ตอนที่ ๑๐ ท้าวอุทุมราชถวายนางศรีสุดาแก่พระอุณรุท

ช้า

๏ เมื่อนั้น ฝ่ายพระอุณรุทเรืองศรี
อยู่จำเริญสุขสวัสดี โรคภัยไม่มีแผ้วพาน
พระพี่เลี้ยงฝ่ายหน้าทั้งสี่องค์ กับอนงค์เยาวยอดสงสาร
ถนอมเลี้ยงเพียงเทวกุมาร ด้วยยศศักดิ์ศฤงคารอันโอฬาร์
พระบิตุเรศให้เรียนศิลปศาสตร์ สำหรับราชสุริย์วงศ์นาถา
ทุกสิ่งรู้ดีด้วยปรีชา แต่ในชันษาได้โสฬส
พระเดชดังสุริยาเพลาเที่ยง สำเนียงคุณเลื่องหล้าปรากฏ
พระเกียรติก้องทุกนครขจรยศ เกรงศักดาหมดทั้งแปดทิศ
งามรูปงามฤทธิ์สิริโฉม งามประโลมโลกเพลินจำเริญจิต
แต่บันเทิงเริงเล่นอยู่เป็นนิตย์ ในการประกอบกิจวิทยา

ฯ ๑๐ คำ ฯ

ร่าย

๏ เช้าเย็นเล่นลองคชสาร ซ้อมหัดทวยหาญให้แกล้วกล้า
ประลองรถสินธพอาชา ศึกษาไม่เว้นทิวาวัน
ถึงเวลาก็พาพระพี่เลี้ยง ผู้ร่วมเรียงสุริย์วงศ์รังสรรค์
กับหมู่มหาดเล็กทั้งนั้น จรจรัลไปยังพระลานชัย

ฯ ๔ คำ ฯ เพลง

๏ เสด็จขึ้นคชสารศรี เหี้ยมหาญตัวดีสูงใหญ่
พี่เลี้ยงขี่เคียงเรียงไป ขับให้แล่นไล่อลวน
เล่นขอล่อแพนด้วยสินธพ เลี้ยวไล่ตลบสับสน
ชำนิชำนาญชาญผจญ แกว่นแกล้วทุกกลกษัตรา

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

ช้า

๏ มาจะกล่าวบทไป ถึงท้าวอุทุมราชนาถา
เสด็จเสวยแสนสวัสดิ์สวรรยา ในพาราโรมราชธานี
เป็นเอกองค์อุดมด้วยสมบัติ นานานพรัตน์เฉลิมศรี
ประกอบทั้งจตุรงค์โยธี รถาพาชีคเชนทร
มีพระมเหสีสุริย์วงศ์ ทรงนามอุบลเกสร
งามเสงี่ยมเทียมเทพนิกร อรชรพริ้มพร้อมทั้งกายา
ประดับด้วยอนงค์สนมนาฎ มารยาทยั่วยวนเสน่หา
สามหลั่นสรรค์ทรงลักษณา แปดพันกัลยายุพาพาล
เกณฑ์กันบำเรอรำฟ้อน ประกวดกรสังคีตขับขาน
แสนเกษมสุโขมโหฬาร ดั่งองค์มัฆวานเทวัญ
มีราชธิดานงลักษณ์ พิมพ์พักตร์เพียงอัปสรสวรรค์
ชื่อศรีสุดาดวงจันทร์ ผิวพรรณผุดผ่องดั่งทองทา
จำเริญรุ่นชันษาสิบสี่ปี ส่งศรีวิลาศดั่งเลขา
องค์พระบิตุเรศมารดา รักดั่งดวงตาดวงใจ

ฯ ๑๔ คำ ฯ

๏ แจ้งมาว่าหน่อพระจักรกฤษณ์ อันสถิตณรงกากรุงใหญ่
ทรงนามไกรสุทวุฒิไกร ภูวไนยมีอัครโอรส
ชื่ออุณรุทราชกุมาร ลือสะท้านชมบุญทุกเมืองหมด
เรืองฤทธิ์ปรีชาศักดายศ ปรากฏดั่งดวงทินกร
จึ่งมีมธุรสวาที บอกพระมเหสีสายสมร
ตามข่าวเล่าเลื่องลือขจร โดยภูธรได้สดับมา
อันราชบุตรีของเรา โฉมเฉลาเลิศลักษณ์ดังเลขา
จะถวายเป็นอัครชายา พระอุณรุทยอดฟ้ายุพาพาล
สองเมืองจะได้เนื่องด้วยไมตรี เป็นสุวรรณปัฐพีไพศาล
ซึ่งพี่ดำริตริการ เยาวมาลย์จะเห็นประการใด

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระเทวีผู้มีอัชฌาสัย
ได้ฟังพจนารถภูวไนย อรไททูลสนองพระบัญชา
อันซึ่งพระราชบุตรี เป็นที่สุดแสนเสน่หา
ดั่งดวงหฤทัยนัยนา รักษามิให้มีราคีพาน
หวังจะให้สืบสุริย์วงศ์ ดำรงนคเรศราชฐาน
ซึ่งจะยกพระยอดเยาวมาลย์ อันปานดั่งดวงชีพชีวี
ถวายไปณรงกาบุรีราช ข้าบาทมิให้เคืองบทศรี
จำเป็นจำไกลพระบุตรี ตามที่ผลกรรมได้ทำมา

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวอุทุมราชนาถา
ได้ฟังพระอัครชายา ผ่านฟ้าจึ่งตรัสปลอบไป
เจ้าดวงฤทัยนัยน์เนตร อัคเรศผู้เพื่อนพิสมัย
ลูกเราก็จำเริญวัย ควรให้มีคู่ภิรมย์รัก
เล็งดูกษัตริย์ทุกธานี ก็ไม่เห็นสมศรีสมศักดิ์
นี่สมรูปสมโฉมสมพักตร์ สมศรีเลิศลักษณ์เสมอกัน
สมทั้งสุริย์วงศ์จึ่งจงให้ ดวงใจพี่ผู้เฉลิมขวัญ
อย่าแสนทุกข์พระทัยจาบัลย์ จะเป็นศรีไอศวรรย์สถาวร
ตรัสแล้วย่างเยื้องยุรยาตร จากอาสน์แท่นที่บรรจถรณ์
นวยนาดวาดชายกรายกร บทจรออกยังพระโรงชัย

ฯ ๑๐ คำ ฯ เสมอ

๏ จึ่งมีพระราชวาที สั่งมหาเสนีผู้ใหญ่
จงแต่งสำเภาอำไพ ให้ได้ห้าร้อยรจนา
อาลักษณ์เร่งลงราชสาร จัดบรรณาการมีค่า
บรรทุกทุกลำเภตรา จะให้เสนานำพระบุตรี
ไปเสกกับองค์พระอุณรุท หน่อท้าวไกรสุทเรืองศรี
ผู้ผ่านณรงกาธานี หลานพระจักรีเลิศไกร

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ฝ่ายมหาเสนาผู้ใหญ่
ก้มเกล้ารับสั่งภูวไนย บังคมไหว้แล้วรีบออกมา

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

๏ เกณฑ์กันทั่วทุกพนักงาน เร่งรัดจัดการถ้วนหน้า
บ้างแต่งสำเภาเภตรา ห้าร้อยลอยท่าเรียงราย
สรรพด้วยต้นหนคนใช้ สมอใบกว้านช่อเฉิดฉาย
บรรณาการทองแก้วแพรวพราย จัดจ่ายบรรทุกครบครัน
อันลำทรงองค์พระธิดา โอฬาร์เพริดพริ้งทุกสิ่งสรรพ์
แท่นทองห้องเขียนลายสุวรรณ ฉากกั้นม่านมาศดาดเพดาน
อาลักษณ์ลงสารยังลานทอง ใส่กล่องประดับมุกดาหาร
วางเหนือมณฑปโอฬาร เตรียมการเสร็จโดยพระบัญชา

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวอุทุมราชานาถา
ครั้นเสร็จซึ่งแต่งเภตรา ผ่านฟ้าชื่นชมยินดี
จึ่งให้จัดนางพระพี่เลี้ยง อันควรเคียงพระธิดามารศรี
แต่ละองค์ทรงกัลยาณี สิบหกนารีร่วมใจ
กับองค์กำนัลสรรตระกูล ล้วนสมบูรณ์ลักขณาอัชฌาสัย
ห้าร้อยแน่งน้อยจำเริญวัย ทั้งเถ้าแก่ต่างใจต่างตา
ขอเฝ้าเหล่าพงศ์พญารี พื้นปรีชาชาญหาญกล้า
ห้าร้อยรอบราชกิจจา ให้พระธิดายุพาพาล
ประทานทั้งบรมสมบัติ เนาวรัตน์แก้วแหวนแสนสาร
เสร็จแล้วจึ่งยังพระเยาวมาลย์ ให้เข้าที่สนานอินทรีย์

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระยอดฟ้าธิดามารศรี
นบนิ้วรับราชวาที แล้วเสด็จเข้าที่สนานองค์

ฯ ๒ คำ ฯ

ชมตลาด

๏ ชำระสระสรงวาริน ขัดสีมลทินธุลีผง
ลูบไล้เครื่องต้นสุคนธ์ทรง ผจงผัดพักตร์นวลละออง
ภูษาศรีไวยกามาศ ลายเลิศประหลาดไม่มีสอง
สไบตาดเครือร่วงดวงทอง สอดสีม่วงกรองกระหนกพัน
สะอิ้งแก้วประพาฬบานพับ ทับทรวงสร้อยซับประดับถัน[๑]
สังวาลมรกตวิไลวรรณ พาหุรัดกุดั่นมุกดาดวง
ทองกรเป็นรูปมังกรกราย ธำมรงค์เพชรพรายรุ้งร่วง
มงกุฎแก้วมาลัยดอกไม้พวง สอดห่วงสุวรรณกรรเจียกจอน
งามสิริงามโฉมประโลมโลก งามทรงสร่างโศกสุดสมร
เป็นเอกองค์คู่วงศ์พระสี่กร ดั่งอัปสรหยาดฟ้ามาธาตรี

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นางอุบลเกสรโฉมศรี
เห็นพระธิดากุมารี เทวีให้สลดระทดใจ
ลูบหลังรับขวัญด้วยความรัก พิศพักตร์พลางถอนใจใหญ่
ชลเนตรคลอเนตรอรไท โหยไห้ครวญคร่ำรำพัน

ฯ ๔ คำ ฯ

โอ้

๏ โอ้ว่าลูกน้อยของแม่เอ๋ย แม่เคยปกป้องประคองขวัญ
ถนอมเลี้ยงชมชื่นทุกคืนวัน สารพันมิให้เคืองวิญญาณ์
แต่เจ้าคลอดมาเป็นบุตรี แม่นี้แสนโสมนัสสา
ด้วยหวังใจจะไม่ไกลจากอุรา จะให้สืบสวรรยาบุรีรมย์
อนิจจาเป็นน่าอนาถจิต จะคิดสิ่งไรไว้ก็ไม่สม
อยู่หลัดหลัดหรือวิบัติให้เกรียมกรม ด้วยทรามชมแม่จะจากไป
เช้าเย็นได้เคยเห็นพักตร์ จำเริญรักแม่พิศยิ่งพิสมัย
ทีนี้จะเปล่าตาเปลี่ยวใจ โหยไห้หาเจ้าทุกเพรางาย
น่าที่จะวายชีวัน ด้วยวิโยคโศกศัลย์ไม่ขาดสาย
ครวญพลางกอดนางไว้แนบกาย โฉมฉายเพียงสิ้นสมประดี

ฯ ๑๐ คำ ฯ โอด

๏ ครั้นค่อยสร่างคลายวายเทวษ องค์อัคเรศมารศรี
จึ่งมีพระราชเสาวนีย์ สอนพระบุตรีดวงชีวา
เจ้าจะจากแม่ไปเป็นข้าบาท พระเยาวราชวงศ์นารายณ์นาถา
ยังสถานนคเรศณรงกา ขวัญเมืองเจ้าอย่าประมาทใจ
อุตส่าห์ฝากกายสองกษัตริย์ ผู้พงศ์จักรพรรดิสูงใหญ่
ยำเกรงเจียมตัวกลัวภัย สำคัญใจว่าชนกชนนี
ผัวรักแม่เร่งระวังผิด อย่าทะนงจงคิดว่าทาสี
สิ่งใดซึ่งระคายเป็นราคี อย่าให้เคืองธุลีบาทา
บำรุงรักจงงามด้วยความชอบ ประกอบการสุจริตไปเบื้องหน้า
หนึ่งสนมกำนัลกัลยา อย่าเคียดขึ้งหึงสาอนาทร
สงวนองค์โดยพงศ์รพีชาติ สายสวาทจงฟังแม่สั่งสอน
จะจำเริญศรีสวัสดิ์สถาวร ขจรยศเลื่องหล้าสุธาธาร

ฯ ๑๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระบิตุรงค์ผู้ทรงปรีชาหาญ
พิศพระธิดายุพาพาล ให้สงสารสังเวชพระทัยนัก
คิดคิดถึงความยามวิโยค แสนโศกพ่างเพียงอกหัก
ยอกรลูบหลังลูบพักตร์ แล้วตรัสแก่ลูกรักผู้ร่วมใจ
เจ้าดวงหฤทัยนัยน์เนตร เยาวเรศพ่อสุดพิสมัย
ใช่จะไม่เมตตาอาลัย จะแกล้งส่งเสียไกลพารา
เห็นเจ้าทรงสิริวิลาศเลิศ ประเสริฐสมแต่เทววงศา
จึงจำจากพรากแก้วแววตา หวังชมบุญญาโอฬาฬาร
แมไปจงให้ภิญโญยศ ดั่งดวงจันทร์ทรงกลดฉายฉาน
อันตรายโรคาอย่าแผ้วพาน เป็นประธานยุพราชนารี

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นางศรีสุดามารศรี
รับคำพระชนกชนนี ใส่เหนือโมลีกัลยา
ให้อาวรณ์ร้อนด้วยความรัก แสนสลักทรวงโทมนัสสา
แสนทุกข์ทุกข์แทบถึงชีวา ดั่งภูผามาทับอุราไว้
กอดเอาเบื้องบาทพระบิตุเรศ พระชนนีเกิดเกศแล้วโหยไห้
ชลเนตรคลอเนตรอรไท พิไรร่ำรำพันโศกี

ฯ ๖ คำ ฯ โอด

โอ้

๏ โอ้ว่าพระทูนกระหม่อมเอ๋ย พระคุณเคยปกเกล้าเกศี
ถนอมเลี้ยงลูกมาด้วยปรานี มิให้ต้องธุลีลมพาน
พระการุญคุณนั้นอเนกนัก ลึกหนักกว้างใหญ่ไพศาล
เปรียบสมุทรแผ่นฟ้าสุธาธาร ก็ไม่สมานหนักเสมอพระเมตตา
ถึงกระไรได้แทนพระคุณบ้าง จะแรมร้างจากไปก็ไม่ว่า
ร่ำพลางแสนโศกโศกา กัลยาพ่างเพียงจะขาดใจ

ฯ ๖ คำ ฯ โอด

๏ เมื่อนั้น สองกษัตริย์ผู้ทรงอัชฌาสัย
รับขวัญพลางเช็ดชลนัยน์ แล้วตรัสปลอบไปด้วยสุนทร
เจ้าผู้ดวงชีพชีวัน อย่าโศกศัลย์นักเลยสายสมร
เป็นแต่พลัดพรากพระนคร จากอกบิดรมารดา
มิใช่จะล่วงลับไป จะไม่ได้คืนเป็นมาเห็นหน้า
นัยจะเวียนเยียนเยี่ยมแก้วตา มิ่งเมืองแม่อย่าโศกี
ตรัสแล้วสองราชสุริย์วงศ์ ประคององค์พระธิดามารศรี
เสด็จจากปราสาทรูจี ฝูงสนมนารีก็ตามไป

ฯ ๘ คำ ฯ เพลง

๏ ครั้นถึงเกยแก้วแววฟ้า พร้อมหมู่เสนาน้อยใหญ่
จึ่งให้พระธิดายาใจ กับองค์อรไทมารดร
ทรงสุพรรณสีวิกากาญจน์ งามปานนางเทพอัปสร
พระทรงยานุมาศอลงกรณ์ ดั่งเทเวศจรมาจากฟ้า
ตั้งเป็นกระบวนพยุหบาตร แห่แหนแน่นกลาดทั้งซ้ายขวา
อร่ามเรืองเครื่องสูงเป็นคู่มา ฆ้องกลองโกลานี่นัน
มหาดเล็กขอเฝ้าเหล่าสนม บ้างชื่นชมตามเสด็จเป็นหลั่นหลั่น
งามแถวริ้วเรียบระเบียบกัน จรจรัลยังท่าวารี

ฯ ๘ คำ ฯ กลองโยน

๏ ครั้นถึงจึ่งหยุดยานุมาศ วอสุวรรณอัครราชโฉมศรี
สามกษัตริย์เสด็จจรลี ขึ้นที่ประทับพลับพลา

ฯ ๒ คำ ฯ เพลง

๏ เมื่อนั้น พระบุตรีเยาวยอดเสน่หา
พิศพระบิตุเรศมารดา กัลยาสลดระทดใจ
แสนอาลัยใยห่วงหน่วงหนัก ด้วยความรักสองกษัตริย์ไม่ตัดได้
ให้วังเวงเย็นเยือกหฤทัย ดั่งตกไปเอองค์ในดงดาน
ชลนัยน์ไหลนองคลองเนตร แสนเทวษพิศวงด้วยสงสาร
ระงับจิตกราบกับบทมาลย์ นงคราญดุษฎีชุลีลา
ลงจากสุวรรณพลับพลาชัย อนงค์ในแวดล้อมพร้อมหน้า
ขึ้นยังพระที่นั่งเภตรา อันโอฬาร์ล้วนแล้วด้วยแก้วทอง

ฯ ๘ คำ ฯ เพลง

๏ เมื่อนั้น พระชนกชนนีทั้งสอง
แลตามพระธิดานวลละออง ชลเนตรคลอคลองนัยนา
แสนทุกข์ทับอุราอาวรณ์ เร่าร้อนทรวงโทมนัสสา
สะกดใจดำรงด้วยปรีชา ตรัสสั่งเสนาให้ใช้ใบ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น เสนีนายสำเภาผู้ใหญ่
รับสั่งแล้วโบกธงชัย ลั่นฆ้องเบิกใบขึ้นพร้อมกัน
อันลำทรงองค์พระบุตรี แล่นเฉื่อยเรื่อยรี่ดังจักรผัน
นาวาห้าร้อยหย่อนนั้น ก็แล่นเคียงเรียงกันไปกลางชล
เสียงคลื่นเสียงปืนสัญญา เสียงม้าล่อกันโกลาหล
คล้ายคล้ายไปในชะเลวน หมายตำบลณรงกาธานี

ฯ ๖ คำ ฯ โล้

๏ เมื่อนั้น ฝ่ายบรมกษัตริย์ทั้งสองศรี
สถิตยังฝั่งท่าวารี ส่งพระบุตรีผู้ร่วมใจ
แลตามจนสุดสายเนตร สุดสังเกตลับลำไม่จำใด
ก็พาพระมเหสีทรามวัย กลับไปนิเวศน์สถาวร

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น นางศรีสุดาดวงสมร
สถิตท้ายเภตรากลางสาคร กับหมู่นิกรกัลยา
ให้ระลึกตรึกถึงพระบิตุเรศ พระชนนีเกิดเกศเกศา
ชลนัยน์ไหลหลั่งดั่งธารา พระยอดฟ้าพ่างเพียงจะขาดใจ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระพี่เลี้ยงผู้มีอัชฌาสัย
เห็นนางโศกาอาลัย ก็ประโลมปลอบไปด้วยภักดี
พระแม่ผู้ยอดมงกุฎหญิง ก็ยิ่งด้วยปัญญาอันเรืองศรี
จะมาตั้งแต่แสนโศกี ทวีทุกข์ฉันนี้ไม่ควรการ
ใช่จะไม่ได้เห็นพระปิ่นเกล้า กราบเท้าสิ้นชาติอวสาน
จงระงับดับเสียด้วยปรีชาญ ขอประทานเชิญองค์วนิดา
ทอดพระเนตรไปในชะเลนั้น ชมหมู่พวกพรรณมัจฉา
เป็นอเนกอนันต์เพียงขวัญตา ให้คลายวิญญาณ์ที่ทุกข์ร้อน

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น องค์พระธิดาดวงสมร
ฟังพี่เลี้ยงกล่าวสุนทร ว่าวอนปลอบโยนเอาใจ

ฯ ๒ คำ ฯ

จำปาทองเทศ

๏ เสด็จนั่งยังท้ายเภตรา ชมหมู่มัจฉาน้อยใหญ่
ว่ายคล่ำดำดั้นอยู่ไวไว ที่ในมหาชลธาร
เงือกงามหน้ากายคล้ายมนุษย์ เคล้าคู่พู่ผุดในชลฉาน
ราหูว่ายหาปลาวาฬ โลมาผุดพ่านอลวน
พิมทองท่องเล่นเป็นหมู่หมู่ สีเสียดปนอยู่กับยี่สน
จันทรเม็ดแมวม้าหน้าคน ฉลามลอยล่องพ่นวาริน
มังกรเกี้ยวกันกลับกลอก เหราเล่นระลอกกระฉอกสินธุ์
ช้างน้ำงามล้ำหัสดิน ผุดเคล้านางกรินกำเริบฤทธิ์
ฝูงฉนากมากหมู่ปลาร้าย เห็นสำเภาแล่นว่ายตามติด
นางกับพี่เลี้ยงร่วมชีวิด ต่างพิศชมปลาค่อยคลายใจ

ฯ ๑๐ คำ ฯ เชิด

๏ บัดนั้น เสนาราชทูตผู้ใหญ่
ลมดีให้เร่งใช้ใบ มาได้สิบห้าราตรี
ถึงอ่าวล่วงเข้าปากน้ำ ตำบลณรงกาบุรีศรี
รีบแล่นเร็วมายังธานี ทอดที่หน้าเมืองพร้อมกัน

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ จึ่งขึ้นไปยังศาลา เข้าหาเสนาคนขยัน
แจ้งความตามราชสารนั้น บรรยายเสร็จสิ้นทุกประการ

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

๏ บัดนั้น เสนีผู้ปรีชาหาญ
ฟังแจ้งไม่แคลงวิญญาณ ก็ไปยังสถานพระโรงชัย

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

๏ ครั้นถึงจึ่งคลานเข้าเฝ้า น้อมเกล้าบังคมประนมไหว้
ทูลว่าท้าวอุทุมภูวไนย ผ่านพิชัยโรมราชธานี
ให้ทูตจำทูลสารสวาท มายังเบื้องบาทบทศรี
ถวายองค์พระราชบุตรี อันมีศุภลักษณ์วิไลวรรณ
มาให้เสกกับพระโอรส ผู้ลือยศทั่วประเทศเขตขัณฑ์
กับบรรณาการอเนกนันต์ แก้วแหวนแพรพรรณโอฬาร์

ฯ ๖ คำ ฯ

ช้า

๏ เมื่อนั้น ท้าวไกรสุทสุริย์วงศ์นาถา
ได้แจ้งแห่งคำเสนา ผ่านฟ้าชื่นชมยินดี
จึ่งตรัสสั่งให้แต่งท้องพระโรง จงสะอาดอ่าโถงเฉลิมศรี
รับทูตโรมราชธานี ซึ่งมาอัญชุลีบทมาลย์
ข้างในให้จัดปราสาท ปูลาดห้อยพวงมุกดาหาร
รับพระธิดายุพาพาล ให้สมศักดิ์ศฤงคารกษัตรา

ฯ ๖ คำ ฯ

ช้า

๏ บัดนั้น เสนีผู้มียศถา
ก้มเกล้ารับราชบัญชา ชุลีลาแล้วรีบออกไป

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

๏ เกณฑ์กันทั่วทุกแห่งพนักงาน ทหารพลเรือนน้อยใหญ่
ทั่วทั้งข้างหน้าข้างใน เตรียมการเสร็จไว้ในราตรี

ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา

๏ ครั้นรุ่งสุริโยโอภาส จึ่งมหาอำมาตย์ทั้งสี่
ให้เทียมพิชัยรถรูจี ทั้งสีวิกาแก้วแพรวพรรณ
พร้อมหมู่นางท้าวเถ้าแก่ อนงค์นางชะแม่สาวสรรค์
พวกพลเกณฑ์แห่แน่นนันต์ พากันไปท่าสาคร

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงจึ่งแจ้งแก่ทูตา ว่าพระปิ่นณรงกาชาญสมร
ให้รับราชสารสุนทร กับองค์บังอรขึ้นไป

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น เสนาโรมราชผู้ใหญ่
ได้ฟังก็สั่งแก่นางใน กำนัลสาวใช้พระบุตรี

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ฝ่ายพระพี่เลี้ยงโฉมศรี
ได้แจ้งแห่งคำเสนี ก็แต่งองค์เทวีศรีสุดา

ฯ ๒ คำ ฯ

ชมตลาด

๏ บ้างเข้าชำระสระสรง ทรงสุคนธ์ธารกลิ่นบุปผา
บ้างผัดพักตร์ผิวผ่องดั่งทองทา ให้ทรงภูษาลดาดวง
ลางนางช่วยสอดสังวาลมาศ สไบตาดเครือยกกระหนกร่วง
ประดับถันสร้อยซับทับทรวง สะอิ้งองค์เพชรพวงประจำยาม
ทองกรรัตนาพาหุรัด ธำมรงค์เพชรจำรัสเรืองอร่าม
ทรงมงกุฎแก้วแวววาม กรรเจียกจอนงอนงามมาลัยทอง
งามทรงดั่งองค์พระลักษมี นางในธรณีไม่มีสอง
งามสรรพสารพางค์นวลละออง ดั่งล่องฟ้าลงมาสุธาธาร

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เสร็จแล้วพี่เลี้ยงนางอนงค์ เชิญองค์เยาวยอดสงสาร
ขึ้นจากเภตรานาวายาน มาทรงสีวิกากาญจน์โอฬาร์

ฯ ๒ คำ ฯ เพลง



[๑] ต้นฉบับหนังสือสมุดไทยเลขที่ ๕๗๑ ความต่างออกไปว่า “ทับทรวงสร้อยสนประดับถัน”

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ