- คำนำ
- บทนำเรื่อง
- ที่มาของอนิรุทธคำฉันท์และบทละคอนเรื่องอุณรุท ของ ธนิต อยู่โพธิ์
- ตอนที่ ๑
- ตอนที่ ๒
- ตอนที่ ๓
- ตอนที่ ๔
- ตอนที่ ๕
- ตอนที่ ๖
- ตอนที่ ๗
- ตอนที่ ๘
- ตอนที่ ๙
- ตอนที่ ๑๐
- ตอนที่ ๑๑
- ตอนที่ ๑๒
- ตอนที่ ๑๓
- ตอนที่ ๑๔
- ตอนที่ ๑๕
- ตอนที่ ๑๖
- ตอนที่ ๑๗
- ตอนที่ ๑๘
- ตอนที่ ๑๙
- ตอนที่ ๒๐
- ตอนที่ ๒๑
- ตอนที่ ๒๒
- ตอนที่ ๒๓ ทศมุขพบพระอุณรุท
- ตอนที่ ๒๔
- ตอนที่ ๒๕
- ตอนที่ ๒๖
- ตอนที่ ๒๗
- ตอนที่ ๒๘
- ตอนที่ ๒๙
- ตอนที่ ๓๐
- ตอนที่ ๓๑
- ตอนที่ ๓๒
- ตอนที่ ๓๓
- ตอนที่ ๓๔
- ตอนที่ ๓๕
- ตอนที่ ๓๖
- ตอนที่ ๓๗
- ตอนที่ ๓๘
- ตอนที่ ๓๙
- ตอนที่ ๔๐
- ตอนที่ ๔๑
- ตอนที่ ๔๒
ตอนที่ ๙ นางสุจิตราจุติลงมาเกิดในดอกบัว
๏ เมื่อนั้น | องค์ท้าวหัสนัยน์เรืองศรี |
ประพาสชมพฤกษามาลี | ในที่นันทวันอุทยาน |
กับด้วยฝูงเทพนิกร | สโมสรปรีดิ์เปรมเกษมศานต์ |
พอควรกำหนดเวลาการ | ก็ขึ้นคชาธารเอราวัณ |
พาฝูงเทวาวราราช | ลีลาศออกจากสวนสวรรค์ |
เสด็จกลับมายังเวไชยันต์ | ด้วยมหันตยศอันโอฬาร์ |
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงลงจากไอยเรศ | แล้วร่ายทิพเวทคาถา |
แก้ทวารนิเวศน์รัตนา | ลีลาเข้าห้องอำไพ |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ ขึ้นสถิตยังแท่นทิพอาสน์ | แล้วกล่าวพจนารถปราศรัย |
เชยแก้มแนมโอษฐ์อรไท | คว้าไขว่สัพยอกไปมา |
กรลอดสอดเลี้ยวเกี้ยวกระหวัด | สัมผัสเย้ายั่วเสน่หา |
อิงแอบแนบเนื้อวนิดา | วิญญาณ์ด่าวดิ้นแดยัน |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นางสุจิตราสาวสวรรค์ |
ครั้นองค์พระปิ่นเทวัญ | มาผูกพันประดิพัทธ์ยวนยี |
ให้คิดฉงนสนเท่ห์ใจ | เป็นไฉนสมเด็จโกสีย์ |
ปางก่อนเคยมาประเวณี | มิได้เหลือที่เวลา |
บัดนี้ประหลาดกว่าทุกวัน | เห็นเฝือฟั่นภิรมย์หรรษา |
คิดแล้วกราบลงกับบาทา | ทูลถามเจ้าฟ้าทันใด |
พระองค์จงได้โปรดเกศี | ทรงเดชวันนี้เป็นไฉน |
ตัวข้าพระบาทประหลาดใจ | ด้วยไม่เคยเห็นแต่ปางบรรพ์ |
เมื่อกี้พระเข้ามาสู่สม | แนบเนื้อภิรมย์เกษมสันต์ |
ครั้นแล้วพระองค์ทรงธรรม์ | จรจรัลออกหมู่เทวา |
บัดเดี๋ยวทันใจยังไม่ลืม | หรือเปลี่ยนปลื้มด้วยความเสน่หา |
กลับมาหาน้องเป็นสองครา | เวทนาน่าบัดสีใจ[๑] |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระปิ่นเมรุมาศขุนไศล |
ได้ฟังนางเทพอรไท | สะดุ้งใจตะลึงไปทั้งกาย |
ไฉนมากล่าววิปริต | อัศจรรย์คิดคิดแล้วใจหาย |
อันทวารแก้วแพรวพราย | กูร่ายมนต์ผูกไว้ตรึงตรา |
ผู้ใดใครจักสามารถ | อาจแก้พระเวทคาถา |
เปิดทวารไพชนต์เข้ามา | ถึงห้องไสยาอลงกรณ์ |
ตริแล้วจึงตรัสตอบไป | ว่าไยฉะนี้ดวงสมร |
พี่พึ่งมาหาบังอร | สโมสรสมสวัสดิ์บัดเดี๋ยวนี้ |
เจ้าว่ามาเป็นสองหน | เหตุผลอย่างไรนะโฉมศรี |
ให้ฉงนสนเท่ห์พันทวี | อันตัวพี่นี้มิได้มา |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นางเทพอนงค์เสน่หา |
ได้ฟังเทวราชบัญชา | กัลยาคั่งแค้นแน่นใจ |
แสนระทดสุดโทมนัสนัก | นงลักษณ์มิใคร่จะตอบได้ |
ชลเนตรคลอเนตรแล้วทูลไป | ตรัสไยฉะนี้พระทรงฤทธิ์ |
แม้นฆ่าเสียให้สิ้นชีวาตม์ | ก็ดีกว่าพจนารถให้บาดจิต |
เมื่อมาภิรมย์ชมชิด | แล้วว่าได้ไม่คิดเมตตา |
ซึ่งมิใช่องค์พระปิ่นเกล้า | คือใครอื่นเล่าก็ให้ว่า |
แต่เป็นข้าบาทบริจา | ไม่เคยบัญชาเหมือนครานี้ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | องค์ท้าวหัสเนตรเรืองศรี |
ได้ฟังนางฟ้าพาที | ภูมีถวิลในวิญญาณ |
ผู้ใดใครอื่นไม่องอาจ | ชะรอยกรุงพาณราชใจหาญ |
มันซ้อนกลจำมนต์ด้วยปรีชาญ | ผูกแก้ทวารวิมานชัย |
เสียเมียดั่งเสียชีวิต | น้อยจิตปิ้มเลือดตาไหล |
เสียแรงที่เรืองฤทธิไกร | มาเสียรู้แก่อ้ายทรลักษณ์ |
เสียทีที่มีทิพเนตร | เห็นเหตุส่องไปในไตรจักร |
ไม่รู้เท่ากลอ้ายขุนยักษ์ | มันปลอมรสรักวนิดา |
อนิจจาครั้งนี้ตัวกู | รู้ไปถึงไหนก็อายหน้า |
ตริแล้วจึ่งมีบัญชา | แก้วตาผู้ดวงชีวัน |
ซึ่งเข้ามาหานั้นใช่พี่ | อสุรีมันปลอมถนอมขวัญ |
ตรัสพลางถอนใจจาบัลย์ | ทรงธรรม์นิ่งขึงตะลึงกาย |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นางสุจิตราโฉมฉาย |
ฟังตรัสรำพันบรรยาย | ดั่งชีวิตจะวายลงทันใด |
ชลนัยน์คลอคลองนองพักตร์ | นงลักษณ์ทุกข์ทนหม่นไหม้ |
กราบลงกับบาทภูวไนย | สะอึกสะอื้นไห้โศกา |
โอ้ว่าพระจอมมงกุฎเกศ | ทรงเดชจงโปรดเกศา |
เมียไม่แจ้งเลยว่าอสุรา | มันปลอมแปลงมาให้เหมือนองค์ |
สำคัญสัญญาว่าเบื้องบาท | จึ่งประมาทเบาใจใหลหลง |
ว่าพระเวทผูกทวารมั่นคง | ก็งวยงงเสียรู้อสุรี |
เสียแรงตั้งใจปรนนิบัติ | ซื่อสัตย์ต่อเบื้องบทศรี |
รักษากายมิให้ราคี | ครั้งนี้มาทรลักษณ์ไป |
ถึงมาตรมิชั่วก็เหมือนชั่ว | จะนับว่าตัวดีกระไรได้ |
เป็นที่ติฉินไยไพ | จะอยู่ไยให้อายในเมืองฟ้า |
ขอลาบาทบงสุ์ทรงฤทธิ์ | ดับจิตจากดาวดึงษา |
ลงไปตามล้างอสุรา | พระปิ่นเทวาจงปรานี |
ฯ ๑๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | องค์ท้าวตรีเนตรเรืองศรี |
ฟังนางร่ำว่าพาที | มีความสลดระทดใจ |
สุดแค้นสุดแสนสวาทนาง | ปิ่มปางจะม้วยไปด้วยได้ |
ยอกรลูบหลังอรไท | ภูวไนยรำพันด้วยความรัก |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ อนิจจาเจ้าดวงนัยน์เนตร | จะทุเรศร้างพี่เพียงอกหัก |
ซึ่งจะติดตามไปผลาญยักษ์ | พี่ปรารมภ์นักถึงเทวี |
เจ้าเป็นหญิงยิ่งยอดนางฟ้า | จะเคี่ยวฆ่าอย่างไรนะโฉมศรี |
มันเป็นพวกพาลอสุรี | ฤทธีนุภาพเกรียงไกร |
อันซึ่งว่านี้ก็ดีนัก | สมศักดิ์ปิ่นฟ้าไม่หาได้ |
แต่จะพากันคลาไคล | ไปยังไกรลาสบรรพตา |
ตรัสแล้วสั่งวิษณุกรรม์ | จงบอกเทวัญถ้วนหน้า |
ให้มาพร้อมกันทุกชั้นฟ้า | จะไปเฝ้าบาทาพระทรงญาณ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระวิษณุกรรม์ปรีชาหาญ |
รับเทวราชโองการ | กราบกับบทมาลย์แล้วออกไป |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ เที่ยวทั่วทุกด้าวแดนสวรรค์ | ประกาศฝูงเทวัญน้อยใหญ่ |
ทั้งหกห้องชั้นฟ้าสุราลัย | ตามในเทวราชบัญชา |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ฝ่ายฝูงเทเวศถ้วนหน้า |
ได้ฟังวิษณุกรรม์เทวา | ต่างองค์ปรีดาพันทวี |
ด้วยมีจิตคิดแค้นกรุงพาณ | ตั้งใจจะผลาญยักษี |
ต่างพานางเทพนารี | ไปยังที่เฝ้าหัสนัยน์ |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้น | พระจอมเมรุมาศเขาใหญ่ |
เห็นหมู่เทวาสุราลัย | มาพร้อมกันในหน้าพระลาน |
จึ่งพามเหสีลีลาศ | จากแท่นทิพมาศมุกดาหาร |
กับฝูงทวยเทพบริวาร | ไปสถานไกรลาสบรรพตา |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ ครั้นถึงจึ่งเสด็จเข้าไปเฝ้า | พระเป็นเจ้าสามภพนาถา |
ต่างองค์ยอกรกฤษฎา | กราบกับบาทาพระศุลี |
ฯ ๒ คำ ฯ
ช้า
๏ เมื่อนั้น | พระสยมภูวนาถเรืองศรี |
ครั้นเห็นท้าวสุชัมบดี | จึ่งมีเทวราชโองการ |
ดูก่อนโกสีย์ตรีเนตร | ปิ่นเกศเมรุมาศราชฐาน |
ท่านพาฝูงเทพบริวาร | กับนงคราญนางฟ้าสุราลัย |
มายังไกรลาสบรรพตา | ด้วยกิจจานุกิจเป็นไฉน |
เหตุผลกังวลประการใด | ตัวเราสงสัยพันทวี |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระทรงอาสน์ไอยราเรืองศรี |
นบนิ้วสนองพระวาที | บัดนี้บังเกิดภัยพาล |
ด้วยพาณาสูรขุนยักษ์ | มันทำทรลักษณ์อาจหาญ |
ปลอมสมอัปสรนงคราญ | ทั่วทุกวิมานเทวา |
อันฝูงทวยเทพนิกร | ได้ความเดือดร้อนถ้วนหน้า |
แต่โฉมนางสุจิตรา | กัลยาจะจุติไป |
ตามล้างอสุราอาธรรม์ | แก้แค้นแทนมันให้จงได้ |
พระองค์ผู้ทรงภพไตร | ช่วยดับภัยเย็นเกล้าเมาลี |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระอิศวรบรมเรืองศรี |
ได้ฟังหัสนัยน์ธิบดี | ภูมีกริ้วโกรธพิโรธนัก |
เหม่เหม่ดูดู๋อ้ายกรุงพาณ | อหังการหยาบช้าอัปลักษณ์[๒] |
ทำได้ด้วยใจทรลักษณ์ | มันจักสิ้นชีพชีวัน |
ตรัสแล้วมีราชวาที | บัดนี้พระนารายณ์รังสรรค์ |
อวตารไปผลาญอาธรรม์ | ก็แจ้งอยู่ด้วยกันแต่เดิมมา |
จนสมภพหน่อนาถสุริย์วงศ์ | เอกองค์หลานรักเสน่หา |
เรืองเดชฤทธีปรีชา | ศักดาคล้ายองค์พระสี่กร |
แต่ซึ่งจะปราบกรุงพาณ | เหตุการณ์นั้นยังไม่มีก่อน |
ที่จะเป็นต้นศึกให้ราญรอน | ในนครรัตนาธานี |
ให้นางไปเกิดในปทุเมศ | ใกล้เขตอาศรมพระฤๅษี |
แว่นแคว้นแดนกรุงอสุรี | จะเป็นที่ก่อเหตุเภทพาล |
ตรัสแล้วอำนวยอวยพร | บังอรจงไปเกษมศานต์ |
ให้สมคิดสมประสงค์นงคราญ | อันตรายภัยพาลอย่าบีฑา |
ฯ ๑๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวสหัสเนตรนาถา |
กับโฉมนางสุจิตรา | ได้ฟังบัญชาพระศุลี |
มีจิตแจ่มใสโสมนัส | ประนมหัตถ์รับพรใส่เกศี |
เทวาทั้งสิ้นก็ยินดี | ด้วยเสี้ยนธาตรีจะแหลกลาญ |
ต่างองค์กราบลงแล้วลาบาท | พระจอมเกศไกรลาสมหาศาล |
พาเทพธิดายุพาพาล | กลับไปวิมานรัตนา[๓] |
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงซึ่งไพชนต์รัตน์ | องค์ท้าววิเชียรหัตถ์นาถา |
เสด็จเหนือแท่นแก้วแววฟ้า | กับโฉมสุจิตราลาวัณย์ |
จึ่งกล่าวมธุรสอันสุนทร | ดูก่อนเยาวยอดเฉลิมขวัญ |
ครั้งนี้เวรามาตามทัน | เราจะพรากจากกันทั้งรัก |
โอ้ว่าเจ้าดวงชีวาลัย | จะหาไหนใดเหมือนทั้งไตรจักร |
ทรงสิริประเสริฐเลิศลักษณ์ | เสียดายนักพ่างเพียงนัยนา |
คิดคิดมิใคร่จะให้จร | แต่สุดแค้นแสนร้อนนี่หนักหนา |
ทีนี้จะเปลี่ยวใจเปล่าตา | โหยหวนครวญหาทุกนาที |
นิจจาเอ๋ยเคยเห็นพักตร์เจ้า | บรรเทาโศกปลื้มเปรมเกษมศรี |
เป็นปิ่นเกศฝูงเทพนารี | เฉลิมที่ห้องทิพพิมานทอง |
จะจากไปยังในมนุษย์โลก | แสนวิโยคทุกข์ทนหม่นหมอง |
ถึงจะเกิดในปทุมดวงละออง | ไหนจะต้องตกยากลำบากกาย |
พี่นี้เกรียมกรมปรารมภ์นัก | คิดสิริพิมพ์พักตร์แล้วใจหาย |
ครวญพลางพ่างเพียงชีวาวาย | พระกอดสายสวาทไว้แล้วโศกี |
ฯ ๑๔ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้น | นางสุจิตรามารศรี |
ได้ฟังพระจอมโมลี | เทวีสลดระทดนัก |
ซบพักตร์กอดเบื้องบทเรศ | ทวีทุกข์เพิ่มเทวษเพียงอกหัก |
ชลนัยน์คลอคลองนองพักตร์ | นงลักษณ์รำพันโศกา |
ฯ ๔ คำ ฯ
โอ้
๏ อนิจจาโอ้ว่าพระทูนกระหม่อม | พระคุณสุดแสนถนอมนี่หนักหนา |
แต่เริ่มรักเลี้ยงข้าพระบาทมา | มิให้เคืองวิญญาณ์เท่ายองใย |
จนวิบากให้วิบัติถึงเพียงนี้ | จะเบือนบ่ายหน่ายหนีก็หาไม่ |
ยังคงแสนเสน่หาอาลัย | แต่สุดใจด้วยตนเป็นมลทิน |
แม้นมิตามไปล้างอ้ายกรุงพาณ | อันความอัประมาณติฉิน |
จะติดตัวอยู่ชั่วฟ้าดิน | จะผินพักตร์ไปไหนก็ไม่งาม |
จะจำจากเบื้องบาทไปทั้งรัก | ให้ประจักษ์แก่โลกทั้งสาม |
มิสมหวังที่ตั้งพยายาม | จะตามผลาญไปจนกว่าชีวาวาย |
หนักใจด้วยจะไกลพระปิ่นเกล้า | แสนทุกข์บรรเทาฤทัยหาย |
พระคุณเคยปกเกศเย็นสบาย | จะกำจัดพลัดพรายมิควรเลย |
เสียดายนักจักหาที่ไหนได้ | จะจากไปฉันใดนะอกเอ๋ย |
สมบัติสารพัดชมเชย | ไม่เคยเลยจะพรากจากจร |
ผลกรรมนำให้ไกลบาท | ขอลาภูวนาถลงไปก่อน |
พระองค์จงสถิตสถาวร | บังอรทูลพลางทางโศกา |
ฯ ๑๔ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้น | หัสนัยน์เจ้าไตรตรึงษา |
ฟังพระมเหสีทูลลา | ผ่านฟ้าสลดระทดใจ |
พระหัตถ์ลูบปฤษฎางค์นงลักษณ์ | พิศพักตร์ทอดถอนใจใหญ่ |
แล้วมีบัญชาด้วยอาลัย | ดวงใจผู้ร่วมชีวัน |
พี่จะอนุญาตประสาทพร | ให้ถาวรแก่เจ้าสาวสวรรค์ |
จะลงไปเกิดในมนุษย์นั้น | อันตรายราคีอย่าบีฑา |
แม้นมาตรประสงค์สิ่งใด | ให้เสร็จดั่งใจปรารถนา |
จงทรงโฉมประโลมโลกา | ใต้ฟ้าอย่ามีใครเปรียบปราน |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นางเทพอนงค์ยอดสงสาร |
ได้ฟังเทวราชโองการ | เยาวมาลย์ค่อยสร่างสว่างใจ |
จึ่งน้อมเศียรคำนับรับพร | อันสุนทรชื่นชอบอัชฌาสัย |
แหวกวางเหนือเศียรเกล้าไว้ | ด้วยใจจงรักภักดี |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | องค์ท้าวหัสนัยน์เรืองศรี |
จึ่งกุมกรอัคเรศจรลี | จากห้องมณีเวไชยนต์ |
แวดล้อมด้วยเทพนิกร | ทั้งหมู่อัปสรสาวสวรรค์ |
พาโฉมสุจิตราวิลาวัณย์ | เสด็จไปยังนันทอุทยาน |
ฯ ๔ คำ ฯ เพลง
๏ ครั้นถึงจึ่งยังพระวรนาถ | ให้บรรทมเหนืออาสน์มุกดาหาร |
แล้วสั่งฝูงนางพนักงาน | ให้ขับขานประโคมดนตรี |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ฝ่ายฝูงนวลนางอัปสรศรี |
รับเทวราชวาที | ก็ประสานดนตรีขึ้นนี่นัน |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บ้างกรายกรีดดีดตีตะโพนพิณ | โดยระบิลบรรเลงเพลงสวรรค์ |
รำมะนาท้าทับสลับกัน | เสนาะสนั่นแจ้วจับวิญญาณ์ |
นางขับก็ขับประสานเสียง | เพราะเพียงการเวกปักษา |
ลำนำล้วนเรื่องในเมืองฟ้า | ฉิ่งกรับรับท้าสำเนียงนวล |
ยักย้ายร่ายร้องทำนองกลอน | หวานอ่อนร่อนโรยโหยหวน |
ทุ้มเอกโอดพันครั่นครวญ | เหมือนจะชวนให้หลับจับใจ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระชายาเยาวยอดพิสมัย |
ไสยาสน์เหนืออาสน์อำไพ | อรไทฟังทิพดนตรี |
พร้อมเพราะเสนาะจิตพิศวง | ละเลิงหลงด้วยเสียงดีดสี |
ทั้งชมช่อพฤกษามาลี | เทวีเพลิดเพลินวิญญาณ์ |
ให้เปลี่ยนปลื้มลืมละกันแสงโศก | ลืมวิโยคลืมโทมนัสสา |
ระงับจิตโดยเทพธรรมดา | กัลยาจุติทันใด |
ฯ ๖ คำ ฯ ตระ
๏ อันเทวรูปร่างกาย | สูญหายจะเห็นก็หาไม่ |
ดั่งประทีปสิ้นเชื้อสิ้นไฟ | บันดาลดับไปพร้อมกัน |
ลงกำเนิดเกิดในดอกปทุม | อันงามปานโกสุมผกาสวรรค์ |
ผุดแสล้มแย้มกลิ่นพรายพรรณ | ในอารัญสระโบกขรณี |
ใกล้เขตอาศรมศาลา | พระสุธาวาสฤๅษี |
แดนกรุงพาณอสุรี | โดยพระศุลีบัญชาการ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระจอมเกศเทวาปรีชาหาญ |
ครั้นเห็นนางฟ้ายุพาพาล | จุติจากสถานสถาวร |
จึงมีเทวราชบัญชา | สั่งเทพธิดาอัปสร |
จงไปยังฝั่งสระชโลทร | บำเรอบังอรอย่าเว้นวัน |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | หมู่นางอัปสรสาวสวรรค์ |
รับสั่งพระองค์ทรงธรรม์ | ก็พากันเหาะตรงลงไป |
ฯ ๒ คำ ฯ เพลง
๏ ครั้นถึงสระโบกขรณี | ในที่หิมวาป่าใหญ่ |
ก็เข้าล้อมกล่อมองค์อรไท | ประสานใส่พิณเพลงบรรเลงลาน |
ฯ ๒ คำ ฯ พระทอง
พระทอง
๏ นบบาทแม่มิ่งมงกุฎเกศ | นาเรศผู้ยอดสงสาร |
แสนเทพธิดายุพาพาล | หาสมานสองเสมอนั้นไม่มี |
ทรงบุญเบื้องบรรพ์อนันต์เนก | ฝ่ายฟ้าคู่เสกแต่โกสีย์ |
ถึงจะเคลื่อนโฉมมายังธาตรี | ก็ควรที่วงศ์นารายณ์ไวกูณฐ์ |
แสนสะอาดรักชาติกว่าชีวิต | จะเปลื้องปลิดมลทินให้สิ้นสูญ |
อาจหาญตามผลาญพงศ์ประยูร | ยักษ์ร้ายตัวมูลทรลักษณ์ |
ทีนี้จักสิ้นเสี้ยนสุธาธาร | จะสำราญรื่นไปทั้งไตรจักร |
วายทุกข์เป็นสุขพร้อมพักตร์ | เพราะบุญนงลักษณ์องค์นี้เอย |
ฯ ๘ คำ ฯ กล่อม
๏ มาจะกล่าวบทไป | ถึงพระสุธาวาสฤๅษี |
อยู่ป่าปลายแดนบุรี[๔] | รัตนาธานีเมืองมาร |
พฤกษารายรอบอาศรม | เงียบสงัดรื่นร่มรโหฐาน |
สร่างพรตอดใจบำเพ็ญฌาน | ชำนาญหลายหมื่นปีมา |
แผ่ไมตรีทั่วทุกตัวสัตว์ | มัธยัสถ์เป็นองค์อุเบกขา |
กองกูณฑ์พิธีบูชา | โดยเพศชีป่าพนาลี |
อันหมู่สิงสัตว์ที่ร้ายกาจ | เกรงกลัวอำนาจก็หลีกหนี |
เคยลงไปสรงวารี | ในโบกขรณีทุกวันวาร |
ครั้นรุ่งรางสว่างเวลา | พระสิทธาจะไปสรงสนาน |
ฉวยได้น้ำเต้าไม้เท้ากราน | ก็ออกจากสถานศาลาลัย |
ฯ ๑๐ คำ ฯ เชิด
๏ มาถึงสระโบกขรณี | ยืนอยู่ที่ร่มไทรใหญ่ |
ผลัดผ้าคากรองเปลือกไม้ | ลงไปอาบน้ำชำระกาย |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ เหลือบแลเห็นดอกปทุมมาศ | ประหลาดกว่าดอกบัวทั้งหลาย |
ภุมรินไม่บินกลํ้ากราย | ผุดพ้นจากสายชลธาร |
เต่งตูมหุ้มห่อกลีบกลัด | ไม่ระบัดบานรับสุริย์ฉาน |
หอมรื่นชื่นชูวิญญาณ | ให้คิดบันดาลอัศจรรย์ |
ปทุเมศดวงนี้วิปริต | ไพจิตรดั่งเทพรังสรรค์ |
แต่กูเห็นมาก็หลายวัน | ไม่เบ่งบานนั้นด้วยอันใด |
อย่าเลยจะเด็ดเอามาดู | ให้รู้เหตุผลเป็นไฉน |
คิดแล้วก็ว่ายออกไป | ในกลางสระโบกขรณี |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เด็ดได้ซึ่งดอกปทุมมาลย์ | ก็บันดาลบานแย้มเกสรศรี |
เห็นทาริกากุมารี | มีลักษณ์เลิศล้ำวิไลวรรณ |
อยู่ในเกสรบุษบง | งามลํ้าอนงค์นางสวรรค์ |
พักตราผ่องเพียงดวงจันทร์ | ผิวพรรณเรื่อรองดั่งทองทา |
พริ้มพร้อมรูปทรงส่งสถาน | ประมาณเท่าเด็กสามชันษา |
ชูไว้ด้วยใจปรีดา | ก็พาว่ายเข้ามาทันที |
ฯ ๖ คำ ฯ เสมอ
๏ แล้วขึ้นจากท่าชลาสรง | ถือดวงบุษบงเกษมศรี |
ประคององค์เยาวเรศกุมารี | กลับมายังที่ตำหนักไพร |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ ครั้นถึงเข้าในอาศรม | แสนภิรมย์พูนเพิ่มพิสมัย |
ในพระนัดดายาใจ | ก็วางไว้ข้างที่ไสยา |
อันกลีบปทุมมาลย์บานขจาย | กลับกลายเป็นทิพภูษา |
ทั้งอู่เปลเมาะหมอนนานา | ด้วยเดชบุญญานางเทวี |
เห็นเป็นมหัศอัศจรรย์ | พระนักธรรม์ชื่นชมเกษมศรี |
แย้มยิ้มพริ้มพักตร์เปรมปรีดิ์ | รับขวัญเทวีด้วยความรัก |
พิศทั่วเกศเกล้าเผ้าผม | เชยชมแล้ววางลงเหนือตัก |
บุญของอัยกาเป็นพ้นนัก | จึ่งได้หลานรักดั่งดวงตา |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ ชมแล้ววางองค์บังอร | ให้นอนเหนือทิพภูษา[๕] |
จึ่งตั้งจิตพิษฐานด้วยสัจจา | เดชะบุญญาของเทวี |
จะถึงร่วมนิเวศน์เศวตฉัตร | ด้วยองค์จักรพรรดิเรืองศรี |
ภิญโญยศยิ่งนารี | เป็นที่พำนักในไตรดาล |
ขอให้นิ้วมือข้านั้น | มีพรรณธารารสาหาร |
เป็นอำมฤครสโอฬาร | หอมหวานเอมโอชโอชา |
ฯ ๖ คำ ฯ ตระ
๏ ครั้นเสร็จสัตยาวาที | นิ้วชี้ดาบสเบื้องขวา |
ไหลเป็นน้ำนมออกมา | ก็ให้พระนัดดาดูดกิน |
แต่ขลุกขลุ่ยอุ้มชูอลวน | สวดมนต์ภาวนาก็ละสิ้น |
ให้นอนเปลเห่ช้าเป็นอาจิณ | อาบน้ำทาขมิ้นวุ่นไป |
แสนถนอมกล่อมเลี้ยงทุกวัน | จนนางนั้นค่อยจำเริญใหญ่ |
ให้ชื่ออุษาอรไท | โดยในลัทธิพระมุนี |
ฯ ๖ คำ ฯ กล่อม
[๑] จบต้นฉบับหนังสือสมุดไทยเลขที่ ๕๕๐ ขึ้นต้นหนังสือสมุดไทยเลขที่ ๕๕๑ สอบเทียบกับต้นฉบับหนังสือสมุดไทยเลขที่ ๕๗๐
[๒] ในต้นฉบับหนังสือสมุดไทยทั้งสองฉบับ (เลขที่ ๕๕๑ และ ๕๗๐) เขียนว่า อัประหลัก ตามการอ่านออกเสียง
[๓] จบต้นฉบับหนังสือสมุดไทยเลขที่ ๕๗๐ ขึ้นต้นฉบับหนังสือสมุดไทยเลขที่ ๕๙๑ สอบเทียบกับต้นฉบับหนังสือสมุดไทยเลขที่ ๕๕๑
[๔] แก้ตามต้นฉบับหนังสือสมุดไทยซึ่งใช้ตรงกันทุกฉบับ (เลขที่ ๕๕๑ และ ๕๗๑) ฉบับพิมพ์ก่อนหน้านี้ เป็น อยู่ป่าปลายแดนอสุรี
[๕] แก้ตามต้นฉบับหนังสือสมุดไทยเลขที่ ๕๕๑ และ ๕๗๑ ซึ่งใช้ตรงกัน ฉบับพิมพ์ก่อนนี้เป็น “ให้นอนในทิพภูษา”