ตอนที่ ๒ พระนารายณ์อวตารเป็นพระบรมจักรกฤษณ์ เสวยราชย์กรุงณรงกา

ช้า

๏ เมื่อนั้น พระสยมภูวญาณเรืองศรี
ฟังท้าวสุชัมบดี โกรธดั่งอัคคีไหม้ฟ้า
เหม่เหม่ดูดู๋อ้ายกรุงพาณ สาธารณ์ทุจริตอิจฉา
ไม่เกรงกูผู้ปิ่นโลกา น่าที่จะม้วยชีวัน
ตรัสแล้วมีเทวสุนทร ดูก่อนพระนารายณ์รังสรรค์
เจ้าผู้ฤทธิไกรดั่งไฟกัลป์ อันเป็นที่พึ่งแก่ธาตรี
ปางนี้ควรที่จะปราบยุค ให้โลกเป็นสุขเกษมศรี
อย่าคิดแก่ลำบากอินทรีย์ นอกนี้ไม่เห็นผู้ใด
ที่จะทรงศักดาอานุภาพ ปราบหมู่อสูรทั้งปวงได้
เชิญเจ้าอวตารลงไป เกิดในสุริย์วงศ์ณรงกา
ดับเข็ญให้เย็นไตรดาล จะได้สุขสำราญพร้อมหน้า
จะปรากฏยศเกียรติเดชา ไปชั่วกัลปาฟ้าดิน

ฯ ๑๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระนารายณ์ฤทธิรงค์ทรงศิลป์
ฟังพระจอมไกรลาสศีขรินทร์ ยินดีที่จะไว้เกียรติยศ
ยอกรถวายอภิวาท กราบลงแทบบาทบงกช
รับเทวบรรหารมธุรส ทูลสนองพจนารถวาที
ทั้งนี้สุดแต่พระเป็นเจ้า จะเมตตาโปรดเกล้าเกศี
ไม่อาลัยแก่กายแลชีวี มิให้เคืองธุลีบาทา

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น หัสนัยน์เจ้าไตรตรึงษา
ครั้นองค์สมเด็จพระจักรา รับเทวบัญชาพระทรงญาณ
จึ่งเป่าพิชัยยุทธ์มหาสังข์ เสียงดังก้องภพจบสถาน
แล้วมีเทวราชโองการ สั่งเทพบริวารทั้งนั้น
ให้จับระบำประกวดกร กับนางอัปสรสาวสวรรค์
ถวายพระหริวงศ์ทรงสุบรรณ พร้อมกันเป็นการสวัสดี

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น เทเวศนางฟ้าทุกราศี
รับเทวราชวาที ถวายอัญชุลีด้วยปรีดา

ฯ ๒ คำ ฯ เพลงช้า

พระทอง

๏ จึ่งจับระบำรำถวาย เยื้องกรายร่ายคิดประดิษฐ์ท่า
กระหยับย่างนวยนาดเข้ามา ใกล้ฝูงนางฟ้ายุพาพาล
แล้วซัดสองกรอ่อนชด ทำท่าพระรถโยนสาร
เรียงรอคลอเคล้าเยาวมาลย์ ประโลมลานทอดสนิทติดพัน
นางรำพิสมัยเรียงหมอน ท่าทีคมค้อนแล้วผินผัน
เมียงม่ายชายหนีเทวัญ หันเวียนเปลี่ยนซ้ายร่ายมา
เทเวศรำเคล้าเข้าให้ใกล้ เลี้ยวไล่ผลัดเปลี่ยนเวียนขวา
ฉวยฉุดยุดกรกัลยา เลียมลอดสอดคว้าไปในที
นางสวรรค์กันกรป้องปัด ปิดสะบัดเบี่ยงบ่ายชายหนี
เทวบุตรรำท่าม้าตีคลี เวียนไปตามที่อันดับกัน

ฯ ๑๐ คำ ฯ

เบ้าหลุด

๏ เมื่อนั้น ฝูงเทพอนงค์นางสวรรค์
รำรอคลอเคียงเทวัญ แล้วตีวงเวียนหันห่างไป
ซัดกรงอนจริตประดิษฐ์ท่า มิให้หมู่เทวาเข้ามาใกล้
รำร่ายม่ายเมียงอยู่แต่ไกล นัยนาชม้อยคอยที
เทเวศรำท่ากระหวัดเคล้า กระชั้นเข้ามิให้ห่างอัปสรศรี
สัพยอกหยอกเย้าด้วยยินดี ตีวงหันเวียนเปลี่ยนกร
นางฟ้าเยื้องกรายร่ายรำ กินนรีเลียบถ้ำสิงขร
กรีดนิ้วพลิ้วจริตประดิษฐ์งอน ฟายฟ้อนรำล่อเทวา
เทพบุตรเยื้องย่างเข้าชิด ตามติดกั้นกางขวางหน้า
สาวสวรรค์หันหนีออกมา รำท่าสอดสร้อยมาลี

ฯ ๑๐ คำ ฯ

นกจอก

๏ เมื่อนั้น ฝูงเทพเทวาเรืองศรี
รำควงลวงล่อนารี ยักย้ายให้ทีแก่กัน
ฉวยฉุดยุดชายสไบบาง อนงค์นางปัดกรแล้วผินผัน
เทพบุตรเข้าชิดติดพัน พัลวันคว้าไขว่ไปมา
แล้วเยื้องย่างเป็นกวางเดินดง แทรกเปลี่ยนเวียนวงเข้าหา
รำเคล้าเย้าหยอกกัลยา ชม้ายชายตาให้ยินดี
นางรำมยุเรศฟ้อนหาง เทวัญกั้นกางเสียดสี
พรายพริ้มยิ้มละไมในที จรลีเยื้องย่างไม่ห่างกัน

ฯ ๘ คำ ฯ

ปะหลิ่ม

๏ เมื่อนั้น ฝูงนางอัปสรสาวสวรรค์
รำล่อคลอเทพเทวัญ บิดผันพริ้มพร้อมละม่อมไป
ครั้นเทเวศรำเรียงเข้าเคียงชิด ก็หลีกเลี่ยงเบี่ยงบิดแล้วค้อนให้
ร่ายรำทำกระบวนให้ยวนใจ ทอดกรอ่อนละไมไปมา
ฝ่ายฝูงเทวัญอันดีดสี มีความประดิพัทธ์เสน่หา
เคลิ้มหลงงงงวยวิญญาณ์ ด้วยหมู่นางฟ้ายุพาพาล
ลุกขึ้นรำฟ้อนไปด้วยกัน ทั้งขับร้องโอดพันเฉื่อยฉาน
ฉวยฉุดยุดมือเยาวมาลย์ สำราญรื่นเริงบันเทิงใจ
สาละวนสัพยอกกลอกกลับ โทนทับตกแตกหาคิดไม่
บ้างเข้ากั้นกางขวางไว้ บ้างหลีกบ้างไล่พัลวัน
ทั้งฝูงเทพบุตรนางฟ้า ปรีดาภิรมย์เกษมสันต์
รำถวายพระองค์ทรงสุบรรณ ในสุวรรณไกรลาสคีรี

ฯ ๑๒ คำ ฯ

ช้า

๏ เมื่อนั้น พระอิศวรบรมเรืองศรี
ครั้นเสร็จระบำก็ยินดี จึ่งมีเทวราชบัญชา
ดูก่อนพระนารายณ์ทรงลักษณ์ เจ้าผู้หลักโลกทุกทิศา
พระอวตารไปผลาญอสุรา ในทวาบรยุคพาลภัย
จงทรงศักดาวราฤทธิ์ ทศทิศอย่ารอต่อได้
ให้มีอานุภาพปราบไป ทั้งในฟากฟ้าบาดาล
จงภิรมย์สมสุขศรีสวัสดิ์ ด้วยแสนสมบัติพัสถาน
ไพบูลย์ไอศูรย์ศฤงคาร ทั่วทั้งจักรวาลอย่าเทียมทัน
ทรงนามตามเราประกาศิต ชื่อบรมจักรกฤษณ์รังสรรค์
เป็นที่พึ่งมนุษย์เทวัญ ดังฉัตรแก้วกั้นภพไตร
ตรัสแล้วจึ่งถอดธำมรงค์ จากนิ้วพระองค์ประทานให้
แหวนนี้ประเสริฐเลิศไกร ปราบไปได้สิ้นทั้งดินดอน

ฯ ๑๒ คำ ฯ

ร่าย

๏ เมื่อนั้น พระนารายณ์ฤทธิรงค์ทรงศร
ก้มเกล้าบังคมประนมกร รับแหวนกับพรด้วยยินดี
ครั้นได้ศุภฤกษ์สถาผล อันมหามงคลเฉลิมศรี
ลาองค์สมเด็จพระศุลี อวตารจากที่ลงมา

ฯ ๔ คำ ฯ เพลงช้า

ช้า

๏ กำเนิดในสุริย์วงศ์จักรพรรดิ ยอดกษัตริย์ปิ่นภพนาถา
ในมหานคเรศณรงกา อันเลิศโลกโอฬาร์สถาวร
ทรงนามบรมจักรกฤษณ์ วราราชเรืองฤทธิ์อดิศร
มีครุฑเป็นพาหนะจร หมื่นเมืองสะท้อนสุธาดล
ทั้งธำมรงค์เรืองฤทธิไกร เหาะได้โดยทางโพยมหน
บรรดากษัตริย์สามนต์ ในสกลจังหวัดจักรวาล
เกรงพระเดชาอานุภาพ โอนศิโรตม์ราบทุกสถาน
ยอมแต่งสุวรรณบรรณาการ มาประณตบทมาลย์พระทรงยศ
แต่มณฑลฝูงเฝ้าอเนกนอง สามสิบสองโยชน์เป็นกำหนด
ประดับด้วยโยธาม้ารถ สารเศวตอัษฐคชคเชนทร
อันแสนไอศูรยสมบัติ สัตรัตน์นพรัตน์ประภัสสร
ผุดขึ้นจากมหาสาคร ด้วยบุญฤทธิรอนพระอวตาร
พ้นที่จะนับอนันต์แน่น ล้วนแสนสินทรัพย์มหาศาล
สุขเกษมเปรมประชาโอฬาร์ฬาร สนุกปานสุทัศน์ธานี

ฯ ๑๔ คำ ฯ

ชมตลาด

๏ อันมหาปราการประกอบกั้น สามชั้นรอบเรืองบุรีศรี
กว้างยาวร้อยโยชน์ประมาณมี ดั่งคีรีรอบคั่นสีทันดร
ชั้นนอกนั้นล้วนศิลาปรับ สีสลับแสงเลื่อมประภัสสร
แกล้งประกวดลวดลายอลงกรณ์ ทุกขอบเขตพระนครไม่มีเคียง
อันป้อมค่ายเชิงเทินไพทีรอบ พื้นศิลาประกอบประกับเกลี้ยง
ซุ้มทวารหอรบนางเรียง พิศเพ่งงามเพียงกำแพงอินทร์
ชั้นกลางช่างแกล้งประดับดาษ เอี่ยมสะอาดดูงามด้วยเงินสิ้น
ขาวผ่องแลรื่นจนพื้นดิน ดั่งคีรินไกรลาสชะลอมา
ชั้นในแล้วด้วยสุพรรณรอบ ประกอบลวดประกวดลายเลขา
แจ่มสีจบแสงสุริยา ดั่งมหาสุวรรณบรรพต
ถนนลาดดาดล้วนศิลาลาย ทวารรอบปืนรายประจำหมด
ป้อมซ้อนสามชั้นเป็นหลั่นลด อลงกตล้วนแก้วแกมกัน
หว่างเสมาปักธงมังกรทอง พระพายต้องปลิวปลายฉายฉัน
ดูรอบเขื่อนขอบกรอบสุวรรณ ทุกชั้นตามชานกำแพงเมือง

ฯ ๑๔ คำ ฯ

ยานี

๏ มีสนามที่สนามการสนุก สำหรับลองพลทุกตำแหน่งเนื่อง
พื้นปราบโปรยทรายรายเรือง ซ้อมหัดเนื่องเบื้องนิจการ[๑]
คลีม้าคลีช้างชาญชน คลีรถคลีพลทหารหาญ
ล้วนแกว่นรณรงค์รอนราญ ศึกเสี้ยนสะท้านไม่ทานกร
แต่ละตนโยธาล้วนสามารถ ชาญศิลป์ชาญศาสตร์ชาญศร
ชาญเวทวิทยาสถาวร ชาญยุทธไม่หย่อนปรีชา
เป็นพวกเกิดกับสำหรับบุญ พระจอมจุลจักรพรรดินาถา
แปดหมี่นพื้นพงศ์เสนา ร่วมวันชันษาเดือนปี

ฯ ๘ คำ ฯ

พระทอง

๏ อันมหาปราสาทนั้นสูงโสด กึ่งโยชน์พันยอดเฉลิมศรี
ประดับด้วยสัตรัตน์รุจี สามองค์ตามที่จังหวะกัน
พรหมพักตร์สี่ผาดพรายยิ้ม งามพริ้มเพียงพรหมรังสรรค์
จัตุรมุขแกมมาศกระหนกพรรณ เครือระบายลายบันเป็นบัวบาน
ช่อฟ้าใบระกาลำยองแก้ว บราลีแล้วด้วยมุกดาหาร
สี่ทิศเรือนเก็จอลงการ ครุฑทะยานเผ่นกระหยับเผยอบิน
ผนังลาดแก้วผลึกเป็นระลอก เงากลอกเหลือบคล้ายดั่งสายสินธุ์
เจียรนำแกลมาศมณีนิล ใบบานโกมินจำหลักลาย
มุขเด็จงามแม้นวิมานฟ้า บุษบกรจนาวิเชียรฉาย
เลื่อมสีมุขกระสันสุพรรณพราย ภาพรายเรียงรับเป็นหลั่นลด
ชาลาหน้าสิงห์หิรัญลาด ทิมดาบทองดาดอลงกต
โรงแสงโรงเครื่องโรงรถ โรงม้าโรงคชอันดับมา
ตึกกว้านร้านเรียบระเบียบเรือน ฝูงคนกล่นเกลื่อนแน่นหนา
ลูกค้าพาณิชนานา สิบสองภาษาประชุมกัน
บ้างเล่นเต้นรำสำราญรื่น หญิงชายชมชื่นเกษมสันต์
โหระทึกครึกครื้นทุกคืนวัน พิณพาทย์สนั่นทั้งธานี

ฯ ๑๖ คำ ฯ

ร่าย

๏ ท้าวมีมเหสีภิรมย์รัก ประไพพักตร์งามเพียงพระลักษมี
ทรงนามชื่อจันทมาลี มีศรีเสาวภาคย์จำเริญตา
อรชรอ้อนแอ้นเอวองค์ ดั่งเทเวศบรรจงเลขา
ทรงลักษณ์พร้อมเบญจกัลยา นางในโลกาไม่เทียมทัน
อันหมู่พระสนมนารี ส่งศรีเพียงอัปสรสวรรค์
ทรงโฉมนฤมลละกลกัน แปดหมื่นสี่พันอนงค์ใน
เอกเอี่ยมเฟี้ยมเฝ้าเบื้องบาท ดั่งดาวดาษล้อมดวงแขไข
ขับรำบำเรอเป็นนิจไป สำราญใจทุกทิวาราตรี

ฯ ๘ คำ ฯ


[๑] อีกฉบับหนึ่งเป็น “ซ้อมหัดเนืองเนืองนิจการ”

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ