บทที่ ๒๙

ภูเขาคิชฌกูฏ. และนิยาย.

ฟาเหียนค้างอยู่บนนั้นคืนหนึ่ง. ความระลึกของฟาเหียน.

ออกจากหมู่บ้านนาละเดินเลียบไปตามยาวของพืดเขา ทางตะวันออกเฉียงใต้, ภายหลังเมื่อได้เดินสูงขึ้นไปเป็นระยะทางราว ๓๐๐ เส้นแล้ว, ก็ถึงยอดเนินเขาคิชฌกูฏ.๓๐๙ ระยะทางอีก ๖๐ เส้นก่อนที่จะถึงยอดเขา, ณ ที่นั้นเป็นถ้ำลึกเข้าไปในศิลาแห่งหนึ่ง, หันหน้าลงทางทิศใต้, ในนี้เป็นสถานที่พระพุทธองค์นั่งประทับเจริญภาวนาตรึกตรอง. ต่อไปอีก ๓๐ ก้าวทางตะวันตกเฉียงเหนือ. ณ ที่นั้นเป็นถ้ำอีกแห่งหนึ่ง, ซึ่งพระอานนท์นั่งเจริญศีลภาวนาตรึกตรอง. ขณะนั้นเทวมารปิศุน๓๑๐จำแลงตนเป็นแร้งใหญ่ไปจับอยู่ที่หน้าถ้ำ, เป็นเหตุให้ศิษย์ (ของพระพุทธองค์ = พระอานนท์) ตกใจกลัว. โดยบุญฤทธิ์และอำนาจอันเหนือความเป็นธรรมดาของพระพุทธองค์, กระทำให้หินบังเกิดเป็นช่อง ซึ่งพระพุทธองค์ได้ยื่นพระหัตถ์ของพระองค์ไปตามนั้น, แล้วลูบบ่าพระอานนท์, ในทันใดนั้นความกลัวของพระอานนท์ปลาศนาการพ้นไป. รอยเท้าของนกแร้งและช่องที่ (พระพุทธองค์) ยื่นพระหัตถ์ไปยังคงมีปรากฏอยู่. และจากสาเหตุเรื่องนี้เขาลูกนี้จึงได้นามว่า ภูเขาถ้ำนกแร้ง :- คิชฌกูฏ.

ในบริเวณด้านหน้าของถ้ำมีสถานที่ซึ่งพระพุทธเจ้าทั้ง ๔ นั่งประทับ. และมีถ้ำสำหรับพระอรหันต์ทุก ๆ พระองค์นั่งเจริญภาวนาดุจเดียวกัน, ทั้งหมดมีจำนวนอีกหลายร้อย. ณ สถานที่ตอนหน้าคูหา, เป็นทางที่พระพุทธองค์ทรงพระดำเนิน (จงกรม) จากตะวันออกไปสู่ตะวันตก. และจากในระหว่างหน้าผาทางเหนือของภูเขานี้, เทวทัตต์ได้ทิ้งก้อนหินหนึ่งลงมาต้องนิ้วพระพุทธบาทชอกช้ำ,๓๑๑ หินก้อนนั้นยังมีอยู่ ณ ที่นี้.๓๑๒

ศาลาที่พระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมเทศนาถูกทำลายลงหมดแล้ว, ยังเหลือเฉพาะแต่ฐานกำแพงอิฐตอนล่าง. ภูเขาลูกนี้มียอดอันเขียวชะอุ่มงดงาม, และในที่สูงตอนบนใหญ่โตกว้างขวาง, เป็นยอดซึ่งสูงที่สุดกว่าภูเขาทั้ง ๕ ลูก. ฟาเหียนได้ซื้อเครื่องหอม, ดอกไม้, น้ำมันและโคม, จากในเมือง (ราชคฤห์) ใหม่, โดยจ้างภิกษุ ๒ องค์ซึ่งพักอาศัย (อยู่ที่นี่) มาก่อนให้เป็นผู้นำเอาขึ้นมาให้. เมื่อตนเองได้รับสิ่งเหล่านี้แล้ว, ก็กระทำการสักการบูชาด้วยดอกไม้, และเผาเครื่องหอมตามประทีปโคมไฟ, ให้บังเกิดแสงสว่างในเพลาเมื่อเริ่มค่ำคืนมาครอบงำ. (ขณะเดียวนั้น) ฟาเหียนบังเกิดความรู้สึกเปลี่ยวเปล่าเศร้าใจเหลือที่จะทนทาน, แต่ได้อุตส่าห์สะกดกลั้นน้ำตาของตนไว้และกล่าวว่า ‘ณ ที่นี้พระพุทธองค์ได้มอบศูรางคม๓๑๓ (สูตร) ให้ไว้. ข้าพระพุทธเจ้าฟาเหียนเกิดไม่ทันที่จะได้พบกับพระองค์. และในขณะนี้ ข้าพระพุทธเจ้าได้เห็นอยู่แต่รอยพระพุทธบาทซึ่งพระองค์ได้ละทิ้งไปเสียแล้ว, และที่เป็นสถานที่ที่พระองค์ทรงพำนักอาศัยอยู่, แต่ก็ไม่ได้เห็นพระองค์อีกแล้ว.’ ณ สถานที่หน้าถ้ำคูหาหินนี้, ฟาเหียนได้สวดศูรางคม-สูตรในเวลาที่เหลืออยู่ตลอดคืน, แล้วจึงกลับไปยังเมืองใหม่.

  1. ๓๐๙. ดูหน้า ๑๔๑ บทที่ ๒๕ โน๊ต ๓

  2. ๓๑๐. ดูหน้า ๑๓๔ บทที่ ๒๕ โน๊ต ๓. ปิศุนเป็นนามที่ตั้งให้สำหรับมารตนหนึ่ง, เพื่อให้เป็นที่รู้ว่า เป็นผู้มีบาปและหนาแน่นไปด้วยกิเลสทุกประการ.

  3. ๓๑๑. ดูหนังสือ M. B. หน้า ๓๒๐ Hardy กล่าวว่า เทวทัตต์พยายามทำเป็นเครื่องกลไกดักไว้. แต่เรื่องราวซึ่งเก่าที่สุดใน Sacred Books of the East เล่ม ๒๐ วินัยคัมภีร์หน้า ๒๔๕, ตรงกันกับที่ฟาเหียนกล่าวว่า เทวทัตต์ทิ้งก้อนหินลงไปด้วยมือตนเอง, ต้องนิ้วพระพุทธบาทชอกช้ำ. ปฐมสมโพธิ ฉบับ พ.ศ. ๒๔๗๘ หน้า ๓๔๔ ว่า ต้องพระพุทธบาทช้ำพระโลหิต.

  4. ๓๑๒. Hsüan-Chwang บอกรูปพรรณหินก้อนนี้ว่าสูง ๑๔ หรือ ๑๕ ศอก, โดยรอบ ๓๐ ก้าว.

  5. ๓๑๓. ดูตำราของ Mr. Bunyiu Nunjio’s Catalogue of the Chinese Translation of the Buddhist Tripitaka สูตรปิฎกที่ ๓๙๙-๔๔๖ สูตรเหล่านี้มีมาแต่ก่อนอันอยู่ในความทรงจำของฟาเหียน.

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ