ตอนที่ ๓๘ พระอุณรุทได้นางกินรี

๏ เมื่อนั้น นางแก้วกินรีนวลหง
ครั้นได้สัมผัสพระสุริย์วงศ์ ค่อยดำรงสติคืนมา
ลืมเนตรเห็นองค์พระทรงเดช เยาวเรศนบนิ้วเหนือเกศา
ทูลด้วยสุนทรวาจา ข้าบาทสุดทนพ้นประมาณ
ให้เจ็บขัดกลัดทรวงดวงจิต เห็นจะสิ้นชีวิตสังขาร
พระองค์ผู้ทรงปรีชาชาญ ขอประทานจงช่วยชีวัน

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระอุณรุทสุริย์วงศ์รังสรรค์
ฟังนางวอนว่ารำพัน ทรงธรรม์สงสารสลดใจ
ค่อยประคองต้ององค์นงลักษณ์ จะให้ครือมือหนักก็หาไม่
รับขวัญแล้วบัญชาไป เจ้าดวงใจผู้ทรงสวัสดี
ซึ่งเจ็บปวดฉันใดในกายน้อง ก็เหมือนเจ็บตกต้องกายพี่
จะฟูมฟักรักษาเทวี มิให้มารศรีบรรลัยลาญ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นางแก้วเยาวยอดสงสาร
ได้ฟังมธุรสพจมาน นงคราญทูลสนองพระบัญชา
อันความเจ็บปวดของข้านี้ ยิ่งทวีเทวษขึ้นหนักหนา
ถ้าพระองค์เจ้าทรงพระเมตตา จะได้รองบาทาสืบไป
ทูลได้เท่านั้นนงลักษณ์ สลักอกเจ็บพ้นทนไม่ได้
ก็สลบซบลงทันใด อรไทไม่รู้สมประดี

ฯ ๖ คำ ฯ โอด

ร่าย

๏ เมื่อนั้น พระอุณรุททรงสวัสดิ์รัศมี
เห็นโฉมนวลนางกินรี มารศรีไม่ติงกายา
ยิ่งแสนโศกสลดระทดจิต ทรงฤทธิ์ยอกรเหนือเกศา[๑]
ตั้งสัตย์อธิษฐานด้วยวาจา เดชะข้าผู้วงศ์อวตาร
จะระงับดับเข็ญเย็นยุค ให้โลกเป็นสุขเกษมศานต์
ขอจงฝูงเทพทุกวิมาน ในสถานถ้ำท่าอารัญ
ทั้งท้าวธตรศบรมนาถ วิรุณหกเทวราชรังสรรค์
วิรุณปักษ์กุเวรเทวัญ ทุกชั้นมาช่วยด้วยสัจจา
ให้มือข้าเป็นทิพย์โอสถ สำเร็จมโนรถปรารถนา
จะลูบลงยังองค์กินรา ที่ชอกช้ำกายาจงหายไป

ฯ ๑๐ คำ ฯ

ร่าย

๏ ครั้นเสร็จซึ่งสัตย์อธิษฐาน พระผู้ทรงปรีชาญอัชฌาสัย
ยอกรลูบองค์อรไท สัมผัสทั่วไปทั้งอินทรีย์

ฯ ๒ คำ ฯ ตระ

ร่าย

๏ เมื่อนั้น นางแก้วกินนรโฉมศรี
ครั้นพระองค์ผู้ทรงสวัสดี ภูมีลูบไล้ไปทั่วองค์
ที่เจ็บชํ้าก็หายสบายจิต ดังสุรามฤตมาโสรจสรง
ลืมเนตรขึ้นเห็นพระสุริย์วงศ์ อุ้มองค์สะพักใส่ตักไว้
ให้อดสูละอายแก่ใจนัก นงลักษณ์เลื่อนลงบังคมไหว้
กล่าวคำสุนทรทูลไป พระคุณภูวไนยพันทวี
เดชะด้วยได้พระเดช มาปกเกศร่มเกล้าเกศี
หาไม่ที่ไหนข้านี้ จะได้รอดชีวีคืนมา

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระทรงโฉมประโลมเสน่หา
ได้ฟังมธุรสพจนา ผ่านฟ้ารับขวัญแล้วตรัสไป
พี่ได้ออกวาจาได้แก่เจ้า ยุพเยาว์ผู้ยอดพิสมัย
ว่ารักนางพ่างเพียงดวงใจ แก้วตาตกไหนจะไปตาม
เห็นจริงหรือไม่วนิดา พี่สู้ลงเหวผาไม่เข็ดขาม
เพราะสวาทมาดน้องพะงางาม มิให้เสียความสัตย์ซึ่งพาที
นี่หากเจ้ารอดจึ่งรอดด้วย แม้นม้วยพี่จะม้วยด้วยโฉมศรี
ตรัสพลางสัพยอกไปในที ภูมีคว้าไขว่ไปมา

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ ทรงเอยทรงเดช พระจงโปรดเกศเกศา
เห็นแล้วว่าทรงพระเมตตา มาช่วยชีวาให้รอดไว้
แม้นรักใคร่ผูกพันอยู่ฉันนี้ พระคุณพ้นที่จะเปรียบได้
เกรงแต่เมื่อหน้าสืบไป จะละไว้ให้ได้อัประมาณ
ฝ่ายข้าก็จะชํ้าระกำนัก ด้วยรักไม่เป็นแก่นสาร
อะไรมาเลียมลองต้องพาน รำคาญชั่งไม่เวทนา
ว่าพลางสลัดปัดกร บังอรผินผันหันหน้า
หยิกข่วนผลักไสไปมา นัยนาค้อนคมเป็นที

ฯ ๘ คำ ฯ

โอ้โลม

๏ สุดเอยสุดสวาท วรนาฏเนื้อทิพย์ของพี่
อย่าหยิกข่วนนักเลยนะเทวี เสียดายเล็บมารศรีจะหักไป
ว่าพลางอิงแอบแนบชิด จุมพิตด้วยความพิสมัย
เชยดวงมณฑาสุมาลัย หอมหวานซ่านไปในวิญญาณ์
ปโรตเทวาพลาหก ดาลตกพรอยพรำทั้งเวหา
อสุนีสนั่นลั่นฟ้า เมขลาล่อแก้วแพร้วพราย
อันดวงปทุมมาลย์ก็บานแบ่ง รับแสงสุริยาจำรัสฉาย
เกสรร่วงโรยโปรยปราย แสนสำราญจิตกายทั้งสององค์

ฯ ๘ คำ ฯ กล่อม

ช้า

๏ เมื่อนั้น นางแก้วกินรีนวลหง
ได้ร่วมรสรักพระสุริย์วงศ์ โฉมยงสำราญฤทัย
ดั่งได้โสรจสรงอำมฤค สรวงสวรรค์กว้างลึกเย็นใส
นางแสนพิศวาสจะขาดใจ หลงใหลในหลานพระจักรี
ลืมคะนึงถึงสถานถ้ำทอง ลืมห้องเนาวรัตน์เรืองศรี
ลืมสี่นาฏน้องกินรี อันเป็นที่ร่วมรักวิญญาณ
ลืมคิดเคยกรองผกาชาติ ลืมประพาสมิ่งไม้ไพรสาณฑ์
ลืมสระมุจลินท์กสิณธาร ลืมสำราญทรงสร้อยมาลัย
แต่เฟี้ยมเฝ้าเคล้าองค์พระทรงฤทธิ์ ภิรมย์รักสนิทพิสมัย
พรายพริ้มยิ้มยวนภูวไนย มิได้นิราศคลาดคลา

ฯ ๑๐ คำ ฯ

ช้าปี่

๏ เมื่อนั้น พระทรงโฉมประโลมเสน่หา
ได้เสวยเชยรสภิรมยา ด้วยนางกินรานารี
ประหลาดล้ำสัมผัสเคยสมพาส เพียงสังวาสทิพย์เทพอัปสรศรี
สุดเกษมเปรมรสฤๅดี บันเทิงทวีฝ่ายฟุ้งระลุงลาน
ประคองเคล้าเฝ้าชมภิรมย์รื่น ปทุมทิพย์ชวยชี่นหอมหวาน
แนบชิดพิศวาสยุพินพาล ในสถานห้องเหวคีรินทร

ฯ ๖ คำ ฯ

ร่าย

๏ แล้วมีมธุรสพจนารถ ดูก่อนเยาวราชดวงสมร
ตัวพี่ขอถามนามบังอร กับสี่กินนรนั้นชื่อใด
เจ้าร่วมอุทรเดียวกัน หรือเป็นพันธมิตรพิสมัย
จึ่งทรงโฉมประโลมลานใจ งามวิไลคล้ายกันทุกนารี

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นวลนางกินราโฉมศรี
ได้ฟังพระราชวาที อัญชุลีสนองพระบัญชา
ตัวน้องนี้ทรงนามกร ชื่อแก้วกินนรเสน่หา
อันนางที่สองรองลงมา มีนามรัชฎาอรไท
ถัดนั้นชื่อสุวรรณนงลักษณ์ น้องรักร่วมสนิทพิสมัย
นวลนางที่สี่เรียงไป ทรามวัยชื่อจันทมาลี
อันน้องน้อยกินรีที่ห้า ชื่อมณฑาเกสรโฉมศรี
ร่วมพระบิตุเรศชนนี กับด้วยน้องนี้อันเดียวกัน
ขอเชิญพระองค์ทรงสวัสดิ์ ไปคูหารัตน์รังสรรค์
ขนิษฐานารีทั้งสี่นั้น จะได้บังคมคัลพระภูธร
ทั้งจะได้ชมถ้ำอลงกต บรรพตทิพเทพสิงขร
แสนสนุกโอฬาร์สถาวร ดั่งวิมานอมรในเมืองฟ้า

ฯ ๑๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระอุณรุทสุริย์วงศ์นาถา
ได้ฟังนวลนางกินรา แสนโสมนัสสาพันทวี
ด้วยสอดคล้องต้องราชประสงค์ จะได้พบอนงค์ทั้งสี่
พระแย้มยิ้มพริ้มพักตร์พาที เจ้าพี่ผู้ดวงหฤทัย
มิเสียแรงเป็นเชื้อชาวฟ้า พร้อมสติปัญญาอัชฌาสัย
มาเถิดเราจะพากันไป ยังในถ้ำแก้วอลงการ
ว่าพลางทางโอบอุ้มองค์ โฉมยงเยาวยอดสงสาร[๒]
สำแดงฤทธิ์ระเห็จเหาะทะยาน จากสถานห้องเหวคีรี

ฯ ๘ คำ ฯ เชิด

ร่าย

๏ ครั้นถึงซึ่งพื้นคูหา วางองค์กินรามารศรี
เหนือแฝนศิลามณี เป็นต้นวิถีทางจร

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นวลนางกินราดวงสมร
นบนิ้วดุษฎีชุลีกร เชิญเสด็จภูธรดำเนินไป

ฯ ๒ คำ ฯ เพลง

๏ ลดเลี้ยวตามตรอกซอกผา ชี้ช่องมรคาคูหาใหญ่
มาถึงถ้ำแก้วแววไว เชิญเข้าในห้องรูจี

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระสุริยวงศ์ทรงสวัสดิ์รัศมี
กุมกรนาฏน้องกินรี เสด็จโดยวิถีอันโอฬาร

ฯ ๒ คำ ฯ

สระบุหร่ง

๏ พิศห้องคูหาศิลาลาย โอภาสเลื่อมพรายฉายฉาน
ฝาผลึกลาดเลิศอลงการ แก้วประพาฬดาษพื้นเป็นเงางาม
มีแท่นเนาวรัตน์จำรัสร่วง เพดานดวงมุกดาเรืองอร่าม
บ้างเป็นพวงพู่ห้อยพลอยพลาม ดวงดาววาววามสว่างตา
ที่นอนนางบุปผามาลาลาด แสนสะอาดหอมหวนทั้งคูหา
จรุงรื่นชื่นรสสุคนธา ดั่งห้องทิพรัตนาสถาวร
ยิ่งพิศยิงเพลินจำเริญเนตร ทรงเดชโสมนัสสโมสร
พานางยูรยาตรวาดกร บทจรขึ้นแท่นรูจี

ฯ ๘ คำ ฯ เพลงฉิ่ง

๏ เมื่อนั้น ฝ่ายนางกินนรทั้งสี่
หนีพระองค์ผู้ทรงสวัสดี มาถึงที่อยู่เยาวมาลย์
ไม่เห็นพี่นางก็ต่างโศก แสนวิโยคพิศวงสงสาร
คอยหาจนพ้นเวลากาล สี่องค์นงคราญก็ร่ำไร

ฯ ๔ คำ ฯ

ช้าปี่

๏ โอ้ว่าอนิจจาพระพี่ ป่านฉะนี้จะไปหนไหน
จะสุดสิ้นชีวันบรรลัย หรือรอดไปถึงถํ้าอลงการ์[๓]
พระพิโรธโกรธเราว่าบินหนี ภูมีฆ่าเสียกระมังหนา
นิจจาเอ๋ยเคยเลี้ยงน้องมา มิให้เคืองวิญญาณ์อนาทร
ปกป้องพิทักษ์รักษาไว้ สิ่งไรไม่ควรก็วพร่ำสอน
คุณดังบิตุเรศมารดร สถาวรเป็นสุขมาด้วยกัน
ตั้งแต่นี้ไปจะแลลบ ดั่งเดือนดับสิ้นแสงรังสรรค์
ร่ำพลางโศกาจาบัลย์ ดั่งจะม้วยชีวันทั้งสี่องค์[๔]

ฯ ๘ คำ ฯ โอด

๏ เมื่อนั้น นางแก้วกินนรนวลหง
แสนสนิทพิศวาสพระสุริย์วงศ์ ใหลหลงเพลิดเพลินวิญญาณ์
แล้วคะนึงถึงนางกินรี ทั้งสี่ผู้เป็นขนิษฐา
จึงนบนิ้วกราบทูลพระยอดฟ้า น้องนี้ขอลาบทมาลย์
ไปหาสี่องค์นงลักษณ์ ยอดรักร่วมชีพสังขาร
จะมาได้ถึงถ้ำสุรกานต์ หรือนงคราญจะเห็นประการใด
แล้วจะกลับมารองฉลองบาท จะแรมนิราศอยู่ช้าก็หาไม่
ทูลแล้วย่างเยื้องคลาไคล จากแท่นอำไพรูจี

ฯ ๘ คำ ฯ เพลง

๏ ครั้นถึงห้องแก้วอลงกต เห็นนางกำสรดอยู่ทั้งสี่
จึ่งวิ่งเข้ากอดน้องร่วมชีวี โศกีครวญคร่ำรำพัน

ฯ ๒ คำ ฯ

โอ้

๏ โอ้สายสวาทของพี่เอ๋ย ทรามเชยผู้ยอดเฉลิมขวัญ
ครั้งนี้ดั่งตายจากกัน แล้วรอดชีวันคืนมา
เมื่อพระองค์เหาะไล่ใกล้เรา แทบทันพอเข้าคูหา
พี่สิ้นกำลังกายา ตกในเหวผากันดาร
แตกหักชอกช้ำเจ็บขัด สาหัสเวทนากล้าหาญ
แต่คะนึงถึงน้องนงคราญ ทั้งสี่เยาวมาลย์เป็นสุดคิด
พี่สลบซบไปไม่สมประดี เพียงชีวีวินาศขาดจิต
หากพระสุริย์วงศ์ทรงฤทธิ์ ช่วยชูชีวิตด้วยเมตตา
จึ่งได้รอดมาเห็นหน้าเจ้า ขวัญข้าวผู้ยอดเสน่หา
ร่ำพลางแสนโศกโศกา กัลยาเพียงสิ้นสมประดี

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นวลนางกินนรทั้งสี่
ได้ฟังพี่นางพาที มารศรีตีอกตกใจ
อนิจจามาตกเหวผา น้องจะแจ้งกิจจาก็หาไม่
สำคัญว่าพลัดไปแห่งใด พากันร่ำไห้เพียงวายปราณ
ไม่ควรเลยจะได้ลำบาก เจียนจากชีวิตสังขาร
เป็นบุญจึ่งไม่บรรลัยลาญ พี่น้องได้พานพบกัน
ร่ำพลางต่างฟายชลเนตร แสนเทวษโรยแรงกันแสงศัลย์
ทอดองค์อาทวาจาบัลย์ พ่างเพียงชีวันจะมรณา

ฯ ๘ คำ ฯ โอด

๏ เมื่อนั้น นางแก้วกินนรเสน่หา
ครั้นคลายวายเทวษโศกา จึ่งว่าแก่สี่กินนรี
บัดนี้พระองค์ทรงสวัสดิ์ มาอยู่ห้องนพรัตน์มณีศรี
เจ้าจงไปเฝ้าพระภูมี ยังที่แท่นแก้วอลงการ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น สี่กินรียอดสงสาร
ได้ฟังพี่นางนงคราญ จึ่งตอบพจมานไปทันใด
ซึ่งจะให้ไปเฝ้าพระภูมี น้องไม่รู้ที่จะไปได้
ให้ประหวั่นพรั่นจิตเป็นพ้นไป ด้วยกลัวภูวไนยอันศักดา[๕]

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นางแก้วกินนรเสน่หา
ปลอบพลางทางกล่าววาจา ว่าไยฉะนั้นนะเทวี
ซึ่งไม่ไปเฝ้าพระทรงฤทธิ์ ความผิดก็จะอยู่กับตัวพี่
ถึงฝ่ายข้างเจ้าก็ไม่ดี ภูมีจะน้อยหฤทัย
อันจะคิดผันฉันนี้เล่า ใช่เราจะหนีไปไหนได้
อย่าให้เคืองเบื้องบาทภูวไนย ทรามวัยจงฟังวาจา
ว่าแล้วก็พาอนงค์นาฏ เยาวราชทั้งสี่ขนิษฐา
ตามกันยุรยาตรคลาดคลา ไปห้องรัตนารูจี

ฯ ๘ คำ ฯ เพลงคร่ำครวญ

๏ ครั้นมาถึงองค์พระภูวเรศ น้อมเกศประณตบทศรี
สี่นางก้มพักตร์ไม่พาที เทวีสะเทินเขินใจ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระทรงโฉมประโลมพิสมัย
เห็นนางเฟี้ยมเฝ้าอยู่แต่ไกล ก้มพักตร์มิได้แลมา
พระยิ่งสุดแสนพิศวาส ทั้งสี่วรนาฏเสน่หา
จึ่งมีสุนทรวาจา ปราศรัยวนิดาด้วยยินดี

ฯ ๔ คำ ฯ

ชาตรี

๏ โฉมเอยโฉมเฉลา ยุพเยาว์แน่งน้อยมารศรี
ชาติเชื้อนางฟ้าธาตรี บุญพี่จึ่งได้พบพาน
เชิญเจ้ามาเถิดนะน้องรัก เยาวลักษณ์ผู้ยอดสงสาร
จงเห็นอกพี่บ้างนางนงคราญ พี่ทรมานไม่คิดแก่ชีวา
พยายามข้ามเขาลำเนาเนิน กันดารเดินแรมร้อนนอนป่า
แสนยากลำบากเวทนา เจ้าก้มหน้าเสียไยไม่พาที

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นวลนางกินนรทั้งสี่
ฟังรสพจนารถพระภูมี ดั่งวารีทิพมาเจือใจ
พ่างเพียงพระพายชายพัด สัมผัสรุกขชาติหวาดไหว
ให้แสนเสน่หาแลอาลัย อรไทนบนิ้วแล้วทูลมา
ซึ่งพระบัญชาว่าการุญ พระคุณล้นเกล้าเกศา
อันจะให้เข้าใกล้พระบาทา กลัวเดชผ่านฟ้าพันทวี
ว่าพลางถวายอภิวาท ลาองค์ภูวนาถเรืองศรี
ต่างชม้ายชายเนตรเป็นที จรลีไปห้องอลงการ

ฯ ๘ คำ ฯ เพลง

๏ เมื่อนั้น พระทรงโฉมประโลมสงสาร
แลสบนัยน์เนตรนงคราญ เสียวซ่านไปทั่วพระกายา
ยิ่งกระสันรัญจวนป่วนจิต ใคร่คิดในความเสน่หา
จึ่งมีมธุรสวาจา แก่แก้วกินราไปทันใด

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เจ้าเอยเจ้าพี่ มารศรีผู้ยอดพิสมัย
รักเจ้าเท่าเทียมดวงใจ มิใคร่ให้ขุ่นเคืองราคี
สุดเกรงสุดรักสุดกลั้น สาวสวรรค์จงเอ็นดูพี่
อันสี่ขนิษฐานารี พี่ขอเจ้าเถิดกัลยา
จะให้ร่วมใจร่วมทุกข์ ร่วมสุขด้วยกันทั้งห้า
อย่าน้อยใจพี่เลยวนิดา ช่วยชูชีวาให้ถาวร

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นางแก้วกินราดวงสมร
ฟังรสพจนารถภูธร ชุลีกรกราบทูลสนองไป
อันความซึ่งรักพระองค์นี้ สุดที่จะเปรียบประมาณได้
จนถึงชีวิตจิตใจ ถวายไว้ใต้เบื้องบาทา
ซึ่งประสงค์สี่องค์กินเรศ ตามแต่ทรงเดชจะปรารถนา
น้องมิได้ข้องขัดอัชฌา แต่ภายหน้าอย่าให้อัประมาณ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ นงเอยนงลักษณ์ น่ารักสุนทรอ่อนหวาน
พร้อมทั้งสติปรีชาชาญ ควรสถานอัครราชนารี
เจ้าอย่านึกแหนงแคลงใจ ที่จะไม่ควรชมสมศรี
ว่าพลางรับขวัญเทวี เสด็จจากแท่นที่อลงการ์

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ มาถึงห้องสุวรรณโอภาส เห็นสี่อนงค์นาฏขนิษฐา
เสด็จนั่งเหนืออาสน์โอฬาร์ แล้วมีบัญชาอันสุนทร

ฯ ๒ คำ ฯ

ชาตรี

๏ ขวัญเอยขวัญเนตร เยาวเรศชาติเชื้ออัปสร
นางใดในราชนคร หาเหมือนดวงสมรไม่เทียมทัน
ความพี่พิศวาสจะขาดใจ ในห้าอรไทสาวสวรรค์
ตั้งจิตคิดฝากชีวัน ควรหรือกัลยาไม่ปรานี
เจรจาด้วยยังไม่สิ้นคำ เจ้าแกล้งทารกรรมสวาทพี่
พากันหนีมาไม่พาที มารศรีเคืองแค้นด้วยอันใด

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น สี่นางเยาวยอดพิสมัย
ฟังรสพจนารถภูวไนย บังคมไหว้แล้วตอบพจมาน
ซึ่งพระสุริยวงศ์ทรงสวัสดิ์ ตรัสพรรณนาร่ำด้วยคำหวาน
ว่ารักข้าทั้งห้านงคราญ ผ่านฟ้าจะฝากชีวี
ข้อนี้สุดหวังจะหยั่งได้ จะเชื่อฟังภูวไนยก็ใช่ที่
อันพี่แก้วกินราของข้านี้ ก็อยู่ใต้ธุลีบาทา
พอเป็นเกือกทองฉลองบาท เพียงนั้นภูวนาถว่ามิสา
มาหลอนเลียมเทียมกล่าววาจา[๖] เป็นน่าเวทนาแก่น้ำใจ
ได้พี่แล้วยังข่มเหงน้อง บุกรุกถึงห้องก็ทำได้
น้อยจิตเพียงชีวิตจะบรรลัย นี่หรือภูวไนยว่าปรานี

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ ทรามเอยทรามสวาท นุชนาฏแน่งน้อยทั้งสี่
ว่าไยฉะนั้นนะเทวี เป็นประเวณีโลกธรรมดา
พี่น้องร่วมชีพร่วมครรภ์ ร่วมสามีกันก็หนักหนา
ภุมเรศย่อมจงเจตนา เกสรบุปผาสุมามาลย์
พี่มิได้รานรุกด้วยอุกอาจ หมายมาดจะให้เป็นแก่นสาร
จึ่งตามถึงถํ้าสุรกานต์ สี่องค์นงคราญอย่าน้อยใจ
ว่าพลางพระทางสัพยอก เย้าหยอกด้วยความพิสมัย
ยอกรลูบหลังอรไท เลียมลอดคว้าไขว่ไปมา

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น สี่นางกินนรเสน่หา
ต่างป้องปัดกรพระผ่านฟ้า ขวยเขินวิญญาณ์พันทวี
ฝ่ายนางสุวรรณกินนร กับเกสรมณฑามารศรี
ทั้งโฉมนางจันทมาลี เทวีก็พากันคลาไคล

ฯ ๔ คำ ฯ แขกมอญ

โลม

๏ เมื่อนั้น พระทรงโฉมประโลมพิสมัย
เห็นสามกินรายาใจ ต่างนางหนีไปตามกัน
ยังแต่รัชฎานารี ภูมีกุมกรไว้ได้มั่น
เกี่ยวกระหวัดรัดรวบพัลวัน รับขวัญเชยชมภิรมยา
ประคองดวงโกสุมจุมพิต เปรมปรางแนบสนิทนาสา
ฟ้าลั่นบันลือโลกา ฝนสวรรค์เซ็งซ่าสุธาธาร
อันดวงบุปผาผกากร ก็แบ่งบานเกสรหอมหวาน
สองสมชมรสอันโอฬาร เกษมศานต์โสมนัสสวัสดี

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ ครั้นเสร็จภิรมย์ชมสวาท วรนาฏรัชฎามารศรี
จึ่งเสด็จย่างเยื้องจรลี ไปห้องมณีนางสุวรรณ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ นั่งแนบแอบองค์นงลักษณ์ กรสะพักเชยโฉมประโลมขวัญ
ค่อยประคองต้องดวงบุษบัน เกษมสันต์ร่วมรสกรีฑา
ภมรเมาเคล้าซาบเรณูนวล สองสำราญซ่านหวนหรรษา
เสร็จแล้วกรายกรลีลา ไปหานางจันทมาลี

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ แต่เที่ยวภิรมย์ชมสวาท ขนิษฐานาฏอนงค์ทั้งสี่
แสนเกษมเปรมรสฤๅดี ในที่ถํ้าแก้วสุรกานต์

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น สี่นางเยาวยอดสงสาร
ร่วมรู้รสรักสัมผัสพาน ในหลานสมเด็จพระสี่กร
แสนสวาทประดิพัทธ์ผูกพัน เป็นมหันต์สุโขสโมสร
พิศวงหลงรสสถาวร บังอรแย้มยิ้มพริ้มพราย
ดั่งได้ทิพเทพสมบัติ พระลักษมีศรีสวัสดิ์โฉมฉาย
สำราญรื่นชื่นซาบสกนธ์กาย ลืมอายลืมองค์นงคราญ
อิงแอบแนบเคล้าพระทรงฤทธิ์ แสนสนิทปรีดิ์เปรมเกษมศานต์
หมอบเมียงเคียงเฝ้าบทมาลย์ สุนทรอ่อนหวานพาที

ฯ ๘ คำ ฯ

ช้า

๏ เมื่อนั้น พระอุณรุททรงสวัสดิ์ รัศมี
เกษมสมชมรสฤๅดี ด้วยสี่นวลนางกินรา
เพียงสรงสระทิพเทเวศ นคเรศแดนดาวดึงสา
เย็นซ่านซาบผิวพระกายา เกษมสุขมหาโอฬาฬาร
ยวนเย้าเคล้าละอองทองปทุม ผจงจุมพิตสวาทหอมหวาน
ตระกองเกยเชยช่อผกากาญจน์ บรรลานเสียดสร้อยสี่อนงค์
ประคองซ้ายย้ายลูบประโลมขวา เอนแอบแนบหน้านวลหง
สำราญเริงวิญญาณ์ทั้งห้าองค์ พิศวงหลงสวาทเปรมปรีดิ์

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ แล้วเสด็จย่างเยื้องยุรยาตร จากแท่นทิพมาศมณีศรี
ไปยังนางแก้วกินรี ทั้งสี่วรนาฏก็ตามมา

ฯ ๒ คำ ฯ เพลง

๏ ครั้นถึงห้องแก้วสุรกานต์ อันโอฬารล้วนด้วยบุปผา
เสด็จนั่งเหนืออาสน์รัตนา กินรารายล้อมประนมกร

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ทั้งห้าวนิดาดวงสมร
ภิรมย์รักภักดีต่อภูธร สถาวรเพลินเพลิดจำเริญใจ
แสนสนิทหลานพระองค์ทรงสุบรรณ จะได้รังเกียจกันก็หาไม่
ต่างเฟี้ยมเฝ้าบาทพระภูวไนย อรไทกราบทูลพระยอดฟ้า
แต่พระองค์มาอยู่หลายวัน มิได้เห็นช่องชั้นคูหา
ขอเชิญเสด็จลีลา ไปชมถ้ำรัตนาให้สำราญ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระทรงโฉมประโลมสงสาร
ได้ฟังทั้งห้าเยาวมาลย์ ผ่านฟ้าโสมนัสพันทวี
จึ่งกรายกรย่างเยื้องยุรยาตร จากอาสน์ห้องแก้วมณีศรี
ห้านางโดยเสด็จจรลี ทูลชี้ที่ทางบทจร

ฯ ๔ คำ ฯ เพลงแมลงภู่ทอง

๏ พระพิศเพ่งชมถ้ำสุวรรณรัตน์ แสนสว่างจำรัสประภัสสร
ผินพักตร์มาถามแก้วกินนร นั่นอะไรบังอรแวววาม
นางทูลว่าพู่ห้อยย้อยระยับ ทับทิมสลับเพชรเหลืองเรืองอร่าม
พระเคียงข้างหยอกเย้าพะงางาม ทรามวัยค้อนคมเป็นที
พระถามนางรัชฎายาใจ นั้นอะไรแจ่มจำรัสรัศมี
นางทูลว่าโลหิตมณี ส่องสีพรายจับกับโมรา
พระเย้าใกล้ไขว่คว้ายั่วยวน นางหยิกข่วนแล้วผันหันหน้า
พระยิ้มพลางถามสุวรรณกัลยา โน่นอะไรพรายตานะนงคราญ
นางทูลว่าศิลามหานิล กับโกมินแกมดวงมุกดาหาร
พระเลี้ยวลอดสอดคว้าปทุมมาลย์ นงคราญปัดกรภูวไนย
พระผินพักตร์ถามจันทกินนรี ที่เหลืองแวมแจ่มศรีนั้นเป็นไฉน
นางว่าบุษราคัมน้ำอุไร กับไพฑูรย์แววไวสลับกัน
พระลูบหลังจับแก้มแนมคาง นวลนางทำจริตผิดผัน
พระเหลียวถามสุมณฑาวิลาวัณย์ ที่เขียวนั้นอะไรวนิดา
นางว่ามรกตแกมประพาฬ โอฬารเลื่อมลายดั่งเลขา
พระเย้าหยอกห้านางกินรา เกษมสันต์หรรษาสถาวร

ฯ ๑๖ คำ ฯ

๏ ครั้นเสร็จชมถ้ำอลงกต บรรพตทิพเทพสิงขร[๗]
ก็พาทั้งห้ากินนร บทจรมาห้องรูจี

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ



[๑] เนื้อความตรงนี้ ในต้นฉบับหนังสือสมุดไทยทั้งสองฉบับ มีบอกเพลงแทรกไว้ว่า “ร้องกราวรำ”

[๒] ข้อความตั้งแต่ “ว่าพลางทางโอบอุ้มองค์-ครั้นถึงซึ่งพื้นคูหา” พิมพ์ตามฉบับพิมพ์เดิม ซึ่งตรงกับต้นฉบับหนังสือสมุดไทย เลซที่ ๕๔๕ แต่ความในฉบับเลขที่ ๕๓๕ ต่างออกไปว่า

“ว่าพลางทางโอบอุ้มองค์ โฉมยงเยาวยอดสงสาร
สำแดงฤทธิ์ระเห็จเหาะทะยาน จากสถานห้องเหวคิรินธร

ฯ ๘ คำ ฯ เชิดฉิ่ง

ปลิ่ม

๏ ลอยลิ่วปลิวขึ้นตามเปลวปล่อง ฉวากช่องวุ้งเวิ้งเชิงสิงขร
งามทรงงามองค์งามกินนร เพียงจะฟอนฝ่ายฟ้าลงมาดิน
งามเครื่องเรืองระยับจับคูหา งามสง่าเพียงราชปักษิณ
ประเวศจากถ้ำแก้วศิขริน โผผินขึ้นยังปัตพี

[๓] พิมพ์ตามฉบับพิมพ์เดิม ซึ่งตรงกับต้นฉบับหนังสือสมุดไทยเลขที่ ๕๔๕ แต่ในต้นฉบับหนังสือสมุดไทย เลขที่ ๕๓๕ ความต่างออกไปว่า

โอ้ช้า

๏ โอ้ว่าพระพี่ศรีสวัสดิ์ บินพลัดไปตำบลหนไหน
หรือพระอุณรุทวุฒิไกร จับตัวไว้ได้ในเมฆา

[๔] จบความในต้นฉบับหนังสือสมุดไทยเลขที่ ๕๓๕

[๕] จบความต้นฉบับหนังสือสมุดไทยเลขที่ ๕๔๕ ขึ้นต้นฉบับหนังสือสมุดไทยเลขที่ ๕๔๖ เนื้อความต่อจากนี้ตรวจสอบกับต้นฉบับสมุดไทยเลขที่ ๕๓๖ และ ๕๔๖

[๖] ต้นฉบับหนังสือสมุดไทย เลขที่ ๕๔๖ เป็น “มาลอนเลียมเทียมกล่าววาจา”

[๗] ฉบับพิมพ์ก่อนหน้านี้ คัดลอกกลอนบทนี้ตกไป ๑ บท จึงคัดลอกพิมพ์เพิ่มเติมลงไว้

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ