ว่าด้วยลักษณกุมาร กุมารออกจากครรภ์ ฝังรกแห่งกุมาร กุมารอยู่ในเรือนเพลิง

พระคัมภีร์ปฐมจินดาผูก ๑ ปริเฉท ๓ ว่าด้วยลักษณะกุมารทั้งหลาย กุมารออกจากครรภ์ ฝังรกแห่งกุมาร กุมารอยู่ในเรือนเพลิง โดยสังเขป

ปุน จปรํ ลำดับนี้ พระอาจาริย์เจ้าจะกล่าวถึงกุมารแลกุมารีคลอดออกจากครรภ์มารดานั้นต่อไป ลักษณะเมื่อกุมารคลอดออกตั้งแต่วัน ๑ ไปจนถึงเดือน ๑ เมื่อยังอยู่ในเรือนไฟ มารดามักบังเกิดเปนอันตรายต่างๆ ในเรือนไฟ ก็เปนด้วยโลหิตพิการต่างๆ คือโลหิตตีขึ้นเปนต้น คือให้นอนอังไฟไม่ได้เปนปริโยสาน ถ้าแลเปนดังกล่าวมานี้ ท่านห้ามว่าอย่าให้กุมารผู้นั้นกินนมเลย เพราะโทษน้ำนมนั้นดิบ อนึ่งโทษโลหิตกับน้ำนมน้ำเหลืองนั้นระคนกันเข้าอยู่ ครั้นให้กุมารกินเข้าไป ก็จะบังเกิดโรคต่างๆ ดุจดังกล่าวมานี้ เมื่อกุมารอยู่ในเรือนไฟนั้นให้เปนเขม่า ครั้นหล่นลงแล้วก็เข้าจับหัวใจแลทรวงอก จะทำให้สีปากแดงดุจดังสีชาดไปทาน้ำรักอันเปียก แลชาดนั้นก็จะดำเปนสีลูกหว้า แลทรางอันหล่นลงมาเข้าท้องนั้น ก็เข้าจับเอาหัวตับ ครั้นออกจากเรือนไฟได้ ๒ วัน ๓ วันก็ดี ได้เดือนหนึ่งสองเดือนก็ดี เขม่านั้นจึ่งหล่น ในเมื่อสิ้นเขม่าแล้วทรางจึ่งบังเกิดขึ้นเพราะเส้นเอ็นทั้ง ๓๐๗ เส้นเปนสายโลหิตแห่งมารดาอันรัดรวบกันอยู่ที่หัวนม กุมารบริโภคเข้าไปจึ่งเปนโรค แลสัตรีบางจำพวกหาอันตรายในเรือนไฟนั้นมิได้ หากว่าสายโลหิตนั้นวิปริตเอง ชื่อว่าเบ็ญจสัตรีมีตัวพยาธิกินอยู่เปนเจ้าเรือนแห่งตน คือกินอยู่ในหัวใจ ในตับ ในปอด ในนาภี แลทรวงนม กิมิชาติ์ทั้ง ๕ จำพวกนี้ ย่อมกระทำให้อกแห้ง มีตัวดังตัวด้วงปากนั้นดำแหลม ตัวนั้นขาวสมมุติว่างานม กุมารทั้งหลายบริโภคนมดังนี้ จึ่งบังเกิดโรคพยาธิต่างๆ ให้แพทย์พึงรู้ดุจดังกล่าวมานี้เถิด

ปุน จปรํ ลำดับนี้พระอาจาริย์เจ้าจะกล่าวด้วยลักษณฝังรกกุมารนั้นสืบไป ถ้าสัตรีผู้ใดคลอดบุตร์แล้วได้ ๑ วัน ๒ วัน ๓ วันก็ดี ท่านห้ามว่ายังไม่ให้ฝังรกกุมารนั้น เพราะว่าพรายกุมภัณฑ์จะหอมกลิ่นแลจะมากิน ครั้นกินแล้วจะลามเข้าเอาตัวมารดา จะทำให้เปนอันตรายต่างๆ ต่อไป ท่านกำหนดไว้ให้ฝังรกนับตั้งแต่ได้ ๗ วันขึ้นไปจนถึงเดือน ๑ จึ่งให้ฝัง เมื่อจะฝังรกนั้น ท่านให้เอาแป้งหอมน้ำมันหอม เข้าตอกดอกไม้ กฤษณาจวงจันทน์ ธูปเทียนบูชา บวงสรวงแก่เทพยดาเดินหน แลบูชาพฤกษเทวดา ภุมิ์เทวดา แลเทวดาทั้งนี้ให้นมัสการเสียก่อนแล้วจึ่งฝังรก ตามตำราซึ่งท่านกล่าวไว้ดังนี้เถิด ถ้าแลบุคคลผู้ใดจะฝังรกกุมารในเดือน ๔ เดือน ๕ เดือน ๖ ทั้ง ๓ เดือนให้ฝังทิศหรดีกุมารนั้นจึ่งจะมีอำนาจ ท่านห้ามไม่ให้ฝังทิศทักษิณกุมารนั้นจะเปนอันตราย ถ้าแลบุคคลผู้ใดจะฝังรกกุมารในเดือน ๗ เดือน ๘ เดือน ๙ ทั้ง ๓ เดือนนี้ท่านให้ฝังทิศบูรพาแลพายัพ กุมารผู้นั้นจะดีมีความเจริญนัก ห้ามไม่ให้ฝังทิศอาคเณย์ แลหรดี กุมารนั้นจะเปนอันตราย ถ้าแลบุคคลผู้ใดจะฝังรกกุมารในเดือน ๑๐ เดือน ๑๑ เดือน ๑๒ ทั้ง ๓ เดือนนี้ ท่านให้ฝังทิศอิสาณแลทักษิณ กุมารนั้นจะได้เปนใหญ่กว่าคนทั้งหลาย ห้ามไม่ให้ฝังทิศพายัพ กุมารนั้นจะเปนอันตราย ถ้าแลบุคคลผู้ใดจะฝังรกกุมารในเดือนอ้าย เดือนยี่ เดือน ๓ ทั้ง ๓ เดือนนี้ ท่านให้ฝังทิศอาคเณย์แลประจิม กุมารนั้นจะอยู่ดีเปนศุขหาอันตรายมิได้ ห้ามไม่ให้ฝังทิศพายัพแลอิสาณ กุมารนั้นจะเปนอันตราย ถ้าแลบุคคลผู้ใดมิรู้ในคำภีร์ตำรานี้ แลไปฝังรกกุมารโดยทิศซึ่งท่านห้ามไว้นั้น อันตรายจะมีแก่มารดาแลทารกนั้นเปนอันเที่ยง

อปิจะ อนึ่งโสด ถ้าแลกุมารกุมารีผู้ใดคลอดจากครรภ์มารดา ถ้ารกนั้นเปนสังวาลย์พันตัวกุมารออกมา ๒ แล ๓ ๔ หรือ ๕ รอบก็ดี ท่านให้เอาย่างไฟไว้ให้แห้งกรอบ แล้วเอาไปบดโรยลงในเข้าให้กุมารนั้นกิน ไม่รู้อ้อนแลร้องไห้เลยทั้งหาอันตรายมิได้ แลปราศจากโรคทั้งปวงตราบเท่าใหญ่โต ทั้งจะมีบุญกว่าคนทั้งหลายด้วย

อปิจะ อนึ่งโสด ถ้าแลกุมารกุมารีผู้ใดรกพันฅอออกมาก็ดี พันตัวกลมออกมาก็ดี ท่านให้เอารกนั้นลงในหม้อทนน ๑๐๐๐ แล้วเอาเหล็กแทงกลางย่างไฟไว้ให้แห้ง แล้วจึงเอามาบดโรยลงในเข้าให้กุมารกิน กุมารผู้นั้นมิรู้ร้องให้เลย ทั้งจะมีปัญญากว้างขวางกว่าคนทั้งหลาย ทั้งรูปร่างกุมารนั้นจะงดงามด้วย ถ้าจะให้เปนเสน่ห์แก่กุมาร ให้เอาชันผนึกปากหม้อรกแล้วเอาไปฝังต้นไม้ใหญ่ ซึ่งอยู่กลางที่ตำบลคนเดินชุกชุม แล้วเอาสรรพหนามหมกไว้ให้คนทั้งหลายเห็น กุมารผู้นั้นจะเปนที่พิศวาสแก่คนทั้งหลาย เปนมหาเสน่ห์วิเศษนักอย่าสงไสยเลย

อปิจะ อนึ่งโสด ถ้าแลกุมารกุมารีผู้ใดรกพันฅอก็ดี ไม่พันฅอก็ดี ท่านให้ทำตามบุราณ ถ้าเปนหญิงจะให้เปนสิ่งอันใดก็ตามแต่ใจบิดามารดาจะปราถนา แล้วให้เอาสิ่งอันนั้นวางลงในหม้อรกกุมารนั้น แล้วเอาไปฝังไว้ตามทิศดังกล่าวแล้วแต่หลังนั้น อันว่ากุมารกุมารีที่บังเกิดมานั้น ก็จะประพฤติตามบิดามารดากระทำนั้น ถ้าแลกุมารนั้นเปนชายจะให้กล้าแขงรู้ในไตรเพทย์สิ่งใดสิ่งหนึ่งก็ดี ก็ให้ทำตามบิดามารดาปราถนา เอาสิ่งอันนั้นวางลงในหม้อรกแห่งกุมารผู้นั้นแล้ว เอาไปฝังไว้ตามทิศดังกล่าวมาแล้วแต่หลังนั้น อันว่ากุมารผู้นั้นก็จะประพฤติ์ตามที่บิดามารดากระทำนั้น ถ้าแลบุคคลผู้ใดจะฝังรกกุมารไปเบื้องน่านั้น ให้ฝังตามทิศดุจกล่าวมาแต่หลังนั้น เมื่อจะฝังให้เสกด้วยพระคาถานี้ ๓ คาบ เปนพระคาถาเสกน้ำ (อิเม กุมารา วสันติถาเน อัตถภวามิหํ อเนกชาติ สตสหัสเสสุ ตัต๎ถตัต๎ถมา ทลิท๎โทภวามิหํ) แล้วเอาน้ำที่เสกนั้นมารดหม้อรกในหลุม แล้วจึ่งสวดพระคาถานี้ ๓ คาบ (ภวตุสัพพมังคลํ รักขันตุสัพพเทวตา ส้พพพุทธา, สัพพธัมมา, สัพพสํฆา นุภาเวนะสทาโสตถีภวันตุเต) แล้วจึ่งเอาดินกลบลงเสีย จึ่งเอาต้นเอากิ่งไม้ที่มีอยู่ในตำราพรหมชาติตามชนม์พรรษากุมารเกิดนั้นปักลงไว้ปากหลุมรก แล้วจึ่งเสกน้ำรดไม้ที่ปักนั้นด้วยพระคาถานี้ ๓ คาบ (สันติ ปักขา อปัตนา สันติปาทาอวันชนา มาตาปิตา จะนิกขันตา ชาตเวทปฏิกกมะ สหัสเจ กะเตมัยหํ มหาปัชชลิโต สิขี โสฬัสะกริสามิ อุทกํ ปัตวายถา สิขี สัจเจนะเมสโมนัตถี เอสาเม สัจจปารมีติ) รดน้ำแล้วจึ่งให้สวดพระคาถานี้ ๓ คาบ (สัพพพุทธา นุภาเวนะ สัพพธัมมา สัพพสํฆา นุภาเวนะ พุทธ, ธัมมะ, สํฆะรตนํ ติณณํ รตนานํ อานุภาเวนะ จะตุราสีติสหัสสธัมมักขันธานุภาเวนะ ปิฏักกตยา นุภาเวนะ ชินสาวกา นุภาเวนะ สัพเพเตโรคา สัพเพเต ภยา สัพเพเตอันตรายา สัพเพเตอุปัททวา สัพเพเต ทุนนิมิตตา สัพเพเตอวมังคลา วินัสสันตุ อายุวัฑฒโก ธนะวัฑฒโก สิริวัฑฒโก ยสวัฑฒโก พลวัฑฒโก วัณณวัฑฒโก สุขวัฑฒโก โหตุ สัพพทา ทุกขโรคัพภยา เวราโสกา สัตตุจุปัททวา อเนกา อันตรายาปิ วินัสสันตุจเตชสา ชยสิทธิ ธนํ ลาภํ โสตถิภาคยํ สุขํ พลํ สิริอายุ จวณโณ จโภคํ วุฑฒิ จ ยสวา สตวัสา จ อายู จ ชีวสิทธิ ภวันตุเต) แล้วจึ่งกลับมา

อนึ่งเมื่อแต่งเครื่องบวงสรวงบูชาพระภูมิ์แล้วให้ออกชื่อพระภูมิ์ให้ต้องนามของพระภูมิ์ทั้งบิดามารดาของพระภูมิ์ด้วยดังนี้ บิดาพระภูมิ์ชื่อกายทัต มารดาพระภูมิ์ชื่อสันธาธิบดีเทวี อันว่าพระภูมิ์นั้นมีลักษณ ๕ ประการ มีนามต่างๆ ดังนี้ พระภูมิ์รักษาอยู่ในบ้านนั้นชื่อพระไชยมงคลพระองค์หนึ่ง พระภูมิ์รักษาอยู่ในสวนชื่อพระธรรมโหราพระองค์หนึ่ง พระภูมิ์รักษาอยู่ในวัดนั้นชื่อพระไวยทัตพระองค์หนึ่ง พระภูมิ์รักษาอยู่ในท้องนาแลโรงโคนั้น ชื่อพระเยาวแผ้วพระองค์หนึ่ง พระภูมิ์รักษาอยู่ในโรงบ่าวสาวนั้นชื่อพระสรรพคนธรรพ์พระองค์หนึ่ง นามพระภูมิ์เปน ๕ พระองค์ด้วยกันดังนี้ ถ้าบุคคลผู้ใดจะแต่งเครื่องบูชาแก่พระภูมิ์ ให้รู้จักลักษณรู้จักนามพระภูมิ์ทั้ง ๕ พระองค์นี้ ให้ออกชื่อให้ต้องพระนามของเธอ ๆ จึ่งจะรับเครื่องสการบูชาบวงสรวงของผู้นั้น

อปิจะ อนึ่งโสด ถ้าแลกูมารกุมารีผู้ใดเกิดวันอาทิตย์ กำเนิดแม่ซื้อกุมารผู้นั้นสถิตย์อยู่บนจอมปลวก ถ้าจะฝังรกให้ไปฝังที่จอมปลวกจึ่งจะดี ถ้ากุมารกุมารีผู้ใดเกิดวันจันทร์ กำเนิดแม่ซื้อกุมารผู้นั้นสถิตย์อยู่บ่อน้ำ ถ้าจะฝังรกให้ไปฝังที่บ่อน้ำจึ่งจะดี อนึ่งโสดถ้าแลกุมารกุมารีผู้ใดเกิดวันอังคาร กำเนิดแม่ซื้อกุมารผู้นั้นสถิตย์อยู่ศาลเทพารักษ์ ถ้าจะฝังรกให้ไปฝังที่ศาลเทพารักษ์จึ่งจะดี ถ้าแลกุมารกุมารีผู้ใดเกิดวันพุฒ กำเนิดแม่ซื้อกุมารผู้นั้นสถิตย์อยู่ที่ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ถ้าจะฝังรกให้ไปฝังที่ต้นพระศรีมหาโพธิ์จึ่งจะดี

ถ้าแลกุมารกุมารีผู้ใดเกิดวันพฤหัษบดี กำเนิดแม่ซื้อกุมารผู้นั้นสถิตย์อยู่ที่สระน้ำหรือบ่อน้ำใหญ่ ถ้าจะฝังรกให้ไปฝังที่สระน้ำแลบ่อน้ำใหญ่จึ่งจะดี ถ้าแลกุมารกุมารีผู้ใดเกิดวันสุกร์ กำเนิดแม่ซื้อกุมารผู้นั้นสถิตย์อยู่ที่ต้นไทรใหญ่ ถ้าจะฝังรกให้ฝังที่ต้นไทรใหญ่จึ่งจะดี ถ้าแลกุมารกุมารีผู้ใดเกิดวันเสาร์ กำเนิดแม่ซื้อกุมารผู้นั้นสถิตย์อยู่ที่ศาลพระภูมิ์ ถ้าจะฝังรกให้ไปฝังที่ศาลพระภูมิจึ่งจะดี ถ้าแลบุคคลผู้ใดจะฝังรกกุมารสืบไปเบื้องน่านั้น ให้ทำตามตำราซึ่งท่านกำหนดไว้ในคำภีร์ปฐมจินดา กุมารแลกุมารีจึ่งจะอยู่เย็นเปนศุขทุกประการ ดุจดังพระอาจาริย์เจ้าท่านกล่าวไว้นี้เถิด

อปิจะ อนึ่งโสด ถ้าแลกุมารกุมารีผู้ใดอยู่ในเรือนไฟ ตั้งแต่คลอดจากครรภ์มารดาได้ ๗ วันไปจนถึงเดือน ๑ ถ้าแลเปนไข้สิ่งใดๆ ก็ดี คือให้บิดตัวให้หลังร้อน ให้นอนสดุ้ง แลร้องไห้มิหยุด ให้ใหลหลงเพ้อมะเมอร้องไห้แลหัวเราะ ถ้าแลกุมารกุมารีผู้ใดมีอาการเปนดังกล่าวมานี้ ท่านว่ากุมารกุมารีผู้นั้นต้องแม่ซื้อแลแม่ซื้อนั้นหากหลอกหลอนเอง ถ้าจะแก้ท่านให้ทำบัตร์ ๔ มุมใบหนึ่ง กับเครื่องมัจฉมังสะทั้งปวงเหล้าเข้าแล้วให้บูชาด้วยพระคาถานี้ ๓ คาบ (ยโตหํ ภคินิ อริยายชาติ ยาชาโตนาภิชานามิสัญ์ จิจ์จปาณํ ชีวิตาโวโร เปตาเตนะ สัจ์เจนะโสต์ถิเตโหตุ โสต์ถิคัพ์ ภัส์ส) ครั้นจบแล้วจึ่งเอาบัตร์ไปวางบวงสรวงที่หลุมฝังรกนั้นจึ่งจะหาย ถ้ายังไม่หายท่านให้ทำยาทากระดูกสันหลังหวังจะให้กันสรรพตานทรางทั้งปวงไม่ให้ตั้งขึ้นได้ ขนานนี้ท่านให้เอาลูกจันทน์ หวายตะค้า ฝางเสน ยา ๓ สิ่งนี้ฝนด้วยน้ำมันงูเหลือมทาแก้สรรพตานทรางทั้งปวงหาย

อปิจะ อนึ่งโสด ถ้าแลกุมารกุมารีผู้ใดยังอยู่ในเรือนเพลิง แลให้กุมารกุมารีผู้นั้นท้องขึ้นมิรู้วายเลย แล้วให้หน้าเขียวให้มีอเย็นเท้าเย็น แลให้ตาช้อนดูสูงแล้วให้ชักเท้ากำมือกำ ถ้าแลกุมารกุมารีผู้ใดมีอาการเปนดังกล่าวมานี้ ท่านว่ากุมารกุมารีผู้นั้นต้องผีรกแห่งกุมารนั้นเอง ถ้าจะแก้ท่านให้ทำบัตร์กลมอันหนึ่ง เอาเข้าสารตกตีนครกตามแต่จะได้ตำเปนแป้ง จึ่งปั้นเปนอึ่งยางตัว ๑ รูปกบตัว ๑ ผักตบ ๗ ดอกกับมัจฉมังสาเหล้าเข้าใส่ในบัตร์กลม แล้วเอาไปเสีย่ให้ข้างตีนครกด้วยมนต์นี้ ๓ คาบ (โอมปัสสักโก อะกาส๎ระการะ ทะถาปายะปิมหาพิสมัยไตรยตรึงโอมมิด ๆ เมี้ยน ๆ สวาหะ) ถ้ายังไม่หายท่านให้ทำยานี้กินแลทาแก้ต่อไป ขนานนี้ท่านให้เอาเทียนดำ หิงคุยางโพ ขิงแห้ง เอาสิ่งละส่วน เทียนแดง ๒ ส่วน กระเทียม ๓ ส่วน ใบกะพังโหม ๘ ส่วน ยา ๖ สิ่งนี้ ทำเปนจุณบดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำร้อนกินบ้าง ทาท้องบ้าง ทากระดูกสันหลังบ้าง ทากระหม่อมบ้าง แลทาฝ่ามือแลฝ่าเท้าบ้าง ทารักแร้แลขาหนีบ น่องแลขาคู้บ้างหายดีนักได้เชื่อแล้ว

อปิจะ อนึ่งโสด ถ้ากุมารกุมารีผู้ใดเกิดปีชวด คือเทพดาผู้หญิง ไม้มิ่งนั้นคือไม้มะพร้าว

ถ้ากุมารกุมารีผู้ใดเกิดปีฉลู คือมนุษย์ผู้ชาย ไม้มิ่งนั้นคือไม้ตาล

ถ้าแลกุมารกุมารีผู้ใดเกิดปีขาล คือผีเสื้อผู้ชาย ไม้มิ่งนั้นคือไม้รัง

ถ้ากุมารกุมารีผู้ใดเกิดปีเถาะ คือมนุษย์ผู้หญิง ไม้มิ่งนั้นคือไม้งิ้ว

ถ้ากุมารกุมารีผู้ใดเกิดปีมะโรง คือเทพดาผู้ชาย ไม้มิ่งนั้นคือไม้กัลปพฤกษ์

ถ้ากุมารกุมารีผู้ใดเกิดปีมะเสง คือมะนุษย์ผู้ชาย ไม้มิ่งนั้นคือไม้โพบาย

ถ้ากุมารกุมารีผู้ใดเกิดปีมะเมีย คือเทพดาผู้หญิง ไม้มิ่งนั้น คือไม้กล้วย ต้นกล้วย

ถ้ากุมารกุมารีผู้ใดเกิดปีมะแม คือเทพดาผู้หญิง ไม้มิ่งนั้น คือไม้ทองหลาง

ถ้ากุมารกุมารีผู้ใดเกิดปีวอก คือผีเสื้อผู้ชาย ไม้มิ่งนั้นคือไม้ขนุน

ถ้ากุมารกุมารีผู้ใดเกิดปีระกา คือผีเสื้อผู้ชาย ไม้มิ่งนั้นคือไม้เวฬุ (ไม่ไผ่)

ถ้ากุมารกุมารีผู้ใดเกิดปีจอ คือผีเสื้อผู้หญิง ไม้มิ่งนั้นคือไม้บัวบก

ถ้ากุมารกุมารีผู้ใดเกิดปีกุน คือมนุษย์ผู้ชาย ไม้มิ่งนั้นคือบัวหลวง

ในถ้อยคำอันนี้ของพระมหาเถรเจ้าผู้ชื่อว่าตำแย ซึ่งเปนผู้ตกแต่งพระคำภีร์ประฐมจินดา พระคำภีร์ครรภรักษานี้ตั้งแต่กุมารปฏิสนธิในครรภ์มารดาได้ ๗ วันไปจนกำหนดคลอด กล่าวมาจนถึงกุมารอยู่ในเพลิงก็จบแต่เพียงนี้

พระอาจาริย์เจ้าท่านกล่าวไว้ว่า ถ้าแพทย์ผู้ใดก็ดีหมอตำแยแม่มดผู้ใดก็ดี แลจะถือครรภ์ให้กุมารคลอดไปเบื้องน่านั้น ให้บูชาบวงสรวงพระมหาเถรตำแยก่อน จึ่งประสิทธิทุกประการ

----------------------------

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ