวยหารทั้งหลาย แวดล้อมโดยเสด็จพระราชดำเนินเปนอันมาก จึ่งให้เคลื่อนขยายขบวนนาวาพยุหไปโดยลำดับชลมารค ครั้นถึงท่าเรือแขวงเมืองนครสวรรค์ จึ่งเสด็จขึ้นตั้งตำหนักทับพลับพลาอยู่ตำบลบ้านหูกวาง แล้วทรงพระกรุณาให้ตั้งค่ายปีกกาล้อมฝูงช้างเถื่อนณะป่ายางกองทอง แลให้ทำค่ายมั่นสำหรับจะกันช้างเถื่อนเข้าจับนั้น แลให้เหล่าช้างเชือกไปไล่ล้อมกันช้างเถื่อนมาเข้าค่ายมั่น ครั้งนั้นเปนเทศกาลวรรษรดูฝนตกน้ำนองท่วมไปทั้งป่า คนทั้งหลายซึ่งทำค่ายนั้นลุยน้ำทำการเร่งรัดกันตั้งค่ายล้อมทั้งกลางวันกลางคืน จนท้าวนั้นเปื่อยทนทุกข์ลำบากเวทนาป่วยเจ็บทุพลภาพมาก อดอาหารซูบผอมล้มตายก็มาก หนึ่งในที่รหว่างค่ายหลวงที่ประทับ แลที่ค่ายล้อมช้างต่อกันนั้น มีบึงหนึ่งใหญ่หลวงขวางอยู่หว่างกลาง สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะเสด็จไปทอดพระเนตร ให้กันฝูงช้างเถื่อนเข้าจับในค่ายมั่น แลทางซึ่งเดินลัดตัดตรงไปค่ายล้อมนั้น ต้องผ่าข้ามบึงใหญ่นั้นไปจึ่งใกล้ ถ้าแลจะเดิรหลีกไปให้พ้นบึงนั้น มีระยะทางอ้อมวงไปไกลนัก จึ่งมีพระราชโองการตรัสสั่งสมเด็จพระเจ้าลูกเธอทั้งสองพระองค์ ให้เปนแม่กองกะเกนคนถมถนลหลวงเปนทางสถลมารคข้ามบึงใหญ่นั้นไป ให้สำเร็จแต่ในเพลากลางคืนวันนี้ รุ่งสางขึ้นจะเสด็จพระราชตำเนินข้ามข้างพระที่นั่งไป แลให้เร่งรัดกระทำการให้แล้วทันตามพระราชกำหนด จึ่งสมเด็จพระเจ้าลูกเธอทั้งสองพระองค์รับสั่งแล้ว ก็ออกไปกะเกนผู้คนในกองหลวงได้หมื่นเสศ แบ่งปันน่าที่กันทำการถมถนลข้ามบึงใหญ่แต่ในกลางคืน บ้างขุดมูลดินแลตัดไม้น้อยใหญ่ทิ้งถมลงไป แล้วเอาช้างลงเหยียบให้ที่แน่น แลเร่งรัดกันทำการถมถนลทุบปราบราบรื่นแล้ว ตลอดถึงฝั่งฝากข้างโน้นเสร็จแต่ในกลางคืน แล้วเสด็จกลับเข้ามากราบทูลพระกรุณาว่า ทางสถลมารคนั้นแล้วเสร็จดุจพระราชกำหนด ครั้นเพลาประจุไสมย จึ่งพระบาทสมเด็จบรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัว ก็เสด็จขึ้นเกยทรงช้างต้นพลายสังหารคชสีห์ เปนพระคชาธาร พรั่งพร้อมด้วยข้างพระที่นั่งพระราชบุตร แลช้างท้าวพระยาเสนามาตย์ราชพยุหโยธาพลากรเดินท้าวทั้งหลาย แวดล้อมโดยเสด็จพระราชดำเนินเปนอันมาก จึ่งเสด็จยาตราพระคชาธารไปโดยวิถีสถลมารคข้ามบึงนั้น ครั้นไปถึงกลางบึง แลที่นั่นเปนหล่มฦกนัก ถมทุบปราบไม่สู้แน่น แลเท้าหน้าช้างต้นนั้นเอยียบถลำจมลงไป แล้วกลับถอนขึ้นได้ จึ่งค่อยจ้องจดยกย่างต่อไป สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ทรงพระพิโรธ แก่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอทั้งสองพระองค์นั้นยิ่งนัก ตำรัศว่าอ้ายสองคนนี้มันเหนว่ากูแก่ชราแล้ว จึ่งชวนกันคิดเปนกระบถ แลทำถนลให้เปนพลุะหล่มไว้ หวังจะให้ช้างซึ่งกูขี่นี้เอยียบถลำหล่มล้มลง แล้วมันจะชวนกันฆ่ากูเสียหมายจะชิงเอาราชสมบัติ แลพระองค์ตรัสเท่าดั่งนั้นแล้ว ก็ขับพระคชาธารไปตามแถวถนลข้ามพ้นบึงขึ้นฝั่ง จึ่งแปรพระภักตรเหลือบพระเนตรมาข้างเบื้องพระปฤษฎางค์ ทอดพระเนตรเหนช้างพระที่นั่งสมเด็จพระเจ้าลูกเธอทั้งสองพระองค์ ตามเสด็จติดท้ายช้างพระคชาธารมา ก็ยิ่งทรงพระพิโรธนัก จึ่งเยื้องพระองค์ทรงพระแสงฃอง้าวเงื้อจะฟันเอาพระเศียรสมเด็จพระเจ้าลูกเธอกรมพระราชวังบวร จึ่งสมเด็จพระเจ้าลูกเธอพระบัณฑูรน้อย ก็เอาด้ำพระแสงขอซึ่งทรงอยู่นั้นยกขึ้นกันรับพระแสงของ้าวไว้ได้ด้วยฉับไว มิได้ต้องพระเชษฐาธิราชเจ้าด้วยพระองค์ทรงชำนิชำนาญในการกระบี่กระบอง มวยปล้ำว่องไวสันทัดอยู่ แล้วจึ่งเอาช้างทรงเข้ากันช้างพระเชษฐาธิราชเจ้า แลภากันขับช้างพระที่นั่งแล่นหนีไป สมเด็จพระบรมราชบิตุรงค์ก็ยิ่งทรงพระพิโรธเปนกำลัง แลไสช้างพระที่นั่งไล่ติดตามช้างสมเด็จพระเจ้าลูกเธอทั้งสองพระองค์ไป ในทันใดนั้น ฝ่ายควานซึ่งอยู่ท้ายช้างพระที่นั่งนั้นเหนว่า ช้างสมเด็จพระเจ้าลูกเธอทั้งสองจะหนีไปมิพ้น จึ่งเอาขอท้ายเกี่ยวท้ายช้างพระที่นั่งเข้าไว้ค่อยรอช้าลง แลสมเด็จพระเจ้าลูกเธอทั้งสองพระองค์ ความกลัวพระราชอาญาเปนกำลัง ก็รีบขับช้างพระที่นั่งแล่นหนีบุกป่าไป แลช้างพระคชาธารจะไล่ติดตามมิทัน จึ่งมีพระราชโองการตรัสร้องประกาษไปแก่ข้าทูลลอองธุลีพระบาททั้งปวงว่า ท่านทั้งหลายจงช่วยกันติดตามจับเอาตัวอ้ายขบถสองคนมาให้เราจงได้ แล้วบ่ายพระคชาธารกลับมายังพลับพลาที่ประทับนั้น ส่วนตำรวจแลข้าราชการทั้งหลาย ก็ติดตามไปภบเสด็จสมเด็จพระเจ้าลูกเธอทั้งสองพระองค์แล้ว ก็นำเอามาถวายณะค่ายหลวง จึ่งมีพระราชดำรัศสั่งให้ลงพระราชอาญาเฆี่ยนสมเด็จพระเจ้าลูกเธอทั้งสองพระองค์นั้นได้ยกหนึ่ง ๓๐ ทีแล้ว ให้พันทนาเข้าไว้ด้วยสังขลิกพันท์ แล้วดำรัศสั่งว่า ให้ลงพระราชอาญาเฆี่ยนรับเสด็จเพลาเช้ายกหนึ่ง เอย็นยกหนึ่ง เปนนิจทุกวัน ๆ ไป อย่าได้ขาด กว่าจะเสด็จพระราชดำเนินกลับลงไปพระนคร ๚ะ

๏ ขณะนั้นนายผลข้าหลวงเดิมคนหนึ่ง เข้าไปเฝ้าเยือนสมเด็จพระเจ้าลูกเธอทั้งสองพระองค์ในเรือนโทษ จึ่งมีพระบัณฑูรตรัสว่า อ้ายผล บัดนี้สมเด็จพระราชบิดาทรงพระพิโรธ ตำรัศสั่งให้ลงพระราชอาญาแก่กูทั้งสองทุกเพลาเช้าเอย็นเปนนิจทุกวัน ๆ กว่าจะเสด็จกลับลงไปณะกรุง แลกูทั้งสองจะทนพระราชอาญาไปได้ฤๅ จะมิตายเสียก่อนฤๅ เองจะคิดประการใด นายผลได้ฟังดังนั้น จึ่งคิดเหนว่าจะพ้นไภยได้ จึงกราบทูลว่า ขอพระราชทาน จงตำรัศสั่งให้ตำหรวจเอาเรือเรวรีบลงไปทูลเชิญเสด็จสมเด็จพระอายกีกรมพระเทพามาตย์ ซึ่งเสด็จอยู่ณะพระตำหนักริมวัดดุษิดนั้น ขึ้นมาช่วยกราบทูลขอโทษ เหนว่าจะทรงพระกรุณาโปรดพระราชทานให้เปนมั่นคง ด้วยเหนว่ากรมพระเทพามาตย์นี้ มีพระคุณุปการเปนอันมาก ได้อุประถำบำรุงเลี้ยงรักษาสมเด็จพระราชบิดามาแต่ทรงพระเยาว์นั้น จะว่าไรก็ว่ากันได้เหนจะขัดกันมิได้ แลซึ่งจะอุบายคิดอ่านไปอย่างอื่นนั้น เหนว่าจะมิพ้นโทษ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอทั้งสองพระองค์ ตรัสได้ทรงฟังดังนั้นก็เหนชอบด้วย ทรงพระปีติโสมนัศยิ่งนัก จึ่งมีพระบัณฑูรตรัสใช้หลวงกระเสตรรักษา ให้เอาเรือเรวรีบลงไปเฝ้าสมเด็จพระอายกีกรมพระเทพามาตย์ให้ทูลโดยมูลเหตุทั้งปวงนั้น ให้ทราบสิ้นทุกประการ แล้วจงทูลว่า เราทั้งสองพี่น้องขอถวายบังคมมา แทบฝ่าพระบาทสมเด็จพระอายกีเจ้า ขอจงทรงพระกรุณาโปรดเชิญเสด็จขึ้นมา ช่วยทูลขอพระราชทานโทษข้าพเจ้าทั้งสองโดยเรวเถิด ข้าพเจ้าทั้งสองจึ่งจะรอดจากความตาย แลซึ่งบุคลผู้ใดจะมาเปนที่พึ่งพำนักนิ์ ช่วยชีวิตรข้าพเจ้าทั้งสอง ในครานี้เหนไม่มีตัวแล้ว แลหลวงกระเสตรรักษารับสั่งแล้ว ก็มาลงเรือเรวรีบลงไปณะกรุงสามวันก็ถึง จึ่งเข้าไปเฝ้ากรมพระเทพามาตย์ณะพระตำหนักริมวัดดุษิดนั้น แล้วกราบทูลโดยมีพระบัณฑูรสั่งมานั้นทุกประการ ๚ะ

๏ สมเด็จพระอายกีได้ทรงฟังดังนั้น ก็ตกพระไทย จึ่งตรัสเรียกข้าหลวงสาวใช้ สั่งให้ฝีภายผูกเรือพระที่นั่ง มาประเทียบท่าเปนการเรว แล้วเสด็จโดยด่วนลงเรือพระที่นั่งให้รีบเร่งฝีภายขึ้นไป หลวงกระเสตรรักษาเปนเรือนำเสด็จ รีบเร่งไปทั้งกลางวันกลางคืน สี่วันก็ถึงท่าเรือประทับ จึ่งเสด็จขึ้นไปเฝ้าสมเดจพระเจ้าแผ่นดิน ณะพระตำหนักทับพลับพลานั้น ๚ะ

๏ จึ่งพระบาทสมเดจบรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัว ตรัสทอดพระเนตรเหนกรมพระเทพามาตย พระราชมารดาเลี้ยงเสดจขึ้นมา ก็กระทำประจุคมนาการต้อนรับเชิญเสดจให้ขึ้นนั่งร่วมราชาอาศน์ ทรงถวายอภิวาทแล้วตำรัศถามว่า ซึ่งเจ้าคุณขึ้นมานี้ด้วยมีกิจธุระเปนประการใด จึ่งกรมพระเทพามาตยกราบทูลว่า ได้ยินข่าวลงไปว่าพระราชบุตรทั้งสองมีโทษ จึ่งอุษาห์ขึ้นมาทั้งนี้ เพื่อจะทูลขอพระราชทานโทษ จึ่งมีพระราชโองการตรัสเล่าให้กรมพระเทพามาตยฟังว่า อ้ายสองคนนี้มันคิดการเปนขบถ เดิมข้าพเจ้าให้มันเปนแม่กองถมถนนข้ามบึง มันแซ่งทำเปนพลุะหล่มไว้ ให้ช้างซึ่งข้าพเจ้าขี่นั้นเอยียบถลำลง แล้วมันจะชวนกันฆ่าข้าพเจ้าเสีย จะเอาราชสมบัติ กรมพระเทพามาตย์จึ่งกราบทูลว่า อันพระราชบุตรทั้งสองนี้ เปนลูกเพื่อนทุกข์เพื่อนยากของพ่อมาแต่ก่อน แลซึ่งจะคิดการขบถประทุษร้ายต่อพ่อนั้นหามิได้ แล้วกรมพระเทพามาตย์กราบทูลวิงวอนขอพระราชทานโทษเปนหลายครั้ง จึ่งทรงพระกรุณาโปรดพระราชทานโทษให้แก่กรมพระเทพามาตยนั้น แล้วมีพระราชตำรัศมอบให้แก่กรมพระเทพามาตยว่า เจ้าคุณจงเอามันทั้งสองนั้น ลงไปเสียด้วยเถิด อย่าให้มันอยู่ด้วยข้าพเจ้านี้เลย ถ้าแลจะเอามันไว้ที่นี้ด้วยข้าพเจ้าไซ้ มันก็จะคิดการขบถมฆ่าข้าพเจ้าเสียอิกเปนมั่นคง แลกรมพระเทพามาตยรับสั่งแล้ว ก็ออกไปถอดสมเดจพระเจ้าลูกเธอทั้งสองพระองค์ออกจากโทษ แล้วทูลลาสมเดจพระเจ้าแผ่นดิน ภาเอาสมเดจพระเจ้าลูกเธอทั้งสองพระองค์มาลงเรือพระที่นั่ง แล้วเสดจกลับลงมายังกรุงเทพมหานคร ๚ะ

๏ ส่วนสมเดจพระเจ้าแผ่นดิน ก็เสดจด้วยช้างพระที่นั่ง แลช้างดั้งช้างกันไปถอดพระเนตรให้กันช้างเถื่อนเข้าค่ายมั่น แล้วจับช้างเถื่อนได้ครั้งนั้นมาก ประมาณร้อยมีเสศ แล้วเสดจกลับยังพระมหานครศรีอยุทธยา ๚ะ

๏ ฝ่ายสมเดจพระเจ้าลูกเธอทั้งสองพระองค์ ก็เสดจมาเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทตามเคยมาแต่ก่อน แลสมเดจพระราชบิดาก็สิ้นความพิโรธ ทรงพระกรุณาตำรัศสั่งกิจราชการงานพระนคร ดีเปนปรกติไม่เหมือนแต่ก่อนนั้น ๚ะ

๏ ในขณะนั้นเจ้าพระบำเรอภูธรราชินิกูลองค์หนึ่ง เปนเชื้อพระวงษมาแต่ก่อน สมเดจพระเจ้าอยู่หัว ก็ทรงพระกรุณาแก่เจ้าพระบำเรอภูธรนั้นเปนอันมากว่า มีน้ำใจสัจซื่อต่อแผ่นดิน แลทรงพระกรุณาตำรัศใช้กิจราชการทั้งปวงต่างพระเนตรพระกรรณ์ แลเจ้าพระบำเรอภูธรนั้นมีบุตรสี่องค์ ชื่อพระองค์รัตนาองค์หนึ่ง พระองค์เอี้ยงองค์หนึ่ง พระองค์ขาวองค์หนึ่ง พระองค์พลับองค์หนึ่ง แลพระองค์รัตนานั้น ทรงพระกรุณาเอาเข้ามาเลี้ยงเปนพระสนมเอก แลพระองค์เอี้ยงนั้น ทรงพระกรุณาพระราชทานให้แก่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ กรมพระราชวังบวร แลพระองค์ขาวนั้น ก็พระราชทานให้แก่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ พระบัณฑูรน้อย แต่พระองค์พลับน้องน้อยนั้นยังเยาว์อยู่ยังมิได้โสกรรต์ แลพระองค์รัตนาซึ่งเปนพระสนมเอกนั้น สมเดจพระเจ้าแผ่นดิน ก็ทรงเสน่หาการุญภาพโปรดปรานเปนอันมาก ครั้นอยู่มาพระองค์รัตนานั้น ก็มิได้ตั้งอยู่ในกตัญูกัตเวที ต่อสมเดจพระเจ้าแผ่นดินโดยสุจริตธรรม ก็คิดการเปนทุจริต แลให้หาหมอทำเสน่ห์ หวังจะให้สมเดจพระเจ้าแผ่นดินทรงพระเสน่หารักษใคร่หลุ้มหลง แลทาษีในเรือนนั้นรู้เหตุ จึ่งเอาการอันเปนคุยรหัษนั้น ไปแจ้งแก่ท้าวนางผู้ใหญ่ ๆ นั้นก็เอาเหตุนั้นขึ้นกราบทูลพระกรุณาให้ทราบ จึ่งทรงพระกรุณาให้เอาตัวพระองค์รัตนามาพิจารณาไต่สวนไล่เลียงลืบสาวเอาตัวหมอผู้ทำนั้นด้วย ครั้นเปนสัจแท้แล้ว ก็ให้ลงพระอาญาแก่พระองค์รัตนา แล่หมอผู้ทำเสน่ห์ กับทั้งเจ้าพระบำเรอภูธร ผู้เปนบิดานั้นถึงสิ้นชีวิตร ๚ะ

๏ ครั้นอยู่มาสมเดจพระเจ้าลูกเธอกรมฝ่ายในเจ้าฟ้าหญิง ทรงพระประชวรวัณโรคฝีคัณฑมาลานิพาน จึ่งทรงพระกรุณาให้ทำการฌาปนะกิจ พระราชทานเพลิง ณะพระอารามวัดไชยวัฒนาราม ตามอย่างลูกหลวงเอก แล้วทรงสดัปกรณ์พระสงฆ์เปนอันมาก โดยสมควรแก่ยศถาศักดิ์นั้น ๚ะ

๏ ครั้งนั้นสมเดจพระเจ้าแผ่นดิน มีพระราชหฤไทยกักขะละหยาบช้าทารุณร้ายกาจ ปราศจากกุศลสุจริต ทรงประพฤติผิดพระราชประเพณี มิได้มีหิริโอตปะ แลพระไทยหนาไปด้วยอกุศลลามก มีวิตกในโทสะมูลโมหะมูลเจือไปในจิตรสรรดารเปนนิรันตรมิได้ขาด แลพระองค์ทรงเสวยน้ำจันขาวอยู่เปนนิจ แล้วมักยินดีในการอันสังวาศด้วยนางกุมารีอันยังมิได้มีระดู ถ้าแลนางใดอุษาห์อดทนได้ ก็พระราชทานรางวัลเงินทองผ้าแพรพรรณต่าง ๆ แก่นางนั้นเปนอันมาก ถ้านางใดอดทนมิได้ไซ้ ก็ทรงพระพิโรธแลทรงประหารลงที่ประฉิมุราประเทศ ให้ถึงแก่ความตาย แล้วให้เอาโลงเข้ามาใส่สพนางนั้น ออกไปทางประตูพระราชวังข้างท้ายสนมนั้นเนือง ๆ แลประตูนั้นก็เรียกว่าประตูผีออก มีมาตราบเท่าทุกวันนี้ ๚ะ

๏ อยู่มาครั้งหนึ่ง สมเดจพระเจ้าอยู่หัวเสดจด้วยพระชลมารคพาหนะ ออกไปประภาษณะเมืองเพชรบุรี แลเสดจไปประทับแรมอยู่ณะพระราชนิเวศตำบลโตนดหลวง ใกล้ฝั่งพระมหาสมุท แลที่พระตำหนักนี้ เปนที่พระตำหนักเคยประภาษมหาสมุทมาแต่ก่อน ครั้งแผ่นดินสมเด็จพระนเรศวรบรมราชาธิราชบพิตรเปนเจ้านั้น แลสมเดจพระเจ้าแผ่นดินก็เสดจด้วยพระที่นั่งมหานาวาท้ายรถ แล่นไปประภาษในท้องพระมหาสมุท ตราบเท่าถึงตำบลเขาสามร้อยยอด แลทรงเบ็ดตกปลาฉลาม แลปลาอื่นเปนอันมากแล้ว เสดจกลับมาณะตำหนักโตนดหลวง แลเสดจเที่ยวประภาษอยู่ดังนั้นประมาณสิบห้าเวน จึ่งเสดจกลับยังกรุงเทพมหานคร ๚ะ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ