สิบสาม เพื่อนบุณย์

เรื่องลงสุดท้าย ก็คือข้าพเจ้าคงอยู่กับบิดามารดาที่กรุงอุชเชนีสืบมา.

ดูก่อน ท่านอาคันตุกะ, อันกรุงซึ่งเกิดเป็นบ้านเกิดเมืองบิดรของข้าพเจ้านี้ ดั่งที่ชนทั่วไปย่อมทราบว่าเป็นกรุงมีชื่อเสียงตลบไปในชมพูทวีป ว่าสนุกสนานหาความบันเทิงได้ไม่มีที่เปรียบ ไม่น้อยไปกว่าความงามรุ่งเรืองของปราสาทราชมนเทียร และความงามสง่าผ่าเผยของเทวสถาน, และมีถนนหลวงกว้างใหญ่ เวลากลางวันได้ยินเสียงม้าร้องคะนองคึก และช้างสารโกญจนาทอยู่กึกก้อง ตกกลางคืนก็มีแต่เสียงพิณและเสียงร้องเพลงในหมู่นักเที่ยว สนุกเกรียวกราวอยู่ทั่วไป.

แต่บรรดาสิ่งที่ขึ้นชื่อฤๅชาในกรุงอุชเชนี ไม่มีอะไรจะวิเศษไปกว่าหมู่นางคณิกา มีตั้งแต่เป็นนางงามชั้นสูงอยู่ปราสาท ซึ่งเป็นผู้สร้างเทวสถาน สร้างวโนทยานสำหรับไว้เที่ยวเตร่, ที่ในห้องรับแขกจะมีจินตกวี นักละคร แขกเมืองคนสำคัญ บางทีก็มีเจ้านายไปเยี่ยมเยือน. นางเหล่านี้ตลอดจนชั้นเลวลงมา ล้วนสวยงามสมซวดทรง มีกิริยาท่าทางอ่อนช้อยยียวนใจหาที่เปรียบมิได้. ถึงคราวมีงานสมโภชครั้งใหญ่ ในคราวแห่แหนหรือมีการประกวด นางคณิกาเหล่านี้ จะเป็นอาภรณ์สำคัญประสมอยู่ในวิถีมรรคา ซึ่งประดับด้วยธงทิว เดียรดาษด้วยบุปผชาติกล่นเกลื่อนถนน, ล้วนสวมพัสตราภรณ์สีแดง ถือพวงมาลารำเพยกลิ่นหอมตลบอบอวน แพรวพรรณด้วยมณีรัตน์เครื่องประดับ. ดูก่อน ภราดา, ถ้าท่านได้เห็นแล้วซึ่งนางเหล่านี้ในขณะที่นั่งอยู่ หรือเคลื่อนคล้อยไปตามถนน ชม้อยชายตา ทำกิริยาหัวร่อต่อกระซิกแสนจะน่ารัก, นั่นคือโหมเพลิงความพึงใคร่ของผู้กำดัดรักให้เริงแรงยิ่งขึ้น.

นางเหล่านี้ พระราชาก็ประทานเกียรติยศ ประชาชนก็บูชา จินตกวีก็กล่าวขวัญเป็นบทเพลงเยินยอ, จึ่งเป็นการสมควรแล้ว ที่จะขนานนามว่า “มงกุฎดอกไม้หลายสีของกรุงอุชเชนีที่สถิตเหนือฐานศิลา,” กระทำให้แคว้นใกล้เมืองเคียงต่างๆ อิจฉากรุงอุชเชนีเป็นกำลัง. นางงามเหล่านี้ บางคนที่เลือกสรรแล้ว เคยรับเชิญเป็นแขกเมืองไปเยี่ยมแดนต่างๆ ก็บ่อยๆ ถึงกับเกิดเหตุในบางครั้ง ที่ต้องมีพระโองการสั่งให้กลับมา.

สำหรับผู้ที่จะให้ลืมความโทมนัสแสนสาหัส ที่เผาผลาญดวงใจอย่างเช่นข้าพเจ้านี้ เมื่อมีนางงามนำถ้วยทองอันเต็มปริ่มด้วยสุธารสความบันเทิง มาฉอเลาะรออยู่ที่ริมฝีปากแล้ว ไฉนจะไม่ดื่มโดยยินดีเล่า? อาศัยที่ข้าพเจ้ามีปฏิภาณทันใจ มีความรู้ในศิลปวิทยา รู้จักการเล่นอันสมควรแก่การสมาคมทุกอย่าง นางคณิกาที่ลือชื่อจึ่งต้อนรับข้าพเจ้าเป็นแขกพิเศษ. นางคนหนึ่งหลงใหลรักใคร่ข้าพเจ้ามาก เลยหยิ่งถึงทะเลาะกับเจ้านายองค์หนึ่ง เพราะเรื่องข้าพเจ้า. และเพราะได้เรียนรู้ภาษามารยาทโจรมาแล้วเป็นอย่างดี ข้าพเจ้าจึงคบหาสมาคมกับนางคณิกาชั้นต่ำด้วยอีกพวกหนึ่ง ถึงแม้ว่า ความเป็นไปของพวกชั้นนี้จะเป็นชนิดที่เลวทราม ข้าพเจ้าก็ตีตนสนิทมิได้รังเกียจ, จนนางพวกเหล่านั้น มีหลายคนที่ภักดีต่อข้าพเจ้าอย่างสุดชีวิตจิตใจ.

ดูก่อน ท่านอาคันตุกะ, ข้าพเจ้าเปลี่ยนความประพฤติไปหมกมุ่นอยู่ด้วยความสนุกอย่างนี้ ที่ในเมืองข้าพเจ้าอย่างรวดเร็ว เท่ากับพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ เลยมีคำพูดติดปากชาวอุชเชนีว่า “รวดเร็วปานกามนิตหนุ่ม” ฉะนี้.

ในระวางเวลาที่เพลิดเพลินนี้ มีเหตุการณ์อย่างหนึ่งเกิดขึ้นอันแสดงให้เห็นว่า ความประพฤติชั่วช้าถึงปานนี้ก็ดี บางทีก็เป็นเหตุถึงกับให้เกิดโชคดีขึ้นได้, ซึ่งบุคคลที่หมกมุ่นอยู่ในโลกิยสุข อาจตัดสินลงไปให้เด็ดขาดไม่ได้ง่าย ว่าที่มีความเจริญสมบูรณ์อยู่ได้นั้น เป็นเพราะความชั่วหรือความดีที่มีอยู่ในตน.

ที่ข้าพเจ้ากล่าวมานี้ หมายความถึงพวกนางคณิกาชั้นต่ำที่ข้าพเจ้าคบค้าอยู่ด้วย ซึ่งกลายเป็นการให้คุณเป็นประโยชน์แก่ข้าพเจ้าอย่างใหญ่หลวง. กล่าวคือ วันหนึ่งมีขโมยขึ้นบ้านบิดาข้าพเจ้า แล้วก็ลักเอาแก้วแหวนเงินทองไปเสียสิ้น โดยมากเป็นของคนอื่นมอบมาไว้ให้ตีราคา คิดเป็นทรัพย์รวมทั้งหมดมากมาย บิดาข้าพเจ้าเหลือความสามารถจะใช้แก่เจ้าของได้ ข้าพเจ้าเป็นทุกข์แสนวิตก เพราะเห็นหายนะมาสู่อยู่แล้วฉะเพาะหน้า. ได้ใช้สติปัญญาความสามารถที่ได้ไว้ครั้งอยู่ในป่า ก็ไม่ได้ผลอย่างไร. ลักษณะอาการผู้ร้ายที่เข้ามาลักเจาะเป็นอุโมงค์เข้ามา ซึ่งข้าพเจ้าอาจบอกได้ทันทีว่าเป็นโจรชนิดไร. แต่ถึงจะได้ความรู้เป็นเค้าอย่างนี้ก็ดี ก็เป็นประโยชน์แก่ตำรวจไม่ได้เลย. เพราะตำรวจในกรุงอุชเชนี ไม่เป็นพวกที่นางคณิการักใคร่นัก เพราะทั้งสองมีความในใจกินนัยกันอยู่ ด้วยพวกนางคณิกาย่อมติดต่ออยู่กับพวกเหล่าร้าย ไฉนจะชอบพอกับพวกตำรวจได้.

อาศัยด้วยพวกนางคณิกาเหล่านี้รักใคร่ชอบพอกับข้าพเจ้า ได้เห็นข้าพเจ้าเป็นทุกข์เป็นร้อนถึงหายนะที่จะมาถึง, ช่วยเอาใจใส่สืบสวนจนได้ตัวคนร้าย ข่มขู่มันต่างๆ จนมันยอมคืนของที่ลักเอาไปให้ทั้งหมด จะขาดไปบ้างก็เล็กน้อยที่มันเอาไปจำหน่ายขายใช้สอยเสียแล้ว, เป็นอันว่าไม่เสียหายไปมากมายอะไร แต่ก็ทำให้ข้าพเจ้าเป็นทุกข์ตกใจมาแล้วไม่น้อย. ต่อมาได้สติ: เห็นว่าความประพฤติเลอะเทอะอยู่นี้ ก็เท่ากับพล่าความเป็นหนุ่มที่ยังมีอยู่บริบูรณ์ ให้หมดเปลืองไปโดยใช่เหตุ. นอกจากที่รู้สึกคิดเห็นอย่างนี้แล้ว ยังได้สติอีกอย่างหนึ่งว่า ได้ประพฤติสำมะเลเทเมาจนถึงขีดสุดแล้ว มันจะต้องติดตัวชั่วทรามจมลงไปจนแก้ไม่ไหว; หรือมิฉะนั้นก็ตรงกันข้าม คือ สนุกจนรู้สึกเบื่อเลิกไปเอง. ข้าพเจ้ารู้สึกได้ผลในประการหลัง เพราะเหตุการณ์ที่ได้ประสพมาแล้วนี้ คือเห็นความวิบัติมาอยู่ฉะเพาะหน้า. ถ้าต้องยากจนลง ข้าพเจ้าผู้เคยสาละวนอยู่แต่เรื่องความสนุก จะมีอะไรเป็นเครื่องต่อต้านได้เล่า มิเดือดร้อนแสนสาหัสหรือ. ถึงตรงนี้ ระลึกขึ้นได้ถึงถ้อยคำของพ่อค้า ที่กล่าวแก่ข้าพเจ้า ณ หลุมฝังศพของวาชศรพว่า ถ้าเขาเป็นผู้ที่ท่านวาชศรพโปรดปรานเหมือนข้าพเจ้าแล้ว, ในสองสามปีเท่านั้น เขาควรจะเป็นคนมั่งมีที่สุดในกรุงโกสัมพี.

ข้าพเจ้าก็ตั้งใจอยู่แล้วว่า จะให้เป็นคนมั่งมีที่สุดในกรุงอุชเชนี เพื่อให้เป็นไปตามความตั้งใจ จึ่งมุ่งไปในทางนำสินค้าบรรทุกเกวียนไปขายจนสุดกำลังความสามารถ. และก็ได้ดำเนิรการตามที่ตั้งใจไว้. วาชศรพผู้เป็นสหายและอาจารย์ของข้าพเจ้า มีสำนักอยู่ในโลกอื่นแล้ว จะได้มาช่วยกิจการค้าด้วยหรือไม่ ข้าพเจ้าไม่กล้ารับรอง. แต่ก็มีบางคราว ที่ข้าพเจ้าเชื่อว่าได้ลงมาช่วยเหลือ เพราะการได้เป็นไปสมกับที่วาชศรพได้พูดไว้. ที่วาชศรพสอนวิชชาและขนบธรรมเนียมของพวกโจรต่างๆ ให้ข้าพเจ้าทราบ ซ้ำตนเองก็ได้เคยไปร่วมพิธีอันลี้ลับของมัน เป็นเหตุให้ข้าพเจ้าประกอบการค้าได้ตลอดปลอดโปร่งปราศจากภัยอันตราย, ซึ่งถ้าเป็นคนอื่น ผิดจากตัวข้าพเจ้าแล้ว น่ากลัวจะไม่จำเริญอย่างข้าพเจ้า.

เมื่อข้าพเจ้าคุมกองเกวียนกระบวนใหญ่ไปค้ายังเมืองใด หนทางไปตั้งเดือน และไปในทางที่มีโจรผู้ร้ายชุกชุม พ่อค้าคนอื่นไม่กล้าไป, แต่ข้าพเจ้าไปได้ตลอดรอดฝั่ง ค้าขายได้กำไรงามตั้งสิบเท่าในเมืองนั้น เพราะมีผู้ต้องการซึ้อมาก ด้วยขาดแคลนของที่ต้องการมานาน ไม่มีใครกล้านำเอาไปขายโดยกลัวถูกตีชิงเป็นอันตราย. มิใช่แต่เท่านี้ ข้าพเจ้าได้รับความรู้จากสหายข้าพเจ้า ถึงเรื่องดูลักษณะและอุปนิสัยใจคอของราชการ ตั้งแต่ชั้นสูงตลอดลงมาจนชั้นต่ำ ที่ควรให้กำนัลหรือไม่ให้เพียงไหน จึ่งจะเป็นประโยชน์แก่ข้าพเจ้า, เป็นอันว่าข้าพเจ้าได้ประโยชน์เป็นกำไรเพียงในระยะสองสามปีโดยใช้ความรู้ที่ได้รับไว้เป็นอย่างดี ทำความมั่งมีให้เกิดขึ้นแก่ข้าพเจ้าพอดูอยู่

การได้เป็นไปอย่างนี้ล่วงมาได้หลายปี. ระวางเวลาเหล่านั้น ข้าพเจ้าแสวงความสนุกต่างๆ ที่ในกรุงอันเป็นที่รักของข้าพเจ้าบ้าง, ไปค้าต่างเมืองฝ่าอุปสรรคเผชิญภัยบ้าง: ผลัดเปลี่ยนเวียนกันไปอย่างนี้ นับว่ามีทั้งสบายและลำบาก. เมื่อไปถึงเมืองใด ข้าพเจ้าก็ไปอยู่กับนางคณิกาในเมืองนั้น โดยปกตินางงามในกรุงอุชเชนีเป็นผู้แนะนำให้ นางคณิกาที่ต้อนรับข้าพเจ้า ไม่ใช่จะเป็นเจ้าบ้านสำหรับต้อนรับอย่างเดียว ยังช่วยเหลือในกิจการเป็นผลดีก็บ่อยครั้ง.

ความเป็นไปของข้าพเจ้าดังนี้ จนอยู่มาวันหนึ่ง บิดาข้าพเจ้าเข้ามาหา.

ขณะนั้น ข้าพเจ้ากำลังสาละวนเอาครั่งทาริมฝีปาก ช้าๆนานๆก็ตะโกนไปทางหน้าต่าง สั่งการแก่คนใช้ ซึ่งกำลังจูงม้าไปผูกอานอยู่ที่ลานหน้าบ้าน; ที่ต้องสั่งกำชับกำชา เพราะต้องการให้เอาเบาะอันอ่อนนุ่มผูกทับอานม้าเป็นพิเศษ สำหรับให้แม่ตางามดั่งตากวางของข้าพเจ้าขี่ เพราะได้นัดกับเพื่อนฝูงทั้งหญิงชายไว้ ว่าจะออกไปเที่ยวที่อุทยานในบ่ายวันนั้น.

เมื่อบิดาข้าพเจ้ามา ข้าพเจ้าเคารพรับ และตะโกนเรียกคนใช้ให้จัดหาเครื่องดื่ม; แต่ท่านห้ามไว้. ข้าพเจ้าหยิบสีเสียดอบอย่างหอมจากหีบทองส่งให้. ท่านปฏิเสธ คงเคี้ยวแต่หมาก. ข้าพเจ้าจึ่งเดาเอาว่า ที่เข้ามาคราวนี้ คงจะพูดเรื่องสำคัญอะไรสักอย่างหนึ่ง ทำให้รู้สึกไม่สู้สบายใจเลย.

ข้าพเจ้ายกม้าให้ท่านนั่งแล้ว; ท่านเริ่มพูดว่า “นี่กำลังเตรียมกันจะไปเที่ยวซิ? ลูกเอ๋ย! เรื่องนี้พ่อไม่ติเตียนดอก เพราะเจ้าพึ่งกลับมาจากค้าขายทางไกล ได้รับความเหนื่อยลำบากมามากแล้ว ก็เป็นธรรมดาต้องหาความสนุกสบายบ้าง นี่วันนี้จะไปเที่ยวที่ไหน?”

ข้าพเจ้าตอบว่า “ลูกตั้งใจจะขี่ม้าไปเที่ยวกับเพื่อนฝูงทั้งหญิงและชาย ไปที่ 'สวนบัวร้อยสระ' แล้วเล่นกีฬาหาความรื่นเริงให้สำราญบ้าง.”

บิดา: “ก็ดีแล้ว ที่สวนบัวร้อยสระ เวลาบ่ายสบายมาก, ต้นไม้บังแดดร่มรื่นเย็นด้วยละอองน้ำ น่าเที่ยวเตร่. ที่จะเล่นกีฬาก็เป็นการดี เพราะเท่ากับฝึกซ้อมกายใจให้สบาย. เดี๋ยวนี้การกีฬาที่เขานิยมกัน ยังเหมือนครั้งเมื่อพ่อยังหนุ่มเขานิยมกันหรือเปล่า?”

ข้าพเจ้า: “การเล่น แล้วแต่ใครจะแนะนำขึ้น ถ้าดีก็พร้อมใจเล่นกีฬาอย่างนั้น คราวนี้ นิมี แนะนำให้เล่นกีฬาสาดน้ำ”

บิดา: “พ่อไม่รู้จัก”

ข้าพเจ้า: “เห็นจะทราบไม่ได้, เพราะนิมีไปได้ความรู้จากเมืองใต้ ซึ่งเขานิยมกันที่นั่น. คือผู้เล่นเอาไม้ซางใส่น้ำ พ่นรดกัน. ถ้าใครเปียกน้ำมากกว่าเพื่อนก่อน, เป็นคนแพ้. เป็นการเล่นที่สนุกมาก. แต่โกลลีย์แนะนำให้เล่น “กระทุ่ม.”

บิดาสั่นศีรษะ บอกว่าไม่รู้จัก.

ข้าพเจ้าอธิบาย: “เป็นการเล่นที่เขากำลังนิยมอยู่เหมือนกัน. คือผู้เล่นในชั้นต้นแบ่งกันเป็นสองพวก เอากิ่งกระทุ่มที่มีดอกช่อสีเหลืองอร่ามดั่งทองเป็นอาวุธต่อสู้กัน. ถ้าข้างใดถูกเกสรดอกกระทุ่มติดตัวมากจนเหลืองพราวไป, ก็ถูกตัดสิ้นเป็นฝ่ายแพ้. ก็สนุกดีดอก, แต่ลูกจะแนะนำให้เล่นการเล่นแต่งงาน.”

บิดา: “นี่เป็นการเล่นของเก่าดีอยู่ ยินดีมาก, ออกจะเห็นว่า เจ้ามีความคิดความอ่านเหมือนอย่างที่เจ้าแนะนำ การเล่นชนิดนี้อยู่ขึ้นบ้าง. หลุดจากการเล่นชนิดนี้ อีกก้าวเดียว ก็ไม่เป็นของยากลำบากอะไรแล้ว.”

ถึงตรงนี้ท่านพูดขยักไว้ แสดงกิริยาเป็นเชิงว่าพอใจ แต่ว่าข้าพเจ้ารู้สึกอึดอัดกระไรๆ อยู่.

ท่านพูดต่อไป: “การเล่นที่พูดถึงเมื่อกี้นี้ทำให้พ่อจะปรารภถึงข้อที่มาหาเจ้าในวันนี้. ตัวเจ้าได้เดิรทางค้าขายก็หลายหนมาแล้ว จนเกิดมูนพูนผลในกิจการค้าขายใหญ่โตเพิ่มขึ้นจากเดิมหลายเท่า เป็นที่ขึ้นชื่อฦๅชาติดปากของใครๆ ในกรุงนี้อยู่แล้ว. อีกประการหนึ่ง เจ้าก็หาความสุขในความเป็นหนุ่มตามอำเภอใจมาช้านานแล้ว, ทรัพย์สมบัติก็สั่งสมไว้พอแก่ที่จะบำเรอบำรุงตระกูลได้เป็นปึกแผ่น: จึ่งเป็นการสมควรที่เจ้าจะตั้งหน้าหาทายาทสืบตระกูลต่อไป. เพื่อให้แผนการณ์ที่คิดไว้นี้สะดวกแก่เจ้า พ่อได้เลือกหาหญิงตระกูลมาเป็นภริยาเจ้าสำรองไว้แล้ว. หญิงคนนั้นเป็นธิดาคนเอื้อยของสญชัยพ่อค้าใหญ่ เพิ่งจะแตกเนื้อสาวในเร็วๆนี้ ดั่งนี้เจ้าจะเห็นได้ว่า เมียที่พ่อจัดหาให้ มีตระกูลสมชาติสมเชื้อกันดี; เพราะตระกูลของเขาก็มั่งมี มีคนนับหน้าถือตา, ญาติพี่น้องทั้งฝ่ายบิดามารดาของนางก็บริบูรณ์. รูปร่างงามหาตำหนิมิได้: ผมดำราวกับแมลงผึ้ง หน้าเปล่งปลั่งดั่งดวงจันทร์ เนตรประหนึ่งตากวาง จมูกแม้นดอกงา ฟันเทียบกับไข่มุก ริมฝีปากเพียงผลตำลึงสุก เสียงหวานปานนกโกกิลา ขาคือลำกล้วย เอวเหมาะเจาะ ไม่อวบเกิน เวลาย่างเดิรแคล่วคล่อง มีสง่าเสมอช้างทรง. เพราะฉะนั้น เจ้าจะหาทางตำหนิขัดข้องมิได้เลย.”

ที่จริงข้าพเจ้าจะตำหนิความงามตามที่จาระไนนี้ได้อย่างไร? แต่การชมโฉมนางงามยิ่งเป็นบทกลอนเลือกสรรแต่ที่ดีด้วยแล้ว รู้สึกออกจะเอือม ไม่ทราบว่าจะตื่นเต้นในความงามได้อย่างไร. อีกประการหนึ่งพิธีแต่งงาน จะต้องอยู่กับเจ้าสาวในห้องสามวันเต็มๆ ระวางนั้นห้ามกินของเผ็ดร้อน, ต้องนอนกับพื้น, ต้องให้ไฟในเตาติดอยู่เสมอ, ทั้งจะต้องรักษาความบริสุทธิ์ไว้อย่างมั่นคง อย่ามีราคีต่อกันแม้แต่เล็กน้อย: เหล่านี้ก็เบื่อแสนเบื่ออยู่แล้ว. แต่ที่เบื่อน้อยที่สุด กลับเป็นข้อหลัง คือข้าพเจ้าพอใจจะรักษาความบริสุทธิ์ของข้าพเจ้ามากกว่าอื่น.

ดูก่อน ภราดา, มีภริยาที่ไม่ทันจะรู้สึกรักใคร่ ก็ทำให้รักบ้านมิได้. เหลียวดูรอบห้องทั้งสี่ด้าน จะหาความสำราญเจริญใจสักนิดก็ไม่มี. เพราะฉะนั้นข้าพเจ้าเต็มใจออกเดิรทางไปค้ายังเมืองไกลยิ่งขึ้นกว่าแต่ก่อน. เมื่อกลับมาชั่วระวางเวลาอยู่ ก็หาทางให้ยุ่งเป็นธุระด้วยการค้าขาย ไม่ค่อยขลุกอยู่กับภริยาที่ได้กระทำการวิวาหะกันแล้ว. เรื่องเป็นอยู่ดั่งนี้ ความมั่งมีของข้าพเจ้ายิ่งทวีขึ้น. เพียงล่วงมาอีกสองสามปี ข้าพเจ้าเกือบได้ถึงแล้วซึ่งความมุ่งหมายใฝ่ฝัน คือเป็นคนมั่งมีที่สุดคนหนึ่ง ในกรุงอันเป็นบ้านเกิดเมืองนอน.

เมื่อมีความสุขอิ่มเอมด้วยทรัพย์ศฤงคารมากมายสมดั่งความมุ่งหมายแล้วฉะนี้, ความปรารถนาถัดไปในฐานที่เป็นคฤหบดี ก็คือมีบุตรธิดา ภริยาข้าพเจ้าในระวางเวลาที่กล่าวนี้ มีธิดาสองคนแล้ว นับว่ามีความสุขสบายพอตัว. ข้าพเจ้าซื้อที่แปลงใหญ่อยู่นอกเมือง สร้างเป็นอุทยานอันรื่นรมย์ สำหรับเที่ยวเล่นหาความสำราญ; ท่ามกลางปลูกคฤหาสน์ขนาดใหญ่ เสารับเพดานสำเร็จด้วยศิลาอ่อนทั้งหมด. อุทยานนี้นับว่าเป็นสถานที่พิศวงพึงดูอยู่ในกรุงอุชเชนีได้แห่งหนึ่ง; แม้แต่พระราชาธิบดีก็เคยเสด็จไปประพาสทอดพระเนตร.

ภายในอุทยานอันงดงามนี้ ข้าพเจ้าจัดให้มีการรื่นเริงเลี้ยงดูอย่างมโหฬาร. ข้าพเจ้าเริ่มจะนิยมอาหารการกินที่วิเศษยิ่งขึ้น: ไม่ว่าของสิ่งใด ถ้าต้องการ, ถึงจะนอกฤดูกาลที่จะได้ยากแสนเข็ญ, ก็ต้องจัดหามาจนได้ จะต้องเสียเงินทองซื้อมากมายสักเท่าไรไม่เสียดายเลย. เวลานั้น ร่างกายข้าพเจ้าไม่ผอมซีดเหมือนกับที่ครองตนเป็นนักบวชยาตราไปตามแนวป่า แต่โดดเดี่ยวอย่างที่เห็นอยู่เวลานี้: ครั้งนั้นยังอิ่มเอิบสมบูรณ์ดีอยู่ทุกอย่าง.

ดูก่อนท่านอาคันตุกะ. อาศัยการอุปโภคบริโภคล้วนประณีตเห็นปานนั้น จนมีคำติดปากชาวอุชเชนีว่า “อาหารเลี้ยงวิเศษเหมือนของกามนิต;” ด้วยประการฉะนี้.

๏ ๏ ๏

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ