ตอนที่ ๒๐ ศุภลักษณ์อุ้มสม

ช้า

๏ เมื่อนั้น นวลนางอุษามารศรี
รับกระดาษวาดโฉมพระภูมี เทวีคลี่ออกทัศนา
เห็นรูปพระศรีสุริย์วงศ์ ทรวดทรงลายลักษณ์อันเลขา
ดั่งแว่นแก้วแพรวพรรณอลงการ์ ส่องจับนัยนานงคราญ

ฯ ๔ คำ ฯ

ชมโฉม

๏ เหมือนสิ้นสรรพสารพางค์กาย โฉมฉายปลื้มเปรมเกษมศานต์
พิศพักตร์เหมือนพักตร์เมื่อปางกาล แนบพักตร์ชวนสมานสมรชม
พิศโอษฐ์เหมือนโอษฐ์อันพรายพริ้ม ยิ้มรับป้อนสลาเมื่อมาสม
พิศเนตรแหลมล้ำขำคม เหมือนพระชายเนตรชมเมื่อราตรี
พิศขนงวงงอนดั่งศรก่ง ไม่เพี้ยนผิดขนงพระโฉมศรี
พิศกรรณงามทัดสุมาลี กรรเจียกจอนมณีพรายพรรณ
พิศนาสาพลางนางอายจิต เหมือนพระจงจุมพิตภิรมย์ขวัญ
พิศกรเหมือนกรพระทรงธรรม์ เมื่อวันเกี้ยวกระหวัดรัดองค์
พิศพิศแล้วพิศวาสวาบ เสียวซาบซ่านจิตพิศวง
ฤทัยไหวหวาดงวยงง ตะลึงหลงแลรูปไม่วางตา

ฯ ๑๐ คำ ฯ

ร่าย

๏ แล้วมีมธุรสเสาวนีย์ แก่พี่เลี้ยงศุภลักษณ์กรรฐา
ที่มาแนบน้องภิรมยา พระผ่านฟ้าองค์นี้แลพี่นาง
ช่างฉลาดวาดเขียนไม่เพี้ยนพิศ ประจักษ์จิตจำได้ทุกอย่าง
ว่าแล้วเอารูปนั้นค่อยวาง ไว้ข้างแท่นทิพรูจี
จึ่งเปลื้องมหาสังวาลแก้ว อันพราวแพรวด้วยดวงมณีศรี
ออกให้พี่เลี้ยงผู้ภักดี ของรักนี้น้องถึงใจ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ศุภลักษณ์ผู้มีอัชฌาสัย
รับสังวาลแก้วแววไว แล้วผินไปพาทีด้วยสี่นาง
ทีนี้ตัวเราทั้งห้า เห็นจะวายโศกาออกบ้าง
พูดพลางยิ้มแย้มกันพลาง ยั่วเย้าหยอกนางด้วยยินดี
แม่ผู้ยอดฟ้ายาใจ แต่นี้อย่าได้กวนพี่
เสร็จสมปรารถนาของเทวี จะมีแต่แสนสุขสำราญไป

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นางอุษานงเยาว์ยอดสงสาร
ฟังพี่เลี้ยงกล่าวพจมาน นงคราญจึ่งตอบคำไป
นี่ไฉนฉะนี้นะพี่นาง ควรฤๅช่างเอามาว่าได้
เดิมน้องบอกเล่าสักเท่าไร ก็สงสัยไม่เชื่อวาจา
ยั่งยืนขืนว่าความฝัน จนโศกศัลย์เพียงสิ้นสังขาร์
เป็นกุศลได้สร้างแต่ปางมา จึ่งพบพระยอดฟ้าวิไลวรรณ
ช่างไม่เวทนาบ้างเลย มาชวนกันแย้มเย้ยเยาะหยัน
ถึงอกพี่เช่นนี้ก็เหมือนกัน ข้อนั้นขอเถิดอย่าพาที
ทำคุณน้องแล้วให้เป็นผล ไม่วายชนม์ก็จะแทนคุณพี่
จงได้กรุณาปรานี ไปเชิญภูมีเสด็จมา

ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจา

๏ บัดนั้น นวลนางศุภลักษณ์กรรฐา
สรวลพลางสนองพระวาจา แก้วตาของพี่อย่าถือใจ
จงอดโทษโปรดเถิดนะทูนเกล้า ขวัญข้าวผู้ยอดพิสมัย
ซึ่งจะตรัสใช้ให้กลับไป เชิญเสด็จภูวไนยมาบัดนี้
พี่เห็นขัดสนเป็นพ้นนัก ด้วยพระทรงลักษณ์เฉลิมศรี
เอองค์แสนโศกโศกี อยู่ถึงแท่นที่บรรทมใน
พระกรกุมพระขรรค์ฤทธิรงค์ ฝูงกำนัลอนงค์ไม่รอได้
ซึ่งจะไปเฝ้าองค์พระทรงชัย ไม่มีสิ่งใดเป็นสำคัญ
ที่ไหนพระจะเชื่อวาจา จะโกรธาว้าวุ่นหุนหัน
ฆ่าพี่ก็จะม้วยชีวัน ไหนจะทันมาทูลนางเทวี
แม้นตายไม่เสียดายชีวิต แต่ให้สมคิดของโฉมศรี
สิ่งไรที่จะไม่เสียที เจ้าพี่จงดำริตริการ

ฯ ๑๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นวลนางอุษายอดสงสาร
ฟังพี่เลี้ยงกล่าวพจมาน นงคราญเห็นจริงทุกสิ่งไป
จึ่งตรัสว่าซึ่งพี่จะไปเฝ้า พระโฉมเฉลาผู้ยอดพิสมัย
จะให้แหวนแก้วกับสไบ ของน้องไปเป็นที่สำคัญ
อันธำมรงค์กับทรงสะพักนี้ ภูมีจำได้แม่นมั่น
จงทูลพระสุริย์วงศ์ทรงธรรม์ ว่าน้องโศกศัลย์โศกา
คลอคลองนองชลนัยน์เนตร พูนเทวษเศร้าสร้อยละห้อยหา
ให้พระรีบเร่งเสด็จมา แม้นช้าจะม้วยชีวี
ว่าพลางนางเปลื้องสไบทรง ถอดพระธำมรงค์เรืองศรี
ใส่ในผอบแก้วรูจี ส่งให้พี่เลี้ยงทันใด

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ศุภลักษณ์ผู้มีอัชฌาสัย
จึ่งรับผอบแก้วแววไว ด้วยใจจงรักเยาวมาลย์
น้อมเกล้าเคารพนบนอบ ชุลีลาพลางปลอบด้วยคำหวาน
อย่าแสนโศกไปเลยนงคราญ ว่าแล้วเหาะทะยานขึ้นเมฆา

ฯ ๔ คำ ฯ เชิดฉิ่ง

๏ เพลาสายัณห์ลงรอนรอน รีบจรมาในเวหา
เร็วเพียงพระพายพัดพา ถึงณรงกาแก้วกรุงไกร
พอเวลาสนธยาย่ำ พลบค่ำพรายแสงแขไข
ค่อยลอยเลื่อนองค์ลงไป ยังบัญชรชัยพระภูธร

ฯ ๔ คำ ฯ รัว

๏ เข้าแฝงใบบานพระแกลมาศ ใกล้แท่นที่ราชบรรจถรณ์
จึ่งเผยผอบแก้วอลงกรณ์ ให้ขจรกลิ่นฟุ้งถึงภูมี

ฯ ๒ คำ ฯ รัว

โอ้ช้า

๏ เมื่อนั้น พระอุณรุททรงสวัสดิ์รัศมี
แสนเทวษโศกศัลย์พันทวี อยู่ในแท่นที่ไสยา
พลิกกลับสับสนทุรนร้อน ไม่วายอาวรณ์ถวิลหา
มิได้สรงเสวยโภชนา โศกาสะอื้นอาลัย
นางสนมมเหสีที่ร่วมรัก จะอยู่ต่อรอพักตร์ก็ไม่ได้
ให้คลั่งคลุ้มกลุ้มทรวงดวงใจ ไม่เป็นอารมณ์สมประดี

ฯ ๖ คำ ฯ

พญาโศก

๏ ครั้นพระพายชายกลิ่นสไบทรง ขององค์วนิดามารศรี
หอมเพียงกลิ่นทิพสุมาลี ตลบทั่วห้องที่พระบรรทม
รวยรื่นชื่นจิตพระจำได้ เหมือนกลิ่นอรไทเมื่อไปสม
ค่อยสว่างสร่างทุกข์เกรียมกรม สำราญรมย์ซาบสิ้นวิญญาณ์
ให้คำนึงตะลึงหลากจิต เพ่งพิศผันแปรแลหา
ผุดลุกดำเนินเดินมา ยังหน้าสิงหาสน์บัญชร

ฯ ๖ คำ ฯ จิ้งจกทอง เพลงฉิ่ง

ร่าย

๏ เมื่อนั้น นวลนางศุภลักษณ์ดวงสมร
เห็นหลานสมเด็จพระสี่กร บังอรลดองค์ลงทันที
นบนิ้วประนมบังคมบาท ถวายผอบนพมาศมณีศรี
แล้วทูลสารอัคเรศเทวี โดยดั่งเสาวนีย์สั่งมา
บัดนี้สมเด็จพระนุชน้อง ขุ่นข้องเศร้าสร้อยละห้อยหา
ให้เคลิ้มคลุ้มรุมร้อนอุรา โศกาถึงองค์พระทรงฤทธิ์
เช้าค่ำพร่ำเสวยชลเนตร แสนเทวษพ่างเพียงจะขาดจิต
แสนทุกข์แทบถึงชีวิต สุดคิดปิ้มสิ้นสมประดี
สุดอายสุดรักนี้หนักหนา จึ่งใช้ข้ามารองบทศรี
มาทูลสารสวัสดิ์เทวี เชิญเสด็จภูมีรีบไป
พระน้องจะครองชีวิต ไว้ท่าทรงฤทธิ์พิสมัย
แม้นช้าก็จะลาบรรลัย ภูวไนยจงทรงพระเมตตา

ฯ ๑๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระอุณรุทสุริย์วงศ์นาถา
ฟังนางกล่าวถ้อยจำนรรจา ดั่งวารีทิพมาโซมกาย
ซึมซาบอาบผิวสารพางค์ ที่โศกศัลย์ค่อยสร่างสว่างหาย
ที่ร้อนรุ่มคลุ้มเคลิ้มก็เคลื่อนคลาย แสนสบายได้สมประฤๅดี
เผยผอบออกเห็นสไบทรง กับพระธำมรงค์มณีศรี
จำได้ว่าของเทวี ยิ่งยินดีชื่นชมภิรมยา
ดั่งได้เห็นองค์วงพักตร์ เยาวลักษณ์ผู้ยอดเสน่หา
จึ่งมีมธุรสวาจา พรรณนาความทุกข์ให้นางฟัง
เมื่อเทวาพาสมวันนั้น แล้วพรากจากกันมิได้สั่ง
แสนทุกข์สุดทุกข์สุดกำลัง ดั่งหนึ่งจะวินาศขาดใจ
รีบร้นด้นหาในป่าชัฏ พงพนัสตรอกเตริ่นเนินไศล
ทั่วทั้งร้อยเอ็ดกรุงไกร ก็ไม่พบแก้วยุพาพาล
ยิ่งจาบัลย์รัญจวนกำสรวลศัลย์ ด้วยวิโยคเยาวยอดสงสาร
จนคลั่งคลุ้มรุมจิตนิจกาล ปิ้มปานจะเสียสมประดี
ตัวเจ้ามาแจ้งสารสวาท จึ่งรู้ข่าววรนาฏโฉมศรี
อันองค์แก้วกัลยาณี เทวีทรงนามกรใด
เชื้อชาติสุริย์วงศ์พงศ์กษัตริย์ ผ่านแสนสมบัติบุรีไหน
ตัวของนางนี้ชื่อไร จึ่งจงใจสามารถอาจมา

ฯ ๑๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นวลนางศุภลักษณ์กรรฐา
นบนิ้วสนองพระบัญชา ทูลว่าอันองค์พระบุตรี
เกิดในเกสรบุษบง ทรงนามอุษามารศรี
กรุงพาณไปขอพระมุนี มาแต่ถิ่นที่หิมพานต์
เลี้ยงเป็นธิดาดวงจิต รักเพียงชีวิตสังขาร
อยู่ยังรัตนาเมืองมาร โอฬารดั่งเทวนคร
ข้าบาทชื่อว่าศุภลักษณ์ พี่เลี้ยงร่วมรักสายสมร
ซึ่งว่าเมตตาอาวรณ์ ดั่งภูธรโปรดมาทั้งนี้
ถ้าจริงเหมือนหนึ่งพระบัญชา พระคุณล้นฟ้าในราศี
เกลือกแกล้งแสร้งกล่าวเอาแต่ดี มิรู้ที่จะหยั่งพระอารมณ์
อันซึ่งว่าแสนพิศวาส กับบำราศร้างใจไม่เห็นสม
แม้นเมตตาน่าที่จะอยู่ชม จะละให้เกรียมกรมก็ผิดไป
แต่องค์สมเด็จพระวรนุช แสนสุดทุกข์ทนหม่นไหม้
ตั้งแต่โศกาอาลัย จึ่งใช้ข้ารองบทมาลย์
มาทูลเชิญองค์พระทรงเดช ไปปกเกศเยาวยอดสงสาร
ให้หายวายร้อนรำคาญ ขอประทานได้โปรดปรานี

ฯ ๑๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระอุณรุทสุริย์วงศ์เรืองศรี
ฟังนางร่ำว่าพาที ยิ้มแล้วจึ่งมีวาจา
เออไฉนฉะนี้นะพี่เจ้า ควรฤๅช่างเอาอะไรว่า
น้องทุกข์สุดที่อัปมา ยิ่งแดนแผ่นฟ้าภพไตร
ดั่งชีวิตจะปลิดจากร่าง จะเห็นในอกบ้างก็หาไม่
จะพร่ำพรรณนาก็ช้าไป เมื่อใดได้พบเทวี
ที่ความวิโยคโศกศัลย์ หากรู้ใจกันทั้งสองศรี
ว่าแล้วเสด็จจรลี เข้าที่โสรจสรงชลธาร

ฯ ๘ คำ ฯ เสมอ

โทน

๏ ชำระสระสนานสำราญองค์ วารินกลิ่นส่งหอมหวาน
ทรงสุคนธ์ปนปรุงสุมามาลย์ สนับเพลาดวงประพาฬเชิงงอน
ภูษาเครือกระหนกนกกลาย ช่อชายรูปราชไกรสร
ชายไหวชายแครงอลงกรณ์ ทับทรวงดวงซ้อนสลับพลอย
สอดทรงมหาสังวาลแก้ว ตาบทิศพรายแพร้วเฟื่องห้อย
ทองกรกุดั่นดวงลอย พาหุรัดรักร้อยทับทิมพราย
ธำมรงค์เรือนเก็จเพชรแดง[๑] มงกุฎแก้วแววแสงวิเชียรฉาย
ทัดสุวรรณกรรเจียกโมราราย กุณฑลพรายนพรัตน์อร่ามเรือง
งามทรงเพียงองค์อมเรศ ประไพเพศรัศมีฉวีเหลือง
พระกรกุมพระขรรค์ค่าเมือง แล้วกรายหัตถ์ย่างเยื้องลีลาศมา

ฯ ๑๐ คำ ฯ แมงภู่ทอง เสมอ

๏ ครั้นถึงจึ่งกล่าววาที แก่ศรีศุภลักษณ์กรรฐา
บัดนี้ก็จวนเวลา พี่นางจงพาน้องไป[๒]

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นางศุภลักษณ์ผู้มีอัชฌาสัย
ได้ฟังบรรหารพระภูวไนย อรไทแสนโสมนัสนัก
นบนิ้วประณตบทบงสุ์ พระผู้เผ่าหริวงศ์ทรงจักร
ชื่นแช่มแย้มยิ้มพริ้มพักตร์ นงลักษณ์รับสั่งทันที
จึ่งโอบอุ้มองค์พระเยาวเรศ ประไพเพศเพียงท่อนมณีศรี
ออกโดยบัญชรรูจี เทวีก็พาเหาะไป

ฯ ๖ คำ ฯ เชิดฉิ่ง

กลม

๏ เลื่อนลอยมากลางอากาศ โอภาสงามแข่งแขไข
แสงจันทร์จับองค์ภูวไนย วิไลล้ำกว่านวลจันทรา
ศรีดาวจับเครื่องพระโฉมฉาย อร่ามพรายกว่าดาวในเวหา
นวลพระองค์จับทรงกัลยา รจนางามเนื้อนวลผจง
งามนางเป็นพาหนะรอง ทำนองดั่งนางราชหงส์
งามภูวนาถนั่งดำรงทรง ดั่งองค์พรหเมศวร์ฤทธี
ดั้นหมอกออกเมฆมาไวไว เทเวศอวยชัยอึงมี่
รีบเร่งเร็วมาในราตรี หมายมุ่งบุรีรัตนา

ฯ ๘ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงจึ่งค่อยเลื่อนลง ที่ตรงปราสาทนางอุษา
เงียบสงัดกำนัลกัลยา ก็พาเข้าโดยช่องบัญชร
วางลงเหนือพื้นสุวรรณลาด แสงประทีปโอภาสประภัสสร
แล้วนบนิ้วทูลหลานพระสี่กร ให้เสด็จบทจรเข้าไป

ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ

ช้า

๏ เมื่อนั้น นางอุษาเยาวยอดพิสมัย
เสด็จเหนือแท่นทิพอำไพ อรไทคอยนางศุภลักษณ์
ซึ่งไปเชิญเสด็จบาทบงสุ์ พระอุณรุทสุริย์วงศ์ทรงจักร
สร้อยเศร้าเร่าร้อนอาวรณ์นัก ความรักด่าวดิ้นในวิญญาณ์
นั่งนับฆ้องยามย่ำทุ่ม อุระรุมรัญจวนหวนหา
พอเหลือบแลแปรนัยน์เนตรมา ยังหน้าสิงหาสน์บัญชรชัย
เห็นองค์สมเด็จพระเยาวราช โอภาสพักตร์เพียงแขไข
ดั่งตายแล้วคืนชีวาลัย อิ่มไปด้วยความโสมนัส

ฯ ๘ คำ ฯ

ร่าย

๏ เสด็จจากแท่นทิพอลงกรณ์ บังอรนาดชายกรายหัตถ์
รีบไปด้วยใจประดิพัทธ์ รับพระทรงสวัสดิ์ทันที

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ ครั้นถึงจึ่งกราบบาทบงสุ์ รับพระแสงขรรค์ทรงเรืองศรี
แล้วทูลเชิญเสด็จภูมี จรลีเข้าห้องอลงการ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระทรงโฉมประโลมสงสาร
เห็นวนิดายุพาพาล มาเชิญบทมาลย์เสด็จจร
มีความชื่นชมโสมนัส พูนเพิ่มประดิพัทธ์สโมสร
ดั่งได้สมบัติสถาวร ในเทวัญนครอันโอฬาร์
รับขวัญพลางเสด็จยุรยาตร นวยนาดวาดกรซ้ายขวา
งามเพียงโกสีย์สุชาดา ลีลาเข้าห้องรูจี

ฯ ๖ คำ ฯ เพลงฝรั่ง[๓]

๏ ลดองค์ลงเหนือบัลลังก์แก้ว อันพรายแพร้วด้วยดวงมณีศรี
ร่วมอาสน์อัครราชเทวี แล้วมีบัญชาอันสุนทร

ฯ ๒ คำ ฯ ชาตรี

ชาตรี

๏ สุดเอยสุดสวาท นุชนาฏนิ่มเนื้อดวงสมร
บุญพี่กับองค์บังอร ปางก่อนเคยสร้างมาด้วยกัน
จึงดลให้เทวาพาสม ร่วมรักเชยชมภิรมย์ขวัญ
แนบสนิทวนิดาวิลาวัณย์ แล้วบันดาลด้วยฤทธิ์เกรียงไกร
มิให้ตัวเราทั้งสองรา ออกโอษฐ์เจรจาด้วยกันได้
ไม่รู้ที่สำคัญประการใด จำพรากจากไปในราตรี
ตื่นขึ้นคว้าหาไม่เห็นเจ้า โฉมเฉลาเสาวภาคย์จำเริญศรี
ตั้งแต่แสนโศกโศกี แสนทวีเทวษเวทนา
แสนรักสุดร้อนอาวรณ์จิต สุดคิดที่จะติดตามหา
ทนทุกข์เหลือทุกข์ทรมา ชลนานองเนตรเป็นนิตย์ไป
ทั้งบิตุเรศมารดร ก็อาวรณ์ร้อนรนหม่นไหม้
บรรดาร้อยเอ็ดเวียงชัย พระให้สารไปทุกธานี
กรุงกษัตริย์ส่งพระธิดา มาสิ้นยังเบื้องบทศรี
พิศไปใช่โฉมนางเทวี ยิ่งเคลิ้มคลุ้มสมประดีแดยัน
เร่าร้อนดั่งศรมาเสียบอก มุ่นหมกโรยแรงกันแสงศัลย์
แม้นมิพบแก้วตาวิลาวัณย์ จะบรรลัยลาญชีพชีวา

ฯ ๑๖ คำ ฯ

ร่าย

๏ เมื่อนั้น นงลักษณ์อัคเรศเสน่หา
ได้ฟังมธุรสบัญชา กัลยานบนิ้วสนองไป
ซึ่งตรัสรำพันมาทั้งนี้ ไพเราะไม่มีที่เปรียบได้
จะรับใส่เหนือเศียรเกล้าไว้ แต่ข้อว่าอาลัยน้องนัก
จะจริงมิจริงยังไม่เห็น เป็นความในใจไม่ประจักษ์
ด้วยมีที่ชมภิรมย์รัก อำไพพักตร์บำเรออเนกนันต์
เห็นพระจะเพลินจำเริญจิต แสนสนิทในความเกษมสันต์
ซึ่งว่าโศกาถึงข้านั้น หากแกล้งรำพันให้เห็นดี
ที่ไหนจะวิตกเหมือนอกน้อง ชอกชํ้าขุ่นข้องหมองศรี
กินแต่น้ำตาทุกนาที ไม่มีจิตคิดกลัวแก่นินทา
ด้วยรักนั้นสุดแสนรัก ให้พี่ศุภลักษณ์กรรฐา
ไปวาดรูปทั้งไตรโลกา จึ่งได้ทราบบาทาภูวไนย

ฯ ๑๒ คำ ฯ

โลม

๏ ดวงเอยดวงสมร เจ้างามงอนจำเริญพิสมัย
อนิจจาควรฤๅไม่เชื่อใจ ว่าไยฉะนี้วนิดา
อันอนงค์องค์อัครเทวี ก็เป็นที่สนิทเสน่หา
แต่ใช่คู่สู่สมภิรมยา เทวาจึ่งพามาสมน้อง
แล้วกลับทารกรรมนำพราก ให้เราจำใจจากกันทั้งสอง
ใช่จะแกล้งหน่ายเนื้อนวลละออง ให้ชอกช้ำขุ่นหมองเมื่อไรมี
ก็ย่อมแจ้งประจักษ์อยู่ด้วยกัน อย่ารำพันนักเลยนะโฉมศรี
เจ้าผู้ดวงชีพชีวี ขวัญเนตรของพี่จงเมตตา
ว่าพลางตระกองประคองหัตถ์ สัมผัสลูบหลังด้วยหรรษา
โอบอุ้มจุมพิตวนิดา เลียมลอดสอดคว้าวุ่นไป

ฯ ๑๐ คำ ฯ โลม

๏ ทรงเอยทรงเดช พระจะโปรดเกศก็หาไม่
เป็นน่าบัดสีแก่น้ำใจ อะไรมาทำดั่งนี้
น้องรักน้องให้ไปติดตาม จะแจ้งความให้ทราบบทศรี
พระทิ้งเสียได้ไม่ปรานี ให้โศกีแทบถึงชีวา
แต่เพียงนั้นแล้วยังมิหนำ จะซ้ำให้ได้อายไปภายหน้า
ว่าพลางค้อนคมนัยนา กัลยาสลัดปัดกร

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ โฉมเอยโฉมเฉลา ยุพเยาว์เช่นเชื้ออัปสร
เจ้าดวงดอกฟ้าสถาวร ขวัญอ่อนผู้ร่วมฤทัย
อย่าเคียดแค้นผินพักตร์ผลักพี่ แต่นี้หาให้ขุ่นเคืองไม่
รักเจ้าเท่าเทียมดวงใจ จะฝากชีวิตไว้ให้นงคราญ
ตรัสพลางสอดเคล้าเย้าหยอก สัพยอกปลื้มเปรมเกษมศานต์
ค่อยประคองต้องเต้าสุคนธ์ธาร บรรสานสมน้องตระกองกาย
เชยปรางเปรมปรางปราโมทย์ เชยโอษฐ์แนบโอษฐ์โฉมฉาย
จุมพิตพิศวาสไม่คลาดคลาย เกี่ยวก่ายกรกระหวัดรัดองค์
สองพานมาพานพบกัน เกษมสันต์แสนสนิทพิศวง
เชยชื่นรื่นรสบุษบง สององค์สองสมภิรมยา

ฯ ๑๐ คำ ฯ

โลมปี่พาทย์

๏ เมื่อนั้น พระยอดอนงค์องค์นางอุษา
ได้ร่วมรสฤๅดีกรีฑา ด้วยพระยอดฟ้ายุพาพาล
นวลสนิทพิสมัยใหลหลง ประดิพัทธ์พิศวงด้วยสงสาร
รสรักเฟื่องฟุ้งระลุงลาน อิ่มอาบซาบซ่านสำราญรมย์
ซึ่งเร่าร้อนผ่อนวายฤทัยทุกข์ ทวีสุขแสนสุขเกษมสม
ทรงเสงี่ยมเฟี้ยมเฝ้าเคล้าชม อิงแอบบรรทมบรรทับกาย
ลืมกลัวลืมรักพระบิตุราช ลืมชนนีนาฏโฉมฉาย
ลืมทั้งทศมุขน้องชาย อันร่วมรักสุดสายสวาทนาง
ลืมเคยขึ้นเฝ้าเช้าเย็น ลืมละการเล่นต่างต่าง
ลืมสดับศัพท์เสียงดุริยางค์ ลืมนางอนงค์กำนัลใน
แต่บันเทิงเริงรื่นด้วยความรัก ฉะอ้อนแอบแนบพักตร์พิสมัย
ยั่วยวนสรวลสันต์สำราญใจ ในแท่นที่สิริไสยา

ฯ ๑๒ คำ ฯ

ร่าย

๏ จนเวลาล่วงอรุณรุ่ง แสงทองพรายพุ่งเวหา
กราบกับบทมาลย์พระผ่านฟ้า ออกมาจากห้องรูจี

ฯ ๒ คำ ฯ เพลง

๏ จึ่งกระซิบสั่งห้าพระพี่เลี้ยง ผู้คู่เคียงร่วมใจมารศรี
พี่ช่วยคิดปิดความจงดี สุดแต่อย่าให้มีโพยภัย

ฯ ๒ คำ ฯ เพลง

๏ บัดนั้น ห้านางผู้มีอัชฌาสัย
รับรสพจนารถอรไท บังคมไหว้ชำเลืองนัยนา
ให้สบสองคลองเนตรโฉมฉาย แย้มยิ้มพริ้มพรายในหน้า
แล้วพากันรีบออกมา จากห้องไสยาทันที

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บ้างยกฉากพับมากางกั้น ผูกม่านสุวรรณสลับสี
ห้าองค์จงรักภักดี ช่วยกันแต่งที่วุ่นไป
กั้นทั้งที่สรงที่เสวย ปิดเผยมิให้สงสัย
จัดแจงแต่งเสร็จทั้งนอกใน ห้านางอรไทก็ออกมา

ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ

๏ จึ่งกล่าวมธุรสพจมาน สั่งนางพนักงานซ้ายขวา
ว่าองค์สมเด็จพระธิดา กัลยาประชวรรัญจวนกาย
พระเสาวนีย์ให้ข้าออกมาห้าม ปรามเจ้าเหล่านางทั้งหลาย
เถ้าแก่เตี้ยค่อมหม่อมยาย มิให้มาวุ่นวายที่บนนี้
คอยระวังฟังดูอยู่ข้างนอก บอกกันอย่าให้อึงมี่
กว่าองค์สมเด็จพระบุตรี จะพ้นที่ทุกขโศกโรคภัย

ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา

๏ บัดนั้น ฝูงนางกำนัลน้อยใหญ่
ฟังพระพี่เลี้ยงก็หลากใจ พากันออกไปดั่งบัญชา

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

๏ ต่างคนต่างคิดผิดประหลาด มิอาจจะออกปากว่า
แต่สะกิดเพื่อนกันจำนรรจา บ้างนั่งปรึกษาเป็นเหล่าไป
อันองค์สมเด็จพระเยาวมาลย์ เห็นการมิใช่ป่วยไข้
แม้นประชวรจริงสิ่งใด จะขับเราเสียไยดั่งนี้
ที่รู้กระแสแง่เงื่อน ก็กระซิบบอกเพื่อนมิให้มี่
บ้างชม้ายชายตาเป็นที บุ้ยเบี้ยวปากชี้ให้กันดู
โรคนี้หากที่จะรักษา ถึงจะหาหมอมาก็จนอยู่
เว้นเเต่คนที่ร่วมรู้ จะเป็นผู้พยาบาลให้ต้องใจ
นางศุภลักษณ์นั้นเป็นต้น ทั้งห้าคนเห็นพอรักษาได้
อันนอกกว่านี้ไม่มีใคร ที่จะชอบพระทัยกัลยา
เนื้อความทั้งนี้เห็นไม่มิด จะพาเราได้ผิดไปภายหน้า
แต่ปรับทุกข์กันทุกเวลา ซุบซิบเจรจาทั้งเรือนจันทน์

ฯ ๑๒ คำ ฯ เจรจา



[๑] ใช้ตามต้นฉบับหนังสือสมุดไทยเลขที่ ๕๕๕, ๕๕๖, และ ๖๓๒ ส่วนต้นฉบับหนังสือสมุดไทยเลขที่ ๕๕๗ เป็นเพชรแวว

[๒] จบต้นฉบับหนังสือสมุดไทยเลขที่ ๕๕๖, ๕๕๗, ๖๓๒ ขึ้นต้นฉบับหนังสือสมุดไทยเลขที่ ๕๕๘

[๓] (๑) ใช้ตามฉบับพิมพ์เดิม ต้นฉบับหนังสือสมุดไทยเลขที่ ๕๕๘ เป็นเพลงฉุยฉาย และในต้นฉบับหนังสือสมุดไทยเลขที่ ๕๖๐ เป็นเพลงฉุยฉาย แต่มีการแก้ด้วยดินสอขาวเป็น เพลงฝรั่ง

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ