- คำนำ
- บทนำเรื่อง
- ที่มาของอนิรุทธคำฉันท์และบทละคอนเรื่องอุณรุท ของ ธนิต อยู่โพธิ์
- ตอนที่ ๑
- ตอนที่ ๒
- ตอนที่ ๓
- ตอนที่ ๔
- ตอนที่ ๕
- ตอนที่ ๖
- ตอนที่ ๗
- ตอนที่ ๘
- ตอนที่ ๙
- ตอนที่ ๑๐
- ตอนที่ ๑๑
- ตอนที่ ๑๒
- ตอนที่ ๑๓
- ตอนที่ ๑๔
- ตอนที่ ๑๕
- ตอนที่ ๑๖
- ตอนที่ ๑๗
- ตอนที่ ๑๘
- ตอนที่ ๑๙
- ตอนที่ ๒๐
- ตอนที่ ๒๑
- ตอนที่ ๒๒
- ตอนที่ ๒๓ ทศมุขพบพระอุณรุท
- ตอนที่ ๒๔
- ตอนที่ ๒๕
- ตอนที่ ๒๖
- ตอนที่ ๒๗
- ตอนที่ ๒๘
- ตอนที่ ๒๙
- ตอนที่ ๓๐
- ตอนที่ ๓๑
- ตอนที่ ๓๒
- ตอนที่ ๓๓
- ตอนที่ ๓๔
- ตอนที่ ๓๕
- ตอนที่ ๓๖
- ตอนที่ ๓๗
- ตอนที่ ๓๘
- ตอนที่ ๓๙
- ตอนที่ ๔๐
- ตอนที่ ๔๑
- ตอนที่ ๔๒
ตอนที่ ๒๒ พระนารอทฤๅษีชุบชีวิตพระเพียรพิชัย
๏ มาจะกล่าวบทไป | ถึงบรมจักรกฤษณ์เรืองศรี |
สถิตยังจิตรกูฎคีรี | เป็นที่วิเวกวิญญาณ์ |
ทรงศีลสร้างพรตอดใจ | อยู่ในสัลเลขอุเบกขา |
บรรดาคนธรรพ์เทพา | นักสิทธ์วิทยาทั้งนั้น |
ย่อมมาเคารพอภิวาท | เบื้องบาทบรมรังสรรค์ |
กล่าวความถามทางคดีธรรม์ | เป็นนิรันดร์ล้วนสิ่งสวัสดี |
เสด็จเหนือแท่นทิพบรรจถรณ์ | อลงกรณ์ด้วยดวงมณีศรี |
เผอิญให้เร่าร้อนดั่งอัคคี | ภูมีไม่สบายวิญญาณ์ |
ฯ ๘ คำ ฯ
ร่าย
๏ จึ่งทรงรำพึงคะนึงนึก | รำลึกถึงโอรสา |
กับองค์พระราชนัดดา | อันอยู่ณรงกากรุงไกร |
นานแล้วมิได้ไปเยี่ยมดู | จะอยู่ดีมีทุกข์เป็นไฉน |
วันนี้จำกูจะเข้าไป | ยังในนคเรศอันโอฬาร |
คิดแล้วทรงเครื่องประดับกาย | จับพระขรรค์เพชรพรายฉายฉาน |
ออกจากถ้ำแก้วสุรกานต์ | งามปานดั่งองค์พระศุลี |
ฯ ๖ คำ ฯ เสมอ
๏ จึ่งคำนึงถึงพญาครุฑ | เทพบุตรสุบรรณปักษี |
อันเป็นพาหนาศภูมี | ให้มายังที่บรรพตา |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ฝ่ายพญาสุบรรณปักษา |
สถิตยังไพชนต์อลงการ์ | แจ้งจิตจินดาพระสี่กร |
ออกจากสิมพลีพิมานมาศ | อันโอภาสด้วยแก้วประภัสสร |
ถีบทะยานผ่านขึ้นยังอัมพร | เร็วร่อนมาลงยังคีรี |
ฯ ๔ คำ ฯ
แผละ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวบรมจักรกฤษณ์เรืองศรี |
เห็นพญาสุบรรณอันฤทธี | ภูมีชื่นชมภิรมยา |
จึ่งเสด็จขึ้นทรงสถิตนั่ง | ยังหลังแห่งราชปักษา |
งามเพียงบรมพรหมา | อันทรงมหาหงส์จร |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ ครุฑเอยครุฑทรง | อาจองดั่งพญาไกรสร |
กางปีกบังสีรวีวร | อัมพรมืดมนอนธการ |
บินโบยรีบหนักกวักละโยชน์ | อุโฆษเสียงกำลังลมประหาร |
เร็วเพียงพระพายพัดพาน | ข้ามมหาชลธารสมุทรไท |
พฤกษาศีขรินนิฤนาท | โลกธาตุครื้นครั่นหวั่นไหว |
ดั้นหมอกออกเมฆมาไวไว | ตรงไปยังกรุงณรงกา |
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึ่งประทับกับเกยแก้ว | แล้วลงจากราชปักษา |
เห็นหมู่อำมาตย์เสนา | โศกาว้าวุ่นไม่สมประดี |
แซ่เสียงสำเนียงนางกำนัล | โหยไห้สนั่นอึงมี่ |
สงสัยพระทัยพันทวี | ก็เสด็จจรลีเข้าไป |
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
๏ บัดนั้น | สามพี่เลี้ยงผู้มีอัชฌาสัย |
เห็นท้าวจักรกฤษณ์ฤทธิไกร | ภูวไนยทรงครุฑเสด็จมา |
ต่างคนชื่นชมด้วยสมหมาย | ดั่งตายแล้วคืนได้สังขาร์ |
ก็วิ่งไปกอดเบื้องบาทา | โศกาเพียงสิ้นชีวัน |
ฯ ๔ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้น | ท้าวบรมจักรกฤษณ์รังสรรค์ |
เห็นนัดดาสุริย์วงศ์พงศ์พันธุ์ | ตัวสั่นวิ่งมาแล้วโศกี |
จึ่งมีบรรหารสิงหนาท | ถามหลานรักราชทั้งสามศรี |
เหตุไฉนโศกศัลย์พันทวี | อึงมี่ไปทั้งพารา |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงผู้มียศถา |
น้อมเศียรกราบลงกับบาทา | แล้วทูลพรรณนาความ |
เดิมพระนัดดาภูวนาถ | เสด็จไปประพาสป่าใหญ่ |
เห็นกวางสุวรรณอำไพ | ในหน้าพลับพลารูจี |
นวลนางสุดายุพาพักตร์ | องค์อัคเรศมเหสี |
กราบทูลวิงวอนโศกี | ให้ภูมีล้อมจับมฤคา |
กวางนั้นหนีออกด้านพระองค์ | จึ่งทรงม้าติดตามไปในป่า |
ครั้นค่ำพักพลโยธา | นิทราอยู่ใต้ร่มไทร |
ตื่นขึ้นว่าได้เชยโฉม | นางหนึ่งประโลมพิสมัย |
กลับมาคลั่งคลุ้มแล้วหายไป | ในแท่นไสยาเมื่อราตรี |
พระบิตุรงค์ทรงพระพิโรธ | กริ้วโกรธข้าบาททั้งสี่ |
ฆ่าพระเพียรพิชัยผู้ภักดี | สุดสิ้นชีวีวายปราณ |
ขอพระภุชพงศ์ทรงเดช | โปรดเกศช่วยชีพสังขาร |
ระงับดับเหตุเภทพาล | ผ่านฟ้าจงได้เมตตา |
ฯ ๑๔ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | ท้าวบรมจักรกฤษณ์นาถา |
ได้ฟังสามราชนัดดา | โกรธาดั่งไฟบรรลัยกัลป์ |
กระทืบบาดผาดแผดสุรเสียง | สำเนียงอึงอื้อบันลือลั่น |
ดูดู๋ทำได้ให้ผิดธรรม์ | แต่ปางบรรพ์บูรราชประเวณี |
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | องค์ท้าวไกรสุทเรืองศรี |
แสนเทวษโศกศัลย์พันทวี | ได้ยินเสียงอึงมี่โกลา |
ก็แจ้งว่าสมเด็จภูวนาถ | บิตุรงค์ธิราชนาถา |
พระองค์เสด็จเข้ามา | ยังมหานิเวศน์วังใน |
ค่อยระงับโศกาอาวรณ์ | ที่เร่าร้อนทุกข์ทนหม่นไหม้ |
แล้วคิดถึงซึ่งล้างชีวาลัย | พระเพียรพิชัยวายปราณ |
ทั้งยินดีทั้งกลัวเป็นสุดคิด | ร้อนจิตดังเพลิงเผาผลาญ |
ออกจากปราสาทอลงการ | ไปเฝ้าบทมาลย์พระทรงธรรม์ |
ฯ ๘ คำ ฯ เสมอ
๏ ครั้นถึงจึ่งประณตบทบงสุ์ | องค์พระบิตุเรศรังสรรค์ |
พักตราเศร้าสร้อยจาบัลย์ | ดั่งดวงจันทร์มัวมืดในเมฆา |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวบรมจักรกฤษณ์นาถา |
เห็นองค์สมเด็จพระลูกยา | จึ่งมีบัญชาตรัสไป |
ดูก่อนเจ้ากรุงนคเรศ | เรืองเดชฟากฟ้าดินไหว |
อันองค์นัดดายาใจ | ก็นับในสุริย์วงศ์อวตาร |
เนื่องกันกับนารายณ์ไวยกูล | ประยูรเทวราชมหาศาล |
ทรงฤทธิ์ศักดาปรีชาชาญ | บุญญาธิการมากนัก |
ก็แจ้งอยู่สิ้นด้วยกัน | ทั้งมนุษย์เทวัญในไตรจักร |
สำหรับปราบอสูรหมู่ยักษ์ | ให้สิ้นเสี้ยนหลักในธาตรี |
มาตรแม้นถึงองค์พระอุณรุท | ราชบุตรสุดสวาทเฉลิมศรี |
จะอุบัติวิบัติบังเกิดมี | ตกไปในที่ตำบลใด |
ทั่วภพจบโลกทั้งหลาย | ใครจะทำอันตรายสิ่งใดได้ |
ประการหนึ่งอยู่ถึงข้างใน | หายไปกับแท่นไสยา |
เหตุใดจึ่งมากริ้วโกรธ | โทษสี่พี่เลี้ยงข้างหน้า |
ฆ่าเพียรพิชัยมรณา | นี่ฤๅว่าอยู่ในสัจธรรม์ |
ฯ ๑๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวไกรสุทสุริย์วงศ์รังสรรค์ |
ฟังพระบิตุรงค์ทรงสุบรรณ | ตัวสั่นเพียงสิ้นชนมาน |
จึ่งน้อมเศียรถวายอภิวาท | ทูลสนองพระราชบรรหาร |
ซึ่งลูกโมหันต์อันธพาล | ก่อการให้เคืองบาทา |
ฆ่าองค์พระเพียรพิชัย | โทษนี่ใหญ่หลวงหนักหนา |
ด้วยมิได้พิจารณา | ผ่านฟ้าจงโปรดปรานี |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวบรมจักรกฤษณ์เรืองศรี |
ยิ่งพิโรธโกรธนักดั่งอัคคี | จึ่งมีสิงหนาทตวาดไป |
เสียแรงเป็นวงศ์เทวัญ | จะอยู่ในยุติธรรม์ก็หาไม่ |
รักแต่ลูกตัวด้วยอันใด | วงศามิได้เมตตา |
ลุอำนาจโกรธพิโรธจิต | ผิดพงศ์จักรพรรดินาถา |
แม้นเพียรพิชัยไม่เป็นมา | จะมรณาตามกันไปวันนี้ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวไกรสุทสุริย์วงศ์เรืองศรี |
ได้ฟังดั่งสายอสุนี | มาฟอนฟาดอินทรีย์ขาดไป |
เสโทซึมซาบอาบองค์ | ปิ้มจะทรงสมประดีไว้มิได้ |
จึ่งดำริตริด้วยปรีชาไว | ใครหนอจะช่วยคิดการ |
รำลึกได้ว่าองค์พระดาบส | ผู้ทรงพรตปรีชากล้าหาญ |
วิทยาอาคมก็เชี่ยวชาญ | จำจะไปมัสการนิมนต์มา |
ตั้งกาลากิจพิธี | ช่วยชุบชีวีสังขาร์ |
คิดแล้วจึ่งมีบัญชา | ตรัสสั่งเสนาทันใด |
จงรีบออกไปยังอารญ | นิมนต์พระนารอทอาจารย์ใหญ่ |
เข้ามาในราชเวียงชัย | แต่ในเวลาวันนี้ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | จึ่งขุนธรรมการทั้งสี่ |
ก้มเกล้ารับราชวาที | ถวายอัญชุลีแล้วรีบจร |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ มาถึงซึ่งอาศรมบท | แทบเชิงมรกตสิงขร |
เห็นพระองค์ทรงสังวรณ์ | ก็เข้าไปยอกรมัสการ |
แจ้งว่าองค์ท้าวไกรสุท | มงกุฎณรงการาชฐาน |
ให้เข้ามาเชิญบทมาลย์ | องค์พระอาจารย์ผู้ศักดา |
กับคณะมหาโยคี | อันมีเวทญาณฌานกล้า |
ก็แจ้งความตามราชกิจจา | อย่าช้าจงรีบเข้าไป |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระนารอททรงญาณอาจารย์ใหญ่ |
แจ้งว่าสมเด็จพระภูวไนย | ให้นิมนต์เข้าไปยังธานี |
คว้าเครื่องอัจนากระลากิจ | เรียกหาสานุศิษย์อึงมี่ |
นุ่งผ้าคากรองเข้าทันที | ครองหนังพยัคฆีเหลืองลาย |
ฉวยได้นํ้าเต้าไม้เท้างอ | ประคำแขวนกับคอก็ว่าหาย |
หยิบเอาย่ามละว้ามาตะพาย | เหลียวขวาแลซ้ายวุ่นไป |
ถือทั้งตาลปัตรพัดตาล | ลนลานลงจากศาลาใหญ่ |
พร้อมหมู่โยคีชีไพร | ตามกันเข้าไปยังพารา |
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึ่งขึ้นบนปราสาท | นั่งอาสน์โดยซ้ายฝ่ายขวา |
แล้วปราศรัยไถ่ถามกิจจา | ให้นิมนต์รูปมาบัดนี้ |
ท้าวมีธุระกังวล | เป็นไฉนผู้คนจึ่งอึงมี่ |
องค์พระอัยกาธิบดี | ภูมีเข้ามาด้วยอันใด |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวจักรกฤษณ์ผู้มีอัชฌาสัย |
ยอกรมัสการท่านไท | แล้วตรัสตอบไปทันที |
ตัวโยมมาเยี่ยมประยูรญาติ | วงศาธิราชเรืองศรี |
เมื่อเวลาเช้าวันนี้ | ก็แจ้งความถ้วนถี่แต่เดิมมา |
ฝ่ายองค์ภูวไนยไกรสุท | มงกุฎนคเรศนาถา |
กราบลงแทบเบื้องบาทา | แล้วตรัสวอนว่าพระนักธรรม์ |
โยมโกรธพระเพียรพิชัย | ฤๅทัยว้าวุ่นหุนหัน |
ขว้างด้วยแหวนแก้วแพรวพรรณ | สุดสิ้นชีวันวายปราณ |
พระผู้อุดมบรมครู | เอ็นดูช่วยชีพสังขาร |
ตั้งกาลากิจพิทธีการ | ชุบชีวิตหลานให้เป็นมา |
ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจา
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | พระนารอทผู้ทรงสิกขา |
ยิ้มแล้วจึ่งตอบวาจา | ผ่านฟ้าอย่าร้อนรนใจ |
อันซึ่งพระเพียรพิชัยตาย | ยากง่ายอะไรจะชุบให้ |
จงจัดเครื่องอัจนาบูชาไฟ | ให้ต้องในตำรับพิธี |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | องค์ท้าวไกรสุทเรืองศรี |
ได้ฟังพระมหาโยคี | ยินดีดั่งได้ฟากฟ้า |
จึ่งมีบรรหารสิงหนาท | ตรัสสั่งอำมาตย์ซ้ายซวา |
จงแต่งเครื่องพิธีกาลา | โดยดั่งตำราพระอาจารย์ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | เสนีผู้ปรีชาหาญ |
ก้มเกล้ารับราชโองการ | ชุลีลาแล้วคลานออกไป |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
ยานี
๏ จึ่งตั้งโรงราชพิธี | เก้าห้องกว้างรีสูงใหญ่ |
มีเฉลียงชาลาพาไล | หลังคาดาดไปด้วยผ้าแดง |
ดาดเพดานห้อยพวงพู่พราย | ผูกม่านพรรณรายลายแย่ง |
หลุมยันต์กั้นข่ายตาชะแลง | ธงฉัตรจัดแจงเรียงรัน |
ทั้งธูปเทียนบุปผามาลี | พุ่มสุวรรณมณีสลับคั่น |
สุคนธากฤษณาจุณจันทน์ | บัดพลีสารพันอำไพ |
นมเนยรสาผลาหาร | หม้อใส่ชลธารเย็นใส |
ทั้งขันสัมฤทธิ์เจ็ดใบ | จัดไว้เสร็จโดยพระบัญชา |
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | พระนารอททรงญาณฌานกล้า |
กับหมู่คณะพระสิทธา | ครั้นได้เวลาอาหุดี |
ดูดวงสุริยาปรากฏ | ทรงกลดหมดเมฆจำรัสศรี |
จึ่งลุกจากอาสน์รูจี | พากันเข้าที่พิธีการ |
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
ชมตลาด
๏ ฝ่ายพระนารอทราชครู | ผู้ทรงปรีชากล้าหาญ |
นั่งริมหลุมยันต์เป็นประธาน | ตรวจการอัจนาบูชาไฟ |
เสร็จแล้วจึ่งให้ดาบส | นักพรตบริวารน้อยใหญ่ |
นั่งในเฉลียงพาไล | รายรอบกันไปทั้งแปดทิศ |
ตั้งสมาธิสังวรวิญญาณ์ | ปลงเป็นเอกาคตาจิต |
บริกรรมพระมนต์อันเรืองฤทธิ์ | โดยอิศรเวทสวัสดี |
ฯ ๖ คำ ฯ สาธุการ
๏ เดชะกสิณอภิญญาณ | กับโองการพระอิศวรเรืองศรี |
บันดาลพ่างพื้นปัฐพี | เสียงสนั่นอึงมี่โกลา[๑] |
ก็บังเกิดกูณฑ์กลางกระลาวาต | โอภาสเริงแรงแสงกล้า |
จึ่งเอาเครื่องกระลาอัจนา | อาหุดีบูชาลงไป |
จุดเทียนร้อยแปดขึ้นพร้อมกัน | ดุษฎีเทวัญน้อยใหญ่ |
ยกร่างพระเพียรพิชัย | วางในกระลากองกูณฑ์ |
ประกอบปราณตั้งที่ทั้งสี่ธาตุ | ให้สืบกับชีวาตม์อันขาดสูญ |
ด้วยฤทธิ์เวทศิวันบัณฑูร | ก็สมบูรณ์บังเกิดชีวิตมา |
จึ่งเอาน้ำในหม้อสัมฤทธิ์ | อันเสกประสิทธิ์ด้วยคาถา |
พรมลงในกองกาลา | ก็ดับด้วยศักดาทันที |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระเพียรพิชัยเรืองศรี |
ครั้นคืนชีวิตอินทรีย์ | ยินดีดั่งได้โสฬส |
มีกำลังกายไวว่อง | พักตร์ผ่องเพียงจันทน์ทรงกลด |
จึ่งน้อมเศียรเกล้าลงประณต | แทบบาทบงกชพระสิทธา |
แล้วกล่าวสรรเสริญเจริญเดช | ซึ่งพระองค์โปรดเกศเกศา |
มาช่วยชุบชีพชีวา | พระคุณลํ้าฟ้าแดนไตร |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระมหานารอทอาจารย์ใหญ่ |
ก็พาพระเพียรพิชัย | ออกไปจากโรงพิธี |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ ขึ้นยังมหาปราสาท | นั่งอาสน์สำหรับพระฤๅษี |
จำเพาะพักตร์สองกษัตรธิบดี | ท้าวพระยาเสนีพร้อมกัน |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวไกรสุทบรมรังสรรค์ |
เห็นหลานรักร่วมชีวัน | พระนักธรรม์ช่วยชุบเป็นมา |
มีความชื่นชมโสมนัส | ประนมหัตถ์เหนือเกล้าเกศา |
ตรัสสรรเสริญคุณพระสิทธา | เป็นอเนกมหาโอฬาฬาร |
แล้วมีมธุรสพจนารถ | ประภาษแก่นัดดาด้วยคำหวาน |
ซึ่งโกรธาฆ่าเจ้าวายปราณ | ด้วยบันดาลโมหันไม่ทันคิด |
ทั้งนี้สำหรับเคราะห์กรรม | ทำแล้วจึ่งเห็นว่าโทษผิด |
บัดนี้เจ้าคืนได้ชีวิต | อย่ามีจิตรังเกียจสืบไป |
ตรัสแล้วจึ่งเปลื้องสังวาลทรง | ออกจากพระองค์ประทานให้ |
ของนี้ควรค่ากรุงไกร | จงรับไว้เป็นศรีสวัสดี |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระเพียรพิชัยเรืองศรี |
กราบบาทพระองค์ทรงธรณี | ในที่ท่ามกลางเสนา |
รับมหาสังวาลเนาวรัตน์ | ด้วยใจโสมนัสหรรษา |
ภักดีเหมือนดั่งแต่หลังมา | ไม่เคียดแค้นฉันทาประการใด |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระนารอทผู้มีอัชฌาสัย |
เสร็จการอัจนาบูชาไฟ | ก็ลาสองภูวไนยธิบดี |
พระองค์จงอยู่เกษมสุข | อย่ามีทุกข์แผ้วพานบทศรี |
ว่าแล้วพาพวกโยคี | กลับไปยังที่หิมวันต์ |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
ช้า
๏ เมื่อนั้น | ท้าวบรมจักรกฤษณ์รังสรรค์ |
ครั้นหมู่คณะพระนักธรรม์ | พากันกลับไปศาลา |
จึ่งทรงพระดำริตริการ | ด้วยปรีชาชาญแกล้วกล้า |
ถึงพระยอดเยาวราชนัดดา | ผู้ร่วมชีวายาใจ |
อันองค์พระศรีอุณรุท | สุริวงศ์จักรภุชสูงใหญ่ |
อยู่ในห้องแก้วอำไพ | เป็นไฉนมาหายไปดังนี้ |
ดีร้ายเทวาพาจร | ไปโดยอัมพรวิถี |
ให้สมแก้วกัลยาณี | ในที่นิเวศน์กษัตรา |
อันทรงมหาศักดายศ | ปรากฏในทวีปแหล่งหล้า |
เหมือนหนึ่งสำคัญสัญญา | แต่ว่าไม่รู้บุรีใด |
จำจะยับยั้งคอยอยู่ | ให้รู้เหตุการณ์เป็นไฉน |
แม้นเกิดณรงค์ชิงชัย | ก็จะได้ไปช่วยราวี |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
ร่าย
๏ คิดแล้วจึ่งมีราชบรรหาร | ถามโหราจารย์ทั้งสี่ |
หลานเราหายไปบัดนี้ | ร้ายดีไม่แจ้งกิจจา |
ท่านผู้มีปรีชาญชำนาญรู้ | จงชำระดูชันษา |
จะสูญไปไม่ได้กลับมา | ฤๅว่าจะเป็นประการใด |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | จึ่งขุนโหราผู้ใหญ่ |
ได้ฟังบรรหารภูวไนย | บังคมไหว้รับราชวาที |
จึ่งตั้งชันษาพยากรณ์ | สอบใส่เคราะห์จรในราศี |
ขับไล่ไปตามคัมภีร์ | โดยวิธีมีครบอันชำนาญ |
พิเคราะห์ดูก็รู้แจ้งประจักษ์ | ในหลักคำนวณควณหาร |
จึ่งกราบทูลพระปิ่นสุธาธาร | โดยสถานพระเคราะห์ที่จรมา |
อันพระสุริวงศ์ทรงยศ | กำหนดในเกณฑ์ชันษา |
พระศุกร์มาพักรที่ลัคนา | ต้องตามตำราพยากรณ์ |
ว่ามีหญิงต่างเมืองเรืองเดช | เหาะผ่านหิมเวศสิงขร |
มาเชิญเสด็จบทจร | ไปทางอัมพรด้วยโฉมตรู |
ในพระหัศบดีคัมภีร์ใหญ่ | ทั้งโชคชัยเดือนปีก็ดีอยู่ |
อาทิตย์สถิตถึงครู | ราหูมาร่วมเรือนจันทร์ |
ว่าจะได้คู่สร้างนั้นนางฟ้า | ทรงเบญจกัลยาเฉิดฉัน |
ปลายเดือนอังคารจะมากันย์ | พระเคราะห์นั้นเป็นกาลกิณี |
ต้องจันทร์ทับเสาร์กำเนิด | ศุกร์เสิดมาร่วมราศี |
จะถึงซึ่งพันธนาราวี | แต่เห็นทีจะไม่เป็นไร |
อันศัตรูหมู่ร้ายพ่ายแพ้ | จะมีผู้ใหญ่แก้พระองค์ได้ |
จะจำเริญสวัสดีมีชัย | ได้องค์อรไทมาพารา |
ฯ ๑๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวบรมจักรกฤษณ์นาถา |
ฟังท้าวไกรสุทผู้ศักดา | ได้ฟังโหราพยากรณ์ |
ค่อยสว่างสร่างโศกโสมนัส | สองกษัตริย์ชื่นชมสโมสร |
จึ่งเสด็จย่างเยื้องบทจร | ก็กรายกรเข้าปราสาทรูจี |
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
[๑] ใช้ตามต้นฉบับหนังสือสมุดไทยเลขที่ ๕๖๐ ต้นฉบับหนังสือสมุดไทยเลขที่ ๕๘๘ เป็น “เสียงลั่นอึงมี่โกลา”