- คำนำ
- บทนำเรื่อง
- ที่มาของอนิรุทธคำฉันท์และบทละคอนเรื่องอุณรุท ของ ธนิต อยู่โพธิ์
- ตอนที่ ๑
- ตอนที่ ๒
- ตอนที่ ๓
- ตอนที่ ๔
- ตอนที่ ๕
- ตอนที่ ๖
- ตอนที่ ๗
- ตอนที่ ๘
- ตอนที่ ๙
- ตอนที่ ๑๐
- ตอนที่ ๑๑
- ตอนที่ ๑๒
- ตอนที่ ๑๓
- ตอนที่ ๑๔
- ตอนที่ ๑๕
- ตอนที่ ๑๖
- ตอนที่ ๑๗
- ตอนที่ ๑๘
- ตอนที่ ๑๙
- ตอนที่ ๒๐
- ตอนที่ ๒๑
- ตอนที่ ๒๒
- ตอนที่ ๒๓ ทศมุขพบพระอุณรุท
- ตอนที่ ๒๔
- ตอนที่ ๒๕
- ตอนที่ ๒๖
- ตอนที่ ๒๗
- ตอนที่ ๒๘
- ตอนที่ ๒๙
- ตอนที่ ๓๐
- ตอนที่ ๓๑
- ตอนที่ ๓๒
- ตอนที่ ๓๓
- ตอนที่ ๓๔
- ตอนที่ ๓๕
- ตอนที่ ๓๖
- ตอนที่ ๓๗
- ตอนที่ ๓๘
- ตอนที่ ๓๙
- ตอนที่ ๔๐
- ตอนที่ ๔๑
- ตอนที่ ๔๒
ตอนที่ ๒๕ นางอุษาทูลท้าวกรุงพาณให้ยกโทษให้พระอุณรุท
โอ้ช้า
๏ เมื่อนั้น | ฝ่ายโฉมนวลนางอุษา |
ตื่นขึ้นไม่เห็นพระภัสดา | ในแท่นไสยาอลงกรณ์ |
ความตระหนกตกใจเป็นสุดคิด | ร้อนจิตดั่งต้องแสงศร |
แสนทุกข์แสนเทวษอาวรณ์ | ข้อนทรวงเข้าโศกาลัย |
นิจจาเอ๋ยพระทูลกระหม่อมแก้ว | ทิ้งเมียเสียแล้วหรือไฉน |
ให้น้องทนทุกข์ลำบากใจ | ร่ำพลางสะอื้นไห้ไปมา |
ฯ ๖ คำ ฯ โอด
ร่าย
๏ ครั้นค่อยเคลื่อนคลายวายเทวษ | เยาวเรศเหลือบแลซ้ายขวา |
เห็นพระแสงขรรค์อันศักดา | บนแท่นไสยารูจี |
นั่งนิ่งตะลึงรำพึงคิด | อัศจรรย์ในจิตโฉมศรี |
แม้นพระหนีไปยังธานี | ภูมีจะทิ้งพระแสงไย |
หรือองค์สมเด็จพระบิดา | ให้ลอบมาจับเอาไปได้ |
นางคิดฉงนสนเท่ห์ใจ | ทรามวัยย่างเยื้องบทจร |
ฯ ๖ คำ ฯ เพลงบ้าบ่น
ร่าย
๏ ชักม่านสองไขให้สว่าง | เรียกนางพี่เลี้ยงสายสมร |
เห็นแต่สี่นางบังอร | จึ่งมีสุนทรวาจา |
หลากใจด้วยพี่ศุภลักษณ์ | ไปไหนน้องรักไม่เห็นหน้า |
ทิ้งพระโฉมเฉิดเลิศฟ้า | ก็หายไปในราตรีกาล |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | สี่นางเยาวยอดสงสาร |
ได้ฟังเสาวนีย์นงคราญ | ว่าพระผ่านฟ้าหายไป |
ต่างตนตระหนกอกสั่น | พร้อมกันขุกคิดขึ้นได้ |
เออนางศุภลักษณ์ทรามวัย | ไม่เห็นแต่ในราตรี |
หรือจวนตัวกลัวภัยพญายักษ์ | ชวนพระทรงลักษณ์ลอบหนี |
ต่างคนกราบทูลเทวี | ดีร้ายศุภลักษณ์กัลยา |
กลัวตายเสียดายชีวิต | เชิญพระทรงฤทธิ์นาถา |
หนีไปโดยทางเมฆา | มั่นคงดั่งข้าสำคัญ |
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | นวลนางอุษาสาวสวรรค์ |
ฟังพี่เลี้ยงร่วมชีวัน | กัลยานิ่งนึกตรึกไป |
แล้วมีสุนทรวาที | ว่านี้ก็เห็นหาผิดไม่ |
แต่น้องฉงนสนเท่ห์ใจ | ด้วยพระขรรค์ชัยอันศักดา |
เป็นอาวุธสำหรับกับกร | จะนั่งนอนไม่ไกลหัตถา |
บัดนี้ทิ้งไว้ไม่นำพา | ผ่านฟ้าจะไปก็ใช่ที |
พี่เจ้าจงกรุณาน้อง | ไปเที่ยวทุกห้องสาวศรี |
หาดูพระดวงชีวี | ให้สิ้นที่กินแหนงแคลงใจ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | สี่นางพี่เลี้ยงผู้ใหญ่ |
ได้ฟังเสาวนีย์อรไท | ต่างตนสงสัยในวิญญาณ์ |
ก็นบนิ้วดุษฎีชุลีบาท | วรนาฏผู้ยอดเสน่หา |
พากันเยื้องย่างยาตรา | ไปตามวาจาพระเทวี |
ฯ ๔ คำ ฯ เพลงฉิ่ง
ร่าย
๏ แยกย่ายรายกันค้นจบ | ไม่พบพระโฉมเฉลิมศรี |
ได้ยินเสียงพลโยธี | อึงมี่เลิกทัพกลับไป |
กับเสียงพระมิ่งเมืองมาร | กึกก้องสะท้านหวั่นไหว |
ยิ่งคิดฉงนสนเท่ห์ใจ | ค่อยลอบออกไปถึงชาลา |
เหลือบแลขึ้นดูบนอากาศ | เห็นพญานาคราชตัวกล้า |
กระหวัดรัดองค์พระผ่านฟ้า | เข้าไว้กับหน้าพรหมพักตร์ |
สี่นางตระหนกตกใจ | ค่อนทรวงร่ำไห้เพียงอกหัก |
โอ้พระสุริย์วงศ์ทรงลักษณ์ | จักมาสิ้นชีพเสียบัดนี้ |
ฯ ๘ คำ ฯ โอด
๏ ร่ำพลางนางวิ่งกลับมา | ทูลพระธิดามารศรี |
บัดนี้พญานาคี | มัดพระภูมีเข้าไว้ |
บนยอดปราสาทพระบิตุรงค์ | ข้าดูพระองค์มิใคร่ได้ |
แม่จะคิดอ่านประการใด | ทูลพลางร่ำไรโศกา |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | โฉมยงองค์นางอุษา |
ได้ฟังดั่งจะสิ้นชีวา | กัลยารำพันโศกี |
ฯ ๒ คำ ฯ
โอ้
๏ โอ้พระยอดฟ้ายาจิต | ดวงชีวิตข้าบาทบทศรี |
ไฉนมาแพ้ฤทธิ์อสุรี | ให้นาคีมัดไปประจานไว้ |
ดั่งว่าไม่มีศักดาเดช | อายฝูงเทเวศน้อยใหญ่ |
อกเอ๋ยจะทำประการใด | ใครจะช่วยได้ให้คืนมา |
ทั้งนี้ก็เพราะรักน้อง | จึ่งต้องโพยภัยยักษา |
จนจักสูญสิ้นชีวา | เป็นน่าสงสารพระองค์นัก |
อย่าเลยจะเสี่ยงพระขรรค์ชัย | ให้รู้แจ้งใจจงตระหนัก |
แม้นพระสุริย์วงศ์ทรงลักษณ์ | จักไม่ถึงสิ้นชีวัน |
จะเป็นแต่ลำบากยากเย็น | อย่าให้ใครเห็นพระขรรค์ |
แม้นจะม้วยด้วยภัยกุมภัณฑ์ | จงเห็นทั่วกันประจักษ์ตา |
เสี่ยงพลางนางยกพระขรรค์แก้ว | อันเพริศแพร้วขึ้นทูนเหนือเกศา |
วางไว้ข้างที่ไสยา | แล้วโศกาสลบนิ่งไป |
ฯ ๑๒ คำ ฯ โอด
๏ บัดนั้น | สี่นางผู้มีอัชฌาสัย |
เห็นองค์สายสมรอรไท | มิได้ไหวติงอินทรีย์ |
ต่างตนตกใจใจหาย | คิดว่าโฉมฉายเฉลิมศรี |
ดับสูญสิ้นชีพชีวี | ก็โศกีร่ำรักกัลยา |
โอ้ว่าสายสวาทของพี่เอ๋ย | ทรามเชยผู้ยอดเสน่หา |
ไฉนแม่มาปลงชนมา | หนีไปฟากฟ้าไม่อาลัย |
เสียแรงพี่อุตส่าห์รักษาเจ้า | ประโลมเลี้ยงแต่เยาว์มาจนใหญ่ |
ถนอมดั่งดวงตาดวงใจ | สิ่งใดมิให้เคืองวิญญาณ |
คิดว่าเจ้าเกิดในโกเมศ | ประหลาดล้ำนาเรศยอดสงสาร |
หอมกลิ่นเกสรปทุมมาลย์ | ติดองค์นงคราญไม่รู้วาย |
เห็นว่าจะประเสริฐเลิศนัก | เป็นปิ่นปักอนงค์ทั้งหลาย |
พี่ถนอมกล่อมเลี้ยงไม่ระคาย | หมายใจจะพึ่งบาทา |
อุ้มชูดูเจ้าทุกเช้าค่ำ | จะลำบากยากใจก็ไม่ว่า |
จนจำเริญวัยวัฒนา | งามจริตกิริยาพาที |
งามนั่งงามนอนอ่อนองค์ | งามทรงยกย่างบทศรี |
ตัวพี่ทั้งห้านี้ยินดี | เชยชมเทวีไม่เว้นวัน |
พอเทวาพาองค์พระทรงโฉม | มาประโลมแนบน้องภิรมย์ขวัญ |
สมศักดิ์สมวงศ์พงศ์พันธุ์ | สมสรรรูปทรงอลงการ์ |
ควรฤๅมาสิ้นชีวาตม์ | ตัดขาดห่วงห้องเสน่หา |
ละพี่ไว้ให้เวทนา | ทรมาทุกข์แทบถึงชีวี |
ตัวพี่ทั้งสี่ไม่อยู่แล้ว | จะตายตามน้องแก้วโฉมศรี |
ร่ำพลางข้อนทรวงเข้าโศกี | สี่นางสลบลงพร้อมกัน |
ฯ ๒๒ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้น | ท้าวพาณาสูรรังสรรค์ |
ให้ขุ่นแค้นวิญญาณ์จาบัลย์ | กุมภัณฑ์ถวิลจินดา |
อันองค์อุษาเยาวเรศ | สงวนดั่งดวงเนตรซ้ายขวา |
ไว้ในห้องแก้วอลงการ์ | พี่เลี้ยงทั้งห้าไม่ห่างไกล |
ถ้าแม้นไม่มีใครชักสื่อ | ชายหรือจะอาจเข้ามาได้ |
ดีร้ายพี่เลี้ยงผู้ร่วมใจ | เป็นสายสนกลในรู้กัน |
จะเอาอี่ห้าคนที่ต้นคิด | มาประหารชีวิตให้อาสัญ |
ตรัสสั่งให้เสนากุมภัณฑ์ | จงพากันไปจับพี่เลี้ยงมา |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | สี่เสนามารหาญกล้า |
รับสั่งถวายบังคมลา | ก็รีบมาปราสาทพระบุตรี |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึงสั่งกำนัลใน | จงไปหาพี่เลี้ยงโฉมศรี |
ออกมาทั้งห้านารี | เรานี้จะแจ้งกิจการ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | นางกำนัลเยาวยอดสงสาร |
ได้ฟังจึ่งตอบพจมาน | อันพี่เลี้ยงนงคราญทั้งห้าคน |
อยู่ในปราสาทพระธิดา | ตัวข้าไม่รู้เหตุผล |
ได้ยินเสียงโศกาอึงอล | แซ่ขึ้นทุกตนแล้วเงียบไป |
พระบุตรีเข้าที่ไสยาสน์ | ใครหรือจะอาจเข้าไปได้ |
รับสั่งห้ามปรามเป็นพ้นใจ | ข้ากลัวโพยภัยนะขุนมาร |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ทั้งสี่เสนาใจหาญ |
จึ่งว่าแก่นางพนักงาน | พระผู้ผ่านกรุงไกรใช้มา |
เป็นการเร็วร้อนรีบไป | เหตุใดโต้ตอบอยู่หนักหนา |
แม้นช้าไม่พ้นพระอาญา | จงเร่งไปหามาบัดนี้ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | นวลนางกำนัลสาวศรี |
ได้ฟังมหาเสนี | เกรงภัยจะมีก็รีบไป |
ฯ ๒ คำ ฯ ชุบ
๏ เห็นสงบสงัดเงียบอยู่ | หมู่นางก็คิดสงสัย |
จึ่งแหวกม่านกั้นชั้นใน | เข้าไปเห็นองค์พระบุตรี |
สลบอยู่บนแท่นที่ไสยาสน์ | พี่เลี้ยงกลิ้งกลาดกับข้างที่ |
สำคัญว่าสิ้นชีวี | ฝูงนางสาวศรีก็โศกา |
ฯ ๔ คำ ฯ โอด
๏ ต่างคนวิโยคโศกศัลย์ | ทั่วทุกกำนัลซ้ายขวา |
วุ่นวายวิ่งฟายนํ้าตา | มาบอกเสนาทันใด |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้น | สี่เสนามารผู้ใหญ่ |
ครั้นแจ้งว่าองค์อรไท | กับพี่เลี้ยงร่วมใจทั้งนั้น |
สลบซบสิ้นสมประดี | ยักษีตกใจตัวสั่น |
ก็กลับมาทั้งสี่กุมภัณฑ์ | ยังปราสาทสุวรรณพญามาร |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงน้อมเกล้าบังคมทูล | นเรนทร์สูรปิ่นภพมหาศาล |
บัดนี้พระธิดายุพาพาล | กับพี่เลี้ยงถึงกาลมรณา |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | ท้าวพาณาสูรยักษา |
ได้ฟังเสนีผู้ปรีชา | ผ่านฟ้าตระหนกตกใจ |
ความโกรธความแค้นนั้นเสื่อมสูญ | พูนเทวษทุกข์ทนหม่นไหม้ |
ด้วยแสนเสน่หาอาลัย | ในองค์อรไทเป็นพ้นนัก |
นิ่งขึงตะลึงลานจิต | คะนึงคิดวิตกเพียงอกหัก |
ชลนัยน์คลอคลองนองพักตร์ | พญายักษ์เร่าร้อนวิญญาณ์ |
โจนจากแท่นแก้วแพรวพรรณ | ฝูงอนงค์กำนัลพร้อมหน้า |
เร่งรีบลีลาศยาตรา | ไปปราสาทรัตนาพระบุตรี |
ฯ ๘ คำ ฯ เสมอ
๏ ครั้นถึงพระทวารชั้นใน | ได้ยินโศกาลัยอึงมี่ |
จึ่งเสด็จเข้าไปทันที | เห็นองค์เทวีไม่ติงกาย |
กับสี่พี่เลี้ยงกลิ้งกลาด | สุดแสนอนาถใจหาย |
เสด็จขึ้นแท่นแก้วแพร้วพราย | กอดสายสวาทเข้าแล้วถอนใจ |
ฯ ๔ คำ ฯ
โอ้ช้า
๏ ยี่สิบเนตรน้ำเนตรไหลพราก | สิบปากครวญคร่ำร่ำไห้ |
โอ้ว่าแม่ดวงชีวาลัย | มาหนีไปสู่สวรรค์ชั้นฟ้า |
พ่อไร้บุตรีโอรสรัก | จะสืบศักดิ์สุริย์วงศ์ยักษา |
ฝันว่าได้ดวงปทุมา | พรานป่าแจ้งเหตุพ่อยินดี |
จึ่งพากันออกไปแดนดง | วอนขอต่อองค์พระฤๅษี |
ได้แม่มาเลี้ยงเป็นบุตรี | มีทศมุขมาเจ้ารักน้อง |
จำเริญจิตบิดาทุกค่ำเช้า | พ่อสงวนนวลเจ้ามิให้หมอง |
สายสมรวอนชมหงส์ทอง | พ่อไปคล้องเอามาให้ตามใจ |
จะฟังเสียงปักษาการเวก | พ่อดั้นเมฆค้นหามาให้ |
ยามร้อนวอนเล่นชลาลัย | พ่อพาไปอโนดาตนที |
จะชมชั้นวิมานเทวา | พ่อพาไปฟากฟ้าราศี |
ความรักแม่สุดแสนทวี | กระนี้หรือยังทำให้ได้อาย |
มาตรแมนกริ้วโกรธทำโทษผัว | ตัวเจ้าพ่อรักไม่รู้หาย |
ควรหรือมากลั้นชีวาวาย | สายสวาทไม่คิดถึงบิดา |
มิผินพักตร์มาสั่งบ้างเลย | ทรามเชยแสนสุดเสน่หา |
ร่ำพลางฟูมฟายชลนา | พญามารเพียงสิ้นสมประดี |
ฯ ๑๖ คำ ฯ โอด
๏ ครั้นค่อยสว่างสร่างเทวษ | ทรงเดชลูบกายมารศรี |
ยังละมุนอุ่นอยู่ทั้งอินทรีย์ | อสุรีก็แจงประจักษ์ใจ |
ว่าสลบซบไปด้วยโศกา | จะสูญสิ้นชีวานั้นหาไม่ |
จึ่งมีบรรหารทันใด | อีศุภลักษณ์ไปไหนไม่เห็นมัน |
ชะรอยเป็นต้นคนสื่อชัก | กลัวนักจึ่งหนีไปแม่นมั่น |
ดีแล้วจะได้เห็นกัน | กูจะผลาญชีวันให้มรณา |
อันสี่พี่เลี้ยงนารี | เห็นทีไม่ม้วยสังขาร์ |
สลบไปด้วยรักพระธิดา | จงต้องกายาดูบัดนี้ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | หมู่นางกำนัลสาวศรี |
จึ่งกราบทูลสนองไปทันที | โปรดมาทั้งนี้ควรนัก |
อันนางศุภลักษณ์กรรฐา | ฤทธิ์เดชปรีชาแหลมหลัก |
พระบุตรีก็มีใจรัก | เห็นจักเป็นต้นเหตุการณ์ |
เพราะตัวผิดคิดกลัวตาย | เบี่ยงบ่ายหลบหนีจากสถาน |
ถึงจะไปอยู่นอกจักรวาล | จะพ้นเบื้องบทมาลย์เมื่อไรมี |
ทูลพลางยกมือลูบลง | ที่ตัวนางอนงค์ทั้งสี่ |
เห็นเย็นไปทั่วทั้งอินทรีย์ | ตกใจพ้นที่จะคณนา |
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | ท้าวพาณาสูรยักษา |
แสนเทวษแสนโศกโศกา | เร่าร้อนวิญญาณดั่งเพลิงกัลป์ |
จึ่งตรัสสั่งนักเทศขันที | ให้อุ้มนางทั้งสี่สาวสรรค์ |
พระองค์อุ้มพระธิดาลาวัณย์ | จรจรัลไปปราสาทอลงการ |
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
๏ จึ่งวางพระบุตรีศรีสวาท | เหนือแท่นทิพมาศมุกดาหาร |
ขันทีวางสี่นงคราญ | ไว้ใกล้สถานพระธิดา |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ พญามารจึ่งตรัสสั่งไป | แก่อนงค์นางในซ้ายขวา |
จงเอาเครื่องต้นสุคนธา | มาชโลมกายาลงบัดนี้ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | นวลนางกำนัลสาวศรี |
รับสั่งแล้วถวายอัญชุลี | ก็รีบไปตามมีพระโองการ |
ฯ ๒ คำ ฯ ชุบ
๏ ปรุงปนสุคนธวารี | อันมีรสกลิ่นหอมหวาน |
เสร็จแล้วหมู่นางพนักงาน | ก็กลับมายังสถานทันที |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ ชโลมลงทั่วองค์วรนาฏ | กับพี่เลี้ยงเยาวราชทั้งสี่ |
บ้างนวดฟั้นโบกปัดพัดวี | ก็ได้สมประดีคืนมา |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | โฉมยงองค์นางอุษา |
ครั้นฟื้นลืมเนตรเห็นบิดา | กัลยาตระหนกตกใจ |
กราบลงกับเบื้องบทเรศ | ชลเนตรแถวถั่งหลั่งไหล |
สะอื้นโศกาอาลัย | อรไทวอนว่าพาที |
ฯ ๔ คำ ฯ
โอ้
๏ พระผู้ทรงฤทธิอำนาจ | จงโปรดเกล้าข้าบาทบทศรี |
ซึ่งลูกผิดพลั้งในครั้งนี้ | ให้ขายธุลีพระบาทา |
เป็นความชั่วช้าสาหส | ฟุ้งไปทั่วทศทิศา |
โทษนั้นใหญ่หลวงมหิมา | ถึงที่ชีวาวายปราณ |
แต่ลูกมิได้คำนึงนึก | ตรึกด้วยอำนาจอาจหาญ |
ทำโดยกำลังลำพังพาล | ล่วงเกินบทมาลย์ให้เคืองกาย |
ทั้งนี้เป็นต้นเพราะเทเวศ | พาองค์ภูวเรศโฉมฉาย |
มาสถิตยังแท่นสุพรรณพราย | ให้ภิรมย์สมสายสวาทกัน |
ลูกเห็นสมศรีสมชาติ | สมราชโภไคยไอศวรรย์ |
จึงได้ประดิพัทธ์ผูกพัน | ด้วยใจโมหันพาลา |
ซึ่งทำทุจริตให้ผิดเพศ | ทรงเดชจงโปรดเกศา |
ลูกรักขอประทานชีวา | พระอุณรุทยอดฟ้ายาใจ |
พระก็เป็นสุริย์วงศ์จักรกฤษณ์ | เรืองฤทธิ์เลิศลบสบสมัย |
ผ่านกรุงณรงการาชัย | เลี้ยงไว้จะไม่ขายบทมาลย์ |
ฯ ๑๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวพาณาสูรใจหาญ |
ฟังพระธิดายุพาพาล | ขุนมารยิ่งกริ้วโกรธา |
กระทืบบาทตวาดสุรเสียง | สำเนียงกึกก้องดังฟ้าผ่า |
เหวยเหวยอีเจ้ามารยา | มึงช่างด้านว่าไม่อายใจ |
กับพี่เลี้ยงร่วมจิตคิดกัน | ลงเอาเทวัญก็เป็นได้ |
ใครจักเชื่อลิ้นอีจัญไร | แต่จะว่าสิ่งใดไม่สู้แค้น |
ซึ่งยกข้อยอวงศ์จักรกฤษณ์ | คำนี้เจ็บจิตเหลือแสน |
ถึงสวรรค์ชั้นฟ้าเมืองแมน | จะดูแคลนกูได้ก็ไม่มี |
ถ้าเป็นจักรพรรดิกษัตรา | ก็จะมีทูตาถือสารศรี |
มาว่าขานโดยการประเวณี | เห็นดีก็จะหย่อนผ่อนตาม |
นี่ทำข่มเหงไม่เกรงพักตร์ | ศักดาเป็นกระไรจึ่งหยาบหยาม |
ตัวกูผู้เลื่องลือนาม | สามโลกย่อมเกรงเดชา |
มึงอย่าพักขอกูไม่ให้ | จะผลาญชีวาลัยเสียดีกว่า |
ตัวมึงหากคิดว่าเลี้ยงมา | หาไม่จะฆ่าเสียด้วยกัน |
ฯ ๑๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นวลนางอุษาสาวสวรรค์ |
ได้ฟังบิตุเรศรำพัน | กัลยาทูลวอนไปทันที |
ลูกรักขอโทษพระเยาวราช | ไม่โปรดข้าบาทบทศรี |
แม้นว่าพระม้วยชีวี | อันตัวลูกนี้จะตายตาม |
เป็นวิบากกรรมได้ทำชั่ว | ก็รู้ทั่วหล้าโลกทั้งสาม |
จะครองชีวิตไว้ก็ไม่งาม | จะมีแต่ความนินทา |
ได้ถึงร่วมรมย์สนมสนิท | พระทรงฤทธิ์จงโปรดเกศา |
ฆ่าเสียก็ม้วยชีวา | ใช่ว่าจะพ้นราคี |
อันหญิงเกิดมาเป็นม่าย | อายมนุษย์เทวาในราศี |
พระองค์ผู้ทรงธรณี | ภูมีจงได้เมตตา |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวพาณาสูรยักษา |
ได้ฟังพระราชธิดา | ยิ่งกริ้วโกรธาตรัสไป |
เหม่เหม่ดูดู๋อีทรลักษณ์ | ยังฝืนพักตร์อ้อนวอนฉะนี้ได้ |
ทำงามอยู่แล้วฤๅว่าไร | ให้กูได้อายแก่เทวัญ |
ทั้งมนุษย์ครุฑาวิชาธร | จะขจรทั่วภพจบสวรรค์ |
น่าที่จะประชุมชวนกัน | เย้ยหยันดูหมิ่นนินทา |
มึงยังนับถือกันว่าดี | อีลูกอัปรีย์ขายหน้า |
เสียทีตั้งใจเลี้ยงมา | หวังว่าจะให้งามในแดนไตร |
มิรู้กลับเป็นทรยศ | สุดที่จะอดกลั้นได้ |
อี่ลูกทรลักษณ์จงเร่งไป | ช้าอยู่กูไม่ไว้ชีวัน |
ว่าแล้วผุดลุกขึ้นจากอาสน์ | กระทืบบาทสะเทือนเลื่อนลั่น |
พระบุตรีวอนว่ารำพัน | ก็ผินผันพักตร์เสียไม่เจรจา[๑] |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
โอ้
๏ เมื่อนั้น | พระยอดเยาวอนงค์เสน่หา |
เห็นองค์สมเด็จพระบิดา | กริ้วโกรธานักดั่งอัคคี |
กอดบาทเข้าร่ำพิไรวอน | ภูธรจงโปรดเกศี |
ถึงชั่วช้าก็ได้เป็นสามี | ลูกขอชีวีพระองค์ไว้ |
พอเป็นเกือกทองทิพมาศ | รองบาทบิตุรงค์เห็นคงได้ |
แม้นไม่เมตตาอาลัย | ที่ไหนลูกจะมีชีวา |
แต่เฝ้าอ้อนวอนเป็นหลายครั้ง | พระผินหลังไม่แลดูหน้า |
จนใจแล้วถวายบังคมลา | กลับมากับสี่นงคราญ |
ฯ ๘ คำ ฯ เพลง
๏ ครั้นถึงห้องแก้วอลงกต | นางแสนกำสรดสงสาร |
โหยหวนครวญไห้อาลัยลาน | เยาวมาลย์ร่ำรักพระภูมี |
โอ้พระทูลกระหม่อมของน้องเอ๋ย | ใครเลยจะช่วยพระโฉมศรี |
น่าที่จะม้วยชีวี | ด้วยฤทธิ์นาคีเกรียงไกร |
น้องรักร่ำวอนขอโทษ | พระบิตุเรศจะโปรดก็หาไม่ |
แม้นมาตรพระม้วยชีวาลัย | เมียจะตายตามไปยังเมืองฟ้า |
มิขออยู่เป็นคนให้ทนโศก | ด้วยวิโยคพระยอดเสน่หา |
ร่ำพลางนางทรงโศกา | ดั่งว่าจะสิ้นชนมาน |
ฯ ๘ คำ ฯ โอด
ร่าย
๏ เหลือบเห็นพระขรรค์อันเรืองฤทธิ์ | ก็นึกได้ซึ่งจิตอธิษฐาน |
ดีร้ายพระองค์ไม่วายปราณ | บุญจึ่งบันดาลกำบังไว้ |
เมื่อบิตุเรศเสด็จมานี้ | พร้อมหมู่เสนีน้อยใหญ่ |
ผู้ใดไม่เห็นพระขรรค์ชัย | ก็ประจักษ์แก่ใจในสัจจา |
นางยกพระแสงขึ้นทูนเกศ | เยาวเรศซํ้าเสี่ยงวาสนา |
เดชะกุศลเราสองรา | แม้นว่าคู่ควรครองกัน |
ขอจงให้มีผู้ช่วย | อย่าม้วยชีวาอาสัญ |
ปลดปลอดรอดราชไภยันต์ | นางร่ำรำพันแล้วโศกี |
ฯ ๘ คำ ฯ โอด
[๑] จบต้นฉบับหนังสือสมุดไทย เลขที่ ๕๖๑ และ ๕๖๓ เริ่มต้นฉบับหนังสือสมุดไทย เลขที่ ๕๖๔, ๕๖๕