๑๒๙ ประกาศยกเลิกอากรตลาด ตั้งพิกัดภาษีเรือโรงร้านตึกแพ

ณวันเสาร์ เดือน ๘ แรม ๘ ค่ำปีมะเมียสัมฤทธิศก

มีพระบรมราชโองการมารพระบัณฑูรสุรสิงหนาท ให้ประกาศแก่พระราชวงศานุวงศ์ แลข้าทูลลอองธุลีพระบาทผู้ใหญ่ผู้น้อย ทั้งฝ่ายหน้าฝ่ายในอาณาประชาราษฎรทั้งปวงให้รู้จงทั่วกัน ด้วยมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมสั่งให้ท่านเสนาบดีว่า เปนธรรมเนียมแต่โบราณมาให้เรียกเปนค่าที่ แต่ผู้ที่ลูกค้านั่งเดินเที่ยวค้าขายของต่างๆ ในแผ่นดินขึ้นแก่แผ่นดิน ได้ชื่อเรียกกันว่าเสียค่าเบิกตลาดนั้น มาจับจ่ายใช้การบ้านเมืองทุกปีมาแต่ก่อนตามเคย แต่กาลบัดนี้ราษฎรที่ทุนรอนน้อยต้องเสียค่าตลาดแรงนัก เพราะกำนันตลาดมีทุกบ้านทุกเมือง ราษฎรลูกค้าเร่ค้าขายถึงบ้านใดเมืองใด ก็เรียกค่าตลาดตลอดมาทุกบ้านทุกเมือง ทรงพระมหากรุณาสงสารแก่ราษฎรที่มีทุนรอนน้อย จะใคร่ให้เลิกการเก็บตลาดเล็กน้อย แต่ราษฎรที่ขายของซึ่งทำขึ้นแล้วหามาแล้ว เมื่อขายไม่หมดจะทิ้งเหน้าบูติเหี่ยวแห้งไปเสียต้องขาดทุนเปล่า เพราะของเก็บไว้นานไม่ได้ทั้งปวงนั้นเสีย จะคิดผ่อนผันฉันใดจะดี จะให้ราษฎรที่ยากจนต้องเสียเงินอากรแต่น้อย ให้ท่านเสนาบดีปฤกษาหาฤๅกัน ท่านเสนาบดีปฤกษาพร้อมกันให้เลิกอากรตลาดนั้นเสียเปลี่ยนเรียกเปนภาษีที่ซื้อขาย เพราะเห็นว่าผู้ที่มีทรัพย์ตั้งโรงร้านไว้ ใส่สินค้าของตัวบ้างให้เช่าบ้างหาเรือไปบรรทุกสินค้าบ้างรับจ้างบ้าง มีผลประโยชน์มากไม่ต้องเสียค่าที่ จะให้เรียกภาษีเปนค่าที่แต่พวกเจ้าของโรงร้านเรือนเรือ ซึ่งเปนที่ขายแลให้เช่าทั้งปวงนั้นโดยสมควร แลจะยกเปิดราษฎรที่มีทุนรอนค้าขายเล็กน้อยในแผงลอยแลเร่ขาย แลเรือเร่ขายของราคาต่ำกว่าตำลึงลงมาทั้งปวงไม่ให้ต้องเสียเงินอากรเลย แลราษฎรที่มีทุนรอนมากจะบรรทุกสินค้าใหญ่ๆ มากๆ ราคากว่าตำลึงขึ้นไปเข้ามาขาย โดยคงจะต้องเสียอากรอยู่ ก็จะได้เสียเงินอากรแต่แห่งเดียว ไม่ต้องเสียซ้ำๆ เปนหลายแห่ง จึงให้หาตัวพระยาพิศาลศุภผล หลวงบริบูรณ์สุรากรผู้เข้าส่วนกับเขียนทำอากรตลาดกรุงเทพฯ เมืองนนทบุรี มาถามว่าจะโปรดเกล้า ฯ ให้เลิกอากรตลาด จะให้เรียกเปนภาษีที่ซื้อขายดังท่านเสนาบดีคิดกันนั้น พระยาพิศาลศุภผลหลวงบริบูรณ์สุรากรจะทำได้ฤๅมิได้ พระยาพิศาลศุภผลหลวงบริบูรณ์สุรากรรับใส่เกล้าใส่กระหม่อมว่า จะขอรับพระราชทานเรียกภาษีแต่เจ้าของที่ค่าจ้างค่าเช่าที่บ้านเรือนโรงร้านตึกแพที่ใส่บ่อนต่างๆ เจ้าของทำไว้ให้เช่าราคามากน้อยเท่าใดกำหนดเอาค่าเช่าเรียกภาษีตามราคาเช่า ๑๒ ชัก ๑ ให้ชักภาษีแต่ผู้เจ้าของที่ได้ค่าเช่า ฯ เรือใหญ่เรือน้อยเจ้าของเรือรับจ้างบรรทุกสินค้า ให้เช่าราคามากน้อยเท่าใด กำหนดเอาค่าจ้างค่าเช่าเรียกภาษีตามราคารับจ้างราคาให้เช่า ๑๒ ชัก ๑ ให้ชักเอาภาษีแต่ผู้เจ้าของที่ได้ค่าจ้างค่าเช่า ฯ ที่บ้านเรือนโรงร้านตึกแพ เจ้าของใส่สินค้าซึ่งซื้อมาแต่อื่นเปนของตัวไว้ขาย ให้เรียกเอาตามบ้านเรือนโรงร้านตึกแพ เท่ากันกับที่ผู้ให้เช่า แต่แพที่ซื้อสินค้ามาไว้ขายนั้นไม่เสมอกัน ใหญ่บ้างเล็กบ้าง ให้เรียกตามแพใหญ่เล็ก ตั้งแต่แพละ ๒ ตำลึงลงมา เรียกภาษีค่าที่ ๑๒ ชัก ๑ ให้ชักเอาแต่ผู้เจ้าของ ฯ เรือใหญ่เรือน้อยเจ้าของเรือบรรทุกสินค้าของตัวไว้ขาย ให้เรียกเอาเท่ากันกับเรือที่บรรทุกรับจ้าง เรือที่ให้เช่าบรรทุกสินค้าเรียกภาษี ๑๒ ชัก ๑ ให้ชักเอาแก่ผู้เจ้าของเรือเท่าราคาเช่าเที่ยวหนึ่งศอกละสลึงลงมา ฯ เข้าในนาของในสวนในไร่ เปนสินค้าของตัวเจ้าของเอามาใส่ไว้ในที่บ้านเรือนโรงร้านตึกแพของตัวเอาไว้เพื่อจะใช้กินแลเหลือกินอยู่บ้าง จะซื้อขายก็ได้นั้น เพราะด้วยมิได้ซื้อหามาไว้เพื่อประโยชน์ จะเปนสินค้าขายให้แก่ผู้อื่นเอากำไรอีกต่อหนึ่ง ฤๅจะซื้อไว้บรรทุกเรือของตัวที่จะไปค้าต่างๆ ประเทศก็ไม่ต้องเสียภาษีที่ไว้ จะต้องเสียแต่ภาษีปากเรือขาออกตามธรรมเนียม ถ้าซื้อไว้เพื่อประโยชน์เอากำไรอีกต่อหนึ่ง จึงต้องเสียภาษี โรงเรือนตึกที่ใส่ของนั้น ฯ แลที่บ้านเรือนโรงร้านตึกแพเจ้าของทำไว้สำหรับให้เช่า ลูกค้าไม่ได้เช่าเจ้าของไม่ได้ใส่สินค้าไม่ต้องเสียภาษี เรือเที่ยวซื้อขาย ถ้ามีสินค้าอยู่ในลำเรือนั้น ราคาสินค้าตั้งแต่ตำลึงลงมาไม่ต้องเสียภาษี

อนึ่งเลขไพร่หลวงที่ได้รับพระราชทานตราภูม แต่ก่อนได้ทรงพระกรุณาโปรดให้ยกอากรตลาดสมพักสรค่าน้ำสามประการให้แก่ไพร่หลวง มีกำหนดในตราภูมคนละ ๘ บาทบ้าง ๗ บาทบ้าง ๖ บาทบ้าง ๕ บาทบ้าง ๔ บาทบ้างต่างๆ กันตามหมู่ตามกรม ซึ่งมีราชการหนักแรงเบาแรงต่างๆ ครั้นบัดนี้โปรดให้เลิกอากรเสีย เลขไพร่หลวงสังกัดพันที่เคยเสียค่าตลาดแลไม่เคยเสียค่าตลาดก็ลงเปนไม่ต้องเสียเสมอกัน แต่ตราภูมของเลขไพร่หลวงนั้นคุ้มภาษีอื่นๆ ก็ไม่ได้ เพราะไพร่หลวงต้องเสียภาษีอื่นๆ เหมือนคนทั้งปวงอยู่ เมื่อเปนดังนี้คำว่าตราภูมคุ้มค่าตลาด ก็เปนขาดประโยชน์ไม่ต้องการไป ครั้งนี้โปรดตั้งภาษีที่บ้านเรือนโรงร้านตึกแพเรือขึ้นใหม่ แล้วจึงทรงพระมหากรุณาโปรดให้ยกลดส่วนภาษีรายนี้ พระราชทานให้แก่ไพร่หลวงตามกำหนดในตราภูมที่เคยคุ้มตลาดมาแต่ก่อนแทนเข้า ถ้าเจ้าภาษีไปเรียกภาษี ถ้าไพร่หลวงเปนเจ้าของเรือนโรงร้านตึกแพซึ่งจะต้องเสียภาษีรายนี้ แล้วก็ให้ไพร่หลวงเชิญตราภูมมาให้เจ้าภาษีดู ในตราภูมว่าคุ้มค่าตลาดได้เท่าใด ก็ให้ยกภาษีบ้านเรือนโรงร้านตึกแพเรือ ให้ตามในตราภูมกำหนดว่าคุ้มค่าตลาดนั้น ถ้าภาษีมากกว่าตราภูมที่คุ้มได้ ก็ให้คิดลดยกให้แก่ไพร่หลวงเสียแต่ตามกำหนด เงินเหลือเท่าใดให้เสียภาษีให้แก่เจ้าภาษีตามมากแลน้อย แลการซึ่งโปรดเกล้า ฯ ให้เลิกอากรตลาดเสียดังนี้ เพราะทรงพระมหาเมตตากรุณาแก่ราษฎรว่าต้องเสียตลาดมากๆ น้อยๆ ไม่เสมอกัน ถ้าเจ้าภาษีเรียกเอาภาษีเหลือเกินจากพิกัดที่ประกาศมานี้ ก็ให้มาร้องต่อพระยาราชภักดี พระยาพิพิธโภไคศวรรย์ เจ้าจำนวนพระคลังมหาสมบัติ ถ้าพระยาราชภักดี พระยาพิพิธโภไคศวรรย์ เจ้าจำนวนมิว่ากล่าวชำระให้ ฤๅตัดสินให้เรียกภาษีเหลือเกินไป ก็ให้ทำเรื่องราวขึ้นทูลเกล้า ฯ ถวายเปนความฎีกา จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตระลาการชำระ ถ้าได้ความจริงว่าเจ้าภาษีเรียกเหลือเกินจากพิกัดนี้ ก็จะปรับไหมแก่เจ้าภาษีตามมากแลน้อย แลทำโทษแก่ผู้ไปเก็บภาษีให้ตามสมควร

ประกาศมาณวันเสาร์ เดือนแปดบุรพาษาฒ แรมแปดค่ำ ปีมะเมียสัมฤทธิศกศักราช ๑๒๒๐ เปนวันที่ ๒๖๐๗ ในรัชกาลปัจจุบันนี้ ขุนสารประเสริฐ เปนผู้รับสั่ง

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ