บทที่ ๑๘

กัญญากุพช์หรือกเนาจ์.

พระพุทธองค์ทรงแสดงพระธรรมเทศนา.

ฟาเหียน พักอยู่ที่วิหารพระยานาคจนกระทั่งภายหลังเวลาเมื่อสิ้นฤดูร้อนแล้ว,๑๙๓ จึงออกเดินทางต่อไปทางตะวันตกเฉียงใต้ ๗ โยชน์, ก็บรรลุถึงนครกัญญากุพช์,๑๙๔ ซึ่งอยู่ตามยาวบนฝั่งของแม่น้ำกันจี.๑๙๕ นครนี้อารามอยู่ ๒ แห่ง, พระภิกษุในอาราม ศึกษาเล่าเรียนทางฝ่ายหินยาน. มีสถานที่แห่งหนึ่งห่างจากนครไปทางทิศตะวันตก ๑๒๐ หรือ ๑๔๐ เส้น, อยู่บนฝั่งเหนือของแม่น้ำกันจี, เป็นสถานที่ที่พระพุทธองค์ทรงแสดงพระธรรมเทศนาแก่บรรดาสานุศิษย์. เล่าต่อ ๆ กันมาว่า เรื่องราวของพระองค์ที่ทรงแสดงพระธรรมเทศนานั้น คือความขมขื่นอันบังเกิดจากความแค้นเคือง, และความประมาทเย่อหยิ่ง, เป็นสิ่งที่ปราศจากความถาวร, และไม่เที่ยงแท้. ร่างกายมนุษย์นั้นเป็นประดุจฟองลมหรือฟองน้ำที่ลอยอยู่, ที่ตำบลนี้มีผู้สร้างสตูปไว้องค์หนึ่ง, ยังปรากฏอยู่จนบัดนี้.

ฟาเหียนได้เดินทางข้ามแม่น้ำกันจีลงไปทางทิศใต้ ๓ โยชน์, ก็ถึงหมู่บ้านตำบลหนึ่งมีนามว่าอา-ลี.๑๙๖ อันประกอบไปด้วยสถานที่ซึ่งพระพุทธองค์ทรงแสดงพระธรรมเทศนา, และสถานที่ทรงนั่งประทับ, กับสถานที่ที่เสด็จเดินประพาส, บรรดาสถานที่เหล่านี้ได้มีผู้สร้างสตูปไว้ทั้งนั้น.

  1. ๑๙๓. คงจะเป็นปี พ.ศ. ๙๔๘.

  2. ๑๙๔. คือกเนาจ์, ได้กล่าวถึงสถานที่ตั้งไว้แล้วในบทก่อน, นามนี้ในภาษาสํสกฤต หมายถึงว่านครแห่งนางสาวหลังค่อม. ซึ่งเกี่ยวกับนิทานเรื่องหนึ่งมีว่า ธิดาพระเจ้าพรหมทัตต์ ๑๐๐ องค์ ถูกคำสาปแช่งของฤๅษีมหาพฤกษ์ให้เสียโฉมกลับเป็นขี้ริ้ว.

  3. ๑๙๕. คือแม่น้ำคงคา. กล่าวกันว่าเป็นน้ำมนต์ และไหลจากสวรรคลงมาสู่มนุษยโลก.

  4. ๑๙๖. หมู่บ้านแห่งนี้ในหนังสือจีนบางฉบับว่าเป็นป่า. เป็นการยากที่จะรู้จักได้ชัดเจน.

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ