ตอนที่ ๓๕ อภิเษกพระอุณรุท

ช้า

๏ เมื่อนั้น ท้าวไกรสุทสุริย์วงศ์รังสรรค์
ปรีดิ์เปรมเกษมสุขทุกนิรันดร์ พระทรงธรรม์สำราญบานใจ

ฯ ๒ คำ ฯ

ร่าย

๏ จึ่งมีพระราชบัญชา แก่โฉมนางรัตนาศรีใส
ซึ่งเราทุกข์ร้อนอาวรณ์ใจ ด้วยโอรสยศไกรแต่หลังมา
บัดนี้สิ้นทุกข์สิ้นร้อน สถาวรภิรมย์หรรษา
เป็นมหันต์มโหโอฬาร์ ทั่วหมู่ไพร่ฟ้าประชากร
คิดจะเสกโอรสธิบดี กับสองศรีเสาวภาคย์ดวงสมร
อันนางอุษาบังอร ร่วมร้อนร่วมเทพนิมนต์มา
ควรจะให้เป็นปิ่นนารี เอกองค์มเหสีฝ่ายขวา
ซึ่งโฉมนางศรีสุดา เทวามิได้พาไป
แล้วก็ไม่ได้เป็นเพื่อนยาก จะลำบากด้วยกันก็หาไม่
จะให้เป็นฝ่ายซ้ายอนงค์ใน เจ้าจะเห็นอย่างไรนางเทวี

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น โฉมนางรัตนามเหสี
ได้ฟังบัญชาพระภูมี อัญชุลีกราบลงกับบาทา
ซึ่งดำริตริการทั้งนี้ น้องก็ยินดีหนักหนา
จะปรากฏเกียรติยศในโลกา ทั่วทั้งฟากฟ้าธาตรี

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น องค์ท้าวไกรสุทเรืองศรี
ได้ฟังอัครราชเทวี ยินดีแล้วออกพระโรงชัย

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

๏ พร้อมด้วยหมู่มุขมนตรี เสนาธิบดีน้อยใหญ่
จึ่งตรัสสั่งโหราไปทันใด เราจะให้ตั้งการวิวาห์
จะอภิเษกพระลูกรัก กับสององค์นงลักษณ์สุณิสา
จงเร่งกำหนดฤกษ์พา จะได้เวลาวันใดดี

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น จึ่งขุนโหราทั้งสี่
รับสั่งแล้วกราบลงสามที ต่างแก้คัมภีร์ออกพร้อมกัน
พบเป็นตำราดาวตำรับยา ทั้งตำราแปรธาตุทำนายฝัน
ต่างตกประหม่างกงัน ขวัญไม่มีอยู่กับกายา
ต่อพลิกกลับไปหลายตระหลบ จึ่งพบมหาทักษา
ก็ขับไล่ใส่สอบในตำรา ได้โชคชั้นเวลานาที
ต้องทั้งชันษาแลนามเมือง วันศุกร์รุ่งเรืองเป็นศรี
จึ่งทูลพระองค์ทรงธรณี สามค่ำฤกษ์ดีมีชัย
ปลอดทั้งทักทินยมขัน อุปัทวันอันตรายน้อยใหญ่
พระองค์ผู้ทรงภพไตร จงทราบในพระทัยภูมี

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น องค์ท้าวไกรสุทเรืองศรี
ได้ฟังโหราทูลคดี พระภูมีจึ่งสั่งเสนาใน
ให้เร่งรัดจัดแจงแต่งการ ทุกเจ้าพนักงานอย่าขาดได้
จงทันกำหนดฤกษ์เรืองชัย ตามอย่างโดยในธรรมเนียมมา

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น มหาเสนีมียศถา
รับสั่งแล้วถวายบังคมลา ออกมาจากท้องพระโรงชัย

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

๏ หมายบอกทุกเจ้าพนักงาน ทั้งทหารพลเรือนน้อยใหญ่
สิ้นทั้งข้างหน้าข้างใน แล้วให้ไปนิมนต์พระอาจารย์

ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา

๏ บัดนั้น เสนาแว่นไวใจหาญ
ครั้นแจ้งอนุสนธิ์แล้วกราบกราน เผ่นทะยานขึ้นม้าไปฉับพลัน

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ มาถึงอาศรมพระมุนี ก็ลงจากพาชีตัวขยัน
เข้าไปเคารพอภิวันท์ พระมหานักธรรม์โยคี
บัดนี้พระองค์ทรงนครา ตั้งการวิวาห์เฉลิมศรี
จะเสกพระโอรสธิบดี ให้ข้านี้มานิมนต์พระอาจารย์
ทั้งคณะพระผู้เป็นเจ้า เข้าไปยังในราชฐาน
พระองค์ผู้ทรงตบะญาณ อย่านานนิมนต์เข้าไป

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระนารอทผู้ทรงคัมภีร์ไสย
ได้ฟังยินดีเป็นพ้นไป จึ่งเร่งให้คณะโยคี
ทรงผ้าเปลือกไม้คากรอง ครองเครื่องบริขารฤๅษี
ลูกประคำน้ำเต้าคัมภีร์ ตาลปัตรพัชนีครบครัน
เสร็จแล้วออกจากุฎี พระมุนีก็พากันผายผัน
ตามมรคาลัยไพรวัน ฝ่ายเสนานั้นก็นำมา

ฯ ๖ คำ ฯ พราหมณ์ออก

๏ ครั้นถึงปราสาทพิธีการ พระนารอททรงญาณฌานกล้า
กับหมู่คณะพระสิทธา สวดคาถาไสยเวทฉับพลัน

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ฝ่ายท้าวจักรกฤษณ์รังสรรค์
แจ้งว่านัดดาวิลาวัณย์ ผลาญพาณาสูรนั้นบรรลัย
กลับมายังกรุงณรงกา จะทำวิวาห์การใหญ่
จึ่งสระสรงทรงเครื่องอำไพ ทรงครุฑวุฒิไกรไคลคลา

ฯ ๔ คำ ฯ เชิดฉิ่ง เพลงแผละ

๏ ครั้นถึงประทับเกยมาศ ยุรยาตรจากหลังปักษา
ขึ้นยังปราสาทโอฬาร์ สถิตแท่นรัตนาอำไพ

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

๏ เมื่อนั้น องค์ท้าวไกรสุทเป็นใหญ่
กับพระมเหสีทรามวัย พระอุณรุทศรีสะใภ้ทั้งสองรา
ครั้นเห็นพระองค์ทรงฤทธี ห้ากษัตริย์ยินดีเป็นหนักหนา
ต่างองค์ก้มเกล้าวันทา ต่างสนทนาด้วยกัน

ฯ ๔ คำ ฯ

ยานี

๏ มาจะกล่าวบทไป ถึงท้าวหัสนัยน์รังสรรค์
ทั้งหมู่พรหมินทร์อินทร์จันทร์ นางเทพอัปสรกัลยา
ครั้นแจ้งว่าท้าวไกรสุท วงศ์พระจักรภุชนาถา
ตั้งการมงคลวิวาห์ พระโอรสาธิบดี
บรรดาเทวินอินทร์พรหม ยินดีภิรมย์เกษมศรี
ต่างถือบุปผามาลี ไปยังบุรีณรงกา

ฯ ๖ คำ ฯ โคมเวียน

๏ มาถึงณรงกาพระนคร บทจรลงจากเวหา
ทั้งฝูงเทวัญจันทรา มายังพระอุณรุทธิบดี
อันนวลนางสุธรรมา กับหมู่เทพธิดาทุกราศี
ไปยังปรางค์รัตน์มณี สองราชเทวีทันใด

ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ

๏ เมื่อนั้น ท้าวบรมจักรกฤษณ์เป็นใหญ่
ทั้งท้าวไกรสุทเรืองชัย องค์นางอรไทรัตนา
อีกพระญาติวงศ์พงศ์พี กษัตราธิบดีพร้อมหน้า
ครั้นเทพเทวัญกัลยา มาช่วยกันวิวาห์พิธี
ต่างองค์ยินดีปรีดา ด้วยอินทราภิเษกเฉลิมศรี
จึ่งให้สามกษัตริย์ธิบดี เข้าที่สระสรงทันใด

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระอุณรุทรัศมีศรีใส
กับสองอัคเรศทรามวัย คลาไคลไปสรงคงคา

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

โทน

๏ สระสนานสุคนธรวยริน ส่งกลิ่นด้วยทิพบุปผา
พระทรงภูษิตวิจิตรตา ชายไหวรจนาตรัสไตร
สองนางทรงทิพภูษา สไบสีโสภาแจ่มใส
พระทรงสังวาลวรรณอำไพ ทับทรวงวิไลอลงการ์
สองนางทรงสร้อยสะอิ้งมาศ ตาบทิศโอภาสเลขา
พระทรงพาหุรัดรจนา มหามงกุฎแก้วแพรวพราว
นางทรงทองกรธำมรงค์ ศิโรเพฐน์บรรจงเฉิดฉาย
สามองค์ทรงเครื่องแพรวพราย ดั่งผันผายลงจากวิมานมา

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น จึ่งองค์เจ้าไตรตรึงศา
ก็นำพระอุณรุทไคลคลา เทวาแห่ห้อมล้อมไป
ฝ่ายองค์นางสุธรรมา ก็นำสองกัลยาศรีใส
นางเทพกัลยาสุราลัย ก็ล้อมสองทรามวัยไคลคลา
อันองค์พระอัยกาธิบดี พระชนกชนนีแลวงศา
ทั้งพญาทศมุขอสุรา แสนสนมตามมาพร้อมกัน

ฯ ๖ คำ ฯ มัคตรำ

๏ ครั้นถึงจึ่งขึ้นบัลลังก์แก้ว อันเพริศแพรวพรรณรายฉายฉัน
พร้อมด้วยฝูงเทพเทวัญ สุริย์วงศ์พงศ์พันธุ์มากมี

ฯ ๒ คำ ฯ

โทน

๏ ได้เอยได้ฤกษ์ อินทราให้เบิกบายศรี
จึ่งจุดเทียนชัยเข้าทันที ส่งแว่นมณีเวียนไป

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ ครั้นถ้วนสรรพเสร็จเจ็ดรอบ ครบตามระบอบคัมภีร์ไสย
จึ่งองค์ท่านท้าวหัสนัยน์ ก็ดับเทียนชัยมิได้ช้า
โบกควันแล้วเอาจุณเจิม เฉลิมพักตร์อวยพรด้วยหรรษา
ศรีสวัสดิ์ทั้งสามกษัตรา อย่ามีโรคาอันตราย

ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา

๏ บัดนั้น พนักงานมหรสพทั้งหลาย
โขนหุ่นละคอนมากมาย หกคะเมนไต่ลวดประชันกัน
มงครุ่มผาลาตีไม้ แทงวิสัยรำกริชมักกะสัน
ทั้งเทพทองระเบ็งระบำบัน เล่นสนั่นไปทั้งพระบุรี

ฯ ๔ คำ ฯ มลายู

๏ เมื่อนั้น พระอัยกาธิราชเรืองศรี
ทั้งองค์ชนกชนนี สุริย์วงศ์พงศ์พีร์กษัตรา
ต่างอวยพระพรศรีสวัสดิ์ จงพิพัฒน์วจำเริญชันษา
ทั้งสามศรีอย่ามีโรคา ให้ปรากฏพระยศเกรียงไกร

ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น พระมหานารอทผู้ใหญ่
กับคณะฤๅษีชีไพร เทวาสุราลัยมากมี
ทั้งองค์ท้าวบรมจักรกฤษณ์ อันทรงฤทธิไกรเรืองศรี
เสร็จแล้วก็พากันจรลี ไปยังที่อยู่สำราญใจ

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น องค์ท้าวไกรสุทเป็นใหญ่
ครั้นพระอัยกาแลเทพไท พระมุนีกลับไปยังธานี
จึ่งมีพระราชบัญชา ให้เลี้ยงโยธายักษี
ทั้งหมู่หมวดพหลมนตรี แต่ในบัดนี้อย่าได้ช้า

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น นางวิเสทนอกในซ้ายขวา
รับสั่งแล้วถวายวันทา รีบออกมาพลันทันใด

ฯ ๒ คำ ฯ ชุบ

๏ ตกแต่งของคาวของหวาน ครบทั้งเครื่องอานน้อยใหญ่
มีทั้งเหล้าขาวเมรัย เป็ดไก่ดิบสุกมากมี
อีกทั้งช้างปิ้งกระทิงพล่า ละมั่งเลียงผาฉู่ฉี่
เสือคั่ววัวแดงพะแนงดี เสร็จแล้วสาวศรีก็ยกมา

ฯ ๔ คำ ฯ แขกลพบุรี

๏ บัดนั้น มหาเสนีมียศถา
ให้ยกเครื่องต้นอันโอชา มาถวายพญาอสุรี
อันบรรดาของทั้งนั้น ก็เลี้ยงหมู่กุมภัณฑ์ยักษี
เข้าพรั่งพร้อมล้อมกันมากมี ยังที่ในหน้าพระลานชัย

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น อสุรศักดิ์ยักษาน้อยใหญ่
บ้างกินสุราเมรัย แกล้มกับเป็ดไก่ช้างม้า
เมามายไม่เป็นสมประดี ตบมืออึงมี่หัวร่อร่า
ต่างเล่นเต้นรำเป็นโกลา อสุราผาสุกเปรมปรีดิ์

ฯ ๔ คำ ฯ เซ่นเหล้า

๏ เมื่อนั้น พญาทศมุขยักษี
เสร็จเสวยโภชนาสาลี มีความผาสุกสำราญใจ
แล้วกราบทูลท้าวไกรสุท องค์พระอุณรุทเป็นใหญ่
จะขอบังคมลาพระภูวไนย กลับไปยังราชธานีใหญ่

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น องค์ท้าวไกรสุทเรืองศรี
ทั้งพระอุณรุทภูมี ได้ฟังอสุรีทูลมา
จึ่งมีพระบัญชาไป ด้วยพระทัยชื่นบานหรรษา
ดีแล้วซึ่งจะคืนพารา ไพร่ฟ้าจะผาสุกใจ
อันกรุงรัตนาธานี ก็เปลี่ยวอยู่หามีผู้ใดไม่
เจ้าเร่งเลิกพลสกลไกร ไปให้เป็นสุขสวัสดี

ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น พญาทศมุขยักษี
ก้มเกล้ารับพรด้วยยินดี อัญชุลีทั้งองค์รัตนา
แล้วน้อมศิโรตม์กราบลง แทบเบื้องบาทบงสุ์นางอุษา
น้องรักจักถวายบังคมลา พระพี่อยู่ผาสุกสำราญใจ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น องค์นางอุษาศรีใส
ครั้นพระอนุชาคลาไคล อรไทเศร้าสร้อยวิญญาณ์
อาดูรพูนเทวษเป็นพ้นนัก นงลักษณ์ลูบหลังแล้วลูบหน้า
โอ้ว่าแต่นี้นะอกอา จะไกลตาพี่แล้วไม่เห็นกัน
สงสารแต่องค์พระแม่เจ้า จะสร้อยเศร้าไม่วายโศกศัลย์
จงทูลพระชนนีนั้น ว่าพี่ถวายอัญชุลีไป
ตัวเจ้าจะกลับไปพารา ให้รุ่งฤทธิ์เดชาเป็นใหญ่
ปรากฏพระยศเกรียงไกร ร่ำพลางอรไทโศกา

ฯ ๘ คำ ฯ โอด

๏ เมื่อนั้น พญาทศมุขยักษา
รับพระพรพลางทางโศกา อสุรากำสรดสลดใจ
เพียงหนึ่งชีวิตจะพินาศ กอดบาทพี่นางแล้วร่ำไห้
ตัวน้องมิใคร่จะจากไป หากอาลัยด้วยองค์พระชนนี

ฯ ๔ คำ ฯ โอด

๏ ว่าแล้วถวายบังคมลา องค์พระพี่ยามารศรี
ออกจากปรางค์รัตน์มณี ไปยังที่อยู่ทันใด

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

๏ จึ่งสั่งให้เลิกโยธา จัตุรงค์ซ้ายขวาน้อยใหญ่
คลายคลี่รี้พลสกลไกร ไปยังรัตนาธานี

ฯ ๒ คำ ฯ กราว

๏ เมื่อนั้น พระอุณรุทผู้รุ่งรัศมี
กับองค์อัคเรศเทวี สองศรีเสาวภาพโสภา
เสวยแสนสมบัติพัสถาน ชื่นบานภิรมย์หรรษา
ประกอบด้วยสุรางค์นานา ดั่งดาราประดับดวงจันทร์
ทั้งเสนาไพร่ฟ้าประชากร ก็เป็นสุขสถาวรเกษมสันต์
มิได้มีโรไคไภยัน ทั่วทั้งเขตขัณฑ์เวียงชัย
พระชื่นชมโสมนัสเปรมปรีดิ์ ด้วยสองกัลยาณีพิสมัย
ดั่งได้ผ่านฟากฟ้าสุราลัย ไพบูลย์พูนสวัสดิ์ทุกเวลา

ฯ ๘ คำ ฯ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ