- คำนำ
- บทนำเรื่อง
- ที่มาของอนิรุทธคำฉันท์และบทละคอนเรื่องอุณรุท ของ ธนิต อยู่โพธิ์
- ตอนที่ ๑
- ตอนที่ ๒
- ตอนที่ ๓
- ตอนที่ ๔
- ตอนที่ ๕
- ตอนที่ ๖
- ตอนที่ ๗
- ตอนที่ ๘
- ตอนที่ ๙
- ตอนที่ ๑๐
- ตอนที่ ๑๑
- ตอนที่ ๑๒
- ตอนที่ ๑๓
- ตอนที่ ๑๔
- ตอนที่ ๑๕
- ตอนที่ ๑๖
- ตอนที่ ๑๗
- ตอนที่ ๑๘
- ตอนที่ ๑๙
- ตอนที่ ๒๐
- ตอนที่ ๒๑
- ตอนที่ ๒๒
- ตอนที่ ๒๓ ทศมุขพบพระอุณรุท
- ตอนที่ ๒๔
- ตอนที่ ๒๕
- ตอนที่ ๒๖
- ตอนที่ ๒๗
- ตอนที่ ๒๘
- ตอนที่ ๒๙
- ตอนที่ ๓๐
- ตอนที่ ๓๑
- ตอนที่ ๓๒
- ตอนที่ ๓๓
- ตอนที่ ๓๔
- ตอนที่ ๓๕
- ตอนที่ ๓๖
- ตอนที่ ๓๗
- ตอนที่ ๓๘
- ตอนที่ ๓๙
- ตอนที่ ๔๐
- ตอนที่ ๔๑
- ตอนที่ ๔๒
ตอนที่ ๒๖ ท้าวบรมจักรกฤษณ์เสด็จมาช่วยพระอุณรุท
๏ เมื่อนั้น | ฝ่ายท้าวกรุงพาณยักษี |
ขุ่นแค้นแน่นทรวงแสนทวี | อสุรีถวิลจินดา |
แม้นจะละชายคนนี้ไว้ | จะเป็นห่วงหน่วงใยแก่อุษา |
จะให้ไปป่าวหมู่เทวา | ทุกวิมานลงมาดูหน้ามัน |
แล้วจึ่งจะผลาญชีวาตม์ | ให้ถึงวินาศอาสัญ |
คิดแล้วตรัสสั่งคนธรรพ์ | จงไปป่าวเทวัญมาบัดนี้ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | คนธรรพ์อสูรยักษี |
ก้มเกล้ารับราชวาที | ถวายอัญชุลีแล้วเหาะไป |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ เที่ยวป่าวเทวัญทุกชั้นฟ้า | ฤๅษีสิทธิ์วิทยาน้อยใหญ่ |
ทั้งบรรพตเทวาพนาลัย | ว่าท้าวไทธิราชกรุงพาณ |
บัญชาใช้ข้ามาประกาศ | ให้ไปยังนิวาสราชฐาน |
ดูมนุษย์ชายช้าสาธารณ์ | ซึ่งทำการลอบรักพระบุตรี |
บัดนี้พระองค์จับได้ | มัดไว้ยอดปราสาทมณีศรี |
จะฆ่าเสียให้สิ้นชีวี | มิให้ใครดูเยี่ยงกัน |
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
ยานี
๏ เมื่อนั้น | ฝ่ายฝูงเทพไทรังสรรค์ |
ทุกห้องวิมานพรายพรรณ | ทั้งคนธรรพ์นักสิทธ์วิทยา |
อีกหมู่ไพรพฤกษ์เทเวศ | ทุกเขตขุนเขาลำเนาป่า |
ได้ฟังคนธรรพ์ประกาศมา | ว่ากรุงพาณาให้หาไป |
ต่างองค์เกรงฤทธิ์อำนาจ | ไม่อาจจะขัดบัญชาได้ |
จำเป็นก็พากันคลาไคล | ลงไปรัตนาธานี |
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ เลื่อยลอยอยู่กลางอัมพร | ตรงหน้าบัญชรยักษี |
แลเห็นพญานาคี | มัดองค์ภูมีอุณรุท |
ไว้ยังยอดมหาปราสาท | เวทนาอนาถเป็นที่สุด |
ให้สงสารหลานพระทรงครุฑ | เทพบุตรทุกองค์ก็อาลัย |
ความรักความเสียดายพระเยาวเรศ | เทเวศปิ้มเลือดตาไหล |
มิรู้ที่จะทำประการใด | ด้วยกลัวฤทธิไกรอสุรี |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวพาณาสูรยักษี |
เห็นเทวามาพร้อมก็ยินดี | จึ่งมีสีหนาทบัญชา |
ดูก่อนเทวาทั้งหลาย | จงดูอ้ายชายชู้อีอุษา |
ทะนงองอาจอหังการ์ | ไม่เกรงศักดาหมู่มาร |
ตัวมันชื่อว่าอุณรุท | หน่อท้าวไกรสุทมหาศาล |
ผ่านกรุงณรงกาสุธาธาร | ฮึกฮักอวดหาญเป็นพ้นไป |
ฝูงท่านเทวัญบรรดามา | ยังรู้จักพักตราฤๅหาไม่ |
เราจักฆ่าเสียให้บรรลัย | ผู้ใดอย่าดูเยี่ยงมัน |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ฝ่ายฝูงเทเวศรังสรรค์ |
ได้ฟังขุนมารชาญฉกรรจ์ | รำพันว่ากล่าวหยาบคาย |
ดั่งเอาศรแสลงมาแทงโสต | ให้รุ่มโรธร้อนใจใจหาย |
เพียงดวงฤทัยจะทำลาย | ด้วยความรักหลานชายพระจักรี |
ไม่อาจจะตอบวาจา | ก็ลาท้าวพาณายักษี |
เหาะระเห็จเตร็ดฟ้าด้วยฤทธี | มาจากถิ่นที่เมืองมาร |
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นมาพ้นแดนนคเรศ[๑] | จึ่งฝูงเทเวศทุกสถาน |
หยุดอยู่ในห้องคัคนานต์ | คิดสงสารองค์พระทรงฤทธิ์ |
อนิจจาพระหน่อภุชพงศ์ | สุริย์วงศ์หริรักษ์จักรกฤษณ์ |
สำหรับล้างพาลาปัจจามิตร | หรือมากลับแพ้ฤทธิ์อสุรา |
ให้นาคารึงรัดมัดกาย | อับอายทั่วโลกแหล่งหล้า |
ได้ความลำบากเวทนา | ปิ้มเสียชีวาวายปราณ |
ทำไฉนใครจักชูช่วย | อย่าให้ม้วยชีวังสังขาร |
ต่างองค์เร่าร้อนวิญญาณ | แล้วมีพจมานปรึกษากัน |
เราจะคิดอ่านประการใด | ด้วยหน่อไทธิราชรังสรรค์ |
อยู่ในเงื้อมมือกุมภัณฑ์ | จะฆ่าฟันบีฑาราวี |
แม้นว่าพระยอดเยาวเรศ | แพ้ศักดาเดชยักษี |
ครั้งนี้แหละอ้ายอสุรี | จะมีแต่กำเริบอหังการ์ |
เที่ยวทำย่ำยีไตรจักร | หาญหักด้วยจิตอิจฉา |
จะร้อนขึ้นกว่าแต่หลังมา | ทั่วสวรรค์ชั้นฟ้าบาดาล |
จะนิ่งเสียฉันนี้ก็มิได้ | จำจะไปทูลแจ้งแถลงสาร |
แก่ท้าวจักรกฤษณ์ชัยชาญ | ผู้เป็นประธานธาตรี |
ครั้นปรึกษาพร้อมยอมกัน | จึ่งหมู่เทวัญเรืองศรี |
ก็เหาะระเห็จด้วยฤทธี | ตรงไปธานีณรงกา |
ฯ ๑๘ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงซึ่งราชนิเวศน์ | พระทรงเดชหริรักษ์นาถา |
เลื่อนลอยอยู่กลางนภา | ตรงหน้าสิงหาสน์บัญชร |
จึ่งร้องประกาศลงไป | แก่ท่านไทจักรกฤษณ์อดิศร |
บัดนี้นัดดาพระภูธร | ตกไปนครอสุรี |
กรุงพาณมันให้นาคา | รึงรัดกายาพระโฉมศรี |
ไว้กับยอดปราสาทรูจี | ยังที่มหาพรหมพักตร์ |
ทำประจานนี่แสนสาหส | ได้ความอัปยศทั้งไตรจักร |
ดูดั่งใช่หน่อหริรักษ์ | มาแพ้อ้ายทรลักษณ์สาธารณ์ |
ฝูงข้าเทวาน้อยใหญ่ | ดูไปแล้วคิดสงสาร |
พระผู้ทรงศักดาปรีชาชาญ | ขอประทานจงช่วยพระนัดดา |
ทูลแล้วฝูงไทเทเวศ | ก็ลาพระทรงเดชนาถา |
ต่างองค์กลับไปในเมฆา | ยังมหาวิมานพรายพรรณ |
ฯ ๑๒ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้น | ฝ่ายท้าวบรมจักรกฤษณ์รังสรรค์ |
ได้ฟังฝูงเทพเทวัญ | ทรงธรรม์กริ้วโกรธดั่งเพลิงกาฬ |
ดูดู๋อ้ายกรุงพาณยักษ์ | ทะนงศักดิ์สามารถอาจหาญ |
ไม่เกรงกูผู้องค์อวตาร | อันเป็นประธานภพไตร |
ย่ำยีตรีโลกแล้วมิหนำ | ทำหลานกูเล่นก็เป็นได้ |
เย่อหยิ่งฮึกฮักหนักไป | ไม่ช้าจะได้เห็นกัน |
อ้ายนี่ถึงพรหมลิขิต | ดลให้ทุจริตโมหัน |
จะพาโคตรวงศ์พงศ์พันธุ์ | ทั้งนั้นฉิบหายวายปราณ |
ตรัสแล้วเสด็จยูรยาตร | จากอาสน์รัตนามุกดาหาร |
งามวิลาสดั่งท้าวมัฆวาน | มาเข้าที่สนานคงคา |
ฯ ๑๐ คำ ฯ เสมอ
โทน
๏ ขัดสีอินทรีย์ธุลีผง | ทรงสุคนธ์ธารทิพบุปผา |
สอดใส่สนับเพลาอลงการ์ | ภูษาคู่ทรงจักรพรรดิ |
ชายแครงเครือพันกุดั่นแก้ว | วาวแววชายไหวปลายสะบัด |
ทับทรวงรายดวงเนาวรัตน์ | ตาบทิศจำรัสทับทิมพราย |
สอดสายสังวาลมรกต | สะอิ้งองค์เครือขดวิเชียรฉาย |
พาหุรัดทองกรมังกรกราย | ธำมรงค์เพชรพรายอรชร |
ทรงมงกุฎแก้วอลงการ | ห้อยพวงกุสุมาลย์เกสร |
ขัดพระขรรค์เพชรฤทธิรอน | บทจรมาเกยรัตนา |
ฯ ๘ คำ ฯ
สมิงทอง
๏ บ่ายพักตร์สู่เบื้องบูรพ์ทิศ | คิดถึงพญาปักษา |
บัดเดี๋ยวโผผินบินมา | ประทับท่ารับองค์ทรงธรรม์ |
ฯ ๒ คำ ฯ แผละ
๏ ก็เสด็จขึ้นทรงครุฑราช | บนบัลลังก์อาสน์ฉายฉัน |
พาเหาะเลื่อนลอยจรจรัล | เสียงสะเทือนเลื่อนลั่นฟ้าดิน |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ ครุฑเอยครุฑทรง | ควรอาสน์คู่องค์พระทรงศิลป์ |
เผ่นผงาดผาดผยองเผยอบิน | สะท้านดินสะเทือนดงพงไพร |
ลอยลิ่วปลิวโพยมพยับคลุ้ม | เมฆเกลื่อนหมอกกลุ้มอุทัยไข |
ถีบราถาร่อนมาไวไว | ข้ามไพรเขตพฤกษ์คิรินทร |
พ้นแดนแผ่นดินถิ่นมนุษย์ | โบยรีบบินรุดไม่หยุดหย่อน |
ลุห้วงล่วงมหาสาคร | สู่ข้างสิงขรหิมพานต์ |
นาทีหนึ่งเที่ยวทั่วรอบ | สุดขอบสิ้นเขตไพศาล |
จบแคว้นจังหวัดจักรวาล | แสวงมุ่งกรุงมารพาณา |
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด
๏ มาพบซึ่งราชนิเวศน์ | นคเรศอสูรยักษา |
ถิ่นฐานสะอ้านโอฬาร์ | ดั่งมหาสุทัศน์ธานี |
ปราสาทล้วนแล้วด้วยเนาวรัตน์ | โอภาสจำรัสเรืองศรี |
แก้วประกอบช่อฟ้าบราลี | สี่มุขมาศแม้นพิมานจันทน์ |
แลไปในยอดพรหมพักตร์ | เห็นองค์หลานรักเฉลิมขวัญ |
นาคีตัวหาญชาญฉกรรจ์ | มัดมั่นรัดไว้ด้วยศักดา |
พระกริ้วโกรธพิโรธดั่งเพลิงกาฬ | จะเผาผลาญพิภพยักษา |
รีบขับพระที่นั่งครุฑา | หมายเขม้นเข่นฆ่านาคี |
ฯ ๘ คำ ฯ แผละ
๏ เมื่อนั้น | ฝ่ายพญาภุชงค์เรืองศรี |
เหลือบเห็นสุบรรณสกุณี | อันมีอานุภาพเกรียงไกร |
บินโบยบ่ายหน้าต่อปราสาท | มุ่งมาดเร็วตรงเข้ามาใกล้ |
ความกลัวตัวสั่นพรั่นใจ | เพียงจักบรรลัยด้วยเดชา |
ก็วางพระอุณรุทเสียทันที | ยังที่พรหมพักตร์ยักษา |
ชำแรกแทรกพื้นพสุธา | หนีไปพาราบาดาล |
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้น | องค์พระจักราศักดาหาญ |
พอพญานาคพวกพาล | วางองค์พระหลานแล้วหนีไป |
ครุฑทรงก็ถึงยอดปราสาท | พระรับราชนัดดาไว้ได้ |
สวมกอดแล้วถามไปทันใด | ไฉนพ่อมาเป็นดั่งนี้ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระอุณรุทผู้รุ่งรัศมี |
ความแสนโสมนัสยินดี | ชุลีกรกราบบาทพระอัยกา |
แล้วเล่าความแต่ต้นจนปลาย | ถวายองค์บรมนาถา |
ซึ่งนาคีลอบรัดมัดมา | เพราะหลานนิทราหลับไป |
หาไม่ที่ไหนอ้ายสาธารณ์ | จะฮึกหาญทำถึงเพียงนี้ได้ |
ซึ่งพระองค์ผู้ทรงฤทธิไกร | มาช่วยชีวิตไว้ครั้งนี้ |
ด้วยพระเมตตาการุญ | พระคุณล้นเกล้าเกศี |
จะขอชิงชัยราวี | ผลาญอ้ายอสุรีให้วายปราณ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ฝ่ายพวกอสุราทวยหาญ |
ทั้งหญิงชายชาวเมืองมาร | ทั่วทุกสถานมณฑล |
เห็นมนุษย์ขี่ครุฑบินมา | จิกจับนาคาในเวหน |
ตื่นตระหนกตกใจทุกตน | ก็อึงอลโกลาทั้งธานี |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้น | ฝ่ายท้าวกรุงพาณยักษี |
ได้ยินเสียงปีกสกุณี | อึงมี่ครื้นครั่นสนั่นไป |
สะเทือนทั่วพสุธาอากาศ | ทุกทิศกัมปนาทหวาดไหว |
เสียงพลอื้ออึงทั่วเวียงชัย | ก็ออกไปจากปราสาทรัตนา |
ฯ ๔ คำ ฯ
พิราบร้อน
๏ ยืนยังชาลาพระนิเวศน์ | ทอดพระเนตรเห็นราชปักษา |
กับมนุษย์นั่งอยู่ทั้งสองรา | บนหลังพญาสุบรรณ |
จำได้ว่าอุณรุทราช | ก็กริ้วกราดว้าวุ่นหุนหัน |
ผาดแผลงฤทธิไกรดังไฟกัลป์ | กุมภัณฑ์เหาะขึ้นด้วยว่องไว |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ จึ่งร้องว่าเหวยเหวยมนุษย์ | ท่านนี้ขี่ครุฑมาแต่ไหน |
อยู่ราชฐานบ้านเมืองใด | มีนามชื่อไรอหังการ์ |
ทำการอาจองทะนงนัก | ไม่เกรงฤทธิ์สิทธิศักดิ์ยักษา |
โจมจู่ลู่ไล่นาคา | มาชิงคนโทษใจฉกรรจ์ |
ซึ่งทำทุจริตเราจับได้ | ประจานไว้จะฆ่าให้อาสัญ |
สู่รู้ดูหมิ่นแก่กุมภัณฑ์ | จะพากันบรรลัยบัดเดี๋ยวนี้ |
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | ท้าวบรมจักรกฤษณ์เรืองศรี |
ได้ฟังอสุราพาที | ภูมีกริ้วโกรธพิโรธนัก |
จึ่งร้องว่าเหวยกรุงพาณ | เอ็งอย่าฮึกหาญทะนงศักดิ์ |
กูผู้อวตารมาผลาญยักษ์ | ชื่อบรมจักรกฤษณ์ฤทธิรอน |
เป็นบิตุเรศท้าวไกรสุท | อัยกาอุณรุทชาญสมร |
ผ่านกรุงณรงกาพระนคร | ลือขจรว่าตนเป็นคนพาล |
เบียดเบียนโลกาธาตรี | จึ่งขี่ครุฑมาจะสังหาร |
ท่านมัดนัดดาเราประจาน | หลานกูผิดไฉนให้ว่ามา |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวพาณาสูรยักษ์ |
ได้ฟังจึ่งตอบวาจา | ถ้อยคำท่านว่านี้เกินพักตร์ |
อ้างอวดว่าองค์อวตาร | จะมารอนราญหาญหัก |
หลานตัวอาจองทะนงนัก | มาลอบรักอุษาธิดาเรา |
ครั้นทศมุขไปเยี่ยมพี่ | จะฆ่าร้าตีเสียอีกเล่า |
เพราะหยาบหยามจู่ลู่ดูเบา | จึ่งเอามามัดประจานไว้ |
แม้นมาว่ากล่าวโดยสุจริต | เป็นมิตรไมตรีก็จะให้ |
นี่ทำข่มเหงไม่เกรงใจ | ใครจะอดได้ไม่โกรธา |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวบรมจักรกฤษณ์นาถา |
ได้ฟังจึ่งตอบวาจา | เหวยเหวยพญากุมภัณฑ์ |
อันนางอุษายุพาพักตร์ | กับองค์หลานรักเฉลิมขวัญ |
เทพไทพาสมให้ชมกัน | ถึงเราก็ไม่ทันแจ้งใจ |
ซึ่งว่ามิได้อ่อนง้อ | ข้อนี้จะโกรธกระไรได้ |
ภายหลังพี่เลี้ยงอรไท | เหาะไปอุ้มหลานเราพามา |
ทั้งนี้จะว่าข้างไหนผิด | จงคิดดูเถิดยักษา |
ฝ่ายทศมุขอนุชา | ทำอหังการ์เข้าราวี |
ตัวเป็นผู้น้อยไม่ถอยยศ | จะละลดให้ทำก็ใช่ที่ |
ท่านไม่ไถ่ถามแต่โดยดี | ใช้ให้นาคีลอบไป |
ถึงในแท่นที่อลงการ | หากหลานเราหลับจึ่งจับได้ |
อย่าพักอ้างอวดฤทธิไกร | จะบรรลัยไม่ทันพริบตา |
ฯ ๑๒ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | ท้าวพาณาสูรยักษา |
ได้ฟังคั่งแค้นในวิญญาณ์ | โกรธาดั่งไฟบรรลัยกาฬ |
เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันสนั่นก้อง | แผดร้องตบหัตถ์ฉัดฉาน |
สำแดงเดชเผ่นโผนโจนทะยาน | เข้าไล่สังหารราญรอน |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้น | พระกฤษณุรักษ์ชาญสมร |
เห็นขุนยักษ์หักเข้ามาต่อกร | ภูธรขับครุฑเข้าชิงชัย |
ฉวยชักพระขรรค์กวัดแกว่ง | เป็นประกายพรายแสงดั่งเพลิงไหม้ |
ฟันถูกกรุงพาณด้วยว่องไว | ยี่สิบกรขาดไปจากอินทรีย์ |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้น | ท้าวพาณาสูรยักษี |
เจ็บปวดรวดร้าวแสนทวี | เพียงสิ้นสมประดีชีวา |
แข็งใจทรหดอดกลั้น | ด้วยโมหันมานะยักษา |
คิดคุณบรมพรหมา | ร่ายเวทวิทยาเกรียงไกร |
ฯ ๔ คำ ฯ ตระ
๏ เดชะพระมนต์อันเรืองฤทธิ์ | กรขาดคืนติดกันเข้าได้ |
พิโรธโกรธกริ้วคือไฟ | เรียกเร่งพลไกรเข้ารอนราญ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ บัดนั้น | กาลานุราชใจหาญ |
ได้ยินอสุรโองการ | ก็ให้หมู่มารโห่ขึ้นสามลา |
ฯ ๒ คำ ฯ
กราว
๏ ยกพวกอสุราร้อยโกฏิ | แล่นโลดเหาะขึ้นยังเวหา |
ต่างแผลงสำแดงเดชา | เข้าจับยักษาด้วยฤทธิ์ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ บัดนั้น | ครุฑทรงองค์บรมจักรกฤษณ์ |
เห็นพลกุมภัณฑ์กระชั้นชิด | แผลงฤทธิ์เข้ามาจะราวี |
สุบรรณกางปีกคอยป้อง | หันกระหยับรับรองยักษี |
ครั้นหมู่มารกลุ้มเข้ารุมตี | สกุณีโจมจับด้วยว่องไว |
เท้าหยิกปากจิกปีกฟาด | อสุราตายกลาดไม่นับได้ |
หัวขาดตัวขาดดาษไป | ซ้ำไล่จิกฟัดโรมรัน |
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้น | ท้าวพาณาสูรรังสรรค์ |
ทั้งกาลานุราชกุมภัณฑ์ | เห็นพวกพลขันธ์เปลืองตา |
พญายักษ์กริ้วโกรธโลดโผน | จู่โจนโจมจับรับหน้า |
กาลานุราชเสนา | เข้าหลังปักษาโจมตี |
สองยักษ์ทั้งยี่สิบสองกร | รุมรันฟันฟอนปักษี |
ปักษาโจมจิกอสุรี | ปีกตีเท้าถีบวุ่นไป |
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้น | พระภุชพงศ์ทรงฤทธิ์แผ่นดินไหว |
กับราชนัดดายาใจ | ภูวไนยรับหน้ากรุงพาณ |
ฝ่ายพระอุณรุทผินรับ | กับกาลานุราชใจหาญ |
ถ้อยทีโรมรันประจัญบาน | รอนราญไม่ละลดกัน |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ อัยกาเหยียบพญาอสุรี | หลานเหยียบเสนีผกผัน |
เท้าครุฑฉุดเท้ากุมภัณฑ์ | เหหันเหวี่ยงวัดอลวน |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ ต่างหวดประหารกันฉานฉาด | ต่างฟันต่างฟาดกุลาหล |
ท้าวบรมจักรกฤษณ์ฤทธิรณ | หวดถูกกุณฑลอสุรา |
พระอุณรุทชิงได้ตระบองมาร | ผลาญกาลานุราชยักษา |
กรุงพาณเหจากครุฑา | เสนานั้นม้วยชีวี |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด โอด
๏ เมื่อนั้น | ท้าวพาณาสูรยักษี |
ต้องศัสตราวุธทั้งอินทรีย์ | อสุรีเจ็บปวดสากรรจ์ |
ครั้นจะรื้อเข้าต่อรอรบ | พอพลบสิ้นแสงพระสุริย์ฉัน |
จึ่งเลิกพวกพลกุมภัณฑ์ | ลงสู่เขตขัณฑ์พารา |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้น | ท้าวบรมจักรกฤษณ์นาถา |
ครั้นกรุงพาณเลิกพลโยธา | พอเวลาสิ้นศรีรวีวร |
จึ่งมีพระราชบรรหาร | แก่หลานรักร่วมชีพชาญสมร |
แต่เจ้ามาจากพระนคร | ทุกข์ร้อนทั่วไปทั้งธานี |
ต่อเทเวศแจ้งเหตุจึ่งตามมา | พบพระนัดดาเรืองศรี |
ครั้นปู่จะอยู่ช่วยราวี | พระเกียรติหลานนี้จะลับไป |
ตัวเจ้าจงอยู่สงคราม | พยายามฆ่ามันเสียให้ได้ |
จะปรากฏยศเกรียงไกร | ทั่วไตรโลกาสุธาธาร |
ตรัสพลางถอดพระธำมรงค์ | เครื่องทรงจักรพรรดิมหาศาล |
แล้วด้วยเพชรทิพอลงการ | ออกให้หลานรักร่วมชีวัน |
เจ้าจงเอาไว้สำหรับตัว | อย่ากลัวหมู่มารโมหัน |
แหวนนี้มีฤทธิ์ดังเพลิงกัลป์ | เป็นอาวุธเทวัญเลิศไกร |
เสมอดั่งจักรแก้วโมลิศ | จะเหาะไปทั่วทิศก็ย่อมได้ |
เจ้าจงศรีสวัสดิ์มีชัย | ไพรีอย่ารอต่อกร |
ฯ ๑๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระอุณรุทสุริย์วงศ์ชาญสมร |
น้อมเศียรรับแหวนรับพร | ด้วยใจถาวรภิรมยา |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวบรมจักรกฤษณ์นาถา |
ก็ขับครุฑมาส่งพระนัดดา | ยังปราสาทอุษาเทวี |
ฯ ๒ คำ ฯ