- คำนำ
- บทนำเรื่อง
- ที่มาของอนิรุทธคำฉันท์และบทละคอนเรื่องอุณรุท ของ ธนิต อยู่โพธิ์
- ตอนที่ ๑
- ตอนที่ ๒
- ตอนที่ ๓
- ตอนที่ ๔
- ตอนที่ ๕
- ตอนที่ ๖
- ตอนที่ ๗
- ตอนที่ ๘
- ตอนที่ ๙
- ตอนที่ ๑๐
- ตอนที่ ๑๑
- ตอนที่ ๑๒
- ตอนที่ ๑๓
- ตอนที่ ๑๔
- ตอนที่ ๑๕
- ตอนที่ ๑๖
- ตอนที่ ๑๗
- ตอนที่ ๑๘
- ตอนที่ ๑๙
- ตอนที่ ๒๐
- ตอนที่ ๒๑
- ตอนที่ ๒๒
- ตอนที่ ๒๓ ทศมุขพบพระอุณรุท
- ตอนที่ ๒๔
- ตอนที่ ๒๕
- ตอนที่ ๒๖
- ตอนที่ ๒๗
- ตอนที่ ๒๘
- ตอนที่ ๒๙
- ตอนที่ ๓๐
- ตอนที่ ๓๑
- ตอนที่ ๓๒
- ตอนที่ ๓๓
- ตอนที่ ๓๔
- ตอนที่ ๓๕
- ตอนที่ ๓๖
- ตอนที่ ๓๗
- ตอนที่ ๓๘
- ตอนที่ ๓๙
- ตอนที่ ๔๐
- ตอนที่ ๔๑
- ตอนที่ ๔๒
ตอนที่ ๔๑ ล้อมช้าง
๏ เมื่อนั้น | พระอุณรุทสุริย์วงศ์นาถา |
ฟังสี่พี่เลี้ยงผู้ปรีชา | ผ่านฟ้าสอดคล้องต้องใจ |
จึ่งเข้าที่สระสรงทรงเครื่อง | อร่ามเรืองดั่งดวงแขไข |
จับพระขรรค์แก้วแววไว | เสด็จไปขึ้นราชรถทรง |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ รถเอยรถประพาส | ลอยผาดเลื่อมพื้นไพรระหง |
แอกงอนอ่อนงามอร่ามธง | ดุมกงดวงแก้วแพร้วพราย |
เทียมสินธพสี่ศรีเศวต | เรืองเดชร่ายเดินเฉิดฉาย |
ขุนรถขับรีบเยื้องกราย | เร็วเพียงพระพายพัดพาน |
เครื่องสูงครบสิ่งกรรชิงแซง | ชุมสายฉายแสงสุริย์ฉาน |
เสียงกลองซ้องกลบเป็นกังวาน | ปี่ฆ้องเป่าขานประสานกัน |
กองโห่เกณฑ์แห่แออัด | พวกขนดพลขนัดหลายหลั่น |
ผงคลีพัดคลุ้มชอุ่มควัน | รีบกองเร่งกันดำเนินคลา |
ฯ ๘ คำ ฯ โทน
๏ เดินทางมาหว่างหิมเวศ | พระทรงเดชพิศพรรณพฤกษา |
เพล็ดดอกออกผลปนผกา | ถวิลถึงกินราทั้งห้าองค์ |
เห็นลูกจันทน์อันเหลืองอรชร | เหมือนสีเนื้อกินนรนวลหง |
เห็นดอกนมสวรรค์บรรจง | เหมือนเต้าบุษบงกินรี |
เห็นช้อยนางรำรายเรียง | เหมือนเจ้ารำม่ายเมียงที่สระศรี |
เห็นเล็บนางอย่างเล็บเทวี | เมื่อหยิกข่วนพี่ภิรมย์กัน |
เห็นดอกสร้อยฟ้าระย้าย้อย | เหมือนสร้อยมาลัยน้องประดับถัน |
เห็นต้นกรนารายณ์เรียงรัน | เหมือนกรพี่กอดขวัญประคองนวล |
เห็นดอกนางแย้มแสล้มบาน | เหมือนนงคราญยั่วแย้มเสสรวล |
สาวหยุดเหมือนหยุดสั่งแล้วเชิญชวน | คะนึงนางพลางครวญมาในไพร |
ฯ ๑๐ คำ ฯ มอญร้องไห้ เชิด
๏ ครั้นถึงกำจายคีรี | จึ่งให้หยุดโยธีน้อยใหญ่ |
ลงจากรถแก้วแววไว | ภูวไนยเสด็จขึ้นพลับพลา |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ บัดนั้น | ฝ่ายหมอคชสารกับพรานป่า |
ซึ่งไปด้อมดูคชา | ยังมหาพนมมาศคีรี |
แลเห็นรอยฝูงกุญชร | สัญจรตามแนวพนาศรี |
ไม้ไล่แหลกล้มไม่สมประดี | เป็นที่อาศัยสำราญ |
พรานไพรชี้บอกแก่หมอเฒ่า | ให้ดูรอยเท้าคชสาร |
แล้วนำลัดพงดงดาน | ข้ามธารผ่านเนินบัพพตา |
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
๏ มาใกล้ชวนหมอชำนาญกล | ปีนป่ายขึ้นบนพฤกษา |
แลไปเห็นฝูงคชา | บ้างกินหญ้าเย่อไม้อยู่ชายไพร |
มีพญาคชลักษณ์เผือกผู้ | ปนอยู่ในกลางฝูงใหญ่ |
พร้อมสรรพ์สรรพางค์อำไพ | หมายหลักแหล่งได้ก็ยินดี |
แล้วลงจากต้นพฤกษา | สังเกตมรคาพนาศรี |
พากันรีบเร่งจรลี | มาที่ประทับพลับพลาชัย |
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึ่งคลานเข้าไปเฝ้า | น้อมเกล้าบังคมประนมไหว้ |
หมอเฒ่ากราบทูลภูวไนย | ว่าไปพบช้างสำคัญ |
เผือกผู้หูหางพร้อมสรรพ | ประดับด้วยคชลักษณ์รังสรรค์ |
เหมือนหนึ่งพรานป่าพนาวัน | ทูลพระองค์ทรงธรรม์แต่เดิมมา |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระอุณรุทสุริย์วงศ์นาถา |
ฟังหมอทูลแจ้งกิจจา | ผ่านฟ้าชื่นชมภิรมย์ใจ |
จึ่งมีมธุรสพจนารถ | สั่งมหาอำมาตย์ผู้ใหญ่ |
เราจะยกพหลพลไกร | ไปล้อมคชาในวันนี้ |
เร่งรัดจัดหมู่แสนสาร | ทั้งเชือกบาศหมอควาญประจำขี่ |
ให้พร้อมเหล่าสุรเสนี | โยธีพยูห์บาตรบทจร |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | เสนาธิบดีชาญสมร |
ก้มเกล้ารับสั่งพระภูธร | ชุลีกรแล้วรีบออกไป |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ จัดพลตราตรวจทุกหมวดหมู่ | เป็นคชพยู่ห์กระบวนใหญ่ |
เลือกสรรกุญชรนอกใน | โดดไล่ค่ายค้ำพังคา |
ระวางใหญ่ระวางเพรียวระวางกลาง | ช้างดั้งกันแซงซ้ายขวา |
องครักษ์จักรนารายณ์ชนะงา | กองหลังกองหน้าเรียงรัน |
ช้างพระองค์ผู้ทรงฤทธิไกร | ผูกสอดแล้วไปด้วยเครื่องมั่น |
อันช้างพี่เลี้ยงทั้งสี่นั้น | พื้นใจฉกรรจ์ร้ายราญ |
บรรดาช้างกองช้างเชือก | เลือกล้วนไวงากล้าหาญ |
ตั้งระเบียบเทียบพื้นดงดาน | พร้อมดั่งโองการพระยอดฟ้า |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระอุณรุทสุริย์วงศ์นาถา |
ครั้นเสร็จซึ่งจัดโยธา | เสด็จมาโสรจสรงวาริน |
ฯ ๒ คำ ฯ
โทน
๏ เข้าที่ชำระสระสนาน | สุคนธ์ธารเกสรขจรกลิ่น |
สนับเพลาเชิงรูปนาคิน | ภูษาพื้นนิลใยยอง |
ชายแครงชายไหวเนาวรัตน์ | คู่ทรงจักรพรรดิไม่มีสอง |
ฉลององค์ทรงประพาสเครือกรอง | ทับทรวงทรงรองสังวาลวรรณ |
ตาบทิศรัดองค์เครือขด | ประดับด้วยมรกตแก้วกุดั่น |
พาหุรัดทองกรมังกรพัน | ธำมรงค์เรือนสุบรรณทับทิมพราย[๑] |
ทรงมหามงกุฎกรรเจียกจอน | ดอกไม้ทัดอรชรวิเชียรฉาย |
จับพระแสงขอแก้วแพร้วพราย | กรายกรมาขึ้นคเชนทรา |
ฯ ๘ คำ ฯ
โทน
๏ ช้างเอยช้างต้น | ฤทธิรณร้ายแรงแข็งกล้า |
ได้เชลยเคยชนชนะงา | เท้าจ้วงงวงคว้าว่องไว |
เลี้ยวลอดสอดบาทอาจหาญ | ชำนาญรู้ทีหนีไล่ |
เรียกมันครั่นครึกพฤกษ์ไพร | โกญจนาทหวาดไหวอึงอล |
ประดับด้วยเครื่องมั่นพรรณราย | ข่ายแก้วปกตระพองกรองสน |
ห้อยพู่ผูกกระหวัดรัตคน | ชนักต้นทองถักกระวินวาม |
เครื่องสูงชุมสายรายริ้ว | แถวธงเป็นทิวปลิวอร่าม |
กลองประโคมเคียงคู่ดูงาม | พลแห่แห่ตามกระบวนมา |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ ครั้นถึงท้ายเขาพนมมาศ | องค์พระภูวนาถนาถา |
ให้หยุดพหลโยธา | แล้วลีลาลงจากคชไกร |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ เสด็จยังร่มไม้ใบบัง | จึ่งสั่งหมอเฒ่าผู้ใหญ่ |
ท่านจงพากันรีบไป | ทำการเบิกไพรพระคชกรรม์ |
ให้ตั้งโรงราชพิธี | ทั้งที่โขลนทวารเสกสรร |
โดยคัมภีร์ไสยเขาไว้นั้น | จะได้กันจังไรภัยพาล |
อันหมู่อำมาตย์เสนา | ให้เกณฑ์โยธาทวยหาญ |
เสร็จเบิกไพรแล้วจงจับการ | ปันด้านกันล้อมคชไกร |
แม้นว่าสารเศวตหัตถี | ออกโดยหน้าที่ใครได้ |
จะลงโทษแก่ผู้ประมาทใจ | ให้ถึงบรรลัยชีวา |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พระหมอเฒ่าผู้มียศถา |
ก้มเกล้ารับราชบัญชา | ก็พากันรีบไปกับเสนี |
ฯ ๒ คำ ฯ เบิกไพร
ชมตลาด
๏ มาพบซึ่งต้นมะตูมใหญ่ | เนินไศลพนมมาศคีรีศรี |
ให้ปลูกศาลโขลนทวารลงทันที | ในที่แทบใกล้ไม้นั้น |
อันต้นพฤกษาให้บรรจง | ราชวัติฉัตรธงก็วงกั้น |
บูชาธูปเทียนบุษบัน | กระแจะจันทน์มังสาสุราบาน |
แล้วเอาภูษาสุพรรณพราย | นุ่งไม้พรรณรายฉายฉาน |
เข้ากอดลำต้นทุมามาลย์ | ประกอบการแล้วกล่าววาจา |
ไม้นี้คือองค์พระอุมา | เราดั่งพระอิศราเรืองศรี |
บัดนี้นัดดาพระจักรี | มีนามอุณรุทฤทธิไกร |
กรีพลมาโพนพนาเวศ | จะประสงค์สารเศวตตระกูลใหญ่ |
ให้สำเร็จจำนงดั่งพระทัย | ประนมไหว้แล้วอ่านมนตรา |
ฯ ๑๐ คำ ๆ ตระ
๏ บัดนั้น | เสนีผู้มียศถา |
ครั้นเสร็จซึ่งการบูชา | ก็ออกมาเกณฑ์หมู่โยธี |
เร่งรัดจัดกันอลหม่าน | กะด้านแบ่งปันหน้าที่ |
บ้างตัดไม้ขนไม้เป็นโกลี | สารวัดตรวจตีกันวุ่นไป |
บ้างขุดคูปักค่ายรายรอบ | เป็นคันขอบเขื่อนขัณฑ์กว้างใหญ่ |
วังวงคชสารเข้าไว้ | เส้นหนึ่งกองไฟประจบกัน |
บ้างเร้าเกราะเคาะตะขาบตวาดร้อง | ตีกลองม้าล่อบันลือลั่น |
รายรอบรักษาสามชั้น | มั่นแล้วก็รีบกลับมา |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ ครั้นถึงจึ่งประณตบทบาท | ทูลองค์ภูวนาถนาถา |
บัดนี้การล้อมคเชนทรา | เสร็จโดยบัญชาภูวไนย |
ขอเชิญพระองค์ทรงเดช | จอมเกศปิ่นภพจบสมัย |
ยกพวกพหลพลไกร | เสด็จไปทอดทัศนาการ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระทรงโฉมประโลมสงสาร |
ได้ฟังเสนาปรีชาชาญ | ผ่านฟ้าชื่นชมภิรมยา |
จึ่งเสด็จขึ้นยังคเชนทร์ทรง | ไอยราพตพงศ์ตัวกล้า |
แสนสารแวดวงดาษดา | ดั้งแซงซ้ายขวาแน่นนันต์ |
ทวยหาญแห่หน้าเกลื่อนกลาด | เบื้องหลังโดยขนาดหลายหลั่น |
คลี่เคลื่อนกระบวนคชกรรม์ | จรจรัลไปยังโขลนทวาร |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ ครั้นถึงซึ่งต้นมะตูมใหญ่ | เสด็จจากคชไกรตัวหาญ |
พร้อมหมู่เสนาบริวาร | เข้าสถานโรงราชพิธี |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ชีพ่อพฤฒาทั้งสี่ |
ต่างถือกลศสังข์อันรูจี | เข้าไปอัญชุลีบังคมคัล |
ถวายอาเศียรพาทสถาผล | ด้วยน้ำทิพย์มนต์ประสิทธิ์สรรพ์ |
อ่านเวทโดยศาสตร์พิธีกรรม์ | อันมีมหันตเดชา |
ฯ ๔ คำ ฯ
ชมตลาด
๏ เมื่อนั้น | พระอุณรุทสุริย์วงศ์นาถา |
โสรจสรงน้ำทิพมนตรา | แล้วทรงภูษาพรรณราย |
ตาบทิศทับทรวงอลงการ | สอดมหาสังวาลสามสาย |
ทองกรพาหุรัดจำหลักลาย | มงกุฎแก้วแพร้วพรายกรรเจียกจอน |
จุณเจิมพระวิลาสวิไลลักษณ์ | ผ่องพักตร์จำรัสประภัสสร |
ดั่งบรมพรหมเมศฤทธิรอน | อันเขจรมาจากชั้นฟ้า |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ จึ่งจุดธูปเทียนทองบวงสรวง | ถวายพรรณพู่พวงบุปผา |
แก่พระเทวกรรมอันศักดา | ทั้งครูคชาเลิศไกร |
อีกพระไพรเจ้าป่าพนาเวศ | ในขอบเขตตรอกเตรินเนินไศล |
ทุกแห่งห้องเหวผาชลาลัย | อันเรืองฤทธิไกรเชี่ยวชาญ |
เชิญช่วยป้องกันอันตราย | ภูตพรายปีศาจซึ่งอาจหาญ |
ทั้งหมู่สัตว์ร้ายอันสาธารณ์ | ขออย่าแผ้วพานมาราวี |
จงรับเครื่องสังเวยอันเอมโอช | สุธาโภชน์เสาวรสเฉลิมศรี |
ทั้งพิณพาทย์ดุริยางค์ดนตรี | ดุษฎีเจ้าไพรผู้ศักดา |
ขอให้บาศทองต้องคชลักษณ์ | ตระกูลศักดิ์สารเศวตตัวกล้า |
ศรีเมืองเรืองเกียรติมหิมา | เป็นสง่าปราบราชไพรินทร์ |
อันช้างโทษแปดสิบจำพวกนั้น | เทวัญขับไล่เสียให้สิ้น |
อย่าให้แปลกปนมาเป็นราคิน | พระผู้ปิ่นหิมวาจงปรานี |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ ครั้นเสร็จก็เสด็จขึ้นช้างทรง | สง่างามดั่งองค์โกสีย์ |
ช้างพระพี่เลี้ยงร่วมชีวี | ทั้งสี่เคียงข้างไม่ห่างไกล |
บรรดาช้างเชือกทั้งนั้น | ดั้งกันค่ายค้ำน้อยใหญ่ |
ขับตามกันเป็นกระบวนไป | เข้าในตำบลโขลนทวาร |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ ทอดพระเนตรเห็นช้างเผือกผู้ | ยืนอยู่กลางฝูงคชสาร |
สมบูรณ์เลิศลักษณ์โอฬาร | ผ่านฟ้าชื่นชมยินดี |
จึ่งขับพระที่นั่งคชเรศ | โจนไล่สารเศวตหัตถี |
อันช้างเชือกช้างกองโยธี | ก็ขับขี่ตามกันเข้าไป |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ฝูงช้างพังพลายน้อยใหญ่ |
ต่างตัวตระหนกตกใจ | ก็แตกตื่นวุ่นไปอลวน |
ที่ลูกน้อยก็ร้องแหวแหว | เลี้ยวแล่นตามแม่สับสน |
ที่พังกล้าเพรียวหาญชาญชน | ก็เข้ารบประจญประจัญงา |
ฝ่ายพญาสารเศวตศรีสวัสดิ์ | มงคลคชรัตน์ตัวกล้า |
แล่นไปแล้วเหลียวหลังมา | เห็นคชาทรงพระภูมี |
ก็บังหูชูหางกระหึมมัน | โกญจนาทสนั่นอึงมี่ |
กำลังสารหาญหวงกิริณี | เข้าราวีช้างทรงพระภูธร |
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้น | หลานพระอวตารชาญสมร |
จึ่งขับพระที่นั่งกุญชร | เข้าราญรอนด้วยเศวตคเชนทรา |
เสียงงาประหารกันฉานฉาด | กัมปนาทครื้นครั่นสนั่นป่า |
เสยส่ายคัดค้อนเป็นโกลา[๒] | ต่างกล้าต่อหาญประจัญกัน |
คชาทรงองอาจคงราชสีห์ | ชาญชนท่วงทีคือจักรผัน |
สอดงาลงล่างแบกดัน | บุกบันช้างป่าด้วยกำลัง |
จนเท้าขวิดไม่ติดธรณี | เถื่อนหนีร้องแล่นตระหลบหลัง |
วิ่งแซงแข่งหน้าคณาพัง | ดั่งป่าจะถล่มทำลายไป |
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด
๏ พระองค์ผู้วงศ์หริรักษ์ | รีบขับคชลักษณ์โจมไล่ |
ทรงบาศมาดหมายเถื่อนไพร | ภูวไนยได้ทีก็ซัดลง |
ถูกเท้าเศวตกุญชร | สีสังข์บวรสูงส่ง |
ควาญท้ายก็เบาะบาศทรง | คเชนทร์พงศ์แล่นร้องเป็นโกลา |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงสุริย์วงศ์นาถา |
ทั้งขุนช้างหมอเลือกนานา | เห็นพระยอดฟ้านรากร |
ทรงบาศต้องสารเศวต | อันมีเดชดั่งพญาไกรสร |
เผือกผู้สีสังข์บวร | งางอนดั่งงอนรถทรง |
ยินดีต่างขับคชกรรม์ | เสียงสะเทือนเลื่อนลั่นไพรระหง |
บ้างแซงแข่งกันสนั่นดง | ทิ้งบาศตรวจลงทันใด |
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
๏ ต้องทั้งเท้าซ้ายเท้าขวา | เย่อแย่งไปมาไม่ไหวได้ |
ควาญเอาต้นบาศกระหวัดไม้ | พลไกรเข้าช่วยกันทันที |
หมอช้างขับช้างกระหนาบชิด | ติดทามพันเชือกอยู่อึงมี่ |
มั่นแล้วก็พากันจรลี | ผูกที่ต้นไม้มหึมา |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงสุริย์วงศ์พงศา |
ทั้งขุนช้างผู้มีปรีชา | บังคมพระยอดฟ้าด้วยใจภักดิ์ |
แล้วขับคชสารแล่นไล่ | โจมฝูงช้างไพรตระกูลศักดิ์ |
บ้างชิงคลองเลือกคล้องคชลักษณ์ | ต่างทิ้งต่างชักอยู่นี่นัน |
แม่แปรกแถกถาเข้าต่อสู้ | วางวู่รวดเร็วดั่งจักรผัน |
โคตใหญ่พลายเพรียวก็บุกบัน | ชนประจัญช้างต่อไม่ท้องา |
ลูกน้อยวิ่งวุ่นเข้าพัลวัน | ช้างต่อตีรันไม่รอหน้า |
ร้องแปร๋นแล่นอึงเป็นโกลา | ช้างป่าจะหักด้านไป |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ฝ่ายพวกประจำด้านน้อยใหญ่ |
ครั้นเห็นฝูงคชสารไพร | จะออกไปโดยด้านหน้าที่ตน |
พลส้าวหลาวแหลนก็คอยแทง | กระสุนยิงแย้งสับสน |
จุดประทัดซัดไปอึงอล | โห่ร้องเร้าร้นเป็นโกลา |
บ้างคบมือตีเกราะเคาะกลอง | เสียงฆ้องครื้นครั่นสนั่นป่า |
ตวาดตะเพิดพ้องคชา | รอบทุกหน้าด้านพลไกร |
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
๏ บัดนั้น | ทั้งสี่พระพี่เลี้ยงผู้ใหญ่ |
อีกชาวคชสารชำนาญไพร | ล้วนหมายใจเขม้นคอยที |
หมอควาญขวักไขว่ไล่สะพัด | กุมบาศซัดคชสารศรี |
บ้างสกัดลัดคล้องเป็นโกลี | เสียงมี่ทั้งป่าพนาวัน |
ฯ ๔ คำ ฯ
พิราบร้อน
๏ สี่พระพี่เลี้ยงผู้ใหญ่ | คล้องได้คชสารรังสรรค์ |
ล้วนสมบูรณ์มีตระกูลต่างกัน | พร้อมสรรพ์ผิวพรรณเพริศพราย |
บรรดากรมช้างทุกกอง | ต่างคล้องได้ดั่งใจหมาย |
ล้วนช้างศุภลักษณ์พรรณราย | ก็แยกย้ายเข้าไม้เป็นโกลา |
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | พระอุณรุทสุริย์วงศ์นาถา |
เห็นพี่เลี้ยงร่วมชีวา | กับชาวคชาทั้งนั้น |
คล้องได้ช้างชาติตระกูลพงศ์ | พระองค์ปรีดิ์เปรมเกษมสันต์ |
จึ่งเสด็จลงจากคชกรรม์ | จรจรัลไปชมกุญชร |
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
๏ แต่ละตัวพื้นชาติช้างตระกูล | สมบูรณ์อาการชาญสมร |
เลิศลักษณ์ล้วนอัครเชนทร | สถาวรพร้อมสรรพกายา |
ควรเป็นศรีเมืองเรืองสวัสดิ์ | คู่องค์จักรพรรดินาถา |
จะปรากฏยศเกียรติเดชา | เป็นมหามงคลเลิศไกร |
ฯ ๔ คำ ฯ