ตอนที่ ๒๒ พระนารอทฤๅษีชุบชีวิตพระเพียรพิชัย

๏ มาจะกล่าวบทไป ถึงบรมจักรกฤษณ์เรืองศรี
สถิตยังจิตรกูฎคีรี เป็นที่วิเวกวิญญาณ์
ทรงศีลสร้างพรตอดใจ อยู่ในสัลเลขอุเบกขา
บรรดาคนธรรพ์เทพา นักสิทธ์วิทยาทั้งนั้น
ย่อมมาเคารพอภิวาท เบื้องบาทบรมรังสรรค์
กล่าวความถามทางคดีธรรม์ เป็นนิรันดร์ล้วนสิ่งสวัสดี
เสด็จเหนือแท่นทิพบรรจถรณ์ อลงกรณ์ด้วยดวงมณีศรี
เผอิญให้เร่าร้อนดั่งอัคคี ภูมีไม่สบายวิญญาณ์

ฯ ๘ คำ ฯ

ร่าย

๏ จึ่งทรงรำพึงคะนึงนึก รำลึกถึงโอรสา
กับองค์พระราชนัดดา อันอยู่ณรงกากรุงไกร
นานแล้วมิได้ไปเยี่ยมดู จะอยู่ดีมีทุกข์เป็นไฉน
วันนี้จำกูจะเข้าไป ยังในนคเรศอันโอฬาร
คิดแล้วทรงเครื่องประดับกาย จับพระขรรค์เพชรพรายฉายฉาน
ออกจากถ้ำแก้วสุรกานต์ งามปานดั่งองค์พระศุลี

ฯ ๖ คำ ฯ เสมอ

๏ จึ่งคำนึงถึงพญาครุฑ เทพบุตรสุบรรณปักษี
อันเป็นพาหนาศภูมี ให้มายังที่บรรพตา

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ฝ่ายพญาสุบรรณปักษา
สถิตยังไพชนต์อลงการ์ แจ้งจิตจินดาพระสี่กร
ออกจากสิมพลีพิมานมาศ อันโอภาสด้วยแก้วประภัสสร
ถีบทะยานผ่านขึ้นยังอัมพร เร็วร่อนมาลงยังคีรี

ฯ ๔ คำ ฯ

แผละ

๏ เมื่อนั้น ท้าวบรมจักรกฤษณ์เรืองศรี
เห็นพญาสุบรรณอันฤทธี ภูมีชื่นชมภิรมยา
จึ่งเสด็จขึ้นทรงสถิตนั่ง ยังหลังแห่งราชปักษา
งามเพียงบรมพรหมา อันทรงมหาหงส์จร

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ ครุฑเอยครุฑทรง อาจองดั่งพญาไกรสร
กางปีกบังสีรวีวร อัมพรมืดมนอนธการ
บินโบยรีบหนักกวักละโยชน์ อุโฆษเสียงกำลังลมประหาร
เร็วเพียงพระพายพัดพาน ข้ามมหาชลธารสมุทรไท
พฤกษาศีขรินนิฤนาท โลกธาตุครื้นครั่นหวั่นไหว
ดั้นหมอกออกเมฆมาไวไว ตรงไปยังกรุงณรงกา

ฯ ๖ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงจึ่งประทับกับเกยแก้ว แล้วลงจากราชปักษา
เห็นหมู่อำมาตย์เสนา โศกาว้าวุ่นไม่สมประดี
แซ่เสียงสำเนียงนางกำนัล โหยไห้สนั่นอึงมี่
สงสัยพระทัยพันทวี ก็เสด็จจรลีเข้าไป

ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ

๏ บัดนั้น สามพี่เลี้ยงผู้มีอัชฌาสัย
เห็นท้าวจักรกฤษณ์ฤทธิไกร ภูวไนยทรงครุฑเสด็จมา
ต่างคนชื่นชมด้วยสมหมาย ดั่งตายแล้วคืนได้สังขาร์
ก็วิ่งไปกอดเบื้องบาทา โศกาเพียงสิ้นชีวัน

ฯ ๔ คำ ฯ โอด

๏ เมื่อนั้น ท้าวบรมจักรกฤษณ์รังสรรค์
เห็นนัดดาสุริย์วงศ์พงศ์พันธุ์ ตัวสั่นวิ่งมาแล้วโศกี
จึ่งมีบรรหารสิงหนาท ถามหลานรักราชทั้งสามศรี
เหตุไฉนโศกศัลย์พันทวี อึงมี่ไปทั้งพารา

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น พระพี่เลี้ยงผู้มียศถา
น้อมเศียรกราบลงกับบาทา แล้วทูลพรรณนาความ
เดิมพระนัดดาภูวนาถ เสด็จไปประพาสป่าใหญ่
เห็นกวางสุวรรณอำไพ ในหน้าพลับพลารูจี
นวลนางสุดายุพาพักตร์ องค์อัคเรศมเหสี
กราบทูลวิงวอนโศกี ให้ภูมีล้อมจับมฤคา
กวางนั้นหนีออกด้านพระองค์ จึ่งทรงม้าติดตามไปในป่า
ครั้นค่ำพักพลโยธา นิทราอยู่ใต้ร่มไทร
ตื่นขึ้นว่าได้เชยโฉม นางหนึ่งประโลมพิสมัย
กลับมาคลั่งคลุ้มแล้วหายไป ในแท่นไสยาเมื่อราตรี
พระบิตุรงค์ทรงพระพิโรธ กริ้วโกรธข้าบาททั้งสี่
ฆ่าพระเพียรพิชัยผู้ภักดี สุดสิ้นชีวีวายปราณ
ขอพระภุชพงศ์ทรงเดช โปรดเกศช่วยชีพสังขาร
ระงับดับเหตุเภทพาล ผ่านฟ้าจงได้เมตตา

ฯ ๑๔ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น ท้าวบรมจักรกฤษณ์นาถา
ได้ฟังสามราชนัดดา โกรธาดั่งไฟบรรลัยกัลป์
กระทืบบาดผาดแผดสุรเสียง สำเนียงอึงอื้อบันลือลั่น
ดูดู๋ทำได้ให้ผิดธรรม์ แต่ปางบรรพ์บูรราชประเวณี

ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น องค์ท้าวไกรสุทเรืองศรี
แสนเทวษโศกศัลย์พันทวี ได้ยินเสียงอึงมี่โกลา
ก็แจ้งว่าสมเด็จภูวนาถ บิตุรงค์ธิราชนาถา
พระองค์เสด็จเข้ามา ยังมหานิเวศน์วังใน
ค่อยระงับโศกาอาวรณ์ ที่เร่าร้อนทุกข์ทนหม่นไหม้
แล้วคิดถึงซึ่งล้างชีวาลัย พระเพียรพิชัยวายปราณ
ทั้งยินดีทั้งกลัวเป็นสุดคิด ร้อนจิตดังเพลิงเผาผลาญ
ออกจากปราสาทอลงการ ไปเฝ้าบทมาลย์พระทรงธรรม์

ฯ ๘ คำ ฯ เสมอ

๏ ครั้นถึงจึ่งประณตบทบงสุ์ องค์พระบิตุเรศรังสรรค์
พักตราเศร้าสร้อยจาบัลย์ ดั่งดวงจันทร์มัวมืดในเมฆา

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวบรมจักรกฤษณ์นาถา
เห็นองค์สมเด็จพระลูกยา จึ่งมีบัญชาตรัสไป
ดูก่อนเจ้ากรุงนคเรศ เรืองเดชฟากฟ้าดินไหว
อันองค์นัดดายาใจ ก็นับในสุริย์วงศ์อวตาร
เนื่องกันกับนารายณ์ไวยกูล ประยูรเทวราชมหาศาล
ทรงฤทธิ์ศักดาปรีชาชาญ บุญญาธิการมากนัก
ก็แจ้งอยู่สิ้นด้วยกัน ทั้งมนุษย์เทวัญในไตรจักร
สำหรับปราบอสูรหมู่ยักษ์ ให้สิ้นเสี้ยนหลักในธาตรี
มาตรแม้นถึงองค์พระอุณรุท ราชบุตรสุดสวาทเฉลิมศรี
จะอุบัติวิบัติบังเกิดมี ตกไปในที่ตำบลใด
ทั่วภพจบโลกทั้งหลาย ใครจะทำอันตรายสิ่งใดได้
ประการหนึ่งอยู่ถึงข้างใน หายไปกับแท่นไสยา
เหตุใดจึ่งมากริ้วโกรธ โทษสี่พี่เลี้ยงข้างหน้า
ฆ่าเพียรพิชัยมรณา นี่ฤๅว่าอยู่ในสัจธรรม์

ฯ ๑๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวไกรสุทสุริย์วงศ์รังสรรค์
ฟังพระบิตุรงค์ทรงสุบรรณ ตัวสั่นเพียงสิ้นชนมาน
จึ่งน้อมเศียรถวายอภิวาท ทูลสนองพระราชบรรหาร
ซึ่งลูกโมหันต์อันธพาล ก่อการให้เคืองบาทา
ฆ่าองค์พระเพียรพิชัย โทษนี่ใหญ่หลวงหนักหนา
ด้วยมิได้พิจารณา ผ่านฟ้าจงโปรดปรานี

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวบรมจักรกฤษณ์เรืองศรี
ยิ่งพิโรธโกรธนักดั่งอัคคี จึ่งมีสิงหนาทตวาดไป
เสียแรงเป็นวงศ์เทวัญ จะอยู่ในยุติธรรม์ก็หาไม่
รักแต่ลูกตัวด้วยอันใด วงศามิได้เมตตา
ลุอำนาจโกรธพิโรธจิต ผิดพงศ์จักรพรรดินาถา
แม้นเพียรพิชัยไม่เป็นมา จะมรณาตามกันไปวันนี้

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวไกรสุทสุริย์วงศ์เรืองศรี
ได้ฟังดั่งสายอสุนี มาฟอนฟาดอินทรีย์ขาดไป
เสโทซึมซาบอาบองค์ ปิ้มจะทรงสมประดีไว้มิได้
จึ่งดำริตริด้วยปรีชาไว ใครหนอจะช่วยคิดการ
รำลึกได้ว่าองค์พระดาบส ผู้ทรงพรตปรีชากล้าหาญ
วิทยาอาคมก็เชี่ยวชาญ จำจะไปมัสการนิมนต์มา
ตั้งกาลากิจพิธี ช่วยชุบชีวีสังขาร์
คิดแล้วจึ่งมีบัญชา ตรัสสั่งเสนาทันใด
จงรีบออกไปยังอารญ นิมนต์พระนารอทอาจารย์ใหญ่
เข้ามาในราชเวียงชัย แต่ในเวลาวันนี้

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ บัดนั้น จึ่งขุนธรรมการทั้งสี่
ก้มเกล้ารับราชวาที ถวายอัญชุลีแล้วรีบจร

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ มาถึงซึ่งอาศรมบท แทบเชิงมรกตสิงขร
เห็นพระองค์ทรงสังวรณ์ ก็เข้าไปยอกรมัสการ
แจ้งว่าองค์ท้าวไกรสุท มงกุฎณรงการาชฐาน
ให้เข้ามาเชิญบทมาลย์ องค์พระอาจารย์ผู้ศักดา
กับคณะมหาโยคี อันมีเวทญาณฌานกล้า
ก็แจ้งความตามราชกิจจา อย่าช้าจงรีบเข้าไป

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระนารอททรงญาณอาจารย์ใหญ่
แจ้งว่าสมเด็จพระภูวไนย ให้นิมนต์เข้าไปยังธานี
คว้าเครื่องอัจนากระลากิจ เรียกหาสานุศิษย์อึงมี่
นุ่งผ้าคากรองเข้าทันที ครองหนังพยัคฆีเหลืองลาย
ฉวยได้นํ้าเต้าไม้เท้างอ ประคำแขวนกับคอก็ว่าหาย
หยิบเอาย่ามละว้ามาตะพาย เหลียวขวาแลซ้ายวุ่นไป
ถือทั้งตาลปัตรพัดตาล ลนลานลงจากศาลาใหญ่
พร้อมหมู่โยคีชีไพร ตามกันเข้าไปยังพารา

ฯ ๘ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงจึ่งขึ้นบนปราสาท นั่งอาสน์โดยซ้ายฝ่ายขวา
แล้วปราศรัยไถ่ถามกิจจา ให้นิมนต์รูปมาบัดนี้
ท้าวมีธุระกังวล เป็นไฉนผู้คนจึ่งอึงมี่
องค์พระอัยกาธิบดี ภูมีเข้ามาด้วยอันใด

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวจักรกฤษณ์ผู้มีอัชฌาสัย
ยอกรมัสการท่านไท แล้วตรัสตอบไปทันที
ตัวโยมมาเยี่ยมประยูรญาติ วงศาธิราชเรืองศรี
เมื่อเวลาเช้าวันนี้ ก็แจ้งความถ้วนถี่แต่เดิมมา
ฝ่ายองค์ภูวไนยไกรสุท มงกุฎนคเรศนาถา
กราบลงแทบเบื้องบาทา แล้วตรัสวอนว่าพระนักธรรม์
โยมโกรธพระเพียรพิชัย ฤๅทัยว้าวุ่นหุนหัน
ขว้างด้วยแหวนแก้วแพรวพรรณ สุดสิ้นชีวันวายปราณ
พระผู้อุดมบรมครู เอ็นดูช่วยชีพสังขาร
ตั้งกาลากิจพิทธีการ ชุบชีวิตหลานให้เป็นมา

ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจา

ร่าย

๏ เมื่อนั้น พระนารอทผู้ทรงสิกขา
ยิ้มแล้วจึ่งตอบวาจา ผ่านฟ้าอย่าร้อนรนใจ
อันซึ่งพระเพียรพิชัยตาย ยากง่ายอะไรจะชุบให้
จงจัดเครื่องอัจนาบูชาไฟ ให้ต้องในตำรับพิธี

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น องค์ท้าวไกรสุทเรืองศรี
ได้ฟังพระมหาโยคี ยินดีดั่งได้ฟากฟ้า
จึ่งมีบรรหารสิงหนาท ตรัสสั่งอำมาตย์ซ้ายซวา
จงแต่งเครื่องพิธีกาลา โดยดั่งตำราพระอาจารย์

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น เสนีผู้ปรีชาหาญ
ก้มเกล้ารับราชโองการ ชุลีลาแล้วคลานออกไป

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

ยานี

๏ จึ่งตั้งโรงราชพิธี เก้าห้องกว้างรีสูงใหญ่
มีเฉลียงชาลาพาไล หลังคาดาดไปด้วยผ้าแดง
ดาดเพดานห้อยพวงพู่พราย ผูกม่านพรรณรายลายแย่ง
หลุมยันต์กั้นข่ายตาชะแลง ธงฉัตรจัดแจงเรียงรัน
ทั้งธูปเทียนบุปผามาลี พุ่มสุวรรณมณีสลับคั่น
สุคนธากฤษณาจุณจันทน์ บัดพลีสารพันอำไพ
นมเนยรสาผลาหาร หม้อใส่ชลธารเย็นใส
ทั้งขันสัมฤทธิ์เจ็ดใบ จัดไว้เสร็จโดยพระบัญชา

ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น พระนารอททรงญาณฌานกล้า
กับหมู่คณะพระสิทธา ครั้นได้เวลาอาหุดี
ดูดวงสุริยาปรากฏ ทรงกลดหมดเมฆจำรัสศรี
จึ่งลุกจากอาสน์รูจี พากันเข้าที่พิธีการ

ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ

ชมตลาด

๏ ฝ่ายพระนารอทราชครู ผู้ทรงปรีชากล้าหาญ
นั่งริมหลุมยันต์เป็นประธาน ตรวจการอัจนาบูชาไฟ
เสร็จแล้วจึ่งให้ดาบส นักพรตบริวารน้อยใหญ่
นั่งในเฉลียงพาไล รายรอบกันไปทั้งแปดทิศ
ตั้งสมาธิสังวรวิญญาณ์ ปลงเป็นเอกาคตาจิต
บริกรรมพระมนต์อันเรืองฤทธิ์ โดยอิศรเวทสวัสดี

ฯ ๖ คำ ฯ สาธุการ

๏ เดชะกสิณอภิญญาณ กับโองการพระอิศวรเรืองศรี
บันดาลพ่างพื้นปัฐพี เสียงสนั่นอึงมี่โกลา[๑]
ก็บังเกิดกูณฑ์กลางกระลาวาต โอภาสเริงแรงแสงกล้า
จึ่งเอาเครื่องกระลาอัจนา อาหุดีบูชาลงไป
จุดเทียนร้อยแปดขึ้นพร้อมกัน ดุษฎีเทวัญน้อยใหญ่
ยกร่างพระเพียรพิชัย วางในกระลากองกูณฑ์
ประกอบปราณตั้งที่ทั้งสี่ธาตุ ให้สืบกับชีวาตม์อันขาดสูญ
ด้วยฤทธิ์เวทศิวันบัณฑูร ก็สมบูรณ์บังเกิดชีวิตมา
จึ่งเอาน้ำในหม้อสัมฤทธิ์ อันเสกประสิทธิ์ด้วยคาถา
พรมลงในกองกาลา ก็ดับด้วยศักดาทันที

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระเพียรพิชัยเรืองศรี
ครั้นคืนชีวิตอินทรีย์ ยินดีดั่งได้โสฬส
มีกำลังกายไวว่อง พักตร์ผ่องเพียงจันทน์ทรงกลด
จึ่งน้อมเศียรเกล้าลงประณต แทบบาทบงกชพระสิทธา
แล้วกล่าวสรรเสริญเจริญเดช ซึ่งพระองค์โปรดเกศเกศา
มาช่วยชุบชีพชีวา พระคุณลํ้าฟ้าแดนไตร

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระมหานารอทอาจารย์ใหญ่
ก็พาพระเพียรพิชัย ออกไปจากโรงพิธี

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

๏ ขึ้นยังมหาปราสาท นั่งอาสน์สำหรับพระฤๅษี
จำเพาะพักตร์สองกษัตรธิบดี ท้าวพระยาเสนีพร้อมกัน

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวไกรสุทบรมรังสรรค์
เห็นหลานรักร่วมชีวัน พระนักธรรม์ช่วยชุบเป็นมา
มีความชื่นชมโสมนัส ประนมหัตถ์เหนือเกล้าเกศา
ตรัสสรรเสริญคุณพระสิทธา เป็นอเนกมหาโอฬาฬาร
แล้วมีมธุรสพจนารถ ประภาษแก่นัดดาด้วยคำหวาน
ซึ่งโกรธาฆ่าเจ้าวายปราณ ด้วยบันดาลโมหันไม่ทันคิด
ทั้งนี้สำหรับเคราะห์กรรม ทำแล้วจึ่งเห็นว่าโทษผิด
บัดนี้เจ้าคืนได้ชีวิต อย่ามีจิตรังเกียจสืบไป
ตรัสแล้วจึ่งเปลื้องสังวาลทรง ออกจากพระองค์ประทานให้
ของนี้ควรค่ากรุงไกร จงรับไว้เป็นศรีสวัสดี

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระเพียรพิชัยเรืองศรี
กราบบาทพระองค์ทรงธรณี ในที่ท่ามกลางเสนา
รับมหาสังวาลเนาวรัตน์ ด้วยใจโสมนัสหรรษา
ภักดีเหมือนดั่งแต่หลังมา ไม่เคียดแค้นฉันทาประการใด

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระนารอทผู้มีอัชฌาสัย
เสร็จการอัจนาบูชาไฟ ก็ลาสองภูวไนยธิบดี
พระองค์จงอยู่เกษมสุข อย่ามีทุกข์แผ้วพานบทศรี
ว่าแล้วพาพวกโยคี กลับไปยังที่หิมวันต์

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

ช้า

๏ เมื่อนั้น ท้าวบรมจักรกฤษณ์รังสรรค์
ครั้นหมู่คณะพระนักธรรม์ พากันกลับไปศาลา
จึ่งทรงพระดำริตริการ ด้วยปรีชาชาญแกล้วกล้า
ถึงพระยอดเยาวราชนัดดา ผู้ร่วมชีวายาใจ
อันองค์พระศรีอุณรุท สุริวงศ์จักรภุชสูงใหญ่
อยู่ในห้องแก้วอำไพ เป็นไฉนมาหายไปดังนี้
ดีร้ายเทวาพาจร ไปโดยอัมพรวิถี
ให้สมแก้วกัลยาณี ในที่นิเวศน์กษัตรา
อันทรงมหาศักดายศ ปรากฏในทวีปแหล่งหล้า
เหมือนหนึ่งสำคัญสัญญา แต่ว่าไม่รู้บุรีใด
จำจะยับยั้งคอยอยู่ ให้รู้เหตุการณ์เป็นไฉน
แม้นเกิดณรงค์ชิงชัย ก็จะได้ไปช่วยราวี

ฯ ๑๒ คำ ฯ

ร่าย

๏ คิดแล้วจึ่งมีราชบรรหาร ถามโหราจารย์ทั้งสี่
หลานเราหายไปบัดนี้ ร้ายดีไม่แจ้งกิจจา
ท่านผู้มีปรีชาญชำนาญรู้ จงชำระดูชันษา
จะสูญไปไม่ได้กลับมา ฤๅว่าจะเป็นประการใด

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น จึ่งขุนโหราผู้ใหญ่
ได้ฟังบรรหารภูวไนย บังคมไหว้รับราชวาที
จึ่งตั้งชันษาพยากรณ์ สอบใส่เคราะห์จรในราศี
ขับไล่ไปตามคัมภีร์ โดยวิธีมีครบอันชำนาญ
พิเคราะห์ดูก็รู้แจ้งประจักษ์ ในหลักคำนวณควณหาร
จึ่งกราบทูลพระปิ่นสุธาธาร โดยสถานพระเคราะห์ที่จรมา
อันพระสุริวงศ์ทรงยศ กำหนดในเกณฑ์ชันษา
พระศุกร์มาพักรที่ลัคนา ต้องตามตำราพยากรณ์
ว่ามีหญิงต่างเมืองเรืองเดช เหาะผ่านหิมเวศสิงขร
มาเชิญเสด็จบทจร ไปทางอัมพรด้วยโฉมตรู
ในพระหัศบดีคัมภีร์ใหญ่ ทั้งโชคชัยเดือนปีก็ดีอยู่
อาทิตย์สถิตถึงครู ราหูมาร่วมเรือนจันทร์
ว่าจะได้คู่สร้างนั้นนางฟ้า ทรงเบญจกัลยาเฉิดฉัน
ปลายเดือนอังคารจะมากันย์ พระเคราะห์นั้นเป็นกาลกิณี
ต้องจันทร์ทับเสาร์กำเนิด ศุกร์เสิดมาร่วมราศี
จะถึงซึ่งพันธนาราวี แต่เห็นทีจะไม่เป็นไร
อันศัตรูหมู่ร้ายพ่ายแพ้ จะมีผู้ใหญ่แก้พระองค์ได้
จะจำเริญสวัสดีมีชัย ได้องค์อรไทมาพารา

ฯ ๑๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวบรมจักรกฤษณ์นาถา
ฟังท้าวไกรสุทผู้ศักดา ได้ฟังโหราพยากรณ์
ค่อยสว่างสร่างโศกโสมนัส สองกษัตริย์ชื่นชมสโมสร
จึ่งเสด็จย่างเยื้องบทจร ก็กรายกรเข้าปราสาทรูจี

ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ


[๑] ใช้ตามต้นฉบับหนังสือสมุดไทยเลขที่ ๕๖๐ ต้นฉบับหนังสือสมุดไทยเลขที่ ๕๘๘ เป็น “เสียงลั่นอึงมี่โกลา”

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ