ตอนที่ ๑๔ ท้าวกรุงพาณให้หาเทวามานิมิตปราสาทให้นางอุษา จนนางไวยกาประสูติโอรสชื่อทศมุข

๏ เมื่อนั้น ฝ่ายฝูงเทวาทุกราศี
แจ้งว่าพาณาอสุรี มีราชบัญชาให้หาไป
ต่างองค์กลัวฤทธิ์อำนาจ ออกจากวิมานมาศน้อยใหญ่
พากันเหาะระเห็จด้วยว่องไว ตรงไปรัตนาเมืองมาร

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงจึงหมู่สุราฤทธิ์ ก็สถิตในที่ควรสถาน
ยังพื้นพสุธาหน้าพลาญ แห่งองค์กรุงพาณอสุรี

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวพาณาสูรยักษี
เห็นเทเวศมาพร้อมก็ยินดี จึ่งมีสุนทรบัญชา
เราออกไปป่าพนาลัย ได้นางหนึ่งชื่ออุษา
แต่ในสำนักพระสิทธา มาเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม์
จึ่งเชิญท่านเทวาวราฤทธิ์ มาช่วยรังสฤษฎ์ประดิษฐ์รังสรรค์
ปราสาทมาศแม้นพิมานจันทร์ ให้แก่กัลยากุมารี

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น หมู่อมรเมศเรืองศรี
ได้ฟังอสุราพาที ต่างองค์ยินดีด้วยสมคิด
ครั้งนี้แหละอ้ายกุมภัณฑ์ ผู้ใจอาธรรม์ทุจริต
มันจักฉิบหายวายชีวิต ด้วยผลกำเริบฤทธิ์อหังการ์
คิดแล้วรับรสพจมาน แห่งท้าวกรุงพาณยักษา
ต่างองค์สำแดงเดชา ออกมานิมิตด้วยฤทธี

ฯ ๖ คำ ฯ ตระ

ยานี

๏ บัดเดี๋ยวบันดาลด้วยอำนาจ รังสฤษฎ์เป็นปราสาทมณีศรี
ผุดขึ้นแต่พื้นปฐพี ตั้งที่ประเทศนิเวศน์มาร
พื้นยอดสูงเยี่ยมโพยมหน จงกลเหมแก้วมุกดาหาร
พรหมพักตร์พริ้มผาดแลลาน บราลีแกมกาญจน์อลงกรณ์
สี่มุขบันมาศดาดเพชร ทรงเก็จเสากาบพรหมสร
ช่อฟ้าชดเฟื้อยอัมพร ลำยองช้อนแก้วใส่ใบระกา
ทวยทองรองเต้ามณีตั้ง แย่งกระหนกมาศผนังดั่งเลขา
ซุ้มแกลแลลายพรายตา ทวาราบานรัตน์จำรัสราย
เจ็ดชั้นพื้นลดผลึกลาด พระแท่นอาสน์เรืองเอี่ยมวิเชียรฉาย
ลับแลล้วนแล้วด้วยแก้วลาย ฉากระบายเครือเบญจรงค์เรือง
เพดานห้อยดวงพวงพู่ มณีนวลเรณูฟุ้งเฟื่อง
ที่นั่งเย็นแก้วระย้าค่าเมือง ชาลาเนื่องติดแนวไพทีทอง
ทิมเรียงเคียงรายซ้ายขวา โอฬาร์สุรโลกไม่มีสอง
คู่เวไชยันต์มาศพิมานรอง ล่องฟ้ามาตั้งยังธาตรี

ฯ ๑๔ คำ ฯ

๏ ครั้นเสร็จนฤมิตปราสาท ฝูงไทเทวราชเรืองศรี
ลาองค์พญาอสุรี เหาะไปยังที่วิมานฟ้า

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น ท้าวพาณาสูรยักษา
เห็นมหาปราสาทอลงการ์ โอฬาร์ล้วนแล้วด้วยแก้วกาญจน์
พิศทรงงามสิ้นทั้งสี่ทิศ ชวลิตพรรณรายฉายฉาน
ให้เพลิดเพลินจำเริญวิญญาณ พญามารโสมนัสพันทวี
จึ่งมีสิงหนาทบัญชา แก่ขุนโหรายักษี
จงหาศุภฤกษ์สวัสดี กูจะทำพิธีสถาวร
เฉลิมมนเทียรทิพเทเวศ สมโภชเยาวเรศดวงสมร
ให้ปรากฏยศเกียรติขจายจร ไปทุกพระนครกษัตรา

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ขุนโหราจารย์ยักษา
ก้มเกล้ารับราชบัญชา ก็ดูโดยตำราอสุรี
เห็นแจ้งแล้วกราบบังคมทูล ท้าวพาณาสูรเรืองศรี
ห้าค่ำวันเสาร์ฤกษ์ดี ทำการพิธีประเสริฐนัก
เวลารุ่งแล้วโมงเศษ สุริยามาเมศราศีจักร
จะจำเริญศุภผลแก่นงลักษณ์ ปรากฏยศศักดิ์ทั้งไตรดาล

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระปิ่นรัตนามหาศาล
ได้ฟังขุนโหราจารย์ จึ่งมีบรรหารแก่เสนา
จงจัดการพระราชพิธี โดยที่ตำแหน่งซ้ายขวา
ประชุมชีพ่อพฤฒา ข้างในข้างหน้าให้พร้อมกัน

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น จึ่งเสนามารชาญขยัน
รับสั่งพญากุมภัณฑ์ บังคมคัลออกจากพระโรงชัย

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

ยานี

๏ เกณฑ์กันเร่งรัดจัดการ ทั่วทุกพนักงานน้อยใหญ่
ปูอาสน์ลาดที่อำไพ ผูกม่านสองไขรูจี
ฉัตรแก้วฉัตรสุวรรณเป็นหลั่นลด สังข์กลศเทียนชัยบายศรี
พานทองรองแว่นมณี ห้อยพวงมาลีโอฬาร
แล้วประชุมชีพ่อพฤฒา อำมาตย์โหรามหาศาล
พร้อมทั้งดุริยางค์กังสดาล เสร็จโดยโองการกุมภัณฑ์

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวพาณาสูรรังสรรค์
ครั้งรุ่งรางสร่างสีรวีวรรณ ให้บรรจงแต่งองค์พระธิดา

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ ฝ่ายพระชนนีนงคราญ กับนางพนักงานซ้ายขวา
เขาล้อมองค์สรงสีพระกายา ให้ทรงสุคนธากำจรใจ
บ้างเข้าผัดพักตร์ผุดผ่อง ดั่งทองทิพมาศสุกใส
กระหมวดมุ่นโมลีอำไพ สวมใส่เกี้ยวแก้วอลงกรณ์
ปักจุฑามณีมุกดาหาร แซมสุวรรณกุสุมาลย์เกสร
ให้ทรงภูษาลายเครือกินนร สะอิ้งองค์สายซ้อนประจำยาม
ตาบทิศทับทรวงดวงกุดั่น สังวาลวรรณเพชรเหลืองเรืองอร่าม
พาหุรัดทองกรมังกรงาม ธำมรงค์เพชรพลามพรายตา
ห้อยพวงสุวรรณมาลัย กรรเจียกจอนซ้อนใส่ซ้ายขวา
งามเพียงองค์เทพธิดา ลอยฟ้าลงมายังธาตรี

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ ครั้นเสร็จโสรจสรงชลธาร พระผู้ผ่านรัตนาบุรีศรี
กับองค์อัครราชเทวี ก็พาพระบุตรีวิไลวรรณ
ออกจากห้องมหาปราสาท พร้อมหมู่อนงค์นาฏสาวสวรรค์
เสด็จย่างเยื้องจรจรัล ไปปราสาทเทวัญอันโอฬาร

ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ

๏ ครั้นถึงจึ่งให้พระธิดา นั่งอาสน์รัตนามุกดาหาร
ท่ามกลางมณฑลพิธีการ พร้อมเสนามารพงศ์พันธุ์

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ฝ่ายพฤฒาจารย์ฌานขยัน
ต่างตนถือสังข์กลศสุวรรณ พร้อมกันอ่านเวทสถาวร
ถวายมูรธาภิเษกสรง องค์พระธิดาดวงสมร
อำนวยอวยสวัสดิ์จัตุรพร ให้บังอรเยาวเรศกุมารี
ชาวประโคมก็ประโคมฆ้องกลอง กึกก้องแซ่เสียงดีดสี
พิณพาทย์กาหลดนตรี เอิกเกริกอึงมี่เป็นโกลา

ฯ ๖ คำ ฯ มโหรี

๏ บัดนั้น ประโรหิตผู้มียศถา
ชุลีบาทสองราชกษัตรา แล้วเชิญขวัญพระธิดายุพาพาล

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ อ้าขวัญแม่มิ่งสุดาสวรรค์ อย่าประเวศเวียนวันในไพรสาณฑ์
หลงอยู่อาศรมพระทรงญาณ แสนสำราญเงียบสงัดวังเวงใจ
เชิญมาชมมไหไอศูรย์ อันสมบูรณ์ด้วยสมบัติไม่นับได้
พร้อมพรูด้วยหมู่กำนัลใน วิไลลักษณ์เฉิดโฉมประโลมวัง
อ้าขวัญแม่เมาลีเลิศ บุญประเสริฐส่งผลแต่หนหลัง
อย่าหลงเพลินเตริ่นไปในไพรกรัง ชมนกประนังสำเนียงนวล
เชิญสถิตยังสถานพิมานฟ้า อันแสนสนุกสุขกว่าสักแสนส่วน
สดับเสียงนางจำเรียงโอดครวญ โหยหวนยวนเพลงบรรเลงลาน
ขวัญแม่ปิ่นอนงค์อย่าหลงชม เนินพนมปล่องเปลวเหวละหาน
พะวงเวียนสระนํ้าถ้ำธาร เชิญสำราญแท่นทิพวิสูตรทรง
ขวัญแม่จงมาเป็นมิ่งเมือง จำเริญเรืองราชสกูลประยูรหงส์
ชนมานมากหมื่นยืนยง ดำรงสวัสดิ์รัตนาธานี

ฯ ๑๒ คำ ฯ

๏ ได้เอยได้ฤกษ์ พระโหรให้เบิกบายศรี
พนักงานลั่นฆ้องเข้าสามที เสนีฮึกโห่โกลา
ประโรหิตจุดเทียนติดแว่นแก้ว แล้วส่งเวียนซ้ายไปขวา
คณานางต่างรับอันดับมา รอบมหามณฑลพิธีกรรม์
ประโคมชัยเภรินพิณพาทย์ สำเนียงนฤนาทบันลือลั่น
เป็นมหามหัศอัศจรรย์ รับขวัญพระธิดากุมารี

ฯ ๖ คำ ฯ

ร่าย

๏ ครั้นครบเจ็ดรอบระบอบการ พฤฒาจารย์ดับเทียนเฉลิมศรี
แล้วโบกเปลวควันสามที ให้พระบุตรีบังอร
เอาจุณเทียนเจิมพระนลาฏ วรนาฏนิ่มน้อยดวงสมร
พร้อมกันอำนวยอวยพร จงถาวรจำเริญชนมา

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น สองกษัตริย์สุริย์วงศ์นาถา
จึ่งประทานเครื่องทรงอลงการ์ โอฬาร์ล้วนแล้วด้วยแก้วกาญจน์
สำหรับพระธิดาเอกองค์ พงศ์กษัตริย์ยอดฟ้ามหาศาล
ตั้งนางอุษาเยาวมาลย์ ในสถานอัครราชบุตรี
แล้วเลือกวรนาฏราชตระกูล ที่สมบูรณ์รูปทรงส่งศรี
วิไลลักษณ์เลิศกัลยาณี ห้าอนงค์นารีจำเริญตา
ชื่ออรัญวนิดายุพาพักตร์ หนึ่งชื่อศุภลักษณ์กรรฐา
นางจันทวดีกัลยา หนึ่งชื่อว่าเทพสุนทร
องค์หนึ่งชื่อนางสุพรรณ ฉวีวรรณพิมพ์พักตร์เพียงอัปสร
พร้อมสติปรีชาสถาวร แรกรุ่นอรชรสิบหกปี
ให้เป็นเอกองค์พระพี่เลี้ยง เคียงควรอุ้มชูโฉมศรี
ทั้งนางขับกล่อมพัดวี สองร้อยนารีโสภา
เจ้าขรัวยายประยูรสูงใหญ่ เป็นประธานข้างในข้างหน้า
กับสาวใช้เชื้อลูกเสนา ห้าร้อยกัลยาวิไลวรรณ
ทั้งขอเฝ้าเหล่าลูกอำมาตย์ สุริย์ชาติปรีชาชาญขยัน
คณนาอเนกนับพัน จัดสรรประทานพระบุตรี

ฯ ๑๖ คำ ฯ

๏ เสร็จแล้วจึ่งท้าวยี่สิบกร กับบังอรไวยกามเหสี
ประโรหิตโหราเสนี ก็กลับไปที่อยู่สำราญ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น พระพี่เลี้ยงเยาวยอดสงสาร
ประโลมเลี้ยงพระธิดายุพาพาล บำรุงรักปิ้มปานดวงใจ
อุ้มชูช้ากล่อมถนอมนาฏ แสนสนิทพิศวาสหลงใหล
เช้าเย็นพาเล่นแต่ข้างใน ชมไม้ดัดดาษดรุณเรียง
บ้างผลิดอกออกผลปนผกา สกุณาวางกรงส่งเสียง
สาลิกาแก้วจับคอนเคียง โนรีพูดเพียงภาษาคน
กลางวันพานางไปอ่างแก้ว สรงน้ำพุแพร้วดังฝอยฝน
ชี้ชวนให้ชมภูเขายนต์ มีช่องชลพักพานาวาเวียน
ทั้งหิรัญสุวรรณมัจฉาชาติ งามประหลาดเลื่อมพรายดังลายเขียน
โกสุมปทุมมาศดาษเดียร ผจงเจียนไกรลาสบรรพตา
แสนบำรุงผดุงด้วยความสุข ไม่มีทุกข์พานผิวมังสา
ยามสรงทรงเสวยโภชนา ก็ปลอบป้อนวอนว่าทุกนาที

ฯ ๑๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นวลนางอุษามารศรี
สำราญราชยังปราสาทมณี ดังบุตรีบรมจักรพรรดิ
แสนเกษมสุโขมโหฬาร ด้วยยศศักดิ์บริวารสมบัติ
มีแต่ชี่นชมโสมนัส กับพี่เลี้ยงสาวสวัสดิ์ทุกเวลา
เย็นเช้าขึ้นเฝ้าพระบิตุเรศ สำคัญว่าเกิดเกศเกศา
ทั้งอนงค์นงคราญมารดา สนิทดั่งคลอดมาจากครรภ์
นั่งเพลาเคล้าคลึงเชยชม สองกษัตริย์ภิรมย์รับขวัญ
รักดั่งดวงเนตรดวงชีวัน สัญญาว่าเกิดในอุทร
อันนางศุภลักษณ์กรรฐา แสนสนิทเสน่หาสายสมร
ชอบชิดพิศวาสบังอร กว่านิกรนารีทั้งสี่นาง
จะเที่ยวจรวอนเล่นสิ่งใด ก็ตามใจไม่ทัดขัดขวาง
จำเริญจิตพิสมัยไว้วาง พ่างเพียงชีวิตพระธิดา

ฯ ๑๒ คำ ฯ

ช้า

๏ เมื่อนั้น ฝ่ายนางไวยกาเสน่หา
เสวยสุขอยู่ทุกทิวา ด้วยองค์ภัสดาพญามาร
ยามสรงยามเสวยเชยชื่น สำราญรื่นหฤทัยเกษมศานต์
เพียงโฉมยุพยงนงพาล แห่งเทวบุตรมารสวัสดี
พร้อมเพรียงเสียงรสรูปกลิ่น สัมผัสอสุรินทร์เรืองศรี
ในประถมวัยประเวณี พระเทวีสุริย์วงศ์ก็ทรงครรภ์
ยิ่งผ่องแผ้วแววรัศมีเหมือน ดวงเดือนเพ็งพรายฉายฉัน
จำเริญเรืองเขื่องขึ้นทุกคืนวัน กำหนดนั้นถ้วนทศมาสตรา

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ ครั้นถึงศุภวารสถาวร กำลังลมอุทรพัดกล้า
ให้รึงรุมกลุ้มไปทั้งกายา ปิ้มว่าจะสิ้นสมประดี

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ฝ่ายฝูงกำนัลสาวศรี
ทั้งเถ้าแก่ชะแม่อสุรี เห็นเทวีรัญจวนประชวรครรภ์
ตกใจวายวุ่นทั้งเรือนทอง เข้าประคองกายแก้แปรผัน
บ้างวิ่งปะทะปะกัน ไปทูลกุมภัณฑ์ภัสดา

ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น ท้าวพาณาสูรยักษา
แจ้งว่าองค์อัครชายา เสวยทุกขเวทนาลำบากกาย
กำลังเสน่หาอาวรณ์ เร่าร้อนหฤทัยใจหาย
เสด็จจากแท่นแก้วแพรวพราย ไปทั้งสายสวาททันที

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น นวลนางไวยกามารศรี
เห็นองค์สมเด็จพระสามี เสด็จมาเคียงที่พักตรา
ค่อยสบายบรรเทาเร่าร้อน บังอรแสนโสมนัสสา
พอได้ศุภฤกษ์เวลา กัลยาก็ประสูติพระโอรส
เป็นชายคล้ายองค์พระบิตุเรศ ส่งศรีพิมพ์เพศนั้นเหมือนหมด
สมศักดิ์สุริย์วงศ์อันทรงยศ ลักขณาปรากฏประกอบกาย

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ฝ่ายพระวงศาทั้งหลาย
จึ่งเอาพานแก้วแพรวพราย รองข่ายทองรับพระกุมาร
แล้วเชิญให้ไปสรงสาคร ธารสุคนธ์เกสรหอมหวาน
วางยังอาสน์อ่อนโอฬาร ให้บรรทมสำราญพระกายา

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น องค์พระบิตุเรศนาถา
เห็นโอรสราชกุมารา พร้อมศรีลักขณาวิลาวัณย์
มีความแสนโสมนัสนัก ผ่องพักตร์เพียงได้สมบัติสวรรค์
จึงให้จัดพระนมที่พงศ์พันธุ์ หกสิบสี่สรรรูปทรง
เจ้าขรัวยายพี่เลี้ยงลูกตระกูล เชื้อประยูรกษัตริย์สูงส่ง
ประทานพระโอรสสุริย์วงศ์ ตามอย่างเอกองค์กุมารา
ครั้นครบกำหนดสิบห้าวัน ให้ประชุมพงศ์พันธุ์พร้อมหน้า
ทำการสมโภชพระลูกยา ถวายมูรธาวารี
ประทานนามตามวงศ์ทรงยศ ชื่อว่าทศมุขยักษี
องค์พระบิตุเรศชนนี อวยพรสวัสดีพร้อมกัน

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นวลนางอุษาสาวสวรรค์
เห็นพระมารดาวิลาวัณย์ ขวัญเมืองประสูติพระลูกยา
งามสรรพสารพางค์ผิวพักตร์ นงลักษณ์แสนสุดเสน่หา
สำคัญว่าองค์อนุชา ร่วมราชบิดามารดร
แสนสนิทพิศวาสดั่งดวงเนตร ยกขึ้นทูนเกศสายสมร
เชยชมโฉมสวัสดิ์สถาวร อุ้มชูกับกรตระกองกาย
ถนอมลูบจูบจอมกระหม่อมเกล้า ทุกค่ำเช้าไม่นิราศขาดสาย
ประพาสเล่นเป็นสองกับน้องชาย แสนสบายเพลินสุขทุกคืนวัน
ฝ่ายนางสาวศรีพระพี่เลี้ยง ประคองเคียงขับกล่อมถนอมขวัญ
สองกษัตริย์วัฒนามาด้วยกัน โรคันอันตรายไม่ราคี

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ทศมุขกุมารยักษี
จำเริญวัยใหญ่ขึ้นทุกเดือนปี ด้วยสุขสวัสดีอันโอฬาร
ผูกจิตพิสมัยไม่ไกลข้าง พระพี่นางอุษายอดสงสาร
นอนเพลาเคล้าชมชื่นบาน พระกุมารรักสนิทชิดเชย
จะเล่นไหนไม่เห็นก็กันแสง ทุกแห่งทุกเวลาสรงเสวย
ฝันใฝ่หลงใหลไม่ลืมเลย สำคัญเคยแต่รู้ความมา
ครั้นค่อยจำเริญชนมาน แปดปีปรีชาญแกล้วกล้า
เรียนรู้ไตรเพทวิทยา หัยรถคชาพาชี
เช้าเย็นเที่ยวเล่นด้วยพี่เลี้ยง ประคองเคียงพรั่งพร้อมถนอมศรี
กับกุมารเหล่าลูกเสนี พันตนอสุรีประดับตาม
เล่นข่างเล่นคลีตีไม้ เคล่าคล่องว่องไวในสนาม
ช่วงชิงทิ้งท่าสง่างาม ไม่เข็ดขามอ่าอวดประกวดกร[๑]

ฯ ๑๒ คำ ฯ


[๑] จบต้นฉบับหนังสือสมุดไทย เลขที่ ๕๗๓

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ