- คำนำ
- บทนำเรื่อง
- ที่มาของอนิรุทธคำฉันท์และบทละคอนเรื่องอุณรุท ของ ธนิต อยู่โพธิ์
- ตอนที่ ๑
- ตอนที่ ๒
- ตอนที่ ๓
- ตอนที่ ๔
- ตอนที่ ๕
- ตอนที่ ๖
- ตอนที่ ๗
- ตอนที่ ๘
- ตอนที่ ๙
- ตอนที่ ๑๐
- ตอนที่ ๑๑
- ตอนที่ ๑๒
- ตอนที่ ๑๓
- ตอนที่ ๑๔
- ตอนที่ ๑๕
- ตอนที่ ๑๖
- ตอนที่ ๑๗
- ตอนที่ ๑๘
- ตอนที่ ๑๙
- ตอนที่ ๒๐
- ตอนที่ ๒๑
- ตอนที่ ๒๒
- ตอนที่ ๒๓ ทศมุขพบพระอุณรุท
- ตอนที่ ๒๔
- ตอนที่ ๒๕
- ตอนที่ ๒๖
- ตอนที่ ๒๗
- ตอนที่ ๒๘
- ตอนที่ ๒๙
- ตอนที่ ๓๐
- ตอนที่ ๓๑
- ตอนที่ ๓๒
- ตอนที่ ๓๓
- ตอนที่ ๓๔
- ตอนที่ ๓๕
- ตอนที่ ๓๖
- ตอนที่ ๓๗
- ตอนที่ ๓๘
- ตอนที่ ๓๙
- ตอนที่ ๔๐
- ตอนที่ ๔๑
- ตอนที่ ๔๒
ตอนที่ ๒ พระนารายณ์อวตารเป็นพระบรมจักรกฤษณ์ เสวยราชย์กรุงณรงกา
ช้า
๏ เมื่อนั้น | พระสยมภูวญาณเรืองศรี |
ฟังท้าวสุชัมบดี | โกรธดั่งอัคคีไหม้ฟ้า |
เหม่เหม่ดูดู๋อ้ายกรุงพาณ | สาธารณ์ทุจริตอิจฉา |
ไม่เกรงกูผู้ปิ่นโลกา | น่าที่จะม้วยชีวัน |
ตรัสแล้วมีเทวสุนทร | ดูก่อนพระนารายณ์รังสรรค์ |
เจ้าผู้ฤทธิไกรดั่งไฟกัลป์ | อันเป็นที่พึ่งแก่ธาตรี |
ปางนี้ควรที่จะปราบยุค | ให้โลกเป็นสุขเกษมศรี |
อย่าคิดแก่ลำบากอินทรีย์ | นอกนี้ไม่เห็นผู้ใด |
ที่จะทรงศักดาอานุภาพ | ปราบหมู่อสูรทั้งปวงได้ |
เชิญเจ้าอวตารลงไป | เกิดในสุริย์วงศ์ณรงกา |
ดับเข็ญให้เย็นไตรดาล | จะได้สุขสำราญพร้อมหน้า |
จะปรากฏยศเกียรติเดชา | ไปชั่วกัลปาฟ้าดิน |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระนารายณ์ฤทธิรงค์ทรงศิลป์ |
ฟังพระจอมไกรลาสศีขรินทร์ | ยินดีที่จะไว้เกียรติยศ |
ยอกรถวายอภิวาท | กราบลงแทบบาทบงกช |
รับเทวบรรหารมธุรส | ทูลสนองพจนารถวาที |
ทั้งนี้สุดแต่พระเป็นเจ้า | จะเมตตาโปรดเกล้าเกศี |
ไม่อาลัยแก่กายแลชีวี | มิให้เคืองธุลีบาทา |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | หัสนัยน์เจ้าไตรตรึงษา |
ครั้นองค์สมเด็จพระจักรา | รับเทวบัญชาพระทรงญาณ |
จึ่งเป่าพิชัยยุทธ์มหาสังข์ | เสียงดังก้องภพจบสถาน |
แล้วมีเทวราชโองการ | สั่งเทพบริวารทั้งนั้น |
ให้จับระบำประกวดกร | กับนางอัปสรสาวสวรรค์ |
ถวายพระหริวงศ์ทรงสุบรรณ | พร้อมกันเป็นการสวัสดี |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | เทเวศนางฟ้าทุกราศี |
รับเทวราชวาที | ถวายอัญชุลีด้วยปรีดา |
ฯ ๒ คำ ฯ เพลงช้า
พระทอง
๏ จึ่งจับระบำรำถวาย | เยื้องกรายร่ายคิดประดิษฐ์ท่า |
กระหยับย่างนวยนาดเข้ามา | ใกล้ฝูงนางฟ้ายุพาพาล |
แล้วซัดสองกรอ่อนชด | ทำท่าพระรถโยนสาร |
เรียงรอคลอเคล้าเยาวมาลย์ | ประโลมลานทอดสนิทติดพัน |
นางรำพิสมัยเรียงหมอน | ท่าทีคมค้อนแล้วผินผัน |
เมียงม่ายชายหนีเทวัญ | หันเวียนเปลี่ยนซ้ายร่ายมา |
เทเวศรำเคล้าเข้าให้ใกล้ | เลี้ยวไล่ผลัดเปลี่ยนเวียนขวา |
ฉวยฉุดยุดกรกัลยา | เลียมลอดสอดคว้าไปในที |
นางสวรรค์กันกรป้องปัด | ปิดสะบัดเบี่ยงบ่ายชายหนี |
เทวบุตรรำท่าม้าตีคลี | เวียนไปตามที่อันดับกัน |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
เบ้าหลุด
๏ เมื่อนั้น | ฝูงเทพอนงค์นางสวรรค์ |
รำรอคลอเคียงเทวัญ | แล้วตีวงเวียนหันห่างไป |
ซัดกรงอนจริตประดิษฐ์ท่า | มิให้หมู่เทวาเข้ามาใกล้ |
รำร่ายม่ายเมียงอยู่แต่ไกล | นัยนาชม้อยคอยที |
เทเวศรำท่ากระหวัดเคล้า | กระชั้นเข้ามิให้ห่างอัปสรศรี |
สัพยอกหยอกเย้าด้วยยินดี | ตีวงหันเวียนเปลี่ยนกร |
นางฟ้าเยื้องกรายร่ายรำ | กินนรีเลียบถ้ำสิงขร |
กรีดนิ้วพลิ้วจริตประดิษฐ์งอน | ฟายฟ้อนรำล่อเทวา |
เทพบุตรเยื้องย่างเข้าชิด | ตามติดกั้นกางขวางหน้า |
สาวสวรรค์หันหนีออกมา | รำท่าสอดสร้อยมาลี |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
นกจอก
๏ เมื่อนั้น | ฝูงเทพเทวาเรืองศรี |
รำควงลวงล่อนารี | ยักย้ายให้ทีแก่กัน |
ฉวยฉุดยุดชายสไบบาง | อนงค์นางปัดกรแล้วผินผัน |
เทพบุตรเข้าชิดติดพัน | พัลวันคว้าไขว่ไปมา |
แล้วเยื้องย่างเป็นกวางเดินดง | แทรกเปลี่ยนเวียนวงเข้าหา |
รำเคล้าเย้าหยอกกัลยา | ชม้ายชายตาให้ยินดี |
นางรำมยุเรศฟ้อนหาง | เทวัญกั้นกางเสียดสี |
พรายพริ้มยิ้มละไมในที | จรลีเยื้องย่างไม่ห่างกัน |
ฯ ๘ คำ ฯ
ปะหลิ่ม
๏ เมื่อนั้น | ฝูงนางอัปสรสาวสวรรค์ |
รำล่อคลอเทพเทวัญ | บิดผันพริ้มพร้อมละม่อมไป |
ครั้นเทเวศรำเรียงเข้าเคียงชิด | ก็หลีกเลี่ยงเบี่ยงบิดแล้วค้อนให้ |
ร่ายรำทำกระบวนให้ยวนใจ | ทอดกรอ่อนละไมไปมา |
ฝ่ายฝูงเทวัญอันดีดสี | มีความประดิพัทธ์เสน่หา |
เคลิ้มหลงงงงวยวิญญาณ์ | ด้วยหมู่นางฟ้ายุพาพาล |
ลุกขึ้นรำฟ้อนไปด้วยกัน | ทั้งขับร้องโอดพันเฉื่อยฉาน |
ฉวยฉุดยุดมือเยาวมาลย์ | สำราญรื่นเริงบันเทิงใจ |
สาละวนสัพยอกกลอกกลับ | โทนทับตกแตกหาคิดไม่ |
บ้างเข้ากั้นกางขวางไว้ | บ้างหลีกบ้างไล่พัลวัน |
ทั้งฝูงเทพบุตรนางฟ้า | ปรีดาภิรมย์เกษมสันต์ |
รำถวายพระองค์ทรงสุบรรณ | ในสุวรรณไกรลาสคีรี |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
ช้า
๏ เมื่อนั้น | พระอิศวรบรมเรืองศรี |
ครั้นเสร็จระบำก็ยินดี | จึ่งมีเทวราชบัญชา |
ดูก่อนพระนารายณ์ทรงลักษณ์ | เจ้าผู้หลักโลกทุกทิศา |
พระอวตารไปผลาญอสุรา | ในทวาบรยุคพาลภัย |
จงทรงศักดาวราฤทธิ์ | ทศทิศอย่ารอต่อได้ |
ให้มีอานุภาพปราบไป | ทั้งในฟากฟ้าบาดาล |
จงภิรมย์สมสุขศรีสวัสดิ์ | ด้วยแสนสมบัติพัสถาน |
ไพบูลย์ไอศูรย์ศฤงคาร | ทั่วทั้งจักรวาลอย่าเทียมทัน |
ทรงนามตามเราประกาศิต | ชื่อบรมจักรกฤษณ์รังสรรค์ |
เป็นที่พึ่งมนุษย์เทวัญ | ดังฉัตรแก้วกั้นภพไตร |
ตรัสแล้วจึ่งถอดธำมรงค์ | จากนิ้วพระองค์ประทานให้ |
แหวนนี้ประเสริฐเลิศไกร | ปราบไปได้สิ้นทั้งดินดอน |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | พระนารายณ์ฤทธิรงค์ทรงศร |
ก้มเกล้าบังคมประนมกร | รับแหวนกับพรด้วยยินดี |
ครั้นได้ศุภฤกษ์สถาผล | อันมหามงคลเฉลิมศรี |
ลาองค์สมเด็จพระศุลี | อวตารจากที่ลงมา |
ฯ ๔ คำ ฯ เพลงช้า
ช้า
๏ กำเนิดในสุริย์วงศ์จักรพรรดิ | ยอดกษัตริย์ปิ่นภพนาถา |
ในมหานคเรศณรงกา | อันเลิศโลกโอฬาร์สถาวร |
ทรงนามบรมจักรกฤษณ์ | วราราชเรืองฤทธิ์อดิศร |
มีครุฑเป็นพาหนะจร | หมื่นเมืองสะท้อนสุธาดล |
ทั้งธำมรงค์เรืองฤทธิไกร | เหาะได้โดยทางโพยมหน |
บรรดากษัตริย์สามนต์ | ในสกลจังหวัดจักรวาล |
เกรงพระเดชาอานุภาพ | โอนศิโรตม์ราบทุกสถาน |
ยอมแต่งสุวรรณบรรณาการ | มาประณตบทมาลย์พระทรงยศ |
แต่มณฑลฝูงเฝ้าอเนกนอง | สามสิบสองโยชน์เป็นกำหนด |
ประดับด้วยโยธาม้ารถ | สารเศวตอัษฐคชคเชนทร |
อันแสนไอศูรยสมบัติ | สัตรัตน์นพรัตน์ประภัสสร |
ผุดขึ้นจากมหาสาคร | ด้วยบุญฤทธิรอนพระอวตาร |
พ้นที่จะนับอนันต์แน่น | ล้วนแสนสินทรัพย์มหาศาล |
สุขเกษมเปรมประชาโอฬาร์ฬาร | สนุกปานสุทัศน์ธานี |
ฯ ๑๔ คำ ฯ
ชมตลาด
๏ อันมหาปราการประกอบกั้น | สามชั้นรอบเรืองบุรีศรี |
กว้างยาวร้อยโยชน์ประมาณมี | ดั่งคีรีรอบคั่นสีทันดร |
ชั้นนอกนั้นล้วนศิลาปรับ | สีสลับแสงเลื่อมประภัสสร |
แกล้งประกวดลวดลายอลงกรณ์ | ทุกขอบเขตพระนครไม่มีเคียง |
อันป้อมค่ายเชิงเทินไพทีรอบ | พื้นศิลาประกอบประกับเกลี้ยง |
ซุ้มทวารหอรบนางเรียง | พิศเพ่งงามเพียงกำแพงอินทร์ |
ชั้นกลางช่างแกล้งประดับดาษ | เอี่ยมสะอาดดูงามด้วยเงินสิ้น |
ขาวผ่องแลรื่นจนพื้นดิน | ดั่งคีรินไกรลาสชะลอมา |
ชั้นในแล้วด้วยสุพรรณรอบ | ประกอบลวดประกวดลายเลขา |
แจ่มสีจบแสงสุริยา | ดั่งมหาสุวรรณบรรพต |
ถนนลาดดาดล้วนศิลาลาย | ทวารรอบปืนรายประจำหมด |
ป้อมซ้อนสามชั้นเป็นหลั่นลด | อลงกตล้วนแก้วแกมกัน |
หว่างเสมาปักธงมังกรทอง | พระพายต้องปลิวปลายฉายฉัน |
ดูรอบเขื่อนขอบกรอบสุวรรณ | ทุกชั้นตามชานกำแพงเมือง |
ฯ ๑๔ คำ ฯ
ยานี
๏ มีสนามที่สนามการสนุก | สำหรับลองพลทุกตำแหน่งเนื่อง |
พื้นปราบโปรยทรายรายเรือง | ซ้อมหัดเนื่องเบื้องนิจการ[๑] |
คลีม้าคลีช้างชาญชน | คลีรถคลีพลทหารหาญ |
ล้วนแกว่นรณรงค์รอนราญ | ศึกเสี้ยนสะท้านไม่ทานกร |
แต่ละตนโยธาล้วนสามารถ | ชาญศิลป์ชาญศาสตร์ชาญศร |
ชาญเวทวิทยาสถาวร | ชาญยุทธไม่หย่อนปรีชา |
เป็นพวกเกิดกับสำหรับบุญ | พระจอมจุลจักรพรรดินาถา |
แปดหมี่นพื้นพงศ์เสนา | ร่วมวันชันษาเดือนปี |
ฯ ๘ คำ ฯ
พระทอง
๏ อันมหาปราสาทนั้นสูงโสด | กึ่งโยชน์พันยอดเฉลิมศรี |
ประดับด้วยสัตรัตน์รุจี | สามองค์ตามที่จังหวะกัน |
พรหมพักตร์สี่ผาดพรายยิ้ม | งามพริ้มเพียงพรหมรังสรรค์ |
จัตุรมุขแกมมาศกระหนกพรรณ | เครือระบายลายบันเป็นบัวบาน |
ช่อฟ้าใบระกาลำยองแก้ว | บราลีแล้วด้วยมุกดาหาร |
สี่ทิศเรือนเก็จอลงการ | ครุฑทะยานเผ่นกระหยับเผยอบิน |
ผนังลาดแก้วผลึกเป็นระลอก | เงากลอกเหลือบคล้ายดั่งสายสินธุ์ |
เจียรนำแกลมาศมณีนิล | ใบบานโกมินจำหลักลาย |
มุขเด็จงามแม้นวิมานฟ้า | บุษบกรจนาวิเชียรฉาย |
เลื่อมสีมุขกระสันสุพรรณพราย | ภาพรายเรียงรับเป็นหลั่นลด |
ชาลาหน้าสิงห์หิรัญลาด | ทิมดาบทองดาดอลงกต |
โรงแสงโรงเครื่องโรงรถ | โรงม้าโรงคชอันดับมา |
ตึกกว้านร้านเรียบระเบียบเรือน | ฝูงคนกล่นเกลื่อนแน่นหนา |
ลูกค้าพาณิชนานา | สิบสองภาษาประชุมกัน |
บ้างเล่นเต้นรำสำราญรื่น | หญิงชายชมชื่นเกษมสันต์ |
โหระทึกครึกครื้นทุกคืนวัน | พิณพาทย์สนั่นทั้งธานี |
ฯ ๑๖ คำ ฯ
ร่าย
๏ ท้าวมีมเหสีภิรมย์รัก | ประไพพักตร์งามเพียงพระลักษมี |
ทรงนามชื่อจันทมาลี | มีศรีเสาวภาคย์จำเริญตา |
อรชรอ้อนแอ้นเอวองค์ | ดั่งเทเวศบรรจงเลขา |
ทรงลักษณ์พร้อมเบญจกัลยา | นางในโลกาไม่เทียมทัน |
อันหมู่พระสนมนารี | ส่งศรีเพียงอัปสรสวรรค์ |
ทรงโฉมนฤมลละกลกัน | แปดหมื่นสี่พันอนงค์ใน |
เอกเอี่ยมเฟี้ยมเฝ้าเบื้องบาท | ดั่งดาวดาษล้อมดวงแขไข |
ขับรำบำเรอเป็นนิจไป | สำราญใจทุกทิวาราตรี |
ฯ ๘ คำ ฯ
[๑] อีกฉบับหนึ่งเป็น “ซ้อมหัดเนืองเนืองนิจการ”