- คำนำ
- บทนำเรื่อง
- ที่มาของอนิรุทธคำฉันท์และบทละคอนเรื่องอุณรุท ของ ธนิต อยู่โพธิ์
- ตอนที่ ๑
- ตอนที่ ๒
- ตอนที่ ๓
- ตอนที่ ๔
- ตอนที่ ๕
- ตอนที่ ๖
- ตอนที่ ๗
- ตอนที่ ๘
- ตอนที่ ๙
- ตอนที่ ๑๐
- ตอนที่ ๑๑
- ตอนที่ ๑๒
- ตอนที่ ๑๓
- ตอนที่ ๑๔
- ตอนที่ ๑๕
- ตอนที่ ๑๖
- ตอนที่ ๑๗
- ตอนที่ ๑๘
- ตอนที่ ๑๙
- ตอนที่ ๒๐
- ตอนที่ ๒๑
- ตอนที่ ๒๒
- ตอนที่ ๒๓ ทศมุขพบพระอุณรุท
- ตอนที่ ๒๔
- ตอนที่ ๒๕
- ตอนที่ ๒๖
- ตอนที่ ๒๗
- ตอนที่ ๒๘
- ตอนที่ ๒๙
- ตอนที่ ๓๐
- ตอนที่ ๓๑
- ตอนที่ ๓๒
- ตอนที่ ๓๓
- ตอนที่ ๓๔
- ตอนที่ ๓๕
- ตอนที่ ๓๖
- ตอนที่ ๓๗
- ตอนที่ ๓๘
- ตอนที่ ๓๙
- ตอนที่ ๔๐
- ตอนที่ ๔๑
- ตอนที่ ๔๒
ตอนที่ ๗ กำเนิดพระอุณรุท และท้าวบรมจักรกฤษณ์เสด็จออกทรงบำเพ็ญพรต
ช้า
๏ เมื่อนั้น | พระไกรสุทสุริย์วงศ์รังสรรค์ |
กับนางรัตนาวิลาวัณย์ | ครอบครองไอศวรรย์อันโอฬาร |
สำราญรมย์ชมแสนมไหศูรย์ | สมบูรณ์ด้วยอนงค์เสน่หา |
ถ้วนหมื่นหกพันกัลยา | บำเรอผ่านฟ้าทุกนาที |
ดั่งองค์สมเด็จหัสนัยน์ | สถิตไพชนรัตน์มณีศรี |
พระเกียรติเลื่องหล้าธาตรี | ทุกบุรีครั่นครามขามฤทธิ์ |
แต่งสุวรรณบุปผาบรรณาการ | สร้อยสนสังวาลภูษิต |
มานบน้อมศิโรโมลิศ | ถวายฝากชีวิตพระทรงธรรม์ |
ประชากรอยู่เย็นเป็นสุข | พระนครแสนสนุกเกษมสันต์ |
ด้วยเดชหน่อพระองค์ทรงสุบรรณ | เป็นฉัตรแก้วกั้นโลกา |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ฝ่ายนางกำนัลถ้วนหน้า |
ล้วนทรงโฉมประโลมวิญญาณ์ | ลักขณาพริ้งพร้อมทุกนารี |
ก็ปันเวรเกณฑ์กันประจำการ | อยู่งานบำเรอบทศรี |
ลางหมู่โบกปัดพัดวี | เฟี้ยมเฝ้าข้างที่พระสุริย์วงศ์ |
ลางหมู่จับระบำรำถวาย | ด้วยวิลาสเยื้องกรายดำเนินหงส์ |
ลางหมู่ฝูงนาฏนางอนงค์ | ผสานพิณพาทย์ส่งสำเนียงนวล |
บ้างร้องรับเรื่อยเฉื่อยฉาน | ลำนำคำหวานโหยหวน |
กล่อมเกลี้ยงโอดพันครั่นครวญ | ให้ยั่วยวนพระทัยทรงธรรม์ |
จงรักภักดีสุจริต | จนถึงชีวิตชีวาสัญ |
บำรุงบำเรอไม่เว้นวัน | เป็นมหันต์มโหโอฬาร์ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | โฉมนางรัตนาเสน่หา |
เสวยสุขอยู่ทุกทิวา | ในไอศวรรยาสถาวร |
แสนสนิทพิศวาสไม่ขาดพักตร์ | บำเรอรักภิญโญสโมสร |
เฟี้ยมเฝ้าเคล้าคู่ด้วยภูธร | เป็นปิ่นนิกรนารี |
ร่วมภิรมย์ชมรสสังวาส | วรนาฏปรีดิ์เปรมเกษมศรี |
สิ้นกาลนานถึงกำหนดปี | เทวีทรงครรภ์พระโอรส |
ยิ่งจำเริญส่งศรีฉวีวรรณ | ผิวพักตร์เพียงจันทร์ทรงกลด |
สมบูรณ์พูนสุขอิสริยยศ | จนกำหนดถ้วนทศมาสตรา |
ถึงวันศุภฤกษ์รุณโณภาส | ลมกัมมัชวาตพัดกล้า |
ให้รัญจวนป่วนครรภ์กัลยา | เวทนาเร้ารุ่มกลุ้มกาย |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ฝูงนางกำนัลทั้งหลาย |
ชะแม่เถ้าแก่ขรัวยาย | ต่างตนวุ่นวายไม่สมประดี |
บ้างเข้าฝืนท้องประคองครรภ์ | แก้ไขแปรผันนางโฉมศรี |
บ้างวิ่งไปทูลพระภูมี | ยังที่ห้องแก้วอลงกรณ์ |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด[๑]
๏ เมื่อนั้น | พระไกรสุทสุริย์วงศ์ชาญสมร |
แจ้งว่าอัครราชบังอร | รัญจวนอุทรเวทนา |
ให้หวาดหวั่นตระหนกตกพระทัย | ด้วยอาลัยแสนสุดเสน่หา |
ลุกจากแท่นแก้วอลงการ์ | เสด็จมาที่อยู่นางเทวี |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นวลนางรัตนามารศรี |
พอองค์สมเด็จพระสามี | เสด็จมาถึงที่ตำหนักนาง |
ก็ประสูติพระโอรสราช | ด้วยฤทธิ์อำนาจไม่ขัดขวาง |
งามละอองผ่องผิวสารพางค์ | พระรูปร่างเทียมเทวกุมาร |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ฝ่ายชาวสังคีตขับขาน |
ก็ประโคมแตรสังข์กังสดาล | พิณพาทย์ประสานดนตรี |
ประโรหิตก็ลั่นฆ้องชัย | เสียงสนั่นหวั่นไหวอึงมี่ |
เหล่านางขับไม้มโหรี | ก็ดีดสีดุริยางค์ขึ้นพร้อมกัน |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ฝ่ายพระวงศารังสรรค์ |
เอาข่ายทองรองผ้าพื้นสุวรรณ | ชวนกันรับองค์พระกุมาร |
เชิญมาโสรจสรงในสาคร | ธารสุคนธ์เกสรหอมหวาน |
ชำระรดล้างสีราคีพาน | แล้ววางยังสถานยี่ภู่ทอง |
งามองค์งามทรงพระเยาวเรศ | พิมพ์เพศส่งศรีไม่มีสอง |
พักตร์พริ้มยิ้มยวนนวลละออง | ไตรโลกเล็งต้องจำเริญตา |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | องค์ท้าวไกรสุทนาถา |
เห็นโอรสราชกุมารา | ลักขณาประเสริฐเพริศเพรา |
ดั่งหนึ่งรูปทองทิพมาศ | เทเวศชาญฉลาดหล่อเหลา |
พักตรางามพร้อมกล่อมเกลา | สารพัดพริ้งเพราวิไลวรรณ |
พิศพิศพลางเพลินจำเริญรัก | พระทรงจักรเชยโฉมประโลมขวัญ |
ให้ชูชื่นพระทัยทรงธรรม์ | ดั่งได้เสวยสวรรค์วิมานฟ้า |
จึ่งตรัสสั่งชะแม่ผู้ใหญ่ | ให้จัดนางในพระวงศา |
ครบตำแหน่งพระนมตามตำรา | โอรสมหาจักรพรรดิ |
ทั้งอนงค์พื้นสกรรจ์สรรตระกูล | ที่สมบูรณ์สุริย์วงศ์พงศ์กษัตริย์ |
มีอัชฌาสัยสันทัด | จัดเป็นพี่เลี้ยงพระกุมาร |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวฉลองพระโอษฐ์ปรีชาหาญ |
นบนิ้วรับราชโองการ | ชุลีลาแล้วคลานออกมา |
จัดหมู่พระนมอนงค์นาง | วิไลลักษณ์รูปร่างโอ่อ่า |
ล้วนหกสิบสี่กัลยา | ล้วนสุริย์วงศาเสมอกัน |
ที่สูงต่ำดำขาวไม่เพราพร้อม | ทั้งนารีพีผอมก็เลือกสรร |
เว้นโทษหกสถานที่สำคัญ | โดยบรรพ์ระบอบบุราณกาล |
แล้วจัดนางพี่เลี้ยงล้วนทรงโฉม | เลิศลักษณ์ประโลมสงสาร |
ห้าร้อยแน่งน้อยยุพาพาล | มาถวายพระกุมารตามบัญชา |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระบรมจักรกฤษณ์นาถา |
แจ้งว่าสมเด็จพระนัดดา | ประสูติออกมาเป็นชาย |
มีความแสนโสมนัสนัก | ผิวพักตร์เพียงจันทร์จำรัสฉาย |
พระปีติซาบสารพางค์กาย | สมหมายจะให้สืบรพีพงศ์ |
จึ่งมีสุนทรวาจา | ชวนอัครชายานวลหง |
เสด็จยังพระหน่อสุริย์วงศ์ | ฝูงอนงค์กำนัลก็ตามไป |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ สถิตเหนือแท่นรัตโนภาส | กลางหมู่สนมนาฏน้อยใหญ่ |
พิศเพ่งเล็งโฉมพระดนัย | ดั่งดวงแขไขไม่ราคี |
งามสรรพสิ้นสารพางค์พักตร์ | สมวงศ์สมศักดิ์สมศรี |
อรชรอ้อนแอ้นทั้งอินทรีย์ | เป็นที่เฉลิมนัยนา |
ถึงพระขันธกุมาราราช | อันทรงอาสน์มยุเรศปักษา |
ก็ไม่ปานโฉมสวัสดิ์พระนัดดา | หกสวรรค์ชั้นฟ้าไม่เทียมทัน |
สองกษัตริย์เพ่งพิศแล้วพิศวง | ด้วยพิมพ์พักตร์รูปทรงพระหลานขวัญ |
แสนสวาทประดิพัทธ์ผูกพัน | เสมอกันกับดวงชีวี |
จึ่งตรัสประทานพระพี่เลี้ยง | อันร่วมเรียงพระวงศ์เรืองศรี |
ชื่อบรมธรรม์อันภักดี | พระพิจิตรผู้ปรีชาชาญ |
หนึ่งชื่อพระเพียรพิชัย | พระไตรดาวงศ์ใจหาญ |
ทั้งสี่ล้วนราชกุมาร | รอบรู้กิจการกษัตรา |
สำหรับโลมเลี้ยงพระสุริย์วงศ์ | อุ้มชูพระองค์ข้างหน้า |
ซื่อตรงจงรักพระนัดดา | ต่างใจต่างตาภูมี |
ประทานทั้งลูกอำมาตย์ | อันมีชาติตระกูลศักดิ์ศรี |
อายุสิบสามสิบสี่ปี | หมื่นหนึ่งใส่ที่บริวาร |
แล้วตรัสสั่งนางท้าวเถ้าแก่ | ชะแม่ผู้ปรีชาหาญ |
ให้บอกกันทุกพนักงาน | แต่งการสมโภชพระนัดดา |
ฯ ๑๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวนางผู้มียศถา |
นบนิ้วรับราชบัญชา | ชุลีลาแล้วคลานออกไป |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ จึ่งกะเกณฑ์กันให้จัดการ | ตามที่พนักงานน้อยใหญ่ |
บายศรีแว่นแก้วเทียนชัย | พิณพาทย์ขับไม้ดนตรี |
แล้วไปสั่งงานข้างหน้า | ให้มาตั้งอาสน์ลาดที่ |
ประชุมทั้งพฤฒาพราหมณ์ชี | เสร็จโดยพิธีครบครัน |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ ครั้นรุ่งสุริโยโอภาส | พระจักรกฤษณ์ธิราชรังสรรค์ |
กับองค์โอรสวิไลวรรณ | สองศรีแจ่มจันทร์วนิดา |
สี่กษัตริย์สระสรงทรงเครื่อง | อร่ามเรืองจับผิวพระมังสา |
ออกจากห้องแก้วอลงการ์ | เสด็จมายังที่พิธีการ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระพี่เลี้ยงเยาวยอดสงสาร |
ชำระสระสรงพระกุมาร | ด้วยน้ำหอมคู่สนานเทวัญ |
แล้วเชิญเสด็จพระเยาวราช | มาปราสาทภิเษกเฉลิมขวัญ |
ให้สถิตแท่นแก้วแพร้วพรรณ | กางกั้นเศวตฉัตรโมลี |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ ได้เอยได้ฤกษ์ | พระโหรให้เบิกบายศรี |
พนักงานลั่นฆ้องเข้าสามที | แตรสังข์ดนตรีอึงอล |
ชาวประโคมก็ประโคมฆ้องกลอง | พิณพาทย์กึกก้องกุลาหล |
ได้ศุภนิมิตมงคล | สุริยนทรงกลดในเมฆา |
พระครูประโรหิตก็จุดเทียน | ติดแว่นส่งเวียนไปเบื้องขวา |
รับกันเป็นอันดับมา | ในมหามณฑลพิธีการ |
ฝ่ายเทพธิดายุพาพักตร์ | อันบริรักษ์เศวตฉัตรฉายฉาน |
ก็โปรยทิพบุปผาสุมามาลย์ | บันดาลสำแดงให้เห็นองค์ |
ชีพ่ออ่านเวทพรหมา | ถวายอาเศียรพาทภิเษกสรง |
ริดรดพระหน่อสุริย์วงศ์ | โดยมงคลราชพิธีกรรม์ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ ครั้นถ้วนเจ็ดรอบโดยศาสตร์ | พฤฒามาตย์ดับเทียนเฉลิมขวัญ |
โอมอิศรเวทโบกควัน | ให้พระวงศ์เทวัญผู้ฤทธี |
เอาจุณเทียนเจิมเฉลิมพักตร์ | หน่อพระหริรักษ์เรืองศรี |
สมมติว่าเป็นสวัสดี | โดยคัมภีร์ไสยศาสตร์ถาวร |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวบรมจักรกฤษณ์ชาญสมร |
กับองค์อัครราชบังอร | จึ่งประทานนามกรพระนัดดา |
ชื่อว่าพระศรีอุณรุท | เฉลิมวงศ์จักรภุชนาถา |
ให้จำเริญศรีสวัสดิ์วัฒนา | ชัยตุมหาศักดาฤทธิ์[๒] |
ฝ่ายพระบิตุเรศมารดร | ก็อวยพรประกาศประกาศิต |
จงเป็นอิศโรโมลิศ | ปัจจามิตรระอาปราชัย |
เหล่าบรมตระกูลประยูรญาติ | แสนสนมอำมาตย์น้อยใหญ่ |
ต่างอำนวยอวยพรเลิศไกร | ให้แผ่เกียรติไปทั้งไตรดาล |
ลือเลื่องเรืองยศปรากฏฤทธิ์ | ทศทิศอย่ารอต่อต้าน |
สืบศักดิ์สุริย์วงศ์พระอวตาร | เป็นประธานกษัตริย์ทุกธานี |
ครั้นเสร็จสมโภชเฉลิมขวัญ | พระทรงธรรม์ธิราชเรืองศรี |
กับโอรสอัคเรศเทวี | พระวงศาเสนีโหรา |
ต่างตนชื่นชมโสมนัส | พูนสวัสดิ์ภิรมย์พร้อมหน้า |
ออกจากปราสาทแก้วแววฟ้า | กลับมาที่อยู่สำราญใจ |
ฯ ๑๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงผู้มีอัชฌาสัย |
ครั้นพระวงศ์ต่างองค์กลับไป | ก็เชิญพระดนัยยุพาพาล |
เสด็จมายังห้องไสยาสน์ | อันโอภาสประดับมุกดาหาร |
เชิญลงพระอู่อลงการ | ก็อยู่งานช้ากล่อมให้บรรทม |
ฯ ๔ คำ ฯ
ช้าลูกหลวง
๏ สรวมชีพพระทูลกระหม่อม | ควรเป็นจอมกษัตริย์สม |
ทรงงามพ่อทรามชม | เชิญบรรทมให้สำราญ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ นางใดในใต้หล้า | ใช่นางฟ้ายอดสงสาร |
จักมาทูลบทมาลย์ | ไม่ควรพานพระองค์เอย |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ โฉมพ่อนี้ตรีเนตร | หรือกมเลศครรไลหงส์ |
หรือโฉมทัดจันทร์ลง[๓] | มาโลมโลกย์ให้โศกสูญ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ถึงโฉมสามเป็นเจ้า | ผู้ปิ่นเกล้าจักไวกูณฐ์ |
ไม่เทียมโฉมพระทูล | กระหม่อมน้อยข้านี้เอย |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวบรมจักรกฤษณ์เรืองศรี |
เสวยไอศวรรยาธานี | ได้สองหมื่นปีโดยประมาณ |
พระปรีชาสอดส่องตรองคะนึง | คิดถึงอนิจจังสังขาร |
ทั้งพระกายก็เกือบชรากาล | เยี่ยมใกล้ข่ายมารมรณา |
ให้เหนื่อยหน่ายในราชสมบัติ | ใคร่ขจัดกามคุณทั้งห้า |
อันตัวกูอยู่ในพารา | จะจำศีลภาวนาไม่ชอบกล |
มิได้สงัดจิตวิเวก | สัลเลขละบาปบำรุงผล[๔] |
จะทิ้งวังไปยังอารญ | ก่อการกุศลจำเริญฌาน |
เป็นทางสุโขภิญโญยิ่ง | ผสมสิ่งเนื้อนาแก่นสาร |
เป็นสุวรรณเภตรานาวายาน | ไปสถานศิวโมกข์สถาวร |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ ตริแล้วจึ่งมีพจนารถ | แก่องค์อัครราชดวงสมร |
ตัวพี่ครอบครองพระนคร | สโมสรเป็นสุขด้วยกันมา |
สิ้นกาลนานนับหมื่นปี | ประชาชีปรีดิ์เปรมพร้อมหน้า |
บัดนี้ก็จวนจะชรา | คิดถึงกายาสังเวชใจ |
แม้นว่ามีศึกมัจจุราช | ไม่เห็นฤทธิ์เห็นญาติจะช่วยได้ |
พี่จะลาองค์อรไท | ออกไปอยู่ป่าหิมพานต์ |
สร้างพรตพิธีบำเพ็ญผล | ผจญข้าศึกซึ่งอาจหาญ |
อันไอศวรรยาสุธาธาร | ก็เป็นภารธุระพระลูกยา |
เจ้าค่อยอยู่เถิดนะนงลักษณ์ | โลมเลี้ยงหลานรักเสน่หา |
แม้นมีอันตรายโรคา | ระลึกถึงก็จะมายังธานี |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | องค์พระอัคเรศมเหสี |
ได้ฟังบัญชาพระสามี | เทวีอัดอั้นตันใจ |
ดั่งหนึ่งพระกาลพาลราช | มาฟันฟาดเศียรเกล้าไปได้ |
ชลเนตรคลอเนตรอรไท | จึ่งทูลตอบไปด้ายความรัก |
อนิจจาโอ้ว่าพระทูลกระหม่อม | จะจากจอมเกศไปเพียงอกหัก |
เมื่อใดจะได้เห็นพักตร์ | ใครจะเป็นปิ่นปักโมลี |
ได้ภิรมย์ร่มเกล้าแต่เยาว์มา | ไม่เคยคลาคลาดเบื้องบทศรี |
ไฉนพระมาตรัสดั่งนี้ | ผิดทางผิดที่บัญชาการ |
พระองค์จงได้โปรดเกศ | เชิญสถิตนิเวศน์ราชฐาน |
พระทัยปลงทรงศีลประสาททาน | ก็เป็นบุญแก่นสารเสมอกัน |
ซึ่งจะทิ้งข้าบาทอนาถไว้ | จะโหยไห้วิโยคโศกศัลย์ |
จะทนทุกข์ไปทุกคืนวัน | นางทูลรำพันแล้วโศกา |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวบรมจักรกฤษณ์นาถา |
เห็นองค์พระอัครชายา | พิไรร่ำวอนว่าพาที |
จึ่งลูบหลังตรัสปลอบด้วยความรัก | ดวงใจดวงจักษุพี่ |
ซึ่งจะลาเจ้าไปครั้งนี้ | คงจะคืนชีวีมาเห็นกัน |
มิใช่จะตายจากเจ้า | ขวัญข้าวเจ้าอย่ากันแสงศัลย์ |
อันกษัตริย์เยี่ยงอย่างแต่ปางบรรพ์ | ย่อมละไอศวรรย์ไปสร้างพรต |
จงศรีสวัสดิ์สถาวร | รักษาพระนครชนบท |
บำรุงพระราชโอรส | ให้คงทศธรรมประเวณี |
ตรัสแล้วเสด็จยุรยาตร | จากทองนพมาศเฉลิมศรี |
กรายกรย่างเยื้องจรลี | ไปปราสาทมณีพระลูกยา |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ ลดองค์ลงเหนือบัลลังก์รัตน์ | สำหรับทรงจักรพรรดินาถา |
ดั่งบรมพรหเมศวร์เสด็จมา | ยังมหาไพชนต์อลงกรณ์ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวไกรสุทสุริย์วงศ์ชาญสมร |
กับองค์อัครราชบังอร | เห็นพระบิดรผู้เรืองฤทธิ์ |
มายังมหาปราสาท | เสด็จเหนือสิงหาสน์ภัทรบิฐ |
สง่างามดั่งเทพนฤมิต | ก็ถวายอัญชุลิตด้วยปรีดา |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระตรีภพลบโลกนาถา |
จึ่งมีมธุรสวาจา | แก่โอรสายาใจ |
บิดามานี้จะลาเจ้า | ไปอยู่เขาหิมวาป่าใหญ่ |
ลูกรักจะครองเวียงชัย | ให้นิราแรมไข้ไภยัน |
จงสดับรับรสโอวาท | อย่าประมาทมืดมัวโมหัน |
จงสถิตในทางทศธรรม์ | เป็นหลักแก้วอันสถาวร |
สิบสิ่งสำหรับปรนนิบัติ | ประเทศท้าวจักรพรรดิมาแต่ก่อน |
สมเคราะห์มาตยาประชากร | สี่สิ่งบวรสวัสดี |
เอาเมตตาเป็นน้ำอำมฤก | กว้างลึกเย็นใสเกษมศรี |
ทั่วทั้งโลกาประชาชี | เป็นที่วิดหาบอาบกิน |
เอาทานซึ่งหว่านไปถ้วนหน้า | เป็นยาเลี้ยงโลกอย่ารู้สิ้น |
เอาศีลบริสุทธิ์ไม่ราคิน | เป็นอาสน์โกมินอันเพริศพราย |
เอาสิ่งสวัสดีวจีสัจ | เป็นฉัตรแก้วกั้นสุริย์ฉาย |
เอาจิตกลัวบาปหยาบคาย | เป็นภูษิตเลิศลายอลงกรณ์ |
บำรุงสุริย์วงศ์พงศ์ประยูร | ให้สมบูรณ์พูนสุขสโมสร |
เลี้ยงเหล่าอำมาตย์ราษฎร | ผันผ่อนโดยชอบระบอบธรรม์ |
ตัดโลภโอบอุ้มโลกา | ชักชวนไพร่ฟ้าสู่สวรรค์ |
เจ้าผู้สายทรวงดวงชีวัน | จงปกป้องครองกันให้จงดี |
ฯ ๑๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวไกรสุทสุริย์วงศ์เรืองศรี |
ได้ฟังพระปิ่นโมลี | มีความสลดระทดใจ |
รับพระโอวาทไว้เหนือเกศ | ชลเนตรแถวถั่งหลั่งไหล |
ทั้งนางรัตนาทรามวัย | สะอื้นไห้ครวญคร่ำรำพัน |
โอ้ว่าพระบิตุเรศเจ้า | พระคุณเคยปกเกล้าเกษมสันต์ |
ได้ร่มเย็นเป็นสุขทุกคืนวัน | ดั่งฉัตรแก้วกั้นทินกร |
ทีนี้จะทิ้งข้าไว้ | ไปอยู่หิมเวศสิงขร |
องค์เดียวเปลี่ยวใจภูธร | ลูกนี้อาวรณ์สังเวชนัก |
ด้วยไม่มีฝูงเฝ้าเหล่าอนงค์ | ใครจะรองบาทบงสุ์พระทรงจักร |
อยู่วังเคยพรั่งพร้อมพักตร์ | บำเรอรักสุโขมโหฬาร |
จะละสุขละแสนสิริยศ | สร้างพรตเอองค์น่าสงสาร |
จะไสยาสน์เหนืออาสน์ธุลีพาน | เสวยแต่ผลาหารอันหยาบคาย |
ลูกนี้แสนทุกข์ทุกข์ถึง | คิดคิดรำพึงแล้วใจหาย |
สองกษัตริย์รำพันบรรยาย | ฟูมฟายชลเนตรแล้วโศกา |
ฯ ๑๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวบรมจักรกฤษณ์นาถา |
เห็นองค์สมเด็จพระลูกยา | กับพระสุณิสาวิลาวัณย์ |
ครวญคร่ำร่ำว่าพาที | แสนทวีวิโยคโศกศัลย์ |
ให้อาลัยร้อนใจจาบัลย์ | แล้วแบ่งบั่นด้วยปรีชาชาญ |
จึ่งตรัสปลอบสองกษัตรา | เจ้าดวงชีวาสังขาร |
อย่ากันแสงโศกาอุราราน | ด้วยการจากกันแต่เพียงนี้ |
นัยจะกลับไปมาหากัน | จอมขวัญของพ่อทั้งสองศรี |
อุตส่าห์ปรนนิบัติพระชนนี | ผู้ปิ่นโมลีของลูกรัก |
เอาใจใส่ระไวระวังด้วย | จะได้ช่วยบำรุงอาณาจักร |
กับสนมกัลยายุพาพักตร์ | บริรักษ์เลี้ยงดูให้ชอบธรรม์ |
ตรัสแล้วเสด็จยุรยาตร | งามวิลาศดั่งเทพรังสรรค์ |
กลับมาปราสาทสุวรรณ | ทรงธรรม์เข้าที่สรงชล[๕] |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ พนักงานไขท่อปทุมทอง | วารีเป็นละอองฝอยฝน |
ทรงสุคนธ์ธารทิพเสาวคนธ์ | เครื่องต้นบรมจักรพรรดิ |
สอดทรงสนับเพลาขาวขจิต | เชิงงอนเชาวลิตปลายสะบัด |
ภูษาเครือก้านกาญจนรัตน์ | พื้นขาวแจ่มจัดฉลุลาย |
ชายแครงชายไหวสุวรรณวาม | กระหนกเปลวงอนงามวิเชียรฉาย |
ฉลององค์ทรงเศวตสุพรรณพราย | ทับทรวงสร้อยสายสังวาลวรรณ |
ตาบทิศเฟื่องห้อยมุกดาหาร | สะอิ้งเพชรแก้วประพาฬสลับคั่น |
พาหุรัดนพรัตน์ภุชงค์พัน | มังกรแก้วเกี้ยวกันเป็นทองกร |
ทรงมหาธำมรงค์ประดับเพชร | เรือนเก็จกาบแก้วเกสร |
มงกุฎทิพธารทัดกรรเจียกจอน | ขัดพระขรรค์ฤทธิรอนไพริน |
งามองค์งามทรงวิภูษิต | งามวิลาสชวลิตดั่งโกสินทร์ |
เสด็จจากอาสน์แก้วมณีนิล | ลินลามาเกยอลงการ |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ จึ่งระลึกตรึกถึงสุบรรณราช | อันเป็นพาหนะนาถตัวหาญ |
เราจะไปยังห้องหิมพานต์ | จงเคลื่อนคลาดจากสถานมาบัดนี้ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ฝ่ายพญาสุบรรณราชปักษี |
สถิตยังวิมานฉิมพลี | เป็นที่แสนสุขภิรมยา |
แจ้งด้วยโสตทิพศักดาเดช | ว่าพระวงศ์เทเวศถวิลหา |
ก็ออกจากวิมานรัตนา | รีบร่อนเร็วมาดั่งลมพาน |
ฯ ๔ คำ ฯ แผละ
๏ ครั้นถึงจึ่งลงปัฐพี | เทียบเกยมณีมุกดาหาร |
ประคองปีกประณตบทมาลย์ | พระผู้ผ่านธาตรีสี่กร |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวบรมจักรกฤษณ์ชาญสมร |
เห็นพญาสุบรรณฤทธิรอน | ภูธรชื่นชมด้วยสมคิด |
เล็งสรรพสารพางค์พาหนาศ | งามสะอาดดั่งเทพลิขิต |
เสด็จจากเกยแก้วชวลิต | ลงสถิตยังหลังพญาครุฑ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ ครุฑเอยครุฑทรง | เอกองค์สุบรรณเทวบุตร |
ประกอบด้วยกำลังฤทธิรุทร | คู่พระจักรภุชทรงจร |
ถีบทะยานผ่านขึ้นโพยมบน | แสงขนแลเลื่อมประภัสสร |
กางปีกบังสีรวีวร | ลอยร่อนเรื่อยเร็วในเมฆา |
งามอาสน์งามองค์พระทรงฤทธิ์ | โชติช่วงชวลิตทั้งเวหา |
ดั่งองค์บรมพรหมา | ทรงพญาหงส์ทองจรจรัล |
กระพือลมเพียงลมบรรลัยกาล | ทั่วทั้งจักรวาลก็ไหวหวั่น |
หมายมุ่งเขตเขาหิมวันต์ | ดันเมฆลอยมาด้วยฤทธี |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ ครั้นถึงหิมวาพนาเวศ | พระทรงเดชขับราชปักษี |
ตรงลงยังยอดคีรี | มีนามจิตกูฎบรรพต |
เขานั้นล้อมขอบอโนดาต | โอภาสด้วยแก้วอลงกต |
วุ้งเวิ้งเชิงชั้นเป็นหลั่นลด | ยอดเยี่ยมสูงจรดเมฆา |
ประดับด้วยหมู่ไม้อันรุ่นรื่น | ล้วนทรงผลพื้นบุปผา |
หอมตลบกลิ่นอบอยู่อัตรา | ภูมิฐานน้ำท่าชอบกล |
มีถํ้าผลึกอลงการ | เป็นที่สำราญจำเริญผล |
ก็ลงจากพาหนาศฤทธิรณ | จรดลเข้าห้องคูหารัตน์ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ ยอกรเหนือเกล้าเมาลี | สมาทานบารมีวจีสัตย์ |
ทรงศีลสำรวมมัธยัสถ์ | กำจัดโลภหลงดำรงธรรม์ |
เสวยแต่ผลาผลไม้ | สำราญหฤทัยเกษมสันต์ |
อยู่!ในถ้ำแก้วแพรวพรรณ | ดั่งบรรพตเทวัญศักดา |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ฝ่ายพญาสุบรรณปักษา |
ครั้นเสร็จส่งองค์พระจักรา | ก็กลับมาพิมานฉิมพลี |
ฯ ๒ คำ ฯ