- คำนำ
- บทนำเรื่อง
- ที่มาของอนิรุทธคำฉันท์และบทละคอนเรื่องอุณรุท ของ ธนิต อยู่โพธิ์
- ตอนที่ ๑
- ตอนที่ ๒
- ตอนที่ ๓
- ตอนที่ ๔
- ตอนที่ ๕
- ตอนที่ ๖
- ตอนที่ ๗
- ตอนที่ ๘
- ตอนที่ ๙
- ตอนที่ ๑๐
- ตอนที่ ๑๑
- ตอนที่ ๑๒
- ตอนที่ ๑๓
- ตอนที่ ๑๔
- ตอนที่ ๑๕
- ตอนที่ ๑๖
- ตอนที่ ๑๗
- ตอนที่ ๑๘
- ตอนที่ ๑๙
- ตอนที่ ๒๐
- ตอนที่ ๒๑
- ตอนที่ ๒๒
- ตอนที่ ๒๓ ทศมุขพบพระอุณรุท
- ตอนที่ ๒๔
- ตอนที่ ๒๕
- ตอนที่ ๒๖
- ตอนที่ ๒๗
- ตอนที่ ๒๘
- ตอนที่ ๒๙
- ตอนที่ ๓๐
- ตอนที่ ๓๑
- ตอนที่ ๓๒
- ตอนที่ ๓๓
- ตอนที่ ๓๔
- ตอนที่ ๓๕
- ตอนที่ ๓๖
- ตอนที่ ๓๗
- ตอนที่ ๓๘
- ตอนที่ ๓๙
- ตอนที่ ๔๐
- ตอนที่ ๔๑
- ตอนที่ ๔๒
ตอนที่ ๒๑ ท้าวไกรสุทประหารพระเพียรพิชัย
๏ เมื่อนั้น | ฝ่ายนางสุดาโฉมสวรรค์ |
กับฝูงสาวสนมกำนัล | โศกศัลย์เร่าร้อนอาวรณ์ใจ |
ด้วยองค์สมเด็จพระลูกเจ้า | มิให้เข้าไปรอพักตร์ได้ |
พระกรนั้นกุมพระขรรค์ชัย | องค์เดียวอยู่ในที่ไสยา |
ไม่สรงเสวยพระอาหาร | ทรมานโศกโทมนัสสา |
ผู้ใดใกล้ในเบื้องบาทา | ก็กริ้วโกรธไล่ฆ่าราตี |
ครามรักความกลัวเป็นสุดคิด | ร้อนจิตดั่งหนึ่งเพลิงจี้ |
ฝูงอนงค์องค์อัครเทวี | มิรู้ที่จะทำประการใด |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ นั่งปรับทุกข์กันเป็นเหล่าเหล่า | สร้อยเศร้าทุกข์ทนหม่นไหม้ |
แลลอดสอดดูอยู่แต่ไกล | เห็นมืดไปทั้งที่ไสยา |
ประทีปอัจกลับก็ดับสิ้น | คิดถวิลพระทัยกังขา |
จึ่งชวนนางกำนัลบริจา | ลีลาเข้าไปทันที |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ มิได้เห็นองค์พระเยาวราช | ในแท่นทิพมาศมณีศรี |
ยิ่งพะวงสงสัยพันทวี | ก็แยกไปทั่วที่ตำหนักจันทน์ |
ฯ ๒ คำ ฯ เพลง
๏ ต่างคนต่างคว้าหาจบ | ไม่พบพระยอดฟ้านราสรรค์ |
ต่างร่ำโศกาจาบัลย์ | พ่างเพียงชีวันจะมรณา |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ อันองค์อัคเรศเทวี | มเหสีผู้ยอดเสน่หา |
ข้อนทรวงเข้าทรงโศกา | พรรณนาครวญคร่ำร่ำไร |
ฯ ๒ คำ ฯ
โอ้
๏ โอ้ว่าพระมิ่งมงกุฎเกศ | ทรงเดชฟากฟ้าดินไหว |
พระเสด็จหนีน้องไปแห่งใด | อนาถใจเป็นพ้นพันทวี |
ทำไฉนจะแจ้งกิจจา | น้องได้ติดตามหาบทศรี |
มาทิ้งข้าบาทไว้ไม่ปรานี | ให้โศกีทนทุกข์อยู่ทุกวัน |
เป็นเหตุทั้งนี้ก็เพราะน้อง | เห็นกวางทองที่ในไพรสัณฑ์ |
รักใคร่ไหว้วอนพระทรงธรรม์ | ให้จับกวางสุวรรณอำไพ |
พระองค์ก็ตรัสทัดทาน | จะฟังพระบรรหารก็หาไม่ |
รำพันกันแสงร่ำไร | ความอาลัยน้องพันทวี |
เสด็จไปไล่ตามมฤคา | บุกชัฏลัดป่าพนาศรี |
พลัดพวกพหลโยธี | ภูมีได้ยากลำบากองค์ |
เพราะอาลัยนักรักเมีย | จึ่งเสียกายคลั่งไคล้ใหลหลง |
วันพรากพระประยูรสุริย์วงศ์ | สงสารพระองค์เป็นพ้นนัก |
รํ่าพลางสะท้อนถอนจิต | ดั่งศรพิษปักอกเพียงอกหัก |
กลิ้งเกลือกเสือกลงด้วยความรัก | นงลักษณ์สลบนิ่งไป |
ฯ ๑๔ คำ ฯ โอด
๏ บัดนั้น | นวลนางกำนัลน้อยใหญ่ |
ทั้งพระพี่เลี้ยงผู้ร่วมใจ | เห็นทรามวัยแน่นิ่งไม่ติงกาย |
คิดว่าสุดสิ้นชีวัน | ต่างตระหนกอกสั่นขวัญหาย |
บ้างวิ่งเข้ามาวุ่นวาย | พยุงองค์โฉมฉายแล้วโศกา |
โอ้อนิจจาพระแม่เจ้า | พระคุณเคยปกเกล้าเกศา |
จะมาดับสูญสิ้นชีวา | ทิ้งข้านี้ไว้ไม่ปรานี |
จงผินพักตร์มาตรัสประภาษก่อน | บังอรแม่ผู้เฉลิมศรี |
ร่ำพลางข้อนทรวงเข้าโศกี | เสียงมี่อื้ออึงคะนึงไป |
ฯ ๘ คำ ฯ โอด
๏ บ้างเอาเครื่องต้นสุคนธ์ธาร | อันมีกลิ่นหอมหวานเย็นใส |
โสรจสรงองค์อรไท | ก็ได้สมประดีคืนมา |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ จึ่งปลอบด้วยคำอันสุนทร | ดวงสมรเยาวยอดเสน่หา |
แม่อย่ากันแสงโศกา | ฟังคำพี่ว่านะนงลักษณ์ |
อันจะนิ่งโศกศัลย์อยู่ฉันนี้ | ใช่ที่จะพบพระทรงจักร |
จำจะทูลพระพงศ์หริรักษ์ | ให้แจ้งตระหนักเหตุการณ์ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นางสุดาเยาวยอดสงสาร |
ฟังพี่เลี้ยงกล่าวพจมาน | นงคราญสอดคล้องต้องใจ |
จึ่งระงับดับความโศกศัลย์ | พาฝูงกำนัลน้อยใหญ่ |
เสด็จลีลาคลาไคล | ไปเฝ้าพระชนกชนนี |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ ครั้นถึงจึ่งกอดเบื้องบาท | สองกษัตริย์ธิราชเรืองศรี |
สะอื้นพลางพลางทูลทันที | โดยมีเหตุผลแต่ต้นมา |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนี้สมเด็จพระลูกเจ้า | ผู้เป็นปิ่นเกล้าเกศา |
เสด็จอยู่ยังที่ไสยา | เมื่อเวลาประถมราตรี |
ข้าบาทเห็นเงียบสงัดอยู่ | พากันกับหมู่สาวศรี |
เข้าไปไม่เห็นภูมี | ก็เที่ยวค้นทั่วที่ตำหนักจันทน์ |
มิได้พบพานบาทบงสุ์ | องค์พระยอดฟ้านราสรรค์ |
เห็นแต่ใบบานบัญชรนั้น | เปิดอยู่เป็นอัศจรรย์ใจ |
สุดคิดที่จะติดตามหา | สุดปัญญาไม่รู้ว่าไปไหน |
ทูลพลางนางโศกาลัย | อรไทเพียงสิ้นสมประดี |
ฯ ๘ คำ ฯ โอด
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | สองกษัตริย์สุริย์วงศ์เรืองศรี |
ฟังพระสุณิสาพาที | ดั่งสุนีบาตมาฟาดกาย |
ซ่านซาบอาบไปด้วยพิษร้อน | อาวรณ์หวาดใจใจหาย |
ไม่อาจจำถ้อยคำบรรยาย | ซึ่งโฉมฉายทูลแจ้งกิจจา |
ศรโศกเสียบทรวงดวงจิต | เพียงสิ้นชีวิตสังขาร์ |
ลืมเนตรขึ้นถามกัลยา | เมื่อกี้เจ้าว่าประการใด |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นางสุดาเยาวยอดพิสมัย |
กันแสงพลางทูลสนองไป | โดยในเหตุผลทุกประการ |
ฯ ๒ คำ ฯ
โอ้ร่าย
๏ เมื่อนั้น | สองกษัตริย์สุริย์วงศ์มหาศาล |
ได้ฟังยิ่งแสนอาลัยลาน | ปิ้มปานจะเสียสมประดี |
ให้อัดอั้นตันทรวงแสนโศก | ด้วยวิโยคพระยอดเฉลิมศรี |
ชลนัยน์ไหลหลั่งลงทันที | ทวีทุกข์สุดทุกข์ระทมใจ |
ผุดลุกจากแท่นทั้งสององค์ | ปิ้มจะทรงพระกายมิใคร่ได้ |
ขืนจิตดำรงหฤทัย | รีบไปปราสาทพระลูกยา |
ฯ ๖ คำ ฯ เสมอ
เพลงเร็ว
๏ ครั้นถึงห้องแก้วอลงกต | พระทรงยศผันแปรแลหา |
เห็นแท่นเปล่าเปล่าจิตอาทวา | ไม่เห็นโอรสาวิลาวัณย์ |
สองพระองค์ทรงโศกแสนเทวษ | ชลเนตรนองเนตรกันแสงศัลย์ |
เร่าร้อนอุราจาบัลย์ | รำพันร่ำรักพระลูกชาย |
ฯ ๔ คำ ฯ
โอ้
๏ พระบิดาว่าโอ้เจ้าดวงจิต[๑] | ยิ่งยอดชีวิตสืบสาย |
ไฉนมานิราศคลาดคลาย | สูญหายจากพ่อไปทั้งเป็น |
พระชนนีว่าเพียงเจ้าเกิดมา | ไพร่ฟ้าธานีไม่มีเข็ญ |
เจ้าดวงเนตรบิตุเรศได้อยู่เย็น | เห็นไข้พ่อไข้ใจตาม |
เจ้าดวงหฤทัยของมารดา | จะปรารถนาสิ่งใดแม่ไม่ห้าม |
พ่อร่วมจิตบิดาพยายาม | ตามใจไม่ระคายเท่าใยยอง |
แม่เห็นถูกแดดก็กลัวช้ำ | พานลมต้องน้ำก็กลัวหมอง |
พ่อเลี้ยงไว้หวังได้ครอบครอง | ปกป้องโลกาธาตรี |
เจ้าแม่เอ๋ยเจ้าดวงประทีปแก้ว | มาสูญแล้วล่วงลับอับศรี |
เจ้าพ่อเอ๋ยจะมัวทั่วบุรี | จะมีแต่ร่ำไรด้วยความรัก |
โอ้เจ้ามาจากแม่จริงจริง | พ่อยอดมิ่งมงกุฎอาณาจักร |
รํ่าพลางข้อนทรวงเขาฮักฮัก | ซบพักตร์เกลือกกลิ้งไม่สมประดี |
ฯ ๑๒ คำ ฯ โอด
๏ บัดนั้น | นวลนางกำนัลสาวศรี |
เห็นสองพระองค์ทรงธรณี | แสนโศกโศกีสลบไป |
ต่างคนอาดูรพูนเทวษ | ชลเนตรแถวถั่งหลั่งไหล |
ทอดองค์กลิ้งเกลือกเสือกไป | โหยไห้อื้ออึงขึ้นพร้อมกัน |
แซ่เสียงโศกาพิศวาส | นิฤๅนาทด้วยกันแสงศัลย์ |
อุปมาดั่งป่าสาลวัน | ต้องยุคันธวาตพัดพาน |
ต่างสลบล้มพาดดาษดา | ทั้งมหานิวาสราชฐาน |
ผู้ใดไม่อาจทนทาน | เพียงทำลายลาญชีวาลัย |
สงัดเงียบเซียบเสียงโศกี | ไม่มีใครที่จะแก้ไข |
เป็นมหาวินาศอนาถใจ | สิ้นสมประดีไปทั้งนั้น |
ฯ ๑๐ คำ ฯ โอด
๏ บัดนั้น | ขันทีจ่าโขลนคนขยัน |
นั่งอยู่ที่เชิงอัฒจันทร์ | ได้ยินกันแสงโศกา |
ฟังดูรู้ว่าสองกษัตริย์ | โทมนัสร่ำรักโอรสา |
บัดเดี๋ยวแซ่เสียงกัลยา | โศกามี่อึงคะนึงไป |
ครู่หนึ่งก็สงบสงัดเงียบ | เซียบเสียงสำเนียงโหยไห้ |
ให้คิดฉงนสนเท่ห์ใจ | เป็นไฉนฉะนี้ประหลาดนัก |
ครั้นจะเข้าไปดูให้รู้เหตุ | ก็เกรงเดชพระองค์ทรงจักร |
อกสั่นหวั่นไหวอยู่ทึกทัก | วิ่งละล้าละลักวุ่นไป |
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด
๏ เรียกหาเจ้าจอมเถ้าแก่ | จะพบแต่สักคนก็หาไม่ |
กลับมาอัฒจันทร์ทันใด | เรียกซ้ำเข้าไปหลายครา |
ไม่มีผู้ใดใครขาน | ยิ่งรังเกียจการกังขาร์ |
แข็งใจพากันไคลคลา | เข้าในทวาราอันเพริศพราย |
เห็นฝูงนางล้มกลาดดาษอยู่ | พินิจพิศดูก็ใจหาย |
ลูบลงที่ตัวเจ้าขรัวนาย | กายนั้นยังอุ่นไม่วายปราณ |
จึ่งเอาวารีมาประพรม | ยานัตถุ์ยาดมอลหม่าน |
แก้ไขไปทุกนงคราญ | ก็บันดาลได้สมประดีมา |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ท้าวนางผู้มียศถา |
กับฝูงกำนัลกัลยา | ค่อยสร่างโศกาทุกนารี |
แต่สองกษัตริย์สุริย์วงศ์ | กับองค์สุณิสาโฉมศรี |
ยังแน่นิ่งไม่ติงอินทรีย์ | ฝูงอนงค์นารีก็ตกใจ |
จึ่งเอาพระสุคันธ์อันรื่นรส | ประสมกับโอสถเย็นใส |
ชโลมสามกษัตริย์ลงทันใด | ก็ได้สมประดีคืนมา |
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงทั้งสี่ข้างหน้า |
พร้อมกันอยู่นอกชาลา | ได้ยินเสียงโศกาวุ่นวาย |
แจ้งว่าสมเด็จพระลูกเจ้า | ผู้เป็นปิ่นเกล้าสูญหาย |
ตกใจตะลึงไปทั้งกาย | พ่างเพียงจะวายชีวาลัย |
สิ้นทั้งมหาดเล็กเด็กชา | เสนาบดีน้อยใหญ่ |
ชาววังชาวที่ตำรวจใน | ก็ร้องไห้เที่ยวหาเป็นโกลี |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | องค์ท้าวไกรสุทเรืองศรี |
แสนวิโยคโศกศัลย์โศกี | ทวีทุกข์ทุกข์ถึงพระลูกยา |
ให้ร้อนรุ่มสุมทรวงดวงจิต | เพียงสิ้นชีวิตสังขาร์ |
จึ่งเสด็จลีลาศยาตรา | ออกมายังท้องพระโรงคัล |
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
๏ เห็นเสนานั่งเป็นเหล่าเหล่า | กับพี่เลี้ยงโศกเศร้ากันแสงศัลย์ |
พระพิโรธโกรธกริ้วดั่งเพลิงกัลป์ | จึ่งมีบรรหารไปทันใด |
ดูก่อนพี่เลี้ยงทั้งสี่ | ตัวท่านผู้มีอัชฌาสัย |
กูสิไว้เนื้อเชื่อใจ | ดังดวงฤทัยนัยนา |
ลูกเราไปประพาสพนาสันฑ์ | พบกวางสุวรรณที่กลางป่า |
ก็รู้ว่าเป็นกลมารยา | ไม่ห้ามอนุชาของตน |
ให้ติดตามข้ามดงพงชัฏ | จนวิบัติอาเพศเหตุผล |
ครั้นกลับเข้ามาแต่อารญ | ก็พิกลโศกาจาบัลย์ |
ตัวท่านทั้งสี่ก็แจ้งอยู่ | กูได้กำชับกวดขัน |
ให้พิทักษ์รักษาระวังกัน | อย่าให้อันตรายสิ่งไร |
ทั้งสี่ละเมิดไม่นำพา | จนลูกยาเราหายไปได้ |
ตัวจะคิดอ่านประการใด | จงเร่งว่าไปบัดนี้ |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ฝ่ายพระพี่เลี้ยงทั้งสี่ |
ได้ฟังสิงหนาทวาที | เพียงสิ้นสมประดีลงพร้อมกัน |
ดำรงจิตกราบก้มบังคมทูล | นเรนทร์สูรธิราชรังสรรค์ |
ซึ่งลูกเจ้าไปเล่นอารัญ | พานพบสุวรรณมฤคา |
เห็นประหลาดไม่ห้ามนั้นโทษผิด | พระทรงฤทธิ์จงโปรดเกศา |
พอเสด็จมาถึงพารา | โศกาคลั่งคลุ้มสติไป |
ได้ตรวจตรากำชับกวดขัน | ผู้คนทั้งนั้นไม่หลับใหล |
ล้อมวังนั่งยามตามไฟ | ใครจะเข้ามาได้ก็ไม่มี |
ซึ่งพระองค์หายไปนี้ประหลาด | เห็นไม่เดินโดยราชวิถี |
ดีร้ายเหาะไปด้วยฤทธี | ภูมีจงทรงพระเมตตา |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | องค์ท้าวไกรสุทนาถา |
ได้ฟังพี่เลี้ยงทูลมา | ยิ่งโกรธาเสียวซ่านสารพางค์ |
ดังพญานาคราชชาติพาล | มีผู้ประหารขนดหาง |
ให้มืดมิดดั่งชีวิตจะวายวาง | ยิ่งพิโรธพ่างเพียงอัคคี |
จึ่งมีสิงหนาทผาดเสียง | เหม่อ้ายพี่เลี้ยงทั้งสี่ |
ยักย้ายถ่ายว่าเอาแต่ดี | กูจะผลาญชีวีให้บรรลัย |
ฯ ๖ คำ ฯ
ศัพท์ไท
๏ ว่าเอยว่าแล้ว | ชักพระขรรค์แก้วลุกไล่ |
กริ้วโกรธคือไฟ | บรรลัยกัปกัลป์ |
ฯ ๒ คำ ฯ
รื้อ
๏ ทั้งเอยทั้งสี่ | ครั้งนี้มึงจะม้วยอาสัญ |
จักได้เห็นกัน | แต่ในวันนี้ |
พวกอ้ายอาสัตย์ | กูจะตัดเกศี |
สำนวนมึงดี | วิ่งหนีไปไย |
ฯ ๔ คำ ฯ
รื้อ
๏ ทรงเอยทรงฤทธิ์ | โทษข้านี้ผิดเป็นข้อใหญ่ |
ขอชีวิตไว้ | อย่าให้จำตาย |
พี่เลี้ยงทั้งสี่ | เสนีใจหาย |
วิ่งล้มวุ่นวาย | มือฟายน้ำตา |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
รื้อ
๏ ได้เอยได้ฟัง | คลุ้มคลั่งพระทัยหนักหนา |
ไม่ให้ชีวา | มึงอย่าวิ่งไป |
เงื้อพระธำมรงค์ | ทรงขว้างทันใด |
ถูกเพียรพิชัย | ขาดใจมรณา |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด โอด
ร่าย
๏ แล้วจึ่งหยิบพระธำมรงค์ | ทรงนิ้วพระหัตถ์เบื้องขวา |
ก็เสด็จลีลาศยาตรา | เข้ามหาปราสาทรูจี |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ บัดนั้น | พระไตรดาวงศ์เรืองศรี |
พระบรมธรรม์ผู้ภักดี | พระพิจิตรผู้ปรีชาชาญ |
ครั้นเห็นพระเพียรพิชัย | บรรลัยสุดสิ้นสังขาร |
เข้ากอดศพโหยไห้อาลัยลาน | ประหารอกโศการักกัน |
ฯ ๔ คำ ฯ
โอ้
๏ โอ้พระพิชัยของน้องเอ๋ย | ไม่ควรเลยจะม้วยอาสัญ |
เจ้าหายยังไม่วายจาบัลย์ | ฤๅมาสิ้นชีวันเวทนา |
เสียแรงเราภักดีถึงชีวาตม์ | ต่อเบื้องบาทบรมนาถา |
ถนอมเลี้ยงลูกเจ้าแต่เยาว์มา | ลำบากกายวิญญาณ์ก็ไม่คิด |
หวังเป็นความชอบประกอบยศ | ฤๅมาแสนสาหสได้ความผิด |
จนถึงสูญสิ้นชีวิต | คิดคิดแล้วสุดสังเวชใจ |
นิจจาเอ๋ยเราเคยร่วมทุกข์ | ร่วมสุขร่วมสนิทพิสมัย |
เคยมีที่ประพาสแห่งใด | ก็ติดตามกันไปไม่คลาดคลา |
ปางเสด็จโพนไพรพฤกษาสาณฑ์ | เคยสำราญแรมร้อนนอนป่า |
เป็นเพื่อนยากเพื่อนไร้แต่ไรมา | เช้าเย็นเห็นหน้ากันทุกวัน |
ตั้งแต่นี้ไปจะหายพักตร์ | ร้างรักเสื่อมสุขเกษมสันต์[๒] |
จะแสนทุกข์แสนคะนึงถึงกัน | โศกาจาบัลย์ไม่เว้นวาย |
โอ้กรรมเอ๋ยกรรมมานำพราก | ให้ตายจากกันได้น่าใจหาย |
ร่ำพลางกลิ้งเกลือกเสือกกาย | สามองค์เพียงวายชีวี |
ฯ ๑๔ คำ ฯ โอด