ตอนที่ ๑๑ อภิเษกพระอุณรุทกับนางศรีสุดา

๏ บัดนั้น เสนีณรงกาซ้ายขวา
ให้เชิญพระราชสารา มาขึ้นรถารูจี
แล้วเคลื่อนรถแก้วแววไว ดำเนินไปโดยราชวิถี
อันวอทรงองค์พระบุตรี จรลีเบื้องหลังพิชัยรถ
ฝ่ายหมู่นางท้าวเถ้าแก่ กำนัลชะแม่ทั้งปวงหมด
แวดล้อมวอสุวรรณเป็นหลั่นลด เสนานำกำหนดเป็นคู่กัน
ตั้งกระบวนถ้วนตามตำรา แห่ซ้ายฝ่ายขวาเป็นหลั่นหลั่น
เครื่องสูงกลองประโคมนี่นัน จรจรัลประเวศยังวังใน

ฯ ๘ คำ ฯ กลองโยน

๏ ครั้นถึงจึ่งหยุดรถทรง ฝ่ายฝูงอนงค์น้อยใหญ่
ก็เชิญองค์เยาวเรศอรไท ขึ้นพิชัยปราสาทรัตนา

ฯ ๒ คำ ฯ เพลง

๏ เมื่อนั้น ท้าวไกรสุทสุริย์วงศ์นาถา
จึ่งชำระสระสรงคงคา ทรงเครื่องกษัตราอาภรณ์
จับพระขรรค์ศักดาวราวุธ งามเพียงจักรภุชทรงศร
เสด็จจากห้องแก้วอลงกรณ์ บทจรออกมุขพิมานชัย

ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ

๏ ลดองค์ลงเหนือบัลลังก์อาสน์ พร้อมเสนามาตย์น้อยใหญ่
ชุลีกรเดียรดาษกลาดไป ดั่งดาวล้อมแขไขในเมฆา

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น เสนีผู้มียศถา
จึ่งเชิญพระราชสารา จากรถรัตนาโอฬาฬาร
นำทูตโรมราชธานี ทั้งสามผู้ปรีชาหาญ
กับเครื่องสุวรรณบรรณาการ ไปสถานที่เฝ้าภูธร

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ ต่างตนก้มเกล้าอภิวาท เบื้องบาทภูวเรศธิเบศร
เสนาณรงกาพระนคร ชุลีกรกราบทูลทันที
สรวมชีพขอเบิกทูตา พาราโรมราชบุรีศรี
กราบถวายบังคมด้วยภักดี ยังธุลีบาทบงสุ์พระทรงยศ
เสร็จแล้วเปิดกล่องพระราชสาร คลี่ลานสุวรรณอลงกต
จบเศียรกฤษฎาปราณต กำหนดอ่านบรรยายถวายไป

ฯ ๖ คำ ฯ

ช้า

๏ ราชสารพระผู้ผ่านนคเรศ มงกุฎเกศโรมราชบุรีใหญ่
ขอประณตบทเรณูใน ท่านไทธเรศตรีรพีพงศ์
ผู้ทรงคุณเลื่องหล้าสุธาธาร ประมาณคู่กมลาสน์ครรไลหงส์
จรรโลงโลกปรากฏยศยง ดำรงเกศกรุงแก้วณรงกา
ด้วยพระเกียรติลือทั่วประเทศราช ว่าพระบาทมีโอรสา
ทรงสิริฤทธีปรีชา มหิมานุภาพเกรียงไกร
ทราบพระกฤษฎามาฉะนี้ ความยินดีหาที่สุดไม่
จึ่งแต่งพระธิดาดวงใจ อันวิไลเลิศลักษณ์วิลาวัณย์
ถวายมาหวังฉลองรองบาท พระอุณรุทธิราชรังสรรค์
ขอพระเดชพระองค์ทรงธรรม์ เป็นฉัตรแก้วกั้นคุ้งวันตาย

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระทรงภพลบโลกทั้งหลาย
ได้แจ้งแห่งสารบรรยาย นุสนธิ์สายสุนทรจับใจ
มีความแสนโสมนัสนัก ผิวพักตร์ผ่องเพียงแขไข
ด้วยประกอบชอบราชหฤทัย ดำริไว้เสร็จสมอารมณ์คิด
จึ่งมีมธุรสพจมาน ตรัสปราศรัยสารประกาศิต
ด้วยท้าวอุทุมเรืองฤทธิ์ จงจิตเป็นมิ่งไมตรี
พรากดวงเนตรหน่อวรนุช มาให้พระอุณรุทเรืองศรี
เราแสนโสมนัสพันทวี จะเลี้ยงดั่งบุตรีในอุรา
อันพระองค์ผู้ทรงโรมราช มเหสีวรนาฏแลวงศา
กำนัลในไพร่ฟ้าแลเสนา ค่อยผาสุกหรือประการใด
บรรดาเภตราซึ่งมานั้น ถึงพร้อมมูลกันหรือไฉน
หรือว่ามีเหตุเภทภัย อันใดบ้างในกลางวารี

ฯ ๑๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น เสนาโรมราชบุรีศรี
ก้มเกล้าสนองพระวาที อันภูมีเจ้ากรุงพระนคร
ทั้งพระประยูรสุริย์วงศ์ เอกองค์มเหสีสายสมร
เสนีไพร่ฟ้าประชากร เป็นสุขถาวรทั้งเวียงชัย
ซึ่งมาในกลางชะเลหลวง สำราญแล่นล่วงจนกรุงใหญ่
เดชะพระเดชปกเกศไป อันตรายสิ่งใดไม่ราวี

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวไกรสุทสุริย์วงศ์เรืองศรี
ครั้นปราศรัยเสร็จตามประเวณี ภูมีตรัสสั่งเสนา
ให้ประทานเสื้อผ้าเงินทอง สิ่งของอันควรด้วยยศถา
แก่ทูตจำทูลสารา น้อยใหญ่ถ้วนหน้าอันดับกัน
สั่งเสร็จเสด็จยุรยาตร จากที่สิงหาสน์มุขกระสัน
ย่างเยื้องกรายกรจรจรัล เข้าปราสาทสุวรรณทันใด

ฯ ๖ คำ ฯ เสมอ

๏ บัดนั้น หมู่ชะแม่เถ้าแก่ผู้ใหญ่
ก็นำนางศรีสุดาอรไท เข้าไปเฝ้าบาทภูธร

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น องค์พระบุตรีดวงสมร
นบนิ้วดุษฎีชุลีกร บังอรกราบก้มพักตรา[๑]

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระปิ่นภพลบโลกนาถา
พิศเพ่งเล็งโฉมพระธิดา ทั่วทั้งกายาเทวี
งามรูปงามทรงวงพักตร์ งามประเสริฐเลิศลักษณ์ราศี
งามละม่อมพร้อมพริ้งทั้งอินทรีย์[๒] สมที่เป็นปิ่นอนงค์ใน
งามจริตกิริยามารยาท ทั้งสิริวิลาสไม่หาได้
จึ่งมีมธุรสตรัสไป เจ้าผู้ประไพพักตรา
อย่าเศร้าสร้อยวิญญาณ์อาดูร ถึงประยูรสุริย์วงศ์พงศา
พ่อจะเลี้ยงเป็นราชธิดา ให้ประเสริฐเลิศหล้าสุธาธาร
เป็นเอกอัครสุณิสาศรีสวัสดิ์ เฉลิมวงศ์จักรพรรดิมหาศาล
ด้วยแสนสมบัติอันโอฬาร เป็นประธานอนงค์นารี

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ ตรัสแล้วลุกจากสิงหาสน์ งามวิลาสดั่งท้าวโกสีย์
กรายกรย่างเยื้องจรลี เสด็จออกยังที่พระโรงคัล

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

๏ ลดองค์ลงเหนือบัลลังกรัตน์ ภายใต้เศวตฉัตรฉายฉัน
ประโรหิตเสนาแน่นนันต์ พร้อมกันประณตบทมาลย์

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ จึ่งมีพระราชวาที แก่โหราผู้ปรีชาหาญ
จงควณหาฤกษ์ศุภวาร จะตั้งการอภิเษกพระลูกยา

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ขุนโหรผู้มียศถา
รับสั่งพระองค์ทรงนครา ก็หาฤกษ์พระจันทร์โดยคัมภีร์
ตั้งศักราชลงคูณหาร มาสเกณฑ์อวมานดิถี
ลบบวกองศานาที พอได้เศษสี่เป็นฤกษ์จร
เสร็จแล้วจึ่งกราบบังคมทูล นเรนทร์สูรสุริย์วงศ์ทรงศร
สามค่ำวันจันทร์สถาวร พยากรณ์กำหนดเวลา
รุ่งแล้วสามโมงหกบาท พระฤกษ์จำเริญราชชันษา
ชื่อภูมีฤกษ์โดยตำรา เป็นมหามงคลสวัสดี

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระสุริย์วงศ์เทวัญเรืองศรี
ได้ฟังสารโสฬสคัมภีร์[๓] ภูมีชื่นชมด้วยสมคิด
จึ่งดำรัสตรัสด้วยสิงหนาท โองการประกาศประกาศิต
สั่งมหาเสนาผู้ใช้ชิด ให้ประกอบซึ่งกิจพิธีการ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น เสนีผู้ปรีชาหาญ
ก้มเกล้ารับรสพจมาน รีบออกจากสถานพระโรงชัย

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ หมายบอกชาววังแลสนม ทั่วทุกหมวดกรมน้อยใหญ่
สิ้นทั้งข้างหน้าข้างใน ให้จัดการโดยราชบัญชา

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ฝ่ายเจ้าพนักงานซ้ายขวา
ก็เร่งรัดเกณฑ์กันเป็นโกลา ตั้งมหาพิธีสยุมพร
บ้างแต่งไพชนต์ปราสาท ทอดอาสน์ลาดที่บรรจถรณ์
ผูกม่านกั้นฉากอลงกรณ์ ห้อยพวงเกสรสุมามาลย์
บางหมู่ก็ตั้งบัลลังก์รัตน์ ปักเศวตฉัตรฉายฉาน
วางพระเต้านากเงินแก้วกาญจน์ สังข์กลศใส่พานเคียงกัน
แว่นเวียนเทียนชัยบายศรี ซ้ายขวาตามที่เป็นหลั่นหลั่น
ฉัตรมณีฉัตรนากฉัตรสุวรรณ ทุกพรรณพร้อมเสร็จดั่งบัญชา

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ แล้วสั่งสังฆการีให้ออกไป ยังในอรัญราวป่า
นิมนต์หมู่มหาสิทธา เข้ามายังที่พิธีการ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น สังฆการีผู้ปรีชาหาญ
ได้แจ้งก็พากันลนลาน รีบไปยังสถานพระมุนี

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงยอกรขึ้นเหนือเกศ แจ้งเหตุแก่องค์พระฤๅษี
บัดนี้พระจอมโมลี ให้มานิมนต์พระนักพรต
เข้าไปยังนิวาสราชฐาน กับหมู่บริวารดาบส
จะทำการภิเษกพระโอรส กำหนดให้ทันเวลา

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระนารอททรงญาณฌานกล้า
ได้แจ้งไม่แคลงวิญญาณ์ ก็บอกหมู่สิทธาพร้อมกัน
ต่างผลัดเปลือกไม้คากรอง ครองหนังเสือสอดจัมขันธ์
กรกุมไม้เท้างกงัน พากันรีบมายังธานี

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงจึ่งขึ้นบนปราสาท นั่งอาสน์สำหรับพระฤๅษี
ในมณฑลราชพิธี ตามที่น้อยใหญ่อันดับมา

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวไกรสุทสุริย์วงศ์นาถา
ครั้นรุ่งรางสร่างแสงพระสุริยา ผ่านฟ้าจึ่งมีโองการ
ตรัสสั่งพระโอรสราช ผู้ร่วมชีวาตม์สังขาร
ให้ชำระสระสรงชลธาร ทรงเครื่องอลงการรูจี

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระอุณรุทผู้รุ่งรัศมี
ก้มเกล้ารับราชวาที ก็เสด็จเข้าที่สรงชล

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

โทน

๏ ชำระสระสนานสำราญกาย ปทุมทองโปรยปรายดั่งสายฝน
ลูบไล้รศเร้าเสาวคนธ์ เพียงเครื่องต้นทิพท้าวโกสิตทรง
สอดใส่สนับเพลาพลอยประพาฬ ภูษาเครือก้านกระหนกหงส์
ชายไหวชายแครงสะอิ้งองค์ ทับทรวงสวมทรงสังวาลวรรณ
ตาบทิศทองกรมังกรพต พาหุรัดมรกตทับทิมคั่น
ธำมรงค์เพชรรายเรือนสุบรรณ มงกุฎแก้วทัดกรรเจียกจอน
ห้อยพวงสุวรรณมาลัย แก้วแกมแซมใส่เป็นเกสร
งามองค์เพียงอัมรินทร กรายกรมาเฝ้าพระบิดา

ฯ ๘ คำ ฯ เพลง

๏ เมื่อนั้น โฉมนางรัตนาเสน่หา
ครั้นใกล้พิชัยเวลา ให้แต่งสุณิสายุพาพาล

ฯ ๒ คำ ฯ

ชมตลาด

๏ พระพี่เลี้ยงเข้าขัดสีสรง สำอางองค์ทรงสุคนธ์หอมหวาน
บ้างผัดพักตร์เพียงแว่นแก้วกาญจน์ ทรงภูษาก้านกระหนกพัน
สไบตาดเครือร่วงดวงลอย สวมสร้อยนวมซับประดับถัน
สะอิ้งแก้วทับทรวงสังวาลวรรณ ทองกรนาคพันพาหุรัด
ธำมรงค์เพชรรายพรายแพรว มงกุฎแก้วคู่ทรงนางกษัตริย์
ห้อยพวงมาลัยดอกไม้ทัด งามสิริศรีสวัสดิ์เพียงนางฟ้า

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระบิตุรงค์ธิราชนาถา
จึ่งพาสมเด็จพระลูกยา ลีลาจากห้องปราสาทชัย
พร้อมพระประยูรสุริย์วงศ์ สาวสนมอนงค์น้อยใหญ่
ฝ่ายนางรัตนาทรามวัย อรไทพาองค์พระเทวี
ผู้ทรงนามนางศรีสุดา เอกอัครสุณิสาโฉมศรี
พร้อมฝูงกำนัลนารี จรลีไปปราสาทพิธีการ

ฯ ๖ คำ ฯ เสมอ

๏ ครั้นถึงจึ่งให้สองกษัตริย์ นั่งร่วมเศวตฉัตรฉายฉาน
เหนือแท่นนพรัตน์ชัชวาล แล้วถวายมัสการพระสิทธา

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระนารอทผู้ทรงสิกขา
ทั้งพระโควินท์ผู้ปรีชา กับคณะมหาโยคี
ก็พร้อมกันสวดไสยเวท ตำรับมนต์พรหเมศจำเริญศรี
แซ่เสียงสำเนียงอาหุดี อึงมี่ทั้งห้องปราสาทชัย

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ชีพ่อโหราผู้ใหญ่
บ้างถือสังข์กลศอำไพ เข้าไปใกล้สองสุริย์วงศ์
โอมอ่านพระเวทพรหมา ถวายมูรธาภิเษกสรง
รินรดพระหน่อภุชพงศ์ กับองค์อัครราชเทวี

ฯ ๔ คำ ฯ

สระบุหร่ง

๏ ได้เอ๋ยได้ฤกษ์ พระโหรให้เบิกบายศรี
พนักงานลั่นฆ้องเข้าสามที แตรสังข์ดนตรีนี่นัน
ประโรหิตก็จุดเทียนชัย ติดในแว่นแก้วเฉลิมขวัญ
เวียนวงส่งรับอันดับกัน เป็นหลั่นหลั่นรอบราชมณฑล
เสียงศัพท์เภรินพิณพาทย์ กึกก้องกัมปนาทกุลาหล
พันลึกฮึกโห่อึงอล เพียงปัฐพีดลจะโทรมทรุด
น้ำทิพย์สุคนธ์ก็ตกต้อง พระเศียรสองนเรศราชบุตร
ด้วยบุญญาธิการพระอุณรุท เป็นอุตม์มหัศอัศจรรย์

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ ครั้นเวียนครบวารเจ็ดรอบ ก็ดับเทียนโดยระบอบพิธีขวัญ
ประโรหิตผู้เฒ่าก็โบกควัน ให้พระองค์เทวัญผู้ฤทธี
แล้วเอาจุณเจิมเฉลิมพักตร์ พระเยาวราชทรงลักษณ์ทั้งสองศรี
พร้อมกันอำนวยสวัสดี ชัยตุจงมีสถาวร

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระบิตุเรศนฤบาลชาญสมร
กับองค์สมเด็จพระมารดร โสมนัสอวยพรพระลูกยา
เจ้าจงอิศโรภิญโญยศ เดชาปรากฏทุกทิศา
ดั่งดวงสุริยันในนภา อันตรายโรคาอย่าแผ้วพาน
จำเริญชันษาทั้งสององค์ สืบวงศ์เทวามหาศาล
ศัตรูจองภัยบรรลัยลาญ เป็นประธานโลกาธาตรี

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ ตรัสแล้วประทานเครื่องยศ อลงกตแก้วกาญจน์เฉลิมศรี
ทั้งมงกุฎสังวาลมาศมณี แก่เทวีสุณิสาวิลาวัณย์
ล้วนแต่เครื่องต้นกษัตริย์ทรง อย่างเอกองค์ลูกเจ้าไอศวรรย์
ทั้งภูษาผ้าพื้นแพรพรรณ เป็นอนันต์อเนกคณนา
แล้วประทานเงินทองแก้วแหวน แสนทรัพย์อันควรด้วยยศถา
แก่ขอเฝ้าเหล่าที่บรรดามา กับองค์สุณิสายาใจ
ทั้งตึกกว้านบ้านเรือนทุกสิ่งสรรพ์ โดยอันดับกันน้อยใหญ่
ให้อยู่เป็นสุขทุกคนไป ในพาราราชธานี

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ฝ่ายคุณะพระมหาฤๅษี
ครั้นเสด็จการราชพิธี ก็ลาเจ้าธรณีณรงกา
ต่างองค์ลงจากปราสาท เข้าฌานเป็นบาทฤทธิ์กล้า
เหาะขึ้นยังพื้นนภา กลับไปศาลาสำราญ

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น พระบิตุรงค์ผู้ปรีชาหาญ
กับองค์อัครราชเยาวมาลย์ พฤฒาจารย์อำมาตย์มนตรี
ทั้งประยูรวงศ์พงศา ครั้นเสร็จการราชภิเษกศรี
ต่างตนโสมนัสยินดี กลับไปที่อยู่พร้อมก้น

ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ

๏ เมื่อนั้น พระอุณรุทรุ่งฟ้านราสรรค์
ครั้นค่ำสิ้นรวีวรรณ แสงจันทร์จำรัสโพยมพราย
ให้รัญจวนครวญระลึกตรึกคะนึง คิดถึงศรีสุดาโฉมฉาย
เสน่หารุมร้อนสกนธ์กาย ดั่งแสงศรจากสายมาเสียบทรวง
แสนถวิลอาวรณ์สวาทนัก ด้วยรึงรักร้อนใจใหญ่หลวง
แต่พะวงหลงละลานแดดวง กระสันทรวงด่าวดิ้นวิญญาณ

ฯ ๖ คำ ฯ

ร่าย

๏ จึ่งเสด็จย่างเยื้องบทจร จากแท่นบรรจถรณ์มุกดาหาร
งามดั่งเทวราชกุมาร ไปสถานห้องแก้วกัลยา

ฯ ๒ คำ ฯ ฉุยฉาย

ร่าย

๏ เสด็จนั่งเหนือบัลลังก์มาศ ร่วมอาสน์เยาวยอดเสน่หา
พิศเพ่งเล็งโฉมวนิดา พริ้มพร้อมลักขณาไม่ราคิน

ฯ ๒ คำ ฯ

ชมโฉม

๏ พิศพักตร์ผ่องเพียงศศิธร พิศขนงก่งงอนดั่งคันศิลป์
พิศเนตรเนตรดำลํ้าพลอยนิล เพียงเนตรมฤคินทร์ขวบปลาย
พิศทรงนาสิกก็งามสุด ดั่งวงอังกุศแก้ววิเชียรฉาย
พิศโอษฐ์โอษฐ์พริ้มเพียงยิ้มพราย พิศปรางงามคล้ายปรางสุวรรณ
พิศกรรณเพียงกลีบอุบลมาศ พิศศอคือราชหงส์สรรค์
พิศกรเพียงวงคชกรรม์ พิศถันดั่งดวงปทุมทอง
งามละม่อมพร้อมสิ้นทั้งอินทรีย์ วิลาสล้ำนารีไม่มีสอง
ผิวพรรณขำคมนวลละออง ไตรโลกเล็งจ้องจำเริญตา
พิศพิศแล้วพิศวาสกลุ้ม ให้รึงรุมด้วยรสเสน่หา
จึ่งมีสุนทรวาจา ปราศรัยวนิดายุพาพาล

ฯ ๑๐ คำ ฯ

ชาตรี

๏ ดวงเอยดวงเนตร เยาวเรศผู้ยอดสงสาร
บุญพี่ได้สร้างแต่ปางกาล กับองค์นงคราญมาด้วยกัน
จึ่งบันดาลดลใจสองกษัตริย์ ผู้ปิ่นแสนสวัสดิ์ไอศวรรย์
ประทานเจ้าเยาวลักษณ์วิไลวรรณ มาเรียงร่วมขวัญกับพี่ยา
ร่วมรักร่วมใจร่วมจิต ร่วมชีวีชีวิตสังขาร์
ผินพักตร์เสียไยวนิดา แก้วตาจงได้ปรานี

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นวลนางศรีสุดามารศรี
ได้ฟังพจนารถวาที เทวีหวาดหวั่นพรั่นใจ
เคลื่อนองค์ลงจากแท่นแก้ว แล้วนบนิ้วประนมบังคมไหว้
ชำเลืองเนตรดูภูวไนย เฉิดโฉมวิไลลาวัณย์
อรชรอ้อนแอ้นเอวองค์ เพียงทรงอำมรเมศรังสรรค์
สำเนียงนวลยวนยั่วแดยัน สารพันเป็นที่จำเริญตา
ถึงโฉมพระพิษณุรักษ์ ผู้ทรงลักษณ์โลกลานเสน่หา
ก็ไม่เทียมเสาวภาคย์กายา องค์พระผ่านฟ้ายาใจ
ความอายความรักรึงจิต ชำเลืองพิศพิศวงหลงใหล
กรานก้มพักตร์อยู่ไม่ดูไป ทรามวัยมิได้พาที

ฯ ๑๐ คำ ฯ

โอ้

๏ น้องเอยน้องรัก เยาวลักษณ์ผู้มิ่งมารศรี
พี่มาหาด้วยสวัสดี เทวีมิได้จำนรรจา
เจ้ารังเกียจเคียดแค้นด้วยอันใด ดวงใจแสนสุดเสน่หา
เชิญมาร่วมอาสน์ภิรมยา สั่งสนทนาด้วยกัน
ว่าพลางลดองค์ลงนั่งแนบ อิงแอบลูบหลังแล้วรับขวัญ
เราจะร่วมทุกข์ร่วมชีวัน ไฉนจึ่งผินผันไม่ไยดี
อันความพิศวาสรุมรึง ติดตรึงแน่นในอุระพี่
เมตตาบ้างเถิดนะเทวี มารศรีอย่าสลัดตัดรอน

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นางศรีสุดาดวงสมร
ได้ฟังวาจาสุนทร บังอรนบนิ้วแล้วทูลไป
ซึ่งพระบัญชาว่าการุญ พระคุณนั้นหาที่สุดไม่
แต่อย่าด่วนลวนทำให้ชํ้าใจ จะได้เห็นว่าทรงพระเมตตา
ว่าพลางถอยถดขยดหนี มารศรีค้อนคมแล้วก้มหน้า
แต่ชม้ายชายเนตรชำเลืองมา ดูพระยอดฟ้าสุริย์วงศ์

ฯ ๖ คำ ฯ

โลม

๏ โฉมเอยโฉมเฉลา ยุพเยาว์นิ่มเนื้อนวลหง
มิเสียที่เกิดในรพีพงศ์ ควรเป็นปิ่นอนงค์นางใน
งามรสพจนารถจำนรรจา งามจริตกิริยาไม่หาได้
พร้อมเพราะน้ำคำจับใจ น่าจะช้อนชูไว้กลางกร
ความพี่แสนสวาทเพียงชีวิต ไม่ควรคิดเมินหมางสโมสร
ถอยหนีไปไหนนะบังอร ดวงสมรจงได้ปรานี
ว่าพลางคว้าไขว่สัพยอก เลียมลูบเย้าหยอกมารศรี
อุ้มองค์อัครราชเทวี ขึ้นยังแท่นที่ไสยา

ฯ ๘ คำ ฯ

ร่าย

๏ ทรงเอยทรงเดช พระจงโปรดเกศเกศา
นี่หรือว่าทรงพระเมตตา มิให้เคืองวิญญาณ์เท่ายองใย
ตัวน้องก็จะรองเบื้องบาท ใช่จะพ้นภูวนารถก็หาไม่
มาทำข่มเหงไม่เกรงใจ ให้ได้อัประมาณพันทวี
ขอเชิญเสด็จไปเชยชิด แนบสนิทนางสนมสาวศรี
ว่าพลางหยิกข่วนไม่ปรานี เทวีผลักไสไปมา

ฯ ๖ คำ ฯ

โลม

๏ สุดเอยสุดสวาท นุชนาฏแน่งน่อยเสน่หา
ว่าไยฉะนี้วนิดา อนิจจามาตัดอาลัย
อันนางที่เคยบำเรอรักษ์ จะเปรียบองค์นงลักษณ์กระไรได้
ตัวเจ้าเยาวยอดอรไท ภูวไนยชนกชนนี
ทั้งสองนคเรศราชฐาน ประกอบการวิวาห์เฉลิมศรี
หวังสืบสุริย์วงศ์ประเวณี ในที่เศวตฉัตรรัตนา
ถึงจะข่วนหยิกสักเท่าใด ก็ตามใจไม่ถือโทษา
ว่าพลางจุมพิตวนิดา ลูบไล้ไขว่คว้าพัลวัน
กรสอดกอดเกี่ยวเกลียวกลม ร่วมรมย์ปลื้มเปรมเกษมสันต์
ค่อยประคองต้องดวงบุษบัน เชยชมรับขวัญเยาวมาลย์
ภุมรินบินเคล้าสุบงกช เชยรสเสาวคนธ์หอมหวาน
ฝนสวรรค์ครั่นครื้นทั้งจักรวาล สองสำราญในรสฤๅดี

ฯ ๑๒ คำ ฯ โลมปี่พาทย์

ช้า

๏ เมื่อนั้น นวลนางศรีสุดามารศรี
ได้ภิรมย์รักร่วมประเวณี ด้วยหลานพระจักรีเลิศไกร
เริ่มรู้ในรสสังวาส แสนสนิทพิศวาทไม่คลาดได้
แสนสุดเสน่หายาใจ ในพระผ่านฟ้ายุพาพาล
ดั่งได้สรงทิพย์อำมฤค สระสวรรค์พันลึกหอมหวาน
สารพางค์ซาบสิ้นจนวิญญาณ เยาวมาลย์ชื่นชมภิรมยา
ลืมพระบิตุราชมาตุรงค์ ลืมเหล่าสุริย์วงศ์พงศา
ลืมแสนสมบัติอันโอฬาร์ ลืมพาราโรมบุรี
ลืมทั้งราชฐานเคยสถิต ลืมสนมเพื่อนสนิทสาวศรี
แต่เฟี้ยมเฝ้าเคล้าองค์พระภูมี ในสถานแท่นที่อำไพ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ บัดนั้น นางพี่เลี้ยงผู้มีอัชฌาสัย
ทั้งนางสาวสรรค์กำนัลใน หมอบใช้ข้างที่เรียงราย
เห็นพระผ่านฟ้านราสรรค์ กับแจ่มจันทร์วรนาฏโฉมฉาย
ร่วมเรียงเคียงพักตร์พริ้มพราย งามคล้ายรูปทองทั้งสององค์
เหล่านางต่างพิศสองกษัตริย์ โสมนัสเพลินใจใหลหลง
งามฉวีงามศรีงามทรง เพียงองค์สุริยันกับจันทรา
อันทรงกลดหมดเมฆไม่ปกปิด ซึ่งสถิตเลื่อนลอยในเวหา
บ้างรับขวัญสรรเสริญบุญญา ด้วยปรีดาจงรักภักดี
ฝ่ายฝูงกัลยาคณานาง พนักงานดุริยางค์ดีดสี
ก็ประสานสังคีตดนตรี ขับกล่อมข้างที่บรรเลง

ฯ ๑๐ คำ ฯ มโหรี


[๑] จบต้นฉบับหนังสือสมุดไทยเลขที่ ๕๗๑ ขึ้นต้นฉบับหนังสือสมุดไทยเลขที่ ๕๗๒ สอบเทียบกับต้นฉบับสมุดไทยเลขที่ ๕๕๑

[๒] ต้นฉบับหนังสือสมุดไทยเลขที่ ๕๕๑ เป็น “งามละม่อมพร้อมสิ้นทั้งอินทรีย์”

[๓] โสฬสคัมภีร์ ใช้ตามต้นฉบับหนังสือสมุดไทยเลขที่ ๕๗๒ และฉบับพิมพ์เดิม ส่วนในเลขที่ ๕๕๑ เป็น โสลกคัมภีร์

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ