- คำนำ
- ๑. สนุกในน้ำ
- ๒. สวนพฤกษศาสตร์
- ๓. พริกไทย
- ๔. การใช้รัฐธรรมนูญของฝรั่งเศส
- ๕. อพยบ
- ๖. อุปถัมภ์ศิลปะ
- ๗. น้ำท่วมทุ่ง
- ๘. ผุดผลุด
- ๙. สาดน้ำ
- ๑๐. อัครวาที
- ๑๑. อ่านหนังสือ
- ๑๒. ผสมผสาน
- ๑๓. ประสพย์ ประสพ ประสบ
- ๑๔. ผสมผสาน (๒)
- ๑๕. บันทึก “คาวัวร์” ของพระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์
- ๑๖. ผสมผสาน (๓)
- ๑๗. ในอินเดีย
- ๑๘. คดีในศาล
- ๑๙. เหตุแห่งความแพ้
- ๒๐. ที่เกิดแห่งยุง
- ๒๑. เบลเยียม
- ๒๒. กฎหมายเป็นกลางของ ส.ป.ร.
- ๒๓. ฝักฝ่ายตุรกี
- ๒๔. โฆษณาชวนเชื่อ
- ๒๕. ทายถูกและผิด
- ๒๖. มูลเหตุแห่งสงคราม
- ๒๗. ยิบฺรอลตาร์
- ๒๘. ภัยสามชนิด
- ๒๙. สันนิบาตชาติ
- ๓๐. ผสมผสาน (๔)
- ๓๑. บวชวัดพระแก้ว
- ๓๒. ปมด้อย
- ๓๓. สารกถา ว่าด้วยประชาธิปัตย์ วิธีรักษาความเป็นไทแก่ตนของอังกฤษ
- ๓๔. ประชาธิปัตย์และศึกษา
- ๓๕. ประชาธิปัตย์แลหนังสือพิมพ์
- ๓๖. เรื่องหญิงคนชั่ว
- ๓๗. ปัญหาสังสรรค์
- ๓๘. คนขอทาน
- ๓๙. เทียบประชาธิปัตย์อดีตกับปัจจุบัน
- ๔๐. สารกถา
- ๔๑. เทียบประชาธิปัตย์ อดีตกับปัจจุบัน
- ๔๒. อินฟฺลวนซา ปราบโรคเรื้อน
- ๔๓. สหกรณ์ในพม่า
- ๔๔. ลักษณะรัฐบาลอเมริกา
พริกไทย
ผู้เขียนใช้พริกไทยป่นบรรจุขวดส่งมาขายจากลอนดอนมานานกี่มากน้อยแล้วก็ไม่ทราบ เมื่อเร็วๆนี้ไปจอดรถกินข้าวต้มปลากะพงที่ถนนเยาวราช จีนร้านข้าวต้มเอากลักพริกไทยมาโรยให้ที่รถ ผู้เขียนได้กลิ่นพริกไทยหอมจึงพูดแก่ผู้ที่ไปด้วยกันว่า ทำไมพริกไทยของจีนร้านข้าวต้มจึงหอมกว่าพริกไทยที่บ้านเรา ผู้ไปด้วยกันบอกว่า ที่บ้านเราใช้พริกไทยขวด ถามว่า พริกไทยขวดคืออะไร ? ตอบว่า คือพริกไทยใส่ขวดส่งมาขายจากเมืองนอก กลับบ้านเรียกเอาขวดพริกไทยมาดู จึงรู้ว่าพริกไทยป่นมาจากลอนดอน
การเป็นดังนี้ก็สมควรแล้ว ที่พระยาพหลพลพยุหเสนา นายกรัฐมนตรี จะได้พูดเมื่อ ๒-๓ วันนี้ ตักเตือนไทยใช้ของไทย
ต่อมาอีก ๒-๓ วัน ผู้เขียนได้เตร็จเตร่ชเลจรไปถึงท่าแฉลบจันทบุรี ขึ้นจากที่นั้นไปเที่ยวเดินในตลาด พบร้านขายถั่วงาต่าง ๆ จึงแวะถามซื้อพริกไทย เจ้าของร้านถามว่า ต้องการพริกไทยขาวหรือพริกไทยดำ ถามราคาได้ความว่า พริกไทยขาวซึ่งชั่งขายเป็นราคา ๓๕ สตางค์นั้น ถ้าเป็นพริกไทยดำน้ำหนักเท่ากันราคาที่ ๒๕ สตางค์ ผู้เขียนซื้อพริกไทยขาวกลับมากรุงเทพ ฯ ห่อหนึ่ง เพื่อจะได้ใช้สินค้าไทยแทนสินค้าต่างประเทศ แล้วคงจะได้กินพริกไทยดีขึ้นด้วย อย่างน้อยก็ใหม่กว่า และถูกกว่าทั้ง ๑๐๐ เท่า เพราะไม่ต้องเสียค่าขวด ค่าระวางบรรจุมาจากลอนดอน ค่าเครื่องจักรสึกหรอ เงินเดือนคนในประเทศโน้นและโสหุ้ยอื่น ๆ ในการที่ทำให้พริกไทยเม็ดเป็นพริกไทยป่นขึ้นในลอนดอนดอน อนึ่ง พริกไทยไม่ได้ปลูกที่ลอนดอนเอง เพราะฉะนั้นจะต้องเสียค่าส่งและโสหุ้ยอื่นๆ ในการส่งเมล็ดพริกไทยจากประเทศอื่นไปประเทศอังกฤษ รวมทั้งค่าภาษีด้วย
เมื่อซื้อพริกไทยที่ตลาดจันทบุรีได้แล้ว ผู้เขียนก็ขึ้นรถเที่ยวจับดูรอบ ๆ ไป ผ่านตำบลที่เคยเป็นสวนพริกไทยเมื่อเกือบ ๒๐ ปีมาแล้ว ดูจากรถไม่เห็นพริกไทยสักต้นเดียวทำให้เกิดสลดใจ เพราะพริกไทยจันทบูรณ์เคยส่งไปขายในตลาดลอนดอน และตลาดอื่น ๆ เป็นราคาหนึ่งราว ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท แต่บัดนี้ได้ยินว่าไม่ได้ส่งไปเป็นล่ำเป็นสันอะไรเลย ถามคนที่โน่นได้ความว่า พริกไทยที่จันทบุรีเดี๋ยวนี้มีตัวสัตว์รบกวนรากตายไปมาก ๆ และขายเป็นสินค้าก็ไม่มีที่ขายได้เหมือนแต่ก่อน
ผู้เขียนรู้เรื่องในสมัยที่พริกไทยจันทบูรณ์ยังจำเริญแต่เริ่มจะเสื่อม ในเวลานั้นมีบริษัทอังกฤษคือบริษัทบอเนียว เป็นผู้ซื้อพริกไทยส่งไปประเทศอังกฤษ บริษัทบอเนียวไม่ได้ซื้อเองที่จันทบุรี มอบให้บริษัทอีสต์เอเซียติคเป็นผู้ซื้อให้ เพราะมีความสะดวกกว่ากัน การซื้อของบริษัทใหญ่ก็เป็นธรรมดาที่บริษัทจะเที่ยวซื้อย่อยไม่ได้ จำเป็นต้องซื้อจากคนกลาง ซึ่งเที่ยวรับซื้อย่อยรวบรวมกันมาขายมาก ๆ หรือมิฉะนั้นก็เป็นนายหน้า คนกลางในสมัยนั้นเอาพริกดีกับพริกเลวปนขาย และใช้วิธีล้างซึ่งทำให้พริกไทยเสียเร็ว เก็บไว้นานก็ผุหมด การเป็นดังนี้ พริกไทยจันทบูรณ์ ซึ่งเคยขึ้นชื่อว่าเป็นของดีก็เสื่อมชื่อลงไป
ในตอนนั้น กรมสหกรณ์กำลังพยายามหาทางเดิน เพื่อไปตรวจทราบเรื่องพริกไทยจันทบูรณ์ ก็กำหนดโครงการว่า จะตั้งสหกรณ์สวนพริกไทยขึ้น ความประสงค์ไม่ใช่แต่เพียงจะอุดหนุนทุนให้ปลูกพริกไทยได้มากเท่านั้น (ปลูกได้มากแล้วขายไม่ได้ก็ป่วยการ) ข้อสำคัญอยู่ที่ว่าพริกไทยที่พวกสหกรณ์ทำนั้นให้รวมกันขาย ชื่อของสหกรณ์เป็นเครื่องประกันพริกไทยไม่ปน กรมสหกรณ์รับต่อสหกรณ์ว่า เมื่อได้ทำตรงไปตรงมาเช่นนี้แล้ว จะช่วยจัดการขายพริกไทยให้หมด ไม่ได้ตกขายที่อื่น หรืออาศัยคนกลางและนายหน้าด้วยประการใดเลย วิธีขายที่นายทะเบียนอาจจัดได้ในเวลานั้นก็ไม่น่าจะยาก เพราะนายทะเบียนเป็นข้าราชการผู้ใหญ่รู้จักคุ้นเคยกับนายห้างผู้ซื้อพริกไทยส่งไปลอนดอน และทั้งนายห้างเป็นผู้ซื้อที่จันทบุรีก็รู้จักกันด้วย การที่จะขอกับเขาว่าให้ช่วยรับจากสหกรณ์ตามราคาตลาด และสหกรณ์รับรองว่า จะไม่มีเล่นกลต่าง ๆ นั้น เป็นของที่น่าจะจัดได้
การที่ขอให้เขาช่วยซื้อพริกไทยสหกรณ์นั้น มิได้เป็นการตัดทางของพ่อค้าพริกไทยอื่น ๆ ที่จันทบุรี เพราะสหกรณ์ไม่มีพริกไทยมากพอที่จะข่มผู้อื่นได้ ห้างเขาซื้อจากสหกรณ์แล้ว เขาก็ยังต้องซื้อจากผู้อื่นอยู่นั่นเอง จึงจะพอความต้องการของเขา ข้อสำคัญแก่การขายพริกไทยของเรามีอยู่ที่ว่า เมื่อปรากฏว่าสหกรณ์ขายได้สะดวก เพราะทำตรงไปตรงมาแล้ว ก็จะเป็นตัวอย่างแก่ผู้อื่นให้ทำเช่นกัน
ส่วนเรื่องตัวสัตว์มาทำร้ายสวนพริกไทยนั้น ในสมัยโน้นไม่ได้ยิน แต่ถ้าเกิดมีโรคเช่นนั้นขึ้น ก็ไม่น่าเชื่อว่า จะสุดปัญญาเจ้าพนักงานผู้มีวิชาเรื่องโรคต้นไม้ที่เกิดจากตัวสัตว์ ผู้เขียนไม่รู้วิชาชนิดนี้ รู้แต่ว่าเป็นหน้าที่ของเจ้าพนักงานผู้รู้ที่จะต้องคิดแก้ไข โรคต้นพริกไทยที่จันทบุรี คงจะไม่แปลกไปจากโรคที่มีในประเทศอื่น ๆ ซึ่งเป็นที่ปลูกพริกไทยมาก ๆ
แต่งานสหกรณ์ในสมัยโน้นไม่มีวาสนา คิดการชนิดนี้ไม่ค่อยสำเร็จ เมื่อผู้เขียนไปจันทบุรีคราวนี้ แลหาต้นพริกไทยในแถบที่เคยเป็นสวนพริกไทย จึงแต่ไม่เห็นจากรถเลย คนที่นั่นเขาว่า ถ้าเที่ยวดูให้ทั่วก็จะพบสวนพริกไทยบ้าง แต่เทียบกับแต่ก่อนไม่ได้
อนึ่ง ควรจะกล่าวอีกอย่างหนึ่งว่า การพากันเฮโลไปปลูกยางรับเบอร์ที่จันทบุรีในสมัยโน้น เป็นเหตุสำคัญอย่างหนึ่ง ที่ทำให้สินค้าพริกไทยทรุดโทรมไป แต่ข้อนี้ควรจะกล่าวว่า ถ้าพริกไทยรุ่งเรืองอยู่ในเวลาโน้น ก็คงจะยังทรงตัวอยู่ได้ เหตุที่ทรุดโทรมลงไป ก็เพราะเจ้าของสวนเป็นอันมากเกิดท้อใจเรื่องพริกไทยเสียแล้ว จึงหันไปหาอย่างอื่น
ผู้เขียนเขียนข้างบนนี้ตามความจำ และตามที่ตาเห็น ไม่ได้พลิกสอบตัวเลขและเทียบราคาสินค้าชนิดต่าง ๆ ในเวลานี้เลย สินค้าจันทบุรีเวลานี้ที่เกิดใหม่ ๆ ก็ย่อมจะมีมาก เช่น ส้มเขียวหวาน ซึ่งเดี๋ยวนี้เป็นสินค้าซื้อขายกันปีหนึ่งกว่า ๑,๐๐๐,๐๐๐ ผล และขายมาได้ไกลถึงกรุงเทพฯ แลที่อื่น ๆ เพราะความติดต่อสะดวกขึ้นเป็นต้น
แต่สินค้าผลไม้ส่งไปขายยุโรปไม่ได้ สินค้าชนิดใดที่ส่งไปขายต่างประเทศได้ ถ้าโทรมลงไปก็น่าเสียดายเสมอ ผู้เขียนได้ยินที่จันทบุรีว่า เวลานี้สหกรณ์ได้ตั้งลงที่นั่นบ้างแล้ว แต่ไม่มีเวลาจะไต่ถามให้ถึงตำบลที่ตั้งสหกรณ์และยังไม่มีโอกาสที่จะสืบสวน ยังไม่ทราบว่า สหกรณ์ที่จันทบุรีจะเดินท่าไร
ผู้เขียนจะขอกล่าวซ้ำในที่สุดนี้ว่า ที่เขียนข้างบนนี้เขียนเรื่องเก่าตามความจำ ไม่ได้ตอบตัวเลขและข้อความใหม่ ๆ จึงมิได้จำตัวเลขและข้อความในเวลานี้มากล่าวเทียบกันเลย
เมื่อผู้เขียนกลับมากรุงเทพ ฯ แล้ว ได้โจษกับเพื่อนถึงเรื่องพริกไทยจันทบุรี เขาว่าพริกไทยคงจะเป็นสินค้าซึ่งมีทางเสียหายมาก จึงได้เกิดเป็นเรื่องราวครึกโครมในตลาดพริกไทยที่ลอนดอนเมื่อประมาณปีหนึ่งมานี้
เหตุที่เกิดในลอนดอนเมื่อตอนมีนาคมปีกลายนั้น ผู้เขียนก็ทราบเรื่องอยู่ น่าจะนำมาเล่าเกี่ยวกับที่เขียนข้างบนนี้ เพื่อให้เห็นว่า ต่างว่าเรายังค้าขายพริกไทยกับลอนดอนอยู่ เหตุการณ์เมื่อปีกลายก็คงจะไม่ลุกลามมาถึงเรากี่มากน้อย แต่วันนี้หมดหน้ากระดาษเสียแล้ว
เมื่อวันก่อนได้ง้างขึ้นไว้ถึงเรื่องโกลาหลในตลาดพริกไทยในลอนดอนเมื่อปีกลาย ตลาดพริกไทยในลอนดอนดูเหมือนจะเป็นตลาดใหญ่ที่สุดในโลก จึงน่าจะนำเหตุการณ์ที่เกิดในตลาดนั้นมาเล่าให้รู้กันในประเทศเรา ซึ่งมีพื้นที่อันอาจปลูกพริกไทยได้ดีอยู่แห่งหนึ่ง และพริกไทยก็ได้เคยเป็นสินค้าสำคัญอย่างหนึ่งมาในกาลก่อน แต่หากเวลานี้ทรุดโทรมไป
ในตอนเดือนกุมภาพันธ์ปีกลาย ในประเทศอังกฤษ ได้ประกาศให้สิทธิแก่ลูกหนี้ในการค้าขายพริกไทยว่า ให้ผัดใช้หนี้ได้ ๗ วัน ตามกฎหมาย ระหว่าง ๗ วันนั้นเจ้าหนี้จะเรียกร้องบังคับให้ลูกหนี้ใช้หนี้ไม่ได้
เหตุที่ประกาศให้สิทธิเช่นนี้ ก็เพราะมีท่วงทีว่า จะเกิดขาดทุนฉิบหาย ถึงต้องชำระบัญชีบริษัทค้าขายพริกไทยบางบริษัท จะเป็นเหตุให้เกิดป่วนปั่นในเรื่องสินค้าชนิดนั้นทั่วไปในประเทศ และติดต่อไปไกลก็เป็นได้ เหตุที่ทำให้เป็นเช่นนั้น ก็คือความพยายามของพ่อค้าพวกหนึ่ง ที่จะกวาดซื้อพริกไทยเข้าไว้เสียให้หมดแล้วขายขึ้นราคาทีหลัง
เหตุที่พยายามไม่สำเร็จ ก็เพราะผู้พยายามรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไม่รู้จักภาวะของสินค้า หากจะรู้จักวิธีซื้อขายก็ไม่ป้องกันความพลาดพลั้งได้
พริกไทยที่ชายกันในตลาดมี ๒ ชนิด คือ พริกไทยดำ และพริกไทยขาว ในลอนดอนราคาพริกไทยขาวสูงกว่า เพราะผู้ใช้ชวนใช้มากกว่ากัน
พวกที่พยายามกวาดซื้อพริกไทยในลอนดอนในตอนนั้นได้กวาดซื้อพริกไทยขาวอย่างเดียว ไม่ได้กวาดซื้อทั้งชนิดดำและชนิดขาว เพราะถ้ากวาดซื้อทั้ง ๒ ชนิดก็จะมากเกินที่จะทำได้ ผู้กวาดไม่ทราบว่า เมื่อกวาดพริกไทยขาวได้และขึ้นราคาให้สูงเกินราคาพริกไทยดำมากนักแล้วก็อาจมีผู้ทำพริกไทยดำให้เป็นพริกไทยขาวขึ้นได้ การเป็นดังนี้ ครั้นพวกกวาดซื้อพริกไทยขาวได้กวาดซื้อจนคิดว่าจวนจะหมดแล้ว ก็เพิ่มราคาขายให้สูงขึ้นไป แต่พอพริกไทยขาวราคาสูงขึ้นไป พริกไทยขาวก็มีเพิ่มไปในตลาดจากทิศานุทิศ เพราะผู้รู้วิธีทำพริกไทยดำเป็นพริกไทยขาวก็ใช้ความรู้เป็นเครื่องเพิ่มราคาพริกไทยดำของตน
การเป็นดังนี้พวกกวาดซื้อก็กวาดไม่หมด ราคาที่ตั้งใจไว้ว่า จะขายแพงขึ้นก็แพงไม่ได้ เผอิญในปีนั้นมีพริกไทยส่งไปประเทศอังกฤษมากมาย เป็นปริมาณถึง ๑๘,๖๐๐,๐๐๐ กิโลกรัม กว่า ๒ เท่าปริมาณสินค้าพริกไทยขาเข้าเมื่อ ค.ศ ๑๙๓๓ และเกือบ ๔ เท่า ค.ศ. ๑๙๓๒
เพียงปลายเดือนมกราคม พวกกวาดซื้อรู้สึกว่าเหลือกำลังจะทำให้ตลอดไปได้ แต่ได้หลอมตัวเข้าไปมาก ในตอนนั้นได้ซื้อพริกไทยเข้าไว้แล้วกว่า ๖๐๐๐ ตัน อังกฤษได้จ่ายเงินไปแล้วและเก็บไว้คอยขาย นอกจากนั้นยังจะต้องจ่ายเงินซื้อพริกไทยอีก ๗๐๐๐ ตัน ในต้นเดือนกุมภาพันธ์ และยังมีพริกไทยกำลังเดินทางทะเลอยู่อีก ๗๐๐๐ ตัน สองรายนี้จะต้องจ่ายเงินแล้วจึงจะล้มพริกไทยไปได้
การเปนดังนี้ พวกกวาดซื้อจะกวาดซื้อได้ก็แต่เมื่อแบ๊งก์ช่วยอุดหนุนเงิน แต่พวกแบ๊งก์รู้เรื่องก็ไม่อุดหนุน ในที่สุดศาลได้สั่งให้ชำระบัญชีบริษัทที่กวาดซื้อพริกไทยขาวเข้าไว้ ครั้นพวกเจ้าหนี้ไปประชุมกันก็ตกลงตั้งกรรมการชุดหนึ่ง ให้เป็นผู้ดูแลการผ่อนขายพริกไทยขาวที่กวาดซื้อเข้าไว้ และคิดให้ติดต่อไปถึงสินค้าพริกไทยที่จะมีไปใหม่ ๆ ด้วย พวกพ่อค้าพริกไทยเมืองขึ้นของฮอลันดาได้เข้าติดต่อร่วมคิดกับกรรมการนั้น
เรื่องนี้ได้นำขึ้นกล่าวกันในปาลิเม็นต์อังกฤษเสนาบดีกระทรวงพาณิชย์ได้ชี้แจงว่า วิธีซื้อขายชนิดที่ทำให้เกิดกาหลใหญ่โตเช่นนี้ รัฐบาลอังกฤษจะสืบสวนให้ถึงที่สุด เพราะเป็นภัยแก่การค้าขายอยู่มาก
ผู้อ่านของเรา คงจะเห็นตามเรื่องที่เล่ามานี้ว่า เหตุเช่นที่เกิดในตลาดพริกไทยในลอนดอนเมื่อปีกลายนั้น คงจะไม่เกิดบ่อย.