- คำนำ
- บทนำเรื่อง
- ที่มาของอนิรุทธคำฉันท์และบทละคอนเรื่องอุณรุท ของ ธนิต อยู่โพธิ์
- ตอนที่ ๑
- ตอนที่ ๒
- ตอนที่ ๓
- ตอนที่ ๔
- ตอนที่ ๕
- ตอนที่ ๖
- ตอนที่ ๗
- ตอนที่ ๘
- ตอนที่ ๙
- ตอนที่ ๑๐
- ตอนที่ ๑๑
- ตอนที่ ๑๒
- ตอนที่ ๑๓
- ตอนที่ ๑๔
- ตอนที่ ๑๕
- ตอนที่ ๑๖
- ตอนที่ ๑๗
- ตอนที่ ๑๘
- ตอนที่ ๑๙
- ตอนที่ ๒๐
- ตอนที่ ๒๑
- ตอนที่ ๒๒
- ตอนที่ ๒๓ ทศมุขพบพระอุณรุท
- ตอนที่ ๒๔
- ตอนที่ ๒๕
- ตอนที่ ๒๖
- ตอนที่ ๒๗
- ตอนที่ ๒๘
- ตอนที่ ๒๙
- ตอนที่ ๓๐
- ตอนที่ ๓๑
- ตอนที่ ๓๒
- ตอนที่ ๓๓
- ตอนที่ ๓๔
- ตอนที่ ๓๕
- ตอนที่ ๓๖
- ตอนที่ ๓๗
- ตอนที่ ๓๘
- ตอนที่ ๓๙
- ตอนที่ ๔๐
- ตอนที่ ๔๑
- ตอนที่ ๔๒
ตอนที่ ๒๐ ศุภลักษณ์อุ้มสม
ช้า
๏ เมื่อนั้น | นวลนางอุษามารศรี |
รับกระดาษวาดโฉมพระภูมี | เทวีคลี่ออกทัศนา |
เห็นรูปพระศรีสุริย์วงศ์ | ทรวดทรงลายลักษณ์อันเลขา |
ดั่งแว่นแก้วแพรวพรรณอลงการ์ | ส่องจับนัยนานงคราญ |
ฯ ๔ คำ ฯ
ชมโฉม
๏ เหมือนสิ้นสรรพสารพางค์กาย | โฉมฉายปลื้มเปรมเกษมศานต์ |
พิศพักตร์เหมือนพักตร์เมื่อปางกาล | แนบพักตร์ชวนสมานสมรชม |
พิศโอษฐ์เหมือนโอษฐ์อันพรายพริ้ม | ยิ้มรับป้อนสลาเมื่อมาสม |
พิศเนตรแหลมล้ำขำคม | เหมือนพระชายเนตรชมเมื่อราตรี |
พิศขนงวงงอนดั่งศรก่ง | ไม่เพี้ยนผิดขนงพระโฉมศรี |
พิศกรรณงามทัดสุมาลี | กรรเจียกจอนมณีพรายพรรณ |
พิศนาสาพลางนางอายจิต | เหมือนพระจงจุมพิตภิรมย์ขวัญ |
พิศกรเหมือนกรพระทรงธรรม์ | เมื่อวันเกี้ยวกระหวัดรัดองค์ |
พิศพิศแล้วพิศวาสวาบ | เสียวซาบซ่านจิตพิศวง |
ฤทัยไหวหวาดงวยงง | ตะลึงหลงแลรูปไม่วางตา |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
ร่าย
๏ แล้วมีมธุรสเสาวนีย์ | แก่พี่เลี้ยงศุภลักษณ์กรรฐา |
ที่มาแนบน้องภิรมยา | พระผ่านฟ้าองค์นี้แลพี่นาง |
ช่างฉลาดวาดเขียนไม่เพี้ยนพิศ | ประจักษ์จิตจำได้ทุกอย่าง |
ว่าแล้วเอารูปนั้นค่อยวาง | ไว้ข้างแท่นทิพรูจี |
จึ่งเปลื้องมหาสังวาลแก้ว | อันพราวแพรวด้วยดวงมณีศรี |
ออกให้พี่เลี้ยงผู้ภักดี | ของรักนี้น้องถึงใจ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ศุภลักษณ์ผู้มีอัชฌาสัย |
รับสังวาลแก้วแววไว | แล้วผินไปพาทีด้วยสี่นาง |
ทีนี้ตัวเราทั้งห้า | เห็นจะวายโศกาออกบ้าง |
พูดพลางยิ้มแย้มกันพลาง | ยั่วเย้าหยอกนางด้วยยินดี |
แม่ผู้ยอดฟ้ายาใจ | แต่นี้อย่าได้กวนพี่ |
เสร็จสมปรารถนาของเทวี | จะมีแต่แสนสุขสำราญไป |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นางอุษานงเยาว์ยอดสงสาร |
ฟังพี่เลี้ยงกล่าวพจมาน | นงคราญจึ่งตอบคำไป |
นี่ไฉนฉะนี้นะพี่นาง | ควรฤๅช่างเอามาว่าได้ |
เดิมน้องบอกเล่าสักเท่าไร | ก็สงสัยไม่เชื่อวาจา |
ยั่งยืนขืนว่าความฝัน | จนโศกศัลย์เพียงสิ้นสังขาร์ |
เป็นกุศลได้สร้างแต่ปางมา | จึ่งพบพระยอดฟ้าวิไลวรรณ |
ช่างไม่เวทนาบ้างเลย | มาชวนกันแย้มเย้ยเยาะหยัน |
ถึงอกพี่เช่นนี้ก็เหมือนกัน | ข้อนั้นขอเถิดอย่าพาที |
ทำคุณน้องแล้วให้เป็นผล | ไม่วายชนม์ก็จะแทนคุณพี่ |
จงได้กรุณาปรานี | ไปเชิญภูมีเสด็จมา |
ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้น | นวลนางศุภลักษณ์กรรฐา |
สรวลพลางสนองพระวาจา | แก้วตาของพี่อย่าถือใจ |
จงอดโทษโปรดเถิดนะทูนเกล้า | ขวัญข้าวผู้ยอดพิสมัย |
ซึ่งจะตรัสใช้ให้กลับไป | เชิญเสด็จภูวไนยมาบัดนี้ |
พี่เห็นขัดสนเป็นพ้นนัก | ด้วยพระทรงลักษณ์เฉลิมศรี |
เอองค์แสนโศกโศกี | อยู่ถึงแท่นที่บรรทมใน |
พระกรกุมพระขรรค์ฤทธิรงค์ | ฝูงกำนัลอนงค์ไม่รอได้ |
ซึ่งจะไปเฝ้าองค์พระทรงชัย | ไม่มีสิ่งใดเป็นสำคัญ |
ที่ไหนพระจะเชื่อวาจา | จะโกรธาว้าวุ่นหุนหัน |
ฆ่าพี่ก็จะม้วยชีวัน | ไหนจะทันมาทูลนางเทวี |
แม้นตายไม่เสียดายชีวิต | แต่ให้สมคิดของโฉมศรี |
สิ่งไรที่จะไม่เสียที | เจ้าพี่จงดำริตริการ |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นวลนางอุษายอดสงสาร |
ฟังพี่เลี้ยงกล่าวพจมาน | นงคราญเห็นจริงทุกสิ่งไป |
จึ่งตรัสว่าซึ่งพี่จะไปเฝ้า | พระโฉมเฉลาผู้ยอดพิสมัย |
จะให้แหวนแก้วกับสไบ | ของน้องไปเป็นที่สำคัญ |
อันธำมรงค์กับทรงสะพักนี้ | ภูมีจำได้แม่นมั่น |
จงทูลพระสุริย์วงศ์ทรงธรรม์ | ว่าน้องโศกศัลย์โศกา |
คลอคลองนองชลนัยน์เนตร | พูนเทวษเศร้าสร้อยละห้อยหา |
ให้พระรีบเร่งเสด็จมา | แม้นช้าจะม้วยชีวี |
ว่าพลางนางเปลื้องสไบทรง | ถอดพระธำมรงค์เรืองศรี |
ใส่ในผอบแก้วรูจี | ส่งให้พี่เลี้ยงทันใด |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ศุภลักษณ์ผู้มีอัชฌาสัย |
จึ่งรับผอบแก้วแววไว | ด้วยใจจงรักเยาวมาลย์ |
น้อมเกล้าเคารพนบนอบ | ชุลีลาพลางปลอบด้วยคำหวาน |
อย่าแสนโศกไปเลยนงคราญ | ว่าแล้วเหาะทะยานขึ้นเมฆา |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิดฉิ่ง
๏ เพลาสายัณห์ลงรอนรอน | รีบจรมาในเวหา |
เร็วเพียงพระพายพัดพา | ถึงณรงกาแก้วกรุงไกร |
พอเวลาสนธยาย่ำ | พลบค่ำพรายแสงแขไข |
ค่อยลอยเลื่อนองค์ลงไป | ยังบัญชรชัยพระภูธร |
ฯ ๔ คำ ฯ รัว
๏ เข้าแฝงใบบานพระแกลมาศ | ใกล้แท่นที่ราชบรรจถรณ์ |
จึ่งเผยผอบแก้วอลงกรณ์ | ให้ขจรกลิ่นฟุ้งถึงภูมี |
ฯ ๒ คำ ฯ รัว
โอ้ช้า
๏ เมื่อนั้น | พระอุณรุททรงสวัสดิ์รัศมี |
แสนเทวษโศกศัลย์พันทวี | อยู่ในแท่นที่ไสยา |
พลิกกลับสับสนทุรนร้อน | ไม่วายอาวรณ์ถวิลหา |
มิได้สรงเสวยโภชนา | โศกาสะอื้นอาลัย |
นางสนมมเหสีที่ร่วมรัก | จะอยู่ต่อรอพักตร์ก็ไม่ได้ |
ให้คลั่งคลุ้มกลุ้มทรวงดวงใจ | ไม่เป็นอารมณ์สมประดี |
ฯ ๖ คำ ฯ
พญาโศก
๏ ครั้นพระพายชายกลิ่นสไบทรง | ขององค์วนิดามารศรี |
หอมเพียงกลิ่นทิพสุมาลี | ตลบทั่วห้องที่พระบรรทม |
รวยรื่นชื่นจิตพระจำได้ | เหมือนกลิ่นอรไทเมื่อไปสม |
ค่อยสว่างสร่างทุกข์เกรียมกรม | สำราญรมย์ซาบสิ้นวิญญาณ์ |
ให้คำนึงตะลึงหลากจิต | เพ่งพิศผันแปรแลหา |
ผุดลุกดำเนินเดินมา | ยังหน้าสิงหาสน์บัญชร |
ฯ ๖ คำ ฯ จิ้งจกทอง เพลงฉิ่ง
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | นวลนางศุภลักษณ์ดวงสมร |
เห็นหลานสมเด็จพระสี่กร | บังอรลดองค์ลงทันที |
นบนิ้วประนมบังคมบาท | ถวายผอบนพมาศมณีศรี |
แล้วทูลสารอัคเรศเทวี | โดยดั่งเสาวนีย์สั่งมา |
บัดนี้สมเด็จพระนุชน้อง | ขุ่นข้องเศร้าสร้อยละห้อยหา |
ให้เคลิ้มคลุ้มรุมร้อนอุรา | โศกาถึงองค์พระทรงฤทธิ์ |
เช้าค่ำพร่ำเสวยชลเนตร | แสนเทวษพ่างเพียงจะขาดจิต |
แสนทุกข์แทบถึงชีวิต | สุดคิดปิ้มสิ้นสมประดี |
สุดอายสุดรักนี้หนักหนา | จึ่งใช้ข้ามารองบทศรี |
มาทูลสารสวัสดิ์เทวี | เชิญเสด็จภูมีรีบไป |
พระน้องจะครองชีวิต | ไว้ท่าทรงฤทธิ์พิสมัย |
แม้นช้าก็จะลาบรรลัย | ภูวไนยจงทรงพระเมตตา |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระอุณรุทสุริย์วงศ์นาถา |
ฟังนางกล่าวถ้อยจำนรรจา | ดั่งวารีทิพมาโซมกาย |
ซึมซาบอาบผิวสารพางค์ | ที่โศกศัลย์ค่อยสร่างสว่างหาย |
ที่ร้อนรุ่มคลุ้มเคลิ้มก็เคลื่อนคลาย | แสนสบายได้สมประฤๅดี |
เผยผอบออกเห็นสไบทรง | กับพระธำมรงค์มณีศรี |
จำได้ว่าของเทวี | ยิ่งยินดีชื่นชมภิรมยา |
ดั่งได้เห็นองค์วงพักตร์ | เยาวลักษณ์ผู้ยอดเสน่หา |
จึ่งมีมธุรสวาจา | พรรณนาความทุกข์ให้นางฟัง |
เมื่อเทวาพาสมวันนั้น | แล้วพรากจากกันมิได้สั่ง |
แสนทุกข์สุดทุกข์สุดกำลัง | ดั่งหนึ่งจะวินาศขาดใจ |
รีบร้นด้นหาในป่าชัฏ | พงพนัสตรอกเตริ่นเนินไศล |
ทั่วทั้งร้อยเอ็ดกรุงไกร | ก็ไม่พบแก้วยุพาพาล |
ยิ่งจาบัลย์รัญจวนกำสรวลศัลย์ | ด้วยวิโยคเยาวยอดสงสาร |
จนคลั่งคลุ้มรุมจิตนิจกาล | ปิ้มปานจะเสียสมประดี |
ตัวเจ้ามาแจ้งสารสวาท | จึ่งรู้ข่าววรนาฏโฉมศรี |
อันองค์แก้วกัลยาณี | เทวีทรงนามกรใด |
เชื้อชาติสุริย์วงศ์พงศ์กษัตริย์ | ผ่านแสนสมบัติบุรีไหน |
ตัวของนางนี้ชื่อไร | จึ่งจงใจสามารถอาจมา |
ฯ ๑๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นวลนางศุภลักษณ์กรรฐา |
นบนิ้วสนองพระบัญชา | ทูลว่าอันองค์พระบุตรี |
เกิดในเกสรบุษบง | ทรงนามอุษามารศรี |
กรุงพาณไปขอพระมุนี | มาแต่ถิ่นที่หิมพานต์ |
เลี้ยงเป็นธิดาดวงจิต | รักเพียงชีวิตสังขาร |
อยู่ยังรัตนาเมืองมาร | โอฬารดั่งเทวนคร |
ข้าบาทชื่อว่าศุภลักษณ์ | พี่เลี้ยงร่วมรักสายสมร |
ซึ่งว่าเมตตาอาวรณ์ | ดั่งภูธรโปรดมาทั้งนี้ |
ถ้าจริงเหมือนหนึ่งพระบัญชา | พระคุณล้นฟ้าในราศี |
เกลือกแกล้งแสร้งกล่าวเอาแต่ดี | มิรู้ที่จะหยั่งพระอารมณ์ |
อันซึ่งว่าแสนพิศวาส | กับบำราศร้างใจไม่เห็นสม |
แม้นเมตตาน่าที่จะอยู่ชม | จะละให้เกรียมกรมก็ผิดไป |
แต่องค์สมเด็จพระวรนุช | แสนสุดทุกข์ทนหม่นไหม้ |
ตั้งแต่โศกาอาลัย | จึ่งใช้ข้ารองบทมาลย์ |
มาทูลเชิญองค์พระทรงเดช | ไปปกเกศเยาวยอดสงสาร |
ให้หายวายร้อนรำคาญ | ขอประทานได้โปรดปรานี |
ฯ ๑๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระอุณรุทสุริย์วงศ์เรืองศรี |
ฟังนางร่ำว่าพาที | ยิ้มแล้วจึ่งมีวาจา |
เออไฉนฉะนี้นะพี่เจ้า | ควรฤๅช่างเอาอะไรว่า |
น้องทุกข์สุดที่อัปมา | ยิ่งแดนแผ่นฟ้าภพไตร |
ดั่งชีวิตจะปลิดจากร่าง | จะเห็นในอกบ้างก็หาไม่ |
จะพร่ำพรรณนาก็ช้าไป | เมื่อใดได้พบเทวี |
ที่ความวิโยคโศกศัลย์ | หากรู้ใจกันทั้งสองศรี |
ว่าแล้วเสด็จจรลี | เข้าที่โสรจสรงชลธาร |
ฯ ๘ คำ ฯ เสมอ
โทน
๏ ชำระสระสนานสำราญองค์ | วารินกลิ่นส่งหอมหวาน |
ทรงสุคนธ์ปนปรุงสุมามาลย์ | สนับเพลาดวงประพาฬเชิงงอน |
ภูษาเครือกระหนกนกกลาย | ช่อชายรูปราชไกรสร |
ชายไหวชายแครงอลงกรณ์ | ทับทรวงดวงซ้อนสลับพลอย |
สอดทรงมหาสังวาลแก้ว | ตาบทิศพรายแพร้วเฟื่องห้อย |
ทองกรกุดั่นดวงลอย | พาหุรัดรักร้อยทับทิมพราย |
ธำมรงค์เรือนเก็จเพชรแดง[๑] | มงกุฎแก้วแววแสงวิเชียรฉาย |
ทัดสุวรรณกรรเจียกโมราราย | กุณฑลพรายนพรัตน์อร่ามเรือง |
งามทรงเพียงองค์อมเรศ | ประไพเพศรัศมีฉวีเหลือง |
พระกรกุมพระขรรค์ค่าเมือง | แล้วกรายหัตถ์ย่างเยื้องลีลาศมา |
ฯ ๑๐ คำ ฯ แมงภู่ทอง เสมอ
๏ ครั้นถึงจึ่งกล่าววาที | แก่ศรีศุภลักษณ์กรรฐา |
บัดนี้ก็จวนเวลา | พี่นางจงพาน้องไป[๒] |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นางศุภลักษณ์ผู้มีอัชฌาสัย |
ได้ฟังบรรหารพระภูวไนย | อรไทแสนโสมนัสนัก |
นบนิ้วประณตบทบงสุ์ | พระผู้เผ่าหริวงศ์ทรงจักร |
ชื่นแช่มแย้มยิ้มพริ้มพักตร์ | นงลักษณ์รับสั่งทันที |
จึ่งโอบอุ้มองค์พระเยาวเรศ | ประไพเพศเพียงท่อนมณีศรี |
ออกโดยบัญชรรูจี | เทวีก็พาเหาะไป |
ฯ ๖ คำ ฯ เชิดฉิ่ง
กลม
๏ เลื่อนลอยมากลางอากาศ | โอภาสงามแข่งแขไข |
แสงจันทร์จับองค์ภูวไนย | วิไลล้ำกว่านวลจันทรา |
ศรีดาวจับเครื่องพระโฉมฉาย | อร่ามพรายกว่าดาวในเวหา |
นวลพระองค์จับทรงกัลยา | รจนางามเนื้อนวลผจง |
งามนางเป็นพาหนะรอง | ทำนองดั่งนางราชหงส์ |
งามภูวนาถนั่งดำรงทรง | ดั่งองค์พรหเมศวร์ฤทธี |
ดั้นหมอกออกเมฆมาไวไว | เทเวศอวยชัยอึงมี่ |
รีบเร่งเร็วมาในราตรี | หมายมุ่งบุรีรัตนา |
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึ่งค่อยเลื่อนลง | ที่ตรงปราสาทนางอุษา |
เงียบสงัดกำนัลกัลยา | ก็พาเข้าโดยช่องบัญชร |
วางลงเหนือพื้นสุวรรณลาด | แสงประทีปโอภาสประภัสสร |
แล้วนบนิ้วทูลหลานพระสี่กร | ให้เสด็จบทจรเข้าไป |
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
ช้า
๏ เมื่อนั้น | นางอุษาเยาวยอดพิสมัย |
เสด็จเหนือแท่นทิพอำไพ | อรไทคอยนางศุภลักษณ์ |
ซึ่งไปเชิญเสด็จบาทบงสุ์ | พระอุณรุทสุริย์วงศ์ทรงจักร |
สร้อยเศร้าเร่าร้อนอาวรณ์นัก | ความรักด่าวดิ้นในวิญญาณ์ |
นั่งนับฆ้องยามย่ำทุ่ม | อุระรุมรัญจวนหวนหา |
พอเหลือบแลแปรนัยน์เนตรมา | ยังหน้าสิงหาสน์บัญชรชัย |
เห็นองค์สมเด็จพระเยาวราช | โอภาสพักตร์เพียงแขไข |
ดั่งตายแล้วคืนชีวาลัย | อิ่มไปด้วยความโสมนัส |
ฯ ๘ คำ ฯ
ร่าย
๏ เสด็จจากแท่นทิพอลงกรณ์ | บังอรนาดชายกรายหัตถ์ |
รีบไปด้วยใจประดิพัทธ์ | รับพระทรงสวัสดิ์ทันที |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ครั้นถึงจึ่งกราบบาทบงสุ์ | รับพระแสงขรรค์ทรงเรืองศรี |
แล้วทูลเชิญเสด็จภูมี | จรลีเข้าห้องอลงการ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระทรงโฉมประโลมสงสาร |
เห็นวนิดายุพาพาล | มาเชิญบทมาลย์เสด็จจร |
มีความชื่นชมโสมนัส | พูนเพิ่มประดิพัทธ์สโมสร |
ดั่งได้สมบัติสถาวร | ในเทวัญนครอันโอฬาร์ |
รับขวัญพลางเสด็จยุรยาตร | นวยนาดวาดกรซ้ายขวา |
งามเพียงโกสีย์สุชาดา | ลีลาเข้าห้องรูจี |
ฯ ๖ คำ ฯ เพลงฝรั่ง[๓]
๏ ลดองค์ลงเหนือบัลลังก์แก้ว | อันพรายแพร้วด้วยดวงมณีศรี |
ร่วมอาสน์อัครราชเทวี | แล้วมีบัญชาอันสุนทร |
ฯ ๒ คำ ฯ ชาตรี
ชาตรี
๏ สุดเอยสุดสวาท | นุชนาฏนิ่มเนื้อดวงสมร |
บุญพี่กับองค์บังอร | ปางก่อนเคยสร้างมาด้วยกัน |
จึงดลให้เทวาพาสม | ร่วมรักเชยชมภิรมย์ขวัญ |
แนบสนิทวนิดาวิลาวัณย์ | แล้วบันดาลด้วยฤทธิ์เกรียงไกร |
มิให้ตัวเราทั้งสองรา | ออกโอษฐ์เจรจาด้วยกันได้ |
ไม่รู้ที่สำคัญประการใด | จำพรากจากไปในราตรี |
ตื่นขึ้นคว้าหาไม่เห็นเจ้า | โฉมเฉลาเสาวภาคย์จำเริญศรี |
ตั้งแต่แสนโศกโศกี | แสนทวีเทวษเวทนา |
แสนรักสุดร้อนอาวรณ์จิต | สุดคิดที่จะติดตามหา |
ทนทุกข์เหลือทุกข์ทรมา | ชลนานองเนตรเป็นนิตย์ไป |
ทั้งบิตุเรศมารดร | ก็อาวรณ์ร้อนรนหม่นไหม้ |
บรรดาร้อยเอ็ดเวียงชัย | พระให้สารไปทุกธานี |
กรุงกษัตริย์ส่งพระธิดา | มาสิ้นยังเบื้องบทศรี |
พิศไปใช่โฉมนางเทวี | ยิ่งเคลิ้มคลุ้มสมประดีแดยัน |
เร่าร้อนดั่งศรมาเสียบอก | มุ่นหมกโรยแรงกันแสงศัลย์ |
แม้นมิพบแก้วตาวิลาวัณย์ | จะบรรลัยลาญชีพชีวา |
ฯ ๑๖ คำ ฯ
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | นงลักษณ์อัคเรศเสน่หา |
ได้ฟังมธุรสบัญชา | กัลยานบนิ้วสนองไป |
ซึ่งตรัสรำพันมาทั้งนี้ | ไพเราะไม่มีที่เปรียบได้ |
จะรับใส่เหนือเศียรเกล้าไว้ | แต่ข้อว่าอาลัยน้องนัก |
จะจริงมิจริงยังไม่เห็น | เป็นความในใจไม่ประจักษ์ |
ด้วยมีที่ชมภิรมย์รัก | อำไพพักตร์บำเรออเนกนันต์ |
เห็นพระจะเพลินจำเริญจิต | แสนสนิทในความเกษมสันต์ |
ซึ่งว่าโศกาถึงข้านั้น | หากแกล้งรำพันให้เห็นดี |
ที่ไหนจะวิตกเหมือนอกน้อง | ชอกชํ้าขุ่นข้องหมองศรี |
กินแต่น้ำตาทุกนาที | ไม่มีจิตคิดกลัวแก่นินทา |
ด้วยรักนั้นสุดแสนรัก | ให้พี่ศุภลักษณ์กรรฐา |
ไปวาดรูปทั้งไตรโลกา | จึ่งได้ทราบบาทาภูวไนย |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
โลม
๏ ดวงเอยดวงสมร | เจ้างามงอนจำเริญพิสมัย |
อนิจจาควรฤๅไม่เชื่อใจ | ว่าไยฉะนี้วนิดา |
อันอนงค์องค์อัครเทวี | ก็เป็นที่สนิทเสน่หา |
แต่ใช่คู่สู่สมภิรมยา | เทวาจึ่งพามาสมน้อง |
แล้วกลับทารกรรมนำพราก | ให้เราจำใจจากกันทั้งสอง |
ใช่จะแกล้งหน่ายเนื้อนวลละออง | ให้ชอกช้ำขุ่นหมองเมื่อไรมี |
ก็ย่อมแจ้งประจักษ์อยู่ด้วยกัน | อย่ารำพันนักเลยนะโฉมศรี |
เจ้าผู้ดวงชีพชีวี | ขวัญเนตรของพี่จงเมตตา |
ว่าพลางตระกองประคองหัตถ์ | สัมผัสลูบหลังด้วยหรรษา |
โอบอุ้มจุมพิตวนิดา | เลียมลอดสอดคว้าวุ่นไป |
ฯ ๑๐ คำ ฯ โลม
๏ ทรงเอยทรงเดช | พระจะโปรดเกศก็หาไม่ |
เป็นน่าบัดสีแก่น้ำใจ | อะไรมาทำดั่งนี้ |
น้องรักน้องให้ไปติดตาม | จะแจ้งความให้ทราบบทศรี |
พระทิ้งเสียได้ไม่ปรานี | ให้โศกีแทบถึงชีวา |
แต่เพียงนั้นแล้วยังมิหนำ | จะซ้ำให้ได้อายไปภายหน้า |
ว่าพลางค้อนคมนัยนา | กัลยาสลัดปัดกร |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ โฉมเอยโฉมเฉลา | ยุพเยาว์เช่นเชื้ออัปสร |
เจ้าดวงดอกฟ้าสถาวร | ขวัญอ่อนผู้ร่วมฤทัย |
อย่าเคียดแค้นผินพักตร์ผลักพี่ | แต่นี้หาให้ขุ่นเคืองไม่ |
รักเจ้าเท่าเทียมดวงใจ | จะฝากชีวิตไว้ให้นงคราญ |
ตรัสพลางสอดเคล้าเย้าหยอก | สัพยอกปลื้มเปรมเกษมศานต์ |
ค่อยประคองต้องเต้าสุคนธ์ธาร | บรรสานสมน้องตระกองกาย |
เชยปรางเปรมปรางปราโมทย์ | เชยโอษฐ์แนบโอษฐ์โฉมฉาย |
จุมพิตพิศวาสไม่คลาดคลาย | เกี่ยวก่ายกรกระหวัดรัดองค์ |
สองพานมาพานพบกัน | เกษมสันต์แสนสนิทพิศวง |
เชยชื่นรื่นรสบุษบง | สององค์สองสมภิรมยา |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
โลมปี่พาทย์
๏ เมื่อนั้น | พระยอดอนงค์องค์นางอุษา |
ได้ร่วมรสฤๅดีกรีฑา | ด้วยพระยอดฟ้ายุพาพาล |
นวลสนิทพิสมัยใหลหลง | ประดิพัทธ์พิศวงด้วยสงสาร |
รสรักเฟื่องฟุ้งระลุงลาน | อิ่มอาบซาบซ่านสำราญรมย์ |
ซึ่งเร่าร้อนผ่อนวายฤทัยทุกข์ | ทวีสุขแสนสุขเกษมสม |
ทรงเสงี่ยมเฟี้ยมเฝ้าเคล้าชม | อิงแอบบรรทมบรรทับกาย |
ลืมกลัวลืมรักพระบิตุราช | ลืมชนนีนาฏโฉมฉาย |
ลืมทั้งทศมุขน้องชาย | อันร่วมรักสุดสายสวาทนาง |
ลืมเคยขึ้นเฝ้าเช้าเย็น | ลืมละการเล่นต่างต่าง |
ลืมสดับศัพท์เสียงดุริยางค์ | ลืมนางอนงค์กำนัลใน |
แต่บันเทิงเริงรื่นด้วยความรัก | ฉะอ้อนแอบแนบพักตร์พิสมัย |
ยั่วยวนสรวลสันต์สำราญใจ | ในแท่นที่สิริไสยา |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
ร่าย
๏ จนเวลาล่วงอรุณรุ่ง | แสงทองพรายพุ่งเวหา |
กราบกับบทมาลย์พระผ่านฟ้า | ออกมาจากห้องรูจี |
ฯ ๒ คำ ฯ เพลง
๏ จึ่งกระซิบสั่งห้าพระพี่เลี้ยง | ผู้คู่เคียงร่วมใจมารศรี |
พี่ช่วยคิดปิดความจงดี | สุดแต่อย่าให้มีโพยภัย |
ฯ ๒ คำ ฯ เพลง
๏ บัดนั้น | ห้านางผู้มีอัชฌาสัย |
รับรสพจนารถอรไท | บังคมไหว้ชำเลืองนัยนา |
ให้สบสองคลองเนตรโฉมฉาย | แย้มยิ้มพริ้มพรายในหน้า |
แล้วพากันรีบออกมา | จากห้องไสยาทันที |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บ้างยกฉากพับมากางกั้น | ผูกม่านสุวรรณสลับสี |
ห้าองค์จงรักภักดี | ช่วยกันแต่งที่วุ่นไป |
กั้นทั้งที่สรงที่เสวย | ปิดเผยมิให้สงสัย |
จัดแจงแต่งเสร็จทั้งนอกใน | ห้านางอรไทก็ออกมา |
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
๏ จึ่งกล่าวมธุรสพจมาน | สั่งนางพนักงานซ้ายขวา |
ว่าองค์สมเด็จพระธิดา | กัลยาประชวรรัญจวนกาย |
พระเสาวนีย์ให้ข้าออกมาห้าม | ปรามเจ้าเหล่านางทั้งหลาย |
เถ้าแก่เตี้ยค่อมหม่อมยาย | มิให้มาวุ่นวายที่บนนี้ |
คอยระวังฟังดูอยู่ข้างนอก | บอกกันอย่าให้อึงมี่ |
กว่าองค์สมเด็จพระบุตรี | จะพ้นที่ทุกขโศกโรคภัย |
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้น | ฝูงนางกำนัลน้อยใหญ่ |
ฟังพระพี่เลี้ยงก็หลากใจ | พากันออกไปดั่งบัญชา |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ ต่างคนต่างคิดผิดประหลาด | มิอาจจะออกปากว่า |
แต่สะกิดเพื่อนกันจำนรรจา | บ้างนั่งปรึกษาเป็นเหล่าไป |
อันองค์สมเด็จพระเยาวมาลย์ | เห็นการมิใช่ป่วยไข้ |
แม้นประชวรจริงสิ่งใด | จะขับเราเสียไยดั่งนี้ |
ที่รู้กระแสแง่เงื่อน | ก็กระซิบบอกเพื่อนมิให้มี่ |
บ้างชม้ายชายตาเป็นที | บุ้ยเบี้ยวปากชี้ให้กันดู |
โรคนี้หากที่จะรักษา | ถึงจะหาหมอมาก็จนอยู่ |
เว้นเเต่คนที่ร่วมรู้ | จะเป็นผู้พยาบาลให้ต้องใจ |
นางศุภลักษณ์นั้นเป็นต้น | ทั้งห้าคนเห็นพอรักษาได้ |
อันนอกกว่านี้ไม่มีใคร | ที่จะชอบพระทัยกัลยา |
เนื้อความทั้งนี้เห็นไม่มิด | จะพาเราได้ผิดไปภายหน้า |
แต่ปรับทุกข์กันทุกเวลา | ซุบซิบเจรจาทั้งเรือนจันทน์ |
ฯ ๑๒ คำ ฯ เจรจา
[๑] ใช้ตามต้นฉบับหนังสือสมุดไทยเลขที่ ๕๕๕, ๕๕๖, และ ๖๓๒ ส่วนต้นฉบับหนังสือสมุดไทยเลขที่ ๕๕๗ เป็นเพชรแวว
[๒] จบต้นฉบับหนังสือสมุดไทยเลขที่ ๕๕๖, ๕๕๗, ๖๓๒ ขึ้นต้นฉบับหนังสือสมุดไทยเลขที่ ๕๕๘
[๓] (๑) ใช้ตามฉบับพิมพ์เดิม ต้นฉบับหนังสือสมุดไทยเลขที่ ๕๕๘ เป็นเพลงฉุยฉาย และในต้นฉบับหนังสือสมุดไทยเลขที่ ๕๖๐ เป็นเพลงฉุยฉาย แต่มีการแก้ด้วยดินสอขาวเป็น เพลงฝรั่ง