- คำนำ
- บทนำ
- ประวัติพระภิกษุฟาเหียน
- บทที่ ๑
- บทที่ ๒
- บทที่ ๓
- บทที่ ๔
- บทที่ ๕
- บทที่ ๖
- บทที่ ๗
- บทที่ ๘
- บทที่ ๙
- บทที่ ๑๐
- บทที่ ๑๑
- บทที่ ๑๒
- บทที่ ๑๓
- บทที่ ๑๔
- บทที่ ๑๕
- บทที่ ๑๖
- บทที่ ๑๗
- บทที่ ๑๘
- บทที่ ๑๙
- บทที่ ๒๐
- บทที่ ๒๑
- บทที่ ๒๒
- บทที่ ๒๓
- บทที่ ๒๔
- บทที่ ๒๕
- บทที่ ๒๖
- บทที่ ๒๗
- บทที่ ๒๘
- บทที่ ๒๙
- บทที่ ๓๐
- บทที่ ๓๑
- บทที่ ๓๒
- บทที่ ๓๓
- บทที่ ๓๔
- บทที่ ๓๕
- บทที่ ๓๖
- บทที่ ๓๗
- บทที่ ๓๘
- บทที่ ๓๙
- บทที่ ๔๐
- จบ
บทที่ ๔
ข้ามภูเขาตซุงหรือโอเนียนถึงกีห-จา
อาจเป็นสการโดหรือบางจังหวัดที่ตั้งอยู่ทางตะวันออก ในแคว้นลาดัก.
เมื่อการแห่พระในเดือนที่ ๔ เสร็จไปแล้ว. พระภิกษุเซ็ง-ชาว โดยลำพังผู้เดียว, ได้ออกตามชาวตารตาร์ผู้หนึ่งซึ่งเป็นผู้ขวนขวายในพระธรรมวินัย,๔๙ ออกเดินทางไปทางจังหวัดโก-พิน.๕๐ ส่วนฟาเหียนกับเพื่อนสงฆ์ได้ออกเดินทางต่อไปทางราชอาณาจักรตซี-โฮะ,๕๑ โดยใช้เวลาเดินทาง ๒๕ วันจึงถึง. พระราชาแห่งแคว้นนี้นับถือธรรมวินัย๕๒ในพระพุทธศาสนาโดยเคร่งครัดเช่นเดียวกัน มีพระภิกษุอยู่ในแว่นแคว้นนี้กว่า ๑,๐๐๐ องค์, ส่วนมากที่สุดเป็นนิกายมหายาน. คณะของฟาเหียนได้หาที่พักอาศัยอยู่ ๑๕ วัน, จึงออกเดินทางต่อไปทางทิศใต้เป็นเวลา ๔ วัน, เมื่อได้ผ่านไปในระหว่างภูเขาตซุง-ลิงอันยืดยาวแล้ว ก็พบนครยุ-หวุย.๕๓ ณ ที่นี้ฟาเหียนกับเพื่อนสงฆ์ได้หยุดพักการเดินทางหาที่พักอาศัย.๕๔ เมื่อเวลาพัก (ประจำฤดูร้อน) ได้ผ่านพ้นไปแล้ว, ฟาเหียนกับเพื่อนสงฆ์ได้ออกเดินทางต่อไปในระหว่างภูเขา๕๕เป็นเวลา ๒๕ วัน ถึงนครกีห-จา,๕๖ ณ ที่นี้ได้บรรจบพบกันกับภิกษุฮุย-กิง๕๗และเพื่อนสงฆ์ที่ไปด้วยกันอีก ๒ รูป.
-
๔๙. ตารตาร์, ณที่ตรงนี้ฉบับจีนใช้อักษร 道人 ซึ่งแปลว่า ชายคนหนึ่งแห่งแว่นแคว้นตาโอ. ที่เคารพนับถือพุทธศาสนา. Legge กล่าวว่า คนเช่นนี้มีมากหลายที่เห็นสำคัญผิดไปว่าไม่ใช่พุทธศาสนิกชน เป็นคนนอกพุทธศาสนา. แต่จริงเป็นคนในพระพุทธศาสนา เพราะเขาเหล่านั้นมีความเคารพนับถืออยู่เสมอไปในทางที่จะกระทำตนให้เห็นประจักษ์แจ้งด้วยวิถีทั้งหลาย ที่จะดำเนินไปในชีวิตของเขา. ผู้ที่ได้นามเช่นนี้ ถือเอาประโยชน์ในการที่จะปฏิบัติกรณียกิจไปตามลำดับ ยิ่งกว่าที่จะเคารพต่อพิธีอันเป็นลัทธิในพุทธศาสนา. ↩
-
๕๐. ดูเรื่องราวแห่งราชอาณาจักรโกพิน ในหนังสือจดหมายเหตุแห่งปฐมราชวงศ์ฮั่น พ.ศ. ๖๓๙ หน้า ๗๘ กล่าวว่า นครหลวงตั้งอยู่ห่างจากเชียงคัน ๒๔๔,๐๐๐ เส้น. ดินแดนทั้งหมดในภาคนี้ คือกาบุลอิสตานในปัจจุบันนี้. นามโกพินเป็นนามที่เกี่ยวข้องกับแม่น้ำโกเฟส ซึ่งเห็นกันแน่ว่าเป็นสายเดียวกันกับแม่น้ำที่ในปัจจุบันนี้เรียกว่าคาบุล ซึ่งไหลลงไปบรรจบแม่น้ำสินธูจากทิศตะวันตกที่ตรงแอตต๊อกส์และผ่านไปลงเปษาวูร. เมืองคาบุลเป็นนครหลวงของประเทศอ๊าฟกันนิสตาน ซึ่งอาจเป็นโกพินที่กล่าวถึงในหนังสือเล่มนี้ก็ได้. แต่ทราบไม่ได้ว่าทำไมเซ็ง-ชาวกับพวกของคนเดินทางไกลไปทางทิศตะวันตกดั่งนี้. ในสมุดเล่มนี้กล่าวไว้ชัดเจนโดยเฉพาะว่าภิกษุสงฆ์คณะนี้ได้ออกจากโข-เตนไปถึงโกพิน. ↩
-
๕๑. ตซี-โฮะไม่ปรากฏว่าอยู่ไหน. Beal คิดว่าเป็นยารกันต์ ถึงกระนั้นก็ต้องอยู่ทางเบื้องตะวันตกเฉียงเหนือของโข- เตน. Watters กล่าวไว้ในหนังสือ China Review หน้า ๑๓๕ ว่า ที่เห็นชอบว่าใกล้จะถูกดีนั้นคือ ในบริเวณที่สืบต่อมาเรียกว่าตัษกูรกันในสิริกุล. ระยะทางที่ฟาเหียนเดินนานถึง ๒๕ วัน, ดั่งนั้น จากโข-เตนอย่างน้อยที่สุดก็ต้องเป็น ๖,๐๐๐ เส้น. ↩
-
๕๒. พระราชาองค์นี้กล่าวตามลักษณะที่นั้น ย่อมเป็นพุทธศาสนิกชนจำพวกหนึ่ง ซึ่งยึดถือเอา ‘วิริยพละ’ (อำนาจแห่งกำลังความเพียร) เป็นสำคัญ ให้อยู่ในอำนาจของตน. ความเพียรมานะอดทนในการใช้กำลังแรงของตนเป็นหนึ่งในห้าแห่งอำนาจของกรณียะอันพึงกระทำ. (ดู E. H. หน้า ๑๗๐) ↩
-
๕๓. ยุ-หวุย ไม่ปรากฏชัดว่าอยู่ที่ไหน. แต่ปรากฏว่าเมืองนี้อยู่ตรงไปทางทิศใต้จากจังหวัดซี-โฮะ และในระหว่างภูเขาโอเนี่ยน. Watters กล่าวตามบุญตามกรรมคาดคะเนว่าคืออักตัสกที่ปรากฏในแผนที่. ↩
-
๕๔. ครั้งนี้เป็นการพักประจำฤดูร้อนอีกครั้งหนึ่ง จากที่ได้หยุดพักมาก่อนแล้วสองครั้ง, ตามระยะทางเดินของฟาเหียน แสดงว่าใกล้เข้าไปทางอินเดียแล้ว. คำนวณเวลาที่ฟาเหียนกับพรรคพวกได้เดินทางมาจากเชียง-กันล่วงแล้วมา ๒ ปี, ไม่ใช่ ๓ ปี. ขณะนี้เป็น พ.ศ. ๙๔๕. ↩
-
๕๕. ตรงนี้ในฉบับเกาหลีใช้คำว่า 山, แต่สมัครที่จะใช้คำ 止 ตามฉบับจีนมากกว่า. ↩
-
๕๖. ดูหน้า ๒๕ โน๊ต ๑. Watters เห็นชอบที่จะให้เป็นในแว่นแคว้นกลาปรอตส์และกำหนดว่าจังหวัดกีห-จา คืออิสการดูหรือสการโด. ที่กล่าวแล้ว-นี้เป็นการยากที่จะพิจารณาให้เห็นพ้องตามไปด้วย แต่ประโยชน์ยิ่งใหญ่อันควรจะทราบในการเดินทางก็ปรากฏแล้วว่า ข้ามแม่น้ำสินธุไป. และตามวิถีของแม่น้ำสายนี้เอง ซึ่งจะทำให้การเดินทางของฟาเหียนสามารถไปสู่จุดที่หมายได้สำเร็จตลอดไป. เพราะฉะนั้น จึงไม่สู้จำเป็นนัก ที่จะต้องพรรณนาให้ละเอียดถี่ถ้วนในตอนนี้. ↩
-
๕๗. ภิกษุคณะนี้ได้ออกเดินทางล่วงหน้าไปก่อนคณะฟาเหียนจากที่โข-เตน. ดู ธ. เล่ม ๒๒ ตอน ๙ หน้า ๗๕๑. ↩