ตอนที่ ๔ ท้าวบรมจักรกฤษณ์เสด็จประพาสป่า แล้วปราบกุมภาสูร

ช้า

๏ เมื่อนั้น ฝ่ายท้าวจักรกฤษณ์เรืองศรี
เสวยสุขอยู่ทุกราตรี ด้วยองค์เทวีวิไลวรรณ
แสนสำราญดั่งผ่านสมบัติทิพย์ ทั้งสิบหกห้องฟ้าสรวงสวรรค์
ทุกทิศย่อมมาบังคมคัล เอาพระเดชป้องกันภัยพาล
ตั้งอยู่ในธรรมทศมิตร โดยกิจกษัตรามหาศาล
ดำรงปถพีด้วยปรีชาญ ปลูกเลี้ยงทหารโยธา
สมตระกูลคุณาวิชาศาสตร์ เกลื่อนกลาดตามตำแหน่งยศถา
รางวัลบำเหน็จนานา เสื้อผ้าแก้วแหวนพรรณราย
อันส่วยสัดพัทยาบรรณาการ ดั่งชลธารไหลมาไม่ขาดสาย
แสนเกษมแสนสุขสนุกสบาย ทั้งหญิงชายไพร่ฟ้าประชากร
คิดจะใคร่พาฝูงอนงค์นาฏ ไปประพาสมิ่งไม้สิงขร
ในห้องหิมวาพนาดร ให้ถาวรเป็นสุขสำราญใจ

ฯ ๑๒ คำ ฯ

ร่าย

๏ คิดแล้วสระสรงทรงเครื่อง อร่ามเรืองพักตร์ผ่องเพียงแขไข
จับพระขรรค์แก้วแววไว เสด็จไปพระโรงรูจี

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

๏ ลดองค์ลงเหนือบัลลังก์รัตน์ ภายใต้เศวตฉัตรมณีศรี
จึ่งมีพระราชวาที สั่งมหาเสนีผู้ปรีชาญ
เราจะไปเที่ยวประพาสป่า จงจัดโยธาทวยหาญ
รถประเทียบรถทรงอลงการ ทั่วทุกพนักงานให้พร้อมไว้

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น จึ่งมหาเสนาผู้ใหญ่
รับสั่งพระองค์ทรงภพไตร บังคมไหว้ออกจากพระโรงคัล

ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา

๏ จัดเป็นจตุรงค์พยุหบาตร โดยกระบวนประพาสพนาสัณฑ์
พลช้างล้วนช้างชาญฉกรรจ์ ใหญ่สูงซับมันร้ายราญ
ควาญหมอเสื้อแดงหมวกแดง ถือขอกวัดแกว่งสำแดงหาญ
พลม้าล้วนม้าอาชาชาญ ควบขับเผ่นทะยานเพียงลมพัด
ผู้ขี่เสื้อตองหมวกตอง มือถือทวนทองแกว่งกวัด
ขุนรถเทียมรถเนาวรัตน์ แอกอ่อนงอนสะบัดธงชาย
ผู้ขี่เสื้อหมวกชมพู มือถือธนูประลองสาย
พลเท้าล้วนมีกำลังกาย เสื้อหมวกพรรณรายลายทอง
ถือสรรพศัสตราอาวุธ นับสมุทรแน่นนันต์เป็นแถวถ้อง
รถประเทียบรถทรงรถรอง ทุกกองคอยเสด็จจรจรัล

ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น ท้าวบรมจักรกฤษณ์รังสรรค์
ครั้นคํ่าย่ำศรีรวีวรรณ แสงจันทร์ส่องแจ่มแอร่มฟ้า
ทรงกลดหมดเมฆโอภาส ดาวดาษกลาดเกลื่อนเวหา
สถิตเหนือแท่นที่ไสยา ด้วยองค์วนิดายุพาพาล
เสนาะเสียงพระสนมขับครวญ สำเนียงนวลเฉื่อยฉ่ำคำหวาน
โหยหวนโอดพันบรรเลงลาน ผ่านฟ้าก็เคลิ้มหลับไป

ฯ ๖ คำ ฯ ตระ

๏ จนล่วงปัจฉิมเวลา สุริยาเยี่ยมยอดเนินไศล
แสงทองรองเรืองอำไพ ไก่แก้วขันขานประสานกัน
อึ้ออึงด้วยเสียงทวยหาญ เสียงรถคชสารนี่สนั่น
ปทุมมาลย์บานรับพระสุริยัน เสาวคันธ์เฟื่องฟุ้งขจายจร
เสนาะเสียงแมลงผึ้งภุมริน โบยบินเชยรสเกสร
เสียงประโคมดนตรีแตรงอน ภูธรตื่นจากไสยา

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ ชำระพระโอษฐ์สรงพระพักตร์ ชวนองค์อัคเรศเสน่หา
เสด็จออกจากห้องแก้วอลงการ์ มาเข้าที่โสรจสรงชล

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

โทน

๏ ไขสุหร่ายสายสินธุวาเรศ จากฝักปทุเมศเป็นฝอยฝน
ต่างชำระสระสรงทรงสุคนธ์ ปรุงปนนพมาศชมพูนุท
พระทรงสนับเพลากระหนกงอน ภูษาเชิงมังกรเล่นสมุทร
นางทรงภูษิตเครือครุฑ แย่งยุดรูปวาสุกรีกราย
พระทรงชายไหวชายแครง ฉลององค์ทองแล่งฉานฉาย[๑]
นางทรงสไบตาดทองพราย ประดับถันพรรณรายมุกดาดวง
ต่างทรงสร้อยสนสังวาลวรรณ สะอิ้งแก้วกุดั่นโชติช่วง
ตาบทิศพลอยประดับทับทรวง พาหุรัดรุ้งร่วงทองกร
ธำมรงค์รายพลอยปัทมราช มงกุฎเพชรโอภาสประภัสสร
ห้อยห่วงกุณฑลกรรเจียกจอน ดอกไม้ทัดอรชรประดับกรรณ
ทรงพระแสงขรรค์อันฤทธี งามคล้ายพระศุลีรังสรรค์
กับองค์พระอุมาวิลาวัณย์ ตามกันมาขึ้นรถทรง

ฯ ๑๒ คำ ฯ กราวนอก

๏ รถเอยรถประพาส แลผาดเลื่อมพื้นไพรระหง
ดุมกำดวงแก้วประดับกง งอนทองงามธงปลิวปลาย
ชั้นลดช่อลายรายภาพ ซุ้มเก็จเสากาบวิเชียรฉาย
ห้ายอดเหมเยี่ยมโพยมพราย ใบระกาแก้วระบายระบุบัน
เทียมสินธพสี่มีพยศ ขุนรถขับรีบดั่งจักรผัน
บังสูรย์บดสีรวีวรรณ แถวฉัตรถัดชั้นขนัดพล
รถประเทียบเรียบทางเป็นอันดับ เดินพยู่ห์ดูพยับโพยมหน
ฆ้องกลองขานกลบอึงอล เสียงพลโห่เพียงสุธาทรุด
กงเลื่อนกำลั่นสนั่นก้อง สะเทือนท้องพสุธามหาสมุทร
แพรวแสงพรายสาตราวุธ พระทรงภุชเร่งพลดำเนินจร

ฯ ๑๐ คำ ฯ สมิงทองไทย

๏ เดินหว่างหิมวาพนาเวศ ทอดพระเนตรตามเนินสิงขร
ชมหมู่รุกขชาติอรชร เรียงสล้างงามสลอนที่ริมทาง
ชมแสงกระสังรังรัก สนสักโศกไทรไตรตร่าง
เกดแก้วกรรณิการ์ขานาง ปรูปรางแจงจันทน์คันทรง
นกแก้วจับแก้วพลางพลอด หงส์เยื้องจับยอดมหาหงส์
คณายูงพาฝูงจับประยงค์ กระลิงจับกาหลงภิรมย์เรียง
ฝ่ายข้างพ่างพื้นปัฐพี เสือสิงห์ราชสีห์คำรนเสียง
เม่นหมีละมั่งระมาดเมียง ทักกระทอคลอเคียงมฤคา[๒]
พระชี้ชวนโฉมยงอนงค์นาฏ ให้เชยชมมิคชาติปักษา
นั่นตระไนไก่แก้วสาลิกา จำนรรจาพลางจิกผกากาญจน์
หมู่กระเหว่าเหล่าการเวกแว่ว ร้องแจ้วส่งเสียงสำเนียงหวาน
ชะนีโหยโรยหวนเป็นกังวาน ฟังสะท้านวังเวงวิเวกไพร
พระเคียงรถเด็ดดวงสาโรชรื่น ทรงยื่นให้ยอดพิสมัย
ประพาสพลางชมเพลินจำเริญใจ ที่ในหิมวาพนาลี

ฯ ๑๔ คำ ฯ เพลงฉิ่ง

๏ มาจะกล่าวบทไป ถึงกุมภาสูรยักษี
อยู่เชิงกาลกูฏคีรี ยังที่แนวเนินหิมวันต์
มีกำลังฤทธาสามารถ ร้ายกาจเรี่ยวแรงแข็งขัน
นักสิทธ์วิทยาคนธรรม์ ก็ครั่นคร้ามขามเข็ดขุนมาร
เคยท่องเที่ยวไปในป่าชัฏ จับสัตว์ฟัดกินเป็นอาหาร
ทำแต่ทุจริตด้วยจิตพาล อหังการกำเริบไม่เกรงใคร
ครั้นรุ่งรางสร่างแสงสุริยา กรขวาฉวยชักหอกใหญ่
กวัดแกว่งสำแดงฤทธิไกร เที่ยวไปตามเนินพนาลี

ฯ ๘ คำ ฯ

กราวใน

๏ เหลือบเห็นฝูงสัตว์จัตุบาท สีหราชกาสรคชสีห์
แรดช้างกวางทรายจามรี เม่นหมีโคถึกมฤคา
ขุนมารชื่นชมโสมนัส แกว่งกวัดหอกใหญ่เงื้อง่า
ผาดโผนโจนไล่ด้วยฤทธา แทงซ้ายแทงขวาวุ่นไป

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ ล้มตายดาดาษลงกับที่ เลือกเอาตัวพีตัวใหญ่
กินเล่นเป็นสุขสำราญใจ แล้วเที่ยวไปตามเนินหิมวา

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ ได้ยินสำเนียงฆ้องกลอง กึกก้องครื้นครั่นสนั่นป่า
แลไปตามช่องมรคา เห็นพลโยธามนุษย์
พลช้างพลม้าแน่นนันต์ กุมภัณฑ์กริ้วโกรธดั่งไฟจุด
มือขวาแกว่งหอกฤทธิรุทร ไล่พลมนุษย์วุ่นวาย

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ บัดนั้น พวกพลโยธาทั้งหลาย
เหลือบแลไปเห็นราพณ์ร้าย ไพร่นายตระหนกตกใจ
หน้าซีดความกลัวตัวสั่น หยุดขยั้นไม่อาจขืนไปได้
ลั่นปืนยืนยิงแต่ไกล สำคัญว่าไล่ก็หนีมา[๓]

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น นางจันทมาลีเสน่หา
ทั้งสนมกำนัลกัลยา เหลือบเห็นอสุราสาธารณ์
สูงใหญ่ล่ำสันพันลึก เหี้ยมฮึกเข้มแข็งกำแหงหาญ
แกว่งหอกดั่งแสงไฟกาล เยาวมาลย์ตกใจพันทวี
บ้างปิดตาร้องตรีดตรีด หวีดหวีดอื้ออึงคะนึงมี่
บ้างแฝงม่านซ่อนอินทรีย์ มิได้แลดูอสุรา
ฝ่ายองค์สมเด็จพระอัคเรศ กลัวเดชอสูรยักษา
ตัวสั่นเพียงสิ้นชีวา กอดเบื้องบาทาพระภูธร

ฯ ๘ คำ ฯ โอด

ร่าย

๏ เมื่อนั้น พระจักรรัตน์แก้วทรงศร
รับขวัญพลางปลอบบังอร ดวงสมรอย่ากลัวไอ้สาธารณ์
โกฏิแสนแม้นมาอักนิษฐ์ เจ้าจงดูฤทธิ์กำลังหาญ
ตัวพี่ผู้เดียวจะรอนราญ ผลาญเสียให้สิ้นชีวี
ตรัสพลางฉวยชักพระขรรค์ชัย อานุภาพปราบได้ทุกราศี
กวัดแกว่งดั่งแสงอสนี คอยทีจะล้างกุมภัณฑ์

ฯ ๖ คำ ฯ ร่าย

๏ เมื่อนั้น กุมภาสูรฤทธิแรงแข็งขัน
เห็นมนุษย์ทรงโฉมวิไลวรรณ กับนางนั้นอยู่บนรถชัย
ใครหนอยกพลโยธี พาเมียมานี้จะไปไหน
งามยิ่งนางฟ้าสุราลัย พักตร์เพียงแขไขในเมฆา
อย่าเลยจะฆ่าผัวเสีย พาเมียไปร่วมเสน่หา
คิดแล้วจึ่งร้องถามมา ว่าเหวยมนุษย์สาธารณ์
ตัวเป็นสุริย์วงศ์พงศ์ไหน นามกรชื่อใดจึ่งอาจหาญ
เข้ามาถึงเขตพระกาล กูจะผลาญให้ม้วยชีวี

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระพิษณุรักษ์เรืองศรี
ได้ฟังอสุราพาที จึ่งมีวาจาตอบไป
เหวยเหวยดูก่อนอ้ายขุนยักษ์ ทะนงศักดิ์เจรจาหยาบใหญ่
กูคือจักรกฤษณ์ฤทธิไกร ผ่านกรุงพิชัยณรงกา
เป็นที่พึ่งเทวามนุษย์ ครุฑนาคนักสิทธ์ทุกทิศา
ตัวมึงชื่อไรไอ้พาลา อวดกล้าจะมารอนราญ

ฯ ๖ คำ ฯ

ร่าย

๏ เมื่อนั้น กุมภาสูรฤทธิไกรใจหาญ
ได้ฟังกริ้วโกรธดั่งเพลิงกาล ตบหัตถ์ฉัดฉานแล้วตอบไป
เหมเหม่ดูดู๋มนุษย์ จะมีฤทธิรุทรเป็นไฉน
กูทรงอานุภาพเกรียงไกร อยู่ไศลกาลกูฏศีขรินทร์
ชื่อกุมภาสูรผู้ศักดา ทั้งหกชั้นฟ้าก็กลัวสิ้น
ตัวท่านดั่งลูกมฤคินทร์ มาดูหมิ่นพญาพยัคฆี
นางนี้ทรงโฉมอรชร ดั่งเทพอัปสรในราศี
จักเป็นเมียเราบัดเดี๋ยวนี้ ใครดีก็จะได้เห็นกัน
ว่าแล้วผาดแผลงสำแดงฤทธิ์ ทศทิศสะเทือนเลื่อนลั่น
แกว่งหอกขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เข้าง้างงอนรถนั้นด้วยศักดา

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระบรมจักรกฤษณ์นาถา
เสด็จลงจากรถรัตนา เข้าต่อฤทธาด้วยขุนมาร

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น จึ่งกุมภาสูรใจหาญ
รับรองป้องกันประจัญบาน โถมทะยานเข้าชิดติดพัน
ต่างถอยต่างไล่เข้าออก กลับกลอกรวดเร็วดั่งจักรผัน
ต่างปัดต่างแทงต่างฟัน หมายมั่นจะล้างชีวี

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระหริวงศ์องค์นารายณ์เรืองศรี
รณรุกบุกบันประจัญตี ได้ทีโจมจับอสุรา
เผ่นขึ้นเหยียบเข่ายืนยัน กรายพระแสงขรรค์เงื้อง่า
หันเวียนเปลี่ยนกันไปมา ต่างหาญต่างกล้าไม่ลดกร

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น กุมภาสูรมารชาญสมร
กวัดแกว่งหอกชัยดั่งไฟฟอน เข้าราญรอนโจมจับเป็นโกลี
แทงซ้ายป่ายขวาโกลาหล ทรหดอดทนไม่ถอยหนี
เคล่าคล่องว่องไวไปในที อสุรีไม่คิดชีวัน

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวบรมจักรกฤษณ์รังสรรค์
เผ่นขึ้นเหยียบบ่ากุมภัณฑ์ จับกันเคล่าคล่องว่องไว
หวดด้วยพระขรรค์โมลี ต้องกายอสุรีไม่ทนได้
ทั้งหอกก็หักกระเด็นไป ด้วยฤทธิไกรพระจักรา

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น กุมภาสูรผู้ใจแกล้วกล้า
เสียหอกชอกช้ำทั้งกายา ปิ้มว่าจะม้วยชีวี
ขืนใจขบฟันกลั้นพิษ ด้วยจิตมานะยักษี
หลับเนตรสำรวมอินทรีย์ ชุลีกรร่ายเวทอันเพริศพราย

ฯ ๔ คำ ฯ ตระ

๏ ครั้นครบเจ็ดคาบก็ลูบลง เจ็บปวดพิษสงนั้นสูญหาย
ค่อยฟื้นคืนตั้งกำลังกาย เป็นสุขสบายวิญญาณ์
จึ่งคิดว่ามนุษย์นี้สามารถ ฤทธิรงค์องอาจแกล้วกล้า
ถึงกระนั้นไม่เกรงศักดา กูจะฆ่าให้ม้วยชีวัน
คิดแล้วเผ่นโผนโจนไป ด้วยกำลังว่องไวดั่งจักรผัน
สองเท้าถีบทะยานยืนยัน ง้างยอดหิมวันต์คีรี

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ ภูเขาทั้งแท่งศิลาสนิท หักสะบั้นด้วยฤทธิ์ยักษี
ใส่บ่าแบกวิ่งดั่งสิงคลี หมายองค์ภูมีแล้วทิ้งไป

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ ตกลงริมราชรถา พสุธาสะท้านสะเทือนไหว
เสียงดังฟ้าฟาดเมรุไกร มิได้ต้ององค์พระอวตาร

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระพงศ์จักรพรรดิมหาศาล
เสด็จยืนยังพื้นสุธาธาร เห็นขุนมารทุ่มทิ้งภูเขามา
กวัดแกว่งพระแสงขรรค์แก้ว เป็นประกายพรายแพร้วเวหา
หมายมาดพิฆาตอสุรา ผ่านฟ้าถาโถมเข้าชิงชัย

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ ถีบถูกอุราขุนมาร ล้มลงไม่ทานกำลังได้
หวดด้วยพระขรรค์อันเกรียงไกร เศียรขาดกระเด็นไปทันที

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด โอด

ยานี

๏ เมื่อนั้น ฝ่ายฝูงเทวาในราศี
ทั้งพระไพรเจ้าป่าพนาลี ทุกคีรีห้วยเหวหิมวันต์
เห็นท้าวจักรกฤษณ์ฤทธิรงค์ คือองค์นารายณ์รังสรรค์
ผลาญกุมภาสูรอาธรรม์ สุดสิ้นชีวันวายปราณ
ต่างต่างชื่นชมโสมนัส แซ่ซ้องตบหัตถ์ฉัดฉาน
โปรยทิพยบุปผาสุมามาลย์ สาธุการอำนวยอวยพร
จงทรงสุรภาพปราบยุค ให้โลกเป็นสุขสโมสร
พระเกียรติปรากฏขจายจร ถาวรไปชั่วกัลปา

ฯ ๘ คำ ฯ

สาธุการ

๏ เมื่อนั้น ท้าวบรมจักรกฤษณ์นาถา
ครั้นเสร็จสังหารอสุรา เทวาโปรยทิพสุมามาลย์
เกลื่อนกลางพ่างพื้นพนาสณฑ์ ขจรรสเสาวคนธ์หอมหวาน
พระตรัสเรียกวนิดายุพาพาล กับสนมบริวารนารี
ลงจากรถทรงอลงกรณ์ ดั่งนางอัปสรสาวศรี
โดยเสด็จหัสนัยน์ธิบดี ในที่สวนจิตรลดา
นางเชยท้าวชมบุปผาชาติ งามประหลาดหอมตลบนาสา
ทั้งสนมกำนัลกัลยา เก็บมาลาเล่นสำราญใจ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ฝ่ายฝูงโยธีน้อยใหญ่
รู้ว่ากุมภัณฑ์บรรลัย ก็ดีใจออกจากพนาลี

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ มาถึงซึ่งที่สนามรบ แลเห็นซากศพยักษี
เศียรขาดออกจากอินทรีย์ กลิ้งอยู่ที่พสุธา
ต่างต่างสรรเสริญฤทธิรอน ชุลีกรกลอกเกล้าเกศา
อวยชัยให้พรพระจักรา อึงมี่ทั้งป่าพนาวัน

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวบรมจักรกฤษณ์รังสรรค์
ครั้นโยธากลับมาพร้อมกัน ทรงธรรม์ชื่นชมยินดี
จึ่งมีมธุรสพจนารถ แก่องค์อัครราชมเหสี
ดูก่อนโฉมจันทมาลี เจ้าพี่ผู้ร่วมชีวา
ธรรมดาจารีตกษัตริย์ ทั่วจังหวัดพื้นภพแหล่งหล้า
ครั้นผลาญไพรีมรณา ย่อมสนานกายาในชลธาร
ครั้งนี้ตัวพี่ก็มีชัย จะไปชำระองค์สรงสนาน
สระใหญ่ในท้องหิมพานต์ เป็นการศรีสวัสดิ์สถาวร

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ ตรัสแล้วขึ้นยังรถทรง พร้อมอนงค์วนิดาดวงสมร
ให้เลิกโยธาพลากร บทจรไปในพนาลี

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ เดินทางหว่างเขาลำเนาธาร ลุถึงหิมพานต์สระศรี
ให้หยุดพหลโยธี ประทับที่ชายป่าพนาวัน

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ จึ่งชวนอัคเรศดวงสมร กับอนงค์นิกรสาวสวรรค์
ลงจากรถแก้วแพร้วพรรณ จรจรัลลีลาศประพาสไป

ฯ ๒ คำ ฯ เพลง

สระบุหร่ง

๏ กรายกรเลียบสระลงสรง กับฝูงนาฏอนงค์น้อยใหญ่
น้ำสะอ้านใสสะอาดจำเริญใจ ดั่งสระทิพเทพไทสถาวร
ประกอบสรรพโกสุมปทุมมาลย์ ชูก้านบานผกาเกสร
แดงขาวดวงเขียวอรชร ขาบสีม่วงซ้อนสลับกัน
บ้างชูฝักดอกแฝงตูมแย้ม จงกลแกมแนมกอเผื่อนผัน
โกมุทสัตตบุษย์สัตตบรรณ ประชุมชั้นอุบลดวงบาน
เรณูร่วงในกระแสสินธุ์ วารินอาบรสหอมหวาน
ภุมเรศบินร่อนรำเพยพาน เคล้าซาบกุสุมาลย์มาลี
พระเด็ดดวงผกาบงกชมาศ ให้อนงค์นุชนาฏมเหสี
นางแหวกใบอุบลจงกลนี ถวายพระจักรีด้วยปรีดา
ฝ่ายสนมกรมกำนัลทั้งหลาย ก็ว่ายท่องชลธารฉานฉ่า
ชิงกันโผเก็บปทุมา สรวลระรี่เริงร่าในสาคร

ฯ ๑๒ คำ ฯ เพลงฉิ่ง

๏ ครั้นเสร็จชำระสระสรง ชวนองค์อัคเรศดวงสมร
กับหมู่อนงคนิกร บทจรขึ้นจากชลาลัย

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

๏ บัดนั้น ฝ่ายฝูงเสนาน้อยใหญ่
ทั้งพวกพหลพลไกร ก็ลงเล่นที่ในวาริน
บ้างฉวยฉุดยุดหยอกกันสับสน ดำด้นแหวกว่ายในสายสินธุ์
บ้างชิงฝักชักเหง้าบัวกิน กอดรัดฟัดดิ้นหนีกัน
บ้างขึ้นไม้ร่ายโจนลงนที อึงมี่สำรวลสรวลสันต์
เลี้ยวไล่ไต่ลวดลดาวัลย์ บ้างตีกันด้วยก้านปทุมา
บ้างถอนสาหร่ายสายบัว พันตัวทำสร้อยห้อยบ่า
เล่นจนสายัณห์เวลา ต่างขึ้นจากท่าวารี

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวบรมจักรกฤษณ์เรืองศรี
แต่เที่ยวประพาสพนาลี อยู่หลายราตรีทิวาวาร
ครั้นค่ำย่ำสีรวีวร ศศิธรส่องแจ้งแสงฉาน
ให้เลิกพลไกรชัยชาญ คืนยังราชฐานด้วยแสงจันทร์

กราวนอก ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

ชมดง

๏ เดินทางหว่างไศลไพรพฤกษ์ พิลึกด้วยเสียงสัตว์แซ่สนั่น
เค้ากู่กู่ก้องวังเวงวัน ระวังไพรฟังหวั่นวิเวกไพร
จักจั่นแจ้วเจื้อยเฉื่อยฉาน ดั่งพาทย์พิณประสานเสียงใส
เสนาะศัพท์สำเนียงเรไร จับใจเยือกเย็นวิญญาณ์
แสงจันทร์จำรัสเรื่อราง ส่องสว่างจับใบพฤกษา
สีระยับเลื่อมลายพรายตา[๔] ดั่งแสงแก้วมุกดาโอฬาฬาร
อันดอกไม้ที่รับศศิธร ก็แบ่งบานเกสรกลีบก้าน
พระพายพาเสาวรสสุคนธ์ธาร หอมหวานตลบอบดง
กระต่ายเต้นเล่นชมแสงจันทร์ มฤคาพากันมากินป่ง
ได้ยินแซ่เสียงจัตุรงค์ ก็ตื่นจากพุ่มพงกระเจิงจร
ฝ่ายฝูงสุรางค์นางสนม ชื่นชมสำราญสโมสร
เพลิดเพลินจำเริญใจสถาวร เร่งนิกรรีบมาในราตรี

ฯ ๑๒ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงนิเวศน์วังสถาน พอพระสุริย์ฉานจำรัสศรี
ให้หยุดรถรัตน์มณี ประทับที่เกยแก้วอลงกรณ์
จึงเสด็จย่างเยื้องยุรยาตร กับองค์อัครราชดวงสมร
พร้อมอนงค์ทรงโฉมอรชร บทจรขึ้นปราสาทรัตนา

ฯ ๔ คำ ฯ เพลงเร็ว



[๑] พิมพ์ตามฉบับพิมพ์ แต่ต้นฉบับหนังสือสมุดไทยเลขที่ ๕๖๙ เป็น “ฉลององค์ทองแสงฉานฉาย” ซึ่งน่าจะถูกต้องกว่า ทองแล่ง = ทองคำที่นำมาแล่งเป็นเส้นบางๆ เพื่อทอหรือปักผ้า

[๒] ทักกระทอ แก้ตามต้นฉบับหนังสือสมุดไทย ซึ่งตรงกันทุกฉบับ ฉบับพิมพ์เดิมชัทักกระทิง ทักกระทอ, ทักทอ = สัตว์ป่าหิมพานต์จำพวกหนึ่ง

[๓] จบต้นฉบับหนังสือสมุดไทยเลขที่ ๕๔๘ ขึ้นต้นฉบับสมุดไทยเลขที่ ๕๓๑ สอบเทียบกับต้นฉบับสมุดไทยเลขที่ ๕๖๘

[๔] เลื่อมลาย คงตามฉบับพิมพ์ในต้นฉบับหนังสือสมุดไทย ใช้ เลื่อมไล้ และเหลื่อมไหล

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ