- คำนำ
- บทนำเรื่อง
- ที่มาของอนิรุทธคำฉันท์และบทละคอนเรื่องอุณรุท ของ ธนิต อยู่โพธิ์
- ตอนที่ ๑
- ตอนที่ ๒
- ตอนที่ ๓
- ตอนที่ ๔
- ตอนที่ ๕
- ตอนที่ ๖
- ตอนที่ ๗
- ตอนที่ ๘
- ตอนที่ ๙
- ตอนที่ ๑๐
- ตอนที่ ๑๑
- ตอนที่ ๑๒
- ตอนที่ ๑๓
- ตอนที่ ๑๔
- ตอนที่ ๑๕
- ตอนที่ ๑๖
- ตอนที่ ๑๗
- ตอนที่ ๑๘
- ตอนที่ ๑๙
- ตอนที่ ๒๐
- ตอนที่ ๒๑
- ตอนที่ ๒๒
- ตอนที่ ๒๓ ทศมุขพบพระอุณรุท
- ตอนที่ ๒๔
- ตอนที่ ๒๕
- ตอนที่ ๒๖
- ตอนที่ ๒๗
- ตอนที่ ๒๘
- ตอนที่ ๒๙
- ตอนที่ ๓๐
- ตอนที่ ๓๑
- ตอนที่ ๓๒
- ตอนที่ ๓๓
- ตอนที่ ๓๔
- ตอนที่ ๓๕
- ตอนที่ ๓๖
- ตอนที่ ๓๗
- ตอนที่ ๓๘
- ตอนที่ ๓๙
- ตอนที่ ๔๐
- ตอนที่ ๔๑
- ตอนที่ ๔๒
ตอนที่ ๓๗ พระอุณรุทเสด็จไปหานางกินรี
๏ เมื่อนั้น | พระอุณรุทผู้ปรีชาหาญ |
ได้ฟังดั่งทิพชลธาร | มาโสรจสรงสำราญอินทรีย์ |
จึ่งมีพระราชบัญชา | สั่งมหาเสนาทั้งสี่ |
ท่านจงรักษาโยธี | อย่าให้มีเหตุเภทภัย |
เรากับพี่เลี้ยงร่วมชีวาตม์ | จะไปประพาสป่าใหญ่ |
ในวงจังหวัดพลับพลาชัย | สายัณห์ไรไรจะกลับมา |
ครั้นเสร็จโสรจสรงทรงเครื่อง | อร่ามเรืองดั่งเทพเลขา |
จับพระขรรค์แก้วศักดา | กับพี่เลี้ยงลีลาเข้าอารัญ |
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด
ชมดง
๏ เสด็จโดยมรคาพนาวาส | สำราญราชหฤทัยเกษมสันต์ |
ชมสัตว์จัตุบาทอเนกนันต์ | หลายพรรณเกลื่อนกลาดดาษดง |
ระมาดละมั่งกวางทรายควายเปลี่ยว | กระทิงเที่ยวขวิดดินกินป่ง |
นรสิงห์วิ่งตามชายพง | กิเลนลงเล่นนํ้าในลำธาร |
โคเถลิงเบิ่งบ้าหวงสัด | เสือมองหมอบฟัดเป็นอาหาร |
เลียงผาเลียบผาเผ่นทะยาน | ฝูงฟานเคล้าคู่อยู่ริมทาง |
ตุ่นตามกระต่ายเต้นเม่นหมี | จามรีเดินด้อมถนอมหาง |
นางชะนีโหยไห้บนปลายยาง | ลิงค่างบ่างรอกหยอกกัน |
จักจั่นเรไรเรื่อยร้อง | ทำนองพิณบรรเลงเพลงสวรรค์ |
ชมเพลินจำเริญใจในไพรวัน | จรจรัลไปโดยวิถีไพร |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ มาถึงซึ่งต้นนิโครธา | แทบมหามุจลินท์สระใหญ่ |
พระแลลอดทอดทัศนาไป | มิได้เห็นฝูงกินรี |
จึ่งมีมธุรสพจนารถ | แก่พี่เลี้ยงราชทั้งสี่ |
น้องเคยมาสรงในสระนี้ | พบนางกินรีวิไลวรรณ |
มาราร่อนฟ้อนขับประสานเสียง | วิลาสเลิศพ่างเพียงนางสวรรค์ |
ดูประหลาดหลากใจอัศจรรย์ | วันนี้เป็นไฉนไม่เห็นมา |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงสุริย์วงศ์พงศา |
จึ่งสนองพระราชบัญชา | ผ่านฟ้าอย่าปรารมภ์ใจ |
อันฝูงนวลนางกินริน | เคยมามุจลินท์สระใหญ่ |
ลงเล่นสำราญฤๅทัย | ยังไม่ถึงเวลากาล |
ขอเชิญเสด็จยับยั้ง | อยู่ยังพุ่มไม้ไพรสาณฑ์ |
คอยดูกินรายุพาพาล | ไม่นานนางจักจรลี |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระองค์ทรงสวัสดิ์รัศมี |
ได้ฟังดั่งได้ดุษฎี | กับพี่เลี้ยงทั้งสี่ก็ลีลา |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เข้าซุ่มอยู่พุ่มพระไทร | ตั้งใจชะแง้แลหา |
ต่างลอดสอดเนตรทัศนา | คอยท่ากินรีวิไลวรรณ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ฝ่ายห้ากินราสาวสรรค์ |
ร่วมชนกชนนีเดียวกัน | เป็นชาติชาวสวรรค์สถาวร |
ทรงโฉมประโลมเลิศลักษณ์ | พิมพ์พักตร์เพียงเทพอัปสร |
จำเริญรุ่นเรียงอรชร | เนื้อทิพย์ชะอ้อนอ่อนองค์ |
ดั่งดวงโกเมศวิมลมาศ | ในสระราชสุวรรณเหมหงส์ |
พึ่งบานแบ่งรับแสงสุริยง | ทรงสิริศรีสวัสดิ์วัฒนา |
อยู่ยังถ้ำแก้วอลงกต | บรรพตไกรลาสภูผา |
เคียงเขาจิตรกูฏบรรพตา | ใกล้มหาอโนดาตวารี |
เคยมาโสรจสรงชลธาร | ยังสถานมุจลินท์สระศรี |
แทบชายหิมวาพนาลี | เป็นที่แสนสุขสำราญใจ |
ชมดวงโกสุมปทุมา | จะเว้นวันเวลาก็หาไม่ |
ครั้นร้อนแรงแสงสุริโยทัย | ทรามวัยแต่งองค์พร้อมกัน |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
พระทอง
๏ ลำดวนร้อยสร้อยสังวาลมาศ | พุทธชาดกรองสลับประดับถัน |
พิกุลบุนนาคมะลิวัลย์ | ซ้อนชั้นเป็นตาบแต่งองค์ |
สารภีช่างกรองเป็นทองกร | สลับซ้อนมะลิลามหาหงส์ |
ชาตบุษย์พุดจีบประยงค์ | กรองเป็นมงกุฎอำไพ |
กุณฑลวิมลปทุเมศ | การะเกดกรรเจียกดอกไม้ไหว |
หอมตระหลบอบองค์ด้วยมาลัย | เสร็จแล้วอรไทก็ไคลคลา |
ฯ ๖ คำ ฯ เชิดฉิ่ง
มหลิม
๏ กินรินบินโดยอัมพร | ราร่อนเรียงรายซ้ายขวา |
วาดกรฟ้อนเล่นในเมฆา | แล้วบินแย่งแข่งหน้าเคียงกัน |
บ้างตีวงเวียนเปลี่ยนผลัด | เฉวียนฉวัดเลี้ยวไล่ดั่งจักรผัน |
ต่างร้องโหยหวนโอดพัน | บรรเลงเพลงสวรรค์ละลานใจ |
แล้วเปลี่ยนท่าราปีกฟายฟ้อน | เรื่อยร่อนรำตามงามไสว |
โผฝ่าราตรงลงไป | ยังร่มไม้มุจลินท์กสิณธาร |
ฯ ๖ คำ ฯ เพลงกินนรรำ
ช้า
๏ เมื่อนั้น | พระทรงโฉมประโลมสงสาร[๑] |
เห็นฝูงกินรายุพาพาล | เยาวมาลย์มาลงใกล้คงคา |
พระกับพี่เลี้ยงสุริย์วงศ์ | พิศวงทรงนางทั้งห้า |
ชิงช่องมองดูกินรา | แล้วกระซิบเจรจาห้ามกัน |
แสนพิศวาสนางกินเรศ | พระทรงเดชรัญจวนหวนกระสัน |
ผลักไสพี่เลี้ยงพัลวัน | ต่างกำชับกันวุ่นไป |
ฯ ๖ คำ ฯ พระทอง
๏ เมื่อนั้น | นางกินรีเยาวยอดพิสมัย |
ครั้นมาถึงฝังชลาลัย | ก็ลงในสระน้ำสำราญ |
ฯ ๒ คำ ฯ พระทอง
๏ ชำระกายในสายกระแสสินธุ์ | วารินเย็นใสหอมหวาน |
แหวกว่ายเวียนวนในชลธาร | เกษมศานต์สัพยอกหยอกกัน |
บ้างเก็บบุษบงจงกล | สัตตบุษย์อุบลบัวผัน |
เด็ดดวงโกมุทบุษบัน | แซมถันชูชมภิรมยา |
บ้างเล่นชิงช้าไกวแกว่ง | เคียงแข่งบันเทิงเริงร่า |
เรื่อยร้องทำนองพัดชา | โอดพันภาษากินรี |
บ้างเล่นไล่ไขว่คว้าหากัน | สำรวลสรวลสันต์อึงมี่ |
แสนสนุกสุขเกษมเปรมปรีดิ์ | ในที่มุจลินท์ชลธาร |
ฯ ๘ คำ ฯ เพลงฉิ่ง
ช้า
๏ เมื่อนั้น | พระอุณรุทผู้ปรีชาหาญ |
ดูนางกินรีนงคราญ | ผ่านฟ้าพิศวาสจะขาดใจ |
ฯ ๒ คำ ฯ
ร่าย
๏ จึ่งตรัสแก่พี่เลี้ยงทั้งสี่ | อันเป็นที่ร่วมจิตพิสมัย |
ตัวพี่จงพากันไป | พูดจาปราศรัยนางกินนร |
โดยทางไมตรีจิตรมิตรภาพ | ให้ทราบซึ่งเรื่องรักก่อน |
ด้วยรสวาจาอันสุนทร | พรรณนาว่าวอนนงคราญ |
เล่าบอกออกนามของน้องนี้ | ว่าละบุรีราชฐาน |
ให้เห็นรักเห็นจริงทุกประการ | อย่าให้เยาวมาลย์รังเกียจใจ |
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | พระพี่เลี้ยงผู้มีอัชฌาสัย |
จึ่งนบนิ้วกราบทูลสนองไป | เพียงนี้ภูวไนยอย่าปรารมภ์ |
ข้าจะไปโอนอ่อนวอนว่า | ให้กินราเห็นจริงทุกสิ่งสม |
ด้วยแยบคายถ่ายเทเล่ห์ลม | ให้นางนิยมยินดี |
ว่าแล้วถวายอภิวาท | เบื้องบาทพระบรมเรืองศรี |
พากันย่างเยื้องจรลี | ไปที่มุจลินท์กสิณธาร |
ฯ ๖ คำ ฯ เพลงเร็ว
๏ เข้าแฝงสุมทุมพุ่มไม้ | แทบฝั่งสระใหญ่ไพรสาณฑ์ |
แลลอดทอดทัศนาการ | โฉมห้าเยาวมาลย์ละกลกัน |
งามพักตร์เพ็งผ่องละอององค์ | งามทรงดั่งทรงอัปสรสวรรค์ |
งามสิริวิลาสวิไลวรรณ | งามผิวงามพรรณดั่งทองทา |
งามนวลเพียงนวลอุบลโบษ | งามโอษฐ์งามเนตรนาสา |
งามละม่อมพร้อมจริตกิริยา | ลักษณาประเสริฐเพริศเพรา |
อันโฉมพระศรีอุณรุท | ก็งามสุดเพียงเทพหล่อเหลา |
ทั้งห้ากินรานงเยาว์ | ก็ทัดเท่าพึงชมสมกัน |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ จึ่งมีพจนารถอันสุนทร | ดูก่อนเจ้าผู้เฉลิมขวัญ |
ชาติเชื้อนางฟ้าวิลาวัณย์ | ทั้งห้าแก้วกัลยาณี |
ตัวข้านำสารพระอุณรุท | มงกุฎณรงกาบุรีศรี |
มาแจ้งเยาวยอดนารี | ขอพาทีด้วยอย่าน้อยใจ |
เป็นกุศลผลบุญทั้งสองข้าง | ได้สืบสร้างในทางพิสมัย |
จึ่งดาลดลท้าวเทพไท | ช่วยชักนำให้มาพบกัน |
อันพระยอดฟ้าสุริย์วงศ์ | พระองค์ครวญใคร่ใฝ่ฝัน |
รัญจวนหวนสวาทไม่วายวัน | ถึงขวัญเนตรน้องนงคราญ |
จึ่งละสวรรยาธานี | ยกพลโยธีทวยหาญ |
บัดนี้มาตั้งอยู่ดงดาน | ใกล้สถานกำจายบรรพตา |
พระสู้แสนยากลำบากองค์ | บุกป่าฝ่าดงมาเสาะหา |
ด้วยจะขอร่วมรสวาจา | สาวสวรรค์ขวัญฟ้าจงปรานี |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นวลนางกินนรโฉมศรี |
ได้ฟังสุนทรวาที | เทวีเหลือบแลแปรไป |
เห็นเป็นมนุษย์ทั้งสี่ชาย | ความอายไม่มีที่เปรียบได้ |
ทั้งกลัวเกลือกว่าจะมีภัย | แล้วคิดสงสัยในวิญญาณ์ |
อันมหามุจลินท์นทีธาร | แสนทุเรศกันดารหนักหนา |
พ้นมนุษย์วิสัยจะไปมา | นี่ไฉนเป็นน่าอัศจรรย์ |
อาจมากล่าวคำบรรยาย | เป็นแยบคายเล่ห์ลมคมสัน |
จะถามดูให้รู้เหตุนั้น | คิดแล้วกัลยาก็พาที |
อันพระอุณรุทสุริย์วงศ์ | ผู้พงศ์จักรพรรดิเรืองศรี |
ใช่จะไร้แสนสนมนารี | เจ้าว่าดั่งนี้ก็ผิดไป |
ข้าเป็นชาติเชื้อกินนร | จะควรคู่ภูธรนั้นหาไม่ |
อย่ากล่าวสุนทรให้อ่อนใจ | เจ้านี้นามใดมาเจรจา |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงผู้มียศถา |
ได้ฟังโฉมนางกินรา | จึ่งตอบวาจาไปทันที |
ตัวข้าชื่อพระเพียรพิชัย | นี่พระไตรดาราวงศ์เรืองศรี |
นั่นพระพิจิตรผู้ภักดี | องค์นี้ชื่อพระบรมธรรม์ |
ล้วนเป็นพี่เลี้ยงร่วมจิต | พระทรงฤทธิ์สุริย์วงศ์รังสรรค์ |
อันองค์พระอุณรุทนั้น | ประกอบด้วยไอศวรรย์อันโอฬาร |
ทั้งสนมนาฏพร้อมล้อมเฝ้า | เหมือนคำเจ้าเยาวยอดสงสาร |
แต่เผอิญทุกข์ทนทรมาน | หวนหานงคราญเป็นนิจไป |
เป็นความสัจจาพาที | กินรีอย่าคิดสงสัย |
เจ้าก็เชื้อชาวฟ้าสุราลัย | จะหาไหนได้เหมือนกัลยา |
ข้อซึ่งไม่คู่สู่สมกัน | จะรำพันไปไยไม่ควรว่า |
ขอเชิญนางสวรรค์จำนรรจา | ด้วยผ่านฟ้าให้เป็นสวัสดี |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นางแก้วกัลยาโฉมศรี |
ได้ฟังมธุรสวาที | เทวีก็เยื้อนตอบไป |
ช่างกล่าวภิปรายให้ตายจิต | แม้นไม่ทันคิดก็หลงใหล |
อันลิ้นลมเจ้าพอเข้าใจ | ถึงว่าไปก็เครื่องป่วยการ |
ซึ่งจะเจรจากับภูธร | อย่าพักว่าวอนด้วยอ่อนหวาน |
กินรีนี้ชาวดงดาน | ไม่คุ้นเคยผ่านฟ้าจะพาที |
จงกลับไปทูลว่าตัวข้า | บังคมลาใต้เบื้องบทศรี |
ซึ่งมีจิตคิดถึงกินรี | พระคุณพ้นที่จะรำพัน |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงสุริย์วงศ์รังสรรค์ |
เห็นห้ากินราวิลาวัลย์ | บิดผันกล่าวความงามงอน |
ทำสะท้อนถอนใจแล้ววอนว่า | อนิจจานางฟ้าสายสมร |
พระอุณรุทสุดสวาทในบังอร | มาตัดรอนไมตรีไม่อาลัย |
จะกลับไปทูลองค์พระทรงเดช | จะเทวษทุกข์ทนหม่นไหม้ |
เจ้าดวงดอกฟ้ายาใจ | เที่ยวหาไม่ได้ทั้งไตรดาล |
ควรคู่กับหน่อจักรพรรดิ | อันเป็นปิ่นกษัตริย์มหาศาล |
จะปรากฏยศศักดิ์อันโอฬาร | ในนิเวศน์สถานธานี |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นางแก้วกินนรโฉมศรี |
ได้ฟังพจมานวาที | จึ่งกระซิบแก่สี่กินรา |
เขาระบือลือโฉมพระอุณรุท | ว่างามล้ำมนุษย์ในแหล่งหล้า |
ประเสริฐเลิศลักษณ์ดั่งเทวา | จะจริงเหมือนดั่งว่าหรือฉันใด |
จะดูเล่นให้เห็นประจักษ์เนตร | แม้นว่าภูวเรศเข้ามาใกล้ |
จะพากันโผผินบินไป | ใช่จะตามเราได้เมื่อไรมี |
ว่าแล้วเยื้อนตอบด้วยสุนทร | ดูก่อนพี่เลี้ยงทั้งสี่ |
อันซึ่งอาลัยไมตรี | ใช่ที่ใช่ฐานอย่าเจรจา |
เราดั่งหิ่งห้อยน้อยแสง | ไม่ควรแข่งทินกรในเวหา |
เจ้าแกล้งกล่าวมธุรสพจนา | ตัวข้าทั้งห้าไม่เข้าใจ |
พระจะทุกข์โศกก็ตามที | อย่าเซ้าซี้หารู้ด้วยไม่ |
พอชายบ่ายแสงอโณทัย | จึ่งจะไปถ้ำแก้วสุรกานต์ |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระพี่เลี้ยงผู้ปรีชาหาญ |
ได้ฟังกินรายุพาพาล | พจมานเลี่ยงเลี้ยวเป็นที |
ยี้มแล้วจึ่งกล่าววาจา | ดูก่อนนางฟ้าโฉมศรี |
แสนฉลาดคมสันพันทวี | นางในธาตรีไม่เทียมทัน |
งามจริตวาจามารยาท | สมชาติเปนเชื้อชาวสวรรค์ |
ถ้าได้เป็นปิ่นพระกำนัล | จะชวนกันพึ่งบุญเจ้าสืบไป |
ค่อยอยู่ก่อนเถิดนะจะขอลา | เอ็นดูอยู่ท่าให้จงได้ |
ว่าแล้วก็พากันคลาไคล | ตรงไปเฝ้าหลานพระจักรี |
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึ่งประณตบทบงสุ์ | ทูลพระสุริย์วงศ์เรืองศรี |
ข้าบาทพากันจรลี | ไปยังที่ใกล้กินรา |
ได้พูดจาด้วยห้าเยาวเรศ | ว่าทรงเดชรัญจวนครวญหา |
จะใคร่สบพบแก้วกัลยา | อุตส่าห์บุกมาด้วยยากใจ |
อันนางกินราทั้งห้าองค์ | ล้วนทรงลักขณาอัชฌาสัย |
ฉลาดล้ำคำคมเป็นพ้นไป | มิใคร่จะเยื้อนพาที |
ข้าร่ำพรรณนาว่าวอน | จึ่งค่อยอ่อนต่อเบื้องบทศรี |
สั่งมาทั้งห้ากินรี | ขอถวายอัญชุลีพระบาทา |
ดูจริตยศยิ่งใช่หญิงทราม | สุดงอนสุดงามนี้หนักหนา |
บัดนี้ยังเล่นคงคา | ขอเชิญผ่านฟ้าเสด็จไป |
ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | พระอุณรุทผู้มีอัชฌาสัย |
ฟังสี่พี่เลี้ยงอันร่วมใจ | ดั่งได้อำมฤควารี |
พักตร์ผ่องเพียงจันทร์ทรงกลด | หมดเมฆจำรัสรัศมี |
จึ่งเสด็จย่างเยื้องจรลี | พี่เลี้ยงทั้งสี่ก็ตามมา |
ฯ ๔ คำ ฯ เพลง
๏ ครั้นถึงซึ่งท่าชลาลัย | อันดาษไปด้วยปทุมบุปผา |
พระลัดแลงเข้าแฝงกายา | แอบพุ่มพฤกษาลัดดาวัลย์ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงสุริย์วงศ์รังสรรค์ |
ตามเสด็จพระองค์ทรงธรรม์ | ถึงขอบคันมุจลินท์กสิณธาร |
จึ่งยอกรประณตบทบงสุ์ | พระผู้ทรงจักรามหาศาล |
แล้วชี้หัตถ์ให้ทัศนาการ | โฉมห้าเยาวมาลย์กินรา |
เห็นนางองค์นั้นจะเป็นพี่ | ท่วงทีขำคมเป็นหนักหนา |
ทั้งสุนทรงอนคำจำนรรจา | พระบัญชาอย่าให้ระคายใจ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระสุริย์วงศ์ทรงฤทธิ์แผ่นดินไหว |
ฟังพี่เลี้ยงร่วมหฤทัย | ภูวไนยเล็งโฉมกินรี |
ฯ ๒ คำ ฯ
ชมโฉม
๏ พิศรูปงามรูปอรชร | เพียงทรงอัปสรสาวศรี |
พิศพักตร์งามผ่องไม่ราคี | ดั่งแว่นแก้วมณีทั้งห้านาง |
พิศขนงงามก่งดังคันศิลป์ | เนตรนิลขำคมทั้งสองข้าง |
พิศกรรณเพียงกลีบอุบลบาง | พิศปรางงามปรางดั่งปรางทอง |
พิศโอษฐ์งามเอี่ยมเทียมจะแย้ม | งามนาสิกแสล้มไม่มีสอง |
พิศถันงามเนื้อนวลละออง | ดั่งปทุมทองทิพอันโอฬาร์ |
พิศกรงามกรายเมื่อกรีดกร | พิศองค์งามอ่อนดั่งเลขา |
ยิงพิศยิงเพลินจำเริญตา | พระแสนสุดเสน่หายุพาพาล |
ฯ ๘ คำ ฯ
ร่าย
๏ จึ่งสั่งพี่เลี้ยงผู้ร่วมใจ | อันไวปรีชากล้าหาญ |
พี่จงซุ่มอยู่ที่ริมธาร | น้องจะไปพจมานด้วยกินรี |
อันสตรีเป็นที่ละอายจิต | แม้นเห็นก็จะคิดสะเทินพี่ |
คอยดูกิริยาพาที | ถ้าเห็นเทวีไม่อาลัย |
จึ่งช่วยเลี้ยวลัดสกัดกั้น | จับห้านางนั้นไว้ให้ได้ |
มาตรแม้นจะบินหนีไป | น้องจะเหาะไล่ด้วยศักดา |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ สั่งแล้วย่างเยื้องยูรยาตร | นวยนาดวาดกรทั้งซ้ายขวา |
งามดั่งองค์อมรินทรา | ลงมาจากทิพย์พิมาน[๒] |
ฯ ๒ คำ ฯ
ฉุยฉาย
๏ ครั้นถึงซึ่งต้นไม้รัง | ร่มชิดปิดบังสุริย์ฉาน |
จึ่งปราศรัยกินรายุพาพาล | ด้วยรสพจมานอันสุนทร |
ฯ ๒ คำ ฯ
ชมตลาด
๏ เจ้าเอยเจ้าพี่ | นวลนางกินรีสายสมร |
ห้าองค์ทรงโฉมอรชร | ดังเทพอัปสรในเมืองฟ้า |
ความแสนพิศวาสนางโฉมยง | บุกป่าฝ่าดงมาเสาะหา |
หวังจะใคร่ได้แก้วแววตา | แต่อุตส่าห์แรมร้อนนอนทาง |
แสนลำบากยากเย็นเป็นสุดคิด | พ่างเพียงชีวิตจะจากร่าง |
วันนี้พี่ได้มาพบนาง | ค่อยสว่างเร่าร้อนอาวรณ์ใจ |
เป็นกุศลผลบุญด้วยกัน | เทวัญช่วยชี้ช่องให้ |
ขอเชิญสายสมรอรไท | มานั่งร่มไม้ด้วยพี่ยา |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นวลนางกินนรทั้งห้า |
ได้ยินมธุรสวาจา | เหลือบมาเห็นองค์พระทรงธรรม์ |
ยืนแฝงแย้มยิ้มพริ้มพราย | งามคือนารายณ์รังสรรค์ |
รัศมีดั่งสีรวีวรรณ | พักตร์ผ่องเพียงจันทร์อำไพ |
นัยน์วเนตรคมแหลมดั่งแสงศร | จะต่อเนตรภูธรก็มิได้ |
เลิศลํ้าเทวาสุราลัย | ต่างตะลึงหลงใหลด้วยรูปทรง |
งามละม่อมพร้อมพริ้มพิมพ์เพศ | เยาวเรศเคลิ้มจิตพิศวง |
แต่ชม้ายชายดูพระสุริยง | ทั้งห้าอนงค์กินรา |
ให้สะเทินเขินใจเป็นพ้นนัก | เมินพักตร์บังคมก้มเกศา |
เฟี้ยมแฝงบังใบปทุมา | กัลยาไม่สนองพระโองการ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระทรงโฉมประโลมสงสาร |
เห็นนางไม่ตอบพจมาน | แต่นงคราญนบนิ้วบังคมคัล |
ฯ ๒ คำ ฯ
ชาตรี
๏ จึ่งมีบัญชาอันสุนทร | ดวงสมรเยาวยอดโฉมสวรรค์ |
รักเจ้าเท่าเทียมชีวัน | ควรหรือขวัญเนตรไม่ปรานี |
สู้บุกป่าฝ่าหนามด้วยความยาก | ไม่เห็นแสนลำบากในอกพี่ |
เมตตาบ้างเถิดนางกินรี | จะได้ฝากชีวีกันสืบไป |
มาตรแม้นเจ้ามิกรุณา | จะกลับคืนพาราก็หาไม่ |
เหมือนได้ทำคุณการุญไว้ | อย่าสูญใจเลยนะบังอร |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นางแก้วกินราดวงสมร |
ได้ฟังวาจาพระว่าวอน | ประนมกรทูลสนองพระบัญชา |
ซึ่งพระผ่านฟ้าว่าขาน | ไพเราะเพราะหวานหนักหนา |
สู้ดั้นดงบุกพงอรัญวา | ตั้งใจมาหากินรี |
ถ้าจริงเหมือนคำพระรำพัน | พระคุณนั้นลํ้าฟ้าราศี |
ซึ่งมิได้สนองพระวาที | ข้อนี้จงให้อภัย |
ด้วยเป็นชาวดงพงป่า | ไม่เคยพูดจาปราศรัย |
อันจะเรียกให้ข้าขึ้นไป | เกรงเดชภูวไนยเป็นสุดคิด |
ซึ่งพระจะตรัสว่าขาน | ขอเชิญผ่านฟ้าประกาศิต |
แจ้งแล้วจะลาพระทรงฤทธิ์ | ไปสถิตถ้ำแก้วคีรี |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
โอ้โลม
๏ น้องเอยน้องรัก | เยาวลักษณ์ผู้มิ่งมารศรี |
ควรหรือวนิดาไม่ปรานี | จะให้พี่ทนทุกข์ทรมาน |
ความแสนพิศวาสเจ้าดวงเนตร | สู้สละนคเรศราชฐาน |
ตั้งจิตมาหายุพาพาล | หวังฝากชนมานแก่บังอร |
ถึงเจ้าเป็นชาวหิมวาศ | ก็เชื้อชาตินางเทพอัปสร |
ควรเป็นปิ่นอนงค์นิกร | ในบวรสวรรยาธานี |
เชิญเจ้ามาเถิดนะน้องรัก | นงลักษณ์อย่าแหนงแคลงพี่[๓] |
เอ็นดูช่วยชูชีวี | นวลนางกินรีอย่าสูญใจ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ คำเอยคำหวาน | อำมฤตชลธารไม่เปรียบได้ |
ถึงข้าชาวดงพงไพร | พอรู้เท่าภูวไนยบัญชา |
พระเป็นหน่อจักรพรรดิอันเรืองเดช | ใช่จะไร้อัคเรศเสน่หา |
จะรักข้าชาติเชื้อสกุณา | พระบัญชาดั่งนี้ไม่ควรการ |
อันเหล่ากินรีนี้ต่ำวงศ์ | อยู่ในแดนดงไพรสาณฑ์ |
ไม่ควรรองเบื้องบทมาลย์ | พระผู้ผ่านแผ่นภพโมลี |
ฯ ๖ คำ ฯ
โอ้โลม
๏ ดวงเอยดวงสมร | เจ้างามงอนจำเริญสวาทพี่ |
อนิจจาช่างไม่ปรานี | ว่าไยฉะนี้กัลยา |
พี่กล่าวความตรงคงสัตย์ | เจ้ามาตัดเยื่อใยเสน่หา |
แสนรักสุดรักวนิดา | สุดปัญญาไม่เล็งเห็นใจ |
จะขอสนทนาด้วยโดยดี | มารศรีหาเอ็นดูไม่ |
เหมือนจะแกล้งให้พี่บรรลัย | อยู่ในหิมวาอารัญ |
ว่าพลางย่างเยื้องยุรยาตร | งามวิลาสดั่งเทพรังสรรค์ |
ออกจากพุ่มไม้ไพรวัลย์[๔] | จรจรัลไปยังกินรา |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ ทรงเอยทรงเดช | พระจงโปรดเกศเกศา |
อย่าเสด็จดำเนินเข้ามา | ข้ากลัวผ่านฟ้าพันทวี |
แม้นพระองค์มิฟังกินริน | จะพากันโผผินบินหนี |
ว่าพลางขึ้นจากวารี | มารศรีเดินร่ายชายไป |
แล้วชม้อยข้อยเนตรชำเลืองค้อน | ภูธรหาเอ็นดูไม่ |
จะขืนใกล้เข้ามานี้ว่าไร | น้อยใจเป็นพ้นคณนา |
ฯ ๖ คำ ฯ
โอ้โลม
๏ สุดเอยสุดสวาท | นุชนาฏผู้ยอดเสน่หา |
ช่างตัดรักหักได้ไม่เมตตา | ให้พี่เวทนาอาวรณ์ |
แม้นมาตรถ้าเจ้าจะบินหนี | ตัวพี่ไม่ละสายสมร |
จะเหาะไล่ไปในอัมพร | กว่าจะถึงสิงขรด้วยกัน |
จะแสนยากลำบากประการใด | พี่ก็ไม่อาลัยชีวาสัญ |
ว่าพลางย่างเยื้องจรจรัล | ทรงธรรม์เลี้ยวไล่กินรี |
ฯ ๖ คำ ฯ เชิดฉิ่ง
๏ บัดนั้น | จึ่งพระพี่เลี้ยงทั้งสี่ |
แลเห็นห้ากัลยาณี | เดินร่ายชายหนีภูวไนย |
ก็ออกจากพุ่มไม้ใบบัง | มายังริมฝั่งสระใหญ่ |
แยกย้ายกั้นหน้านางไว้ | สี่องค์รุกไล่เข้ามา |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้น | นวลนางกินนรทั้งห้า |
หนีพระองค์ผู้ทรงลักขณา | เห็นพี่เลี้ยงขวางหน้าประดากัน |
ตกใจต่างร้องหวีดหวีด | หน้าซีดความกลัวตัวสั่น |
ห้านางวิ่งวุ่นพัลวัน | ล้มปะทะปะกันไม่สมประดี |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้น | พระอุณรุททรงสวัสดิ์รัศมี |
กับพี่เลี้ยงผู้ร่วมชีวี | เลี้ยวไล่กินรีวุ่นไป |
บ้างเด็ดสาวหยุดพุดซ้อน | ทิ้งนางกินนรขวักไขว่ |
รายกันกั้นกางขวางไว้ | ฉวัดเฉวียนเวียนไวไปมา |
ฯ ๔ คำ ฯ กลม
๏ เมื่อนั้น | นวลนางกินนรทั้งห้า |
ความกลัวเพียงสิ้นชีวา | กัลยาเวียนวนด้นไป |
วิ่งพลางทางทูลภูวเรศ | อนิจจาทรงเดชมาล้อมไล่ |
กินนรอ่อนเพียงจะขาดใจ | ช่างไม่เวทนาปรานี |
ฯ ๔ คำ ฯ
ศัพท์ไท
๏ สุดเอยสุดสวาท | นุชนาฏผู้มิ่งมารศรี |
เจ้าดวงชีวี | มิได้อาลัย |
ฯ ๒ คำ ฯ
รื้อ
๏ นงเอยนงลักษณ์ | เจ้าจักเดินหนีพี่ไปไหน |
ว่าพลางเลี้ยวไล่ | คว้าไขว่ไปมา |
ปรานีพี่บ้าง | นวลนางทั้งห้า |
มิได้แก้วตา | ไม่ละบังอร |
ฯ ๔ คำ ฯ
รื้อ
๏ พระเอยพระทรงเดช | จงโปรดเกศก่อน |
ทั้งห้ากินนร | อ่อนใจพันทวี |
แม้นพระภูวไนย | ไม่โปรดเกศี |
ทั้งห้ากินรี | จะม้วยชีวา |
ฯ ๔ คำ ฯ
รื้อ
๏ ดวงเอยดวงสมร | เจ้างามงอนจำเริญเสน่หา |
ควรหรือนางฟ้า | มาตัดอาลัย |
จักพูดด้วยเจ้า | ขวัญข้าวหนีไป |
หยุดก่อนอรไท | อย่าเพ่อจรจรัล |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | ห้านางกินนรโฉมสวรรค์ |
นบนิ้วประนมบังคมคัล | สนองบัญชาไปทันที |
ข้าวอนว่าอ่อนหิวนัก | พระทรงจักรไม่โปรดเกศี |
ขอเชิญพระองค์อยู่จงดี | ข้านี้จะถวายบังคมลา |
ว่าพลางห้านางกินริน | ก็โบยบินขึ้นโดยเวหา |
ร่อนรายชายเนตรชำเลืองมา | ดูพระยอดฟ้าแล้วรีบไป |
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้น | พระทรงโฉมประโลมพิสมัย |
ครั้นนางกินรายาใจ | หนีไปโดยทางอัมพร |
พระเร่าร้อนฤทัยอาลัยจิต | ทั้งคิดเสียดายสายสมร |
เหาะขึ้นด้วยกำลังฤทธิรอน | ตามกินนรไปโดยเมฆา |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ งามดั่งพญาราชหงส์ | อันตามเหมอนงค์ปักษา |
แกว่งพระขรรค์ดั้นเมฆทะยานมา | บัดเดี๋ยวทันห้ากินรี |
จึ่งมีพจนารถอันสุนทร | ดูก่อนเยาวยอดเฉลิมศรี |
บินได้แต่เจ้าเมื่อไรมี | ตัวพี่ก็เรืองฤทธิไกร |
อันโฉมนุชนาฏนฤมล | จะหนีพ้นมือพี่ก็หาไม่ |
ตรัสพลางติดพันกระชั้นไป | เลี้ยวไล่ไขว่คว้ากินรา |
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้น | นวลนางกินนรทั้งห้า |
ตกใจเพียงสิ้นชีวา | กัลยาไม่เป็นสมประดี |
ต่างนางบินเบียดเสียดแซง | ขึ้นหน้าเคียงแข่งกันรีบหนี |
เข้าในถํ้าแก้วรูจี | ยังคีรีไกรลาสหิมวัน |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ ทั้งห้ากระจัดพลัดพราย | รายกันเร้นซ่อนไม่มีขวัญ |
ไปตามเปลวปล่องช่องชั้น | ดั้นหนีดั่งจะม้วยมรณา |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ นางแก้วสุดสิ้นกำลังองค์ | ก็ตกลงในห้องเหวผา |
อันลึกประมาณพันวา | กัลยาพ่างเพียงจะขาดใจ |
ฯ ๒ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้น | พระทรงภพลบโลกแผ่นดินไหว |
เห็นนางกินนรตกลงไป | ในเหวลึกใหญ่กันดาร |
ตกใจตะลึงไปทั้งองค์ | ครวญคิดพิศวงสงสาร |
ความรักความเสียดายเยาวมาลย์ | เหาะทะยานตามลงไปทันที |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิดฉาน
๏ เห็นนางเจ็บช้ำลำบากกาย | เพียงชีวิตจะวายลงกับที่ |
ยิ่งตระหนกตกใจพันทวี | ภูมีอุ้มองค์วนิดา |
ค่อยประคองขึ้นวางเหนือตัก | พิศพักตร์เยาวยอดเสน่หา |
เห็นแตกหักย่อยยับทั้งกายา | ผ่านฟ้าสลดระทดใจ |
ฯ ๔ คำ ฯ โอด
โอ้
๏ โอ้อนิจจาเจ้าพี่เอย | กรรมสิ่งไรเลยมาซัดให้ |
รักเจ้าเท่าดวงฤทัย | ไม่คิดอาลัยแก่ชีวัน |
อุตส่าห์พยายามตามมา | หวังว่าจะร่วมภิรมย์ขวัญ |
ควรหรือวนิดาดวงจันทร์ | มาทุกข์แทบอาสัญชีวี |
ทั้งนี้เพราะเจ้าไม่เชื่อใจ | เผอิญให้แก้วตาบินหนี |
อกเอ๋ยจะทำไฉนดี | มารศรีจะฟื้นคืนกาย |
ร่ำพลางสะท้อนจิต | พระครวญคิดอาลัยแล้วใจหาย |
สำคัญว่าสิ้นชีวาวาย | หลานนารายณ์ตะลึงไปทั้งองค์ |
ฯ ๘ คำ ฯ
[๑] ในต้นฉบับหนังสือสมุดไทย บทกลอนตอนนี้ เลขที่ ๕๓๕ ใช้ทำนองเพลงช้าทรง เลขที่ ๕๔๕ ใช้ทำนองร่ายและช้า
[๒] ใช้ตามต้นฉบับหนังสือสมุดไทย เลขที่ ๕๔๕ แต่ในต้นฉบับหนังสือสมุดไทย เลขที่ ๕๓๕ ความต่างออกไปว่า
“๏ สั่งแล้วย่างเยื้องยุรยาตร | นวยนาดวาดกรทั้งซ้ายขวา |
แหวกชัฏลัดลอดเร็วมา | ยังที่กินรายุพาพาล” |
[๓] ต้นฉบับหนังสือสมุดไทย เลขที่ ๕๔๕ เป็น “นงลักษณ์อย่าสอดแคล้วพี่”
[๔] ต้นฉบับหนังสือสมุดไทย เลขที่ ๕๔๕ เป็น “ออกจากสวนจิตลัดดาวัลย์”