- คำนำ
- บทนำเรื่อง
- ที่มาของอนิรุทธคำฉันท์และบทละคอนเรื่องอุณรุท ของ ธนิต อยู่โพธิ์
- ตอนที่ ๑
- ตอนที่ ๒
- ตอนที่ ๓
- ตอนที่ ๔
- ตอนที่ ๕
- ตอนที่ ๖
- ตอนที่ ๗
- ตอนที่ ๘
- ตอนที่ ๙
- ตอนที่ ๑๐
- ตอนที่ ๑๑
- ตอนที่ ๑๒
- ตอนที่ ๑๓
- ตอนที่ ๑๔
- ตอนที่ ๑๕
- ตอนที่ ๑๖
- ตอนที่ ๑๗
- ตอนที่ ๑๘
- ตอนที่ ๑๙
- ตอนที่ ๒๐
- ตอนที่ ๒๑
- ตอนที่ ๒๒
- ตอนที่ ๒๓ ทศมุขพบพระอุณรุท
- ตอนที่ ๒๔
- ตอนที่ ๒๕
- ตอนที่ ๒๖
- ตอนที่ ๒๗
- ตอนที่ ๒๘
- ตอนที่ ๒๙
- ตอนที่ ๓๐
- ตอนที่ ๓๑
- ตอนที่ ๓๒
- ตอนที่ ๓๓
- ตอนที่ ๓๔
- ตอนที่ ๓๕
- ตอนที่ ๓๖
- ตอนที่ ๓๗
- ตอนที่ ๓๘
- ตอนที่ ๓๙
- ตอนที่ ๔๐
- ตอนที่ ๔๑
- ตอนที่ ๔๒
ตอนที่ ๑๖ พระไทรเทวาพาพระอุณรุทไปสมนางอุษา
๏ เมื่อนั้น | พระอุณรุทภุชพงศ์ชาญสมร |
ขับม้าไล่มาในดงดอน | ด้วยกำลังภูธรโกรธา |
พระติดตามกวางก็ไม่ทัน | จนสุริยันบ่ายคล้อยเวหา |
สุดสิ้นกำลังอาชา | พอมาถึงร่มพระไทรทอง |
แสนลำบากบอบกายกระหายนัก | ผิวพักตร์เศร้าศรีฉวีหมอง |
ทั้งร้อนรนปิ้มสกนธ์จะพังพอง | ด้วยต้องแดดลมระทมทน |
ให้หิวโหยโรยแรงแสนเทวษ | ภูวเรศว้าเหว่ระเหระหน |
นิราศทั้งโยธีรี้พล | แต่สักตนไม่มีใครตามทัน |
ขาดสรงขาดเสวยที่เคยสบาย | แต่เช้าจนชายสุริย์ฉัน |
จึ่งหยุดพักสำนักในอารัญ | ทรงธรรม์ลงจากมโนมัย |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เอนองค์ลงยังพ่างพื้น | สำราญรื่นใต้ร่มพระไทรใหญ่ |
ลมชวยรวยกลิ่นสุมาลัย | ค่อยคลายใจสบายอินทรีย์ |
ฯ ๒ คำ ฯ ตระ เชิด
๏ เมื่อนั้น | ฝ่ายพระพี่เลี้ยงทั้งสี่ |
กับหมู่อำมาตย์เสนี | โดยเสด็จจรลีก็ไม่ทัน |
จึ่งแบ่งพลตามพจนารถ | พระสุริย์วงศ์ธิราชรังสรรค์ |
ให้เชิญโฉมอัคเรศวิไลวรรณ | คืนเข้าเขตขัณฑ์สวรรยา |
กึ่งหนึ่งนั้นพากันติดตาม | พระทรงนามหน่อนาถนาถา |
รีบรัดดัดโดยมรคา | สะกดรอยมิ่งม้าอาชาไป |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ ข้ามธารผ่านเขาลำเนาเนิน | กันดารเดินรีบมาในป่าใหญ่ |
แสนทุเรศแสนยากลำบากใจ | แสนอาลัยถึงองค์พระทรงฤทธิ์ |
อันหมู่มหาเสนี | กับพี่เลี้ยงทั้งสี่ผู้ร่วมจิต |
แสนทุกข์ทุกข์แทบถึงชีวิต | ต่างคิดต่างร่ำโศกา |
ฯ ๔ คำ ฯ โอด
โอ้ร่าย
๏ โอ้ว่าพระทูนกระหม่อมเอ๋ย | องค์เดียวไม่เคยเดินป่า |
เพราะกวางเจ้ากรรมทำมารยา | ล่อให้ผ่านฟ้าลำบากองค์ |
จะไล่ชิดติดตามไปถึงไหน | จะล่วงเขตขุนไศลไพรระหง |
พระสุริยาก็อ่อนรอนลง | ยังไม่พบพระวงศ์เทวัญ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ ร่ำพลางพลางพาพลากร | รีบจรมาในพนาสัณฑ์ |
ใกล้ที่พระไทรชายอารัญ | ต่างผันพักตร์เหลือบแลไป |
เห็นผ่านฟ้ากับม้าพระที่นั่ง | สถิตยังนิโครธไทรใหญ่ |
พี่เลี้ยงเสนีก็ดีใจ | วิ่งไปกราบบาทแล้วโศกา |
ฯ ๔ คำ ฯ
โอ้
๏ โอ้ว่าพระมิ่งมงกุฎเกศ | ได้ยากทุกขเทวษนี้หนักหนา |
พลัดพรากข้าบาทแลโยธา | เสด็จมาเอองค์ในดงดาน |
เงียบสงัดสารพัดพึงกลัว | จนหมองมัวพระองค์น่าสงสาร |
พ่อมาชื่นกับพื้นสุธาธาร | อนาถอกปิ้มปานจะทำลาย |
ข้าน้อยตามมาในอารัญ | ก็ไม่ทันเสด็จพระโฉมฉาย |
เหมือนแกล้งซัดเสียให้เปลี่ยวเดียวดาย | โทษนี้ถึงวายชีวี |
หมายใจว่าไม่พบบทเรศ | ก็ไม่คืนนิเวศน์บุรีศรี |
จะดั้นด้นซนซอกตรอกคีรี | ค้นหาฝ่าธุลีพระบาทไป |
กว่าจะสิ้นชีวาอาสัญ | ในอารัญหิมวาป่าใหญ่ |
ร่ำพลางต่างโศกาลัย | โหยไห้เพียงสิ้นชนมา |
ฯ ๑๐ คำ ฯ โอด
๏ ครั้นคลายวายโศกโศกี | เสนีพี่เลี้ยงถ้วนหน้า |
จึ่งกราบทูลถามกิจจา | ซึ่งผ่านฟ้าตามกวางมาทางไกล |
จนชายบ่ายแสงสุริย์ฉัน | ยังทันมฤคาหรือหาไม่ |
หรือกวางลัดแลงไปแห่งใด | ที่ในเนินป่าพนาลี |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระอุณรุทสุริย์วงศ์เรืองศรี |
ได้ฟังจึ่งตอบวาที | โดยที่นุสนธิ์แต่ต้นมา |
เดิมวางมิ่งม้ามโนมัย | แล่นไล่ใกล้ทันที่ชายป่า |
แล้วห่างเหินเกินไกลนัยนา | กำลังม้าไม่ทันกวางทอง |
แต่เป็นเช่นนี้นี่หลายครั้ง | รอรั้งแล้วโจนโผนผยอง |
ทำล่อล้อเล่นเห็นลำพอง | ผิดทำนองกวางป่าพนาลัย |
จนสิ้นกำลังอัสดร | ทินกรบ่ายเลี้ยวเหลี่ยมไศล |
กวางโผนโจนคล้ายหายไป | จึ่งหยุดอยู่ร่มไทรสำราญ |
บัดนี้รี้พลก็เหนื่อยนัก | จำจะพักกำลังทวยหาญ |
เรามาท่าทางก็กันดาร | พี่จัดการบวงสรวงเทวา |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงผู้มียศถา |
ก้มเกล้ารับราชบัญชา | ก็พากันออกมาทันใด |
ฯ ๒ คำ ฯ
ชมตลาด
๏ จัดเครื่องบายศรีพลีกรรม์ | พานทองสามชั้นประดับใส่ |
สอดแซมบุปผามาลัย | ผลไม้มีรสอันตระการ |
อีกสุราเมรัยไก่เป็ด | เสร็จทั้งของคาวของหวาน |
ธูปเทียนจุณจันทน์สุคันธ์ธาร | แล้วปลูกศาลตั้งไว้เพียงตา |
จึ่งให้เลื่อนรถแก้วแววไว | เข้าใต้ร่มไทรใบหนา |
เกณฑ์หมู่รี้พลโยธา | ตั้งตาริ้วรอบเป็นขอบคัน |
ปืนหลักดักทางวางช่อง | จัดทั้งกองร้อยกองขัน |
นั่งยามตามไฟสามชั้น | นายหมวดตรวจกันเป็นโกลี |
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | พระอุณรุททรงสวัสดิ์รัศมี |
ครั้นเสร็จสังเวยดุษฎี | มีจิตชื่นชมภิรมยา |
พอสิ้นรังสีรวีวร | ศศิธรลอยเลื่อนพระเวหา |
ประดับดาษด้วยดวงดารา | ส่องสว่างพฤกษาพนาวัน |
พ่างพื้นพระไทรแสนสะอาด | โอภาสเลื่อมพรายฉายฉัน |
พระเสด็จย่างเยื้องจรจรัล | ขึ้นสุวรรณรถทองอลงกรณ์ |
ฯ ๖ คำ ฯ เสมอ
สระบุหร่ง
๏ จึ่งจุดธูปเทียนบวงสรวง | บำบวงเทเวศมเหศร |
ซึ่งสิงสู่พระไทรสถาวร | ขออมรเทวราชได้โปรดปราน |
ช่วยเกียดกันสรรพโทษโพยภัย | รังรักษ์พลไกรทวยหาญ |
ทั้งรถรัตน์อัศวาคชาชาญ | ส่ำแสนบริวารโจษจัน |
บรรดาโดยข้าคลาประเวศ | แรมร้อนทุเรศไพรสณฑ์ |
อาศัยพระไทรมณฑล | ดิลกแหล่งอารญคีรีเรือง[๑] |
ช่วยคุ้มครองป้องกันอันตราย | จังไรร้ายภัยพิษให้ปลิดเปลื้อง |
ทั้งแสนโศกโรคร้อนรำคาญเคือง | ท่านผู้เรืองฤทธิ์นั้นช่วยบรรเทา |
ให้ไพบูลย์พูนสุขเกษมสันต์ | ดั่งฉัตรแก้วกั้นเกศเกล้า |
บำบัดวิบัติให้บางเบา | จงรับเอาสังเวยอันพึงใจ |
แล้วประโคมกาหลดนตรี | พิณพาทย์ดีดสีปี่ไฉน |
ถวายกรทุกพวกพลไกร | มี่อึงคะนึงไปทั้งนั้น[๒] |
ฯ ๑๒ คำ ฯ สาธุการ
ยานี
๏ เมื่อนั้น | ฝ่ายพระไทรเทเวศรังสรรค์ |
สถิตทิพพิมานพรายพรรณ | ด้วยมหันต์สุโขโอฬาฬาร |
ได้สดับสังเวยวันทา | วรารมณ์เรื่อยรับขับขาน |
ทั้งพิณพาทย์ดุริยางค์กังสดาล | วังเวงหวานสารศัพท์จับใจ |
ยิ่งฟังยิ่งเพลินจำเริญจิต | ครวญคิดพิศวงสงสัย |
พระสุริย์วงศ์องค์นี้นี่คือใคร | หน่อท้าวด้าวใดเสด็จมา |
พร้อมด้วยจัตุรงค์ทวยหาญ | ยังร่มไทรไพศาลสาขา |
ทุเรศแรมรถทรงอลงการ์ | อยู่กลางโยธาพลากร |
ตัวกูจะไปสดับดู | ให้รู้กิจจาแจ้งก่อน |
คิดแล้วสำแดงฤทธิรอน | ก็รีบจรลงใกล้พิชัยรถ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ กลม
ร่าย
๏ เห็นพวกพหลพลไกร | ยังพูดจาจามไอไม่หลับหมด |
ก็อ่านเวทเทวาวรายศ | สะกดนิทราทั้งโยธี |
ฯ ๒ คำ ฯ ตระ
ร่าย
๏ เดชะพระมนต์อันเชี่ยวชาญ | ก็บันดาลทวยหาญซึ่งอึงมี่ |
ให้เงียบเหงาเซาซบไม่สมประดี | หลับสนิทในที่ร่มไทร |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ขึ้นยังบัลลังก์รถมาศ | ส่องศรีโอภาสดั่งแขไข |
เห็นหลานพระตรีภูวไนย | วิลาศเลิศวิไลไสยา |
งามทรงงามองค์อรชร | งามนอนบนราชรถา |
จึ่งคิดถวิลจินดา | จะว่าพระอิศโรโมลี |
เป็นไรไม่ทรงอุสุภราช | จะเอองค์ประพาสก็ใช่ที่ |
ฤๅจะว่านารายน์เรืองฤทธี | เหตุใดไม่ขี่พระครุฑทรง |
ฤๅจะว่าบรมพรหเมศวร์ | ไยไม่ประเวศครรไลหงส์ |
จะว่าอมรินทร์อินทร์องค์ | เป็นไฉนไม่ทรงเอราวัณ |
ฤๅพระขันธกุมาราราช | ไม่เห็นอาสน์มยุเรศรรังสรรค์ |
ฤๅจะว่าเอกองค์พระสุริยัน | ไยไม่เปล่งแสงพรรณทิวารา |
จะว่าพระจันทร์อันอำไพ | ก็โอภาสอยู่ในเวหา |
ฤๅจะว่าพระพายเทวา | ก็ไม่ทรงมิ่งม้าอัสดร |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
ร่าย
๏ จึ่งคิดได้ว่าพระหลานรัก | พระภุชพงศ์ทรงจักรอดิศร |
มีนามอุณรุทฤทธิรอน | ขจรยศเลื่องหล้าสุธาธาร |
ฯ ๒ คำ ฯ
พัดชา
๏ อนิจจาพระหน่อสุริยวงศ์ | มานอนเดียวเปลี่ยวองค์น่าสงสาร |
เคยอยู่ปราสาทรัตน์ชัชวาล | มาทรมานแดดลมมิควรเลย |
เคยนางตระกองพระองค์กอด | พระมาสอดพระกรก่ายเขนย |
เคยทรงสุหร่ายทิพรำเพย | ฤๅมาเชยนํ้าค้างระคางกาย |
เคยแสงอัจกลับประทีปส่อง | พ่อมาต้องแสงเดือนจำรัสฉาย |
เคยนางพัชนีวีสบาย | ฤๅมาชายลมหวนให้ทวนองค์ |
เคยกลั้วกลิ่นปรุงจรุงรื่น | พ่อมาชื่นกลิ่นไม้ไพรระหง |
เป็นน่าเอ็นดูพระสุริย์วงศ์ | มานอนรถเอองค์ในดงดาน |
ฯ ๘ คำ ฯ
ร่าย
๏ จำกูจะประกอบการุญ | สนองคุณสังเวยขับขาน |
อันนางอุษาเยาวมาลย์ | ธิดากรุงพาณชาญฉกรรจ์ |
ทรงโฉมประโลมลานสวาท | เพียงอนงค์นาฏนางสวรรค์ |
ท้าวรักสุดรักร่วมชีวัน | กุมภัณฑ์แสนถนอมดั่งดวงใจ |
เห็นควรจะภิรมย์ด้วยภูวเรศ | เสมอเนตรสองสนิทพิสมัย |
จะเชิญพระสุริย์วงศ์องค์นี้ไป | ให้สมแก้วกัลยาณี |
คิดแล้วเข้าอุ้มโอบองค์ | พระอุณรุทภุชพงศ์เรืองศรี |
ผาดผยองล่องฟ้าด้วยฤทธี | หมายมุ่งบุรีรัตนา |
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด
๏ เร็วเพียงกำลังลมพัด | ถึงนิเวศน์เวียงสวัสดิ์ยักษา |
คลาเคลื่อนเลื่อนลอยลงมา | ยังปราสาทพระธิดายุพาพาล |
แซ่เสียงสำเนียงนางกล่อม | เพราะพร้อมรี่เรื่อยเฉื่อยฉาน |
สังคีตพิณเพลงบรรเลงลาน | ประสานศัพท์ดนตรีนี่นัน |
ทั้งเสียงกุมภัณฑ์กันกง | ล้อมวงอึงอื้อบันลือลั่น |
ก็ร่ายพระเวทเทวัญ | สะกดกันนั่งสนิทนิทรา |
ฯ ๖ คำ ฯ ตระ
ร่าย
๏ บันดาลพยับโพยมบน | ด้วยเดชพระมนต์อันแกล้วกล้า |
นำค้างพร่างพรมลงมา | เยือกเย็นโยธาคณานาง |
อสุรีรี้พลก็เงียบเหงา | ทั้งเหล่านางจำเรียงซึ่งเคียงข้าง |
บ้างพาดพิงทิ้งเครื่องดุริยางค์ | ต่างตนหลับล้มไม่สมประดี |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ จึ่งถอดนภศูลพรหมพักตร์ | ด้วยฤทธิ์สิทธิศักดิ์เรืองศรี |
ก็ลอดองค์ลงไปทันที | ยังที่ห้องแก้วกัลยา |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ สว่างแสงอัจกลับสลับดวง | จรุงรื่นพู่พวงบุปผา |
เห็นอนงค์ยุพนาฏดาษดา | วิไลเลิศลักขณาทุกนางใน |
แต่ละองค์ทรงโฉมดั่งอัปสร | อรชรชวนจิตพิสมัย |
ล้วนสอดสังวาลแก้วแววไว | ประดับถันวัลลัยอลงการ |
นอนหลับทับกันเดียรดาษ | นิราศร้างภิรมย์สงสาร |
แล้วเห็นพระยอดเยาวมาลย์ | บรรทมฐานแท่นทิพเทวัญ |
เพียงพระลักษมียุพาพักตร์ | คู่พระหริรักษ์ภิรมย์ขวัญ |
ก็วางหลานพระองค์ทรงสุบรรณ | เคียงข้างแก้วกัลยาณี |
ฯ ๘ คำ ฯ
ร่าย
๏ เทเวศยิ้มยลวิมลโฉม | งามประโลมโลกสุดทั้งสองศรี |
พิศทรงอุษาเทวี | ดั่งรูปแก้วมณีกล่อมเกลา |
พิศพระอุณรุทก็ลานสวาท | ดั่งรูปปฏิมามาศหล่อเหลา |
อรชรอ่อนอิ่มพริ้มเพรา | โฉมสองทัดเท่าละกลกัน |
พิศองค์พระพงศ์จักรพรรดิ | ก็ลืมแลศรีสวัสดิ์สาวสวรรค์ |
พิศโฉมอุษาวิลาวัณย์ | ก็ลืมแลหลานขวัญพระจักรี |
จะหาหกห้องสวรรค์ชั้นมนุษย์ | ก็งามสุดเพียงทรงสองศรี |
สิ้นภพจบพื้นธาตรี | ไม่มีโฉมเทียบเปรียบปาน |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ พิศพิศแล้วคิดคำนึงไป | แม้นจะให้พระองค์สงสาร |
ปราศรัยด้วยองค์นงคราญ | ปางกาลพาสมภิรมยา |
ก็จะรู้จักวงศ์พงศ์นาม | จะยวนยั่วมัวความเสน่หา |
จะเป็นห่วงหน่วงหนักชักช้า | เกลือกพาณารู้จะมีภัย |
จำจะผูกโอษฐ์สองกษัตริย์ | อย่าให้ตรัสเจรจาด้วยกันได้ |
แต่พอสู่สมภิรมย์ใจ | จะพาไปมิให้รุ่งราตรี |
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย
๏ คิดแล้วก็ร่ายพระเวท | อันศักดาเดชเรืองศรี |
ผูกโอษฐ์สองกษัตริย์สวัสดี | ด้วยฤทธีท้าวเทวัญ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ จึ่งปลุกบรรทมพระสุริย์วงศ์ | ให้สองพิศวงภิรมย์ขวัญ |
แล้วเหาะจากปราสาทแก้วแพรวพรรณ | คืนวิมานสุวรรณอันโอฬาร |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้น | พระทรงโฉมประโลมสงสาร |
ฟื้นองค์จากอาสน์อลงการ | ผ่านฟ้าทอดพระเนตรไปทันที |
ไม่เห็นรถทรงซึ่งไสยาสน์ | เป็นแท่นทิพมาศจำรัสศรี |
ไม่เห็นร่มไทรพนาลี | เป็นปราสาทมณีอันถาวร |
ไม่เห็นดาวเดือนส่องแสง | กระจ่างแจ้งประทีปรัตน์ประภัสสร |
ไม่เห็นโยธาพลากร | ล้วนนางแน่นนอนอเนกนันต์ |
แลดูบรรจถรณ์ที่สถิต | เห็นอนงค์แนบชิดภิรมย์ขวัญ |
วิไลเลิศลักขณาวิลาวัณย์ | เพียงอัปสรสวรรค์กัลยา |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ นั่งนิ่งพิศพิศแล้วพิศวง | งวยงงพระทัยกังขา |
ฤๅกูนอนในอรัญวา | นิทราคล้ายเคลิ้มฝันไป |
เมื่อเห็นแจ้งตระหนักประจักษ์จิต | จะนิมิตฉะนี้ก็มิใช่ |
จึ่งคิดได้ด้วยปรีชาวัย | ชะรอยว่าพระไทรฤทธิรอน |
รู้คุณสังเวยดุษฎี | พามาสมศรีสโมสร |
พระแสนโสมนัสสถาวร | ชมสมรมาโนชญ์ระลุงลาน |
ฯ ๖ คำ ฯ
ชมโฉม
๏ พิศพักตร์งามพักตร์ผุดผ่อง | ดั่งแว่นทองทิพมาศฉายฉาน |
พิศเกศเกสรสุมณฑาน | ปานเกศแก้วกัลยาณี |
พิศขนงก่งกันดั่งคันศิลป์ | พิศเนตรดั่งนิลจำรัสศรี |
พิศทรงนาสาไม่ราคี | ดั่งขอแก้วมณีพรายพรรณ |
พิศโอษฐ์งามเอี่ยมเทียมจะแย้ม | พิศแก้มเปรียบปรางทองสวรรค์ |
พิศกรรณเพียงกลีบบุษบัน | พิศศอคอสุวรรณหงส์จร |
พิศถันดั่งดวงปทุมมาศ | อันโอภาสกลีบกลัดเกสร |
พิศกรดั่งงวงคเชนทร | นิ้วน้อยอรชรดั่งกลึงกลม |
พิศสรรพงามสารพางค์องค์ | พิศทรงงามทรงประเสริฐสม |
วิไลลักษณ์เลิศลํ้าขำคม | พิศชมงามชวนให้ยวนใจ |
พิศพิศแล้วพิศวาสวาบ | เสียวซาบซ่านจิตพิสมัย |
ประคองหัตถ์สัมผัสอรไท | ลูบไล้ชมแก้วกัลยา |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
ร่าย
๏ คิดจะใคร่ปราศรัยศรีสวัสดิ์ | ด้วยแสนโสมนัสเสน่หา |
แต่พระโอษฐ์จะตรัสจำนรรจา | ออกมามิได้ก็จำจน |
ไม่รู้ที่ทำประการใด | ฤๅทัยร้อนร่านดาลฉงน |
แต่ลูบโลมโฉมแก้วโกมล | อยู่บนแท่นทิพรูจี |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นวลนางอุษามารศรี |
ฟื้นกายชายเนตรเทวี | เห็นหลานพระตรีภูวไนย |
ให้ตระหนกตกประหวั่นพรั่นจิต | วรนาฏนิ่งคิดแล้วสงสัย |
อันชายผู้นี้นี่คือใคร | สามารถอาจใจเป็นพ้นนัก |
มาได้ถึงในพระนิเวศน์ | ไม่เกรงองค์บิตุเรศสิทธิศักดิ์ |
จะว่านาคาสุรารักษ์ | ฤๅมนุษย์ครุฑยักษ์วิชาธร |
จึ่งทรงโฉมประโลมลานสวาท | ส่งศรีผุดผาดประภัสสร |
จะใคร่ถามสุริย์วงศ์พระนคร | นามกรให้แจ้งกิจจา |
ก็เอื้อนโอษฐ์พาทีออกมิได้ | แสนฉงนจนใจนี่หนักหนา |
แต่ซานทรุดองค์จะลงมา | พระตระกองกายาไว้มั่นคง |
ให้ขวยเขินสะเทินพระทัยนัก | นงลักษณ์ครวญคิดพิศวง |
แต่ชม้ายชายดูพระสุริย์วงศ์ | โฉมยงผลักไสไปมา |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระทรงโฉมประโลมเสน่หา |
ถนอมลูบจุมพิตพนิดา | เลี้ยวลอดสอดคว้าพัลวัน |
กัลยาหยิกกรแล้วค้อนคม | พระทรงฤทธิ์ชื่นชมภิรมย์ขวัญ |
แสนสวาทด่าวดิ้นแดยัน | เสียวกระสันรัญจวนป่วนใจ |
เอนองค์ลงแอบแนบน้อง | สอดคล้องด้วยความพิสมัย |
เชยแก้มแนมโอษฐ์อรไท | จรุงใจรื่นรสสุคนธา |
ฟ้าลั่นครั่นครื้นโพยมพราย | สุนีบาตฟาดสายในเวหา |
ฝนฝอยพรอยพรมลงมา | ต้องผกาโกเมศแบ่งบาน |
ภมรมาศผาดเคล้าเอาซาบ | ละอองอาบกลิ่นหวนหอมหวาน |
สองสมชมรสชื่นสำราญ | ในสถานแท่นทิพสถาวร |
ฯ ๑๐ คำ ฯ โลม
โลม
๏ เมื่อนั้น | นวลนางอุษาสายสมร |
ได้ภิรมย์ร่วมรสเอมอร | ด้วยหลานพระสี่กรเลิศไกร |
แรกรู้สู่สมชมสวาท | วรนาฏพิศวงหลงใหล |
แสนซาบอาบอิ่มหฤทัย | ดั่งได้อำมฤตวารีริน |
โสรจสรงลงทั่วตนัยนาง | สารพางค์เยือกเย็นเป็นสุขสิ้น |
รื่นรสกรีฑากามิน | เมามัวยั่วยินวิญญาณ์ยวน |
ลืมอายลืมองค์จำนงนาฏ | ไม่คลาคลาดหวั่นถวิลอาวรณ์หวน |
อิงแอบแนบน้อมเสน่ห์นวล | เกษมสรวลบันเทิงสำเริงรมย์ |
บังคมคัลปันสลาโอชาถวาย | พริ้มพรายระลุงลานบรรสานสม |
เมียงม่อยช้อยชม้ายชายชม | แสนบรมสุขเกษมเปรมปรีดิ์ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
ช้าปี่
๏ เมื่อนั้น | พระอุณรุททรงสวัสดิ์รัศมี |
ได้สู่สมชมรสฤๅดี | ด้วยมารศรีอุษายุพาพาล |
แสนสุขโสมนัสมาโนชญ์ | ภิรมยาปราโมทย์สงสาร |
ภิญโญยิ่งสุโขมโหฬาร | เปรียบปานสุขทิพเทวัญ |
ประหลาดรสฤๅดีที่เคยสม | พระทรงฤทธิ์ชิดชมภิรมย์ขวัญ |
สัมผัสพวงดวงทิพบุษบัน | เคล้าคลึงคลึงคันธ์สุคนธา |
จรุงรื่นรื่นรสเรณูนวล | หอมหวนหวนซาบนาสา |
ตระกองแก้วแก้วก่ายกัลยา | เหนือแท่นรัตนารูจี |
ฯ ๘ คำ ฯ