- คำนำ
- บทนำเรื่อง
- ที่มาของอนิรุทธคำฉันท์และบทละคอนเรื่องอุณรุท ของ ธนิต อยู่โพธิ์
- ตอนที่ ๑
- ตอนที่ ๒
- ตอนที่ ๓
- ตอนที่ ๔
- ตอนที่ ๕
- ตอนที่ ๖
- ตอนที่ ๗
- ตอนที่ ๘
- ตอนที่ ๙
- ตอนที่ ๑๐
- ตอนที่ ๑๑
- ตอนที่ ๑๒
- ตอนที่ ๑๓
- ตอนที่ ๑๔
- ตอนที่ ๑๕
- ตอนที่ ๑๖
- ตอนที่ ๑๗
- ตอนที่ ๑๘
- ตอนที่ ๑๙
- ตอนที่ ๒๐
- ตอนที่ ๒๑
- ตอนที่ ๒๒
- ตอนที่ ๒๓ ทศมุขพบพระอุณรุท
- ตอนที่ ๒๔
- ตอนที่ ๒๕
- ตอนที่ ๒๖
- ตอนที่ ๒๗
- ตอนที่ ๒๘
- ตอนที่ ๒๙
- ตอนที่ ๓๐
- ตอนที่ ๓๑
- ตอนที่ ๓๒
- ตอนที่ ๓๓
- ตอนที่ ๓๔
- ตอนที่ ๓๕
- ตอนที่ ๓๖
- ตอนที่ ๓๗
- ตอนที่ ๓๘
- ตอนที่ ๓๙
- ตอนที่ ๔๐
- ตอนที่ ๔๑
- ตอนที่ ๔๒
ตอนที่ ๑๐ ท้าวอุทุมราชถวายนางศรีสุดาแก่พระอุณรุท
ช้า
๏ เมื่อนั้น | ฝ่ายพระอุณรุทเรืองศรี |
อยู่จำเริญสุขสวัสดี | โรคภัยไม่มีแผ้วพาน |
พระพี่เลี้ยงฝ่ายหน้าทั้งสี่องค์ | กับอนงค์เยาวยอดสงสาร |
ถนอมเลี้ยงเพียงเทวกุมาร | ด้วยยศศักดิ์ศฤงคารอันโอฬาร์ |
พระบิตุเรศให้เรียนศิลปศาสตร์ | สำหรับราชสุริย์วงศ์นาถา |
ทุกสิ่งรู้ดีด้วยปรีชา | แต่ในชันษาได้โสฬส |
พระเดชดังสุริยาเพลาเที่ยง | สำเนียงคุณเลื่องหล้าปรากฏ |
พระเกียรติก้องทุกนครขจรยศ | เกรงศักดาหมดทั้งแปดทิศ |
งามรูปงามฤทธิ์สิริโฉม | งามประโลมโลกเพลินจำเริญจิต |
แต่บันเทิงเริงเล่นอยู่เป็นนิตย์ | ในการประกอบกิจวิทยา |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
ร่าย
๏ เช้าเย็นเล่นลองคชสาร | ซ้อมหัดทวยหาญให้แกล้วกล้า |
ประลองรถสินธพอาชา | ศึกษาไม่เว้นทิวาวัน |
ถึงเวลาก็พาพระพี่เลี้ยง | ผู้ร่วมเรียงสุริย์วงศ์รังสรรค์ |
กับหมู่มหาดเล็กทั้งนั้น | จรจรัลไปยังพระลานชัย |
ฯ ๔ คำ ฯ เพลง
๏ เสด็จขึ้นคชสารศรี | เหี้ยมหาญตัวดีสูงใหญ่ |
พี่เลี้ยงขี่เคียงเรียงไป | ขับให้แล่นไล่อลวน |
เล่นขอล่อแพนด้วยสินธพ | เลี้ยวไล่ตลบสับสน |
ชำนิชำนาญชาญผจญ | แกว่นแกล้วทุกกลกษัตรา |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
ช้า
๏ มาจะกล่าวบทไป | ถึงท้าวอุทุมราชนาถา |
เสด็จเสวยแสนสวัสดิ์สวรรยา | ในพาราโรมราชธานี |
เป็นเอกองค์อุดมด้วยสมบัติ | นานานพรัตน์เฉลิมศรี |
ประกอบทั้งจตุรงค์โยธี | รถาพาชีคเชนทร |
มีพระมเหสีสุริย์วงศ์ | ทรงนามอุบลเกสร |
งามเสงี่ยมเทียมเทพนิกร | อรชรพริ้มพร้อมทั้งกายา |
ประดับด้วยอนงค์สนมนาฎ | มารยาทยั่วยวนเสน่หา |
สามหลั่นสรรค์ทรงลักษณา | แปดพันกัลยายุพาพาล |
เกณฑ์กันบำเรอรำฟ้อน | ประกวดกรสังคีตขับขาน |
แสนเกษมสุโขมโหฬาร | ดั่งองค์มัฆวานเทวัญ |
มีราชธิดานงลักษณ์ | พิมพ์พักตร์เพียงอัปสรสวรรค์ |
ชื่อศรีสุดาดวงจันทร์ | ผิวพรรณผุดผ่องดั่งทองทา |
จำเริญรุ่นชันษาสิบสี่ปี | ส่งศรีวิลาศดั่งเลขา |
องค์พระบิตุเรศมารดา | รักดั่งดวงตาดวงใจ |
ฯ ๑๔ คำ ฯ
๏ แจ้งมาว่าหน่อพระจักรกฤษณ์ | อันสถิตณรงกากรุงใหญ่ |
ทรงนามไกรสุทวุฒิไกร | ภูวไนยมีอัครโอรส |
ชื่ออุณรุทราชกุมาร | ลือสะท้านชมบุญทุกเมืองหมด |
เรืองฤทธิ์ปรีชาศักดายศ | ปรากฏดั่งดวงทินกร |
จึ่งมีมธุรสวาที | บอกพระมเหสีสายสมร |
ตามข่าวเล่าเลื่องลือขจร | โดยภูธรได้สดับมา |
อันราชบุตรีของเรา | โฉมเฉลาเลิศลักษณ์ดังเลขา |
จะถวายเป็นอัครชายา | พระอุณรุทยอดฟ้ายุพาพาล |
สองเมืองจะได้เนื่องด้วยไมตรี | เป็นสุวรรณปัฐพีไพศาล |
ซึ่งพี่ดำริตริการ | เยาวมาลย์จะเห็นประการใด |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระเทวีผู้มีอัชฌาสัย |
ได้ฟังพจนารถภูวไนย | อรไททูลสนองพระบัญชา |
อันซึ่งพระราชบุตรี | เป็นที่สุดแสนเสน่หา |
ดั่งดวงหฤทัยนัยนา | รักษามิให้มีราคีพาน |
หวังจะให้สืบสุริย์วงศ์ | ดำรงนคเรศราชฐาน |
ซึ่งจะยกพระยอดเยาวมาลย์ | อันปานดั่งดวงชีพชีวี |
ถวายไปณรงกาบุรีราช | ข้าบาทมิให้เคืองบทศรี |
จำเป็นจำไกลพระบุตรี | ตามที่ผลกรรมได้ทำมา |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวอุทุมราชนาถา |
ได้ฟังพระอัครชายา | ผ่านฟ้าจึ่งตรัสปลอบไป |
เจ้าดวงฤทัยนัยน์เนตร | อัคเรศผู้เพื่อนพิสมัย |
ลูกเราก็จำเริญวัย | ควรให้มีคู่ภิรมย์รัก |
เล็งดูกษัตริย์ทุกธานี | ก็ไม่เห็นสมศรีสมศักดิ์ |
นี่สมรูปสมโฉมสมพักตร์ | สมศรีเลิศลักษณ์เสมอกัน |
สมทั้งสุริย์วงศ์จึ่งจงให้ | ดวงใจพี่ผู้เฉลิมขวัญ |
อย่าแสนทุกข์พระทัยจาบัลย์ | จะเป็นศรีไอศวรรย์สถาวร |
ตรัสแล้วย่างเยื้องยุรยาตร | จากอาสน์แท่นที่บรรจถรณ์ |
นวยนาดวาดชายกรายกร | บทจรออกยังพระโรงชัย |
ฯ ๑๐ คำ ฯ เสมอ
๏ จึ่งมีพระราชวาที | สั่งมหาเสนีผู้ใหญ่ |
จงแต่งสำเภาอำไพ | ให้ได้ห้าร้อยรจนา |
อาลักษณ์เร่งลงราชสาร | จัดบรรณาการมีค่า |
บรรทุกทุกลำเภตรา | จะให้เสนานำพระบุตรี |
ไปเสกกับองค์พระอุณรุท | หน่อท้าวไกรสุทเรืองศรี |
ผู้ผ่านณรงกาธานี | หลานพระจักรีเลิศไกร |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ฝ่ายมหาเสนาผู้ใหญ่ |
ก้มเกล้ารับสั่งภูวไนย | บังคมไหว้แล้วรีบออกมา |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ เกณฑ์กันทั่วทุกพนักงาน | เร่งรัดจัดการถ้วนหน้า |
บ้างแต่งสำเภาเภตรา | ห้าร้อยลอยท่าเรียงราย |
สรรพด้วยต้นหนคนใช้ | สมอใบกว้านช่อเฉิดฉาย |
บรรณาการทองแก้วแพรวพราย | จัดจ่ายบรรทุกครบครัน |
อันลำทรงองค์พระธิดา | โอฬาร์เพริดพริ้งทุกสิ่งสรรพ์ |
แท่นทองห้องเขียนลายสุวรรณ | ฉากกั้นม่านมาศดาดเพดาน |
อาลักษณ์ลงสารยังลานทอง | ใส่กล่องประดับมุกดาหาร |
วางเหนือมณฑปโอฬาร | เตรียมการเสร็จโดยพระบัญชา |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวอุทุมราชานาถา |
ครั้นเสร็จซึ่งแต่งเภตรา | ผ่านฟ้าชื่นชมยินดี |
จึ่งให้จัดนางพระพี่เลี้ยง | อันควรเคียงพระธิดามารศรี |
แต่ละองค์ทรงกัลยาณี | สิบหกนารีร่วมใจ |
กับองค์กำนัลสรรตระกูล | ล้วนสมบูรณ์ลักขณาอัชฌาสัย |
ห้าร้อยแน่งน้อยจำเริญวัย | ทั้งเถ้าแก่ต่างใจต่างตา |
ขอเฝ้าเหล่าพงศ์พญารี | พื้นปรีชาชาญหาญกล้า |
ห้าร้อยรอบราชกิจจา | ให้พระธิดายุพาพาล |
ประทานทั้งบรมสมบัติ | เนาวรัตน์แก้วแหวนแสนสาร |
เสร็จแล้วจึ่งยังพระเยาวมาลย์ | ให้เข้าที่สนานอินทรีย์ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระยอดฟ้าธิดามารศรี |
นบนิ้วรับราชวาที | แล้วเสด็จเข้าที่สนานองค์ |
ฯ ๒ คำ ฯ
ชมตลาด
๏ ชำระสระสรงวาริน | ขัดสีมลทินธุลีผง |
ลูบไล้เครื่องต้นสุคนธ์ทรง | ผจงผัดพักตร์นวลละออง |
ภูษาศรีไวยกามาศ | ลายเลิศประหลาดไม่มีสอง |
สไบตาดเครือร่วงดวงทอง | สอดสีม่วงกรองกระหนกพัน |
สะอิ้งแก้วประพาฬบานพับ | ทับทรวงสร้อยซับประดับถัน[๑] |
สังวาลมรกตวิไลวรรณ | พาหุรัดกุดั่นมุกดาดวง |
ทองกรเป็นรูปมังกรกราย | ธำมรงค์เพชรพรายรุ้งร่วง |
มงกุฎแก้วมาลัยดอกไม้พวง | สอดห่วงสุวรรณกรรเจียกจอน |
งามสิริงามโฉมประโลมโลก | งามทรงสร่างโศกสุดสมร |
เป็นเอกองค์คู่วงศ์พระสี่กร | ดั่งอัปสรหยาดฟ้ามาธาตรี |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นางอุบลเกสรโฉมศรี |
เห็นพระธิดากุมารี | เทวีให้สลดระทดใจ |
ลูบหลังรับขวัญด้วยความรัก | พิศพักตร์พลางถอนใจใหญ่ |
ชลเนตรคลอเนตรอรไท | โหยไห้ครวญคร่ำรำพัน |
ฯ ๔ คำ ฯ
โอ้
๏ โอ้ว่าลูกน้อยของแม่เอ๋ย | แม่เคยปกป้องประคองขวัญ |
ถนอมเลี้ยงชมชื่นทุกคืนวัน | สารพันมิให้เคืองวิญญาณ์ |
แต่เจ้าคลอดมาเป็นบุตรี | แม่นี้แสนโสมนัสสา |
ด้วยหวังใจจะไม่ไกลจากอุรา | จะให้สืบสวรรยาบุรีรมย์ |
อนิจจาเป็นน่าอนาถจิต | จะคิดสิ่งไรไว้ก็ไม่สม |
อยู่หลัดหลัดหรือวิบัติให้เกรียมกรม | ด้วยทรามชมแม่จะจากไป |
เช้าเย็นได้เคยเห็นพักตร์ | จำเริญรักแม่พิศยิ่งพิสมัย |
ทีนี้จะเปล่าตาเปลี่ยวใจ | โหยไห้หาเจ้าทุกเพรางาย |
น่าที่จะวายชีวัน | ด้วยวิโยคโศกศัลย์ไม่ขาดสาย |
ครวญพลางกอดนางไว้แนบกาย | โฉมฉายเพียงสิ้นสมประดี |
ฯ ๑๐ คำ ฯ โอด
๏ ครั้นค่อยสร่างคลายวายเทวษ | องค์อัคเรศมารศรี |
จึ่งมีพระราชเสาวนีย์ | สอนพระบุตรีดวงชีวา |
เจ้าจะจากแม่ไปเป็นข้าบาท | พระเยาวราชวงศ์นารายณ์นาถา |
ยังสถานนคเรศณรงกา | ขวัญเมืองเจ้าอย่าประมาทใจ |
อุตส่าห์ฝากกายสองกษัตริย์ | ผู้พงศ์จักรพรรดิสูงใหญ่ |
ยำเกรงเจียมตัวกลัวภัย | สำคัญใจว่าชนกชนนี |
ผัวรักแม่เร่งระวังผิด | อย่าทะนงจงคิดว่าทาสี |
สิ่งใดซึ่งระคายเป็นราคี | อย่าให้เคืองธุลีบาทา |
บำรุงรักจงงามด้วยความชอบ | ประกอบการสุจริตไปเบื้องหน้า |
หนึ่งสนมกำนัลกัลยา | อย่าเคียดขึ้งหึงสาอนาทร |
สงวนองค์โดยพงศ์รพีชาติ | สายสวาทจงฟังแม่สั่งสอน |
จะจำเริญศรีสวัสดิ์สถาวร | ขจรยศเลื่องหล้าสุธาธาร |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระบิตุรงค์ผู้ทรงปรีชาหาญ |
พิศพระธิดายุพาพาล | ให้สงสารสังเวชพระทัยนัก |
คิดคิดถึงความยามวิโยค | แสนโศกพ่างเพียงอกหัก |
ยอกรลูบหลังลูบพักตร์ | แล้วตรัสแก่ลูกรักผู้ร่วมใจ |
เจ้าดวงหฤทัยนัยน์เนตร | เยาวเรศพ่อสุดพิสมัย |
ใช่จะไม่เมตตาอาลัย | จะแกล้งส่งเสียไกลพารา |
เห็นเจ้าทรงสิริวิลาศเลิศ | ประเสริฐสมแต่เทววงศา |
จึงจำจากพรากแก้วแววตา | หวังชมบุญญาโอฬาฬาร |
แมไปจงให้ภิญโญยศ | ดั่งดวงจันทร์ทรงกลดฉายฉาน |
อันตรายโรคาอย่าแผ้วพาน | เป็นประธานยุพราชนารี |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นางศรีสุดามารศรี |
รับคำพระชนกชนนี | ใส่เหนือโมลีกัลยา |
ให้อาวรณ์ร้อนด้วยความรัก | แสนสลักทรวงโทมนัสสา |
แสนทุกข์ทุกข์แทบถึงชีวา | ดั่งภูผามาทับอุราไว้ |
กอดเอาเบื้องบาทพระบิตุเรศ | พระชนนีเกิดเกศแล้วโหยไห้ |
ชลเนตรคลอเนตรอรไท | พิไรร่ำรำพันโศกี |
ฯ ๖ คำ ฯ โอด
โอ้
๏ โอ้ว่าพระทูนกระหม่อมเอ๋ย | พระคุณเคยปกเกล้าเกศี |
ถนอมเลี้ยงลูกมาด้วยปรานี | มิให้ต้องธุลีลมพาน |
พระการุญคุณนั้นอเนกนัก | ลึกหนักกว้างใหญ่ไพศาล |
เปรียบสมุทรแผ่นฟ้าสุธาธาร | ก็ไม่สมานหนักเสมอพระเมตตา |
ถึงกระไรได้แทนพระคุณบ้าง | จะแรมร้างจากไปก็ไม่ว่า |
ร่ำพลางแสนโศกโศกา | กัลยาพ่างเพียงจะขาดใจ |
ฯ ๖ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้น | สองกษัตริย์ผู้ทรงอัชฌาสัย |
รับขวัญพลางเช็ดชลนัยน์ | แล้วตรัสปลอบไปด้วยสุนทร |
เจ้าผู้ดวงชีพชีวัน | อย่าโศกศัลย์นักเลยสายสมร |
เป็นแต่พลัดพรากพระนคร | จากอกบิดรมารดา |
มิใช่จะล่วงลับไป | จะไม่ได้คืนเป็นมาเห็นหน้า |
นัยจะเวียนเยียนเยี่ยมแก้วตา | มิ่งเมืองแม่อย่าโศกี |
ตรัสแล้วสองราชสุริย์วงศ์ | ประคององค์พระธิดามารศรี |
เสด็จจากปราสาทรูจี | ฝูงสนมนารีก็ตามไป |
ฯ ๘ คำ ฯ เพลง
๏ ครั้นถึงเกยแก้วแววฟ้า | พร้อมหมู่เสนาน้อยใหญ่ |
จึ่งให้พระธิดายาใจ | กับองค์อรไทมารดร |
ทรงสุพรรณสีวิกากาญจน์ | งามปานนางเทพอัปสร |
พระทรงยานุมาศอลงกรณ์ | ดั่งเทเวศจรมาจากฟ้า |
ตั้งเป็นกระบวนพยุหบาตร | แห่แหนแน่นกลาดทั้งซ้ายขวา |
อร่ามเรืองเครื่องสูงเป็นคู่มา | ฆ้องกลองโกลานี่นัน |
มหาดเล็กขอเฝ้าเหล่าสนม | บ้างชื่นชมตามเสด็จเป็นหลั่นหลั่น |
งามแถวริ้วเรียบระเบียบกัน | จรจรัลยังท่าวารี |
ฯ ๘ คำ ฯ กลองโยน
๏ ครั้นถึงจึ่งหยุดยานุมาศ | วอสุวรรณอัครราชโฉมศรี |
สามกษัตริย์เสด็จจรลี | ขึ้นที่ประทับพลับพลา |
ฯ ๒ คำ ฯ เพลง
๏ เมื่อนั้น | พระบุตรีเยาวยอดเสน่หา |
พิศพระบิตุเรศมารดา | กัลยาสลดระทดใจ |
แสนอาลัยใยห่วงหน่วงหนัก | ด้วยความรักสองกษัตริย์ไม่ตัดได้ |
ให้วังเวงเย็นเยือกหฤทัย | ดั่งตกไปเอองค์ในดงดาน |
ชลนัยน์ไหลนองคลองเนตร | แสนเทวษพิศวงด้วยสงสาร |
ระงับจิตกราบกับบทมาลย์ | นงคราญดุษฎีชุลีลา |
ลงจากสุวรรณพลับพลาชัย | อนงค์ในแวดล้อมพร้อมหน้า |
ขึ้นยังพระที่นั่งเภตรา | อันโอฬาร์ล้วนแล้วด้วยแก้วทอง |
ฯ ๘ คำ ฯ เพลง
๏ เมื่อนั้น | พระชนกชนนีทั้งสอง |
แลตามพระธิดานวลละออง | ชลเนตรคลอคลองนัยนา |
แสนทุกข์ทับอุราอาวรณ์ | เร่าร้อนทรวงโทมนัสสา |
สะกดใจดำรงด้วยปรีชา | ตรัสสั่งเสนาให้ใช้ใบ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | เสนีนายสำเภาผู้ใหญ่ |
รับสั่งแล้วโบกธงชัย | ลั่นฆ้องเบิกใบขึ้นพร้อมกัน |
อันลำทรงองค์พระบุตรี | แล่นเฉื่อยเรื่อยรี่ดังจักรผัน |
นาวาห้าร้อยหย่อนนั้น | ก็แล่นเคียงเรียงกันไปกลางชล |
เสียงคลื่นเสียงปืนสัญญา | เสียงม้าล่อกันโกลาหล |
คล้ายคล้ายไปในชะเลวน | หมายตำบลณรงกาธานี |
ฯ ๖ คำ ฯ โล้
๏ เมื่อนั้น | ฝ่ายบรมกษัตริย์ทั้งสองศรี |
สถิตยังฝั่งท่าวารี | ส่งพระบุตรีผู้ร่วมใจ |
แลตามจนสุดสายเนตร | สุดสังเกตลับลำไม่จำใด |
ก็พาพระมเหสีทรามวัย | กลับไปนิเวศน์สถาวร |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้น | นางศรีสุดาดวงสมร |
สถิตท้ายเภตรากลางสาคร | กับหมู่นิกรกัลยา |
ให้ระลึกตรึกถึงพระบิตุเรศ | พระชนนีเกิดเกศเกศา |
ชลนัยน์ไหลหลั่งดั่งธารา | พระยอดฟ้าพ่างเพียงจะขาดใจ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระพี่เลี้ยงผู้มีอัชฌาสัย |
เห็นนางโศกาอาลัย | ก็ประโลมปลอบไปด้วยภักดี |
พระแม่ผู้ยอดมงกุฎหญิง | ก็ยิ่งด้วยปัญญาอันเรืองศรี |
จะมาตั้งแต่แสนโศกี | ทวีทุกข์ฉันนี้ไม่ควรการ |
ใช่จะไม่ได้เห็นพระปิ่นเกล้า | กราบเท้าสิ้นชาติอวสาน |
จงระงับดับเสียด้วยปรีชาญ | ขอประทานเชิญองค์วนิดา |
ทอดพระเนตรไปในชะเลนั้น | ชมหมู่พวกพรรณมัจฉา |
เป็นอเนกอนันต์เพียงขวัญตา | ให้คลายวิญญาณ์ที่ทุกข์ร้อน |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | องค์พระธิดาดวงสมร |
ฟังพี่เลี้ยงกล่าวสุนทร | ว่าวอนปลอบโยนเอาใจ |
ฯ ๒ คำ ฯ
จำปาทองเทศ
๏ เสด็จนั่งยังท้ายเภตรา | ชมหมู่มัจฉาน้อยใหญ่ |
ว่ายคล่ำดำดั้นอยู่ไวไว | ที่ในมหาชลธาร |
เงือกงามหน้ากายคล้ายมนุษย์ | เคล้าคู่พู่ผุดในชลฉาน |
ราหูว่ายหาปลาวาฬ | โลมาผุดพ่านอลวน |
พิมทองท่องเล่นเป็นหมู่หมู่ | สีเสียดปนอยู่กับยี่สน |
จันทรเม็ดแมวม้าหน้าคน | ฉลามลอยล่องพ่นวาริน |
มังกรเกี้ยวกันกลับกลอก | เหราเล่นระลอกกระฉอกสินธุ์ |
ช้างน้ำงามล้ำหัสดิน | ผุดเคล้านางกรินกำเริบฤทธิ์ |
ฝูงฉนากมากหมู่ปลาร้าย | เห็นสำเภาแล่นว่ายตามติด |
นางกับพี่เลี้ยงร่วมชีวิด | ต่างพิศชมปลาค่อยคลายใจ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ เชิด
๏ บัดนั้น | เสนาราชทูตผู้ใหญ่ |
ลมดีให้เร่งใช้ใบ | มาได้สิบห้าราตรี |
ถึงอ่าวล่วงเข้าปากน้ำ | ตำบลณรงกาบุรีศรี |
รีบแล่นเร็วมายังธานี | ทอดที่หน้าเมืองพร้อมกัน |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ จึ่งขึ้นไปยังศาลา | เข้าหาเสนาคนขยัน |
แจ้งความตามราชสารนั้น | บรรยายเสร็จสิ้นทุกประการ |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ บัดนั้น | เสนีผู้ปรีชาหาญ |
ฟังแจ้งไม่แคลงวิญญาณ | ก็ไปยังสถานพระโรงชัย |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ ครั้นถึงจึ่งคลานเข้าเฝ้า | น้อมเกล้าบังคมประนมไหว้ |
ทูลว่าท้าวอุทุมภูวไนย | ผ่านพิชัยโรมราชธานี |
ให้ทูตจำทูลสารสวาท | มายังเบื้องบาทบทศรี |
ถวายองค์พระราชบุตรี | อันมีศุภลักษณ์วิไลวรรณ |
มาให้เสกกับพระโอรส | ผู้ลือยศทั่วประเทศเขตขัณฑ์ |
กับบรรณาการอเนกนันต์ | แก้วแหวนแพรพรรณโอฬาร์ |
ฯ ๖ คำ ฯ
ช้า
๏ เมื่อนั้น | ท้าวไกรสุทสุริย์วงศ์นาถา |
ได้แจ้งแห่งคำเสนา | ผ่านฟ้าชื่นชมยินดี |
จึ่งตรัสสั่งให้แต่งท้องพระโรง | จงสะอาดอ่าโถงเฉลิมศรี |
รับทูตโรมราชธานี | ซึ่งมาอัญชุลีบทมาลย์ |
ข้างในให้จัดปราสาท | ปูลาดห้อยพวงมุกดาหาร |
รับพระธิดายุพาพาล | ให้สมศักดิ์ศฤงคารกษัตรา |
ฯ ๖ คำ ฯ
ช้า
๏ บัดนั้น | เสนีผู้มียศถา |
ก้มเกล้ารับราชบัญชา | ชุลีลาแล้วรีบออกไป |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ เกณฑ์กันทั่วทุกแห่งพนักงาน | ทหารพลเรือนน้อยใหญ่ |
ทั่วทั้งข้างหน้าข้างใน | เตรียมการเสร็จไว้ในราตรี |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ ครั้นรุ่งสุริโยโอภาส | จึ่งมหาอำมาตย์ทั้งสี่ |
ให้เทียมพิชัยรถรูจี | ทั้งสีวิกาแก้วแพรวพรรณ |
พร้อมหมู่นางท้าวเถ้าแก่ | อนงค์นางชะแม่สาวสรรค์ |
พวกพลเกณฑ์แห่แน่นนันต์ | พากันไปท่าสาคร |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึ่งแจ้งแก่ทูตา | ว่าพระปิ่นณรงกาชาญสมร |
ให้รับราชสารสุนทร | กับองค์บังอรขึ้นไป |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | เสนาโรมราชผู้ใหญ่ |
ได้ฟังก็สั่งแก่นางใน | กำนัลสาวใช้พระบุตรี |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ฝ่ายพระพี่เลี้ยงโฉมศรี |
ได้แจ้งแห่งคำเสนี | ก็แต่งองค์เทวีศรีสุดา |
ฯ ๒ คำ ฯ
ชมตลาด
๏ บ้างเข้าชำระสระสรง | ทรงสุคนธ์ธารกลิ่นบุปผา |
บ้างผัดพักตร์ผิวผ่องดั่งทองทา | ให้ทรงภูษาลดาดวง |
ลางนางช่วยสอดสังวาลมาศ | สไบตาดเครือยกกระหนกร่วง |
ประดับถันสร้อยซับทับทรวง | สะอิ้งองค์เพชรพวงประจำยาม |
ทองกรรัตนาพาหุรัด | ธำมรงค์เพชรจำรัสเรืองอร่าม |
ทรงมงกุฎแก้วแวววาม | กรรเจียกจอนงอนงามมาลัยทอง |
งามทรงดั่งองค์พระลักษมี | นางในธรณีไม่มีสอง |
งามสรรพสารพางค์นวลละออง | ดั่งล่องฟ้าลงมาสุธาธาร |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เสร็จแล้วพี่เลี้ยงนางอนงค์ | เชิญองค์เยาวยอดสงสาร |
ขึ้นจากเภตรานาวายาน | มาทรงสีวิกากาญจน์โอฬาร์ |
ฯ ๒ คำ ฯ เพลง