ฟ้าสว่างหลังพายุฝน

ตลอดเวลาที่ไซหมึ่งเข่งประนีประนอมกับนางฮวยลีปังอยู่ในห้องนอนของนางนี้ นางเง็กเล้าและนางพัวกิมเน้ยได้ยืนแอบฟังอยู่หน้าประตู แต่ว่าทั้งสองนางมิอาจยินคำใดได้ถนัด ทั้งนี้เพราะสามีได้ปิดประตูหน้าต่างไว้มิดชิด หนำซ้ำนอกจากชุนบ๊วยแล้ว เขาไม่ยอมให้ผู้ใดใครทั้งสิ้นเข้าไป และตลอดเวลาชุนบ๊วยก็คงยืนคอยเฝ้ารับคำสั่งท่านตั้วกัวยิ้งอยู่แต่ข้างภายนอก มิได้ล่วงกรายเข้าไปเลย ข้างว่าสองศรีภริยาคนอยากรู้ผู้นั้นเล่า นางก็เฝ้าสดับตรับฟังข่าวอยู่ด้วยความเร่งร้อนและกระวนกระวายต่อพฤติการณ์เงียบข้างภายในเช่นกัน ทั้งสองสู้อุตส่าห์ขะเย้อแขย่งสอดตาดูทางร่องฝาที่แง้มแงะข้างประตู ซึ่งก็เห็นบ้างไม่เห็นบ้าง เพราะแสงเทียนในห้องนอนนั้นริบหรี่เหลือเกิน หนักเข้าบัวคำก็เลยนึกอิจฉาสาวใช้ที่มีโชคดีได้เห็นเหตุการณ์ใกล้ชิดกว่านาง.

“ดูชุนบ๊วยซิ มันดีกว่าเรานัก อะไร ๆ มันก็ได้เห็นหมด” บัวคำกระซิบบอกแก่นางซัมเจ๊.

ซึ่งชุนบ๊วยเจ้าก็น่าจะให้สองนายสาวอิจฉาดอก เพราะว่าสองหูสองตาของเจ้าได้รู้ได้เห็นอะไรดีๆ ที่ใคร ๆ ไม่ได้รู้ได้เห็นทั้งสิ้น และด้วยความที่ชุนบ๊วยอยากจะรู้จะเห็นอะไร ๆ ให้มากขึ้นอีก เจ้าก็เดินเลาะไปเลาะมาอยู่ริม ๆ ห้องจนกระทั่งมาจ๊ะเอ๋เอาเข้ากับสองแม่นายสาวที่ยืนซุ่มตัวอยู่.

บัวคำพอรู้สาวสาวใช้ยืนอยู่ใกล้ ๆ ก็ค่อยกระซิบถามว่า “ข้างในเขากำลังทำอะไรกันอยู่?” ชุนบ๊วยก็ตอบว่า “ตั้วกัวยิ้งกำลังบังคับให้นางลั่กเจ๊เปลื้องเสื้อผ้าอยู่ แต่ลั่กเจ๊ไม่ยอมตั้วกัวยิ้งโกรธก็เลยเฆี่ยนใหญ่”

“แล้วเวลานี้นางลีปังถอดเสื้อผ้าหมดหรือยังเล่า?” เสียงบัวคำถามสืบไปอีกอย่างใคร่รู้.

“หมดแล้วละ นางกำลังคุกเข่าอยู่ ตั้วกัวยิ้งกำลังโกรธใหญ่เชียว!” สาวใช้จาระไนความ.

ข้างนางเง็กเล้าเห็นการชักไม่สู้ดี เกรงไปว่าสามีจะได้ยินเสียงซุบซิบๆ ของตนเข้าก็เลยฉุดนางโง่วเจ๊ไปเสียอีกด้านหนึ่ง แต่ว่าด้านนี้อยู่ไกลออกไปกว่าด้านเมื่อครู่ ทั้งสองนางยืนซุ่มบังเงากำแพงอยู่ภายใต้แสงนวลของจันทร์แจ่มคืนเดือนสิงหาคม ด้วยหัวใจอันกระวนกระวายอย่างบอกไม่ถูก นางคิดว่าไม่ช้าชุนบ๊วยคงจะมาส่งข่าวคืบหน้าให้รู้อีก แต่ที่ไหนได้ยืนคอยเสียจนขาแข็งแล้วชุนบ๊วยก็ไม่เห็นมาสักที.

หนักเข้าบัวคำอดรนทนไม่ได้ ก็เลยพูดแก่นางซัมเจ๊ว่า “เรื่องพรรค์นี้ข้าพเจ้าพอจะทายเหตุการณ์ได้อยู่ อย่างพี่ท่านอย่างข้าพเจ้านี้แหละ เคยรู้เคยเห็นกันมาแล้วมิใช่หรือ ว่านิสัยตั้วกัวยิ้งเป็นอย่างไร เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เชื่อเถอะ นี่ก็ลงรูปเดียวกันอีกน่ะแหละ!”

พอดีได้ยินเสียงประตูเปิด สักครู่เจ้าชุนบ๊วยก็เดินตัวปลิวเฉียดนางไป.

“นั่นเจ้าจะไปข้างไหน ชุนบ๊วย?” ทั้งสองนางชิงกันถาม.

ชุนบ๊วยยิ้ม แต่ก็มิได้ตอบว่ากระไร.

“แวะมานี่หน่อยซิ อีเด็กบ้า เรามีเรื่องจะถาม” บัวคำใช้อำนาจของนายสาวเข้าขู่.

ชุนบ๊วยจึงหยุดและเดินเข้าไปหา แล้วก็เล่าให้นายสาวทั้งสองฟังว่า “ลีปังเจ๊ร้องห่มร้องไห้ขอโทษขอโพยท่านตั้วกัวยิ้งอยู่นาน จนในที่สุดคุณผู้ชายก็ยกโทษให้แล้วช่วยพยุงนางให้ยืนขึ้น สวมเสื้อสวมผ้าให้เสร็จแล้วก็เห็นกอดกัน นี่ก็ใช้ให้ข้าพเจ้าไปเอาเหล้าองุ่นกับอาหารที่ในครัว”

“เห็นมั้ย ไม่มีทั้งฟ้าร้องและฝนตกอย่างที่เราว่า” บัวคำหันไปพูดกะนางเง็กเล้าอย่างผิดหวัง

“ก็แล้วทำไมเจ้าจะต้องเลือกสะเออะหน้าไปเอาอาหารถึงครัวใหญ่ล่ะ?” โง้วเจ๊เมื่อรู้สึกผิดคาดก็เลยพาลขู่สำทับเอากับนางต้นห้องของตัว และว่า “ก็นางลีปังเขาก็มีครัวของเขาเองมิใช่หรือ? เรื่องอะไรเจ้าถึงจะต้องไปที่ครัวใหญ่ หรือเจ้าอยากจะไปให้นางเซาะง้อด่าให้อีก ตามใจนะ ทีนี้เราไม่ช่วยเจ้าดอก”

“ข้าพเจ้าก็ไม่เห็นต้องการให้แม่นายท่านมาช่วย” ชุนบ๊วยแข็งขึ้นมาบ้าง “ข้าพเจ้าทำตามท่านตั้วกัวยิ้งสั่ง เรื่องอะไรจะต้องไปกลัวใคร” พูดแล้วนางสาวใช้ผู้นี้ก็หัวเราะแล้วเดินเลยไป.

“ดีละมึง หน่อยพอมีเจ๊คนใหม่เข้าละก็ทำเจ้าหน้าเจ้าตาดีนัก ระวังให้ดี!” บัวคำสำทับไล่หลังชุนบ๊วยไปอย่างขุ่นเคือง.

แล้วนางก็หันมาปรับทุกข์กับซัมเจ๊ว่า “ดูซิข้าพเจ้าเป็นนายโดยตรงของมันแท้ๆ เวลาจะใช้นางนี่แต่ละทีต้องอ้อนวอนงอนง้อมันอยู่นั่นแล้ว แต่พอคนอื่นเขาเข้ามาอยู่ในบ้านได้ไม่กี่วันเขาใช้มันบ้าง หนอยมันวิ่งปร๋ออย่างกับแมวไปทีเดียว!”

“ถึงข้าพเจ้าก็เหมือนกัน สาวใช้ของข้าพเจ้านั้นก็หยอกเสียเมื่อไหร่” เม่งเง็กเล้าระบายความในอกออกเช่นกัน นางบอกว่าสาวใช้ของนางนั้น เวลานางใช้ละก็ยากเย็นแสนเข็ญนัก แต่พอคุณผู้ชายใช้ละเป็นได้ทันใจ.

ทั้งคู่ยืนสนทนาปรับทุกข์อยู่ด้วยกันสักครู่ ชุนบ๊วยก็ผ่านมาอีก คราวนี้มีนางเง็กเซียวสาวใช้จากเรือนนางดวงแข ช่วยหิ้วเหยือกเหล้าตามมาด้วย พอเห็นสองสาวใช้เดินผ่านหน้าโหงเจ๊อดปากไม่ได้เลยด่าโพล่งเข้าให้อีก “ดีละนะนังตัวดี จำเอาไว้ เราพูดว่าอย่างไรเจ้าไม่เข้าใจหรือ? เราบอกว่าเจ้าอย่าไปรับใช้นางหนูแก่คนนั้น ทำไมเจ้าไม่เชื่อเรา เจ้าจะรับใช้ได้แต่เราคนเดียว ได้ยินไหม?”

ชุนบ๊วยกลับหัวเราะเยาะให้อย่างเห็นขันและโดยมิได้เอาใจใส่ นางสาวใช้ทั้งสองก้มหน้าก้มตาช่วยกันขนสุราอาหารไปให้ตั้วกัวยิ้งตามบัญชา โดยมิได้แยแสต่อคำพูดของนางบัวคำแต่อย่างไร.

เมื่อพัวกิมเน้ยเห็นว่า เหตุการณ์ในห้องนอนนางลีปังมิได้เป็นไปดั่งใจนึกของนางแล้ว นางก็ตุปัดตุป่องกลับไปเรือน และค่าที่อารมณ์ไม่สู้ดีเกี่ยวกับสาวใช้ต้นห้องแข็งข้อ บัวคำก็เลยหงุดหงิดใหญ่ ถึงกับนอนไม่หลับเอาเลยตลอดคืนนั้นทั้งคืน.

ซึ่งเหตุผลในการนอนไม่หลับของบัวค่ำคืนนั้น ต้นฉบับภาษาอังกฤษได้ให้ความกระจ่างไว้ดังนี้

Ah, how the disk of the full moon gleams!

And yet what use are its familiar rays

When for the couch of a strange woman

My lover ruthlessly forsakes my side?

เมื่อถอดเป็นพากย์ไทยแล้วก็พอจะฟังได้ว่า

อ้า, แสงจันทร์แม้จะเป็นคืนเดือนเพ็ญให้ผ่องพรรณสักปานใด!

แต่แสงอันผ่องใจ หาได้มีประโยชน์อันใดต่อเราไม่

ในเมื่อที่นอนของหญิงแปลกหน้า

ได้คงครองเอาชายคนรักผู้อสัตย์ของเราไว้ มิใช่หรือ?

----------------------------

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ