- คำนำ
- บทนำเรื่อง
- ที่มาของอนิรุทธคำฉันท์และบทละคอนเรื่องอุณรุท ของ ธนิต อยู่โพธิ์
- ตอนที่ ๑
- ตอนที่ ๒
- ตอนที่ ๓
- ตอนที่ ๔
- ตอนที่ ๕
- ตอนที่ ๖
- ตอนที่ ๗
- ตอนที่ ๘
- ตอนที่ ๙
- ตอนที่ ๑๐
- ตอนที่ ๑๑
- ตอนที่ ๑๒
- ตอนที่ ๑๓
- ตอนที่ ๑๔
- ตอนที่ ๑๕
- ตอนที่ ๑๖
- ตอนที่ ๑๗
- ตอนที่ ๑๘
- ตอนที่ ๑๙
- ตอนที่ ๒๐
- ตอนที่ ๒๑
- ตอนที่ ๒๒
- ตอนที่ ๒๓ ทศมุขพบพระอุณรุท
- ตอนที่ ๒๔
- ตอนที่ ๒๕
- ตอนที่ ๒๖
- ตอนที่ ๒๗
- ตอนที่ ๒๘
- ตอนที่ ๒๙
- ตอนที่ ๓๐
- ตอนที่ ๓๑
- ตอนที่ ๓๒
- ตอนที่ ๓๓
- ตอนที่ ๓๔
- ตอนที่ ๓๕
- ตอนที่ ๓๖
- ตอนที่ ๓๗
- ตอนที่ ๓๘
- ตอนที่ ๓๙
- ตอนที่ ๔๐
- ตอนที่ ๔๑
- ตอนที่ ๔๒
ตอนที่ ๓๑ อภิเษกทศมุขครองกรุงรัตนา
๏ เมื่อนั้น | โฉมนางไวยกาเสน่หา |
ครั้นเสร็จถวายเพลิงพระภัสดา | ค่อยคลายโศกาจาบัลย์ |
จึงนบนิ้วประนมขึ้นเหนือเกศ | กราบทูลภูวเรศรังสรรค์ |
ขอเชิญเสด็จองค์พระทรงธรรม์ | จรจรัลเข้ายังเมืองมาร |
ครอบครองโภไคยไอสูรย์ | อันสมบูรณ์สมบัติพัสถาน |
ปกป้องแสนสนมนงคราญ | เป็นหลักแก้วสุกานต์ในธาตรี[๑] |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระอุณรุททรงสวัสดิ์รัศมี |
ได้ฟังไวยกาพาที | สอดคล้องต้องที่วิญญาณ์ |
จึงชวนโฉมยงนงลักษณ์ | อัคเรศวรนุชอุษา |
กรายกรนวยนาดยาตรา | ไวยกานำเสด็จไปขึ้นรถ |
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
๏ สองกษัตริย์ร่วมราชบัลลังก์ทรง | ดั่งดวงเดือนสุริยงอลงกต |
รถประเทียบเรียงรันเป็นหลั่นลด | ตามเชิงบรรพตแน่นนันต์ |
ให้เลิกซึ่งหมู่พยุหบาตร | สุรชาติพหลพลขันธ์ |
ออกจากเขาแก้วอังชัน | ตามกันไปโดยวิถีจร |
ฯ ๔ คำ ฯ
โทน
๏ รถเอยรถแก้ว | แล้วด้วยนพรัตน์ประภัสสร |
งามเรือนงามแปรกแอกงอน | งามบุษบกซ้อนบัลลังก์ลอย |
งามเสากาบเก็จเพชรประดับ | งามกระจังแก้วประกับช่อห้อย |
งามมุขบันงามอร่ามพลอย | งามช่อฟ้าย้อยจับลำยอง |
งามเทียมไกรสรสีหราช | งามโลทันผาดเสียงก้อง |
งามพระองค์ทรงนั่งดั่งรูปทอง | งามวรนุชน้องละกลกัน |
งามรถประเทียบเรียบตาม | งามฝูงอนงค์งามดั่งสาวสวรรค์ |
งามเครื่องสูงบังสุริยัน | งามแถวธงสุวรรณไสวฟ้า |
งามปี่กลองประโคมโครมครึก | งามพลแห่ฮึกทั้งซ้ายขวา |
งามทศมุขขี่อาชา | เป็นกองหน้านำพลจรลี |
ฯ ๑๐ คำ ฯ เชิด
๏ เดินทางหว่างเขาลำเนาธาร | ข้ามละหานห้วยเนินคีรีศรี |
สำราญราชฤทัยเปรมปรีดิ์ | จนบุรีรัตนาราชัย |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ครั้นถึงจึ่งให้ขับรถทรง | ตรงเข้าโดยมหาทวารใหญ่ |
ขึ้นวิถีทางเทียบเลียบไป | ทอดพระเนตรกรุงไกรกุมภัณฑ์ |
ฯ ๒ คำ ฯ
ชมตลาด
๏ เพ่งพิศปราการประกอบแก้ว | สีแพร้วเลื่อมพรายฉายฉัน |
นางเรียงงามเรียบระเบียบกัน | หุ้มสุวรรณเงาวาบปลาบตา |
เชิงเทินปักธงมังกรทอง | สะบัดเห็นไสวห้องเวหา |
ช่องป้อมวางปืนจินดา | ทวาราบานรัตน์อร่ามเรือง |
มีคูรอบคอบเป็นขอบคัน | เขื่อนกั้นล้วนแก้วแนวเนื่อง |
ถนนมาศตรอกมีวิถีเมือง | ตึกกว้านร้านเรืองระเบียบเรือน |
ปราสาททั้งสามแก้วสิ้น | ทุกแดนแผ่นดินไม่มีเหมือน |
ยอดโชติแสงช่วงดั่งดวงเดือน | แลเลื่อนงามล้ำพิมานลอย |
ช่อฟ้าช้อยเฟื้อยเฉื่อยชด | หน้าบันแก้วบดกระหนกห้อย |
สี่มุขสุกพลามอร่ามพลอย | ลำยองทองย้อยระยับพราย |
ผนังล้วนผลึกพันลึกเลิศ | บัญชรงามเฉิดวิเชียรฉาย |
ชมพลางชื่นเพลินฤทัยสบาย | จนชายบ่ายแสงอโณทัย |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ ให้กลับพิชัยรถทรง | ตรงตามทางท้องถนนใหญ่ |
พลมารแห่แหนแน่นไป | เข้าในนิเวศน์อสุรี |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงประทับกับเกยมาศ | อันโอภาสด้วยดวงมณีศรี |
พระชวนองค์อัคเรศเทวี | อันมีศุภลักษณ์วิไลวรรณ |
ลงจากบัลลังก์รถทรง | พร้องฝูงอนงค์สาวสวรรค์ |
ดั่งดาวแวดล้อมดวงจันทร์ | ขึ้นปราสาทสุวรรณอำไพ |
ฯ ๔ คำ ฯ เพลง
๏ ลดองค์ลงเหนือบัลลังก์อาสน์ | นางสนมหมอบกลาดไม่นับได้ |
แสนสุขสำราญฤทัย | ด้วยมีชัยได้ราชธานี |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | นางพระพี่เลี้ยงทั้งสี่ |
ต่างตนนบนิ้วอัญชุลี | แล้วโศกีทูลสองกษัตรา |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ โอ้ว่าพระยอดเยาวราช | แม่จอมวรนาฏเสน่หา |
อยู่หลังข้าตั้งแต่โศกา | ถึงเบื้องบาทานี้พ้นนัก |
ครวญคร่ำร่ำกินแต่ชลเนตร | แสนทุกข์แสนเทวษเพียงอกหัก |
คิดว่าสองพระองค์ทรงลักษณ์ | อยู่ในมือยักษ์สาธารณ์ |
ทั้งพระสุริย์วงศ์ก็องค์เดียว | เปล่าเปลี่ยวไม่มีทวยหาญ |
จะเคี่ยวขับต่อสู้ด้วยหมู่มาร | เกลือกการเพลี่ยงพล้ำจะเสียที |
ทุกข์ใจตั้งใจฟังข่าว | อกผ่าวเร่าร้อนถึงสองศรี |
แม้นทราบแท้ว่าแพ้อสุรี | จะตายตามธุลีพระบาทไป |
อันความข้าทุกข์นี้เหลือทุกข์ | จะสุขสักเวลาก็หาไม่ |
ครั้นแจ้งว่าต่อตีมีชัย | ดีใจดั่งได้สมบัติฟ้า |
ครั้งนี้ทั้งสี่สิ้นโศก | วายวิโยคสองยอดเสน่หา |
จะสนองรองเบื้องพระบาทา | ไปกว่าจะสิ้นชนมาน |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระอุณรุทผู้ปรีชาหาญ |
กับโฉมวนิดายุพาพาล | ฟังสารศรีนาฏนารี |
แสนเสนาะเพราะพร้องต้องใจ | ล้วนซื่อสัตย์อาลัยไม่หน่ายหนี |
จึ่งตอบด้วยมธุรสวาที | ว่านี้คุณพ้นคณนา |
มิเสียแรงร่วมใจร่วมจิต | ร่วมชีวิตชีวังสังขาร์ |
ครั้งนี้ใช่แต่พี่โศกา | ถึงข้าก็ทุกข์เหมือนกัน |
กลัวว่าทั้งสี่จะบรรลัย | ด้วยภัยอสุราโมหัน |
เมื่ออยู่ยังเขาแก้วอังชัน | โศกศัลย์ถึงพี่พ้นประมาณ |
ก็เล่าความตามที่ทุกข์ยาก | ลำบากด้วยรบหนักหักหาญ |
จนถึงกุมภัณฑ์บรรลัยลาญ | ให้นงคราญทั้งสี่พี่เลี้ยงฟัง |
แล้วตรัสแก่อุษามารศรี | อันห้านางคุณมีมาแต่หลัง |
ร่วมทุกข์ร่วมชีพชีวัง | ตั้งใจจงรักภักดีมา |
ควรเราจะบำเหน็จความชอบ | ประกอบทั้งสมบัติแลยศถา |
ให้เครื่องสำหรับพระธิดา | กัลยาจะเห็นประการใด |
ฯ ๑๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระอัคเรศผู้มีอัชฌาสัย |
ได้ฟังบรรหารภูวไนย | บังคมไหว้สนองพจมาน |
อันซึ่งพี่นางศุภลักษณ์ | จงรักร่วมชีพสังขาร |
อาสาเที่ยวไปไนไตรดาล | ทำการวาดรูปถึงสามครา |
แล้วกลับไปเชิญองค์พระทรงเดช | มายังนคเรศยักษา |
ไม่กลัวภัยอาลัยแก่ชีวา | ความชอบกัลยาอเนกนันต์ |
ควรให้มงกุฎสังวาลเพชร | ธำมรงค์แก้วเก็จฉายฉัน |
สะอิ้งทับทรวงวิไลวรรณ | ทองกรกุดั่นดวงมณี |
พานทองเครื่องทองถมยา | วอทองทาสาทาสี |
เงินตราผ้าทรงอย่างดี | ที่อยู่โอฬารสำราญใจ |
อันพี่เลี้ยงนารีทั้งสี่นั้น | ก็ผูกพันสมัครรักใคร่ |
ปิ้มสิ้นชีวิตชีวาลัย | ความชอบอรไทพ้นประมาณ |
นางอรัญควรให้มงกุฎแก้ว | สังวาลแล้วด้วยดวงมุกดาหาร |
นางสุพรรณมงกุฎอลงการ | นางสุนทรนงคราญทับทิมพราย |
นางจันไพฑูรย์จำรูญเรือง | ล้วนเครื่องทรงกษัตริย์ฉานฉาย |
พาหุรัดทองกรแก้วลาย | วอศรีพรรณรายรูจี |
หีบทองจำหลักสารพางค์ | เครื่องทองครบอย่างเฉลิมศรี |
แหวนพลอยโลหิตมณี | ภูษาอย่างดีแพรพรรณ |
จึงจะสมควรงามด้วยความชอบ | รู้รอบปิดป้องทุกสิ่งสรรพ์ |
ซึ่งพระองค์จะประทานรางวัล | ตามแต่ทรงธรรม์จะโปรดปราน |
ฯ ๒๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระทรงโฉมประโลมสงสาร |
ได้ฟังวนิดายุพาพาล | พจมานสอดคล้องต้องใจ |
จึ่งมีบรรหารอันสุนทร | ดวงสมรพี่ยอดพิสมัย |
ซึ่งเจ้าว่าขานประการใด | ต้องในระบอบชอบนัก |
มิเสียทีที่เกิดในโกเมศ | ควรรองบทเรศพญาจักร |
รูปรสวาจาจำเริญรัก | สมศักดิ์สุริย์วงศ์เทวา |
แล้วมีพจนารถบรรหาร | สั่งนางพนักงานซ้ายขวา |
จงไปเบิกสั่งของทั้งปวงมา | เราจะให้แก่ห้านารี |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ฝูงนางกำนัลสาวศรี |
น้อมเกล้ารับราชวาที | อัญชุลีแล้วลาออกไป |
ฯ ๒ คำ ฯ ชุบ
๏ ครั้นถึงจึ่งแจ้งกิจการ | แก่ชาวพนักงานน้อยใหญ่ |
บรรดารักษาทรัพย์ไว้ | ตามในพระราชบัญชา |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ขุนคลังนายใหญ่ถ้วนหน้า |
ได้แจ้งไม่แคลงในวิญญาณ์ | ก็จัดแจงผืนผ้าแพรพรรณ |
ทั้งเครื่องทรงมงกุฎสังวาล | หีบพานพื้นยิ่งทุกสิ่งสรรพ์ |
ขนมากองเรียงไว้เคียงกัน | ส่งให้กำนัลนารี |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | หมู่นางกำนัลสาวศรี |
รับของแล้วพากันจรลี | มายังที่เฝ้าทันใด |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ ครั้นถึงจึ่งวางสิ่งของ | ลงยังที่ท้องพระโรงใหญ่ |
แล้วบังคมหมอบกลาดดาษไป | ดั่งดาวล้อมแขไขในเมฆา |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระอุณรุทสุริย์วงศ์นาถา |
จึ่งประทานเครื่องทรงอลงการ์ | ภูษาเงินทองอันโอฬาร |
แก่พี่เลี้ยงทั้งห้ายุพาพักตร์ | อันจงรักร่วมชีพสังขาร |
โดยคุณความชอบประกอบการ | ตั้งใจอัครฐานอันดับกัน |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พี่เลี้ยงทั้งห้าคนขยัน |
นบนิ้วประนมบังคมคัล | รับของรางวัลด้วยยินดี |
ผิวพักตร์ผ่องเพียงจันทร | อันเขจรแจ่มฟ้าราศี |
ต่างตนถวายอัญชุลี | ไปยังที่อยู่สำราญ |
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
๏ เมื่อนั้น | พระอุณรุทผู้ปรีชาหาญ |
ครั้นเสร็จปูนบำเหน็จนงคราญ | พี่เลี้ยงเยาวมาลย์ผู้ร่วมใจ |
พอเวลาค่ำย่ำลง | สุริยงล่วงลับเหลี่ยมไศล |
จึ่งชวนโฉมอัคเรศอรไท | เข้าในห้องสิริไสยา |
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
๏ เอนองค์ลงเหนือบรรจถรณ์ | อันขจรด้วยกลิ่นบุปผา |
รื่นเร้าเสาวรสสุคนธา | มาลัยโอฬาร์ผกากาญจน์ว |
แก้วกุหลาบจำปาสารภิน | จรุงรวยชวยกลิ่นหอมหวาน |
กลั้วกลิ่นวนิดายุพาพาล | ระเหยหวนเสียวซ่านสำราญใจ |
ประทีปทองส่องสว่างกระจ่างแจ้ง | จรัสแสงดั่งดวงแขไข |
จับผิวพักตร์นวลอนงค์ใน | ละอองใยเพียงเทวรัมพา |
บ้างกราบกรานอยู่งานรำเพยพัด | โบกสะบัดแส้ปรายซ้ายขวา |
อเนกแน่นแสนสนมกัลยา | ดั่งดารารายรอบศศิธร |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ห้าพระพี่เลี้ยงสายสมร |
เห็นหลานสมเด็จพระสี่กร | เข้าที่บรรจถรณ์อันโอฬาร |
จึ่งสั่งนางบำเรออนงค์นาฏ | ให้บรรเลงพิณพาทย์เสียงประสาน |
ขับกล่อมข้างที่ประจำงาน | บำเรอบทมาลย์พระยอดฟ้า |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | หมู่นางบำเรอทั้งซ้ายขวา |
ก็จับเครื่องดุริยางค์นานา | ถ้วนหน้าบรรสานขึ้นพร้อมกัน |
ฯ ๒ คำ ฯ
พระทอง
๏ ฝ่ายฝูงนางขับก็ขับกล่อม | เพราะพร้อมบรรเลงเพลงสวรรค์ |
ครั่นครวญหวนโหยโอดพัน | เสียงสนั่นเรื่อยรับกับดนตรี |
ฯ ๒ คำ ฯ
พัดชา
๏ นบบาทบงกชบทรัตน์ | ล้อมเกศกษัตริย์ทั้งสองศรี |
ควรเป็นพระปิ่นโมลี | ตรีโลกเลิศประเสริฐสม |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ สององค์ทรงเสาวภาคย์ | บุญมีมากหากนิยม |
สุรารักษ์ชักมาชม | สมพระน้องประคองกันเอย |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ขอจงจำเริญสวัสดิ์ | พูนพิพัฒน์มไหศวรรย์ |
เกรงเดชทุกเขตขัณฑ์ | ถวายสุวรรณมาลี |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ อย่าได้นิราศรัก | ยอดเยาวลักษณ์มเหสี |
ข้าบาททั้งปวงนี้ | จะได้พึ่งบุญญาเอย |
ฯ ๒ คำ ฯ
มโหรี
๏ เมื่อนั้น | พระทรงโฉมประโลมเสน่หา |
ไสยาสน์เหนืออาสน์โอฬาร์ | ด้วยองค์วนิดาวิลาวัณย์ |
ฟังเสียงสังคีตขับขาน | เฉื่อยฉานเพียงเพลงบรรเลงสวรรค์ |
จับใจเพลิดเพลินจำเริญกรรณ | ทรงธรรม์ก็เคลิ้มหลับไป |
ฯ ๔ คำ ฯ
ช้าปี่
๏ ยามสงัดปัจฉิมราตรี | เวลาล่วงเข้าที่ปัจจุสมัย |
ดาวดวงร่วงฟ้านภาลัย | แขไขเศร้าสิ้นรังสีนวล |
น้ำค้างพร่างพร้อยดั่งฝอยฝน | โพยมพยับสกลเวหาหวน |
ชื่นเฉื่อยเรื่อยเย็นวิญญาณ์ยวน | จวนรุ่งพุ่งแสงอุทัยทอง |
อรุณรางพ่างพื้นนภาแผ้ว | เสนาะเสียงไก่แก้วขันก้อง |
สนั่นศัพท์ประโคมฆ้องกลอง | ดุเหว่าร้องเร้าเร่งพระสุริยัน |
พระตื่นจากแท่นทิพสิงหาสน์ว | แล้วปลอบปลุกวรนาฏถนอมขวัญ |
โสรจสรงทรงเครื่องพรายพรรณ | เสด็จออกพระโรงคัลอลงการ์ |
ฯ ๘ คำ ฯ เสมอ
๏ ลดองค์ลงเหนือบัลลังก์รัตน์ว | คู่อาสน์วจักรพรรดินาถา |
พร้อมหมู่อสูรเสนา | ปโรหิตพฤฒาแสนยากร |
บังคมเกลื่อนกลาดดาษเฝ้า | เคารพบทเรศธิเบศร |
งามดั่งองค์อมรินทร | เสด็จกลางนิกรเทวัญ |
เห็นทศมุขอสุรา | อนุชาธิราชรังสรรค์ |
พระจะให้สืบวงศ์กุมภัณฑ์ | ทรงธรรม์จึ่งมีพจมาน |
ตรัสสั่งขุนโหรายักษ์ | อันแหลมหลักปรีชากล้าหาญ |
ท่านจงหาฤกษ์ศุภวาร | จะตั้งการอภิเษกสวัสดี |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ขุนโหราจารย์ยักษี |
ก้มเกล้ารับราชวาที | ก็ดูโดยคัมภีร์พยากรณ์ |
ตั้งศักราชลงตามฐาน | คูณหารเป็นมาสเกณฑ์ก่อน |
ชำระไปได้เศษสถาวร | พระจันทรกินฤกษ์กัตติกา |
เสร็จแล้วน้อมเศียรบังคมทูล | นเรนทร์สูรสุริย์วงศ์นาถา |
วันพุธสองค่ำในตำรา | ศุภฤกษ์มหามงคล |
รุ่งแล้วสามโมงสามบาท | จำเริญราชเดชาสถาผล |
ดิลกโลกทั่วหล้าสุธาดล | ไพรีผจญบรรลัยลาญ[๒] |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระสุริย์วงศ์จักรามหาศาล |
ได้ฟังวาจาโหราจารย์ | ผ่านฟ้าชื่นชมยินดี |
จึ่งมีบรรหารสิงหนาท | สั่งมหาอำมาตย์ยักษี |
จงเตรียมการพระราชพิธี | โดยที่อภิเษกเลิศไกร |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | จึ่งเสนามารผู้ใหญ่ |
รับรสพจนารถภูวไนย | บังคมไหว้แล้วรีบออกมา |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ หมายบอกสนมกรมวัง | ทั่วทั้งข้างในข้างหน้า |
ให้จัดแจงแต่งการอันโอฬาร์ | ตามสั่งนัดดาพระนารายณ์ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ฝ่ายเจ้าพนักงานทั้งหลาย |
ก็เร่งรัดเกณฑ์กันทุกมุลนาย | วุ่นวายเอิกเกริกเป็นโกลี |
ฯ ๒ คำ ฯ
ยานี
๏ บ้างแต่งมหาปราสาท | ทอดราชาอาสน์ลาดที่ |
ผูกม่านกั้นฉากรูจี | ห้อยพวงมาลีวิไลวรรณ |
บางหมู่แต่งตั้งบัลลังก์รัตน์ | ปักเศวตฉัตรฉายฉัน |
สังข์กลศวางเรียงเคียงกัน | แว่นแก้วเทียนสุวรรณบายศรีทอง |
บายศรีนากหลากเลิศล้วนมณี | ซ้ายขวาโดยที่เป็นแถวถ่อง |
ฉัตรแก้วโอฬาร์ระย้ากรอง | เสร็จต้องตามที่พิธีการ |
ประชุมชาวราชครูผู้ปรีชา | ชีพ่อพฤฒามหาศาล |
นั่งอาสน์อันดับเป็นประธาน | ในสถานภิเษกสวัสดี |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | โฉมนางไวยกามารศรี |
ครั้นรุ่งรางสร่างแสงพระรวี | ใกล้นาทีฤกษ์สถาวร |
จึ่งมีมธุรสพจนารถ | ให้โอรสราชชาญสมร |
ชำระสระสรงสาคร | อลงกรณ์ประดับกายา |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ทศมุขสุริย์วงศ์ยักษา |
น้อมเกล้ารับสั่งพระมารดา | ก็ลีลามาสรงชลธี |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ ปทุมทองโปรยละอองวารีริน | ลูบไล้มลทินขัดสี |
มัวหมองผ่องสิ้นทั้งอินทรีย์ | สุคนธารมาลีตระหลบองค์ |
สอดใส่สนับเพลาพรอยพราย | ภูษาเลิศลายกระหนกหงส์ |
ชายไหวชายแครงเครือภุชงค์ | สังวาลทรงทับทรวงชมพูนุท |
ตาบทิศทองกรมังกรพัน | พาหุรัดกุดั่นประดับบุษย์ |
ธำมรงค์เพชรพรายเรือนครุฑ | ทรงมหามงกุฎแก้วกาญจน์ |
ทัดกรรเจียกจอนวิเชียรช่วง | ห้อยพวงมาลัยมุกดาหาร |
งามเพียงเทพบุตรพรหมาน | มาสถานที่เฝ้าพระภูมี |
ฯ ๘ คำ ฯ เสมอ
๏ เมื่อนั้น | พระอุณรุททรงสวัสดิ์รัศมี |
ครั้นใกล้ศุภฤกษ์สวัสดี | มีจิตชื่นชมภิรมยา |
จึ่งเสด็จจากแท่นสิงหาสน์ | ลีลาศวาดกรซ้ายขวา |
พาทศมุขอสุรา | มายังปราสาทพิธีการ |
ฯ ๔ คำ ฯ เพลง
๏ จึ่งให้น้องรักพระอัคเรศ | ประเวศขึ้นแท่นทิพมุกดาหาร |
ภายใต้เศวตฉัตรอันโอฬาร | กลางสถานภิเษกสถาวร |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ฝ่ายนางไวยกาดวงสมร |
กับองค์อุษาบังอร | วงศานิกรกุมภัณฑ์ |
ก็เสด็จย่างเยื้องยุรยาตร | งามวิลาสดั่งเทพอัปสรสวรรค์ |
พร้อมพรูหมู่สนมกำนัล | พากันไปปราสาทพิธี |
ฯ ๔ คำ ฯ เพลง
๏ ครั้นถึงจึ่งนั่งในสถาน | สำหรับราชเยาวมาลย์มารศรี |
ทั้งสุริย์วงศ์อนงค์นารี | ก็นั่งเรียงเคียงที่อับดับไป |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระมหาราชครูผู้ใหญ่ |
ครั้นพร้อมพระวงศาเสนาใน | ก็ลั่นฆ้องชัยเข้าสามครา |
ทั้งสี่ชีพ่อพฤฒาจารย์ | ก็โอมอ่านพระเวทคาถา |
ถือสังข์ถือกลศเข้ามา | ถวายมุรธาวารี |
ชุบชัยภิเษกโสรจสรง | ลงเหนือเศียรเกล้ายักษี |
โดยอย่างบุราณประเวณี | กษัตริย์โมลีเลิศไกร |
ชาวประโคมก็ประโคมฆ้องกลอง | กึกก้องกัมปนาทหวั่นไหว |
ดนตรีสังข์แตรแซ่ไป | ทั้งในพิภพกุมภัณฑ์ |
ฯ ๘ คำ ฯ
สระบุหร่ง
๏ ได้เอยได้ฤกษ์ | โหรเฒ่าให้เบิกบายศรีขวัญ |
ประโรหิตก็จุดเทียนสุวรรณ | ติดแว่นแก้วอันโอฬาร์ |
ยกขึ้นเคารพจบเศียร | ส่งเวียนแต่ซ้ายไปขวา |
พระสุริย์วงศ์รับส่งกันต่อมา | รอบราชมหามณฑล |
เสียงฆ้องกลองสนั่นครั่นครึก | สำเนียงโห่ฮึกโกลาหล |
พร้อมเพราะเสนาะอึงอล | เป็นวิจลมหัศอัศจรรย์ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ ครั้นถ้วนเจ็ดรอบระบอบศาสตร์ | พิธีราชภิเษกรังสรรค์ |
ปโรหิตดับเทียนโบกควัน | ให้องค์กุมภัณฑ์สามครา |
แล้วเอาจุณเจิมเฉลิมพักตร์ | ดิหลักในนลาฏยักษา |
พร้อมกันอวยพรเป็นโกลา | ชัยตุมหาสถาวร |
ฯ ๔ คำ ฯ
ช้า
๏ เมื่อนั้น | พระอุณรุทสุริย์วงศ์ชาญสมร |
จึ่งมีสิงหนาทอันสุนทร | มอบนครรัตนาราชัย |
กับราชบรมสมบัติ | สาวสวัสดิ์กำนัลน้อยใหญ่ |
ทั้งเสนาพหลพลไกร | ให้แก่ทศมุขอสุรา |
ตั้งเป็นเอกองค์มงกุฎเกศ | สุริย์วงศ์พรหเมศนาถา |
จรรโลงบุรีรัตนา | ปกป้องไพร่ฟ้าประชากร |
แล้วมีมธุรสพจนารถ | ประทานโอวาทสั่งสอน |
ท่านจงครอบครองพระนคร | ให้ถาวรในทางทศธรรม์ |
อย่าประพฤติเภทพาลการผิด | ทุจริตโลโภโมหัน |
จะได้เป็นที่พึ่งแก่พงศ์พันธุ์ | ตราบเท่าชีวันมรณา |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พญาทศมุขยักษา |
น้อมเศียรกราบลงกับบาทา | หลานพระจักราธิบดี |
รับโอวาทองค์ทรงเดช | ใส่ศิโรเพฐน์ยักษี |
แล้วทูลสนองไปทันที | ซึ่งปรานีโปรดข้าบทมาลย์ |
พระคุณที่การุญภาพ | เย็นซาบไม่มีสิ่งสมาน |
หนักยิ่งแผ่นฟ้าสุธาธาร | ประมาณเหมือนบิตุเรศมารดา |
ข้าน้อยขอสนองรองบาท | ภูวไนยธิราชนาถา |
มิได้ละเมิดพระบัญชา | ไปกว่าจะสิ้นชีวัน |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นวลนางไวยกาโฉมสวรรค์ |
ทั้งวงศาเสนากำนัล | กุมภัณฑ์ชีพราหมณ์พฤฒาจารย์ |
ครั้นเสร็จอภิเษกมงคล | ต่างตนชื่นชมเกษมศานต์ |
ออกจากปราสาทพิธีการ | ไปสถานที่อยู่อสุรี |
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
๏ เมื่อนั้น | พญาทศมุขยักษี |
ได้ผ่านสวรรยาธานี | เป็นปิ่นอสุรีเลิศไกร |
ตั้งอยู่ในธรรมทศมิตร | มิได้ผิดเรื่องราชวิสัย |
บำรุงสุริย์วงศ์พลไกร | ไพร่ฟ้าเสนาประชากร |
เย็นเช้าขึ้นเฝ้าภูวนาถ | กับอัครราชอุษาสายสมร |
พระทรงคิดเหมือนบิดามารดร | สโมสรจงรักภักดี |
ฯ ๖ คำ ฯ