ความลับรั่วไหล

ห้ามไฟไว้อย่าให้ มีควัน
ห้ามสุริยะแสงจันทร์ ส่องไซร้
ห้ามอายุให้หัน คืนเล่า
ห้ามสี่สิ่งนี้ได้ จึ่งห้ามมฤตยู

(โคลงโลกนิติ)

ครั้งนั้นยังมีเด็กน้อยผู้หนึ่งเกิดแก่ตระกูลเกียว (Hiao) มีอายุได้สิบห้าปีและอาศัยอยู่ในตำบลนี้ เขามีอาชีพในทางเร่ขายผลไม้แก่ผู้สัญจรไปมาในตลาด เด็กเกียวผู้นี้เป็นผู้มีสติปัญญาเฉลียวฉลาดและไหวพริบทันผู้ทันคนอยู่ ปรากฏว่าเดิมนั้นเพื่อนเป็นคนตำบลฮุยจิว (Yuen Chow) พึ่งจะอพยพเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านเช็งฮ้อนี้ไม่นานนัก ดังนั้นชาวบ้านจึงมักจะเรียกเขาเล่น ๆ ว่า “ฮุยกอ ๆ” (Little Brother Yuen) จนติดปาก เขามีบิดาผู้ชรามากแล้วอยู่คนหนึ่ง นอกจากนั้นก็หาปรากฏว่า “ฮุยกอ” ผู้นี้มีญาติพี่น้องที่ไหนกับเขาไม่ วันหนึ่ง ๆ เกี่ยวก็ได้อาศัยเร่ขายผลไม้เหล่านี้แหละเป็นค่าอาหารสำหรับสองคนลูกพ่อ ซึ่งในบรรดาลูกค้าขาประจำที่ซื้อส้มสูกลูกไม้ของเขา ก็มีไซหมึ่งเข่งคนหนึ่ง อาศัยที่เป็นคนใจกว้าง จึงปกติฮุยกอมักจะได้เงินรางวัลแถมพกจากไซหมึ่งอยู่เสมอ ๆ ซึ่งความจริงมากเสียกว่าราคาผลไม้อันเขาซื้อจากเกียวหลายเท่านัก.

ดังนั้นอยู่มาวันหนึ่ง เมื่อฮุยกอเที่ยวได้ขายลูกไม้อยู่ในตลาดจนอ่อนใจแล้ว เขาก็นึกถึงตั้วกัวยิ้งผู้ใจดีคนนั้นขึ้นมา จึงออกเที่ยวตระเวนหา เขาเดินอยู่หลายตลบ แต่ก็ไม่เจอะวี่แววท่านเจ้าสัวไซหมึ่งสักที เดินไปเดินมาก็มาเจอเอาชายปากมากผู้หนึ่งเข้า เขาจึงบอกให้เกียวรู้ว่า บุคคลผู้ที่เขาเที่ยวตามหานั้น ทุกวันนี้แอบไปนอนเคล้าเคลียอยู่กับเมียของบู๋ตั้ว ที่ร้านน้ำชายายเห่ง ถนนหินม่วงเป็นประจำ ไปหาที่นั่นเถอะคงจะได้พบแน่.

เท่านี้เองเรื่องของเรื่องที่จะต้องมีอันเป็นก็เกิดขึ้น เพราะนับแต่ที่เจ้าหนุ่มไซหมึ่งลอบผูกสมัครรักใคร่กับนางพัวกิมเน้ย โดยอาศัยร้านน้ำชายายเห่งเป็นทำเลนัดพบนั้น ใช่ว่าจะไม่มีใครรู้ก็หาไม่ ความจริงนั้น ชาวบ้านเขาโจษกันแซ่ดไปหมดแล้ว ก็ลงชั้นคนขายขนมเร่ยังรู้ได้ละก็คนอื่นทำไมจะไม่รู้ แต่เห็นจะมีคนที่ไม่รู้อยู่สักคน ก็คือบู๋ตั้ว คนผู้ผัวที่ถูกนางเมียรูปงามสวมเขาให้นั่นเอง ทั้งนี้เพราะเขามิได้วี่แววอะไรเอาเสียเลย “มีเรี่ยวมีแรงเท่าใดก็หากินไป–หากินไป เพื่อเอามาเลี้ยงลูกเลี้ยงเมีย ก็แล้วใครจะล่วงรู้ไปได้เล่าว่าอยู่ทางหลัง นางเมียจะทรยศ” ดังนั้นข่าวนี้ก็ผ่านหูเขาไป โดยมิเคยได้นึกเฉลียวใจแต่อย่างใด ทั้ง ๆ ที่สุภาษิตเขาก็มีไว้ว่า “ข่าวดีน่ะไม่มีใครค่อยรู้ดอก แต่ถ้าเป็นข่าวร้ายละก็ย่อมระบือไกล.”

ดังนั้น เมื่อฮุยกอได้ฟังชายปากมากบอกเช่นนั้น เพื่อนก็ไม่ฟังเสียงอันใดอีก ขอบอกขอบใจแล้วก็เผ่นแน่วมาหาไซหมึ่งที่ร้านยายเห่งทันที พอดีมาพบเอาตอนยายเฒ่าแกกำลังนั่งปั่นฝ้ายอยู่หน้าร้าน เกียวก็กรากเข้ามาถามแกว่า “ยาย–ยายจำ ถามอะไรหน่อย ไหว้ทีเถอะ––”

ยายเห่งเหลือบขึ้นมองดูหน้าเจ้าเด็กน้อย พลางถามอย่างสงสัยว่า “หือ อ้ายหนู เอ็งจะต้องการอะไร?”

“ฉันกำลังอยากพบท่านเจ้าสัวผู้หนึ่งอยู่ อยากจะขออัฐท่านไปซื้อข้าวให้เตี่ยกินสักสอง-สามอีแปะ.”

“เอ๊ะ–เจ้าสง-เจ้าสัวที่ไหนของเอ็งกันนี่ หือ?”

“น่า พูดเป็นเล่นไปยาย ก็ท่านเจ้าสัวไซหมึ่งนั่นอย่างไรเล่า” พูดแล้วเจ้าฮุยก็พรวดพราดจะเข้าไปในร้านเพื่อพบท่านเจ้าสัวใจดีให้จงได้ ดีแต่ยายเห่งแกคว้าคอเอาไว้เสียทัน.

“เฮ้ อ้ายเด็กอัปรีย์ นี่มึงจะไปไหน ชะช้าอ้ายลูกลิง.” หญิงชราด่าลั่นด้วยความโกรธ “นี่ร้านของข้าจะบอกให้ ข้าไม่อนุญาตให้เอ็งเข้ามา ออกไป เอ็งอย่ามาบุกรุกเสียให้ยากเย็นเลยอ้ายหนู.”

“เอ ก็ฉันชั่วแต่เพียงจะขอเข้าไปพบท่านตั้วกัวยิ้งหน่อยเดียวเท่านั้นนี่นา จะพูดอะไรกับท่านหน่อยสักสอง-สามคำเท่านั้นเอง.”

“ไม่เอา ไป–ออกไป จะพบจะพูดอะไรไม่ได้ทั้งนั้น ไป–ไปให้พ้น–ถุยอ้ายเด็กกุ๊ย ที่ร้านนี้ไม่มีไซเหม่ง–ไซหมึ่งบ้าบออะไรของเอ็ง ไป ออกไป” ยายเห่งแกตะเพิดเจ้าเด็กน้อยเสียงลั่นด้วยความโกรธจัด.

“อ้าย ยาย–พูดกันให้มันดีๆ หน่อยซิ อะไรจะหวงก้างไว้นอนกินเสียคนเดียวจะใช้ได้หรือ ยังไงๆ ก็ปล่อยเหลือเดนขนมเล็กขนมน้อยให้ฉันได้กินบ้างซิ ฉันเคยได้ไปทำอะไรให้ยายโกรธเคืองบ้างก็เปล่า.”

“ช่างหัวมึง มึงไม่ต้องพูดมาก ไปให้พ้นเสียดี ๆ โธ่ อ้ายเด็กทะลึ่ง อ้ายลูกนักโทษ ไป.”

ก็ลงได้จิกกันถึงพ่อถึงแม่ขนาดนี้ มันก็ออกจะเหลืออดเหลือทนละ เจ้าฮุยกอก็เกิดบันดาลโทสะขึ้นมาบ้าง.

“โธ่ อีแก่ตายยากนี่ หวงเสียจนกระทั่งน้ำล้างผักก็ไม่ให้รั่วรางเทียวนะมึง หรืออยากจะให้กูเที่ยวโพนทะนา ฮึ กลัวอย่างเดียวน่ะว่า บู๋ตั้วจะมาเอามึงตาย.”

“เชอะ น้ำหน้าอย่างอ้ายทึ่มนั้นน่ะหรือกูจะกลัว! มึงอย่ามายุ่งเลย” ยายเห่งแกโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงใหญ่ และก็ชักตกใจขึ้นมาเหมือนกัน

“ไป–ไปเสียให้พ้นร้านกู อ้ายลูกลิง มึงตั้งใจมาหาเรื่องกับกูหรือไรนี่?”

“เออดีละมึงอีแก่ มึงว่ากูเป็นลิง มึงนั่นแหละอีงัวแก่เขาเกกละ.”

ด้วยความที่โกรธอย่างสุดขีด ยายเห่งแกตะครุบเจ้าเด็กเกียวไว้เหมาะมั่น ตบหน้าเสียสองฉาดใหญ่ ๆ เล่นเอาฮุยกอร้องเอ็ดตะโรด่าพ่อล่อแม่ลั่นโขมงโฉงเฉงไปหมด “โอย–ช่วยด้วย อีแก่นี่ตีข้า ช่วยด้วยๆ!”

“ถุย อ้ายเด็กริยำ อย่าเสือกแหกปากร้องนะ ขืนเอ็ดไป แม่จะตบเสียให้หน้าหัน คอยดู.”

“ทำไมอีเฒ่า มึงจะทำไมกูหือ อีหนอนผีกระสือชะอีนี่.”

แทนคำตอบ หญิงชรากลับรวบรวมกำลังของแกที่มีอยู่ตบตีเอาเจ้าเด็กน้อยยิ่งขึ้น แกผลักเจ้าฮุยกอออกไปกลางถนนอย่างไม่ปรานีปราศรัย แล้วก็เหวี่ยงกระจาดผลไม้ตามออกไป ทำให้ลูกไหนลูกสาลี่ของเกียวหกกระจายเรี่ยราดเต็มถนนไปหมด.

ก็แล้วเจ้าฮุยกอจะโต้ตอบอย่างไรกับหญิงชราใจร้ายคนนี้ได้เล่า เพื่อนได้แต่ก้มหน้าก้มตาเก็บบรรดาลูกไม้ที่หกกระจัดกระจายใส่ตะกร้า พลางปากก็ด่าสาปแช่งหญิงชราผู้นี้อยู่ไม่ขาดปาก.

“ดีละมึง อีแก่ ฝากไว้ก่อนเถอะ อีงูร้าย” ฮุยกอตะโกนด่าเสียงกึกก้อง พลางยกกำปั้นชูร่อนให้แก่หญิงชรา.

“กูไม่กลัวมึงดอก อีแก่ กูจะกลับมาแก้แค้นมึงให้จงได้ กูจะส่งคนมาเล่นมึงให้ถึงร้าน คอยดูไป ทีนี้ละจะถึงคราวกูบ้าง.”

แล้วฮุยกอก็ยกกระจาดขึ้นกระเดียด วิ่งปุเลงๆ ลับตัวไป.

----------------------------

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ