- คำนำ
- บทนำเรื่อง
- ที่มาของอนิรุทธคำฉันท์และบทละคอนเรื่องอุณรุท ของ ธนิต อยู่โพธิ์
- ตอนที่ ๑
- ตอนที่ ๒
- ตอนที่ ๓
- ตอนที่ ๔
- ตอนที่ ๕
- ตอนที่ ๖
- ตอนที่ ๗
- ตอนที่ ๘
- ตอนที่ ๙
- ตอนที่ ๑๐
- ตอนที่ ๑๑
- ตอนที่ ๑๒
- ตอนที่ ๑๓
- ตอนที่ ๑๔
- ตอนที่ ๑๕
- ตอนที่ ๑๖
- ตอนที่ ๑๗
- ตอนที่ ๑๘
- ตอนที่ ๑๙
- ตอนที่ ๒๐
- ตอนที่ ๒๑
- ตอนที่ ๒๒
- ตอนที่ ๒๓ ทศมุขพบพระอุณรุท
- ตอนที่ ๒๔
- ตอนที่ ๒๕
- ตอนที่ ๒๖
- ตอนที่ ๒๗
- ตอนที่ ๒๘
- ตอนที่ ๒๙
- ตอนที่ ๓๐
- ตอนที่ ๓๑
- ตอนที่ ๓๒
- ตอนที่ ๓๓
- ตอนที่ ๓๔
- ตอนที่ ๓๕
- ตอนที่ ๓๖
- ตอนที่ ๓๗
- ตอนที่ ๓๘
- ตอนที่ ๓๙
- ตอนที่ ๔๐
- ตอนที่ ๔๑
- ตอนที่ ๔๒
ตอนที่ ๓๘ พระอุณรุทได้นางกินรี
๏ เมื่อนั้น | นางแก้วกินรีนวลหง |
ครั้นได้สัมผัสพระสุริย์วงศ์ | ค่อยดำรงสติคืนมา |
ลืมเนตรเห็นองค์พระทรงเดช | เยาวเรศนบนิ้วเหนือเกศา |
ทูลด้วยสุนทรวาจา | ข้าบาทสุดทนพ้นประมาณ |
ให้เจ็บขัดกลัดทรวงดวงจิต | เห็นจะสิ้นชีวิตสังขาร |
พระองค์ผู้ทรงปรีชาชาญ | ขอประทานจงช่วยชีวัน |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระอุณรุทสุริย์วงศ์รังสรรค์ |
ฟังนางวอนว่ารำพัน | ทรงธรรม์สงสารสลดใจ |
ค่อยประคองต้ององค์นงลักษณ์ | จะให้ครือมือหนักก็หาไม่ |
รับขวัญแล้วบัญชาไป | เจ้าดวงใจผู้ทรงสวัสดี |
ซึ่งเจ็บปวดฉันใดในกายน้อง | ก็เหมือนเจ็บตกต้องกายพี่ |
จะฟูมฟักรักษาเทวี | มิให้มารศรีบรรลัยลาญ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นางแก้วเยาวยอดสงสาร |
ได้ฟังมธุรสพจมาน | นงคราญทูลสนองพระบัญชา |
อันความเจ็บปวดของข้านี้ | ยิ่งทวีเทวษขึ้นหนักหนา |
ถ้าพระองค์เจ้าทรงพระเมตตา | จะได้รองบาทาสืบไป |
ทูลได้เท่านั้นนงลักษณ์ | สลักอกเจ็บพ้นทนไม่ได้ |
ก็สลบซบลงทันใด | อรไทไม่รู้สมประดี |
ฯ ๖ คำ ฯ โอด
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | พระอุณรุททรงสวัสดิ์รัศมี |
เห็นโฉมนวลนางกินรี | มารศรีไม่ติงกายา |
ยิ่งแสนโศกสลดระทดจิต | ทรงฤทธิ์ยอกรเหนือเกศา[๑] |
ตั้งสัตย์อธิษฐานด้วยวาจา | เดชะข้าผู้วงศ์อวตาร |
จะระงับดับเข็ญเย็นยุค | ให้โลกเป็นสุขเกษมศานต์ |
ขอจงฝูงเทพทุกวิมาน | ในสถานถ้ำท่าอารัญ |
ทั้งท้าวธตรศบรมนาถ | วิรุณหกเทวราชรังสรรค์ |
วิรุณปักษ์กุเวรเทวัญ | ทุกชั้นมาช่วยด้วยสัจจา |
ให้มือข้าเป็นทิพย์โอสถ | สำเร็จมโนรถปรารถนา |
จะลูบลงยังองค์กินรา | ที่ชอกช้ำกายาจงหายไป |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
ร่าย
๏ ครั้นเสร็จซึ่งสัตย์อธิษฐาน | พระผู้ทรงปรีชาญอัชฌาสัย |
ยอกรลูบองค์อรไท | สัมผัสทั่วไปทั้งอินทรีย์ |
ฯ ๒ คำ ฯ ตระ
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | นางแก้วกินนรโฉมศรี |
ครั้นพระองค์ผู้ทรงสวัสดี | ภูมีลูบไล้ไปทั่วองค์ |
ที่เจ็บชํ้าก็หายสบายจิต | ดังสุรามฤตมาโสรจสรง |
ลืมเนตรขึ้นเห็นพระสุริย์วงศ์ | อุ้มองค์สะพักใส่ตักไว้ |
ให้อดสูละอายแก่ใจนัก | นงลักษณ์เลื่อนลงบังคมไหว้ |
กล่าวคำสุนทรทูลไป | พระคุณภูวไนยพันทวี |
เดชะด้วยได้พระเดช | มาปกเกศร่มเกล้าเกศี |
หาไม่ที่ไหนข้านี้ | จะได้รอดชีวีคืนมา |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระทรงโฉมประโลมเสน่หา |
ได้ฟังมธุรสพจนา | ผ่านฟ้ารับขวัญแล้วตรัสไป |
พี่ได้ออกวาจาได้แก่เจ้า | ยุพเยาว์ผู้ยอดพิสมัย |
ว่ารักนางพ่างเพียงดวงใจ | แก้วตาตกไหนจะไปตาม |
เห็นจริงหรือไม่วนิดา | พี่สู้ลงเหวผาไม่เข็ดขาม |
เพราะสวาทมาดน้องพะงางาม | มิให้เสียความสัตย์ซึ่งพาที |
นี่หากเจ้ารอดจึ่งรอดด้วย | แม้นม้วยพี่จะม้วยด้วยโฉมศรี |
ตรัสพลางสัพยอกไปในที | ภูมีคว้าไขว่ไปมา |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ ทรงเอยทรงเดช | พระจงโปรดเกศเกศา |
เห็นแล้วว่าทรงพระเมตตา | มาช่วยชีวาให้รอดไว้ |
แม้นรักใคร่ผูกพันอยู่ฉันนี้ | พระคุณพ้นที่จะเปรียบได้ |
เกรงแต่เมื่อหน้าสืบไป | จะละไว้ให้ได้อัประมาณ |
ฝ่ายข้าก็จะชํ้าระกำนัก | ด้วยรักไม่เป็นแก่นสาร |
อะไรมาเลียมลองต้องพาน | รำคาญชั่งไม่เวทนา |
ว่าพลางสลัดปัดกร | บังอรผินผันหันหน้า |
หยิกข่วนผลักไสไปมา | นัยนาค้อนคมเป็นที |
ฯ ๘ คำ ฯ
โอ้โลม
๏ สุดเอยสุดสวาท | วรนาฏเนื้อทิพย์ของพี่ |
อย่าหยิกข่วนนักเลยนะเทวี | เสียดายเล็บมารศรีจะหักไป |
ว่าพลางอิงแอบแนบชิด | จุมพิตด้วยความพิสมัย |
เชยดวงมณฑาสุมาลัย | หอมหวานซ่านไปในวิญญาณ์ |
ปโรตเทวาพลาหก | ดาลตกพรอยพรำทั้งเวหา |
อสุนีสนั่นลั่นฟ้า | เมขลาล่อแก้วแพร้วพราย |
อันดวงปทุมมาลย์ก็บานแบ่ง | รับแสงสุริยาจำรัสฉาย |
เกสรร่วงโรยโปรยปราย | แสนสำราญจิตกายทั้งสององค์ |
ฯ ๘ คำ ฯ กล่อม
ช้า
๏ เมื่อนั้น | นางแก้วกินรีนวลหง |
ได้ร่วมรสรักพระสุริย์วงศ์ | โฉมยงสำราญฤทัย |
ดั่งได้โสรจสรงอำมฤค | สรวงสวรรค์กว้างลึกเย็นใส |
นางแสนพิศวาสจะขาดใจ | หลงใหลในหลานพระจักรี |
ลืมคะนึงถึงสถานถ้ำทอง | ลืมห้องเนาวรัตน์เรืองศรี |
ลืมสี่นาฏน้องกินรี | อันเป็นที่ร่วมรักวิญญาณ |
ลืมคิดเคยกรองผกาชาติ | ลืมประพาสมิ่งไม้ไพรสาณฑ์ |
ลืมสระมุจลินท์กสิณธาร | ลืมสำราญทรงสร้อยมาลัย |
แต่เฟี้ยมเฝ้าเคล้าองค์พระทรงฤทธิ์ | ภิรมย์รักสนิทพิสมัย |
พรายพริ้มยิ้มยวนภูวไนย | มิได้นิราศคลาดคลา |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
ช้าปี่
๏ เมื่อนั้น | พระทรงโฉมประโลมเสน่หา |
ได้เสวยเชยรสภิรมยา | ด้วยนางกินรานารี |
ประหลาดล้ำสัมผัสเคยสมพาส | เพียงสังวาสทิพย์เทพอัปสรศรี |
สุดเกษมเปรมรสฤๅดี | บันเทิงทวีฝ่ายฟุ้งระลุงลาน |
ประคองเคล้าเฝ้าชมภิรมย์รื่น | ปทุมทิพย์ชวยชี่นหอมหวาน |
แนบชิดพิศวาสยุพินพาล | ในสถานห้องเหวคีรินทร |
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย
๏ แล้วมีมธุรสพจนารถ | ดูก่อนเยาวราชดวงสมร |
ตัวพี่ขอถามนามบังอร | กับสี่กินนรนั้นชื่อใด |
เจ้าร่วมอุทรเดียวกัน | หรือเป็นพันธมิตรพิสมัย |
จึ่งทรงโฉมประโลมลานใจ | งามวิไลคล้ายกันทุกนารี |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นวลนางกินราโฉมศรี |
ได้ฟังพระราชวาที | อัญชุลีสนองพระบัญชา |
ตัวน้องนี้ทรงนามกร | ชื่อแก้วกินนรเสน่หา |
อันนางที่สองรองลงมา | มีนามรัชฎาอรไท |
ถัดนั้นชื่อสุวรรณนงลักษณ์ | น้องรักร่วมสนิทพิสมัย |
นวลนางที่สี่เรียงไป | ทรามวัยชื่อจันทมาลี |
อันน้องน้อยกินรีที่ห้า | ชื่อมณฑาเกสรโฉมศรี |
ร่วมพระบิตุเรศชนนี | กับด้วยน้องนี้อันเดียวกัน |
ขอเชิญพระองค์ทรงสวัสดิ์ | ไปคูหารัตน์รังสรรค์ |
ขนิษฐานารีทั้งสี่นั้น | จะได้บังคมคัลพระภูธร |
ทั้งจะได้ชมถ้ำอลงกต | บรรพตทิพเทพสิงขร |
แสนสนุกโอฬาร์สถาวร | ดั่งวิมานอมรในเมืองฟ้า |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระอุณรุทสุริย์วงศ์นาถา |
ได้ฟังนวลนางกินรา | แสนโสมนัสสาพันทวี |
ด้วยสอดคล้องต้องราชประสงค์ | จะได้พบอนงค์ทั้งสี่ |
พระแย้มยิ้มพริ้มพักตร์พาที | เจ้าพี่ผู้ดวงหฤทัย |
มิเสียแรงเป็นเชื้อชาวฟ้า | พร้อมสติปัญญาอัชฌาสัย |
มาเถิดเราจะพากันไป | ยังในถ้ำแก้วอลงการ |
ว่าพลางทางโอบอุ้มองค์ | โฉมยงเยาวยอดสงสาร[๒] |
สำแดงฤทธิ์ระเห็จเหาะทะยาน | จากสถานห้องเหวคีรี |
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด
ร่าย
๏ ครั้นถึงซึ่งพื้นคูหา | วางองค์กินรามารศรี |
เหนือแฝนศิลามณี | เป็นต้นวิถีทางจร |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นวลนางกินราดวงสมร |
นบนิ้วดุษฎีชุลีกร | เชิญเสด็จภูธรดำเนินไป |
ฯ ๒ คำ ฯ เพลง
๏ ลดเลี้ยวตามตรอกซอกผา | ชี้ช่องมรคาคูหาใหญ่ |
มาถึงถ้ำแก้วแววไว | เชิญเข้าในห้องรูจี |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระสุริยวงศ์ทรงสวัสดิ์รัศมี |
กุมกรนาฏน้องกินรี | เสด็จโดยวิถีอันโอฬาร |
ฯ ๒ คำ ฯ
สระบุหร่ง
๏ พิศห้องคูหาศิลาลาย | โอภาสเลื่อมพรายฉายฉาน |
ฝาผลึกลาดเลิศอลงการ | แก้วประพาฬดาษพื้นเป็นเงางาม |
มีแท่นเนาวรัตน์จำรัสร่วง | เพดานดวงมุกดาเรืองอร่าม |
บ้างเป็นพวงพู่ห้อยพลอยพลาม | ดวงดาววาววามสว่างตา |
ที่นอนนางบุปผามาลาลาด | แสนสะอาดหอมหวนทั้งคูหา |
จรุงรื่นชื่นรสสุคนธา | ดั่งห้องทิพรัตนาสถาวร |
ยิ่งพิศยิงเพลินจำเริญเนตร | ทรงเดชโสมนัสสโมสร |
พานางยูรยาตรวาดกร | บทจรขึ้นแท่นรูจี |
ฯ ๘ คำ ฯ เพลงฉิ่ง
๏ เมื่อนั้น | ฝ่ายนางกินนรทั้งสี่ |
หนีพระองค์ผู้ทรงสวัสดี | มาถึงที่อยู่เยาวมาลย์ |
ไม่เห็นพี่นางก็ต่างโศก | แสนวิโยคพิศวงสงสาร |
คอยหาจนพ้นเวลากาล | สี่องค์นงคราญก็ร่ำไร |
ฯ ๔ คำ ฯ
ช้าปี่
๏ โอ้ว่าอนิจจาพระพี่ | ป่านฉะนี้จะไปหนไหน |
จะสุดสิ้นชีวันบรรลัย | หรือรอดไปถึงถํ้าอลงการ์[๓] |
พระพิโรธโกรธเราว่าบินหนี | ภูมีฆ่าเสียกระมังหนา |
นิจจาเอ๋ยเคยเลี้ยงน้องมา | มิให้เคืองวิญญาณ์อนาทร |
ปกป้องพิทักษ์รักษาไว้ | สิ่งไรไม่ควรก็วพร่ำสอน |
คุณดังบิตุเรศมารดร | สถาวรเป็นสุขมาด้วยกัน |
ตั้งแต่นี้ไปจะแลลบ | ดั่งเดือนดับสิ้นแสงรังสรรค์ |
ร่ำพลางโศกาจาบัลย์ | ดั่งจะม้วยชีวันทั้งสี่องค์[๔] |
ฯ ๘ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้น | นางแก้วกินนรนวลหง |
แสนสนิทพิศวาสพระสุริย์วงศ์ | ใหลหลงเพลิดเพลินวิญญาณ์ |
แล้วคะนึงถึงนางกินรี | ทั้งสี่ผู้เป็นขนิษฐา |
จึงนบนิ้วกราบทูลพระยอดฟ้า | น้องนี้ขอลาบทมาลย์ |
ไปหาสี่องค์นงลักษณ์ | ยอดรักร่วมชีพสังขาร |
จะมาได้ถึงถ้ำสุรกานต์ | หรือนงคราญจะเห็นประการใด |
แล้วจะกลับมารองฉลองบาท | จะแรมนิราศอยู่ช้าก็หาไม่ |
ทูลแล้วย่างเยื้องคลาไคล | จากแท่นอำไพรูจี |
ฯ ๘ คำ ฯ เพลง
๏ ครั้นถึงห้องแก้วอลงกต | เห็นนางกำสรดอยู่ทั้งสี่ |
จึ่งวิ่งเข้ากอดน้องร่วมชีวี | โศกีครวญคร่ำรำพัน |
ฯ ๒ คำ ฯ
โอ้
๏ โอ้สายสวาทของพี่เอ๋ย | ทรามเชยผู้ยอดเฉลิมขวัญ |
ครั้งนี้ดั่งตายจากกัน | แล้วรอดชีวันคืนมา |
เมื่อพระองค์เหาะไล่ใกล้เรา | แทบทันพอเข้าคูหา |
พี่สิ้นกำลังกายา | ตกในเหวผากันดาร |
แตกหักชอกช้ำเจ็บขัด | สาหัสเวทนากล้าหาญ |
แต่คะนึงถึงน้องนงคราญ | ทั้งสี่เยาวมาลย์เป็นสุดคิด |
พี่สลบซบไปไม่สมประดี | เพียงชีวีวินาศขาดจิต |
หากพระสุริย์วงศ์ทรงฤทธิ์ | ช่วยชูชีวิตด้วยเมตตา |
จึ่งได้รอดมาเห็นหน้าเจ้า | ขวัญข้าวผู้ยอดเสน่หา |
ร่ำพลางแสนโศกโศกา | กัลยาเพียงสิ้นสมประดี |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นวลนางกินนรทั้งสี่ |
ได้ฟังพี่นางพาที | มารศรีตีอกตกใจ |
อนิจจามาตกเหวผา | น้องจะแจ้งกิจจาก็หาไม่ |
สำคัญว่าพลัดไปแห่งใด | พากันร่ำไห้เพียงวายปราณ |
ไม่ควรเลยจะได้ลำบาก | เจียนจากชีวิตสังขาร |
เป็นบุญจึ่งไม่บรรลัยลาญ | พี่น้องได้พานพบกัน |
ร่ำพลางต่างฟายชลเนตร | แสนเทวษโรยแรงกันแสงศัลย์ |
ทอดองค์อาทวาจาบัลย์ | พ่างเพียงชีวันจะมรณา |
ฯ ๘ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้น | นางแก้วกินนรเสน่หา |
ครั้นคลายวายเทวษโศกา | จึ่งว่าแก่สี่กินนรี |
บัดนี้พระองค์ทรงสวัสดิ์ | มาอยู่ห้องนพรัตน์มณีศรี |
เจ้าจงไปเฝ้าพระภูมี | ยังที่แท่นแก้วอลงการ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สี่กินรียอดสงสาร |
ได้ฟังพี่นางนงคราญ | จึ่งตอบพจมานไปทันใด |
ซึ่งจะให้ไปเฝ้าพระภูมี | น้องไม่รู้ที่จะไปได้ |
ให้ประหวั่นพรั่นจิตเป็นพ้นไป | ด้วยกลัวภูวไนยอันศักดา[๕] |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นางแก้วกินนรเสน่หา |
ปลอบพลางทางกล่าววาจา | ว่าไยฉะนั้นนะเทวี |
ซึ่งไม่ไปเฝ้าพระทรงฤทธิ์ | ความผิดก็จะอยู่กับตัวพี่ |
ถึงฝ่ายข้างเจ้าก็ไม่ดี | ภูมีจะน้อยหฤทัย |
อันจะคิดผันฉันนี้เล่า | ใช่เราจะหนีไปไหนได้ |
อย่าให้เคืองเบื้องบาทภูวไนย | ทรามวัยจงฟังวาจา |
ว่าแล้วก็พาอนงค์นาฏ | เยาวราชทั้งสี่ขนิษฐา |
ตามกันยุรยาตรคลาดคลา | ไปห้องรัตนารูจี |
ฯ ๘ คำ ฯ เพลงคร่ำครวญ
๏ ครั้นมาถึงองค์พระภูวเรศ | น้อมเกศประณตบทศรี |
สี่นางก้มพักตร์ไม่พาที | เทวีสะเทินเขินใจ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระทรงโฉมประโลมพิสมัย |
เห็นนางเฟี้ยมเฝ้าอยู่แต่ไกล | ก้มพักตร์มิได้แลมา |
พระยิ่งสุดแสนพิศวาส | ทั้งสี่วรนาฏเสน่หา |
จึ่งมีสุนทรวาจา | ปราศรัยวนิดาด้วยยินดี |
ฯ ๔ คำ ฯ
ชาตรี
๏ โฉมเอยโฉมเฉลา | ยุพเยาว์แน่งน้อยมารศรี |
ชาติเชื้อนางฟ้าธาตรี | บุญพี่จึ่งได้พบพาน |
เชิญเจ้ามาเถิดนะน้องรัก | เยาวลักษณ์ผู้ยอดสงสาร |
จงเห็นอกพี่บ้างนางนงคราญ | พี่ทรมานไม่คิดแก่ชีวา |
พยายามข้ามเขาลำเนาเนิน | กันดารเดินแรมร้อนนอนป่า |
แสนยากลำบากเวทนา | เจ้าก้มหน้าเสียไยไม่พาที |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นวลนางกินนรทั้งสี่ |
ฟังรสพจนารถพระภูมี | ดั่งวารีทิพมาเจือใจ |
พ่างเพียงพระพายชายพัด | สัมผัสรุกขชาติหวาดไหว |
ให้แสนเสน่หาแลอาลัย | อรไทนบนิ้วแล้วทูลมา |
ซึ่งพระบัญชาว่าการุญ | พระคุณล้นเกล้าเกศา |
อันจะให้เข้าใกล้พระบาทา | กลัวเดชผ่านฟ้าพันทวี |
ว่าพลางถวายอภิวาท | ลาองค์ภูวนาถเรืองศรี |
ต่างชม้ายชายเนตรเป็นที | จรลีไปห้องอลงการ |
ฯ ๘ คำ ฯ เพลง
๏ เมื่อนั้น | พระทรงโฉมประโลมสงสาร |
แลสบนัยน์เนตรนงคราญ | เสียวซ่านไปทั่วพระกายา |
ยิ่งกระสันรัญจวนป่วนจิต | ใคร่คิดในความเสน่หา |
จึ่งมีมธุรสวาจา | แก่แก้วกินราไปทันใด |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เจ้าเอยเจ้าพี่ | มารศรีผู้ยอดพิสมัย |
รักเจ้าเท่าเทียมดวงใจ | มิใคร่ให้ขุ่นเคืองราคี |
สุดเกรงสุดรักสุดกลั้น | สาวสวรรค์จงเอ็นดูพี่ |
อันสี่ขนิษฐานารี | พี่ขอเจ้าเถิดกัลยา |
จะให้ร่วมใจร่วมทุกข์ | ร่วมสุขด้วยกันทั้งห้า |
อย่าน้อยใจพี่เลยวนิดา | ช่วยชูชีวาให้ถาวร |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นางแก้วกินราดวงสมร |
ฟังรสพจนารถภูธร | ชุลีกรกราบทูลสนองไป |
อันความซึ่งรักพระองค์นี้ | สุดที่จะเปรียบประมาณได้ |
จนถึงชีวิตจิตใจ | ถวายไว้ใต้เบื้องบาทา |
ซึ่งประสงค์สี่องค์กินเรศ | ตามแต่ทรงเดชจะปรารถนา |
น้องมิได้ข้องขัดอัชฌา | แต่ภายหน้าอย่าให้อัประมาณ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ นงเอยนงลักษณ์ | น่ารักสุนทรอ่อนหวาน |
พร้อมทั้งสติปรีชาชาญ | ควรสถานอัครราชนารี |
เจ้าอย่านึกแหนงแคลงใจ | ที่จะไม่ควรชมสมศรี |
ว่าพลางรับขวัญเทวี | เสด็จจากแท่นที่อลงการ์ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ มาถึงห้องสุวรรณโอภาส | เห็นสี่อนงค์นาฏขนิษฐา |
เสด็จนั่งเหนืออาสน์โอฬาร์ | แล้วมีบัญชาอันสุนทร |
ฯ ๒ คำ ฯ
ชาตรี
๏ ขวัญเอยขวัญเนตร | เยาวเรศชาติเชื้ออัปสร |
นางใดในราชนคร | หาเหมือนดวงสมรไม่เทียมทัน |
ความพี่พิศวาสจะขาดใจ | ในห้าอรไทสาวสวรรค์ |
ตั้งจิตคิดฝากชีวัน | ควรหรือกัลยาไม่ปรานี |
เจรจาด้วยยังไม่สิ้นคำ | เจ้าแกล้งทารกรรมสวาทพี่ |
พากันหนีมาไม่พาที | มารศรีเคืองแค้นด้วยอันใด |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สี่นางเยาวยอดพิสมัย |
ฟังรสพจนารถภูวไนย | บังคมไหว้แล้วตอบพจมาน |
ซึ่งพระสุริยวงศ์ทรงสวัสดิ์ | ตรัสพรรณนาร่ำด้วยคำหวาน |
ว่ารักข้าทั้งห้านงคราญ | ผ่านฟ้าจะฝากชีวี |
ข้อนี้สุดหวังจะหยั่งได้ | จะเชื่อฟังภูวไนยก็ใช่ที่ |
อันพี่แก้วกินราของข้านี้ | ก็อยู่ใต้ธุลีบาทา |
พอเป็นเกือกทองฉลองบาท | เพียงนั้นภูวนาถว่ามิสา |
มาหลอนเลียมเทียมกล่าววาจา[๖] | เป็นน่าเวทนาแก่น้ำใจ |
ได้พี่แล้วยังข่มเหงน้อง | บุกรุกถึงห้องก็ทำได้ |
น้อยจิตเพียงชีวิตจะบรรลัย | นี่หรือภูวไนยว่าปรานี |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ ทรามเอยทรามสวาท | นุชนาฏแน่งน้อยทั้งสี่ |
ว่าไยฉะนั้นนะเทวี | เป็นประเวณีโลกธรรมดา |
พี่น้องร่วมชีพร่วมครรภ์ | ร่วมสามีกันก็หนักหนา |
ภุมเรศย่อมจงเจตนา | เกสรบุปผาสุมามาลย์ |
พี่มิได้รานรุกด้วยอุกอาจ | หมายมาดจะให้เป็นแก่นสาร |
จึ่งตามถึงถํ้าสุรกานต์ | สี่องค์นงคราญอย่าน้อยใจ |
ว่าพลางพระทางสัพยอก | เย้าหยอกด้วยความพิสมัย |
ยอกรลูบหลังอรไท | เลียมลอดคว้าไขว่ไปมา |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สี่นางกินนรเสน่หา |
ต่างป้องปัดกรพระผ่านฟ้า | ขวยเขินวิญญาณ์พันทวี |
ฝ่ายนางสุวรรณกินนร | กับเกสรมณฑามารศรี |
ทั้งโฉมนางจันทมาลี | เทวีก็พากันคลาไคล |
ฯ ๔ คำ ฯ แขกมอญ
โลม
๏ เมื่อนั้น | พระทรงโฉมประโลมพิสมัย |
เห็นสามกินรายาใจ | ต่างนางหนีไปตามกัน |
ยังแต่รัชฎานารี | ภูมีกุมกรไว้ได้มั่น |
เกี่ยวกระหวัดรัดรวบพัลวัน | รับขวัญเชยชมภิรมยา |
ประคองดวงโกสุมจุมพิต | เปรมปรางแนบสนิทนาสา |
ฟ้าลั่นบันลือโลกา | ฝนสวรรค์เซ็งซ่าสุธาธาร |
อันดวงบุปผาผกากร | ก็แบ่งบานเกสรหอมหวาน |
สองสมชมรสอันโอฬาร | เกษมศานต์โสมนัสสวัสดี |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ ครั้นเสร็จภิรมย์ชมสวาท | วรนาฏรัชฎามารศรี |
จึ่งเสด็จย่างเยื้องจรลี | ไปห้องมณีนางสุวรรณ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ นั่งแนบแอบองค์นงลักษณ์ | กรสะพักเชยโฉมประโลมขวัญ |
ค่อยประคองต้องดวงบุษบัน | เกษมสันต์ร่วมรสกรีฑา |
ภมรเมาเคล้าซาบเรณูนวล | สองสำราญซ่านหวนหรรษา |
เสร็จแล้วกรายกรลีลา | ไปหานางจันทมาลี |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ แต่เที่ยวภิรมย์ชมสวาท | ขนิษฐานาฏอนงค์ทั้งสี่ |
แสนเกษมเปรมรสฤๅดี | ในที่ถํ้าแก้วสุรกานต์ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สี่นางเยาวยอดสงสาร |
ร่วมรู้รสรักสัมผัสพาน | ในหลานสมเด็จพระสี่กร |
แสนสวาทประดิพัทธ์ผูกพัน | เป็นมหันต์สุโขสโมสร |
พิศวงหลงรสสถาวร | บังอรแย้มยิ้มพริ้มพราย |
ดั่งได้ทิพเทพสมบัติ | พระลักษมีศรีสวัสดิ์โฉมฉาย |
สำราญรื่นชื่นซาบสกนธ์กาย | ลืมอายลืมองค์นงคราญ |
อิงแอบแนบเคล้าพระทรงฤทธิ์ | แสนสนิทปรีดิ์เปรมเกษมศานต์ |
หมอบเมียงเคียงเฝ้าบทมาลย์ | สุนทรอ่อนหวานพาที |
ฯ ๘ คำ ฯ
ช้า
๏ เมื่อนั้น | พระอุณรุททรงสวัสดิ์ รัศมี |
เกษมสมชมรสฤๅดี | ด้วยสี่นวลนางกินรา |
เพียงสรงสระทิพเทเวศ | นคเรศแดนดาวดึงสา |
เย็นซ่านซาบผิวพระกายา | เกษมสุขมหาโอฬาฬาร |
ยวนเย้าเคล้าละอองทองปทุม | ผจงจุมพิตสวาทหอมหวาน |
ตระกองเกยเชยช่อผกากาญจน์ | บรรลานเสียดสร้อยสี่อนงค์ |
ประคองซ้ายย้ายลูบประโลมขวา | เอนแอบแนบหน้านวลหง |
สำราญเริงวิญญาณ์ทั้งห้าองค์ | พิศวงหลงสวาทเปรมปรีดิ์ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ แล้วเสด็จย่างเยื้องยุรยาตร | จากแท่นทิพมาศมณีศรี |
ไปยังนางแก้วกินรี | ทั้งสี่วรนาฏก็ตามมา |
ฯ ๒ คำ ฯ เพลง
๏ ครั้นถึงห้องแก้วสุรกานต์ | อันโอฬารล้วนด้วยบุปผา |
เสด็จนั่งเหนืออาสน์รัตนา | กินรารายล้อมประนมกร |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ทั้งห้าวนิดาดวงสมร |
ภิรมย์รักภักดีต่อภูธร | สถาวรเพลินเพลิดจำเริญใจ |
แสนสนิทหลานพระองค์ทรงสุบรรณ | จะได้รังเกียจกันก็หาไม่ |
ต่างเฟี้ยมเฝ้าบาทพระภูวไนย | อรไทกราบทูลพระยอดฟ้า |
แต่พระองค์มาอยู่หลายวัน | มิได้เห็นช่องชั้นคูหา |
ขอเชิญเสด็จลีลา | ไปชมถ้ำรัตนาให้สำราญ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระทรงโฉมประโลมสงสาร |
ได้ฟังทั้งห้าเยาวมาลย์ | ผ่านฟ้าโสมนัสพันทวี |
จึ่งกรายกรย่างเยื้องยุรยาตร | จากอาสน์ห้องแก้วมณีศรี |
ห้านางโดยเสด็จจรลี | ทูลชี้ที่ทางบทจร |
ฯ ๔ คำ ฯ เพลงแมลงภู่ทอง
๏ พระพิศเพ่งชมถ้ำสุวรรณรัตน์ | แสนสว่างจำรัสประภัสสร |
ผินพักตร์มาถามแก้วกินนร | นั่นอะไรบังอรแวววาม |
นางทูลว่าพู่ห้อยย้อยระยับ | ทับทิมสลับเพชรเหลืองเรืองอร่าม |
พระเคียงข้างหยอกเย้าพะงางาม | ทรามวัยค้อนคมเป็นที |
พระถามนางรัชฎายาใจ | นั้นอะไรแจ่มจำรัสรัศมี |
นางทูลว่าโลหิตมณี | ส่องสีพรายจับกับโมรา |
พระเย้าใกล้ไขว่คว้ายั่วยวน | นางหยิกข่วนแล้วผันหันหน้า |
พระยิ้มพลางถามสุวรรณกัลยา | โน่นอะไรพรายตานะนงคราญ |
นางทูลว่าศิลามหานิล | กับโกมินแกมดวงมุกดาหาร |
พระเลี้ยวลอดสอดคว้าปทุมมาลย์ | นงคราญปัดกรภูวไนย |
พระผินพักตร์ถามจันทกินนรี | ที่เหลืองแวมแจ่มศรีนั้นเป็นไฉน |
นางว่าบุษราคัมน้ำอุไร | กับไพฑูรย์แววไวสลับกัน |
พระลูบหลังจับแก้มแนมคาง | นวลนางทำจริตผิดผัน |
พระเหลียวถามสุมณฑาวิลาวัณย์ | ที่เขียวนั้นอะไรวนิดา |
นางว่ามรกตแกมประพาฬ | โอฬารเลื่อมลายดั่งเลขา |
พระเย้าหยอกห้านางกินรา | เกษมสันต์หรรษาสถาวร |
ฯ ๑๖ คำ ฯ
๏ ครั้นเสร็จชมถ้ำอลงกต | บรรพตทิพเทพสิงขร[๗] |
ก็พาทั้งห้ากินนร | บทจรมาห้องรูจี |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
[๑] เนื้อความตรงนี้ ในต้นฉบับหนังสือสมุดไทยทั้งสองฉบับ มีบอกเพลงแทรกไว้ว่า “ร้องกราวรำ”
[๒] ข้อความตั้งแต่ “ว่าพลางทางโอบอุ้มองค์-ครั้นถึงซึ่งพื้นคูหา” พิมพ์ตามฉบับพิมพ์เดิม ซึ่งตรงกับต้นฉบับหนังสือสมุดไทย เลซที่ ๕๔๕ แต่ความในฉบับเลขที่ ๕๓๕ ต่างออกไปว่า
“ว่าพลางทางโอบอุ้มองค์ | โฉมยงเยาวยอดสงสาร |
สำแดงฤทธิ์ระเห็จเหาะทะยาน | จากสถานห้องเหวคิรินธร |
ฯ ๘ คำ ฯ เชิดฉิ่ง
ปลิ่ม
๏ ลอยลิ่วปลิวขึ้นตามเปลวปล่อง | ฉวากช่องวุ้งเวิ้งเชิงสิงขร |
งามทรงงามองค์งามกินนร | เพียงจะฟอนฝ่ายฟ้าลงมาดิน |
งามเครื่องเรืองระยับจับคูหา | งามสง่าเพียงราชปักษิณ |
ประเวศจากถ้ำแก้วศิขริน | โผผินขึ้นยังปัตพี |
[๓] พิมพ์ตามฉบับพิมพ์เดิม ซึ่งตรงกับต้นฉบับหนังสือสมุดไทยเลขที่ ๕๔๕ แต่ในต้นฉบับหนังสือสมุดไทย เลขที่ ๕๓๕ ความต่างออกไปว่า
โอ้ช้า
๏ โอ้ว่าพระพี่ศรีสวัสดิ์ | บินพลัดไปตำบลหนไหน |
หรือพระอุณรุทวุฒิไกร | จับตัวไว้ได้ในเมฆา |
[๔] จบความในต้นฉบับหนังสือสมุดไทยเลขที่ ๕๓๕
[๕] จบความต้นฉบับหนังสือสมุดไทยเลขที่ ๕๔๕ ขึ้นต้นฉบับหนังสือสมุดไทยเลขที่ ๕๔๖ เนื้อความต่อจากนี้ตรวจสอบกับต้นฉบับสมุดไทยเลขที่ ๕๓๖ และ ๕๔๖
[๖] ต้นฉบับหนังสือสมุดไทย เลขที่ ๕๔๖ เป็น “มาลอนเลียมเทียมกล่าววาจา”
[๗] ฉบับพิมพ์ก่อนหน้านี้ คัดลอกกลอนบทนี้ตกไป ๑ บท จึงคัดลอกพิมพ์เพิ่มเติมลงไว้