- คำนำ
- บทนำเรื่อง
- ที่มาของอนิรุทธคำฉันท์และบทละคอนเรื่องอุณรุท ของ ธนิต อยู่โพธิ์
- ตอนที่ ๑
- ตอนที่ ๒
- ตอนที่ ๓
- ตอนที่ ๔
- ตอนที่ ๕
- ตอนที่ ๖
- ตอนที่ ๗
- ตอนที่ ๘
- ตอนที่ ๙
- ตอนที่ ๑๐
- ตอนที่ ๑๑
- ตอนที่ ๑๒
- ตอนที่ ๑๓
- ตอนที่ ๑๔
- ตอนที่ ๑๕
- ตอนที่ ๑๖
- ตอนที่ ๑๗
- ตอนที่ ๑๘
- ตอนที่ ๑๙
- ตอนที่ ๒๐
- ตอนที่ ๒๑
- ตอนที่ ๒๒
- ตอนที่ ๒๓ ทศมุขพบพระอุณรุท
- ตอนที่ ๒๔
- ตอนที่ ๒๕
- ตอนที่ ๒๖
- ตอนที่ ๒๗
- ตอนที่ ๒๘
- ตอนที่ ๒๙
- ตอนที่ ๓๐
- ตอนที่ ๓๑
- ตอนที่ ๓๒
- ตอนที่ ๓๓
- ตอนที่ ๓๔
- ตอนที่ ๓๕
- ตอนที่ ๓๖
- ตอนที่ ๓๗
- ตอนที่ ๓๘
- ตอนที่ ๓๙
- ตอนที่ ๔๐
- ตอนที่ ๔๑
- ตอนที่ ๔๒
ตอนที่ ๘ ท้าวกรุงพาณปลอมชมนางสุจิตรา
๏ มาจะกล่าวบทไป | ถึงพระอิศวรเรืองศรี |
เสด็จในวิมานรูจี | ยังคีรีไกรลาสหิมพานต์ |
ประดับด้วยทวยเทพอัปสร | บำเรอรำฟ้อนขับขาน |
เสียงรูปรสทิพประโลมลาน | พระทรงญาณแสนสุขทุกเวลา |
ครั้นถึงวันนักขัตฤกษ์ | เทเวศเอิกเกริกทุกทิศา |
ทั้งฝูงนางเทพธิดา | มาประชุมไกรลาสคีรี |
พร้อมกันเฝ้าบาทพระจอมภพ | คอยเล่นมโหรสพเกษมศรี |
โดยจารีตเรื่องประเวณี | ในบุรีสวรรค์อันโอฬาร |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ จึ่งโสรจสรงทรงทิพสุคนธา | ธารกลิ่นบุปผาหอมหวาน |
เสด็จจากห้องแก้วอลงการ | ออกสถานที่ประชุมเทวัญ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ลดองค์ลงเหนือบัลลังก์อาสน์ | สำราญราชหฤทัยเกษมสันต์ |
เทเวศน้อมเศียรบังคมคัล | ทรงธรรม์มีเทวบัญชา |
ตรัสแก่ทวยเทพนิกร | กับนางอัปสรเสน่หา |
ให้เล่นมโหรสพเทวา | ในหน้าพระลานรูจี[๑] |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | เทวบุตรนางฟ้าในราศี |
รับพระเทวราชวาที | น้อมเศียรดุษฎีพร้อมกัน |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ จึ่งจัดระบำรำถวาย | เยื้องกรายกระบวนบิดผัน |
รำเรียงเคียงชิดติดพัน | เวียนวนล่อเลี้ยวไปมา |
ฝูงนางอัปสรเวียนซ้าย | เทวัญหันย้ายเวียนขวา |
ยื้อยุดฉุดกรกัลยา | เลี้ยวลอดสอดคว้าไปในที |
นางฟ้าสลัดปัดกร | คมค้อนแล้วร่ายชายหนี |
เทเวศรำท่าม้าตีคลี | ทำทีกั้นกางขวางไว้ |
นางสวรรค์หันเหียนเปลี่ยนมา | ร่ายรำผาลาเพียงไหล่ |
เทวบุตรติดพันกระชั้นไป | เลียมไล่เย้าหยอกพัลวัน |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ฝูงนางอัปสรสาวสวรรค์ |
เห็นเทเวศรำชิดติดพัน | หันเบียดเสียดสีเข้ามา |
นางตีวงเวียนเปลี่ยนซ้าย | เมียงม่ายค้อนคมในหน้า |
ครั้นฝูงเทพไทไขว่คว้า | นางเปลี่ยนเวียนขวาหันไป |
เทเวศรำภุมรินร่อน | แทรกเสียดอัปสรขวักไขว่ |
นางซัดสองกรอ่อนละไม | เยื้องย่างร่ายไปมิให้ชิด |
เทพบุตรรำโตเล่นหาง | กรายกรเยื้องย่างตามติด |
นางฟ้ารำท่าพรหมนิมิต | ใส่จริตกรีดงอนไปตามกัน |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ฝ่ายฝูงเทเวศสาวสวรรค์ |
พินิจพิศดูระบำบัน | เกษมสันต์ปั่นป่วนยวนใจ |
ทั้งเหล่าดีดสีตีขับ | ร้องรับหาต้องจังหวะไม่ |
ลุกขึ้นรำรวยด้วยกันไป | โทนทับมิได้นำพา |
ฉวยฉุดยุดยื้อพัลวัน | สำรวลสรวลสันต์หรรษา |
สนั่นทั้งไกรลาสบรรพตา | เทวาเกษมเปรมปรีดิ์ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ฝ่ายท้าวกรุงพาณยักษี |
แจ้งว่าสมเด็จพระศุลี | ภูมีให้หมู่เทวัญ |
กับฝูงนางเทพอัปสร | รำฟ้อนบรรเลงเพลงสวรรค์ |
เทเวศถ้วนหน้ามาชุมกัน | ยังบรรพตไกรลาสอันโอฬาร |
บัดนี้เล่นนักขัตฤกษ์ | เอิกเกริกในเทวสถาน |
ตัวกูจะไปยังวิมาน | ร่วมรสสงสารประเวณี |
ด้วยนางอัปสรสาวสวรรค์ | แห่งฝูงเทวัญในราศี |
คิดแล้วโสรจสรงวารี | ทรงเครื่องมณีอลงการ์ |
ออกจากมหาปราสาท | สำแดงอำนาจแกล้วกล้า |
เหาะทะยานผ่านขึ้นเมฆา | ตรงไปฟากฟ้าสุราลัย |
ฯ ๑๐ คำ ฯ กราว
๏ ครั้นถึงซึ่งเทวสถาน | พญามารผู้มีอัชฌาสัย |
จึ่งอ่านพระเวทวุฒิไกร | สำรวมใจจำแลงอินทรีย์ |
ฯ ๒ คำ ฯ ตระ
๏ บัดเดี๋ยวเพศยักษ์ก็กลับกลาย | เป็นกายเทเวศเรืองศรี |
วิไลเลิศเฉิดโฉมสวัสดี | เป็นที่จำเริญวิญญาณ์ |
เสร็จแล้วกรายกรยุรยาตร | งามวิลาสยั่วยวนเสน่หา |
อาจองตรงตามมรคา | เข้าวิมานรัตนาเทวัญ |
ฯ ๔ คำ ฯ เพลง
๏ ขึ้นสถิตเหนือแท่นทิพรัตน์ | สัมผัสสมพาสนางสวรรค์ |
จุมพิตชมเนตรเกศกรรณ | เกษมสันต์ด้วยเทพนารี |
ฯ ๒ คำ ฯ โลมปี่พาทย์
๏ เข้าไพชนต์ไหนก็แปลงเพศ | เหมือนเทเวศจ้าววิมานมณีศรี |
ปลอมสมชมรสฤๅดี | อสุรีสำเริงภิรมยา |
ฯ ๒ คำ ฯ โลมปี่พาทย์
๏ ครั้นจวนเทวาสุราราช | จะมาแต่ไกรลาสภูผา |
ก็ออกจากวิมานรัตนา | กลับมานคเรศสำราญใจ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้น | ฝ่ายฝูงเทเวศน้อยใหญ่ |
เสร็จระบำรำถวายภูวไนย | ปิ่นไกรลาสเลิศปรีชาชาญ |
ต่างองค์ต่างน้อมศิโรตม์ราบ | กราบบาทด้วยใจเกษมศานต์ |
ออกจากที่เฝ้าพระทรงญาณ | กลับมาวิมานอลงกรณ์ |
ฯ ๔ คำ ฯ เหาะ
๏ ครั้นถึงเขาห้องไสยาสน์ | เอนอาตม์แท่นทิพบรรจถรณ์ |
ต่างชมนางฟ้าสถาวร | สโมสรสำราญวิญญาณ์ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ฝูงนางสวรรค์เสน่หา |
ประหลาดจิตให้คิดสงกา | จึ่งทูลถามเทวาทันใด |
เมื่อกี้พระองค์ผู้ทรงฤทธิ์ | เสด็จมาเชยชิดพิสมัย |
แล้วลีลาศจากอาสน์ออกไป | ยังไม่ทันจะล่วงนาที |
เป็นไฉนมาทำเช่นนี้เล่า | แต่เฝ้าภิรมย์สมศรี |
ผิดเพศจารีตประเวณี | ข้านี้เป็นน่าบัดสีใจ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ฝูงเทพนิกรน้อยใหญ่ |
ได้ฟังนางฟ้าสุราลัย | ตกใจตะลึงทั้งกายา |
เป็นไฉนจึ่งว่าฉะนี้เล่า | ตัวเรามิได้เข้ามาหา |
ชะรอยกรุงพานอสุรา | ผู้ใจหยาบช้าสาธารณ์ |
มันแปลงมาปลอมรสรัก | นงลักษณ์พี่ยอดสงสาร |
ว่าพลางเร่าร้อนวิญญาณ | เพียงเพลิงเผาผลาญดวงใจ |
ความอายความแค้นเป็นสุดคิด | น้อยจิตปิ้มเลือดตาไหล |
อันฝูงนางฟ้าสุราลัย | แจ้งใจก็แสนโศกา |
ฯ ๘ คำ ฯ โอด
๏ ฝ่ายหมู่เทเวศทุกวิมาน | คิดแค้นกรุงพาณยักษา |
ออกจากทิพไสยา | ต่างมาเฝ้าองค์หัสนัยน์ |
ฯ ๒ คำ ฯ โคมเวึยน
๏ ครั้นถึงจึงประณตบทบงสุ์ | กราบลงแล้วถอนใจใหญ่ |
ทูลความแต่ต้นจนปลายไป | โดยในเหตุผลทุกประการ |
ฯ ๒ คำ ฯ
ช้า
๏ เมื่อนั้น | พระปิ่นเมรุมาศราชฐาน |
ฟังเทเวศแจ้งว่ากรุงพาณ | มาทำหักหาญบีฑา |
ให้ตะลึงรึงร้อนดั่งไฟพิษ | มาจ่อจิตเผาผิวมังสา |
พิโรธรุ่มกลุ้มกลัดวิญญาณ์ | จึ่งมีบัญชาตรัสไป |
ดูดู๋อ้ายกรุงพาณยักษ์ | อัปลักษณ์ทำถึงเพียงนี้ได้[๒] |
หยาบช้าสาหัสไม่เกรงใคร | ทะนงใจกำเริบฤทธี |
มันจะถึงพรหมลิขิต | จึ่งบันดาลจิตยักษี |
ทำชั่วให้เห็นเป็นว่าดี | ไม่ช้าชีวีจะวอดวาย |
ฯ ๘ คำ ฯ
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | ฝ่ายฝูงเทเวศทั้งหลาย |
ได้ฟังโอวาทบรรยาย | ค่อยคลายเร่าร้อนวิญญาณ์ |
ต่างองค์กราบลงแทบบาท | ท้าวเทวราชนาถา |
นอมเศียรดุษฎีชุลีลา | กลับมาวิมานสำราญใจ |
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
๏ เมื่อนั้น | พระปิ่นเมรุมาศเขาใหญ่ |
แต่นั้นจะเสด็จไปแห่งใด | มิได้ไว้ใจขุนมาร |
ร่ายมนต์เทวาวราฤทธิ์ | อันประสิทธิ์ศักดากล้าหาญ |
ผูกมั่นกั้นปิดพระทวาร | แล้วจึ่งจากสถานไคลคลา |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ฝ่ายท้าวกรุงพาณยักษา |
บรรทมในที่ไสยา | ราคร้อนอุราดั่งเพลิงกัลป์ |
กูไปปลอมชมบรมสุข | ด้วยนางทั่วทุกวิมานสวรรค์ |
ยังแต่สุจิตราวิลาวัณย์ | อันเป็นมเหสีหัสนัยน์ |
มิได้สู่สมชมชิด | ร่วมรสสนิทพิสมัย |
อย่าเลยตัวกูจะขึ้นไป | เชยโฉมอรไทให้สำราญ |
คิดแล้วอ่าองค์ทรงเครื่อง | อร่ามเรืองด้วยดวงมุกดาหาร |
ออกจากปราสาทอลงการ | เหาะทะยานขึ้นยังเมืองฟ้า |
ฯ ๘ คำ ฯ กราว
๏ ครั้นถึงสถานเทเวศ | นคเรศนามดาวดึงสา |
แลเห็นองค์อัมรินทรา | มิได้ลีลาไปแห่งใด |
จึ่งกลับกลายเป็นเพศตุ๊ดตู่ | แอบอยู่ริมบานทวารใหญ่ |
แห่งห้องมหาพิมานชัย | มิให้ใครเห็นอินทรีย์ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | องค์ท้าวตรีเนตรเรืองศรี |
เมื่อจะพรากจากอัครเทวี | อันมีนามนางสุจิตรา |
เผอิญให้เร่าร้อนอาวรณ์ใจ | สถิตไหนไม่บรมสุขา |
คิดจะใคร่ไปสรงคงคา | ยังสวนจิตราลดาวัลย์ |
ฯ ๔ คำ ฯ
ร่าย
๏ จึ่งเสด็จจากแท่นทิพอาสน์ | อันโอภาสด้วยแก้วมณีสวรรค์ |
กรายกรย่างเยื้องจรจรัล | ทรงธรรม์เข้าที่สำราญกาย |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
โทน
๏ ชำระองค์สรงสินธุวาเรศ | ท่อทองปทุเมศกระแสสาย |
ทรงสุคนธ์ปนทิพสุพรรณพราย | นางสวรรค์วีกรายพัชนี |
ทรงสอดสนับเพลาประดับพลอย | ลายลอยเครือก้านมณีศรี |
ทรงภูษาทิพเทวครี | พื้นเขียวขจีจับองค์ |
ชายไหวไหวพรายชายแครง | เพชรแดงประดับกระหนกหงส์ |
สะอิ้งแก้วคู่สันดุสิตทรง | ฉลององค์เครือมาศสังเวียนวาม |
ตาบทิศทับทรวงดวงกุดั่น | สังวาลวรรณเพชรเหลืองเรืองอร่าม |
ทองกรพาหุรัดลายภูกาม | ธำมรงค์เพชรพลามดั่งเพลิงพราย |
ทรงมงกุฎแก้วเทวราช | กรรเจียกจอนนพมาศวิเชียรฉาย |
ห้อยสุวรรณมาลัยไพฑูรย์ราย | จับพระขรรค์เพชรกรายลีลา |
ฯ ๑๐ คำ ฯ เพลง
๏ ครั้นออกนอกทิพพิมาน | ปิดบานไพชนต์ทั้งซ้ายขวา |
ร่ายเวทประสิทธิ์วิทยา | ผูกพระทวาราอลงกรณ์ |
ฯ ๒ คำ ฯ ตระ
๏ แล้วเสด็จย่างเยื้องยูรยาตร | พร้อมหมู่เทวราชอัปสร |
สำราญหฤทัยภูธร | กรายกรขึ้นยังเวชยันต์ |
ฯ ๒ คำ ฯ บาทสกุณี
๏ รถเอยรถทรง | สำหรับองค์เจ้าไตรตรึงษ์สวรรค์ |
ทรงปราบไพจิตรชาญฉกรรจ์ | กงสุวรรณกำแก้วประกับกาญจน์ |
แอกงอนอ่อนงามด้วยมรกต | ชั้นลดบัลลังก์มุกดาหาร |
ครุฑอัดสิงห์แอบเผ่นทะยาน | กระจังแก้วช่อก้านกระหนกกลาย |
บุษบกเรือนเก็จเสากาบ | ทองทาบไว้ที่มณีฉาย |
พนักอิงบังอวดประกวดลาย | บันแพร้วแก้วพรายปราลี |
พันยอดสูงเย้ยโพยมเยี่ยม | สุกเทียมแสงทัดพระสุรีย์ศรี[๓] |
เทียมสินธพเทพพาชี | พันหนึ่งล้วนมีฤทธิรุทร |
มาตุลีขับแล่นดั่งลมพาน | กงกระทบก้องสะท้านอึงอุตม์ |
เครื่องสูงเฉลิมศรีมณีธุช | เทพบุตรแห่ระเบียบเรียบเรียง |
แตรทิพหรทึกกึกก้อง | ปี่ฆ้องกลองขานประสานเสียง |
สังข์เสนาะเพราะสนั่นด้วยสำเนียง | เดินเคียงเป็นคู่ครรไลจร |
ฯ ๑๒ คำ ฯ กลองโยน
๏ ครั้นถึงสวนจิตรลดา | เป็นที่เทวาสโมสร |
เสด็จจากรถแก้วอลงกรณ์ | บทจรลีลาศประพาสไป |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
ชมดง
๏ เที่ยวชายตรัสชวนอัปสรสวรรค์ | ชมชั้นรุกขชาติน้อยใหญ่ |
พื้นดรุณต้นรุ่นระบัดใบ | ดอกผลอำไพเป็นพุ่มพวง |
งามล้ำกว่าเหล่าพฤกษาชาติ | ในสัตภัณฑ์ไกรลาสภูเขาหลวง |
บ้างแบ่งบานกลีบก้านผกาดวง | เกสรโรยร่วงขจรรส |
ทิชากรต่างกันด้วยพรรณเพศ | ล้วนเทเวศแปลงกายอลงกต |
จับแอบถวายองค์พระทรงยศ | เป็นหลั่นลดวิลาสประหลาดตา |
หงส์ทองร้องทอกับนางหงส์ | แล้วโผลงจิกพวงบุปผา |
นกแก้วเหมือนแก้วทั้งกายา | จับเหียงเมียงหาคณานาง |
โนรีมยุเรศดุเหว่าแว่ว | จับจันทน์ผันจรแล้วฟ้อนหาง |
ส่งสำเนียงเสนาะอยู่ริมทาง | ฟังพลางชมเพลินจำเริญใจ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ เพลง
สระบุหร่ง
๏ เสด็จลงโสรจสรงในสระศรี | วารีบริสุทธิ์เย็นใส |
ทรายทองกรวดแก้วแววไว | บุษบงเบียดใบหลายพรรณ |
บัวแดงแดงดั่งปัทมราช | ขาวสะอาดเพียงโขมพัตถ์สวรรค์ |
บ้างตูมบานพึ่งแย้มแกมกัน | เรณูนั้นโรยร่วงในวารี |
พระเด็ดดวงโกมุทกมุทมาศ[๔] | ให้อนงค์วรนาฏอัปสรศรี |
ชมอุบลเชยจงกลนี | สัตบุษย์คลายคลี่ผกากาญจน์ |
ปลาทิพล้วนเทพจำแลงกาย | เกล็ดพรายคล้ายแก้วมุกดาหาร |
เป็นหมู่หมู่ว่ายวนในชลธาร | แอบก้านกินกลีบประทุมมา |
ฝูงหงส์เหินลงลอยล่อง | ส่งเสียงเรื่อยร้องหรรษา |
สรงพลางชมเพลินจำเริญตา | ค่อยสบายวิญญาณ์สถาวร |
ฯ ๑๐ คำ ฯ ลงสรงปี่พาทย์
๏ เมื่อนั้น | ฝ่ายท้าวกรุงพาณชาญสมร |
เห็นองค์โกสิตฤทธิรอน | บทจรจากห้องวิมานชัย |
ร่ายเวทผูกพระทวารา | ใครมีศักดาไม่เปิดได้ |
สุดรู้ที่จะทำประการใด | จนใจเป็นพ้นพันทวี |
จำได้แต่วิทยามนต์ | ซึ่งผูกบานไพชนต์มณีศรี |
ขึ้นปากขึ้นใจอสุรี | ด้วยปรีชาอันชำนาญ |
คิดว่าตัวกูจะอยู่ท่า | พระอินทร์กลับมายังสถาน |
ให้ร่ายพระเวทชัยชาญ | เปิดมหาทวารพิมานชัย |
จึ่งจะค่อยจำกำหนด | เอาบทพระมนต์นั้นให้ได้ |
แม้นมิสมจิตที่คิดไว้ | ก็ไม่กลับคืนไปยังพารา |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ฝ่ายองค์เจ้าไตรตรึงษา |
สรงเสร็จก็เสด็จกลับมา | กับฝูงเทวาบริวาร |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึ่งร่ายทิพมนต์ | เปิดบานไพชนต์มุกดาหาร |
เสด็จเข้าห้องแก้วอลงการ | แสนสำราญพระทัยเปรมปรีดิ์ |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวพาณาสูรยักษี |
จำได้พระเวทอันฤทธี | สำหรับที่ผูกแก้ทวารา |
มีความชื่นชมโสมนัส | ดั่งได้สมบัติในดึงษา[๕] |
ครั้งนี้โฉมนางสุจิตรา | อันทรงลักขณาวิลาวัณย์ |
เห็นไปไม่พ้นมือเรา | คงจะได้ร่วมเคล้าภิรมย์ขวัญ |
คิดแล้วเหาะจากเวไชยันต์ | กุมภัณฑ์กลับมายังธานี |
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้น | องค์ท้าวหัสเนตรเรืองศรี |
สถิตในห้องแก้วรูจี | มีจิตถวิลจินดา |
จะใคร่ไปประพาสนันทวัน | ชมซึ่งหมู่พรรณพฤกษา |
จึ่งมีมธุรสบัญชา | แก่โฉมสุจิตรายุพาพาล |
วันนี้ตัวพี่จะลาเจ้า | ขวัญข้าวผู้ยอดสงสาร |
ไปเล่นยังสวนอุทยาน | เยาวมาลย์จงอยู่สวัสดี |
ตรัสแล้วเสด็จยุรยาตร | จากห้องทิพมาศมณีศรี |
ร่ายเวทผูกทวารด้วยฤทธี | แล้วเสด็จเข้าที่สรงชล |
ฯ ๘ คำ ฯ
โทน
๏ เทเวศไขท่อปทุมทอง | น้ำทิพเป็นละอองฝอยฝน |
ลูบไล้เครื่องทิพเสาวคนธ์ | กลิ่นกลั้วพระสกนธ์กายา |
สอดสนับเพลาพลอยประดับดวง | เชิงงอนเพชรรุ้งร่วงทั้งซ้ายขวา |
ทรงทิพภูษิตเครือลดา | ก้านลายเลขาเขียนทอง |
ชายไหวชายแครงทับทิมสวรรค์ | คู่ท้าวเทวัญในชั้นสอง |
ฉลององค์เครือมาศสังเวียนกรอง | สังวาลไพฑูรย์รองทับทรวง |
ตาบทิศทองกรเหราพต | พาหุรัดมรกตโชติช่วง |
ธำมรงค์เรือนเก็จเพชรพวง | มงกุฎแก้วแววดวงกุณฑลธาร |
ทัดกรรเจียกจอนทั้งซ้ายขวา | ห้อยสุวรรณมาลามุกดาหาร |
ทรงพระแสงขรรค์แก้วสุรกานต์ | มาขึ้นคชาธารเอราวัณ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ เพลง
๏ ช้างเอยช้างนิมิต | เทเวศเบือนบิดประดิษฐ์สรรค์ |
เผือกผ่องเหี้ยมหาญชาญฉกรรจ์ | ผิวพรรณผาดพริ้มทั้งอินทรีย์ |
สามสิบสามเศียรเพริศแพร้ว | วิมานแก้วทุกเศียรสารศรี |
งางอนงามงวงพ่วงพี | ร่ายมณีเครือกระหนกปกตระพอง |
เทริดทรงสูงเสยเงยง้ำ | วิลาสล้ำหัสดีไม่มีสอง |
หางหูพู่แก้วประกวดกรอง | ชนักทองถักเกี้ยวเกลียวประพาฬ |
สายตระพัดสอดรัตคนคาด | ดาวมาศดวงบุษย์มุกดาหาร |
อร่ามเรืองครบเครื่องอลงการ | ยืนทะยานหยัดเยี่ยมโพยมพราย |
เครื่องสูงกลดกลิ้งกระชิงฉัตร | ภิรุมรัตบังสูรย์จำรูญฉาย |
ประโคมคึกฮึกแห่เรียบราย | ดำเนินกรายพาหนาศลีลาศมา |
ฯ ๑๐ คำ ฯ เชิด
ร่าย
๏ ครั้นถึงสถานสวนศรี | อันเป็นที่เทวัญหรรษา |
ลงจากอาสน์เทพไอยรา | เทวาโดยเสด็จแน่นนันต์ |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
ชมดง
๏ เที่ยวประพาสเหยียบแผ่นสุพรรณพื้น | สำราญรื่นร่ายชมพฤกษาสวรรค์ |
ลางต้นต้นแก้วใบสุวรรณ | ดอกดวงพวงพรรณด้วยเงินงาม |
บางต้นต้นเงินใบแก้ว | ผกาแล้วด้วยทองเรืองอร่าม |
ที่ต้นทองดอกแก้วแวววาม | ใบเงินดูงามอรชร |
พิกุลแก้วจำปาปีบประยงค์ | มหาหงส์ทรงทิพเกสร |
สารภีคลายคลี่ผกากร | มะลิซ้อนกุหลาบตลบมา |
ยมโดยลำดวนหวนหอม | พะยอมแย้มแบ่งบานบุปผา |
เรณูนวลร่วนรสสุคนธา | พระพายพากลิ่นฟุ้งจรุงใจ |
เทเวศโน้มกิ่งชิงกัน | เก็บพรรณกุสุมาลย์บานไสว |
ถวายองค์สมเด็จหัสนัยน์ | ชมพลางเพลินพระทัยด้วยมาลี |
ฯ ๑๐ คำ ฯ เพลง
๏ เมื่อนั้น | ฝ่ายท้าวกรุงพาณยักษี |
แต่กลับจากฟากฟ้ามาธานี | อสุรีรำพึงคะนึงนัก |
ตัวกูไปเที่ยวสู่สม | ปลอมภิรมย์ชมนางในไตรจักร |
ทั้งมนุษย์ครุฑาสุรารักษ์ | ไม่ยากนักเหมือนนางสุจิตรา |
ด้วยองค์โกสีย์ตรีเนตร | รู้เหตุพิทักษ์รักษา |
ร่ายเวทประสิทธิ์วิทยา | ผูกมหาทวารวิมานไว้ |
หากกูเชี่ยวชาญชำนาญกล | จำมนต์ผูกแก้ทวารได้ |
วันนี้จะลอบขึ้นไป | ซ้อนกลหัสนัยน์ด้วยปรีชาญ |
คิดแล้วลุกจากบรรจถรณ์ | ทรงเครื่องอาภรณ์มุกดาหาร |
ขึ้นยังเกยแก้วอลงการ | เหาะทะยานตรงไปด้วยฤทธี |
ฯ ๑๐ คำ ฯ กราว
๏ ครั้นถึงชั้นดาวดึงษา | รู้ว่าสมเด็จโกสีย์ |
ไปประพาสยังสวนมาลี | อสุรีชื่นชมด้วยสมคิด |
จึ่งยอกรกฤษฎาญอ่านเวท | อุปเทศพรหมาประกาศิต |
มีเดชศักดาวราฤทธิ์ | เบือนบิดจำแลงกายา |
ฯ ๔ คำ ฯ ตระ
๏ เพศยักษ์ก็กลับทันใด | เป็นรูปเจ้าไตรตรึงษา |
อรชรอ้อนแอ้นจำเริญตา | พริ้มพร้อมลักขณาวิลาวัณย์ |
งามองค์งามทรงอาภรณ์แก้ว | เพริศแพร้วเฉิดโฉมประโลมขวัญ |
เสร็จแล้วนบนิ้วบังคมคัล | กุมภัณฑ์ร่ายเวทเกรียงไกร |
ฯ ๔ คำ ฯ ตระ
๏ เดชะพระมนต์อันเชี่ยวชาญ | พระทวารก็เปิดออกได้ |
จึ่งกรายกรบทจรเข้าไป | ยังในห้องแก้วรูจี |
ฯ ๒ คำ ฯ เพลง
๏ เมื่อนั้น | นางสุจิตราโฉมศรี |
สถิตเหนือแท่นรัตน์มณี | เทวีเหลือบนัยน์เนตรมา |
เห็นรูปอสุรีนีรมิต | คิดว่าเจ้าไตรตรึงษา |
มีความชื่นชมภิรมยา | ก็วิ่งมารับเสด็จภูธร |
ฯ ๔ คำ ฯ เพลง
๏ เมื่อนั้น | ท้าวพาณาสูรชาญสมร |
เห็นอนงค์องค์เทพบังอร* | บทจรมารับก็ยินดี |
ดั่งได้เสวยสวัสดิ์สวรรยา | หกห้องชั้นฟ้าราศี |
ก็กุมกรย่างเยื้องจรลี | ขึ้นแท่นมณีอลงการ |
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
๏ จึ่งมีมธุรสพจนารถ | ประภาษปราศรัยด้วยคำหวาน |
เจ้าผู้ยอดมิ่งเยาวมาลย์ | คู่สร้างสมภารด้วยกันมา |
จึ่งได้ร่วมทิพสมบัติ | เสวยสวัสดิ์ในดาวดึงษา |
พี่แสนพิศวาสวนิดา | กับดวงชีวาเสมอกัน |
ฯ ๔ คำ ฯ โลม
๏ ว่าพลางเย้ายวนชวนชิด | จุมพิตเชยโฉมประโลมขวัญ |
เลียมลอดสอดคว้าพัลวัน | แสนกระสันฤทัยดังไฟฟอน |
เชยเนตรเกศแก้มแกมสวาท | สัมผัสพาดปทุมเกสร |
รื่นรสสดดวงอรชร | ภมรมาศฟอนเคล้าคลึงผกา |
เรณูนวลหวนอบตลบฟุ้ง | จรุงสระทิพเทพดึงษา |
สุนีบาตฟาดสายในเมฆา | เมขลาล่อแก้วแพรวพราย |
โพยมพยับอับดวงสุริยัน | ฝนสวรรค์เซ็งแซ่กระแสสาย |
ต้องทิพมาลีคลี่คลาย | สองสำเริงจิตกายเปรมปรีดิ์ |
ฯ ๘ คำ ฯ โลม
๏ ครั้นเสร็จภิรมย์สมสวาท | จึ่งกรุงพาณราชยักษี |
กล่าวเกลี้ยงมธุรสวาที | เจ้าพี่ผู้ดวงชีวัน |
บัดนี้ก็เป็นเพลาการ | เทเวศในสถานสรวงสวรรค์ |
มาคอยประชุมพร้อมกัน | ตามอย่างปางบรรพ์บุราณมา |
ตัวพี่จะจำจากเจ้า | ขวัญข้าวผู้ยอดเสน่หา |
ไปออกฝูงเทพเทวา | แก้วตาจงอยู่สถาวร |
ว่าแล้วโลมลูบปฤษฎางค์ | เชยปรางค์รับขวัญสายสมร |
ลุกจากอาสน์แก้วอลงกรณ์ | บทจรออกจากพิมานชัย |
ฯ ๘ คำ ฯ เสมอ
๏ จึ่งร่ายวิทยาศักดาเดช | ขององค์ตรีเนตรซึ่งจำได้ |
ผูกมหาทวารวิมานไว้ | มิให้หัสนัยน์สงกา |
ฯ ๒ คำ ฯ ตระ
๏ เสร็จแล้วเหาะทะยานขึ้นอากาศ | ด้วยอำนาจฤทธิ์แกล้วกล้า |
ว่องไวไม่ทันพริบตา | กลับคืนรัตนาธานี |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
[๑] ใช้ตามต้นฉบับหนังสือสมุดไทย เลขที่ ๕๕๐ ความว่า “ในหน้าพลานรู้จี” และเลขที่ ๕๗๐ ความว่า “ในหน้าพระลานรูจี”
[๒] อัปลักษณ์ ต้นฉบับสมุดไทย เลขที่ ๕๕๐ และ ๕๗๐ เขียนว่าอัประหลัก ตรงกันทั้งสองฉบับ ซึ่งเป็นการเขียนตามเสียงว่าคำกลอนตรงนี้ควรอ่านเช่นนี้จึงไพเราะ
[๓] ใช้ตามฉบับพิมพ์เดิม ซึ่งใช้ตามต้นฉบับหนังสือสมุดไทยเลขที่ ๕๕๐ ส่วนต้นฉบับหนังสือสมุดไทยเลขที่ ๕๗๐ ความต่างออกไปว่า “สูงเทียมแสงทัดพระสุระศรี”
[๔] ในต้นฉบับหนังสือสมุดไทย เลขที่ ๕๕๐ และ ๕๗๐ เป็น “พระเด็ดดวงโกมุทกระหมุทมาท” ทั้งสองฉบับ เข้าใจว่าเป็นการคัดลอกตามเสียงอ่าน
[๕] แก้ตามต้นฉบับหนังสือสมุดไทย เลขที่ ๕๕๐ และ ๕๗๐ ซึ่งตรงกันทั้ง ๒ ฉบับ ฉบับพิมพ์ก่อนนี้ใช้ “ดั่งได้สมบัติไตรตรึงษา”