- คำนำ
- บทนำเรื่อง
- ที่มาของอนิรุทธคำฉันท์และบทละคอนเรื่องอุณรุท ของ ธนิต อยู่โพธิ์
- ตอนที่ ๑
- ตอนที่ ๒
- ตอนที่ ๓
- ตอนที่ ๔
- ตอนที่ ๕
- ตอนที่ ๖
- ตอนที่ ๗
- ตอนที่ ๘
- ตอนที่ ๙
- ตอนที่ ๑๐
- ตอนที่ ๑๑
- ตอนที่ ๑๒
- ตอนที่ ๑๓
- ตอนที่ ๑๔
- ตอนที่ ๑๕
- ตอนที่ ๑๖
- ตอนที่ ๑๗
- ตอนที่ ๑๘
- ตอนที่ ๑๙
- ตอนที่ ๒๐
- ตอนที่ ๒๑
- ตอนที่ ๒๒
- ตอนที่ ๒๓ ทศมุขพบพระอุณรุท
- ตอนที่ ๒๔
- ตอนที่ ๒๕
- ตอนที่ ๒๖
- ตอนที่ ๒๗
- ตอนที่ ๒๘
- ตอนที่ ๒๙
- ตอนที่ ๓๐
- ตอนที่ ๓๑
- ตอนที่ ๓๒
- ตอนที่ ๓๓
- ตอนที่ ๓๔
- ตอนที่ ๓๕
- ตอนที่ ๓๖
- ตอนที่ ๓๗
- ตอนที่ ๓๘
- ตอนที่ ๓๙
- ตอนที่ ๔๐
- ตอนที่ ๔๑
- ตอนที่ ๔๒
ตอนที่ ๒๙ พระอุณรุทปราบท้าวกรุงพาณ
๏ ครั้นเสร็จซึ่งสรงคงคาลัย | ก็ขึ้นจากสระใหญ่ไพศาล |
อุ้มองค์อุษาเยาวมาลย์ | เหาะทะยานมาโดยอัมพร |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ ร่อนเรื่อยรีบหนักดั่งจักรผัน | ถึงยอดเขาอังชันสิงขร |
แลดูเห็นหมู่วิชาธร | เข้าราญรอนสัประยุทธ์ชิงชัย |
อสุรีตายยับแล้วกลับเป็น | จะเห็นบางเบาตาก็หาไม่ |
ทรงพระดำริตริไป | อ้ายนี่ฤทธิไกรมหึมา |
อันกูจะฆ่าด้วยพระขรรค์ | ไหนมันจะม้วยสังขาร์ |
จำจะเอาทิพย์เทพศัสตรา | ฆ่าท้าวยักษาให้วายปราณ |
คิดแล้วจึ่งถอดพระธำมรงค์ | ออกทรงตั้งสัตย์อธิษฐาน |
ครั้งนี้ขอเดชพระอวตาร | จงผลาญกรุงพาณให้บรรลัย |
ถึงมันจะมีมนตร์เวท | เรืองเดชเท่าไรอย่าแก้ได้ |
พระธำมรงค์อันทรงฤทธิไกร | จงไปล้างแต่รูปมารยา |
อันพาณาราชอสุรินทร์ | อย่าเพ่อให้สิ้นสังขาร์ |
เมื่อมันจะม้วยชีวา | จงประจักษ์นัยนาขุนมาร |
ว่าเราเป็นวงศ์พระทรงนาค | ฤทธิรุทรภุชภาคย์มหาศาล |
เสี่ยงเสร็จนัดดาพระอวตาร | ผ่านฟ้าก็ขว้างไปทันใด |
ฯ ๑๔ คำ ฯ เชิด
๏ ถูกรูปกรุงพาณต่างกาย | สูญหายด้วยฤทธิ์ไม่ทันได้ |
แล้วพระธำมรงค์เกรียงไกร | ตรงไปสังหารพาณา |
ดั่งหนึ่งคมจักรารัตน์ | ตัดแต่สิบแปดหัตถา |
ขาดกระเด็นไปจากกายา | ล้มลงยังมหาปัฐพี |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้น | ท้าวพาณาสูรยักษี |
นอนกลิ้งอยู่กลางธรณี | อสุรีเพียงสิ้นชีวัน |
ดำรงจิตยอกรขึ้นเหนือเกศ | ไหว้คุณพรหเมศรังสรรค์ |
กลั้นความเวทนาจาบัลย์ | กุมภัณฑ์ร่ายมนต์อันศักดา |
ฯ ๔ คำ ฯ ตระ
๏ ลูบกรซึ่งขาดก็ไม่ติด | ให้คิดอัศจรรย์กังขา |
แลขึ้นไปดูเมฆา | เหล่าพวกวิทยานั้นหายไป |
แต่หมู่อสุรโยธี | ตายกลาดปัฐพีไม่นับได้ |
เหลือบเห็นมนุษย์วุฒิไกร | อำไพวิลาศประหลาดนัก |
ทรงเทพอาวุธฤทธิรอน | คทาธรตรีศูลสังข์จักร |
เพศกายคล้ายองค์พระหริรักษ์ | ขุนยักษ์สยองโลมา |
ก็ไม่แคลงแจ้งว่าพระสุริย์วงศ์ | พระทรงครุฑภุชพงศ์นาถา |
ประนมกรเหนือเกล้าอสุรา | กราบบาทนัดดาพระนารายณ์ |
ให้เสียดายอาลัยแก่ชีวิต | หวนคิดถึงตัวแล้วใจหาย |
ชลเนตรไหลหลั่งพรั่งพราย | บรรยายร่ำว่าพาที |
ฯ ๑๐ คำ ฯ เชิด
โอ้
๏ ข้าแต่พระมิ่งมงกุฎเกศ | ผู้พงศนเรศเรืองศรี |
เที่ยงแท้จะปราบธาตรี | อันตัวข้านี้กำเริบฤทธิ์ |
อหังการ์ทารุณองอาจ | ต่อสู้เบื้องบาทนั้นโทษผิด |
ด้วยโมหันกำบังให้มืดมิด | ดลจิตไม่เชื่อพระบัญชา |
ทั่งนี้ก็เพื่อผลกรรม | น้อมนำให้สิ้นสังขาร์ |
ก็จะกราบถวายบังคมลา | ก้มหน้าสู่สวรรคาลัย |
ขอฝากอุษาเยาวเรศ | ดวงเนตรผู้ยอดพิสมัย |
เสมอเหมือนชีวิตจิตใจ | ไว้ใต้เบื้องบาทภูธร |
แม้นมาตรถ้านางพลั้งผิด | ทรงฤทธิ์ได้โปรดช่วยสั่งสอน |
ด้วยกำพร้าบิดามารดร | จะถาวรก็เพราะพระเดชา |
ฝากทั้งทศมุขสุริย์วงศ์ | พระองค์จงเลี้ยงรักษา |
ได้ฉลองรองเบื้องบาทา | ไปกว่าจะสิ้นชนมาน |
พี่น้องทั้งสองเยาวราช | จะได้พึ่งภูวนาถเกษมศานต์ |
ฝากพลางโหยไห้อาลัยลาน | ขุนมารสะอื้นโศกี |
ฯ ๑๔ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้น | พระอุณรุทสุริย์วงศ์เรืองศรี |
ได้ฟังพจนารถอสุรี | ภูมีสังเวชในวิญญาณ์ |
สิ้นความกริ้วโกรธพิโรธจิต | พระทัยคิดปรานียักษา |
จึ่งมีสิงหนาทบัญชา | ดูก่อนพญากุมภัณฑ์ |
เราอ่อนง้อขอดีก็มิฟัง | ทำโดยลำพังโมหัน |
ด้วยผลเวรามาตามทัน | จะให้ถึงชีวันบรรลัย |
ท่านอย่าเศร้าโศกโศกี | ทั้งนี้จะโทษใครได้ |
จงอุตส่าห์ระงับดับใจ | จะได้ไปสู่สวรรค์ชั้นฟ้า |
อันอุษาโฉมยงทรงลักษณ์ | กับทศมุขลูกรักยักษา |
อย่าทุกข์ร้อนอาวรณ์วิญญาณ์ | จะเลี้ยงให้ผาสุกสำราญ |
โดยจารีตกษัตริย์สุริย์วงศ์ | คงแก่ยศศักดิ์อัครฐาน |
ให้เลื่องชื่อลือทั่วสุธาธาร | สืบพงศ์วงศ์วานอสุรี |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวพาณาสูรยักษี |
ได้ฟังสุนทรวาที | อสุรีค่อยสร่างสว่างใจ |
เหลือบดูพระธิดายุพาพาล | แสนสุดสงสารนํ้าตาไหล |
ด้วยความเสน่หาอาลัย | พิไรร่ำมธุรสพจนา |
ฯ ๔ คำ ฯ
โอ้
๏ ปากหนึ่งว่าโอ้ขวัญเนตร | บิตุเรศจะสิ้นสังขาร์ |
เจ้าจะรองบาทหลานพระจักรา | อุตส่าห์จงรักภักดี |
ปากสองว่าแม่จงเจียมจิต | สำคัญคิดว่าเป็นทาสี |
สิ่งใดซึ่งระคายเป็นราคี | อย่าให้เคืองธุลีบทมาลย์ |
ปากสามอันความซึ่งสังวาส | สำหรับราชกษัตริย์มหาศาล |
ประดับด้วยแสนสนมบริวาร | อย่าก่อการหึงหวงไม่ควรนัก |
ปากสี่ว่าเจ้าจงฝากองค์ | พระชนนีบิตุรงค์ของทรงจักร |
ปรนนิบัติบำรุงให้ท้าวรัก | จะจำเริญยศศักดิ์เป็นมงคล |
ปากห้าว่าโอ้เป็นสตรี | จงดูเยี่ยงจามรีรักขน |
สงวนศักดิ์รักชาติกว่ารักชนม์ | เป็นคนสู้ม้วยด้วยสัจจา |
ปากหกอกพ่อนี้จะคราก | ขอฝากทศมุขยักษา |
ช่วยอุปถัมภ์บำรุงอนุชา | จงคิดว่าเหมือนน้องนงคราญ |
ปากเจ็ดฝากไวยกาด้วย | ช่วยบำรุงสุริย์วงศ์ทวยหาญ |
ทั้งแสนสาวสุรางค์บริวาร | ราชฐานไพร่ฟ้าธานี |
ปากแปดบิดาจะดับสูญ | ลูกรักอนุกูลช่วยเผาผี |
อย่าให้เวทนาในธาตรี | จะเป็นที่อัปยศแก่โลกา |
ปากเก้าว่าโอ้พระสุริย์วงศ์ | พระองค์จงโปรดเกศา |
ซึ่งได้ผิดตั้งแต่หลังมา | อย่าให้เป็นเวรากันสืบไป |
สิบปากสิ้นฝากสิ้นสั่ง | สิ้นกำลังไม่ตั้งสติได้ |
สิ้นเสียงสิ้นชีพชีวาลัย | ไปเกิดในเมืองฟ้าสถาวร |
ฯ ๒๐ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้น | นวลนางอุษาสายสมร |
เห็นองค์สมเด็จพระบิดร | สั่งสอนแล้วสิ้นชีวาลัย |
หวาดใจดั่งใครเอาดาบเพชร | มาฟันเด็ดเศียรเกล้าไปได้ |
วิ่งเข้ากอดเบื้องพระบาทไว้ | แล้วครวญคร่ำร่ำไรโศกี |
ฯ ๔ คำ ฯ
โอ้
๏ โอ้ว่าสมเด็จพระบิตุเรศ | ลือเดชทั่วฟ้าราศี |
ควรฤๅมาม้วยชีวี | อยู่เหนือปัฐพีธุลีทราย |
ดั่งทรลักษณ์ล้ำต่ำชาติ | แสนอนาถดูดูแล้วใจหาย |
เพราะรักลูกผูกแค้นจึ่งจำตาย | โอ้น่าเสียดายพระองค์นัก |
เลี้ยงลูกด้วยเยาว์จนใหญ่มา | สิ่งใดมิได้ว่าให้คำหนัก |
มีแต่ผดุงบำรุงรัก | ถนอมนักดังดวงชีวี |
ลูกวอนชมจันทราดารากร | หมู่นางอัปสรในราศี |
พระโอบอุ้มเหาะไปด้วยฤทธี | ชวนชี้ให้ชมได้ดั่งใจ |
จะหาไหนเหมือนสมานพระผ่านเกล้า | ตายแล้วเกิดเล่าก็ไม่ได้ |
อันซึ่งพระคุณของภูวไนย | ไม่มีสิ่งใดเปรียบทั้งโลกา |
ถึงกระไรได้ทดแทนบ้าง | จะเริศร้างจากไปก็ไม่ว่า |
นี่กลับทรยศต่อบาทา | จนผ่านฟ้าสุดสิ้นชีวัน |
ร่ำพลางข้อนทรวงเข้ากลิ้งเกลือก | โหยไห้ซบเสือกกันแสงศัลย์ |
แสนเทวษอาทวาจาบัลย์ | กัลยาสลบไม่สมประดี |
ฯ ๑๔ คำ ฯ โอด
ยานี
๏ เมื่อนั้น | ฝ่ายฝูงเทวาในราศี |
ทั้งเทพธิดานารี | ทุกที่เทเวศบรรพตา |
แจ้งว่าพาณาปัจจามิตร | สุดสิ้นชีวิตสังขาร์ |
ด้วยเดชสมเด็จพระนัดดา | ผ่านฟ้าหริวงศ์ทรงสุบรรณ |
ต่างองค์ปรีดาปราโมทย์ | แย้มโอษฐ์สำรวลสรวลสันต์ |
บ้างร้องบอกกล่าวป่าวกัน | เสียงสนั่นเอิกเกริกจักรวาล |
ครั้งนี้เราท่านทั้งหลาย | จะวายทุกข์เป็นสุขเกษมศานต์ |
บ้างถือทิพจุณจันทน์สุคันธ์ธาร | ผกากาญจน์แก้วฟ้าสุมาลัย |
ออกจากสถานพิมานมาศ | พร้อมอนงค์ทิพนาฏน้อยใหญ่ |
เหาะระเห็จเตร็ดฟ้าด้วยว่องไว | ตรงไปอังชันคีรี |
ฯ ๑๐ คำ ฯ เหาะ
๏ ครั้นถึงจึ่งฝูงเทเวศ | ลงยอดสีขเรศมณีศรี |
เห็นองค์อุษาเทวี | สลบล้มกับที่ธุลีลาน |
ตกใจไขทิพวารีริน | อันเกลากลิ่นฟุ้งหวนหอมหวาน |
เป็นละอองต้ององค์เยาวมาลย์ | ให้ดาลดับเพลิงโศกสุมใจ |
บ้างโปรยปรายบุปผาผกามาศ | สุคนธ์ทิพเกลื่อนกลาดลงมาให้ |
หอมฟุ้งตระหลบอบไป | ที่ในอังชันบรรพตา |
ฯ ๖ คำ ฯ สาธุการ
๏ เมื่อนั้น | พระอัคเรศโฉมยงค์องค์อุษา |
ครั้นต้องละอองทิพธารา | วิญญาณ์เย็นสิ้นทั้งอินทรีย์ |
ก็เหือดหายวายร้อนศรโศก | ที่วิโยคถึงพญายักษี |
กลับฟื้นคืนได้สมประดี | เทวีผุดลุกขึ้นทันใด |
ฯ ๔ คำ ฯ
พระทอง
๏ เมื่อนั้น | ฝ่ายฝูงเทเวศน้อยใหญ่ |
กับหมู่นางฟ้าสุราลัย | เห็นทรามวัยได้สมประดีมา |
ก็ชวนกันจับระบำรำฟ้อน | ถวายกรหลานนารายณ์นาถา |
ร่ายเรียงเคียงคู่ลีลา | หันเวียนเปลี่ยนขวามาซ้าย |
ทำทีทอดสนิทติดพัน | กับอนงค์นางสวรรค์โฉมฉาย |
เย้ายวนสรวลยิ้มพริ้มพราย | แล้วเยื้องกรายย้ายท่าม้าตีคลี |
รำรอคลอเคล้าเข้าใกล้ | ฉวยฉุดยุดสไบอัปสรศรี |
แกมกลปนไปในที | สุขเกษมเปรมปรีดิ์ทุกเทวัญ |
ฯ ๘ คำ ฯ
เบ้าหลุด
๏ เมื่อนั้น | ฝูงเทพอนงค์นางสวรรค์ |
เห็นเทเวศรำชิดติดพัน | ก็บิดผันเรียงร่ายชายไป |
งอนจริตกรีดกรายย้ายท่า | รำเป็นผาลาเพียงไหล่ |
ล่อเล่นโดยกระบวนให้ยวนใจ | นัยนาชม้อยคอยที |
ครั้นเทเวศรำเคล้าเข้ามาชิด | ก็เบี่ยงบิดเมียงม่ายชายหนี |
ทอดกรฟ้อนท่ากินรี | ตีวงหันเวียนเปลี่ยนมา |
ร้องเรื่อยเฉื่อยฉานขานขับ | ประสานใส่โทนทับไปตามท่า |
สำราญรื่นชื่นชมภิรมยา | ทุกเทเวศนางฟ้ายุพาพาล |
ฯ ๘ คำ ฯ เพลง
๏ ครั้นเสร็จจึ่งจับระบำบัน | ฝูงเทพเทวัญทุกสถาน |
ต่างองค์ออกโอษฐ์พจมาน | สาธุการอำนวยอวยพร |
พระองค์จงยิ่งภิญโญยศ | ปรากฏสุรภาพชาญสมร |
เรืองเดชศักดาสถาวร | ฤทธิ์รอนดั่งดวงพระอาทิตย์ |
บรรดาศัตรูหมู่พาล | อย่าอาจทานต้านต่อรอติด |
ให้จำเริญพระชนม์ชีวิต | ทศทิศจะได้ฟังพระเดชา |
ครั้นแล้วจึ่งฝูงเทวัญ | กับอนงค์นางสวรรค์ถ้วนหน้า |
ชวนกันลาหลานพระจักรา | กลับไปฟากฟ้าดุษฎี |
ฯ ๘ คำ ฯ เหาะ