- คำนำ
- บทนำเรื่อง
- ที่มาของอนิรุทธคำฉันท์และบทละคอนเรื่องอุณรุท ของ ธนิต อยู่โพธิ์
- ตอนที่ ๑
- ตอนที่ ๒
- ตอนที่ ๓
- ตอนที่ ๔
- ตอนที่ ๕
- ตอนที่ ๖
- ตอนที่ ๗
- ตอนที่ ๘
- ตอนที่ ๙
- ตอนที่ ๑๐
- ตอนที่ ๑๑
- ตอนที่ ๑๒
- ตอนที่ ๑๓
- ตอนที่ ๑๔
- ตอนที่ ๑๕
- ตอนที่ ๑๖
- ตอนที่ ๑๗
- ตอนที่ ๑๘
- ตอนที่ ๑๙
- ตอนที่ ๒๐
- ตอนที่ ๒๑
- ตอนที่ ๒๒
- ตอนที่ ๒๓ ทศมุขพบพระอุณรุท
- ตอนที่ ๒๔
- ตอนที่ ๒๕
- ตอนที่ ๒๖
- ตอนที่ ๒๗
- ตอนที่ ๒๘
- ตอนที่ ๒๙
- ตอนที่ ๓๐
- ตอนที่ ๓๑
- ตอนที่ ๓๒
- ตอนที่ ๓๓
- ตอนที่ ๓๔
- ตอนที่ ๓๕
- ตอนที่ ๓๖
- ตอนที่ ๓๗
- ตอนที่ ๓๘
- ตอนที่ ๓๙
- ตอนที่ ๔๐
- ตอนที่ ๔๑
- ตอนที่ ๔๒
ตอนที่ ๑๑ อภิเษกพระอุณรุทกับนางศรีสุดา
๏ บัดนั้น | เสนีณรงกาซ้ายขวา |
ให้เชิญพระราชสารา | มาขึ้นรถารูจี |
แล้วเคลื่อนรถแก้วแววไว | ดำเนินไปโดยราชวิถี |
อันวอทรงองค์พระบุตรี | จรลีเบื้องหลังพิชัยรถ |
ฝ่ายหมู่นางท้าวเถ้าแก่ | กำนัลชะแม่ทั้งปวงหมด |
แวดล้อมวอสุวรรณเป็นหลั่นลด | เสนานำกำหนดเป็นคู่กัน |
ตั้งกระบวนถ้วนตามตำรา | แห่ซ้ายฝ่ายขวาเป็นหลั่นหลั่น |
เครื่องสูงกลองประโคมนี่นัน | จรจรัลประเวศยังวังใน |
ฯ ๘ คำ ฯ กลองโยน
๏ ครั้นถึงจึ่งหยุดรถทรง | ฝ่ายฝูงอนงค์น้อยใหญ่ |
ก็เชิญองค์เยาวเรศอรไท | ขึ้นพิชัยปราสาทรัตนา |
ฯ ๒ คำ ฯ เพลง
๏ เมื่อนั้น | ท้าวไกรสุทสุริย์วงศ์นาถา |
จึ่งชำระสระสรงคงคา | ทรงเครื่องกษัตราอาภรณ์ |
จับพระขรรค์ศักดาวราวุธ | งามเพียงจักรภุชทรงศร |
เสด็จจากห้องแก้วอลงกรณ์ | บทจรออกมุขพิมานชัย |
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
๏ ลดองค์ลงเหนือบัลลังก์อาสน์ | พร้อมเสนามาตย์น้อยใหญ่ |
ชุลีกรเดียรดาษกลาดไป | ดั่งดาวล้อมแขไขในเมฆา |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | เสนีผู้มียศถา |
จึ่งเชิญพระราชสารา | จากรถรัตนาโอฬาฬาร |
นำทูตโรมราชธานี | ทั้งสามผู้ปรีชาหาญ |
กับเครื่องสุวรรณบรรณาการ | ไปสถานที่เฝ้าภูธร |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ ต่างตนก้มเกล้าอภิวาท | เบื้องบาทภูวเรศธิเบศร |
เสนาณรงกาพระนคร | ชุลีกรกราบทูลทันที |
สรวมชีพขอเบิกทูตา | พาราโรมราชบุรีศรี |
กราบถวายบังคมด้วยภักดี | ยังธุลีบาทบงสุ์พระทรงยศ |
เสร็จแล้วเปิดกล่องพระราชสาร | คลี่ลานสุวรรณอลงกต |
จบเศียรกฤษฎาปราณต | กำหนดอ่านบรรยายถวายไป |
ฯ ๖ คำ ฯ
ช้า
๏ ราชสารพระผู้ผ่านนคเรศ | มงกุฎเกศโรมราชบุรีใหญ่ |
ขอประณตบทเรณูใน | ท่านไทธเรศตรีรพีพงศ์ |
ผู้ทรงคุณเลื่องหล้าสุธาธาร | ประมาณคู่กมลาสน์ครรไลหงส์ |
จรรโลงโลกปรากฏยศยง | ดำรงเกศกรุงแก้วณรงกา |
ด้วยพระเกียรติลือทั่วประเทศราช | ว่าพระบาทมีโอรสา |
ทรงสิริฤทธีปรีชา | มหิมานุภาพเกรียงไกร |
ทราบพระกฤษฎามาฉะนี้ | ความยินดีหาที่สุดไม่ |
จึ่งแต่งพระธิดาดวงใจ | อันวิไลเลิศลักษณ์วิลาวัณย์ |
ถวายมาหวังฉลองรองบาท | พระอุณรุทธิราชรังสรรค์ |
ขอพระเดชพระองค์ทรงธรรม์ | เป็นฉัตรแก้วกั้นคุ้งวันตาย |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระทรงภพลบโลกทั้งหลาย |
ได้แจ้งแห่งสารบรรยาย | นุสนธิ์สายสุนทรจับใจ |
มีความแสนโสมนัสนัก | ผิวพักตร์ผ่องเพียงแขไข |
ด้วยประกอบชอบราชหฤทัย | ดำริไว้เสร็จสมอารมณ์คิด |
จึ่งมีมธุรสพจมาน | ตรัสปราศรัยสารประกาศิต |
ด้วยท้าวอุทุมเรืองฤทธิ์ | จงจิตเป็นมิ่งไมตรี |
พรากดวงเนตรหน่อวรนุช | มาให้พระอุณรุทเรืองศรี |
เราแสนโสมนัสพันทวี | จะเลี้ยงดั่งบุตรีในอุรา |
อันพระองค์ผู้ทรงโรมราช | มเหสีวรนาฏแลวงศา |
กำนัลในไพร่ฟ้าแลเสนา | ค่อยผาสุกหรือประการใด |
บรรดาเภตราซึ่งมานั้น | ถึงพร้อมมูลกันหรือไฉน |
หรือว่ามีเหตุเภทภัย | อันใดบ้างในกลางวารี |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | เสนาโรมราชบุรีศรี |
ก้มเกล้าสนองพระวาที | อันภูมีเจ้ากรุงพระนคร |
ทั้งพระประยูรสุริย์วงศ์ | เอกองค์มเหสีสายสมร |
เสนีไพร่ฟ้าประชากร | เป็นสุขถาวรทั้งเวียงชัย |
ซึ่งมาในกลางชะเลหลวง | สำราญแล่นล่วงจนกรุงใหญ่ |
เดชะพระเดชปกเกศไป | อันตรายสิ่งใดไม่ราวี |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวไกรสุทสุริย์วงศ์เรืองศรี |
ครั้นปราศรัยเสร็จตามประเวณี | ภูมีตรัสสั่งเสนา |
ให้ประทานเสื้อผ้าเงินทอง | สิ่งของอันควรด้วยยศถา |
แก่ทูตจำทูลสารา | น้อยใหญ่ถ้วนหน้าอันดับกัน |
สั่งเสร็จเสด็จยุรยาตร | จากที่สิงหาสน์มุขกระสัน |
ย่างเยื้องกรายกรจรจรัล | เข้าปราสาทสุวรรณทันใด |
ฯ ๖ คำ ฯ เสมอ
๏ บัดนั้น | หมู่ชะแม่เถ้าแก่ผู้ใหญ่ |
ก็นำนางศรีสุดาอรไท | เข้าไปเฝ้าบาทภูธร |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | องค์พระบุตรีดวงสมร |
นบนิ้วดุษฎีชุลีกร | บังอรกราบก้มพักตรา[๑] |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระปิ่นภพลบโลกนาถา |
พิศเพ่งเล็งโฉมพระธิดา | ทั่วทั้งกายาเทวี |
งามรูปงามทรงวงพักตร์ | งามประเสริฐเลิศลักษณ์ราศี |
งามละม่อมพร้อมพริ้งทั้งอินทรีย์[๒] | สมที่เป็นปิ่นอนงค์ใน |
งามจริตกิริยามารยาท | ทั้งสิริวิลาสไม่หาได้ |
จึ่งมีมธุรสตรัสไป | เจ้าผู้ประไพพักตรา |
อย่าเศร้าสร้อยวิญญาณ์อาดูร | ถึงประยูรสุริย์วงศ์พงศา |
พ่อจะเลี้ยงเป็นราชธิดา | ให้ประเสริฐเลิศหล้าสุธาธาร |
เป็นเอกอัครสุณิสาศรีสวัสดิ์ | เฉลิมวงศ์จักรพรรดิมหาศาล |
ด้วยแสนสมบัติอันโอฬาร | เป็นประธานอนงค์นารี |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ ตรัสแล้วลุกจากสิงหาสน์ | งามวิลาสดั่งท้าวโกสีย์ |
กรายกรย่างเยื้องจรลี | เสด็จออกยังที่พระโรงคัล |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ ลดองค์ลงเหนือบัลลังกรัตน์ | ภายใต้เศวตฉัตรฉายฉัน |
ประโรหิตเสนาแน่นนันต์ | พร้อมกันประณตบทมาลย์ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ จึ่งมีพระราชวาที | แก่โหราผู้ปรีชาหาญ |
จงควณหาฤกษ์ศุภวาร | จะตั้งการอภิเษกพระลูกยา |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ขุนโหรผู้มียศถา |
รับสั่งพระองค์ทรงนครา | ก็หาฤกษ์พระจันทร์โดยคัมภีร์ |
ตั้งศักราชลงคูณหาร | มาสเกณฑ์อวมานดิถี |
ลบบวกองศานาที | พอได้เศษสี่เป็นฤกษ์จร |
เสร็จแล้วจึ่งกราบบังคมทูล | นเรนทร์สูรสุริย์วงศ์ทรงศร |
สามค่ำวันจันทร์สถาวร | พยากรณ์กำหนดเวลา |
รุ่งแล้วสามโมงหกบาท | พระฤกษ์จำเริญราชชันษา |
ชื่อภูมีฤกษ์โดยตำรา | เป็นมหามงคลสวัสดี |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระสุริย์วงศ์เทวัญเรืองศรี |
ได้ฟังสารโสฬสคัมภีร์[๓] | ภูมีชื่นชมด้วยสมคิด |
จึ่งดำรัสตรัสด้วยสิงหนาท | โองการประกาศประกาศิต |
สั่งมหาเสนาผู้ใช้ชิด | ให้ประกอบซึ่งกิจพิธีการ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | เสนีผู้ปรีชาหาญ |
ก้มเกล้ารับรสพจมาน | รีบออกจากสถานพระโรงชัย |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ หมายบอกชาววังแลสนม | ทั่วทุกหมวดกรมน้อยใหญ่ |
สิ้นทั้งข้างหน้าข้างใน | ให้จัดการโดยราชบัญชา |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ฝ่ายเจ้าพนักงานซ้ายขวา |
ก็เร่งรัดเกณฑ์กันเป็นโกลา | ตั้งมหาพิธีสยุมพร |
บ้างแต่งไพชนต์ปราสาท | ทอดอาสน์ลาดที่บรรจถรณ์ |
ผูกม่านกั้นฉากอลงกรณ์ | ห้อยพวงเกสรสุมามาลย์ |
บางหมู่ก็ตั้งบัลลังก์รัตน์ | ปักเศวตฉัตรฉายฉาน |
วางพระเต้านากเงินแก้วกาญจน์ | สังข์กลศใส่พานเคียงกัน |
แว่นเวียนเทียนชัยบายศรี | ซ้ายขวาตามที่เป็นหลั่นหลั่น |
ฉัตรมณีฉัตรนากฉัตรสุวรรณ | ทุกพรรณพร้อมเสร็จดั่งบัญชา |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ แล้วสั่งสังฆการีให้ออกไป | ยังในอรัญราวป่า |
นิมนต์หมู่มหาสิทธา | เข้ามายังที่พิธีการ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | สังฆการีผู้ปรีชาหาญ |
ได้แจ้งก็พากันลนลาน | รีบไปยังสถานพระมุนี |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงยอกรขึ้นเหนือเกศ | แจ้งเหตุแก่องค์พระฤๅษี |
บัดนี้พระจอมโมลี | ให้มานิมนต์พระนักพรต |
เข้าไปยังนิวาสราชฐาน | กับหมู่บริวารดาบส |
จะทำการภิเษกพระโอรส | กำหนดให้ทันเวลา |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระนารอททรงญาณฌานกล้า |
ได้แจ้งไม่แคลงวิญญาณ์ | ก็บอกหมู่สิทธาพร้อมกัน |
ต่างผลัดเปลือกไม้คากรอง | ครองหนังเสือสอดจัมขันธ์ |
กรกุมไม้เท้างกงัน | พากันรีบมายังธานี |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึ่งขึ้นบนปราสาท | นั่งอาสน์สำหรับพระฤๅษี |
ในมณฑลราชพิธี | ตามที่น้อยใหญ่อันดับมา |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวไกรสุทสุริย์วงศ์นาถา |
ครั้นรุ่งรางสร่างแสงพระสุริยา | ผ่านฟ้าจึ่งมีโองการ |
ตรัสสั่งพระโอรสราช | ผู้ร่วมชีวาตม์สังขาร |
ให้ชำระสระสรงชลธาร | ทรงเครื่องอลงการรูจี |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระอุณรุทผู้รุ่งรัศมี |
ก้มเกล้ารับราชวาที | ก็เสด็จเข้าที่สรงชล |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
โทน
๏ ชำระสระสนานสำราญกาย | ปทุมทองโปรยปรายดั่งสายฝน |
ลูบไล้รศเร้าเสาวคนธ์ | เพียงเครื่องต้นทิพท้าวโกสิตทรง |
สอดใส่สนับเพลาพลอยประพาฬ | ภูษาเครือก้านกระหนกหงส์ |
ชายไหวชายแครงสะอิ้งองค์ | ทับทรวงสวมทรงสังวาลวรรณ |
ตาบทิศทองกรมังกรพต | พาหุรัดมรกตทับทิมคั่น |
ธำมรงค์เพชรรายเรือนสุบรรณ | มงกุฎแก้วทัดกรรเจียกจอน |
ห้อยพวงสุวรรณมาลัย | แก้วแกมแซมใส่เป็นเกสร |
งามองค์เพียงอัมรินทร | กรายกรมาเฝ้าพระบิดา |
ฯ ๘ คำ ฯ เพลง
๏ เมื่อนั้น | โฉมนางรัตนาเสน่หา |
ครั้นใกล้พิชัยเวลา | ให้แต่งสุณิสายุพาพาล |
ฯ ๒ คำ ฯ
ชมตลาด
๏ พระพี่เลี้ยงเข้าขัดสีสรง | สำอางองค์ทรงสุคนธ์หอมหวาน |
บ้างผัดพักตร์เพียงแว่นแก้วกาญจน์ | ทรงภูษาก้านกระหนกพัน |
สไบตาดเครือร่วงดวงลอย | สวมสร้อยนวมซับประดับถัน |
สะอิ้งแก้วทับทรวงสังวาลวรรณ | ทองกรนาคพันพาหุรัด |
ธำมรงค์เพชรรายพรายแพรว | มงกุฎแก้วคู่ทรงนางกษัตริย์ |
ห้อยพวงมาลัยดอกไม้ทัด | งามสิริศรีสวัสดิ์เพียงนางฟ้า |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระบิตุรงค์ธิราชนาถา |
จึ่งพาสมเด็จพระลูกยา | ลีลาจากห้องปราสาทชัย |
พร้อมพระประยูรสุริย์วงศ์ | สาวสนมอนงค์น้อยใหญ่ |
ฝ่ายนางรัตนาทรามวัย | อรไทพาองค์พระเทวี |
ผู้ทรงนามนางศรีสุดา | เอกอัครสุณิสาโฉมศรี |
พร้อมฝูงกำนัลนารี | จรลีไปปราสาทพิธีการ |
ฯ ๖ คำ ฯ เสมอ
๏ ครั้นถึงจึ่งให้สองกษัตริย์ | นั่งร่วมเศวตฉัตรฉายฉาน |
เหนือแท่นนพรัตน์ชัชวาล | แล้วถวายมัสการพระสิทธา |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระนารอทผู้ทรงสิกขา |
ทั้งพระโควินท์ผู้ปรีชา | กับคณะมหาโยคี |
ก็พร้อมกันสวดไสยเวท | ตำรับมนต์พรหเมศจำเริญศรี |
แซ่เสียงสำเนียงอาหุดี | อึงมี่ทั้งห้องปราสาทชัย |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ชีพ่อโหราผู้ใหญ่ |
บ้างถือสังข์กลศอำไพ | เข้าไปใกล้สองสุริย์วงศ์ |
โอมอ่านพระเวทพรหมา | ถวายมูรธาภิเษกสรง |
รินรดพระหน่อภุชพงศ์ | กับองค์อัครราชเทวี |
ฯ ๔ คำ ฯ
สระบุหร่ง
๏ ได้เอ๋ยได้ฤกษ์ | พระโหรให้เบิกบายศรี |
พนักงานลั่นฆ้องเข้าสามที | แตรสังข์ดนตรีนี่นัน |
ประโรหิตก็จุดเทียนชัย | ติดในแว่นแก้วเฉลิมขวัญ |
เวียนวงส่งรับอันดับกัน | เป็นหลั่นหลั่นรอบราชมณฑล |
เสียงศัพท์เภรินพิณพาทย์ | กึกก้องกัมปนาทกุลาหล |
พันลึกฮึกโห่อึงอล | เพียงปัฐพีดลจะโทรมทรุด |
น้ำทิพย์สุคนธ์ก็ตกต้อง | พระเศียรสองนเรศราชบุตร |
ด้วยบุญญาธิการพระอุณรุท | เป็นอุตม์มหัศอัศจรรย์ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ ครั้นเวียนครบวารเจ็ดรอบ | ก็ดับเทียนโดยระบอบพิธีขวัญ |
ประโรหิตผู้เฒ่าก็โบกควัน | ให้พระองค์เทวัญผู้ฤทธี |
แล้วเอาจุณเจิมเฉลิมพักตร์ | พระเยาวราชทรงลักษณ์ทั้งสองศรี |
พร้อมกันอำนวยสวัสดี | ชัยตุจงมีสถาวร |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระบิตุเรศนฤบาลชาญสมร |
กับองค์สมเด็จพระมารดร | โสมนัสอวยพรพระลูกยา |
เจ้าจงอิศโรภิญโญยศ | เดชาปรากฏทุกทิศา |
ดั่งดวงสุริยันในนภา | อันตรายโรคาอย่าแผ้วพาน |
จำเริญชันษาทั้งสององค์ | สืบวงศ์เทวามหาศาล |
ศัตรูจองภัยบรรลัยลาญ | เป็นประธานโลกาธาตรี |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ ตรัสแล้วประทานเครื่องยศ | อลงกตแก้วกาญจน์เฉลิมศรี |
ทั้งมงกุฎสังวาลมาศมณี | แก่เทวีสุณิสาวิลาวัณย์ |
ล้วนแต่เครื่องต้นกษัตริย์ทรง | อย่างเอกองค์ลูกเจ้าไอศวรรย์ |
ทั้งภูษาผ้าพื้นแพรพรรณ | เป็นอนันต์อเนกคณนา |
แล้วประทานเงินทองแก้วแหวน | แสนทรัพย์อันควรด้วยยศถา |
แก่ขอเฝ้าเหล่าที่บรรดามา | กับองค์สุณิสายาใจ |
ทั้งตึกกว้านบ้านเรือนทุกสิ่งสรรพ์ | โดยอันดับกันน้อยใหญ่ |
ให้อยู่เป็นสุขทุกคนไป | ในพาราราชธานี |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ฝ่ายคุณะพระมหาฤๅษี |
ครั้นเสด็จการราชพิธี | ก็ลาเจ้าธรณีณรงกา |
ต่างองค์ลงจากปราสาท | เข้าฌานเป็นบาทฤทธิ์กล้า |
เหาะขึ้นยังพื้นนภา | กลับไปศาลาสำราญ |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้น | พระบิตุรงค์ผู้ปรีชาหาญ |
กับองค์อัครราชเยาวมาลย์ | พฤฒาจารย์อำมาตย์มนตรี |
ทั้งประยูรวงศ์พงศา | ครั้นเสร็จการราชภิเษกศรี |
ต่างตนโสมนัสยินดี | กลับไปที่อยู่พร้อมก้น |
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
๏ เมื่อนั้น | พระอุณรุทรุ่งฟ้านราสรรค์ |
ครั้นค่ำสิ้นรวีวรรณ | แสงจันทร์จำรัสโพยมพราย |
ให้รัญจวนครวญระลึกตรึกคะนึง | คิดถึงศรีสุดาโฉมฉาย |
เสน่หารุมร้อนสกนธ์กาย | ดั่งแสงศรจากสายมาเสียบทรวง |
แสนถวิลอาวรณ์สวาทนัก | ด้วยรึงรักร้อนใจใหญ่หลวง |
แต่พะวงหลงละลานแดดวง | กระสันทรวงด่าวดิ้นวิญญาณ |
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย
๏ จึ่งเสด็จย่างเยื้องบทจร | จากแท่นบรรจถรณ์มุกดาหาร |
งามดั่งเทวราชกุมาร | ไปสถานห้องแก้วกัลยา |
ฯ ๒ คำ ฯ ฉุยฉาย
ร่าย
๏ เสด็จนั่งเหนือบัลลังก์มาศ | ร่วมอาสน์เยาวยอดเสน่หา |
พิศเพ่งเล็งโฉมวนิดา | พริ้มพร้อมลักขณาไม่ราคิน |
ฯ ๒ คำ ฯ
ชมโฉม
๏ พิศพักตร์ผ่องเพียงศศิธร | พิศขนงก่งงอนดั่งคันศิลป์ |
พิศเนตรเนตรดำลํ้าพลอยนิล | เพียงเนตรมฤคินทร์ขวบปลาย |
พิศทรงนาสิกก็งามสุด | ดั่งวงอังกุศแก้ววิเชียรฉาย |
พิศโอษฐ์โอษฐ์พริ้มเพียงยิ้มพราย | พิศปรางงามคล้ายปรางสุวรรณ |
พิศกรรณเพียงกลีบอุบลมาศ | พิศศอคือราชหงส์สรรค์ |
พิศกรเพียงวงคชกรรม์ | พิศถันดั่งดวงปทุมทอง |
งามละม่อมพร้อมสิ้นทั้งอินทรีย์ | วิลาสล้ำนารีไม่มีสอง |
ผิวพรรณขำคมนวลละออง | ไตรโลกเล็งจ้องจำเริญตา |
พิศพิศแล้วพิศวาสกลุ้ม | ให้รึงรุมด้วยรสเสน่หา |
จึ่งมีสุนทรวาจา | ปราศรัยวนิดายุพาพาล |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
ชาตรี
๏ ดวงเอยดวงเนตร | เยาวเรศผู้ยอดสงสาร |
บุญพี่ได้สร้างแต่ปางกาล | กับองค์นงคราญมาด้วยกัน |
จึ่งบันดาลดลใจสองกษัตริย์ | ผู้ปิ่นแสนสวัสดิ์ไอศวรรย์ |
ประทานเจ้าเยาวลักษณ์วิไลวรรณ | มาเรียงร่วมขวัญกับพี่ยา |
ร่วมรักร่วมใจร่วมจิต | ร่วมชีวีชีวิตสังขาร์ |
ผินพักตร์เสียไยวนิดา | แก้วตาจงได้ปรานี |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นวลนางศรีสุดามารศรี |
ได้ฟังพจนารถวาที | เทวีหวาดหวั่นพรั่นใจ |
เคลื่อนองค์ลงจากแท่นแก้ว | แล้วนบนิ้วประนมบังคมไหว้ |
ชำเลืองเนตรดูภูวไนย | เฉิดโฉมวิไลลาวัณย์ |
อรชรอ้อนแอ้นเอวองค์ | เพียงทรงอำมรเมศรังสรรค์ |
สำเนียงนวลยวนยั่วแดยัน | สารพันเป็นที่จำเริญตา |
ถึงโฉมพระพิษณุรักษ์ | ผู้ทรงลักษณ์โลกลานเสน่หา |
ก็ไม่เทียมเสาวภาคย์กายา | องค์พระผ่านฟ้ายาใจ |
ความอายความรักรึงจิต | ชำเลืองพิศพิศวงหลงใหล |
กรานก้มพักตร์อยู่ไม่ดูไป | ทรามวัยมิได้พาที |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
โอ้
๏ น้องเอยน้องรัก | เยาวลักษณ์ผู้มิ่งมารศรี |
พี่มาหาด้วยสวัสดี | เทวีมิได้จำนรรจา |
เจ้ารังเกียจเคียดแค้นด้วยอันใด | ดวงใจแสนสุดเสน่หา |
เชิญมาร่วมอาสน์ภิรมยา | สั่งสนทนาด้วยกัน |
ว่าพลางลดองค์ลงนั่งแนบ | อิงแอบลูบหลังแล้วรับขวัญ |
เราจะร่วมทุกข์ร่วมชีวัน | ไฉนจึ่งผินผันไม่ไยดี |
อันความพิศวาสรุมรึง | ติดตรึงแน่นในอุระพี่ |
เมตตาบ้างเถิดนะเทวี | มารศรีอย่าสลัดตัดรอน |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นางศรีสุดาดวงสมร |
ได้ฟังวาจาสุนทร | บังอรนบนิ้วแล้วทูลไป |
ซึ่งพระบัญชาว่าการุญ | พระคุณนั้นหาที่สุดไม่ |
แต่อย่าด่วนลวนทำให้ชํ้าใจ | จะได้เห็นว่าทรงพระเมตตา |
ว่าพลางถอยถดขยดหนี | มารศรีค้อนคมแล้วก้มหน้า |
แต่ชม้ายชายเนตรชำเลืองมา | ดูพระยอดฟ้าสุริย์วงศ์ |
ฯ ๖ คำ ฯ
โลม
๏ โฉมเอยโฉมเฉลา | ยุพเยาว์นิ่มเนื้อนวลหง |
มิเสียที่เกิดในรพีพงศ์ | ควรเป็นปิ่นอนงค์นางใน |
งามรสพจนารถจำนรรจา | งามจริตกิริยาไม่หาได้ |
พร้อมเพราะน้ำคำจับใจ | น่าจะช้อนชูไว้กลางกร |
ความพี่แสนสวาทเพียงชีวิต | ไม่ควรคิดเมินหมางสโมสร |
ถอยหนีไปไหนนะบังอร | ดวงสมรจงได้ปรานี |
ว่าพลางคว้าไขว่สัพยอก | เลียมลูบเย้าหยอกมารศรี |
อุ้มองค์อัครราชเทวี | ขึ้นยังแท่นที่ไสยา |
ฯ ๘ คำ ฯ
ร่าย
๏ ทรงเอยทรงเดช | พระจงโปรดเกศเกศา |
นี่หรือว่าทรงพระเมตตา | มิให้เคืองวิญญาณ์เท่ายองใย |
ตัวน้องก็จะรองเบื้องบาท | ใช่จะพ้นภูวนารถก็หาไม่ |
มาทำข่มเหงไม่เกรงใจ | ให้ได้อัประมาณพันทวี |
ขอเชิญเสด็จไปเชยชิด | แนบสนิทนางสนมสาวศรี |
ว่าพลางหยิกข่วนไม่ปรานี | เทวีผลักไสไปมา |
ฯ ๖ คำ ฯ
โลม
๏ สุดเอยสุดสวาท | นุชนาฏแน่งน่อยเสน่หา |
ว่าไยฉะนี้วนิดา | อนิจจามาตัดอาลัย |
อันนางที่เคยบำเรอรักษ์ | จะเปรียบองค์นงลักษณ์กระไรได้ |
ตัวเจ้าเยาวยอดอรไท | ภูวไนยชนกชนนี |
ทั้งสองนคเรศราชฐาน | ประกอบการวิวาห์เฉลิมศรี |
หวังสืบสุริย์วงศ์ประเวณี | ในที่เศวตฉัตรรัตนา |
ถึงจะข่วนหยิกสักเท่าใด | ก็ตามใจไม่ถือโทษา |
ว่าพลางจุมพิตวนิดา | ลูบไล้ไขว่คว้าพัลวัน |
กรสอดกอดเกี่ยวเกลียวกลม | ร่วมรมย์ปลื้มเปรมเกษมสันต์ |
ค่อยประคองต้องดวงบุษบัน | เชยชมรับขวัญเยาวมาลย์ |
ภุมรินบินเคล้าสุบงกช | เชยรสเสาวคนธ์หอมหวาน |
ฝนสวรรค์ครั่นครื้นทั้งจักรวาล | สองสำราญในรสฤๅดี |
ฯ ๑๒ คำ ฯ โลมปี่พาทย์
ช้า
๏ เมื่อนั้น | นวลนางศรีสุดามารศรี |
ได้ภิรมย์รักร่วมประเวณี | ด้วยหลานพระจักรีเลิศไกร |
เริ่มรู้ในรสสังวาส | แสนสนิทพิศวาทไม่คลาดได้ |
แสนสุดเสน่หายาใจ | ในพระผ่านฟ้ายุพาพาล |
ดั่งได้สรงทิพย์อำมฤค | สระสวรรค์พันลึกหอมหวาน |
สารพางค์ซาบสิ้นจนวิญญาณ | เยาวมาลย์ชื่นชมภิรมยา |
ลืมพระบิตุราชมาตุรงค์ | ลืมเหล่าสุริย์วงศ์พงศา |
ลืมแสนสมบัติอันโอฬาร์ | ลืมพาราโรมบุรี |
ลืมทั้งราชฐานเคยสถิต | ลืมสนมเพื่อนสนิทสาวศรี |
แต่เฟี้ยมเฝ้าเคล้าองค์พระภูมี | ในสถานแท่นที่อำไพ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | นางพี่เลี้ยงผู้มีอัชฌาสัย |
ทั้งนางสาวสรรค์กำนัลใน | หมอบใช้ข้างที่เรียงราย |
เห็นพระผ่านฟ้านราสรรค์ | กับแจ่มจันทร์วรนาฏโฉมฉาย |
ร่วมเรียงเคียงพักตร์พริ้มพราย | งามคล้ายรูปทองทั้งสององค์ |
เหล่านางต่างพิศสองกษัตริย์ | โสมนัสเพลินใจใหลหลง |
งามฉวีงามศรีงามทรง | เพียงองค์สุริยันกับจันทรา |
อันทรงกลดหมดเมฆไม่ปกปิด | ซึ่งสถิตเลื่อนลอยในเวหา |
บ้างรับขวัญสรรเสริญบุญญา | ด้วยปรีดาจงรักภักดี |
ฝ่ายฝูงกัลยาคณานาง | พนักงานดุริยางค์ดีดสี |
ก็ประสานสังคีตดนตรี | ขับกล่อมข้างที่บรรเลง |
ฯ ๑๐ คำ ฯ มโหรี