- คำนำ
- บทนำเรื่อง
- ที่มาของอนิรุทธคำฉันท์และบทละคอนเรื่องอุณรุท ของ ธนิต อยู่โพธิ์
- ตอนที่ ๑
- ตอนที่ ๒
- ตอนที่ ๓
- ตอนที่ ๔
- ตอนที่ ๕
- ตอนที่ ๖
- ตอนที่ ๗
- ตอนที่ ๘
- ตอนที่ ๙
- ตอนที่ ๑๐
- ตอนที่ ๑๑
- ตอนที่ ๑๒
- ตอนที่ ๑๓
- ตอนที่ ๑๔
- ตอนที่ ๑๕
- ตอนที่ ๑๖
- ตอนที่ ๑๗
- ตอนที่ ๑๘
- ตอนที่ ๑๙
- ตอนที่ ๒๐
- ตอนที่ ๒๑
- ตอนที่ ๒๒
- ตอนที่ ๒๓ ทศมุขพบพระอุณรุท
- ตอนที่ ๒๔
- ตอนที่ ๒๕
- ตอนที่ ๒๖
- ตอนที่ ๒๗
- ตอนที่ ๒๘
- ตอนที่ ๒๙
- ตอนที่ ๓๐
- ตอนที่ ๓๑
- ตอนที่ ๓๒
- ตอนที่ ๓๓
- ตอนที่ ๓๔
- ตอนที่ ๓๕
- ตอนที่ ๓๖
- ตอนที่ ๓๗
- ตอนที่ ๓๘
- ตอนที่ ๓๙
- ตอนที่ ๔๐
- ตอนที่ ๔๑
- ตอนที่ ๔๒
ตอนที่ ๓๒ พระอุณรุทเสด็จกลับกรุงณรงกา
ช้า
๏ เมื่อนั้น | พระอุณรุททรงสวัสดิ์รัศมี |
เสร็จมอบสวรรยาธานี | ยักษีทศมุขสุริย์วงศ์ |
พระเสวยสุโขมโหฬาร | กับเยาวมาลย์อุษานวลหง |
ประดับด้วยฝูงนาฏนางอนงค์ | อันทรงเสาวภาคจำเริญใจ |
บำรุงบำเรอด้วยรูปเสียง | กลิ่นเกลี้ยงสัมผัสพิสมัย |
รสรื่นชื่นชวนให้อาลัย | ในเบญจคุณกามล้วนงามงอน |
อยู่ยังรัตนาบุรีราช | แสนสำราญลานสวาทสโมสร |
ดั่งสถิตในเทวนคร | สถาวรหลายทิวาราตรี |
ให้คะนึงถึงองค์พระบิตุเรศ | พระชนนีเกิดเกศเกศี |
ทั้งองค์อัครราชเทวี | เสนีสุริย์วงศ์อนงค์ใน |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
ร่าย
๏ จึ่งมีพจนารถอันสุนทร | ดูก่อนเยาวยอดพิสมัย |
แต่พี่มาจากเวียงชัย | ช้านานได้หลายทิวารา |
อันองค์พระชนกชนนี | ป่านนี้จะละห้อยคอยหา |
จะวิโยคโศกแสนโศกา | เสวยทุกข์เวทนาจาบัลย์ |
ครั้นจะอยู่ช้านักก็มิได้ | พี่จะพาดวงใจเฉลิมขวัญ |
ไปยังนคเรศด้วยกัน | บังคมคัลพระชนกชนนี |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นวลนางอุษามารศรี |
ได้ฟังบัญชาพระสามี | เทวีทูลสนองไปทันใด |
ซึ่งพระองค์จะเสด็จลีลาศ | คืนณรงการาชบุรีใหญ่ |
เฝ้าสองกษัตริย์เลิศไกร | ข้าดีใจเป็นพ้นคณนา |
จะขอโดยเสด็จบทเรศ | พระทรงเดชสุริย์วงศ์นาถา |
เป็นเกือกทองรองเบื้องบาทา | ไปกว่าจะสิ้นชนมาน |
อันอยู่ในรัตนาธานี | พระเมตตาไม่มีสิ่งสมาน |
เกลือกไปถึงกรุงอันโอฬาร | จะเกรงองค์นงคราญผู้ร่วมรัก |
จะเสื่อมคลายหายความกรุณา | ฝ่ายข้าจะทุกข์เพียงอกหัก |
ยิ่งจะซ้ำร้ายได้อายนัก | พระทรงจักรจงโปรดปรานี |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระอุณรุทผู้รุ่งรัศมี |
ได้ฟังวนิดาพาที | ภูมีรับขวัญกัลยา |
แล้วมีพจนารถอันสุนทร | ดวงสมรพี่ยอดเสน่หา |
ว่าไยฉันนี้นะแก้วตา | อนิจจาไม่ควรจะแคลงใจ |
อันตัวของเจ้าเยาวเรศ | เทเวศแกล้งมาสมให้ |
เป็นคู่ชีวิตชีวาลัย | ก็แจ้งไปทั่วฟ้าธาตรี |
ซึ่งองค์โฉมฉายสายสวาท | หรือจะอาจล่วงพจมานพี่ |
จะบำรุงเยาวยอดนารี | มิให้มีราคีแผ้วพาน |
ร่วมเรียงอาสน์เอกเศวตฉัตร | ในสวัสดิ์นิวาสราชฐาน |
เป็นใหญ่กว่าสนมนงคราญ | เยาวมาลย์อย่าร้อนอาวรณ์ใจ[๑] |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นางอุษาผู้ยอดพิสมัย |
ฟังรสพจนารถภูวไนย | ดั่งได้สรงทิพธารา |
เย็นซาบทั่วสารพางค์กาย | โฉมฉายแสนโสมนัสสา |
จึงนบนิ้วถวายบังคมลา | มายังปราสาทพระชนนี |
ฯ ๔ คำ ฯ เพลง
๏ ครั้นถึงน้อมเศียรอภิวาท | กราบลงแทบบาทบทศรี |
ให้สะท้อนถอนใจพันทวี | ทูลพระชนนีนงคราญ |
บัดนี้สมเด็จพระภัสดา | จะกลับคืนพาราราชฐาน |
ลูกรักขอลาบทมาลย์ | ไปตามเสด็จหลานพระสี่กร |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นวลนางไวยกาดวงสมร |
ได้ฟังวาจาอันสุนทร | บังอรมาอัญชุลีลา |
ว่าจะไปโดยเสด็จพระสามี | เทวีเศร้าโทมนัสสา |
แสนสลดระทดวิญญาณ์ | ก็โศกาครวญคร่ำรำพัน |
ฯ ๔ คำ ฯ
โอ้
๏ โอ้ว่าลูกรักของแม่เอ๋ย | แม่เคยประคองถนอมขวัญ |
ถึงเจ้าเป็นบุตรบุญธรรม์ | ก็สำคัญว่าเกิดในอุทร |
เป็นพี่นางสนิททศมุข | ร่วมทุกข์ร่วมสุขสโมสร |
เช้าเย็นเห็นหน้านิรันดร | เชยชมสายสมรทุกเวลา |
พระบิตุรงค์เจ้าปลงชีวัน | ยังไม่วายโศกศัลย์กันแสงหา |
เห็นโฉมฉายค่อยสบายวิญญาณ์ | ควรหรือแก้วตาจะจากไป |
ตั้งจิตจะฝากชีวิตเจ้า | ขวัญข้าวเยาวยอดพิสมัย |
ทีนี้เป็นกรรมจะจำไกล | เปล่าตาเปลี่ยวใจแม่นัก |
อยู่หลังจะตั้งแต่ทุกข์ถึง | แสนคะนึงรึงร้อนเพียงอกหัก |
จะพรํ่ากินชลนัยน์ไม่วายพักตร์ | ด้วยทรามรักนิราศแรมคลา |
จะทานทัดขัดห้ามก็มิได้ | จนใจสุดคิดนี่หนักหนา |
ร่ำพลางกอดองค์พระธิดา | โศกาเพียงสิ้นสมประดี |
ฯ ๑๒ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้น | นวลนางอุษามารศรี |
เห็นองค์สมเด็จพระชนนี | โศกีครวญคร่ำรำพัน |
ให้สงสารสลดรันทดจิต | คิดยามวิโยคแล้วโศกศัลย์ |
สะอื้นพลางถอนใจจาบัลย์ | กัลยากราบทูลสนองไป |
ซึ่งลูกจะจากไปครั้งนี้ | ใช่จะแกล้งหน่ายหนีนั้นหาไม่ |
สุดคิดสุดจิตจึ่งจำไกล | พระองค์อย่าได้โศกา |
ถึงไปใช่ว่าจะตายจาก | เป็นแต่พรากว่างเว้นที่เห็นหน้า |
นัยลูกจะกลับคืนมา | รองเบื้องบาทาพระมารดร |
ค่อยอยู่จงดีอย่ามีทุกข์ | ศรีสวัสดิ์เป็นสุขสโมสร |
นิราศโรคาสถาวร | ร่มเกล้านิกรประชาชี |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | โฉมนางไวยกามารศรี |
ฟังรสพจนารถพระบุตรี | เทวีค่อยคลายโศกา |
จึ่งมีวาจาอันสุนทร | ดวงสมรแม่ยอดเสนหา |
ตัวเจ้าจะจากพระมารดา | ไปเป็นบริจาพระทรงฤทธิ์ |
อุตส่าห์จงรักภักดี | ระวังองค์อย่าให้มีความผิด |
จงฝากกายถวายชีวิต | เจียมจิตต่ำเตี้ยเงี่ยตน |
ถึงลำบากยากแค้นแสนสาหัส | ตั้งใจปรนนิบัติบำรุงผล |
ความชั่วอย่ากลั้วแปมปน | ให้เคืองยุคลบาทา |
จึงจะสมด้วยเกิดในโกเมศ | เป็นปิ่นนคเรศเสน่หา |
จงฟังคำจำสอนของมารดา | จะประเสริฐเลิศฟ้าสถาวร |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ ตรัสแล้วก็พาวรนาฏ | เยาวราชธิดาดวงสมร |
เสด็จจากห้องแก้วอลงกรณ์ | บทจรไปเฝ้าภูวไนย |
ฯ ๒ คำ ฯ เพลง
๏ ครั้นถึงจึงองค์อัคเรศ | น้อมเกศบังคมประนมไหว้ |
ทูลว่าพระองค์ทรงฤทธิไกร | จะเสด็จกลับไปยังธานี |
อันอุษาโฉมเฉลาเยาวราช | จะตามไปรองบาทบทศรี |
สุริย์วงศ์พงศ์พันธุ์ก็ไม่มี | กำพร้าชนนีบิดา |
เห็นแต่พระวงศ์เทวัญ | ดั่งฉัตรแก้วกั้นเกศา |
จะจำเริญศรีสวัสดิ์วัฒนา | ก็เพราะพระเดชาภูธร |
แม้นมาตรประมาทราชกิจ | พลั้งผิดได้โปรดช่วยสั่งสอน |
อย่าเพ่อกริ้วโกรธเอาโทษกรณ์ | ตัดรอนให้ได้อัประมาณ |
ขอฝากใต้เบื้องพระบาทด้วย | เหมือนช่วยชูชีพสังขาร |
ให้แสนสุขเกษมสำราญ | ผ่านฟ้าจงโปรดปรานี |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระสุริย์วงศ์พงศ์นารายณ์เรืองศรี |
ฟังนางไวยกาพาที | ฝากพระบุตรีด้วยอาลัย |
จึ่งตรัสว่าดูก่อนเยาวมาลย์ | ผู้มีปรีชาญอัชฌาสัย |
ท่านอย่าทุกข์ร้อนอาวรณ์ใจ | ด้วยองค์อรไทพระธิดา |
อันซึ่งโฉมเฉลาเยาวเรศ | ปานดั่งดวงเนตรซ้ายขวา |
จะบำรุงเลี้ยงกัลยา | เป็นปิ่นวนิดานารี |
ค่อยอยู่จงดีอย่ามีทุกข์ | ช่วยพญาทศมุขยักษี |
ปกป้องไพร่ฟ้าประชาชี | เสนีสุริย์วงศ์อนงค์ใน |
ให้อยู่เย็นเป็นสุขสโมสร | อย่าให้เดือดร้อนสิ่งใดได้ |
เรากับกัลยาจะลาไป | อรไทอย่าเศร้าโศกา |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นวลนางไวยกาเสน่หา |
ได้ฟังมธุรสบัญชา | ค่อยสว่างวิญญาณ์ยินดี |
จึ่งนบนิ้วถวายอภิวาท | พระสุริย์วงศ์ธิราชเรืองศรี |
กรายกรย่างเยื้องจรลี | กลับมาที่อยู่เยาวมาลย์ |
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
๏ เมื่อนั้น | พระอุณรุทผู้ปรีชาหาญ |
เสด็จจากห้องแก้วอลงการ | ออกยังสถานพระโรงคัล |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
ช้าสามไม้
๏ ลดองค์ลงเหนือบัลลังก์มาศ | งามดังเทวราชรังสรรค์ |
พร้อมหมู่เสนากุมภัณฑ์ | อภิวันท์หมอบกลาดดาษดา |
จึ่งมีพระราชบรรหาร | แก่ขุนมารทศมุขยักษา |
แต่เรามาจากพารา | นานหลายทิวาราตรี |
ครั้นจะอยู่ช้านักก็มิได้ | จะกลับไปนิเวศน์บุรีศรี |
เจ้าจงจัดพลโยธี | ให้ไปส่งพี่ถึงเวียงชัย |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ทศมุขผู้มีอัชฌาสัย |
ได้ฟังพจนารถภูวไนย | บังคมไหว้สนองพระบัญชา |
อันพระองค์ทรงมหาการุญ | พระคุณล้นเกล้าเกศา |
ซึ่งจะกลับนิเวศน์สวรรยา | มรคาท่าทางกันดาร |
ข้าขอโดยเสด็จบาทบงสุ์ | พระผู้พงศ์จักรพรรดิมหาศาล |
จะชะลอปราสาทพระเยาวมาลย์ | ไปส่งถึงสถานธานี |
ให้พระเกียรติเดชาวรายศ | ปรากฏทั่วหล้าราศี |
ทูลแล้วถวายอัญชุลี | ไปยังที่อยู่กุมภัณฑ์ |
ฯ ๘ คำ ฯ เสมอ
๏ ครั้นถึงจึ่งมีพจนารถ | แก่มหาอำมาตย์คนขยัน |
บัดนี้พระองค์วงศ์เทวัญ | จะคืนไปเขตขัณฑ์ณรงกา |
ท่านจงเกณฑ์พวกจัตุรงค์ | เลือกล้วนอาจองแกล้วกล้า |
ชะลอทั้งปราสาทรัตนา | ไปส่งผ่านฟ้าถึงธานี |
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้น | จึ่งมหาอำมาตย์ยักษี |
ก้มเกล้ารับราชวาที | ถวายอัญชุลีแล้วออกไป |
ฯ ๒ คำ ฯ ประถม
ยานี
๏ เกณฑ์พลจัตุรงค์องอาจ | เป็นกองพยุหบาตรกระบวนใหญ่ |
ขุนช้างก็ผูกคชไกร | สรรพ์ไปด้วยเครื่องคชาภรณ์ |
ขุนม้าก็ผูกพาชี | ขับขี่ว่องไวดั่งไกรสร |
ขุนรถเทียมรถอลงกรณ์ | งามงอนอ่าอวดประกวดกัน |
ขุนพลก็เตรียมพลยุทธ์ | เลือกล้วนฤทธิรุทรแข็งขัน |
เทียมทั้งรถทรงเรือนสุวรรณ | รถประเทียบสาวสรรค์กัลยา |
จัดพลอสุราที่เข้มแข็ง | กำลังฤทธิแรงแกล้วกล้า |
สิบโกฏิเพียบพื้นพสุธา | ชะลอมหาปราสาทอำไพ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ฝ่ายนางพี่เลี้ยงผู้ใหญ่ |
ทั้งฝูงอนงค์กำนัลใน | ขอเฝ้าคนใช้ขันที |
บรรดาจะโดยเสด็จเยาวมาลย์ | ก็เตรียมการอุตลุดอึงมี่ |
ผ้าผ่อนเงินทองของดี | หีบแป้งกระจกหวีที่นอน |
ทั้งของกินของใช้ต่างต่าง | บรรทุกใส่รถช้างเกวียนก่อน |
พวกไพร่ก็แต่งหาบคอน | ซับซ้อนแบกขนวุ่นวาย |
บ้างเถียงกันอึงมี่ตีชก | ถ้วยโถพลัดตกแตกหาย |
ยังรุ่งมิได้เอนกาย | ไพร่นายคอยเสด็จจรลี |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นวลนางอุษามารศรี |
เสด็จเหนือแท่นแก้วรูจี | กับพระสามีนงคราญ |
จึ่งนบนิ้วทูลองค์พระทรงเดช | ผู้หน่อนเรศมหาศาล |
ซึ่งจะพาข้าบาทบทมาลย์ | ไปสถานกรุงแก้วณรงกา |
อันองค์พระมหาดาบส | ทรงยศยอดญาณฌานกล้า |
เลี้ยงดูชูเกล้าแต่เยาว์มา | พระคุณล้นฟ้าดินดอน |
จะขอไปประณตบทบงสุ์ | ลาองค์พระอัยกาก่อน |
จึ่งจะเป็นศรีสวัสดิ์สถาวร | ภูธรจงโปรดปรานี |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระอุณรุททรงสวัสดิ์รัสมี |
ได้ฟังวนิดาพาที | ภูมีสอดคล้องต้องใจ |
จึ่งกล่าวมธุรสอันสุนทร | ดวงสมรพี่ยอดพิสมัย |
ซึ่งเจ้าว่าขานประการใด | ไพเราะเพราะชอบระบอบธรรม์ |
ควรเราจะไปมัสการ | ยังสถานศาลาพนาสัณฑ์ |
ลาองค์พระอัยกานั้น | อันมีพระคุณกัลยา |
สองกษัตริย์แต่ตรัสด้วยกันไป | จนอุทัยเรื่อรางพระเวหา |
ก็เสด็จลีลาศยาตรา | มาเข้าที่สรงชลธาร |
ฯ ๘ คำ ฯ เสมอ
๏ ชำระกายสายสินธุ์ปทุมทอง | ใสเซ็นเป็นละอองหอมหวาน |
ทรงสุคนธ์ปนสุวรรณอันโอฬาร | รวยรินกลิ่นซ่านขจายจร |
พระสอดใส่สนับเพลาเครือหงส์ | ภูษาทรงลอยลายเชิงไกรสร |
นางทรงผ้าทิพอุทุมพร | เครือก้านกินนรกรกราย |
พระทรงชายไหวชายแครงแก้ว | ล้วนแล้วด้วยดวงวิเชีวยรฉาย |
นางทรงสะพักกรองทองพราย | สะอิ้งองค์เลิศลายกระหนกพัน |
พระสุริย์วงศ์ทรงประดับทับทรวง | ตาบทิศรุ้งร่วงดวงกุดั่น |
นางทรงสร้อยสนสังวาลวรรณ | ประดับถันแวววามอร่ามพลอย |
ต่างทรงทองกรพาหุรัด | ธำมรงค์เพชรจำรัสดั่งหิ่งห้อย |
มงกุฎแก้วมรกตดวงลอย | กรรเจียกจอนชดช้อยด้วยมุกดา |
ห้อยสุวรรณมาลย์ดอกไม้มาศ | โอภาสเพียงเทพเลขา |
พร้อมพี่เลี้ยงกำนัลกัลยา | เสด็จมาเกยรัตน์รูจี |
ฯ ๑๒ คำ ฯ เพลง
๏ เมื่อนั้น | ฝ่ายพญาทศมุขยักษี |
จึ่งมีพระราชวาที | สั่งหมู่เสนีพลไกร |
ให้ชะลอมหาปราสาท | เข้าในพยุหบาตรกระบวนใหญ่ |
โดยขนัดถัดราชรถชัย | ให้ทันเสด็จบทจร |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | จึงพวกพลมารชาญสมร |
รับสั่งลูกท้าวยี่สิบกร | ต่างแผลงฤทธิรอนมหิมา |
บ้างเอาพวนเหล็กเข้าผูกพัน | บ้างดันบ้างแบกฉุดคร่า |
นายกองตีฆ้องสัญญา | โห่สนั่นลั่นฟ้าสุธาธาร |
อันซึ่งมหาปราสาท | ก็เคลื่อนคลาดขึ้นจากที่ฐาน |
ชะลอไปด้วยกำลังพลมาร | ต้องตามโองการอสุรี |
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้น | โฉมนางไวยกามารศรี |
ครั้นรุ่งรางสว่างแสงพระรวี | จวนฤกษ์ภูมีจะยกไป |
จึ่งพาสุริย์วงศ์พงศ์พันธุ์ | ฝูงสนมกำนัลน้อยใหญ่ |
ออกจากปราสาทแก้วแววไว | ไปตามส่งเสด็จพระผ่านฟ้า |
ฯ ๔ คำ ฯ เพลง
๏ เมื่อนั้น | พระพงศ์จักรพรรดินาถา |
เห็นโฉมนวลนางไวยกา | มาพร้อมวงศาอสุรี |
จึ่งมีพจนารถอันสุนทร | แก่นิกรประยูรยักษี |
บรรดาฝูงท่านทั้งหลายนี้ | ค่อยอยู่จงดีอย่ามีภัย |
สั่งเสร็จแล้วเสด็จกับวรนาฏ | ขึ้นทรงรถราชยานใหญ่ |
พระพี่เลี้ยงสาวสนมกรมใน | ก็ขึ้นรถอำไพอันดับมา |
ให้เคลื่อนพหลโยธี | แสนสุรเสนีซ้ายขวา |
ออกจากบูรีรัตนา | ไปโดยมรคาพนาดร |
ฯ ๘ คำ ฯ
กราวนอก
๏ รถเอยรถแก้ว | เรือนแปรกแอกแพร้วประภัสสร |
ดุมกำประกอบกงอลงกรณ์ | ธงงามสามงอนสะบัดบน |
บัลลังก์ตั้งบุษบกรัตน์ | แสงอร่ามเรืองจำรัสโพยมหน |
เทียมสินธพสิบเริงรน | ขุนรถขับร้นดำเนินกราย |
ทศมุขเร่งหมู่พลามาตย์ | ชะลอซึ่งปราสาทวิเชียรฉาย |
มาหลังโดยหลานพระนารายณ์ | สีแพรวแก้วพรายเมฆา |
แสงปราสาทจับราชรถทรง | สว่างพื้นไพรพงพฤกษา |
งามพระองค์งามอนงค์วนิดา | ดั่งดวงสุริยากับจันทร |
งามรถประเทียบเรียบท้าย | งามสุรางค์นั่งรายเพียงอัปสร |
งามเครื่องสูงมาศจามร | งามนิกรกลองประโคมโครมครึก |
งามพหลพลแห่เป็นแถวถ่อง | งามทหารโห่ร้องก้องกึก |
เสนาะหวั่นสนั่นไหวไพรพฤกษ์ | รีบกันคึกคึกดำเนินมา |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
ชมดง
๏ เดินทางไปหว่างศิขเรศ | ข้ามเขตห้วยธารละหานผา |
สำราญรื่นชื่นชมภิรมยา | มาบนรถาทั้งสององค์ |
ทอดพระเนตรฝูงสัตว์จัตุบาท | เที่ยวกลาดเกลื่อนห้องไพรระหง |
หมู่ช้างพื้นชาติคเชนทรพงศ์ | เป็นฝูงเดินในดงพนาดร |
มฤคาเคล้าเคียงเมียงคู่ | ระมาดหมู่โคลากาสร |
ละมั่งหมีชะมดเม่นพังพอน | กระจงจรเหล่าจามรีราย |
เสือเหลืองเยื้องลัดพนัสลอบ | เห็นเนื้อมองหมอบเขม้นหมาย |
ทักกระทอนรสิงห์กวางทราย | ตุ่นกระต่ายไล่เต้นตามกัน |
ชะนีโหยเสียงหวนครวญก้อง | เย็นสยองใจเยือกหวาดหวั่น |
เรไรเรื่อยเฉื่อยร้องวังเวงวัน | เสนาะศัพท์จักจั่นสนั่นไพร |
พิศพลางชมเพลินจำเริญเนตร | กับอัครเรศผู้ยอดพิสมัย |
แล้วให้รีบพลดำเนินไป | จนใกล้พระบรรณศาลา |
ฯ ๑๒ คำ ฯ เชิด
๏ จึ่งให้หยุดจัตุรงค์โยธี | ลงที่เนินทรายชายป่า |
ภูมิฐานสะอ้านสะอาดตา | พฤกษารื่นร่มสำราญ |
จึ่งชวนโฉมเฉลาเยาวราช | ลงจากรถราชมุกดาหาร |
พร้อมหมู่สาวสนมนงคราญ | เข้าไปยังสถานพระมุนี |
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
๏ ครั้นถึงจึ่งสองสุริย์วงศ์ | ต่างองค์ยอกรเหนือเกศี |
ถวายธูปเทียนมาศมาลี | พระอัยกาธิบดีด้วยปรีดา |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระสุธาอาจารย์ฌานกล้า |
เห็นสองเยาวราชกษัตรา | ออกมาดุษฎีชุลีกร |
มีความชื่นชมโสมนัส | พูนสวัสดิ์ภิรมย์สโมสร |
จึ่งมีพจนารถอันสุนทร | ดูก่อนนัดดายุพาพาล |
ตานี้ตริตรึกระลึกนัก | ถึงเจ้าเยาวลักษณ์ทั้งสองหลาน |
แจ้งว่าครองกันสำราญ | ในสถานอสุรีก็ดีใจ |
ซึ่งยกโยธาออกมานี้ | มีกิจกังวลเป็นไฉน |
จะไปแห่งหนตำบลใด | จึ่งได้มาถึงอัยกา |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระหน่อจักรพรรดินาถา |
ได้ฟังพระมหาสิทธา | ผ่านฟ้าจึ่งสนองวาที |
อันนัดดาเมื่อมาจากบาท | พระบิตุราชมารดรทั้งสองศรี |
ก็เป็นเวลาราตรี | มิได้ลาธุลีบทมาลย์ |
แต่มาอยู่ยังนคเรศ | นิเวศน์อสุราราชฐาน |
ล่วงไปได้หลายทิวาวาร | พระจะทุกข์ถึงหลานทุกเวลา |
บัดนี้ข้ามอบสมบัติ | บุรีรัตน์ทวยหาญยักษา |
แก่องค์ทศมุขอสุรา | ให้ครองสวรรยาธานี |
เสร็จแล้วจึ่งชวนอัครราช | ออกมากราบบาทบทศรี |
องค์พระอัยกาธิบดี | ภูมีพระคุณอเนกนันต์ |
หวังมัสการลาบทเรศ | กลับไปนิเวศน์ไอศวรรย์ |
ทูลบาทสองกษัตริย์ทรงธรรม์ | ในเขตขัณฑ์กรุงแก้วณรงกา |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระนักสิทธ์ผู้ทรงสิกขา |
ได้ฟังหลานรักพระจักรา | จึ่งกล่าววาจาอันสุนทร |
อันพระสุริย์วงศ์กับนงลักษณ์ | บุญหนักได้สร้างแต่ปางก่อน |
เทเวศผู้เรืองฤทธิรอน | อุ้มจรนำสองให้ครองกัน |
สำหรับล้างเหล่าบาปปราบยุค | ให้ราบรื่นชื่นสุขเกษมสันต์ |
ปางนี้มนุษย์เทวัญ | คนธรรพ์นักสิทธ์วิทยา |
จะได้พึ่งพระเดชดับเข็ญ | นิราศร้อนอยู่เย็นทั่วหล้า |
ดั่งฉัตรแก้วกั้นแสงสุริยา | ร่มเกศโลกาธาตรี |
สององค์จงไปเกษมสวัสดิ์ | สืบพงศ์จักรพรรดิเรืองศรี |
จำเริญชันษาแสนปี | โรคร้ายไพรีอย่าแผ้วพาน |
ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | สองกษัตริย์สุริย์วงศ์มหาศาล |
ได้ฟังมธุรสพจมาน | ผ่านเกล้าผู้เป็นอัยกา |
จึ่งน้อมเศียรคำนับรับพร | สโมสรแสนโสมนัสสา |
แล้วมีสุนทรวาจา | ลาองค์พระมหานักธรรม์ |
พระอัยกาค่อยอยู่จำเริญสุข | อย่ามีทุกข์ตราบเท่าชีวาสัญ |
ว่าแล้วเคารพอภิวันท์ | จรจรัลมายังโยธี |
ฯ ๖ คำ ฯ เสมอ
๏ เสด็จขึ้นรถทรงอลงการ | กับองค์เยาวมาลย์มเหสี |
ให้เลิกแสนสุรเสนี | ไปโดยวิถีพนาดร |
ฯ ๒ คำ ฯ
ชมดง
๏ ข้ามเขาลำเนาพนาเวศ | ทอดพระเนตรชมชั้นสิงขร |
หลายยอดสูงเยี่ยมอัมพร | มีชะง่อนเงื้อมผาศิลาลาย |
บ้างเป็นห้วยเหวเปลวปล่อง | เชิงช่องลดหลั่นชั้นฉาย |
ชะโงกง้ำถ้ำธารคิรีราย | ดั่งฉากจีนจานระบายระเบียบงาม |
บางแห่งเห็นแววเป็นแก้ววาบ | ม่วงขาบเขียวเหลืองเรืองอร่าม |
บ้างขาวแดงแสงสีสุวรรณวาม | พลุ่งพลามเลื่อมลายพรายตา |
มีท่อน้ำพุดุดั้น | ไหลลั่นเซ็นซ่านฉานฉ่า |
มิ่งไม้รุ่นรายดาษดา | ทรงผลพวงผกาแบ่งบาน |
สกุณาจับคลอพ้อกัน | เสียงสนั่นรี่เรื่อยเฉื่อยฉาน |
ดั่งสำเนียงพาทย์เพลงบรรเลงลาน | วังเวงหวานสารศัพท์จับใจ |
สองกษัตริย์ชมเพลินจำเริญเนตร | ดั่งประเวศไกรลาสขุนไศล |
แล้วรีบพหลพลไกร | ไปโดยพนมพนาลี |
ฯ ๑๒ คำ ฯ เชิด
๏ ล่วงทางทุเรศเขตเขา | สิ้นลำเนาห้วยธารคีรีศรี |
แรมรอนมาหลายราตรี | ถึงที่พระไทรสถาวร |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ จึ่งมีมธุรสพจนารถ | ตรัสบอกอัครราชสายสมร |
เมื่อพี่มาเที่ยวพนาดร | บทจรติดตามกวางสุวรรณ |
วางม้าฝ่าไล่แต่เอองค์ | พลัดหมู่จัตุรงค์พลขันธ์ |
มาถึงที่นี่พอสายัณห์ | กวางนั้นคลับคล้ายหายไป |
ครั้นพวกโยธามาพร้อมพักตร์ | เข้าหยุดสำนักอาศัย |
ให้บวงสรวงสังเวยพระไทร | แล้วหลับไปในราษราตรี |
เทเวศเรืองเดชอันอุดม | พาพี่ไปสมมารศรี |
จึ่งได้ครอบครองกันทั้งนี้ | คุณท่านพ้นที่จะเปรียบปาน |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นางอุษาเยาวยอดสงสาร |
ได้ฟังมธุรสพจมาน | นงคราญทอดทัศนาไป |
เห็นต้นนิโครธไทรทอง | ชั้นช่องมณฑลกว้างใหญ่ |
ดั่งฉัตรรัตนาอำไพ | ดูไปเป็นที่จำเริญตา |
ประดับด้วยกิ่งก้านย่านย้อย | ยอดช้อยอรชรสาขา |
ระบัดใบร่มแสงสุริยา | พวงผลระย้าโอฬาฬาร |
พ่างพื้นรื่นราบดั่งปราบไว้ | อำไพพิศเห็นรโหฐาน |
มีทั้งสระนํ้าลำธาร | ตระการด้วยปทุมมาลี |
จึ่งน้อมเกล้าสนองพระบัญชา | ผ่านฟ้าได้โปรดเกศี |
ที่นี้แสนสนุกพันทวี | จงหยุดโยธีพลากร |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | หลานพระอวตารชาญสมร |
ได้ฟังอัครราชบังอร | ภูธรชื่นชมภิรมยา |
จึ่งมีพจนารถวาที | ตรัสสั่งเสนียักษา |
จงหยุดจัตุรงค์โยธา | ใกล้มหานิโครธอำไพ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | จึ่งเสนามารผู้ใหญ่ |
รับสั่งพระองค์ทรงฤทธิไกร | ก็หยุดลงโดยในบัญชาการ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระอุณรุทผู้ปรีชาหาญ |
จึ่งชวนโฉมเฉลาเยาวมาลย์ | ลงจากรถยานรูจี |
พร้อมพระพี่เลี้ยงทั้งห้านาง | แสนสุรางค์นิกรสาวศรี |
โดยเสด็จดำเนินภูมี | จรลีไปสรงคงคา |
ฯ ๔ คำ ฯ
พระทอง
๏ พาอนงค์นาฏลงในลำธาร | น้ำใสไหลซ่านฉานฉ่า |
ดั่งสีแก้วไพฑูรย์จำรูญตา | โอฬาร์สะอ้านสำราญองค์ |
พระพี่เลี้ยงทั้งห้านารี | ช่วยลูบไล้ขัดสีธุลีผง |
ให้สองสวัสดิ์สุริย์วงศ์ | ฝูงอนงค์ลงล้อมเล่นสบาย |
พระเลือกเก็บกรวดแก้วแววไว | ประทานให้อัคเรศโฉมฉาย |
นางรับชมแล้วงมทับทิมพราย | ถวายหลานนารายณ์ด้วยภักดี |
ฝ่ายฝูงสาวสวรรค์ก็หรรษา | เล่นไล่ว่ายหากันอึงมี่ |
บ้างดำด้นซนซ่อนในวารี | สรวลระริกซิกซี้ที่ท้องธาร |
พระโสรจสรงกับองค์สายสวาท | สำราญราชฤทัยเกษมศานต์ |
ดั่งประพาสสระนันท์โนทยาน | ในสถานห้องฟ้าสุราลัย |
ฯ ๑๐ คำ ฯ เพลงฉิ่ง
ร่าย
๏ ครั้นเสร็จก็พาพระนุชน้อง | ขึ้นจากท้องธารใหญ่ |
พร้อมหมู่สาวสนมกำนัลใน | เสด็จไปรถทรงอลงกรณ์ |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ จึ่งมีพระราชบัญชา | สั่งพี่เลี้ยงทั้งห้าสายสมร |
จงแต่งเครื่องกระยาสถาวร | จักอัญชุลีกรเทวัญ |
แล้วสั่งมหาอำมาตย์มาร | ผู้ร่วมรู้การชาญขยัน |
ให้แต่งที่พลีจงครบครัน | ตั้งกองป้องกันนอกใน |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ห้านางพี่เลี้ยงผู้ใหญ่ |
ทั้งมหาเสนาปรีชาไว | บังคมไหว้รับราชบัญชา |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ แต่งเครื่องสังเวยดุษฎี | ผจงจัดบายศรีซ้ายขวา |
พานทองรองตั้งสะอาดตา | มังสาเมรัยชัยบาน |
ผลไม้ต่างต่างวางเทียบ | พร้อมระเบียบโอชารสาหาร |
ธูปเทียนเครื่องต้นสุคนธ์ธาร | อลังการบุปผามาลี |
ฝ่ายมหาอำมาตย์ก็เกณฑ์กัน | เหล่าพวกพลขันธ์ยักษี |
ให้รายราชวัติรูจี | ปลูกศาลตามที่เพียงตา |
ตั้งกองบริรักษ์กันกง | ล้อมวงนอกในแน่นหนา |
กำชับทุกหมวดตรวจตรา | เสร็จโดยบัญชาพระทรงธรรม์[๒] |
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | พระองค์จักรพรรดิรังสรรค์ |
ครั้นสิ้นรังสีรวีวรรณ | แสงจันทร์จำรัสโพยมบน |
ประดับด้วยดาราดาดาษ | โอภาสพุ่มไม้ไพรสณฑ์ |
ส่องสว่างพ่างพื้นสุธาดล | มณฑลนิโครธไพโรจน์เรือง |
งามสุรางค์พรั่งพร้อมล้อมเฝ้า | งามเหล่าโยธาขนัดเนื่อง |
จึ่งชวนโฉมอัคเรศมิ่งเมือง | ย่างเยื้องขึ้นยังบัลลังก์รถ |
ให้เคลื่อนเข้าร่มไทรไพศาล | อันรุ่งเรืองโอฬารอลงกต |
สองกษัตริย์สุริย์วงศ์ทรงยศ | กำหนดสังเวยเทวัญ |
ฯ ๘ คำ ฯ
สระบุหร่ง
๏ จึ่งจุดธูปเทียนดุษฎี | พลีไทเทวราชรังสรรค์ |
ถวายเครื่องกระยาอเนกนันต์ | อภิวันท์สรรเสริญด้วยปรีดา |
พระองค์ผู้พงศ์สุรารักษ์ | ดิหลักแห่งพระไทรสาขา |
ประกอบคุณมหันต์กรุณา | โปรดข้าด้วยศรีสวัสดี |
ให้ลุลาภประสงค์อันยงยิ่ง | ดั่งมอบมิ่งทิพโลกเฉลิมศรี |
ได้แผ่ยศปรากฏทั้งธาตรี | มีสุขเกษมสันต์นั้นฉันใด |
ให้พระองค์ทรงเทวฤทธิ์รุ่ง | เรืองพุ่งเพียงดวงอุทัยไข |
ภิญโญยิ่งสิ่งสุขจำเริญไป | ในมไหศูรยราชเทวัญ |
วัฒนากว่านี้ทวีสวัสดิ์ | เพียงสมบัติไตรตรึงศ์ดึงส์สวรรค์ |
บำเรอรมย์สมสุเรศอเนกนันต์ | เป็นนิรันดร์ไปชั่วกัลปา |
แล้วประโคมเภรินพิณพาทย์ | กัมปนาทครื้นครั่นสนั่นป่า |
ถวายกรสังเวยเทวา | ทุกอนงค์กัลยานารี |
ฯ ๑๒ คำ ฯ สาธุการ
๏ เมื่อนั้น | ฝ่ายพระไทรเทเวศเรืองศรี |
สถิตทิพพิมานมาศมณี | ด้วยสุรางค์นารียุพินพาล |
ได้ยินเสียงสรรเสริญเจริญพร | เอมโอษฐ์สุนทรอ่อนหวาน |
ทั้งสำเนียงพาทย์เพลงบรรเลงลาน | ปี่ซอเฉื่อยฉานประสานกัน |
ไพเราะเสนาะจับใจ | เพลิดเพลินฤทัยเกษมสันต์ |
ใครหนอพาสนมกำนัล | มาภิวันท์สังเวยบูชา |
พิศดูรู้ว่าพระอุณรุท | กับโฉมวรนุชนางอุษา |
ขอบใจสองสวัสดิ์กษัตรา | อุตส่าห์มาดุษฎีชุลีกร |
ก็เบิกบานแกลแก้วพิมานมาศ | เยี่ยมพักตร์โอภาสประภัสสร |
โปรยทิพมาลาขจายจร | ประกาศิตพระพรอำนวยชัย |
จงสองครองกันอย่ารู้ร้าง | แหห่างมิตรภาพพิสมัย |
เป็นหลักโลกจรรโลงเลิศไกร | ปรากฏเกียรติไปในธาตรี |
ฝูงประชามานุษย์เทเวศ | จะได้พึ่งพระเดชทั้งสองศรี |
จงเกษมเปรมสุขสวัสดี | อย่ามีอันตรายภัยพาล |
ฯ ๑๔ คำ ฯ
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | สองกษัตริย์ผู้ปรีชาหาญ |
ได้ฟังมธุรสพจมาน | เทเวศซ้องสารเสนาะใจ |
มีความชื่นชมโสมนัส | ยกหัตถ์ประนมบังคมไหว้ |
แล้วเอนองค์ลงเหนืออาสน์อำไพ | หลับไปในรถรัตนา |
ฯ ๔ คำ ฯ ตระ
ช้าปี่
๏ ดาวเดือนเคลื่อนคล้อยนภากาศ | เลี้ยวเหลี่ยมเมรุมาศภูผา |
เข้าปัจจุสมัยเวลา | ฟ้าหล้าชอุ่มพุ่มพง |
เสนาะทิพดนตรีปี่แก้ว | วังเวงแว่วจับจิตพิศวง |
ด้วยฝูงเทพสุรางค์นางอนงค์ | บำเรอองค์พระไทรเทวัญ |
เหมือนจะแกล้งแสร้งสอบตอบคุณ | ด้วยการุญรักสองเฉลิมขวัญ |
หลากลํ้าฉํ่าเพราะเสนาะกรรณ | สวาทหวั่นใฝ่ฟุ้งระลุงลาน |
พระพายชายเชยรำเพยกลิ่น | ผกาแก้วรวยรินหอมหวาน |
นํ้าค้างพร่างพรมสุธาธาร | เยือกเย็นทวยหาญโยธา |
เสียงระหึ่งผึ้งภุมรินร่อน | เอาซาบเกสรบุปผา |
สกุณก้องพร้องเพรียกอรัญวา | เร้าเร่งสุริยารุโณทัย |
เสียงช้างเสียงม้าโกลาหล | เสียงพลเสียงประโคมวังเวงไหว |
พระตื่นจากอาสน์แก้วแววไว | พร้อมองค์อรไทดวงชีวี |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
ร่าย
๏ เสด็จเข้าที่สรงทรงเครื่อง | อร่ามเรืองนวลละอองทั้งสองศรี |
สถิตอาสน์ราชรถรูจี | ชุลีลาพระไทรฤทธิรอน |
ให้เลิกจัตุรงค์ทวยหาญ | แสนเสนามารชาญสมร |
ออกจากนิโครธสถาวร | บทจรไปโดยมรคา |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ สองกษัตริย์เสด็จบนรถมาศ | งามวิลาสลํ้าเทพเลขา |
สำราญรมย์ชมหมู่สกุณา | โจนจับพฤกษาริมทาง |
นกหว้าจับหว้าแล้วบินร่อน | ยูงจับยูงฟ้อนแพนหาง |
คณายางจับเยื้องบนยอดยาง | นกลางจับลางลิงลอย |
แก้วจบแก้วพูดภาษานก | หกจับตาลหกแล้วโหนห้อย |
คับแคจับแคหาคู่คอย | แอ่นลมจับลอยบนสนลม |
อัญชันจับต้นชิงชัน | นวลจันทน์จับจันทน์เคล้าคู่สม |
เบญจวรรณไต่วัลย์น่าชม | ช่างทองร้องระงมบนต้นทอง |
สาลิกาจับกิ่งเพกา | กระทาจับคนธาขันก้อง |
เค้าโมงจับโมงเมียงมอง | เปล้าจับเปล้าร้องวังเวงวัน |
พระยกหัตถ์ตรัสชี้ให้นางชม | แสนภิรมย์ปลื้มเปรมเกษมสันต์ |
ทั้งพี่เลี้ยงเหล่าสนมกำนัล | ชวนกันชมเล่นสำราญใจ |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ รอนแรมมาในพนาเวศ | ล่วงเขตหิมวาป่าใหญ่ |
รีบรถรีบพลดำเนินไป | เข้าแดนกรุงไกรณรงกา |
จึงให้หยุดพหลพลยักษ์ | ลงพักแรมอยู่ที่ในป่า |
ปากด่านต้นทางอรัญวา | เขตพาราราชธานี |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ทศมุขสุริย์วงศ์ยักษี |
จึงมีพจนารถวาที | ตรัสสั่งเสนีผู้ปรีชาญ |
จงเกณฑ์กันตั้งพลับพลา | ในที่โอฬาร์ภูมิฐาน |
ให้แสนสนุกสำราญ | เร่งรัดจัดการอย่านอนใจ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | จึ่งมหาเสนาผู้ใหญ่ |
รับสั่งพระองค์ทรงฤทธิไกร | บังคมไหว้แล้วรีบออกมา |
ฯ ๒ คำ ฯ ประถม
๏ เกณฑ์หมู่พหลโยธี | ตามหมวดอสุรีซ้ายขวา |
ให้ตั้งที่ประทับพลับพลา | โดยดั่งบัญชาพญามาร |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้น | ฝ่ายพวกอสุราทวยหาญ |
ได้ฟังเสนาปรีชาชาญ | ก็จับการเอิกเกริกเป็นโกลี |
บ้างตัดไม้กล่อมเสาเกลาฟาก | แบกลากขุดหลุมอึงมี่ |
ตั้งราชพลับพลาขึ้นทันที | มีมุขสมด้านชานพาไล |
พร้อมทั้งที่สรงที่เสวย | ทิมเกยท้องพระโรงกว้างใหญ่ |
หลังคาดาดแดงอำไพ | ข้างหน้าข้างในครบครัน |
บางพวกผูกม่านเพดานดัด | ผจงจัดทอดที่มู่ลี่กั้น |
มีระเนียดเรียดรอบเป็นขอบคัน | เสร็จทันโดยราชบัญชา |
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา