ตอนที่ ๒๕ นางอุษาทูลท้าวกรุงพาณให้ยกโทษให้พระอุณรุท

โอ้ช้า

๏ เมื่อนั้น ฝ่ายโฉมนวลนางอุษา
ตื่นขึ้นไม่เห็นพระภัสดา ในแท่นไสยาอลงกรณ์
ความตระหนกตกใจเป็นสุดคิด ร้อนจิตดั่งต้องแสงศร
แสนทุกข์แสนเทวษอาวรณ์ ข้อนทรวงเข้าโศกาลัย
นิจจาเอ๋ยพระทูลกระหม่อมแก้ว ทิ้งเมียเสียแล้วหรือไฉน
ให้น้องทนทุกข์ลำบากใจ ร่ำพลางสะอื้นไห้ไปมา

ฯ ๖ คำ ฯ โอด

ร่าย

๏ ครั้นค่อยเคลื่อนคลายวายเทวษ เยาวเรศเหลือบแลซ้ายขวา
เห็นพระแสงขรรค์อันศักดา บนแท่นไสยารูจี
นั่งนิ่งตะลึงรำพึงคิด อัศจรรย์ในจิตโฉมศรี
แม้นพระหนีไปยังธานี ภูมีจะทิ้งพระแสงไย
หรือองค์สมเด็จพระบิดา ให้ลอบมาจับเอาไปได้
นางคิดฉงนสนเท่ห์ใจ ทรามวัยย่างเยื้องบทจร

ฯ ๖ คำ ฯ เพลงบ้าบ่น

ร่าย

๏ ชักม่านสองไขให้สว่าง เรียกนางพี่เลี้ยงสายสมร
เห็นแต่สี่นางบังอร จึ่งมีสุนทรวาจา
หลากใจด้วยพี่ศุภลักษณ์ ไปไหนน้องรักไม่เห็นหน้า
ทิ้งพระโฉมเฉิดเลิศฟ้า ก็หายไปในราตรีกาล

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น สี่นางเยาวยอดสงสาร
ได้ฟังเสาวนีย์นงคราญ ว่าพระผ่านฟ้าหายไป
ต่างตนตระหนกอกสั่น พร้อมกันขุกคิดขึ้นได้
เออนางศุภลักษณ์ทรามวัย ไม่เห็นแต่ในราตรี
หรือจวนตัวกลัวภัยพญายักษ์ ชวนพระทรงลักษณ์ลอบหนี
ต่างคนกราบทูลเทวี ดีร้ายศุภลักษณ์กัลยา
กลัวตายเสียดายชีวิต เชิญพระทรงฤทธิ์นาถา
หนีไปโดยทางเมฆา มั่นคงดั่งข้าสำคัญ

ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น นวลนางอุษาสาวสวรรค์
ฟังพี่เลี้ยงร่วมชีวัน กัลยานิ่งนึกตรึกไป
แล้วมีสุนทรวาที ว่านี้ก็เห็นหาผิดไม่
แต่น้องฉงนสนเท่ห์ใจ ด้วยพระขรรค์ชัยอันศักดา
เป็นอาวุธสำหรับกับกร จะนั่งนอนไม่ไกลหัตถา
บัดนี้ทิ้งไว้ไม่นำพา ผ่านฟ้าจะไปก็ใช่ที
พี่เจ้าจงกรุณาน้อง ไปเที่ยวทุกห้องสาวศรี
หาดูพระดวงชีวี ให้สิ้นที่กินแหนงแคลงใจ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ บัดนั้น สี่นางพี่เลี้ยงผู้ใหญ่
ได้ฟังเสาวนีย์อรไท ต่างตนสงสัยในวิญญาณ์
ก็นบนิ้วดุษฎีชุลีบาท วรนาฏผู้ยอดเสน่หา
พากันเยื้องย่างยาตรา ไปตามวาจาพระเทวี

ฯ ๔ คำ ฯ เพลงฉิ่ง

ร่าย

๏ แยกย่ายรายกันค้นจบ ไม่พบพระโฉมเฉลิมศรี
ได้ยินเสียงพลโยธี อึงมี่เลิกทัพกลับไป
กับเสียงพระมิ่งเมืองมาร กึกก้องสะท้านหวั่นไหว
ยิ่งคิดฉงนสนเท่ห์ใจ ค่อยลอบออกไปถึงชาลา
เหลือบแลขึ้นดูบนอากาศ เห็นพญานาคราชตัวกล้า
กระหวัดรัดองค์พระผ่านฟ้า เข้าไว้กับหน้าพรหมพักตร์
สี่นางตระหนกตกใจ ค่อนทรวงร่ำไห้เพียงอกหัก
โอ้พระสุริย์วงศ์ทรงลักษณ์ จักมาสิ้นชีพเสียบัดนี้

ฯ ๘ คำ ฯ โอด

๏ ร่ำพลางนางวิ่งกลับมา ทูลพระธิดามารศรี
บัดนี้พญานาคี มัดพระภูมีเข้าไว้
บนยอดปราสาทพระบิตุรงค์ ข้าดูพระองค์มิใคร่ได้
แม่จะคิดอ่านประการใด ทูลพลางร่ำไรโศกา

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น โฉมยงองค์นางอุษา
ได้ฟังดั่งจะสิ้นชีวา กัลยารำพันโศกี

ฯ ๒ คำ ฯ

โอ้

๏ โอ้พระยอดฟ้ายาจิต ดวงชีวิตข้าบาทบทศรี
ไฉนมาแพ้ฤทธิ์อสุรี ให้นาคีมัดไปประจานไว้
ดั่งว่าไม่มีศักดาเดช อายฝูงเทเวศน้อยใหญ่
อกเอ๋ยจะทำประการใด ใครจะช่วยได้ให้คืนมา
ทั้งนี้ก็เพราะรักน้อง จึ่งต้องโพยภัยยักษา
จนจักสูญสิ้นชีวา เป็นน่าสงสารพระองค์นัก
อย่าเลยจะเสี่ยงพระขรรค์ชัย ให้รู้แจ้งใจจงตระหนัก
แม้นพระสุริย์วงศ์ทรงลักษณ์ จักไม่ถึงสิ้นชีวัน
จะเป็นแต่ลำบากยากเย็น อย่าให้ใครเห็นพระขรรค์
แม้นจะม้วยด้วยภัยกุมภัณฑ์ จงเห็นทั่วกันประจักษ์ตา
เสี่ยงพลางนางยกพระขรรค์แก้ว อันเพริศแพร้วขึ้นทูนเหนือเกศา
วางไว้ข้างที่ไสยา แล้วโศกาสลบนิ่งไป

ฯ ๑๒ คำ ฯ โอด

๏ บัดนั้น สี่นางผู้มีอัชฌาสัย
เห็นองค์สายสมรอรไท มิได้ไหวติงอินทรีย์
ต่างตนตกใจใจหาย คิดว่าโฉมฉายเฉลิมศรี
ดับสูญสิ้นชีพชีวี ก็โศกีร่ำรักกัลยา
โอ้ว่าสายสวาทของพี่เอ๋ย ทรามเชยผู้ยอดเสน่หา
ไฉนแม่มาปลงชนมา หนีไปฟากฟ้าไม่อาลัย
เสียแรงพี่อุตส่าห์รักษาเจ้า ประโลมเลี้ยงแต่เยาว์มาจนใหญ่
ถนอมดั่งดวงตาดวงใจ สิ่งใดมิให้เคืองวิญญาณ
คิดว่าเจ้าเกิดในโกเมศ ประหลาดล้ำนาเรศยอดสงสาร
หอมกลิ่นเกสรปทุมมาลย์ ติดองค์นงคราญไม่รู้วาย
เห็นว่าจะประเสริฐเลิศนัก เป็นปิ่นปักอนงค์ทั้งหลาย
พี่ถนอมกล่อมเลี้ยงไม่ระคาย หมายใจจะพึ่งบาทา
อุ้มชูดูเจ้าทุกเช้าค่ำ จะลำบากยากใจก็ไม่ว่า
จนจำเริญวัยวัฒนา งามจริตกิริยาพาที
งามนั่งงามนอนอ่อนองค์ งามทรงยกย่างบทศรี
ตัวพี่ทั้งห้านี้ยินดี เชยชมเทวีไม่เว้นวัน
พอเทวาพาองค์พระทรงโฉม มาประโลมแนบน้องภิรมย์ขวัญ
สมศักดิ์สมวงศ์พงศ์พันธุ์ สมสรรรูปทรงอลงการ์
ควรฤๅมาสิ้นชีวาตม์ ตัดขาดห่วงห้องเสน่หา
ละพี่ไว้ให้เวทนา ทรมาทุกข์แทบถึงชีวี
ตัวพี่ทั้งสี่ไม่อยู่แล้ว จะตายตามน้องแก้วโฉมศรี
ร่ำพลางข้อนทรวงเข้าโศกี สี่นางสลบลงพร้อมกัน

ฯ ๒๒ คำ ฯ โอด

๏ เมื่อนั้น ท้าวพาณาสูรรังสรรค์
ให้ขุ่นแค้นวิญญาณ์จาบัลย์ กุมภัณฑ์ถวิลจินดา
อันองค์อุษาเยาวเรศ สงวนดั่งดวงเนตรซ้ายขวา
ไว้ในห้องแก้วอลงการ์ พี่เลี้ยงทั้งห้าไม่ห่างไกล
ถ้าแม้นไม่มีใครชักสื่อ ชายหรือจะอาจเข้ามาได้
ดีร้ายพี่เลี้ยงผู้ร่วมใจ เป็นสายสนกลในรู้กัน
จะเอาอี่ห้าคนที่ต้นคิด มาประหารชีวิตให้อาสัญ
ตรัสสั่งให้เสนากุมภัณฑ์ จงพากันไปจับพี่เลี้ยงมา

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ บัดนั้น สี่เสนามารหาญกล้า
รับสั่งถวายบังคมลา ก็รีบมาปราสาทพระบุตรี

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงจึงสั่งกำนัลใน จงไปหาพี่เลี้ยงโฉมศรี
ออกมาทั้งห้านารี เรานี้จะแจ้งกิจการ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น นางกำนัลเยาวยอดสงสาร
ได้ฟังจึ่งตอบพจมาน อันพี่เลี้ยงนงคราญทั้งห้าคน
อยู่ในปราสาทพระธิดา ตัวข้าไม่รู้เหตุผล
ได้ยินเสียงโศกาอึงอล แซ่ขึ้นทุกตนแล้วเงียบไป
พระบุตรีเข้าที่ไสยาสน์ ใครหรือจะอาจเข้าไปได้
รับสั่งห้ามปรามเป็นพ้นใจ ข้ากลัวโพยภัยนะขุนมาร

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ทั้งสี่เสนาใจหาญ
จึ่งว่าแก่นางพนักงาน พระผู้ผ่านกรุงไกรใช้มา
เป็นการเร็วร้อนรีบไป เหตุใดโต้ตอบอยู่หนักหนา
แม้นช้าไม่พ้นพระอาญา จงเร่งไปหามาบัดนี้

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น นวลนางกำนัลสาวศรี
ได้ฟังมหาเสนี เกรงภัยจะมีก็รีบไป

ฯ ๒ คำ ฯ ชุบ

๏ เห็นสงบสงัดเงียบอยู่ หมู่นางก็คิดสงสัย
จึ่งแหวกม่านกั้นชั้นใน เข้าไปเห็นองค์พระบุตรี
สลบอยู่บนแท่นที่ไสยาสน์ พี่เลี้ยงกลิ้งกลาดกับข้างที่
สำคัญว่าสิ้นชีวี ฝูงนางสาวศรีก็โศกา

ฯ ๔ คำ ฯ โอด

๏ ต่างคนวิโยคโศกศัลย์ ทั่วทุกกำนัลซ้ายขวา
วุ่นวายวิ่งฟายนํ้าตา มาบอกเสนาทันใด

ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา

๏ บัดนั้น สี่เสนามารผู้ใหญ่
ครั้นแจ้งว่าองค์อรไท กับพี่เลี้ยงร่วมใจทั้งนั้น
สลบซบสิ้นสมประดี ยักษีตกใจตัวสั่น
ก็กลับมาทั้งสี่กุมภัณฑ์ ยังปราสาทสุวรรณพญามาร

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงน้อมเกล้าบังคมทูล นเรนทร์สูรปิ่นภพมหาศาล
บัดนี้พระธิดายุพาพาล กับพี่เลี้ยงถึงกาลมรณา

ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น ท้าวพาณาสูรยักษา
ได้ฟังเสนีผู้ปรีชา ผ่านฟ้าตระหนกตกใจ
ความโกรธความแค้นนั้นเสื่อมสูญ พูนเทวษทุกข์ทนหม่นไหม้
ด้วยแสนเสน่หาอาลัย ในองค์อรไทเป็นพ้นนัก
นิ่งขึงตะลึงลานจิต คะนึงคิดวิตกเพียงอกหัก
ชลนัยน์คลอคลองนองพักตร์ พญายักษ์เร่าร้อนวิญญาณ์
โจนจากแท่นแก้วแพรวพรรณ ฝูงอนงค์กำนัลพร้อมหน้า
เร่งรีบลีลาศยาตรา ไปปราสาทรัตนาพระบุตรี

ฯ ๘ คำ ฯ เสมอ

๏ ครั้นถึงพระทวารชั้นใน ได้ยินโศกาลัยอึงมี่
จึ่งเสด็จเข้าไปทันที เห็นองค์เทวีไม่ติงกาย
กับสี่พี่เลี้ยงกลิ้งกลาด สุดแสนอนาถใจหาย
เสด็จขึ้นแท่นแก้วแพร้วพราย กอดสายสวาทเข้าแล้วถอนใจ

ฯ ๔ คำ ฯ

โอ้ช้า

๏ ยี่สิบเนตรน้ำเนตรไหลพราก สิบปากครวญคร่ำร่ำไห้
โอ้ว่าแม่ดวงชีวาลัย มาหนีไปสู่สวรรค์ชั้นฟ้า
พ่อไร้บุตรีโอรสรัก จะสืบศักดิ์สุริย์วงศ์ยักษา
ฝันว่าได้ดวงปทุมา พรานป่าแจ้งเหตุพ่อยินดี
จึ่งพากันออกไปแดนดง วอนขอต่อองค์พระฤๅษี
ได้แม่มาเลี้ยงเป็นบุตรี มีทศมุขมาเจ้ารักน้อง
จำเริญจิตบิดาทุกค่ำเช้า พ่อสงวนนวลเจ้ามิให้หมอง
สายสมรวอนชมหงส์ทอง พ่อไปคล้องเอามาให้ตามใจ
จะฟังเสียงปักษาการเวก พ่อดั้นเมฆค้นหามาให้
ยามร้อนวอนเล่นชลาลัย พ่อพาไปอโนดาตนที
จะชมชั้นวิมานเทวา พ่อพาไปฟากฟ้าราศี
ความรักแม่สุดแสนทวี กระนี้หรือยังทำให้ได้อาย
มาตรแมนกริ้วโกรธทำโทษผัว ตัวเจ้าพ่อรักไม่รู้หาย
ควรหรือมากลั้นชีวาวาย สายสวาทไม่คิดถึงบิดา
มิผินพักตร์มาสั่งบ้างเลย ทรามเชยแสนสุดเสน่หา
ร่ำพลางฟูมฟายชลนา พญามารเพียงสิ้นสมประดี

ฯ ๑๖ คำ ฯ โอด

๏ ครั้นค่อยสว่างสร่างเทวษ ทรงเดชลูบกายมารศรี
ยังละมุนอุ่นอยู่ทั้งอินทรีย์ อสุรีก็แจงประจักษ์ใจ
ว่าสลบซบไปด้วยโศกา จะสูญสิ้นชีวานั้นหาไม่
จึ่งมีบรรหารทันใด อีศุภลักษณ์ไปไหนไม่เห็นมัน
ชะรอยเป็นต้นคนสื่อชัก กลัวนักจึ่งหนีไปแม่นมั่น
ดีแล้วจะได้เห็นกัน กูจะผลาญชีวันให้มรณา
อันสี่พี่เลี้ยงนารี เห็นทีไม่ม้วยสังขาร์
สลบไปด้วยรักพระธิดา จงต้องกายาดูบัดนี้

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ บัดนั้น หมู่นางกำนัลสาวศรี
จึ่งกราบทูลสนองไปทันที โปรดมาทั้งนี้ควรนัก
อันนางศุภลักษณ์กรรฐา ฤทธิ์เดชปรีชาแหลมหลัก
พระบุตรีก็มีใจรัก เห็นจักเป็นต้นเหตุการณ์
เพราะตัวผิดคิดกลัวตาย เบี่ยงบ่ายหลบหนีจากสถาน
ถึงจะไปอยู่นอกจักรวาล จะพ้นเบื้องบทมาลย์เมื่อไรมี
ทูลพลางยกมือลูบลง ที่ตัวนางอนงค์ทั้งสี่
เห็นเย็นไปทั่วทั้งอินทรีย์ ตกใจพ้นที่จะคณนา

ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น ท้าวพาณาสูรยักษา
แสนเทวษแสนโศกโศกา เร่าร้อนวิญญาณดั่งเพลิงกัลป์
จึ่งตรัสสั่งนักเทศขันที ให้อุ้มนางทั้งสี่สาวสรรค์
พระองค์อุ้มพระธิดาลาวัณย์ จรจรัลไปปราสาทอลงการ

ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ

๏ จึ่งวางพระบุตรีศรีสวาท เหนือแท่นทิพมาศมุกดาหาร
ขันทีวางสี่นงคราญ ไว้ใกล้สถานพระธิดา

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ พญามารจึ่งตรัสสั่งไป แก่อนงค์นางในซ้ายขวา
จงเอาเครื่องต้นสุคนธา มาชโลมกายาลงบัดนี้

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น นวลนางกำนัลสาวศรี
รับสั่งแล้วถวายอัญชุลี ก็รีบไปตามมีพระโองการ

ฯ ๒ คำ ฯ ชุบ

๏ ปรุงปนสุคนธวารี อันมีรสกลิ่นหอมหวาน
เสร็จแล้วหมู่นางพนักงาน ก็กลับมายังสถานทันที

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

๏ ชโลมลงทั่วองค์วรนาฏ กับพี่เลี้ยงเยาวราชทั้งสี่
บ้างนวดฟั้นโบกปัดพัดวี ก็ได้สมประดีคืนมา

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น โฉมยงองค์นางอุษา
ครั้นฟื้นลืมเนตรเห็นบิดา กัลยาตระหนกตกใจ
กราบลงกับเบื้องบทเรศ ชลเนตรแถวถั่งหลั่งไหล
สะอื้นโศกาอาลัย อรไทวอนว่าพาที

ฯ ๔ คำ ฯ

โอ้

๏ พระผู้ทรงฤทธิอำนาจ จงโปรดเกล้าข้าบาทบทศรี
ซึ่งลูกผิดพลั้งในครั้งนี้ ให้ขายธุลีพระบาทา
เป็นความชั่วช้าสาหส ฟุ้งไปทั่วทศทิศา
โทษนั้นใหญ่หลวงมหิมา ถึงที่ชีวาวายปราณ
แต่ลูกมิได้คำนึงนึก ตรึกด้วยอำนาจอาจหาญ
ทำโดยกำลังลำพังพาล ล่วงเกินบทมาลย์ให้เคืองกาย
ทั้งนี้เป็นต้นเพราะเทเวศ พาองค์ภูวเรศโฉมฉาย
มาสถิตยังแท่นสุพรรณพราย ให้ภิรมย์สมสายสวาทกัน
ลูกเห็นสมศรีสมชาติ สมราชโภไคยไอศวรรย์
จึงได้ประดิพัทธ์ผูกพัน ด้วยใจโมหันพาลา
ซึ่งทำทุจริตให้ผิดเพศ ทรงเดชจงโปรดเกศา
ลูกรักขอประทานชีวา พระอุณรุทยอดฟ้ายาใจ
พระก็เป็นสุริย์วงศ์จักรกฤษณ์ เรืองฤทธิ์เลิศลบสบสมัย
ผ่านกรุงณรงการาชัย เลี้ยงไว้จะไม่ขายบทมาลย์

ฯ ๑๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวพาณาสูรใจหาญ
ฟังพระธิดายุพาพาล ขุนมารยิ่งกริ้วโกรธา
กระทืบบาทตวาดสุรเสียง สำเนียงกึกก้องดังฟ้าผ่า
เหวยเหวยอีเจ้ามารยา มึงช่างด้านว่าไม่อายใจ
กับพี่เลี้ยงร่วมจิตคิดกัน ลงเอาเทวัญก็เป็นได้
ใครจักเชื่อลิ้นอีจัญไร แต่จะว่าสิ่งใดไม่สู้แค้น
ซึ่งยกข้อยอวงศ์จักรกฤษณ์ คำนี้เจ็บจิตเหลือแสน
ถึงสวรรค์ชั้นฟ้าเมืองแมน จะดูแคลนกูได้ก็ไม่มี
ถ้าเป็นจักรพรรดิกษัตรา ก็จะมีทูตาถือสารศรี
มาว่าขานโดยการประเวณี เห็นดีก็จะหย่อนผ่อนตาม
นี่ทำข่มเหงไม่เกรงพักตร์ ศักดาเป็นกระไรจึ่งหยาบหยาม
ตัวกูผู้เลื่องลือนาม สามโลกย่อมเกรงเดชา
มึงอย่าพักขอกูไม่ให้ จะผลาญชีวาลัยเสียดีกว่า
ตัวมึงหากคิดว่าเลี้ยงมา หาไม่จะฆ่าเสียด้วยกัน

ฯ ๑๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นวลนางอุษาสาวสวรรค์
ได้ฟังบิตุเรศรำพัน กัลยาทูลวอนไปทันที
ลูกรักขอโทษพระเยาวราช ไม่โปรดข้าบาทบทศรี
แม้นว่าพระม้วยชีวี อันตัวลูกนี้จะตายตาม
เป็นวิบากกรรมได้ทำชั่ว ก็รู้ทั่วหล้าโลกทั้งสาม
จะครองชีวิตไว้ก็ไม่งาม จะมีแต่ความนินทา
ได้ถึงร่วมรมย์สนมสนิท พระทรงฤทธิ์จงโปรดเกศา
ฆ่าเสียก็ม้วยชีวา ใช่ว่าจะพ้นราคี
อันหญิงเกิดมาเป็นม่าย อายมนุษย์เทวาในราศี
พระองค์ผู้ทรงธรณี ภูมีจงได้เมตตา

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวพาณาสูรยักษา
ได้ฟังพระราชธิดา ยิ่งกริ้วโกรธาตรัสไป
เหม่เหม่ดูดู๋อีทรลักษณ์ ยังฝืนพักตร์อ้อนวอนฉะนี้ได้
ทำงามอยู่แล้วฤๅว่าไร ให้กูได้อายแก่เทวัญ
ทั้งมนุษย์ครุฑาวิชาธร จะขจรทั่วภพจบสวรรค์
น่าที่จะประชุมชวนกัน เย้ยหยันดูหมิ่นนินทา
มึงยังนับถือกันว่าดี อีลูกอัปรีย์ขายหน้า
เสียทีตั้งใจเลี้ยงมา หวังว่าจะให้งามในแดนไตร
มิรู้กลับเป็นทรยศ สุดที่จะอดกลั้นได้
อี่ลูกทรลักษณ์จงเร่งไป ช้าอยู่กูไม่ไว้ชีวัน
ว่าแล้วผุดลุกขึ้นจากอาสน์ กระทืบบาทสะเทือนเลื่อนลั่น
พระบุตรีวอนว่ารำพัน ก็ผินผันพักตร์เสียไม่เจรจา[๑]

ฯ ๑๒ คำ ฯ

โอ้

๏ เมื่อนั้น พระยอดเยาวอนงค์เสน่หา
เห็นองค์สมเด็จพระบิดา กริ้วโกรธานักดั่งอัคคี
กอดบาทเข้าร่ำพิไรวอน ภูธรจงโปรดเกศี
ถึงชั่วช้าก็ได้เป็นสามี ลูกขอชีวีพระองค์ไว้
พอเป็นเกือกทองทิพมาศ รองบาทบิตุรงค์เห็นคงได้
แม้นไม่เมตตาอาลัย ที่ไหนลูกจะมีชีวา
แต่เฝ้าอ้อนวอนเป็นหลายครั้ง พระผินหลังไม่แลดูหน้า
จนใจแล้วถวายบังคมลา กลับมากับสี่นงคราญ

ฯ ๘ คำ ฯ เพลง

๏ ครั้นถึงห้องแก้วอลงกต นางแสนกำสรดสงสาร
โหยหวนครวญไห้อาลัยลาน เยาวมาลย์ร่ำรักพระภูมี
โอ้พระทูลกระหม่อมของน้องเอ๋ย ใครเลยจะช่วยพระโฉมศรี
น่าที่จะม้วยชีวี ด้วยฤทธิ์นาคีเกรียงไกร
น้องรักร่ำวอนขอโทษ พระบิตุเรศจะโปรดก็หาไม่
แม้นมาตรพระม้วยชีวาลัย เมียจะตายตามไปยังเมืองฟ้า
มิขออยู่เป็นคนให้ทนโศก ด้วยวิโยคพระยอดเสน่หา
ร่ำพลางนางทรงโศกา ดั่งว่าจะสิ้นชนมาน

ฯ ๘ คำ ฯ โอด

ร่าย

๏ เหลือบเห็นพระขรรค์อันเรืองฤทธิ์ ก็นึกได้ซึ่งจิตอธิษฐาน
ดีร้ายพระองค์ไม่วายปราณ บุญจึ่งบันดาลกำบังไว้
เมื่อบิตุเรศเสด็จมานี้ พร้อมหมู่เสนีน้อยใหญ่
ผู้ใดไม่เห็นพระขรรค์ชัย ก็ประจักษ์แก่ใจในสัจจา
นางยกพระแสงขึ้นทูนเกศ เยาวเรศซํ้าเสี่ยงวาสนา
เดชะกุศลเราสองรา แม้นว่าคู่ควรครองกัน
ขอจงให้มีผู้ช่วย อย่าม้วยชีวาอาสัญ
ปลดปลอดรอดราชไภยันต์ นางร่ำรำพันแล้วโศกี

ฯ ๘ คำ ฯ โอด


[๑] จบต้นฉบับหนังสือสมุดไทย เลขที่ ๕๖๑ และ ๕๖๓ เริ่มต้นฉบับหนังสือสมุดไทย เลขที่ ๕๖๔, ๕๖๕

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ