- คำนำ
- บทนำเรื่อง
- ที่มาของอนิรุทธคำฉันท์และบทละคอนเรื่องอุณรุท ของ ธนิต อยู่โพธิ์
- ตอนที่ ๑
- ตอนที่ ๒
- ตอนที่ ๓
- ตอนที่ ๔
- ตอนที่ ๕
- ตอนที่ ๖
- ตอนที่ ๗
- ตอนที่ ๘
- ตอนที่ ๙
- ตอนที่ ๑๐
- ตอนที่ ๑๑
- ตอนที่ ๑๒
- ตอนที่ ๑๓
- ตอนที่ ๑๔
- ตอนที่ ๑๕
- ตอนที่ ๑๖
- ตอนที่ ๑๗
- ตอนที่ ๑๘
- ตอนที่ ๑๙
- ตอนที่ ๒๐
- ตอนที่ ๒๑
- ตอนที่ ๒๒
- ตอนที่ ๒๓ ทศมุขพบพระอุณรุท
- ตอนที่ ๒๔
- ตอนที่ ๒๕
- ตอนที่ ๒๖
- ตอนที่ ๒๗
- ตอนที่ ๒๘
- ตอนที่ ๒๙
- ตอนที่ ๓๐
- ตอนที่ ๓๑
- ตอนที่ ๓๒
- ตอนที่ ๓๓
- ตอนที่ ๓๔
- ตอนที่ ๓๕
- ตอนที่ ๓๖
- ตอนที่ ๓๗
- ตอนที่ ๓๘
- ตอนที่ ๓๙
- ตอนที่ ๔๐
- ตอนที่ ๔๑
- ตอนที่ ๔๒
ตอนที่ ๑ ท้าวกรุงพาณไปเล่นสระอโนดาต
๏ มาจะกล่าวบทไป | ถึงท้าวกรุงพาณยักษา[๑] |
เป็นหน่อสุริย์วงศ์พรหมา | สิบเศียรสิบหน้ายี่สิบกร |
รู้ศิลป์ศาสตรามหาเวท | ทรงเดชท้าวหาญชาญสมร |
เป็นจอมจรรโลงสถาวร | ในนครรัตนากรุงไกร |
ประกอบด้วยไอศูรย์สมบัติ | แก้วเก้าเนาวรัตน์ไม่นับได้ |
ทวยหาญล้วนหาญชาญชัย | หัยรถคชาอเนกนันต์ |
อสุราไพร่ฟ้าประชากร | คับคั่งพระนครเขตขัณฑ์ |
แสนสนุกดั่งเมืองเวสสุวัณ | อันชื่ออากลกมนทา[๒] |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ อันปราการประกอบรอบเรือง | บริมณฑลเมืองยักษา |
กว้างยาวร้อยโยชน์คณนา | ดั่งภูผาสัตภัณฑ์บรรพต |
สูงสมงามทรงทั้งสามชั้น | ประกอบกั้นล้วนแก้วประดับหมด |
เชิงเทินไพรทีพีลด | อลงกตด้วยเงินเงางาม |
ป้อมต้ายรายดวงมุกดาดาษ[๓] | เสมาหุ้มมาศเรืองอร่าม |
ซุ้มทวารบานแววแก้ววาม | ธงทองปักตามนางเรียงราย |
มีคูเขื่อนคั่นเป็นคันขอบ | สามรอบลึกสุดกระแสสาย |
ท้องสนามปราบโปรยโรยทราย | สำหรับพลนิกายประลองยุทธ์ |
ลองช้างม้ามิ่งมโนมัย | ลองเวทวุฒิไกรอึงอุตม์ |
ลองศิลป์ลองสาตราวุธ | ชำนาญการยุทธ์ทุกโยธา |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
ยานี
๏ อันมหาปราสาททั้งสาม | ทองแววแก้ววามเวหา |
พันยอดสูงเยี่ยมเมฆา | พักตราพรหมพริ้มยิ้มพราย |
ช่อฟ้าใบระกาแก้วช่วง | มุขเด็จรายดวงวิเชียรฉาย |
บันกระหนกเครือกินนรกราย | จัตุรมุขสุกพรายทั้งสี่ทิศ |
ลับแลแกลมาศทวารา | รจนาด้วยมณีโรหิต |
ห้องสนมกรมกำนัลเป็นชั้นชิด | แท่นทองที่สถิตสถาวร |
โรงแสงโรงเครื่องสำหรับยุทธ์ | โรงอัษฎาวุธธนูศร |
โรงรถโรงราชกุญชร | ทั้งโรงอัสดรอันดับมา |
ท้าวทรงศักดาอานุภาพ | ปราบได้ทั่วทศทิศา |
เทเวศนักสิทธ์วิทยา | กลัวเกรงฤทธากุมภัณฑ์ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
ร่าย
๏ มีพระมเหสีนงลักษณ์ | ผ่องพักตร์เพียงอัปสรสวรรค์ |
อรชรอ้อนแอ้นวิไลวรรณ | นามนั้นไวยกาเทวี |
ประดับด้วยแสนสาวสุรางค์ | หมื่นหกพันนางเฉลิมศรี |
บำเรอขับกล่อมทุกนาที | อสุรีเป็นสุขสำราญ |
ไม่อยู่ในธรรมทศมิตร | กำเริบฤทธิ์อาจองทะนงหาญ |
ทำตามโอหังลำพังพาล | ประพฤติการหยาบช้าอาธรรม์ |
ถึงปีเคยไปเที่ยวประพาส | อโนดาตสระใหญ่ไพรสัณฑ์ |
ชมกินนรนางเทพเทวัญ | อันมาโสรจสรงสาคร |
จับทั้งโคกระทิงมหิงสา | กิเลนลามฤคราชไกรสร |
กินเล่นเป็นสุขสถาวร | กับหมู่นิกรโยธี |
จึ่งเสด็จย่างเยื้องยุรยาตร | จากห้องปราสาทมณีศรี |
ออกหมู่พหลมนตรี | ยังที่ท้องพระโรงอำไพ |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ เสด็จเหนือบัลลังก์อลังการ | พร้อมเสนามารน้อยใหญ่ |
ดั่งท้าวไพจิตรฤทธิไกร | อยู่ในท่ามกลางอสุรา |
จึ่งมีบรรหารสีหนาท | สั่งมหาอำมาตย์ยักษา |
จงเตรียมพหลโยธา | กูจะไปเที่ยวป่าหิมพานต์ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | เสนาผู้ใหญ่ใจหาญ |
ก้มเกล้ารับราชโองการ | คลานออกมาจากพระโรงคัล |
ฯ ๒ คำ ฯ
ยานี
๏ จัดเป็นจัตุรงค์พยุหบาตร | โดยกระบวนประพาสพนาสัณฑ์ |
พลช้างล้วนช้างซับมัน | ดั้งกันค่ายค้ำพังคา |
ควาญหมอกุมขอกวัดแกว่ง | เสื้อแดงหมวกแดงงามสง่า |
หมู่ม้าล้วนชาติอาชา | เริงร่าเร็วเพียงลมพัด |
มารขี่เสื้อหมวกโหมดทอง | ถือทวนลำพองเผ่นผัด |
หมู่รถล้วนกงเหล็กรัด | ธงชัยปลายสะบัดเฉลิมงอน |
สารถีขี่ขับพาชีชาติ | เผ่นโผนโจนผาดเพียงไกรสร |
กรกุมแส้มาศโตมร | เสื้อหมวกม่วงอ่อนลายสุวรรณ |
พลเท้าห้าวฮึกศึกแสยง | แต่ละตนเรี่ยวแรงแข็งขัน |
สอดใส่เสื้อหมวกสีจันทน์ | ถือเสน่าเกาทัณฑ์คทาวุธ |
ตั้งกองตามท้องสนามชัย | เต็มติดกันไปไม่สิ้นสุด |
เอิกเกริกเริงร่านในการยุทธ์ | อุตลุดเพียบพื้นปถพี |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวพาณาสูรยักษี |
ครั้นเสร็จซึ่งจัดโยธี | เสด็จไปเข้าที่สนานองค์ |
ฯ ๒ คำ ฯ โทน
๏ ปทุมแก้วโปรยปรายสายสินธุ์ | ชำระกายมลทินธุลีผง |
ลูบไล้เครื่องต้นสุคนธ์ทรง | สนับเพลาเครือหงส์อลงกรณ์ |
ภูษาพื้นตองทองพราย | ฉลุลายรูปราชไกรสร |
ชายแครงชายไหวกระหนกงอน | ฉลององค์เครือซ้อนพื้นสุวรรณ |
ตาบทิศทับทรวงดวงประพาฬ | สังวาลมรกตทับทิมคั่น |
รัดอกแก้วกาญจน์ประกอบกัน | ทองกรกุดั่นพาหุรัด |
ธำมรงค์เรือนเก็จเพชรเหลือง | อร่ามเรืองทั้งสิบนิ้วพระหัตถ์ |
ทรงมงกุฎแก้วดอกไม้ทัด | กรรเจียกจอนเนาวรัตน์กุณฑลธาร |
ยี่สิบกรกุมสรรพอาวุธ | สำแดงฤทธิรุทรกำลังหาญ |
เสด็จจากแท่นแก้วอลงการ | พญามารไปขึ้นพิชัยรถ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ กราวนอก เชิด
๏ รถเอยราชรถแก้ว | ดุมกงล้วนแล้วด้วยมรกต |
เรือนแปรกแอกงอนอ่อนชด | ชั้นลดช่องตั้งบัลลังก์ทอง |
ชั้นหนึ่งครุฑจับนาคหิ้ว | เทพนมประนมนิ้วอยู่ชั้นสอง |
ชั้นสามหงส์คาบพู่แก้วกรอง | หว่างช่องกระจกกระหนกกลาย |
บุษบกเรือนเก็จเพชรประดับ | เสากาบประกับมณีฉาย |
ห้ายอดสุกย้อยพลอยพราย | สี่มุขงามคล้ายพิมานฟ้า |
เทียมด้วยราชสีห์สี่พัน | โลทันกุมหอกเงื้อง่า |
เครื่องสูงบังแสงพระสุริยา | ปี่ชวาฆ้องกลองประโคมครึก |
อุษาโยคให้โบกธงชัย | พลไกรโห่ร้องก้องกึก |
เสียงกงรถลั่นพันลึก | คึกคึกตามทางพนาดร |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
ชมดง
๏ เดินทางหว่างเขาลำเนาธาร | ล่วงเข้าหิมพานต์สิงขร |
ใกล้อโนดาตสระชโลทร | รโหฐานร่มร้อนอโณทัย |
พฤกษาขึ้นเคียงเรียงเรียบ | เป็นระเบียบริมรอบสระใหญ่ |
ต้นหว้าผลหวานตระการใจ | ประยงค์ลำไยระย้ายาน |
การเวกบินว่อนมากินหว้า | หรรษาร้องเสียงสำเนียงหวาน |
ชาตบุษย์แย้มบุษป์เบิกบาน | พิกุลกาญจน์ดวงแก้วผกากรอง |
สาลิกาพากันมาจับแก้ว | เสียงแจ้วร่ายโจนโผนผยอง |
น้อยหน่าอินทนิลกระถินทอง | พลับพลองหมู่พลองตะขบเคียง |
นกกระทาบินถาจับกระถิน | ไซ้เกสรกินแล้วส่งเสียง |
สาวหยุดนางแย้มรังเรียง | หันเหียงหาดแหนแน่นนันต์ |
ชมพลางเพลิดเพลินจำเริญเนตร | ดั่งสวนเทเวศในสวรรค์ |
ให้หยุดรถแก้วแพรวพรรณ | แทบเชิงหิมวันตคีรี |
ฯ ๑๒ คำ ฯ เจรจา
ร่าย
๏ จึ่งเสด็จย่างเยื้องยุรยาตร | ลงจากรถมาศมณีศรี |
พร้อมหมู่ทหารโยธี | อสุรีลีลาศประพาสไป |
ฯ ๒ คำ ฯ
ร่าย
๏ ชมอโนดาตสระไพศาล | ชลธารลึกซึ้งเย็นใส |
ดั่งสีแก้วผลึกอำไพ | กวัางใหญ่ห้าสิบโยชนา |
น้ำเปี่ยมเหลี่ยมขอบสระศรี | มีท่าทั้งสี่ทิศา |
บันไดแก้วดาดสะอาดตา | โอฬาร์ละอย่างต่างกัน |
ท่าหนึ่งเป็นที่สระสรง | นางเทพอนงค์สาวสวรรค์ |
ท่าหนึ่งสำหรับเทวัญ | ท่าหนึ่งคนธรรพ์วิชาธร |
ท่าหนึ่งสำหรับอสุรยักษ์ | มเหสักข์ลงสรงสโมสร |
เป็นนิจทุกวันนิรันดร | แสนสถาวรในวารี |
มีช่องคลองชลสี่ด้าน | หนึ่งสัณฐานปากราชสีห์ |
หนึ่งนั้นเป็นปากกิริณี | หนึ่งมีเป็นปากอาชา |
แห่งหนึ่งเป็นปากอุสุภราช | น้ำผาดไหลพ่านฉานฉ่า |
แยกไปเป็นสี่คงคา | ในป่าหิมวันต์บรรพต |
อันเขาทั้งห้าซึ่งล้อมนั้น | ล้วนสุวรรณเงินงามอลงกต |
เชิงชิดติดพันเป็นหลั่นลด | ดั่งปากกาค้อมคดภายใน |
แม้นพระสุริยาเดินตรง | ไม่ส่องแสงลงในสระได้ |
ต่อเดินโดยอุดรทักษิณไป | จึ่งส่องต้องในสระนั้น |
ถึงมาตรลมใหญ่จะชายพัด | ไม่กำจัดน้ำให้ไหวหวั่น |
ด้วยเขาล้อมรอบเป็นขอบคัน | เนื่องกันจนยอดคีรี |
อันจอกแหนเต่าปลามัจฉาชาติ | ไม่มีในอโนดาตสระศรี |
น้ำนั้นจึงใสสะอาดดี | ดั่งวารีในสีทันดร |
ขุนมารลดเลี้ยวเที่ยวชม | สำราญภิรมย์สโมสร |
กับหมู่โยธาพลากร | บทจรตามเชิงคีรีไป |
ฯ ๒๒ คำ ฯ
สระบุหร่ง
๏ พิศเขารายขอบรอบนั้น | ล้วนมหันต์บรรพตสูงใหญ่ |
เนินสะอ้านสะอาดอำไพ | เป็นที่จำเริญใจนัยนา |
เที่ยวชายร่ายชมคันธมาทน์ | ดูประหลาดงามลํ้าภูผา |
พื้นไม้หอมอบตระหลบมา | ดั่งคนธาทิพรสขจายจร |
เวียนไปไกรลาสขุนไศล | ล้วนเงินงามประไพประภัสสร |
เป็นวุ้งเวิ้งเพิงผาสถาวร | ยอดชะง่อนเงื้อมตระหง่านประสานกัน |
เพ่งพิศจิตรกูฏบรรพต | อลงกตแก้วพรายฉายฉัน |
มีเพดานรายดวงดาวสุวรรณ | ข้างบนเป็นมุขบันระบายลาย |
แลดูกาลกูฏศีขรินทร์ | ดำขลับสีนิลมณีฉาย |
ชะโงกเงื้อมเลื่อมแพรวแก้วพราย | แลโปร่งจนปลายเป็นปล่องงาม |
พิศเพ่งเล็งชมเขาสุทัศน์ | แล้วด้วยเนาวรัตน์เรืองอร่าม |
เป็นรุ้งร่วงพวงแก้วแวววาม | ระย้าย้อยห้อยงามจำเริญตา |
พิศพลางทางเที่ยวเลี้ยวลด | ตามเชิงบรรพตทั้งห้า |
แสนสนุกเพลิดเพลินวิญญาณ์ | จนเวลาบ่ายแสงอโณทัย |
ฯ ๑๔ คำ ฯ เพลงฉิ่ง
ร่าย
๏ แล้วรื้อรำพึงคำนึงคิด | ด้วยจิตกำเริบหยาบใหญ่ |
จะใคร่ชมชั้นฟ้าสุราลัย | พิภพหัสนัยน์ธิบดี |
ตริแล้วขึ้นยังบัลลังก์รถ | ให้เลิกทศโยธายักษี |
เหาะทะยานผ่านขึ้นด้วยฤทธี | ไปที่เมรุมาศคีรินธร |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงชั้นดาวดึงสา | เห็นฝูงกัลยาอัปสร |
แต่ละองค์ทรงโฉมอรชร | กับเทพนิกรเทวัญ |
ลงเล่นเป็นสุขในสนาม | อสุรีมีความเกษมสันต์ |
เข้าไล่โรมรุกบุกบัน | กลางฝูงนางสวรรค์วุ่นไป |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ฝูงเทพเทวาน้อยใหญ่ |
กับหมู่นางฟ้าสุราลัย | แลไปเห็นท้าวกรุงพาณ |
ตระหนกตกใจไหวหวาด | เคยกลัวอำนาจกำลังหาญ |
มิได้รอพักตร์ขุนมาร | วิ่งหนีอลหม่านเป็นโกลา |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้น | ท้าวพาณาสูรยักษา |
ไล่กระชิดติดพันกระชั้นมา | ฉวยสไบไขว่คว้าพัลวัน |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | เทเวศกับหมู่สาวสวรรค์ |
ความกลัวอสุรกุมภัณฑ์ | ตัวสั่นเพียงสิ้นชีวี |
นางสวรรค์นั้นร้องหวีดหวีด | ตรีดตรีดอื้ออึงคะนึงมี่ |
ล้มลุกคลุกคลานไม่สมประดี | อุ้มจูงกันหนีอสุรา |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้น | ท้าวพาณาสูรยักษา |
ครั้นเห็นฝูงเทพเทวา | กลัวศักดาเดชหนีไป |
ไล่สกัดฉวัดเฉวียนเวียนวง | จะทันเทพอนงค์ก็หาไม่ |
บ้างเข้าวิมานอำไพ | บ้างไปขอบเขาจักรวาล |
อสุรีมีความโสมนัส | สำรวลตบหัตถ์ฉัดฉาน |
ก็พาพวกพหลพลมาร | กลับมาราชฐานกุมภัณฑ์ |
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้น | ฝ่ายฝูงเทเวศนางสวรรค์ |
ครั้นเห็นอสุราอาธรรม์ | เลิกพวกพลขันธ์กลับไป |
ความแค้นแสนสาหัสนัก | ด้วยขุนยักษ์ทำการหยาบใหญ่ |
ก็ออกจากวิมานอำไพ | ไปเฝ้าหัสนัยน์ธิบดี |
ฯ ๔ คำ ฯ เพลง
๏ ครั้นถึงประณตบทบาท | องค์ท้าวเทวราชโกสีย์ |
ทูลว่าพาณาอสุรี | บัดนี้องอาจอหังการ์ |
ยกพวกพหลพลมาร | มารุกรานถึงดาวดึงสา |
ไล่หมู่ฝูงเทพเทวา | ฉวยฉุดนางฟ้าไม่เกรงใคร |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระจอมเมรุมาศเขาใหญ่ |
ได้ฟังเทวาสุราลัย | เร่าร้อนฤทัยดั่งไฟกาล |
นั่งนิ่งตะลึงรำพึงคิด | แล้วประกาศิตบรรหาร |
จำจะไปทูลองค์พระทรงญาณ | ยังสถานไกรลาสคีรี |
ตรัสพลางย่างเยื้องจรจรัล | พาฝูงเทวัญอัปสรศรี |
ออกจากวิมานรูจี | ไปยังที่เฝ้าเจ้าโลกา |
ฯ ๖ คำ ฯ เพลง
๏ ครั้นถึงน้อมเศียรบังคม | พระอิศวรบรมนาถา |
ทูลว่ากรุงพาณอสุรา | มันทำหยาบช้าเป็นพ้นนัก |
ย่ำยีฝูงเทพเทวัญ | ทั่วสวรรค์ชั้นฟ้าอาณาจักร |
มักใหญ่ใฝ่สูงให้เกินพักตร์ | ฮึกฮักทำตามอำเภอใจ |
บัดนี้ฝูงเทพนิกร | เดือดร้อนหามีที่พึ่งไม่ |
ขอพระองค์ผู้ทรงภพไตร | จงดับภัยโปรดเกล้าเมาลี |
ฯ ๖ คำ ฯ