ตอนที่ ๓๙ พระอุณรุทรบกับวิรุณเมศ

๏ บัดนั้น ฝ่ายพระพี่เลี้ยงทั้งสี่
ครั้นพระองค์ผู้ทรงสวัสดี เหาะตามกินรีลับไป
ตั้งแต่คอยท่าพระทรงฤทธิ์ สถิตยังมุจลินท์สระใหญ่
จนสายัณห์ตะวันเย็นลงไรไร ไม่เห็นภูวไนยกลับมา

ฯ ๔ คำ ฯ

โอ้ร่าย

๏ ต่างองค์ต่างทรงทุกข์เทวษ ชลนัยน์นองเนตรทั้งซ้ายขวา
ปรึกษากันพลางทางโศกา โอ้ว่าจะทำฉันใดดี
พระองค์ทรงฤทธิ์สิเหาะเหิน เราจะเดินดินตามก็ใช่ที่
ถึงจะดั้นด้นป่าฝ่าคีรี ไหนจะพบธุลีบทมาลย์
ครั้งเมื่อไปตามอุษา ผ่านฟ้าอยู่ในราชฐาน
พระบิตุรงค์ยังโกรธดังเพลิงกาฬ จะสังหารชีวันให้บรรลัย
ครั้งนี้ออกมาโพนประพาส เราโดยเบื้องบาทเป็นผู้ใหญ่
พระเหาะตามนางกินนรไป ไหนเลยจะพ้นพระอาญา
จำเป็นจำเราจะกลับก่อน พาพลนิกรมาเที่ยวหา
กว่าจะตายอยู่ในอรัญวา ว่าแล้วกลับมาทันที

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ ครั้นถึงสุวรรณพลับพลาชัย ซบพักตร์โหยไห้ทั้งสี่
ต่างบอกมหาเสนี โดยที่เหตุผลทุกประการ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น เสนาธิบดีทวยหาญ
ฟังพระพี่เลี้ยงพจมาน ว่าหลานนารายณ์หายไป
ดั่งองค์พระกาลพาลราช มาฟันฟาดเศียรเกล้าไปได้
ต่างตนตระหนกตกใจ ครวญคร่ำร่ำไรโศกี

ฯ ๔ คำ ฯ

โอ้

๏ โอ้ว่าพระมิ่งมงกุฎเกศ เรืองเดชเฟื่องฟ้าราศี
พระคุณเคยร่มเกล้าเมาลี พ้นที่จะร่ำรำพัน
ควรหรือละพวกพลากร ไปตามนางกินนรสาวสวรรค์
ร่ำพลางโศกาจาบัลย์ เสียงแซ่สนั่นทั้งพลับพลา

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น พระพี่เลี้ยงผู้มียศถา
จึ่งว่าแก่มหาเสนา ซึ่งจะแสนโศกาอยู่ดั่งนี้
ไหนเลยจะพบเบื้องบาท สุริย์วงศ์ธิราชเรืองศรี
จำจะยกพหลโยธี ติดตามภูมีไปในไพร
ว่าแล้วก็แบ่งทวยหาญ กับเสนีปรีชาญผู้ใหญ่
ให้อยู่สุวรรณพลับพลาชัย คอยหลานภูวไนยสี่กร
เกลือกว่าจะเสด็จกลับมา ยังภูผากำจายสิงขร
กำชับคนปรนปรือกุญชร ทั้งฟังข่าวอันจรนายพราน

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เสร็จแล้วก็ยกโยธา ม้ารถคชาทวยหาญ
ดั้นดัดลัดพงดงดาน หมายสถานไกรลาสหิมวันต์

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ มาถึงแม่นํ้าสารภู ใหญ่กว้างขวางอยู่สกัดกั้น
ลึกใสไหลแลเป็นควัน ล้วนพรรณมัจฉาปลาร้าย
ฉนากฉลามราหูงูเงือก เหลือกตากลอกกลมผมสยาย
จระเข้เหราหยาบคาย ข้างน้ำร้ายแรงแทงเงา
มังกรโลมาน่ากลัว แต่ละตัวใหญ่หลวงดั่งภูเขา
จะคิดฉันใดนะอกเรา จนใจต่างเศร้าโศกา

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ โอ้ว่าพระองค์ทรงฤทธิ์ สุดคิดจะข้ามไปตามหา
นํ้าขวางกว้างใหญ่สุดสายตา แสนมหากันดารพาลภัย
แม้ไม่พบองค์ทรงพระเดช จะคืนกลับนคเรศก็หาไม่
ให้เลือดเนื้อเป็นเหยื่อสัตว์ไพร มิได้อาลัยแก่ชีวัน
ร่ำพลางต่างคนทุกข์ร้อน อาวรณ์วิโยคโศกศัลย์
เสนีรี้พลทั้งนั้น ก็โศกาจาบัลย์ทั้งไพร่นาย

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นางแก้วกินราโฉมฉาย
สมสู่อยู่ด้วยหลานนารายณ์ ได้หลายราตรีทิวารา
ครั้นรุ่งสุริโยโอภาส สว่างปล่องห้องมาศคูหา
จึ่งนบนิ้วกราบลงกับบาทา ทูลพระยอดฟ้าด้วยภักดี
ขอเชิญเสด็จพระสุริย์วงศ์ ไปประพาสโสรจสรงยังสระศรี
อันชื่อสุคนธ์ชลธี วารีหอมหวานตระการใจ
อยู่แทบเชิงไศลไกรลาส ดาษด้วยปทุมมาศบานไสว
ฝักแก่ฝักอ่อนอำไพ ภูวไนยจะได้ชมสำราญ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระอุณรุทผู้ปรีชาหาญ
ฟังรสพจนารถนงคราญ ชวนไปสรงสนานก็ยินดี
ครั้นเวลาสายแสงทินกร ก็บทจรจากถ้ำมณีศรี
ห้านางโดยเสด็จจรลี ทูลชี้มรคาคลาไคล

ฯ ๔ คำ ฯ เพลง

พระทอง

๏ มาถึงซึ่งสระสุคนธ์ธาร ใกล้ลานไกรลาสขุนไศล
ริมรอบขอบฝั่งชลาลัย ประดับด้วยมิ่งไม้รายเรียง
พิกุลแก้วกรรณิการ์กาหลง มหาหงส์พุทธชาดมหาดเหียง
พระชี้ชวนนวลนางประคองเคียง ภิรมย์เรียงชมช่อผกากาญจน์
นางเด็ดดวงกุหลาบบานแสล้ม ประยงค์แย้มกลีบกลิ่นหอมหวาน
น้อมถวายนัดดาพระอวตาร ผ่านฟ้ารับดมแล้วชมนาง
วิหคโหนโจนจับกิ่งไม้ ส่งเสียงแซ่ไซ้ปีกหาง
ไก่ฟ้าพญาลอกะลิงลาง กางเขนเขาคุ่มกระลุมพู
สาลิกาการเวกกระเหว่าว่อน โนรีร่อนจับเรียงเคียงคู่
ชมพลางตรัสชี้ให้นางดู แล้วภูมีลงสรงชลธาร

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ น้ำใสดั่งแสงแก้วผลึก เสมอรสอำมฤคหอมหวาน
ดาษด้วยโกสุมปทุมมาลย์ แลลานซ้อนซับสลับไป
แดงขาวม่วงขาบเขียวอ่อน อรชรชูก้านบานไสว
บ้างกระพุ่มตูมตั้งบังใบ งามวิไลเพียงทิพย์บุษบัน
พระเด็ดดวงบงกชโกเมศ ให้แก้วกินเรศโฉมสวรรค์
นางเด็ดอุบลบานพรายพรรณ ถวายองค์ทรงธรรม์ด้วยภักดี
พระเลือกหักซึ่งฝักบัวอ่อน ให้เกสรมณฑามารศรี
แล้วทรงเก็บจงกลนี ให้จันทมาลีกัลยา
ยื่นหัตถ์ถอนสัตตบุษย์บาน ประทานนางสุวรรณเสน่หา
ลินจงกลีบแสล้มแย้มผกา ให้นางรัชฎาลาวัณย์
ต่างรับต่างชมโสมนัส สอดแซมทรงทัดปทุมถัน
บ้างโผนโผแหวกว่ายไล่กัน เกษมสันต์เริงร่าในสาคร

ฯ ๑๒ คำ ฯ

ร่าย

๏ มาจะกล่าวบทไป ถึงวิรุญเมศชาญสมร
เป็นใหญ่แก่หมู่วิชาธร ฤทธิรอนเลื่องชื่อลือยศ
อยู่ยังเขาแก้วคันธมาทน์ เรืองเดชอำนาจดั่งเพลิงกรด
คนธรรพ์เทวัญทุกบรรพต กลัวหมดไม่มีใครผจญ
แต่ได้ยินออกนามวิรุญเมศ เกรงเดชเศียรพองสยองขน
ทรหดคำแหงแรงรณ เดินดินบินบนได้ดั่งใจ

ฯ ๖ คำ ฯ กระบองกัน

๏ สาธารณ์ร้ายกาจอาจหาญ อหังการใจบาปหยาบใหญ่
มีมหากายสิทธิ์พระขรรค์ชัย รุ่งเรืองฤทธิไกรมหิมา
ยิ่งคิดอิ่มเอิบกำเริบนัก ทรลักษณ์ทุจริตอิจฉา
มีพวกบริวารวิทยา ห้าโกฏิพื้นพาลชาญฉกรรจ์
แต่ละตนมนต์ดลสามารถ องอาจฤทธิแรงแข็งขัน
ทั้งไพร่นายหยาบช้าอาธรรม์ เที่ยวทำอันตรายทุกตำบล

ฯ ๖ คำ ฯ

รำพันพิลาป

๏ ให้คิดประหวัดกำหนัดใน จะไปชมไม้นารีผล[๑]
ก็พาวิทยาพลาพล ไปสรงชลในเนินบรรพตา

ฯ ๒ คำ ฯ กลม

สระบุหร่ง

๏ กระแสธารซ่านเซ็นเย็นใส พุ่งพุขึ้นไปบนยอดผา
หอมตระหลบดั่งอบสุคนธา ด้วยเกสรมาลาหล่นลง
ลูบไล้ไปทั่วอินทรีย์ ชำระขัดสีธุลีผง
สำราญรื่นชื่นซาบอาบองค์ ในสาโรชโสรจสรงวารีรส

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ แล้วนุ่งผ้าหนังสีหราช ประหลาดลายงามคล้ายดาบส
เกาบินประดับสำหรับยศ อลงกตคาดรัดสะเอวงาม
ทรงมหาสังวาลเมฆพัท จำรัสเลื่อมพร้อยพรายอร่าม
กายสิทธิ์ติดตาบวาบวาม ประจำยามนิลพัทสีดำ
ทองกรสวมสอดนาคพต คชสิทธิ์พาหุรัดเขียวขำ
ปรอทร้อยแปดเป็นประคำ สวมใส่กำยำทั้งอินทรีย์
แล้วทรงชฎาห่อเกล้า เพริศเพรานพรัตน์รังสี
กุมพระขรรค์แก้วโมลี ชี้กรกรายตรวจโยธา

ฯ ๘ คำ ฯ

ร่าย

๏ พร้อมพรั่งคั่งคับนับโกฏิ อุโฆษเสียงสำรวลเริงร่า
ผาดแผลงสำแดงเดชา เหาะมากับหมู่บริวาร

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ เหลือบแลลงไปเห็นมนุษย์ บริสุทธิ์รูปทรงส่งสัณฐาน
กับห้ากินนรนงคราญ ยังสถานคงคาชลาลัย
จึ่งคิดถวิลจินดา มนุษย์น้อยนี้มาแต่ไหน
พานางกินรายาใจ มาเล่นอยู่ในที่นี้
เพ่งพิศดูโฉมนางกินนร รูปทรงอรชรเฉลิมศรี
จิ้มลิ้มพริ้มพร้อมทั้งอินทรีย์ ดูไหนเป็นที่จำเริญตา
เพียงโฉมสุรางค์นางอนงค์ อ้อนแอ้นเอวองค์ดั่งเลขา
พิศพลางเร่าร้อนในวิญญาณ์ ด้วยความเสน่หาอาลัย
กูจะณรงค์ราวี ฆ่าชายคนนี้เสียให้ได้
แล้วจะพากินนรอรไท ไปไว้ร่วมรักให้สำราญ
คิดแล้วจึ่งมีประกาศิต สั่งวิทยาธรทวยหาญ
จงเข้าหักโหมโรมราญ ผลาญมนุษย์ให้สิ้นชีวา

ฯ ๑๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น วิชาธรบริวารหาญกล้า
น้อมเกล้าคำนับรับบัญชา ต่างแผลงฤทธาเกรียงไกร
โห่ร้องก้องกึกครึกครั่น หิมวันกัมปนาทหวาดไหว
เยียดยัดลัดล้อมเข้าชิงชัย หมายใจเข่นฆ่าราวี

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น พระอุณรุททรงสวัสดิ์รัศมี
เห็นหมู่วิทยาโยธี โห่มี่อึงอัดกันเข้ามา
ยินดีที่จะได้สังหาร ล้างเหล่าพวกพาลริษยา
พระแย้มยิ้มชำเลืองนัยนา ดูห้ากินราลาวัณย์
เห็นนางตกใจไม่สมประดี ภูมีปลอบพลางทางรับขวัญ
เจ้าอย่ากลัววิทยาอาธรรม์ มันจะทำไมวนิดา
ว่าแล้วกวัดแกว่งพระขรรค์เพชร เหาะระเห็จขึ้นยังเวหา
ผาดแผลงสำแดงเดชา โจนฝ่าฟาดฟันไพรี

ฯ ๘ คำ ฯ เชิด

๏ บัดนั้น หมู่พวกวิทยาเรืองศรี
เห็นมนุษย์เหาะได้ด้วยฤทธี ต่อตีหักโหมโรมราญ
ต่างตนถาโถมเข้าโจมยุทธ์ สัประยุทธด้วยเดชกำลังหาญ
เกลื่อนกลุ้มรุมกันประจัญบาน อลหม่านเอิกเกริกทั้งอัมพร

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น วิรุญเมศใจหาญชาญสมร
เห็นมนุษย์ไปจากกินนร ต่อกรด้วยพวกวิทยา
มีความชื่นชมโสมนัส กวักหัตถ์เรียกพลซ้ายขวา
เหาะระเห็จเตร็ดทะยานลงมา ยังพื้นพสุธาทันที
เป็นเหล่าเหล่าแยกย้ายรายกัน สกัดกั้นกินรามารศรี
เลี้ยวไล่ไขว่คว้าเป็นโกลี อึงมี่อุตลุดทั้งบ่าวนาย

ฯ ๖ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น ห้านางกินนรโฉมฉาย
เห็นหมู่วิทยาหยาบคาย วุ่นวายไล่ล้อมเข้ามา
ต่างตนตระหนกอกสั่น ดั่งจะสิ้นชีวันสังขาร์
ร้องหวีดตรีดไปเป็นโกลา เรียกพระยอดฟ้ายาใจ
พระองค์จงช่วยชีวาตม์ โจรไพรร้ายกาจมาล้อมไล่
มันจักฆ่าฟันให้บรรลัย ภูวไนยจงโปรดปรานี
ว่าพลางบินขึ้นยังอัมพร พากันเร็วร่อนรีบหนี
จิตใจไม่เป็นสมประดี ด้วยกลัวฤทธีวิทยา

ฯ ๘ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น พระอุณรุทสุริย์วงศ์นาถา
ชิงชัยอยู่ในเมฆา กับพวกโยธาวิชาธร
ได้ยินเสียงกรีดหวีดหวาด เหลือบเห็นวรนาฏสายสมร
ไพรีไล่มาในอัมพร ภูธรกริ้วโกรธดั่งเพลิงกาฬ
กวัดแกว่งพระแสงอันศักดา ถีบทะยานผ่านมาดั่งจักรผัน
เลี้ยวไล่พิฆาตฟาดฟัน พลนั้นตายสิ้นด้วยฤทธี

ฯ ๖ คำ ฯ เชิด โอด

๏ แล้วพระสุริย์วงศ์ทรงเดช พาห้ากินเรศโฉมศรี
ลงยังพ่างพื้นปัฐพี แทบที่สุคนธสาคร

ฯ ๒ คำ ฯ เชิดฉิ่ง

๏ จึ่งมีมธุรสพจนารถ รับขวัญสายสวาทดวงสมร
ลูบหลังทั้งห้ากินนร บังอรอย่าตระหนกตกใจ
อันพลวิทยาสาธารณ์ พี่ผลาญเสียสิ้นไม่นับได้
ยังแต่นายมันจะบรรลัย ทรามวัยดูเล่นเป็นขวัญตา

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น วิรุญเมศฤทธิไกรใจกล้า
เห็นพลสุดสิ้นชีวา เกลื่อนกลาดดาษป่าพนาลี
กริ้วโกรธพิโรธเป็นพ้นนัก ดังอัคนิรุทรมาจุดจี่
ชักพระขรรค์อันเรืองฤทธี เข้าไล่ราวีโรมรัน

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น หลานพระหริวงศ์รังสรรค์
เห็นวิรุญเมศชาญฉกรรจ์ ไล่รุกบุกบันเข้ามา
พระกวัดแกว่งพระขรรค์ฤทธิรอน ออกต่อกรสัประยุทธ์เข่นฆ่า
ต่างตนเหาะขึ้นบนเมฆา ประจันหน้าหักโหมโจมตี

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ สองกล้าหักหาญราญรบ เลี้ยวตระหลบชิงชัยไม่ถอยหนี
ต่างผัดต่างรับเป็นโกลี ถ้อยทีฟันฟอนรอนราญ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น วิรุญเมศผู้มีกำลังหาญ
ยงยุทธ์สุดที่จะต้านทาน ให้สะท้านทดท้อฤทธิไกร
จึ่งคิดว่ามนุษย์ผู้นี้ เรืองเดชไม่มีใครเปรียบได้
จะเคี่ยวขับสัประยุทธ์กันไป จะเสียชัยย่อยยับอัปรา
ครั้นกูจะหนีไปไม่สู้ ก็อดสูเทวัญทุกทิศา
แม้นมาตรจะม้วยชีวา ให้ปรากฏเกียรติไว้ในธาตรี

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ คิดแล้วกวัดแกว่งพระแสงแก้ว เป็นประกายพรายแพร้วจำรัสศรี
ถาโถมโจมล้วงเข้าราวี ด้วยกำลังฤทธีอหังการ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระอุณรุทผู้ปรีชาหาญ
ปัดป้องต่อกรรอนราญ โผนทะยานรับรองด้วยว่องไว

ฯ ๒ คำ ฯ กลองเชิด

๏ ถีบถูกอุราวิรุญเมศ ซวนไปด้วยเดชไม่ทนได้
เห็นท่วงทีชั้นเชิงชิงชัย ก็รู้ในกำลังฤทธิ์วิทยา
แม้กูจะฆ่าเสียบัดนี้ น่าที่จะม้วยสังขาร์
จึ่งแย้มเย้ยหยันด้วยบัญชา ว่าเหวยโจรป่าใจพาล
พวกพลของเองก็สิ้นสุด แต่ตัวสัประยุทธ์ต่อต้าน
ไม่รู้หรือว่าจะวายปราณ จึ่งฮึกหาญโอหังดั่งนี้
ตัวท่านมีนามกรใด อาจใจมาชิงชัยศรี
แม้นรักกายจงถวายอัญชุลี เรานี้จะไว้ชีวัน

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น วิรุญเมศฤทธิแรงแข็งขัน
ได้ฟังกริ้วโกรธดั่งเพลิงกัลป์ ตบมือเย้ยหยันแล้วตอบไป
ตัวเราชื่อว่าวิรุญเมศ เรืองเดชฟากฟ้าดินไหว
ไม่เคยประนมบังคมใคร ทั้งในชั้นฟ้าบาดาล
เป็นชายถึงตายจะไว้ยศ ให้ปรากฏไปทั่วทุกสถาน
ท่านนี้ชื่อไรอหังการ มาถึงหิมพานต์พนาวัน
พงศ์พันธุ์บ้านเมืองอยู่ไหน อาจองทะนงใจด้วยโมหัน
มาต่อกูผู้ชายชาญฉกรรจ์ จะม้วยชีพชีวันไม่พริบตา

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระสุริย์วงศ์พงศ์นารายณ์นาถา
ได้ฟังจึ่งตอบวาจา เรานี้ชื่อว่าพระอุณรุท
สถิตยังณรงกาเวียงชัย หน่อไทธิราชท้าวไกรสุท
หลานพระภุชพงศ์ทรงครุฑ มงกุฎฟากฟ้าสุธาธาร

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น วิรุญเมศฤทธิไกรใจหาญ
ได้ฟังกริ้วโกรธดั่งเพลิงกาฬ ตบหัตถ์ฉัดฉานแล้วตอบไป
ชิชะนี่หรือหลานนารายณ์ มาอวดอ้างแอบกายหาอายไม่
สู่รู้ขู่ข่มเหงไม่เกรงใคร ดีแล้วจะได้เห็นกัน
ว่าพลางเข่นเขี้ยวกระทืบบาท ทำอำนาจผาดเสียงดังฟ้าลั่น
ถาโถมโจมจ้วงทะลวงฟัน เข้าโรมรันด้วยกำลังศักดา

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระอุณรุทสุริยวงศ์นาถา
รับรองป้องกันวิทยา เผ่นขึ้นเหยียบบ่าทันที
กรหนึ่งโจมจับจิกเกศ วิรุญเมศเงื้อฟันพระโฉมศรี
พระผัดปัดป้องราวี ถ้อยทีกำแหงแรงรณ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ พระขรรค์ต่อพระขรรค์ฟันฟาด ดั่งเสียงสุนีบาตคะนองฝน
ต่างหาญทรหดอดทน สองโจมประจญประจัญกัน
เข้าออกหันเหียนเปลี่ยนท่า กลับกลอกไปมาดั่งจักรผัน
วิทยาเสียทีทรงธรรม์ พระฟันต้องบ่าวิชาธร

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น วิรุญเมศใจหาญชาญสมร
ต้องพระขรรค์แก้วฤทธิรอน พิษกลุ้มรุ่มร้อนทั้งอินทรีย์
ลอยลิ่วปลิวไปในอากาศ ตกยอดคันธมาทน์คีรีศรี
ด้วยทรงกำลังฤทธี ชีวียังไม่มรณา
ให้รักกายอาลัยในชีวิต ยิ่งคิดยิ่งโทมนัสสา
พลิกเสือกเกลือกกลิ้งไปมา โศกาครวญคร่ำรำพัน

ฯ ๖ คำ ฯ

โอ้

๏ โอ้ว่าอนิจจาตัวกู เสียแรงรู้พระเวทชาญขยัน
เสียแรงเรืองฤทธิไกรดั่งไฟกัลป์ เสียแรงทรงมหันต์เดชาชาญ
เสียแรงมีสังวาลกายสิทธิ์ ทศทิศไม่รอต่อต้าน
หรือมาแพ้มนุษย์สาธารณ์ บรรลัยลาญชีวังเสียครั้งนี้
โอ้ว่าเสียดายพระเมรุมาศ ไกรลาสสัตภัณฑ์คีรีศรี
เคยเที่ยวเล่นสุขเกษมเปรมปรีดิ์ เป็นที่สำราญวิญญาณ์
เสียดายทั้งไม้นารีผล รื่นรสสุคนธ์บุปผา
ทั้งอโนดาตสระคงคา แสนสนุกโอฬาร์ยาใจ
ทีนี้จะนิราศแรมเห็น จะได้ชมได้เล่นก็หาไม่
จะแลลับดั่งอับอโณทัย อันลับเหลี่ยมไศลสัตภัณฑ์
ร่ำพลางร้อนรุ่มกลุ้มจิต ด้วยพิษทิพย์เทพพระแสงขรรค์
อัดอั้นกลั้นทรวงแดยัน ก็สุดสิ้นชีวันบรรลัยลาญ

ฯ ๑๒ คำ ฯ โอด


[๑] ชื่อเพลงหน้าพาทย์บทนี้ในต้นฉบับหนังสือสมุดไทย เลขที่ ๕๓๖ เขียนว่า “พัรพิราพ” ส่วนในต้นฉบับเลขที่ ๕๔๖ ไม่มีบอกเพลงไว้

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ