ตอนที่ ๑๙ ศุภลักษณ์วาดรูป

ช้า

๏ เมื่อนั้น นวลนางอุษาสาวสวรรค์
ครั้นสว่างสร่างเวทเทวัญ พอแสงพรรณเรื่อเหลืองเรืองฟ้า
สนั่นเสียงฆ้องยามย่ำรุ่ง ประกายพรึกพรายพุ่งเวหา
ฟื้นกายพลางพลิกกลับมา กรคว้าหาองค์พระทรงฤทธิ์
ไม่พบพระโฉมเฉลิมเนตร อัคเรศหวาดหวั่นตันจิต
แสนอาวรณ์ร้อนรุ่มเป็นสุดคิด ดั่งเพลิงพิษเผาทรวงดวงใจ
อนิจจาพระยอดเยาวราช มาสมสวาทแนบน้องแล้วไปไหน
แลหาไม่เห็นยิ่งอาลัย อรไทข้อนทรวงเข้าโศกา

ฯ ๘ คำ ฯ โอด

ร่าย

๏ ผุดลุกขึ้นจากบรรจถรณ์ สะท้อนใจเศร้าโทมนัสสา
แล้วกรายกรนวยนาดยาตรา เที่ยวหาพระดวงชีวัน

ฯ ๒ คำ ฯ

เพลงเวศุกรรม

๏ นัยนาแลลอดสอดดู ในหมู่นางนาฏสาวสวรรค์
เที่ยวทั่วห้องแก้วแพรวพรรณ ช่องชั้นฉากม่านซึ่งกั้นไว้
ถ้วนทุกตำบลก็ค้นจบ จะพบพระยอดฟ้าก็หาไม่
อุราร้อนรุมดั่งสุมไฟ ชลนัยน์นองพักตร์กัลยา
สุดรักสุดคิดจะปิดความ จึ่งถามพระพี่เลี้ยงทั้งห้า
พี่นางจงได้เมตตา ช่วยบอกแก่ข้าอย่าอำพราง
ยังเห็นพระองค์ทรงลักษณ์ ของน้องรักออกมาที่นี่บ้าง
ถามพลางก็ร้องไห้พลาง พ่างเพียงจะพินาศขาดใจ
แม้นไม่พบองค์พระทรงฤทธิ์ อันชีวิตจะคงอย่าสงสัย
น้องจะสู้ม้วยบรรลัย มิขออยู่ให้ได้เวทนา

ฯ ๑๐ คำ ฯ โอด

๏ บัดนั้น นวลนางพี่เลี้ยงทั้งห้า
ได้ฟังเสาวนีย์กัลยา ต่างถวิลจินดาดูหน้ากัน
ให้พะวงสงสัยเป็นพ้นนัก ไฉนหนอนงลักษณ์สาวสวรรค์
มาตรัสถามความขำรำพัน แล้วกันแสงไปดั่งนี้
ผู้ใดใครจักองอาจ ไม่เกรงเบื้องบาทบทศรี
แห่งองค์พญาอสุรี จะเข้ามาถึงที่พระธิดา
ทั้งหกห้องสวรรค์ชั้นมนุษย์ ก็เข็ดขามฤทธิรุทรยักษา
หากองค์พระยอดกัลยา จินดาใฝ่ฝันกระสันไป
ด้วยเจ้าแรกรุ่นจำเริญโฉม กำดัดลานโลมพิสมัย
คิดแล้วต่างทูลอรไท ตรัสไยฉะนี้พระเทวี
หากให้วิปริตนิมิตฝัน กระสันในความเกษมศรี
จะสำคัญว่าจริงนั้นผิดที เจ้าพี่อย่าทรงโศกา

ฯ ๑๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น โฉมยงองค์นางอุษา
ฟังพี่เลี้ยงร่วมชีวา กัลยาจึ่งตรัสตอบไป
อันตัวของน้องครั้งนี้ จะอำพรางอายพี่นั้นหาไม่
ความจริงตระหนักประจักษ์ใจ อย่าสงสัยว่าฝันบันดาล
คืนนี้มีชายทรงโฉม มาประโลมร่วมรสสงสาร
ยั่วเย้าเคล้าสวัสดิ์สัมผัสพาน เสียดสมานแนบน้องประคองเคียง
ร่วมเขนยเชยสนองเป็นสองสม ชวนชมรูปรสกลิ่นเกลี้ยง
เกษมสันต์บรรทมภิรมย์เรียง อำไพเพียงโฉมสวัสดิ์หัสนัยน์
รูปทรงแห่งองค์พระยอดฟ้า ดวงพักตร์ลักขณาก็จำได้
พอน้องเคลิ้มกายก็หายไป เมื่อปัจจุสมัยราตรี
ความแสนวิตกเพียงอกหัก ด้วยพระทรงลักษณ์มาหน่ายหนี
แสนทุกข์สุดทุกข์ในครานี้ แทบถึงชีวีมรณา
พี่จงกรุณาน้องด้วย เชิญช่วยรีบร้นค้นหา
เกลือกไปร่วมรสกรีฑา ด้วยหมู่กัลยายุพาพาล
อันจะร่ำรำพันคุณพี่ เลี้ยงมาไม่มีสิ่งสมาน
ครั้งนี้ก็ล้นพ้นประมาณ จงคิดอ่านช่วยชูชีวิตไว้

ฯ ๑๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระพี่เลี้ยงผู้มีอัชฌาสัย
ได้ฟังฉงนสนเท่หใจ เออไฉนมาเป็นดังนี้
ตรัสร่ำรำพันไปทุกสิ่ง ครั้นจะว่าไม่จริงก็ใช่ที่
ยังเด็กเล็กอยู่เมื่อไรมี จะไม่รู้คดีที่สำคัญ
เราจำจะไปค้นดู ในหมู่อนงค์สาวสรรค์
ว่าแล้วห้านางบังคมคัล ก็พากันรีบบทจรไป

ฯ ๖ คำ ฯ

เพลงเวศุกรรม

๏ เที่ยวทั่วสถานเรือนทอง ทุกห้องกำนัลน้อยใหญ่
มิได้พบพานผู้ใด ทั้งห้าอรไทก็กลับมา

ฯ ๒ คำ ฯ ชุบ

๏ นบนิ้วประณตบทบงสุ์ ทูลองค์เยาวยอดเสน่หา
ข้าค้นทุกห้องกัลยา จะเห็นใครไปมาก็ไม่มี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา

โอ้

๏ เมื่อนั้น นวลนางอุษามารศรี
ฟังห้ากัลยาพาที เทวีข้อนทรวงเข้าร่ำไร
โอ้ว่าอนิจจานะอกเอ๋ย ไฉนเลยมาเป็นเช่นนี้ได้
แม้นม้วยชีวันบรรลัย ลับไปก็ดูประเสริฐนัก
เสียชาติที่เกิดเป็นสตรี เสียทีปรากฏด้วยยศศักดิ์
เพียงนี้ฤๅชายมาหน่ายรัก สละพักตร์หนีได้ไม่เมตตา
นิจจาเอ๋ยพระยอดเยาวราช มาตัดขาดแรมร้างเสน่หา
ฤๅเกรงสมเด็จพระบิดา รู้เหตุจะฆ่าราตี
จึ่งทิ้งน้องไว้ให้ทนทุกข์ พระไปเป็นสุขเกษมศรี
แต่จะบอกจะสั่งก็ไม่มี ให้โศกีโหยหาอาลัย
ร่ำพลางนางคล้ายนัยน์เนตร ว่าทรงเดชเสด็จเข้ามาใกล้
สำคัญว่าจริงก็ดีใจ อรไทจะประณตบทบงสุ์
ดูไปไม่เห็นพระโฉมเฉลิม ยิ่งเพิ่มโศกแสนคะนึงตะลึงหลง
สองกรข้อนทรวงระทวยองค์ โฉมยงเพียงสิ้นสมประดี

ฯ ๑๔ คำ ฯ โอด

๏ บัดนั้น พระพี่เลี้ยงทั้งห้ามารศรี
เห็นนางทรงโศกโศกี แสนทวีเทวษรำพัน
ต่างคนเร่าร้อนอุรา พ่างเพียงชีวาจะอาสัญ
ด้วยสุดรักพระธิดาวิลาวัณย์ ปลอบพลางรับขวัญอรไท
แม่ผู้ทรงโฉมประโลมโลก อย่าแสนโศกนักเลยหาควรไม่
หากแม่เจ้ากระสันฝันไป จะหมายว่าจริงใจนั้นใช่ที
ผู้ใดจะอาจเข้ามา ไม่เกรงพญายักษี
จงระงับดับใจเทวี ขวัญเนตรของพี่อย่าอาวรณ์

ฯ ๘ คำ ฯ

โอ้

๏ เมื่อนั้น นวลนางอุษาสายสมร
ได้ฟังร้อนใจดังไฟฟอน ทอดถอนฤทัยไปมา
อนิจจาพี่นางของน้องเอ๋ย ไฉนเลยไม่เห็นอกข้า
ควรฤๅไม่เชื่อวาจา จะขืนว่าใฝ่ฝันด้วยอันใด
เมื่อมีชายโฉมประโลมสวาท มาร่วมอาสน์แนบสนิทพิสมัย
ไม่เคลือบแคลงแจ้งตระหนักประจักษ์ใจ จริงจริงจำได้ทุกประการ
ทั้งกลิ่นเกลาเสาวรสที่ในกาย ยังติดอยู่ไม่หายหอมหวาน
ตัวพี่ล้วนปรีชาชาญ วานอย่าแคลงถวิลในวิญญาณ์
ว่าพลางหวนหาพระเยาวราช วรนาฏเศร้าโทมนัสสา
ทอดองค์ลงทรงโศกา ดั่งว่าจะสิ้นสมประดี

ฯ ๑๐ คำ ฯ โอด

๏ เมื่อนั้น ฝ่ายนางศุภลักษณ์ยักษี[๑]
เห็นองค์สมเด็จพระเทวี โศกีบอกความร่ำไร
ให้ฉงนสนเท่ห์เป็นพ้นนัก ไฉนหนอนงลักษณ์ก่นร้องไห้
ครั้นจะว่าใฝ่ฝันกระสันไป ไยองค์วนิดายุพาพาล
จึงเสียศรีพิกลหม่นหมอง ดั่งบัวทองต้องแสงสุริย์ฉาน
ปรางเปรียบปรางแก้วอลงการ ก็บันดาลชอกช้ำเป็นราคี
ฤๅจะว่าเทวามาลอบชม แนบน้องภิรมย์สมศรี
คิดแล้วทูลถามทันที ภูมีนั้นนามกรใด
เป็นชาติเชื้อวงศ์พงศ์กษัตริย์ ผ่านแสนสมบัติบุรีไหน
จงบอกให้แจ้งประจักษ์ใจ จะได้ผ่อนผันด้วยปัญญา
อันธุระร้อนใจในครั้งนี้ ตัวพี่จะขออาสา
ไปเชิญเสด็จพระองค์มา สมแก้วกัลยาอย่าอาวรณ์

ฯ ๑๒ คำ ฯ

ร่าย

๏ เมื่อนั้น นวลนางอุษาสายสมร
ฟังพี่เลี้ยงกล่าวสุนทร บังอรโสมนัสพันทวี
จึงตรัสมธุรสวาจาตอบ ว่านี้น้องขอบคุณพี่
อันพระสุริย์วงศ์สวัสดี เสด็จมาถึงที่บรรทมใน
จะตรัสพจมานสารสนอง สิ่งใดด้วยน้องก็หาไม่
ครั้นจะถามนามวงศ์ก็จนใจ พูดออกมิได้ดั่งจินดา
ประหลาดใจเหตุไฉนเป็นฉะนี้ ผิดทีให้คิดกังขา
น้องเคลิ้มหลับสนิทนิทรา จนเวลาสร่างแสงสุริยัน
อันนามวงศ์พงศ์ไหนไม่รู้จัก แต่พิมพ์พักตร์ยังจำได้แม่นมั่น
ทรงสิริเลิศลักษณ์วิไลวรรณ สารพันเป็นที่จำเริญใจ
จะหาหกห้องสวรรค์ชั้นมนุษย์ เป็นสุดที่จะเปรียบโฉมได้
พี่ผู้ศักดาปรีชาไว ช่วยชีวิตน้องไว้ในครั้งนี้

ฯ ๑๒ คำ ฯ เจรจา

ร่าย

๏ เมื่อนั้น นวลนางศุภลักษณ์โฉมศรี
ได้ฟังพระราชเสาวนีย์ ชุลีกรทูลองค์นงคราญ
แม่อย่าโศกศัลย์เลยขวัญเนตร เยาวเรศผู้ยอดสงสาร
เชิญเสวยแสนสุขให้สำราญ ไว้พนักงานพี่ผู้ศักดา
จะเที่ยวเสาะไปในไตรภพ ใหจบทั่วทศทิศา
วาดรูปสุริย์วงศ์กษัตรา คนธรรพ์เทวานาคี
ทั้งหกห้องสวรรค์ชั้นทวีป เร่งรีบมาถวายโฉมศรี
รูปใดแม้นเหมือนภูมี อันมาร่วมที่บรรทมใน
จงบอกพี่เถิดสายสมร จะไปวอนเชิญเสด็จมาให้
สมแก้ววนิดายาใจ ลุได้ดั่งถวิลจินดา

ฯ ๑๐ คำ ฯ

ร่าย

๏ เมื่อนั้น โฉมยงองค์นางอุษา
ฟังพี่เลี้ยงร่วมชีวา กัลยาแสนโสมนัสนัก
จึงถอดพระธำมรงค์เพชร เรือนเก็จคู่ทรงพญาจักร
ประทานโฉมศรีศุภลักษณ์ น้องรักให้พลางเป็นรางวัล
แม้นสมดั่งจิตที่คิดแล้ว ทรัพย์แสนแหวนแก้วทุกสิ่งสรรพ์
จะเพิ่มให้พี่นางอเนกนันต์ อันช่างคิดชอบข้าขอบใจ

ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น ศุภลักษณ์ผู้มีอัชฌาสัย
รับธำมรงค์แก้วแววไว บังคมลาเหาะไปด้วยฤทธี

ฯ ๒ คำ ฯ เชิดฉิ่ง

๏ ขึ้นยังพิภพเทวัญ หกสวรรค์ชั้นฟ้าราศี
วาดโฉมสมเด็จพระศุลี ทรงมณีตรีศูลศักดา
ทั้งพระขันธกุมาราราช สถิตอาสน์มยุเรศปักษา
รูปพระนารายณ์เทวา ทรงสังข์จักราคทาธร
ทั้งรูปพระเพลิงเริงแรง เปล่งแสงโอภาสประภัสสร
พระพายผู้เรืองฤทธิรอน เขจรเหนืออาสน์พาชี
ท้าวโลกบาลชาญฤทธิ์ อันประจำในทิศทั้งสี่
พระพิรุณทรงอาสน์วาสุกรี ศศิธรรังสีสุริยัน
วาดโฉมสมเด็จหัสนัยน์ ทรงไอยราพตรังสรรค์
อีกองค์สุยามเทวัญ เจ้าสวรรค์ดุสิตฤทธิรอน
รูปท้าวนิมมานรดิศ ชั้นนิมิตแมนมารชาญสมร
ล้วนทรงศรีสวัสดิ์สถาวร เสร็จแล้วเขจรกลับมา

ฯ ๑๒ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงจึ่งเข้ายังปราสาท นบบาทถวายรูปเลขา
แก่องค์สมเด็จพระธิดา ทูลว่าอันรูปทั้งนี้
พี่จำลองลักษณ์พักตร์เพศ เทเวศเจ้าฟ้าทุกราศี
องค์ใดจะเหมือนพระภูมี เชิญเทวีทอดทัศนา

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระบุตรีเยาวยอดเสน่หา
พิศรูปเทวราชที่วาดมา ผิดพระยอดฟ้ายาใจ
ยิ่งแสนสลดระทดจิต พิศพิศแล้วถอนใจใหญ่
จึงตรัสแก่พี่เลี้ยงทันใด รูปนี้มิใช่พระทรงลักษณ์
อันพระองค์น้องเห็นจะเป็นมนุษย์ มงกุฎแหล่งหล้าอาณาจักร
ผิดเทพเทวาสุรารักษ์ พิมพ์พักตร์ร่างกายนั้นไกลกัน
ว่าพลางคิดครวญหวนหา องค์พระยอดฟ้านราสรรค์
เร่าร้อนอุราจาบัลย์ ทรงกันแสงโศกโศกี

ฯ ๘ คำ ฯ โอด

๏ เมื่อนั้น นวลนางศุภลักษณ์โฉมศรี
เห็นองค์สมเด็จพระบุตรี โศกีฟูมฟายชลนา
จึ่งปลอบโฉมงามด้วยความรัก นงลักษณ์พี่ยอดเสน่หา
อันรูปเทวราชที่วาดมา ผิดพระยอดฟ้ายุพาพาล
ยังในพ่างพื้นปัฐพี โสฬสบุรีราชฐาน
ล้วนกษัตริย์ทรงโฉมประโลมลาน พี่จะลานงคราญกลับไป
วาดทรงองค์พระเยาวเรศ ทุกประเทศพารานั้นมาให้
ขวัญอ่อนเจ้าอย่าอ้อนอาลัย อดใจไว้ก่อนนะเทวี
ว่าแล้วประณตบทบงสุ์ โฉมยงเยาวลักษณ์เฉลิมศรี
ถีบทะยานผ่านฟ้าด้วยฤทธี เทวีเหาะไปในเมฆา

ฯ ๑๐ คำ ฯ เชิด

ร่าย

๏ ลงยังนิเวศน์เวียงสวัสดิ์ แห่งกษัตริย์ทั่วทุกทิศา
วาดรูปชุณรัตน์ศักดา ลักขณาเทียมเทพเทวัญ
ทั้งรูปพระลอเลิศลักษณ์ ประไพพักตร์เฉิดโฉมประโลมขวัญ
รูปพระวรวงศ์ทรงธรรม์ พระสุวรรณหงส์ฤทธิรอน
วาดรูปพระรถสุริย์วงศ์ พระสัชนูผู้พงศ์อดิศร
พระสมุทโฆษสถาวร ขจรยศเลื่องหล้าสุธาธาร
บรรดากษัตริย์อันทรงลักษณ์ ประไพพักตร์ยั่วยวนสงสาร
จำเริญรุ่นเยาวราชกุมาร ประโลมลานฤทัยสตรี
ในชมพูแผ่นแดนประเทศ โสฬสนคเรศบุรีศรี
วาดทรงลงกระดาษมาศมณี เหมือนสิ้นด้วยปรีชาไว
เว้นแต่ณรงการาชฐาน บันดาลไม่ระลึกตรึกได้
ได้แต่รูปอื่นที่อำไพ ก็เหาะรีบกลับไปพารา

ฯ ๑๒ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงจึงตรงเข้าเฝ้า น้อมเกล้าบังคมเหนือเกศา
ถวายรูปในกระดาษที่วาดมา แก่องค์พระธิดายุพาพาล

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นางอุษาเยาวยอดสงสาร
รับกระดาษวาดรูปอลงการ แห่งกษัตริย์ทุกสถานธานี
แล้วพินิจพิศดูทุกองค์ ใช่ทรงพระโฉมเฉลิมศรี
อันมาร่วมรสฤๅดี ในที่แท่นทิพไสยา

ฯ ๔ คำ ฯ

โอ้ร่าย

๏ ทิ้งรูปวาดลงตรงพักตร์ นงลักษณ์เศร้าโทมนัสสา
ยิ่งทวีเทวษเพทนา ปิ้มว่าจะพินาศขาดใจ
ให้คลุ้มคลั่งนั่งขึงตะลึงคิด ดังเพลิงพิษเผาอกหมกไหม้
ชลเนตรคลอเนตรอรไท อาลัยเป็นพ้นพันทวี

ฯ ๔ คำ ฯ

ร่าย

๏ จึ่งมีวาจาอันสุนทร แก่บังอรศุภลักษณ์โฉมศรี
พี่นางผู้เรืองฤทธี ความปรานีน้องเป็นพ้นนัก
ไม่คิดเหนื่อยยากลำบากใจ ผู้เดียวเที่ยวไปในไตรจักร
วาดรูปเทวาสุรารักษ์ กษัตริย์ทรงลักษณ์ทุกพารา
มาหวังชูจิตชีวิตน้อง คุณของพี่นางก็หนักหนา
เมื่อไม่พบพักตร์ลักขณา องค์พระยอดฟ้ายาใจ
ตัวน้องครั้งนี้นี่สุดคิด อันจะรอดชีวิตนั้นหาไม่
ว่าพลางทอดถอนฤๅทัย โหยไห้รำพันโศกี

ฯ ๘ คำ ฯ โอด

โอ้ครวญ

๏ โอ้พระสุริย์วงศ์ของน้องเอ๋ย ไฉนเลยจะพบบทศรี
แสนอาวรณ์ร้อนใจในครั้งนี้ สุดที่จะร่ำพรรณนา
พระอยู่ถึงนคเรศนิเวศน์ไหน น้องก็ให้ไปเที่ยวตามหา
จนสิ้นแดนแผ่นพื้นพสุธา สุดสวรรค์ชั้นฟ้าบาดาล
ก็ไม่ประสบพบองค์ พระผู้ทรงยศยอดสงสาร
น้องนี้โหยไห้อาลัยลาญ ทรมานโศกเศร้าเปล่าใจ
พระไปปานนี้จะปรีดิ์เปรม แสนเกษมสุขเล่นเป็นไฉน
จะคิดถึงน้องบ้างประการใด ฤๅจะสิ้นอาลัยไม่นำพา
นิจจาเอ๋ยเกิดมาในครานี้ สตรีใดจะเหมือนอกข้า
นิราศสุขแสนทุกข์ทุกเวลา เวทนาอาดูรแดยัน
แม้นไม่พานพบพระองค์แล้ว ไหนน้องจะแคล้วชีวาสัญ
ร่ำพลางข้อนทรวงจาบัลย์ กันแสงสลบลงทันที

ฯ ๑๒ คำ ฯ โอด

๏ เมื่อนั้น พระพี่เลี้ยงทั้งห้ามารศรี
เห็นองค์สมเด็จพระบุตรี โศกีแน่นิ่งไม่ติงกาย
ต่างตนตกใจเป็นสุดคิด สลดจิตตัวสั่นขวัญหาย
สำคัญว่าสิ้นชีวันวาย เข้าประคองพระกายกัลยา
ให้เร่าร้อนอุราทั้งห้านาง พ่างเพียงจะสิ้นสังขาร์
ด้วยสุดรักแสนรักพระธิดา ก็โศกาครวญคร่ำร่ำไร

ฯ ๖ คำ ฯ

โอ้

๏ โอ้ว่าแม่ผู้เสาวภาคย์ ตายจากพี่แล้วฤๅไฉน
ถนอมเลี้ยงมาจนจำเริญวัย จะให้เคืองสิ่งใดก็ไม่มี
หวังว่าจะฝากชีวิตเจ้า ขวัญข้าวพี่ผู้เฉลิมศรี
จะปลอบปลุกเท่าไรไม่พาที แม่หน่ายหนีพี่แล้วฤๅแก้วตา
จงผินพักตร์มาตรัสประภาษก่อน สายสมรเยาวยอดเสน่หา
เจ้าเคียดแค้นสิ่งใดวนิดา จึ่งสู้เสียชีวานิราลัย
แม้นแม่ม้วยจริงแล้วครั้งนี้ ชีวิตพี่จะคงอย่าสงสัย
จะกลั้นใจตายตามทรามวัย ไปให้พ้นภัยพญามาร
ร่ำพลางต่างกอดเยาวเรศ แสนเทวษกำสรดสงสาร
โหยไห้รักองค์นงคราญ เพียงทำลายลาญชีวา

ฯ ๑๐ คำ ฯ โอด

๏ ฝ่ายนางศุภลักษณ์โฉมศรี ผู้ปรีชาชาญหาญกล้า
จึ่งคิดถวิลจินดา อันองค์กัลยาวิลาวัณย์
ถ้าบุญประเสริฐเลิศลักษณ์ คู่บรมจักรรังสรรค์
จะสิ้นชีวาวายเสียกลางคัน อัศจรรย์วิปริตผิดที
คิดแล้วจึ่งค่อยประคองหัตถ์ สัมผัสพาดองค์มารศรี
ยังละมุนอุ่นอยู่ทั้งอินทรีย์ ก็รู้ว่าเทวีไม่วายปราณ
จึ่งว่าแก่สี่พระพี่เลี้ยง อันเคียงข้างเยาวยอดสงสาร
จงเอาวิมลสุคนธ์ธาร มาพรมองค์นงคราญทั้งกายา

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น สี่นางผู้ยอดเสน่หา
จึ่งเอาเครื่องพระสุคนธ์มา ชโลมองค์กัลยาลงทันที

ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา

โอ้ร่าย

๏ เมื่อนั้น นวลนางอุษามารศรี
ต้องรสสุคนธวารี ชื่นซาบอินทรีย์เย็นใจ
ทั้งพระพายรำเพยพานองค์ โฉมยงค่อยฟื้นขึ้นมาได้
หอมกลิ่นเหมือนกลิ่นภูวไนย จรุงใจอวลอบตลบมา
มีความแสนโสมนัสนัก นงลักษณ์ผันแปรแลหา
ทั่วทั้งห้องแก้วอลงการ์ ไม่เห็นพระยอดฟ้ายุพาพาล
สองกรนางข้อนอุราร่ำ โอ้กรรมเอ๋ยกรรมมาจองผลาญ
แสนทุกข์สุดทุกข์ทรมาน สุดกาลที่จะครองชีวิตไว้
พี่ค่อยอยู่เถิดอย่าทุกข์โศก อาวรณ์วิโยคโหยไห้
น้องได้พลาดพลั้งประการใด ด้วยกายแลใจวาจา
จะลาพี่ทั้งห้าแล้วครานี้ ขออภัยอย่ามีโทษา
ร่ำพลางกันแสงโศกา ปิ้มว่าจะสิ้นชีวัน

ฯ ๑๒ คำ ฯ โอด

ร่าย

๏ บัดนั้น ห้าพระพี่เลี้ยงสาวสรรค์
เห็นนางโศกาจาบัลย์ รำพันสมาลาธิกรณ์
ต่างตนร้อนใจดั่งไฟพิษ สลดจิตสงสารสายสมร
กอดไว้แล้วปลอบด้วยสุนทร ขวัญอ่อนของพี่คือดวงใจ
แม่เป็นเชื้อชาติสาวสวรรค์ จะโศกศัลย์อันนี้หาควรไม่
จงระงับดับดวงหฤทัย ทรามวัยฟังคำพี่พาที
แม้นแม่กับองค์พระทรงลักษณ์ เคยร่วมรักกันมาทั้งสองศรี
ไม่ช้าก็จะพบพระภูมี อย่าโศกีทุกถวิลจินดา
เจ้าทรงโฉมประโลมลานสวาท ชายใดจะไม่มาดปรารถนา
ถึงแสนไกลก็นัยจะตามมา นิ่งเถิดแก้วตาอย่าอาวรณ์

ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจา

๏ ปลอบพลางฝ่ายนางศุภลักษณ์ พี่เลี้ยงร่วมรักสายสมร
จึ่งตริด้วยปรีชาอันสุนทร กูเขจรทั่วทิศธาตรี
วาดรูปกษัตริย์ทุกประเทศ ทั้งเทเวศหกฟ้าราศี
มาถวายแก้วกัลยาณี เทวีไม่ต้องนัยนา
พระโฉมยงองค์นี้จะอยู่ไหน หลากจิตสงสัยนี่หนักหนา
ก็คิดได้ว่ากรุงณรงกา ยังมิได้วาดมาให้นงคราญ
จึ่งนบนิ้วทูลองค์เยาวเรศ ขวัญเนตรผู้ยอดสงสาร
พี่ลืมไปทีเดียวเยาวมาลย์ พึ่งตรองการคิดได้บัดเดี๋ยวนี้
ยังองค์พระศรีอุณรุท ลูกท้าวไกรสุทเรืองศรี
หลานพระหริรักษ์จักรี ทรงโฉมพ้นที่จะพรรณนา
งามรูปงามทรงวงพักตร์ จำเริญรักยั่วยวนเสน่หา
ลือทั่วดินแดนแผ่นฟ้า อยู่ณรงกาแก้วกรุงไกร
พี่จะลาโฉมฉายสายสวาท ไปวาดรูปนั้นมาให้
ว่าพลางรับขวัญอรไท ดวงใจแม่อย่าโศกี

ฯ ๑๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นวลนางอุษามารศรี
ฟังพี่เลี้ยงร่วมชีวี พาทีออกนามพระอุณรุท
ให้ซึมซาบอาบอิ่มฤทัยนัก นงลักษณ์ยินดีเป็นที่สุด
ดังเห็นองค์พระพงศ์จักรภุช วรนุชพิศวาสจะขาดใจ
ด้วยวาสนาจะควรกัน เทวัญประสาทลงมาให้
บรรดาร้อนเร่าฤทัย ก็สะส่างออกไปทันที
ดั่งใครเอาน้ำสุรามฤต มารดทรวงดวงจิตโฉมศรี
จึ่งกล่าวมธุรสเสาวนีย์ พี่ผู้ศักดาปรีชาชาญ
กรุณาน้องแล้วอย่าเสียสูญ จงนุกูลให้เป็นแก่นสาร
เหมือนช่วยชูชีพชนมาน วานเร่งไปวาดรูปมา

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นวลนางศุภลักษณ์กรรฐา
ได้ฟังเสาวนีย์พระธิดา กัลยานบนิ้วสนองไป
แม่ผู้เสมอทรวงดวงเนตร อย่าเทวษทุกข์ทนหม่นไหม้
ธุระร้อนเพียงนี้มิเป็นไร จะให้เสร็จสมใจเยาวมาลย์
ท่าพี่สักหน่อยเถิดร้อยชั่ง อยู่หลังจงสุขเกษมศานต์
ว่าพลางลาองค์นงคราญ เหาะทะยานผ่านขึ้นเมฆา

ฯ ๖ คำ ฯ เชิดฉิ่ง

ร่าย

๏ เลื่อนลอยมาโดยโพยมพราย งามคล้ายโฉมนางเมขลา
รวดเร็วไม่ทันพริบตา ถึงกรุงณรงกาธานี

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ จึ่งตรงลงยังปราสาท พระหน่อนาถสุริย์วงศเรืองศรี
ร่ายเวทกำบังอินทรีย์ อยู่ใกล้แท่นที่พระบรรทม

ฯ ๒ คำ ฯ ตระ

๏ แลไปในห้องสุวรรณรัตน์ เงียบสงัดสำเนียงนางสนม
ไม่ใคร่บันเทิงสำเริงรมย์ เห็นพระองค์บรรทมอยู่เอกา
ดูทีวิโยคโศกแสน คะนึงแน่นทรวงโทมนัสสา
เพ่งพิศพระจริตกิริยา แล้วจินดารำพึงคะนึงไป
พระโฉมเฉลาเยาวราช องค์นี้ประหลาดน่าสงสัย
เมื่อสมบัติพัสถานโอฬารใจ ไฉนเงียบเหงาอยู่ดั่งนี้
แต่กูเที่ยววาดโฉมสวัสดิ์ แห่งกษัตริย์เทวาทุกราศี
จะเห็นใครซบเศร้าโศกี เหมือนหนึ่งดั่งนี้ไม่มีเลย
ฤๅพระไปลอบลองประคองชิด แนบสนิทร่วมเรียงเคียงเขนย
แต่สองสองสมภิรมย์เชย เสวยสุขด้วยองค์นงเยาว์
อนิจจาเป็นน่าสงสารนัก ใครพรากรสรักฉะนี้เล่า
ให้สองศรีสลบซบเซา ร้อนเร่าโศกาจาบัลย์
ชะรอยเทวาวราฤทธิ์ พาไปเชยชิดภิรมย์ขวัญ
แล้วเกรงภัยอสุราราชกุมภัณฑ์ จึ่งด่วนพรากจากกันพามา
จะเหมือนกูสำคัญเป็นมั่นคง สององค์จึ่งเทวษถวิลหา
คิดพลางวาดรูปพระผ่านฟ้า เสร็จแล้วกลับมาด้วยว่องไว

ฯ ๑๖ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงจึ่งเข้ายังห้องแก้ว แล้วนบนิ้วประนมบังคมไหว้
ถวายรูปแก่องค์อรไท ด้วยใจจงรักภักดี

ฯ ๒ คำ ฯ


[๑] ใช้ตามฉบับพิมพ์เดิมซึ่งความตรงกับต้นฉบับหนังสือสมุดไทยเลขที่ ๕๕๗ แต่ในต้นฉบับหนังสือสมุดไทยเลขที่ ๕๕๕, ๕๕๖ และ ๖๓๒ ซึ่งความตรงกันทุกฉบับ ความว่า “ฝ่ายนางศุภลักษณ์โฉมศรี”

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ