- คำนำ
- บทนำเรื่อง
- ที่มาของอนิรุทธคำฉันท์และบทละคอนเรื่องอุณรุท ของ ธนิต อยู่โพธิ์
- ตอนที่ ๑
- ตอนที่ ๒
- ตอนที่ ๓
- ตอนที่ ๔
- ตอนที่ ๕
- ตอนที่ ๖
- ตอนที่ ๗
- ตอนที่ ๘
- ตอนที่ ๙
- ตอนที่ ๑๐
- ตอนที่ ๑๑
- ตอนที่ ๑๒
- ตอนที่ ๑๓
- ตอนที่ ๑๔
- ตอนที่ ๑๕
- ตอนที่ ๑๖
- ตอนที่ ๑๗
- ตอนที่ ๑๘
- ตอนที่ ๑๙
- ตอนที่ ๒๐
- ตอนที่ ๒๑
- ตอนที่ ๒๒
- ตอนที่ ๒๓ ทศมุขพบพระอุณรุท
- ตอนที่ ๒๔
- ตอนที่ ๒๕
- ตอนที่ ๒๖
- ตอนที่ ๒๗
- ตอนที่ ๒๘
- ตอนที่ ๒๙
- ตอนที่ ๓๐
- ตอนที่ ๓๑
- ตอนที่ ๓๒
- ตอนที่ ๓๓
- ตอนที่ ๓๔
- ตอนที่ ๓๕
- ตอนที่ ๓๖
- ตอนที่ ๓๗
- ตอนที่ ๓๘
- ตอนที่ ๓๙
- ตอนที่ ๔๐
- ตอนที่ ๔๑
- ตอนที่ ๔๒
ตอนที่ ๓๖ พระอุณรุทเสด็จไปล้อมช้าง
๏ มาจะกล่าวบทไป | ถึงนายพรานไพรใจกล้า[๑] |
อยู่ยังปลายแดนณรงกา | เที่ยวป่าล่าเนื้อเป็นนิรันดร์ |
ชำนาญหน้าไม้ปืนยา | เจนทางมรคาพนาสัณฑ์ |
วันนั้นพบฝูงคชกรรม์ | เป็นช้างสำคัญมากมี |
เผือกเนียมแดงเขียวเอกทนต์ | ทั้งมงคลกาลาหัตถี |
พรานไพรได้เห็นก็ยินดี | สะกดรอยคอยทีทุกเวลา |
แต่เที่ยวตามดูจนรู้แห่ง | ที่ตำแหน่งอาศัยน้ำหญ้า |
จึ่งพากันรีบเข้ามา | ยังกรุงณรงกาธานี |
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึ่งแจ้งกิจจา | แก่พี่เลี้ยงเสนาทั้งสี่ |
พร้อมหมู่มาตยามนตรี | ยังที่ศาลาลูกขุนใน |
แจ้งว่าข้าไปเที่ยวป่า | พบช้างลักขณาฝูงใหญ่ |
ได้ตามสะกดรอยไป | จนใกล้พนมมาศบรรพต |
อันที่ตำแหน่งซึ่งอาศัย | ท่าทางจำได้อยู่หมด |
ท่านผู้ธิบดีมียศ | จงทูลบทมาลย์พระภูมี |
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้น | องค์พระพี่เลี้ยงทั้งสี่ |
ได้ฟังพรานป่ามาพาที | ว่าพบฝูงหัตถีสำคัญ |
ต่างคนซักไซ้ไต่ถาม | ประจักษ์แจ้งข้อความทุกสิ่งสรรพ์ |
แล้วพาพรานไพรเข้าไปพลัน | เฝ้าพระทรงธรรม์มิได้ช้า |
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
ร่าย
๏ ครั้นถึงพระโรงรูจี | อัญชุลีกราบลงพร้อมหน้า |
ทูลว่าพรานไพรเข้ามา | บอกข่าวคชาเลิศไกร |
มีทั้งเผือกเนียมหลายพรรณ | ล้วนช้างสำคัญฝูงใหญ่ |
พากันมาอยู่ยังชายไพร | แทบใกล้พนมมาศคีรี |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระอุณรุททรงสวัสดิ์รัศมี |
ได้ฟังพระพี่เลี้ยงทูลคดี | พระเกษมเปรมปรีดิ์เป็นพ้นไป |
พระจึ่งเสด็จยุรยาตร | จากอาสน์วสุวรรณแจ่มใส |
ขึ้นเฝ้าบิตุรงค์ทรงชัย | พี่เลี้ยงพรานไพรก็ตามมา |
ฯ ๔ คำ ฯ เพลงแขกมอญ
๏ ครั้นถึงจึงถวายอภิวาท | แทบบาทบิตุเรศนาถา |
แล้วทูลโดยมูลกิจจา | บัดนี้พรานป่าพนาลัย |
เข้ามาบอกข่าวคชสาร | มีหมู่บริวารฝูงใหญ่ |
ลูกขอลาองค์พระทรงชัย | ไปล้อมคชไกรยังไพรวัน |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | องค์ท้าวไกรสุทรังสรรค์ |
ได้ฟังพระโอรสทูลพลัน | พระทรงธรรม์ชื่นชมยินดี |
จึ่งว่าบุญเราหนักหนา | พรานป่ามาบอกข่าวสารศรี |
ลูกรักเจ้าจักจรลี | ไปล้อมหัตถีก็ตามใจ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระอุณรุทรัศมีศรีใส |
ครั้นพระบิตุเรศเรืองชัย | ตรัสให้ออกไปก็ยินดี |
จึ่งถวายประณตบทบาท | พระบิตุราชมารดรทั้งสองศรี |
แล้วเสด็จย่างเยื้องจรลี | มาปราสาทมณีรจนา |
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
๏ ครั้นถึงจึ่งสั่งมนตรี | ให้เร่งเกณฑ์โยธีซ้ายขวา |
กูจะออกไปล้อมคชา | ให้ทันเวลาอโณทัย |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้น | จึ่งมหาเสนาผู้ใหญ่ |
รับสั่งพระองค์ทรงชัย | ก็ออกไปเกณฑ์โยธา |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
ยานี
๏ ขุนช้างจัดช้างตามกระบวน | แต่ล้วนอาจหาญแกล้วกล้า |
ดั้งกันค่ายค้ำชนะงา | โลดแล่นพังคามากมี |
อีกทั้งระวางเพรียวระวางใหญ่ | ใจอาจดั่งพญาราชสีห์ |
ช้างวิเศษกองนอกตัวดี | พระที่นั่งคชสารชาญชน |
บ้างผูกเครื่องมั่นสายกระแชง | จัดแจงแต่งบาศอยู่สับสน |
อันรถรัตน์อัสดรรี้พล | ก็เตรียมตนคอยเสด็จยาตรา |
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | พระอุณรุทภุชพงศ์นาถา |
ครั้นค่ำย่ำแสงสนธยา | พระผ่านฟ้าสถิตยังห้องใน |
จึ่งมีมธุรสพจนารถ | แก่สองเยาวราชศรีใส |
บัดนี้นายพรานชำนาญไพร | นำข่าวคชไกรมาแจ้งการ |
องค์พระบิตุเรศภูวไนย | ให้พี่ไปจับคชสาร |
จะขอลาสองสุดายุพาพาล | เยาวมาลย์ค่อยอยู่จงดี |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ทั้งสองอัคเรศมเหสี |
ได้ฟังพจนาวาที | มีความยินดีปรีดา |
จึ่งกราบประณตบทบงสุ์ | ทูลองค์ภูวไนยนาถา |
ซึ่งจะยกพยุหบาตรยาตรา | ไปล้อมคชาในพงพี |
น้องขอโดยเสด็จภูวนาถ | ไปรองเบื้องบาทบทศรี |
จะได้ชมสารเศวตกิรีณี | พระภูมีจงทรงพระเมตตา |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พฺระอุณรุทภุชพงศ์นาถา |
ได้ฟังสองศรีวนิดา | วอนว่าจะไปชมกุญชร |
พระมีความอาลัยเป็นหนักหนา | ด้วยสองสุดาดวงสมร |
แต่จนใจที่จะให้บทจร | ภูธรจึ่งมีบัญชาไป |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ น้องเอยน้องรัก | นงลักษณ์ผู้ยอดพิสมัย |
เจ้าอย่าละห้อยน้อยใจ | ใช่พี่จะไม่รักกัลยา |
แต่ตำรับคชกรรม์บังคับไว้ | เป็นข้อใหญ่หลวงหนักหนา |
ให้เข้ากรรมทำพิธีพรหมา | กำชับรักษาทุกสิ่งไป |
ซึ่งจะโพนประพาสคชสาร | จะพาสองเยาวมาลย์ไปไม่ได้ |
เป็นกำหละพระคชไกร | จนใจพี่แล้วนางเทวี |
ฯ ๖ คำ ฯ
โอ้
๏ เมื่อนั้น | ทั้งสองวนิดามารศรี |
ได้ฟังบัญชาพระภูมี | ดังหนึ่งชีวีจะบรรลัย |
ต่างองค์ก็ทรงโศกา | ชลนาแถวถั่งหลั่งไหล |
นางละห้อยสร้อยเศร้าเปล่าใจ | ด้วยจะไกลบาทบงสุ์พระทรงธรรม์ |
สุดคิดสุดจิตทั้งสองสมร | สุดคิดที่จะวอนผ่อนผัน |
ต่างทรงโศกาจาบัลย์ | รำพันสะอื้นไห้ไปมา |
ฯ ๖ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้น | พระอุณรุทสุริย์วงศ์นาถา |
เห็นทั้งสองศรีวนิดา | กันแสงโศกาอาวรณ์ |
พระหัตถ์ซ้ายประคองศรีสุดา | กรขวากอดอุษาดวงสมร |
แล้วมีมธุรสอันสุนทร | ปลอบโยนโอนอ่อนเอาใจ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เจ้าเอยเจ้าพี่ | แก้วกัลยาณีศรีใส |
คิดจะใคร่พาสองทรามวัย | ไปประพาสพนาลัยให้สำราญ |
เกรงการกำหละเป็นพ้นคิด | ด้วยจะเสียพิธีคชสาร |
แม้นทราบใต้บาทบทมาลย์ | พระบิตุเรศชัยชาญจะโกรธา |
เจ้าจงระงับดับใจ | อย่าโศกาอาลัยฟังพี่ว่า |
ใช่ไปแล้วจะไม่กลับมา | แก้วตาค่อยอยู่จงดี |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ ว่าเอยว่าพลาง | พระโลมลูบปฤษฎางค์ทั้งสองศรี |
สัพยอกหยอกเย้านางเทวี | ในที่สิริไสยา |
ฯ ๒ คำ ฯ กล่อม
๏ ครั้นพระสุริยาเรืองรอง | แสงทองจำรัสเวหา |
พระฟื้นตื่นจากนิทรา | เสด็จมาโสรจสรงคงคาลัย |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
โทน
๏ ไขสหัสธาราอ่าองค์ | อ่าเอี่ยมทรงสุคนธ์ผ่องใส |
ผ่องศรีสนับเพลาเรืองอุไร | เรืองรองโกไสยแพรวพรรณ |
แพรวพรายชายแครงแสงระยับ | ระยาบจับชายไหวเฉิดฉัน |
เฉิดช่วงทับสังวาลวรรณ | สังเวียนสร้อยกุดั่นโอฬาร |
โอฬาร์ทองกรพาหุรัด | พาหุเรืองจำรัสแสงฉาน |
แสงฉายธำมรงค์อลงการ | อลงกตชัชวาลจินดาดี |
จินดาดวงร่วงรุ่งมงกุฎเก็จ | มงกุฎกาบเพชรประดับสลับสี |
สลับใส่กรรเจียกแก้วมณี | ห้อยพวงมาลีวิไลวรรณ |
ฯ ๘ คำ ฯ
ร่าย
๏ ครั้นเสร็จเสด็จทรงพระขรรค์ชัย | คลาไคลจากปราสาทรังสรรค์ |
ดั่งพญาไกรสรจรจรัล | จากแท่นสุวรรณอันรูจี |
ฯ ๒ คำ ฯ ปรายข้าวตอก
๏ ครั้นถึงเกยแก้วแกมมาศ | อันโอภาสจำรัสรัศมี |
พระขึ้นทรงรถรัตน์มณี | ให้พรานนำโยธีมิทันนาน |
ฯ ๒ คำ ฯ บาทสกุณี
โทน
๏ รถเอยรถแก้ว | แก้วฉลุปรุแพรวฉายฉาน |
เทียมสินธพชาติผาดทะยาน | ทะยานร้องเริงร่านเกรียงไกร |
ปรากฏดั่งรถพระสุริยง | ยงยิ่งพริ้งระหงแสงใส |
มยุรฉัตรพัดโบกอำไพ | ไพโรจน์วิไลจำรูญตา |
กลดกลิ้งกรรชิงชุมสาย | สายระย้าพร้อยพรายพระเวหา |
ฆ้องกลองก้องกรุงณรงกา | กาหลโกลากังสดาล |
เร่งรีบพลสกลไกร | ไกรเกริกหัยรถคชสาร |
สำเนียงเสียงสนั่นสุธาธาร | รีบพลทวยหาญเข้าดานดง |
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด
โทน
๏ เสด็จเหนือพิชัยราชรถ | ชมเนินบรรพตสูงส่ง |
เงื้อมชะง่อนซับซ้อนยรรยง | เป็นเวิ้งวงต่างสีสลับกัน |
ที่แดงดั่งแสงทับทิมสด | เขียวคือมรกตเคียงคั่น |
ที่ขาวเพียงเพชรพรายพรรณ | ดำนั้นปานนิลมณี |
ลางเหลืองดั่งบุษราคัม | บ้างขาบขำโหมดม่วงรัศมี |
ที่ลายคล้ายราชาวดี | พรายระยับจับสีสุริยน |
ลางเนินมีน้ำพุพุ่ง | เป็นฝอยฟุ้งดั่งสุหร่ายสายฝน |
หอมหวนอวลอบเสาวคนธ์ | ภูวดลชื่นชมภิรมย์ใจ |
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด
๏ บัดนั้น | นายพรานชำนาญป่าใหญ่ |
จึ่งกราบทูลองค์พระทรงชัย | ซึ่งพระภูวไนยเสด็จมา |
ก็ใกล้พนมมาศสิงขร | ที่กุญชรอาศัยน้ำหญ้า |
ขอพระองค์จงหยุดโยธา | ที่กำจายภูผาคีรี |
ฯ ๔ คำ ฯ
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | พระอุณรุทภุชพงศ์เรืองศรี[๒] |
ได้ฟังนายพรานป่าพนาลี | ต้องที่พระราชฤๅทัย |
จึ่งตรัสสั่งมหาอำมาตย์ | ให้หยุดพยุหบาตรกระบวนใหญ่ |
ตั้งที่ประทับพลับพลาชัย | แทบใกล้แนวเนินบรรพตา |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | เสนีผู้มียศถา |
ก้มเกล้ารับราชบัญชา | ก็ให้หยุดโยธาลงทันที |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ แล้วสั่งนายกองน้อยใหญ่ | ให้ตั้งพลับพลาชัยศรี |
แทบใกล้กำจายคีรี | ในที่เนินแนวแถวธาร |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | บรรดานายหมวดนายหาญ |
ก็เร่งรัดเกณฑ์ไพร่ให้จัดการ | ปักฉลากปันด้านเป็นโกลา |
บ้างกล่อมเสาเกลาฟากขุดหลุม | กลุ้มรุมช่วยกันทั้งซ้ายขวา |
ตั้งซึ่งสุวรรณพลับพลา | มีมุขสี่หน้าตระหง่านงาม |
หลังคาดาดแดงแย่งทอง | ผูกม่านมาศกรองเรืองอร่าม |
ดาดเพดานดวงดาววาววาม | ทอดที่แต่งสนามพระลานชัย |
ทั้งที่เสวยที่สรงอลงการ | รโหฐานใต้ร่มโศกใหญ่ |
ทิมเกยศาลาลูกขุนใน | แต่งไว้พร้อมเสร็จดั่งบัญชา |
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | พระอุณรุทสุริย์วงศ์นาถา |
ครั้นเสร็จซึ่งตั้งพลับพลา | ผ่านฟ้าโสมนัสพันทวี |
จึ่งเสด็จย่างเยื้องยุรยาตร | งามวิลาสดั่งท้าวโกสีย์ |
ลงจากรถแก้วรูจี | มาขึ้นยังที่ตำหนักไพร |
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
๏ ลดองค์ลงเหนือภัทรบิฐ | ออกสถิตยังหน้าพลับพลาใหญ่ |
พร้อมสี่พี่เลี้ยงผู้ร่วมใจ | เสนาพลไกรดาษดา |
จึงมีพระราชบรรหาร | แก่หมอคชสารพรานป่า |
ตัวท่านทั้งสองผู้ปรีชา | จงพากันเร่งรีบไป |
ด้อมอยู่ยังที่สำนัก | ซึ่งพญาคชลักษณ์อาศัย |
แม้นอยู่กูจะคลาไคล | ไปจับให้ได้ในพรุ่งนี้ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | จึ่งนายพรานป่าพนาศรี |
กับทั้งหมอเฒ่าตัวดี | อัญชุลีแล้วพากันรีบจร |
ฯ ๒ คำ ฯ
โอ้ช้า
๏ เมื่อนั้น | พระสุริย์วงศ์อวตารชาญสมร |
ครั้นสิ้นแสงสีรวีวร | จันทรจำรัสเมฆา |
สว่างเขาเงาไม้ไพรพนม | น้ำค้างย้อยพรอยพรมพฤกษา |
พระพายชายพัดรำเพยพา | หอมกลิ่นมาลาตระหลบวัน |
พระเอนองค์ลงที่ไสยาสน์ | กรก่ายนลาฏเสียวกระสัน |
โอ้สองวนิดาดวงจันทร์ | ถ้าขวัญข้าวเจ้ามาด้วยพี่ชาย |
จะได้ชมมฤคาทิชากร | อันสัญจรกลางเถื่อนเมื่อเดือนหงาย |
พร้อมพักตร์เป็นสุขสนุกสบาย | พี่มาเอกากายระกำใจ |
เจ้าพร่ำวอนว่าจะมาตาม | หรือทานทัดขัดห้ามก็เป็นได้ |
ถ้ามิเกรงพระองค์ฤทธิไกร | อายแก่ไพร่พลมนตรี |
ก็จะกลับจัตุรงค์พยุหบาตร | ไปสมสวาทด้วยสองมารศรี |
ยิ่งคิดยิ่งแค้นแสนทวี | ภูมีก็เคลิ้มหลับไป |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
ช้าปี่
๏ สุริยาเยี่ยมฟ้าเรืองรอง | แสงทองกลบแสงแขไข |
ดุเหว่าเร้าเร่งอโณทัย | สกุณัยไก่แก้วแจ้วดง |
ประสานเสียงสำเนียงชะนีหวน | เสนาะนวลสนั่นในไพรระหง |
พระพายพาสาโรชบุษบง | ตระหลบวงจังหวัดพลับพลา |
หอมกลิ่นเหมือนกลิ่นพระนุชน้อง | รื้อคะนึงถึงสองเสน่หา |
พระฟื้นองค์ลงจากที่ไสยา | ผ่านฟ้าสะท้อนถอนใจ |
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย
๏ หวนคิดถึงนางกินนริน | เมื่อเห็นที่มุจลินท์สระใหญ่ |
งามล้ำนางฟ้าสุราลัย | จะใคร่ไปชมนางกินรี |
จึ่งชำระสระสรงทรงเครื่อง | อร่ามเรืองด้วยดวงมณีศรี |
เสด็จย่างเยื้องจรลี | ออกที่หน้าสุวรรณพลับพลา |
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
๏ จึ่งมีมธุรสพจนารถ | แก่พี่เลี้ยงราชวงศา |
เมื่อน้องไปผลาญพาณา | ยังยอดภูผาอังชัน |
เหน็ดเหนื่อยในการณรงค์ | จึ่งพาองค์อุษาโฉมสวรรค์ |
ไปสรงยังสระบุษบัน | อันชื่อมุจลินท์ชลธาร |
เห็นฝูงอนงค์กินนร | บินร่อนลงมาสรงสนาน |
อรชรอ้อนแอ้นพึงพาล | โฉมปานนางฟ้ายาใจ |
น้องจะใคร่ไปชมสมสนิท | ภิรมย์ร่วมเชยชิดพิสมัย |
อันมุจลินท์คงคาลัย | ทางใกล้หรือไกลที่ไปมา |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงสุริย์วงศ์พงศา |
ได้ฟังพระราชบัญชา | พร้อมหน้าทูลสนองไปทันที |
ข้าบาททราบเกล้ามาแต่ก่อน | ว่าสิงขรกำจายคีรีศรี |
กับสระมุจลินท์วารี | เป็นที่เดินได้ใกล้กัน |
อันฝูงนางกินรา | ย่อมมาลงเล่นเกษมสันต์ |
จะพาพระองค์ทรงธรรม์ | ไปโดยสำคัญให้พบพาน |
ฯ ๖ คำ ฯ